13 สิงหาคม 2552 08:55 น.

แม่ยอมเสียแขนเพื่อลูก...

ลุงเอง

แม่ยอมเสียแขนเพื่อลูก...

เรื่องจริงจากโรงเรียนอัญสัมชัญ

แล้วจะกลั้นน้ำตาแทบไม่อยู่ ......
เรื่องนี้ต้องยกความดีความชอบให้กับ "มิสอุไรพร" ครูที่มีจิตวิทยาสูงในการสอนเด็ก
รักใดไหนเล่าเท่ารักแม่... วีรกรรมสุดยิ่งใหญ่ของแม่ที่ลูกทุกคนต้องอ่าน!

ตึกเซนต์หลุยส์มารี โรงเรียนอัสสัมชัญ แผนกประถม ราวกลางปี พ.ศ.2539
"มิสคะ ช่วงพักเที่ยงจะมีผู้ปกครองมารอพบสองท่านที่หน้าห้องรับรองค่ะ"

โทรศัพท์แจ้งจากห้องประชาสัมพันธ์ทำให้...
มิสอุไรพร นาคะเสถียร  ครูสาวประจำระดับชั้น ป.4 รู้สึกแปลกใจเล็กน้อย
เพราะจำได้ว่ามีการโทรนัดหมายจะมาพบจากคุณแม่ท่านหนึ่งเพียงท่านเดียวในวันนี้

เอ...ใครล่ะนี่ จะมีเรื่องอะไรรึเปล่านะ
เมื่อมิสอุไรพรเดินมาถึงหน้าห้องประชาสัมพันธ์
ครูสาวก็แทบยกมือรับไหว้จากสุภาพสตรีทั้งสองท่านไม่ทัน

หากก็รู้สึกแปลกใจที่เห็นคุณแม่ท่านหนึ่งยกมือไหว้แต่เพียงแขนข้างเดียว
อย่างไรก็ตาม มิสได้เชิญคุณแม่ท่านแรก เข้าไปคุยก่อนตามลำดับการนัด
โดยเก็บงำความแปลกใจไว้

หลังจากคุยกับคุณแม่ท่านแรกเสร็จมิสจึงเชิญคุณแม่อีกท่านเข้ามาคุยในห้องรับรอง
ภาพแรกที่ได้เห็นชัดๆทำให้ครูสาวตกใจเล็กน้อย  แขนซ้ายของคุณแม่เป็นแขนเทียม
คุณแม่มาปรึกษาเรื่องการเรียนของลูก  เพราะไม่ได้มาในวันนัดพบผู้ปกครองประจำปี

"ลูกเขาไม่อยากให้มา เขาว่าเขาอายที่แม่ใส่แขนเทียม
กลัวโดนเพื่อนล้อแม่มาทีเพื่อนก็ล้อกันประจำว่าแม่แขนเดียว
แม่เป็นหุ่นยนต์เหรอ อะไรนี่น่ะค่ะ เลยไม่ได้มา"

น้ำเสียงของคุณแม่แฝงแววเอ็นดูมากกว่าที่จะโกรธหรือไม่พอใจ
มิสอุไรพรขออนุญาตซักถามเกี่ยวกับสาเหตุที่คุณแม่ต้องใส่แขนเทียม

เมื่อได้ทราบความจริงทั้งหมดครูสาวก็ตัดสินใจแน่วแน่ว่าจะต้องจัดการ
เรื่องที่ลูกไม่ยอมรับและไม่เข้าใจแม่นี้โดยเร็ว  หากปล่อยเรื่องนี้ไป...
ก็จะเป็นบาปอันหนักยิ่งติดตัวเด็กไปในภายหน้า ทั้งตัวลูกชายและคนที่ล้อเพื่อนด้วย

ช่วงเย็นวันนั้นมีชั่วโมงลูกเสือแต่ฝนตกหนัก
มิสอุไรพรจึงได้โอกาสนำเรื่องนี้มาเล่าให้นักเรียนฟังในห้องเรียน  เรื่องราวที่ว่านั้น มีดังต่อไปนี้...


วันที่ 21 สิงหาคม พ.ศ.2536 หลังวันแม่เพียงไม่กี่วัน...
ครอบครัวหนึ่งได้เดินทางไปเที่ยวนากุ้งที่จังหวัดสตูล
ครอบครัวนี้ประกอบด้วยคุณพ่อ คุณแม่ และลูกชายอีกสามคน
พวกเขาเดินชมนากุ้งไปตามทางเดินซึ่งเป็นคันดิน
ท่ามกลางบรรยากาศสดชื่นของธรรมชาติ

โดยคุณพ่อเดินนำหน้ากับลูกชายคนโตสองคน
ส่วนคุณแม่เดินตามหลังมากับลูกชายคนเล็ก

ทางเดินที่เป็นคันดินนั้นมีการแบ่งเป็นท้องร่องเพื่อติดตั้งระหัดวิดน้ำ
ซึ่งมีใบพัดทำจากเหล็กสูงจากคันดินราว 25 ซม.

คุณพ่อและลูกคนโตสองคนก็ข้ามท้องร่องแล้วเดินนำต่อไปข้างหน้า
ไม่มีใครฉุกใจคิดระวังถึงเหตุร้าย

แต่แล้วลูกชายคนเล็กกลับก้าวพลาดล้มลงไปในท้องร่อง
ขากางเกงเข้าไปติดกับร่องของระหัดวิดน้ำที่กำลังหมุนอยู่
และฉุดขาของลูกทั้งสองข้างเข้าไปในใบพัดเหล็ก

"ถ้าเป็นพวกคุณ น้องตกลงไปอย่างนี้คุณจะทำอย่างไร"
  มิสหยุดเรื่องไว้ก่อนเพื่อซักถาม มองหน้าเด็กนักเรียนทั้งห้องที่นั่งเงียบกริบ หน้าซีด
  โดยเฉพาะ "ลูกชาย" ของคุณแม่ท่านนั้น

"ทุกคนตกตะลึงใช่มั้ย คิดไม่ทันใช่มั้ย
  แต่นักเรียนรู้มั้ยว่าคุณแม่ท่านตัดสินใจทำอย่างไร"
  คุณแม่ไม่ยอม เสียเวลาคิดอะไรเลย

ท่านรีบยึดดึงตัวลูกเอาไว้แล้วเอาแขนซ้ายที่ว่างอยู่เข้าไปขวางใบพัดเหล็กไว้ก่อน...
ใบพัดจึงหมุนเอาแขนของคุณแม่เข้าไป... คนงานที่เห็นเหตุการณ์รีบปิดเครื่องทันที

แต่แรงเฉื่อยทำให้ใบพัดยังหมุนต่อด้วยกำลังแรง...
แรงจนกระชากแขนซ้ายของคุณแม ่ขาดสะบั้นลง!

คุณแม่กรีดร้องด้วยความเจ็บปวดทรมานแสนสาหัสสติสัมปชัญญะดับวูบลงในทันที
ท้องร่องทั่วบริเวณแดงฉานไปด้วยเลือด... เลือดของแม่...
ใบพัดเหล็กยังหมุนต่อไปอีกเล็กน้อยและบดเอาขาทั้งสองข้างของลูกชายคนเล็ก

จนกระดูกหัก...แต่ไม่ขาด
ไม่ขาด...เพราะแขนซ้ายของแม่ขาดแทน...
ไม่ขาด...เพราะแม้จะไร้ซึ่งสติสัมปชัญญะ
มือขวาของคุณแม่ก็ยังยึดตัวลูกเอาไว้แน่น...ไม่ยอมปล่อย...

คุณพ่อและลูกคนโตทั้งสองคนหันกลับมามองตามเสียงตะโกนเอะอะโวยวายของคนงาน
พร้อมๆกับเสียงกรีดร้องของคุณแม่... ภาพที่เห็นทำให้พวกเขาช็อกจนแทบสิ้นสติ!

คุณพ่อกระโจนพรวดเดียวถึงตัวคุณแม่และลูกน้อย แต่...มันสายเกินไปแล้ว!
สิ่งเดียวที่ทำได้คือรีบพาสองแม่ลูกส่งโรงพยาบาลทันที
ผลของการรักษาคือคุณแม่ต้องใส่แขนเทียมแทนแขนซ้ายที่ขาดไป

ส่วนลูกคนเล็กที่ขาหักต้องอยู่โรงพยาบาลนานราวสามเดือนจึงสามารถเดินเหินได้เป็นปกติ
มิสอุไรพรกวาดสายตามองไปรอบๆห้องถามขึ้นอีกว่า

"นักเรียนคิดว่าคุณแม่ท่านนี้กล้าหาญมั้ยคะ?"

"กล้าหาญมาก"  เด็กๆพากันตอบเป็นเสียงเดียวกันพลางพยักหน้า
หลายๆคนยังหน้าซีดเซียว เมื่อนึกภาพเหตุการณ์ไปตามที่ครูเล่า
มิสมองหน้า "ลูกชาย" ของคุณแม่แล้วบอกต่อว่า...

"นักเรียนทราบมั้ยว่าคุณแม่ท่านนี้เป็นคุณแม่ของเพื่อนเราในห้องนี้เองไหน
 ใครเป็นลูกของคุณแม่ท่านนี้ยืนขึ้นให้เพื่อนเห็นหน่อยสิ"

เด็กนักเรียนคนนั้นยืนขึ้น ท่ามกลางเสียงปรบมือของเพื่อนทั้งห้อง

"วันนี้เมื่อคุณกลับไปบ้านมิสฝากเรียนคุณแม่ด้วยว่า
  พวกเราชื่นชมและยกย่องท่านมากจริงมั้ยพวกเรา"

"จริงครับๆ ใช่ครับๆ"  เสียงเล็กๆตอบมาเป็นทางเดียวกัน

"มิสได้ทราบมาว่ามีหลายๆคนไปล้อเลียนเพื่อน
  ไหนคนไหนบ้างคะที่เคยล้อคุณแม่เขา ถ้ามีเราเป็นลูกผู้ชายต้องกล้ารับค่ะ"

มีนักเรียน 3-4 คนยืนขึ้น สีหน้าของแต่ละคนซีดเซียวอย่างสำนึกผิด
มิสอุไรพรมองหน้าของเด็กกลุ่มนี้อย่างอ่อนโยน ถามว่า...

"ดีมากนักเรียน ตอนนี้คุณคงอยากพูดอะไรกับเพื่อนใช่มั้ยคะ"

เด็กชายกลุ่มนั้นเดินเข้าไปโอบกอดคอแล้ว กล่าวขอโทษเพื่อนด้วยความจริงใจ
ครูสาวน้ำตาคลอ ยืนมองภาพนั้นด้วยความปลาบปลื้มยินดีหนักใจอยู่เหมือนกันว่า
หากถามขึ้นมาแล้วไม่มีใครยอมรับว่าเคยล้อเพื่อน...จะทำอย่างไร?

เธอไม่เคยผิดหวังในตัวนักเรียนอัสสัมชัญและจนถึงเวลานี้ก็ยังคงไม่ผิดหวัง
ใครเล่า...จะเข้าใจความเจ็บช้ำขมขื่นในหัวใจเล็กๆของเด็กชายคนหนึ่ง
ที่ถูกเพื่อนล้อเลียนประสาเด็กโดยไม่ทันคิด

หากบัดนี้...ความรักของแม่และน้ำใจของเพื่อนได้สลายปมด้อยในใจ
ของเด็กคนนี้ลงจนสิ้นแล้ว เหลือเพียงความรักและภาคภูมิใจในตัวคุณแม่เท่านั้น


เมื่อหมดชั่วโมงเรียน  มิสอุไรพรได้เรียกตัว "ลูกชาย" เข้าไปคุยอีกครั้ง
"วันนี้เรามีอะไรในใจที่คิดว่าควรพูดกับคุณแม่มั้ยคะ"

เด็กคนนั้นนิ่งคิดไปชั่วครู่ก่อนจะตอบเสียงสั่นปนสะอื้นไห้ว่า
"ผม...ผมจะไปขอโทษคุณแม่แล้ว...แล้วบอกคุณแม่ว่า ผมรักคุณแม่ที่สุดในโลกเลยครับ"


รู้มั้ยน้ำนมหยดหนึ่งซึ่งไหลมาต้องใช้น้ำตาหยาดเหงื่อสักเท่าไหร่
บอกแม่เถอะนะ บอกทุกวัน ว่ารักท่านมากมาย
กอดแม่เถอะนะ ให้คุ้นเคย กอดเลยไม่ต้องอาย

ก่อนไม่มีแม่ให้กอด...

        โดยคุณ blueberrycake อา.3 ก.พ.2008 17:49				
9 สิงหาคม 2552 12:58 น.

แม่เบ็ดเสร็จ 27 แม่

ลุงเอง

แม่เบ็ดเสร็จ 27 แม่ 

@ แม่ ของลูก เรียกว่า แม่บังเกิดเกล้า 
@ แม่ ของขี้เมา เรียกว่า แม่โขง 
@ แม่ ของชาวพระโขนง เรียกว่า แม่นาก 
@ แม่ ของชายที่รัก เรียกว่า แม่ทูนหัว 
@ แม่ ของคุณตัว เรียกว่า แม่เล้า 
@ แม่ ของทหารเรา เรียกว่า แม่ทัพ 
@ แม่ ชอบทำกับข้าว เรียกว่า แม่ครัว 
@ แม่ ชอบก่อสร้างทั่วไป เรียกว่า แม่แบบ 
@ แม่ ด่าเจ็บแสบ เรียกว่า แม่ค้า 
@ แม่ สอนให้ศึกษา เรียกว่า แม่พิมพ์ 
@ แม่ เลี้ยงเราจนอิ่ม เรียกว่า แม่โพสพ 
@ แม่ น็อกศอกเข่าสลบ เรียกว่า แม่ไม้มวยไทย 
@ แม่ ทำเซอร์ไพรส์ เรียกว่า แม่เจ้าโว้ย 
@ แม่ ของนักเล่นแชร์ เรียกว่า แม่ชม้อย 
@ แม่ หาคู่ให้คนบ่อย เรียกว่า แม่สื่อแม่ชัก 
@ แม่ ช่วยลิเกเป็นหลัก เรียกว่า แม่ยก 
@ แม่ ของหญิงสามีตายตก เรียกว่า แม่ม่าย 
@ แม่ มีพลังดึงดูดมากมาย เรียกว่า แม่เหล็ก 
@ แม่ ของเรือเล็กใหญ่ เรียกว่า แม่ย่านาง 
@ แม่ ของหญิงตัวอย่าง เรียกว่า แม่ศรีเรือน 
@ แม่ หมอดีผีสะเทือน เรียกว่า แม่มด 
@ แม่ รับน้ำหนักได้ร้อยแปด เรียกว่า แม่พระธรณี 
@ แม่ จัดงานแล้วชอบชี้ เรียกว่า แม่ งาน 
@ แม่ไหลท่วมบ้าน เรียกว่า แม่น้ำ 
@ แม่ ทิ้งลูกให้ระกำ เรียกว่า แม่ของดาวพระศุกร์				
7 สิงหาคม 2552 09:43 น.

แม่..คือผู้ให้ ๒

ลุงเอง

เช้าวันหนึ่ง..ที่โรงพยาบาล...
 'ขอให้ชั้นดูหน้าลูกหน่อย..ได้มั๊ยคะ'
คุณแม่คนใหม่เอ่ยขึ้น..
 เมื่อห่อผ้าน้อย ๆ .....................อยู่ในอ้อมกอดเธอ เธอค่อย ๆ คลี่ผ้าที่ห่อออก..
เพื่อมองใบหน้าเล็ก ๆ .....................
 กรี๊ดดดด.....เธอกรีดร้อง
หมอต้องอุ้มเด็ก..ออกไปอย่างรวดเร็ว
 **เด็กทารกที่เกิดมา...ไม่มีใบหู**
 และแล้ว....กาลเวลาพิสูจน์ว่า.... การได้ยินของเจ้าหนู..ไม่มีปัญหา
 ปัญหา..มีเฉพาะสิ่งที่มองเห็นภายนอก คือ....ใบหูที่หายไป
 หลายครั้ง..ที่เจ้าหนูกลับจากโรงเรียน แล้ววิ่งมาบอกแม่
 เธอรู้ว่า..หัวใจลูกปวดร้าวแค่ไหน...
เจ้าหนูพูดโพล่งออกมา..อย่างน่าเศร้า
'พวกเด็กตัวโต ..พวกมันล้อผมว่า
..--ไอ้ตัวประหลาด--'
 จนกระทั่ง...................... เจ้าหนูเติบโตขึ้น..หล่อเหลา.. เป็นที่รักของเพื่อน ๆ..
เค้ามีพรสวรรค์ ในด้านอักษรศาสตร์.. วรรณคดี..และดนตรี..
เค้าอาจได้เป็นหัวหน้าชั้น
...
 แต่เพราะเจ้าสิ่งนั้น... ทำให้เค้า..ไม่อยากเจอใคร
 'ลูกต้องพบปะกับผู้คนบ้างนะลูก' แม่กล่าว..ด้วยความสงสารลูก
 พ่อของเด็กชาย.. ปรึกษากับหมอประจำครอบครัว
และได้รับข่าวดีจากหมอว่า...
'ผมสามารถปลูกถ่ายใบหูได้ครับ ถ้ามีผู้บริจาค..แต่ใครล่ะ..
จะเสียสละใบหู..เพื่อเด็กน้อยคนนี้' คุณหมอกล่าว
 จนกระทั่ง ......................2 ปีผ่านไป พ่อบอกกับลูกชาย..
'ลูกเตรียมตัวไปโรงพยาบาลนะ พ่อกับแม่..หาคนบริจาคใบหู
 ที่ลูกต้องการได้แล้ว...
แต่นี่เป็นความลับ'
 การผ่าตัด..สำเร็จด้วยดี และแล้ว...คนคนใหม่ก็เกิดขึ้น..
 ....เค้ากลายเป็น..ผู้มีพรสวรรค์...
เป็นอัจฉริยะในโรงเรียน...ในวิทยาลัย
จนเป็นที่กล่าวขานกัน..รุ่นต่อรุ่น
 ต่อมาได้แต่งงาน... และทำงาน.. เป็นข้าราชการในสถานทูต
 วันหนึ่ง.. ชายหนุ่มถามผู้เป็นพ่อว่า.
 'พ่อครับ.. ใครเป็นคนมอบใบหูให้ผมมา ใครช่างให้ผมได้มากมาย..
แต่ผมไม่เคยทำอะไร.. เพื่อเค้าได้เลยสักนิด'
 'พ่อไม่เชื่อว่า.. ลูกจะตอบแทนเค้าได้หมดหรอก..
เรื่องนี้.....................เป็นความลับ เราตกลงกันแล้ว'
พ่อตอบ..
 หลายปีผ่านไป....
มันยังคงเป็นความลับ
 และแล้ว..วันนึง..วันที่มืดมิดที่สุด.. ผ่านเข้ามา..ในชีวิตของลูกชาย
 แม่เค้าได้เสียชีวิตลง.
 เค้ายืนข้าง ๆ พ่อ... ใกล้หีบศพของแม่
 พ่อเรียกเค้า..
'มานี่สิลูก..มานั่งใกล้ ๆ นี่'
พ่อลูบผมแม่อย่างช้า ๆ..และนุ่มนวล
 ผมสีน้ำตาลแดง..ถูกเสยขึ้น จนมองเห็นใบหน้า..
ที่มองดูเหมือนคนนอนหลับ
 ...และแล้ว.. สิ่งที่ทำให้ลูกชาย..ถึงกับต้องตะลึง..
...ใบหูของแม่...หายไป!..
 แม่ไม่มีใบหู...
'นี่เป็นคำตอบ.. ที่ลูกอยากรู้มาตลอดชีวิต'...
พ่อกระซิบผ่านลูกชาย
 'แม่บอกพ่อว่า..เธอดีใจ...................... ที่ได้ทำอย่างนี้..ตั้งแต่วันผ่าตัด..
 แม่ไม่เคยตัดผมอีกเลย..
ไม่มีใคร..มองเห็นว่า.. เธอไม่สวยจริงมั๊ย?
- - - - - - - - - - - - - -
- - - - - - - -
 
จงจำไว้..
 
~สิ่งมีค่า.....................ที่แท้จริง~
ไม่ได้อยู่ที่..การมองเห็น.. หากแต่อยู่ที่..
~สิ่งที่เรา..มองไม่เห็น~
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
 
~ความรัก..ที่แท้จริง~
 
ไม่ได้อยู่ที่.. เราได้ทำอะไร.. แล้วมีคน..รับรู้..
 
หากแต่อยู่ที่.. สิ่งที่เรา..กระทำ..แล้วไม่มีใคร..รับรู้ ..
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
 
~ความรัก~
 
บางครั้ง.. ไม่จำเป็น.. ต้องพูดพร่ำเพรื่อ..
 
หากแต่อยู่ที่....การกระทำ.. ซึ่งเรา..อาจรับรู้..
 
เพียงแค่..ฝ่ายเดียว..

หมวดหมู่: ข้อคิดชีวิต ปรัชญา ศาสนา				
7 สิงหาคม 2552 09:33 น.

วัยรุ่นยุคใหม่คิดอย่างไรกับแม่

ลุงเอง

***** วัยรุ่นยุคใหม่คิดอย่างไรกับแม่ *****

     แม่คือผู้ให้กำเนิดชีวิตและอบรมเลี้ยงดูลูกจนเติบใหญ่  แม่จึงเป็นผู้ที่มีบทบาทสำคัญที่สุดในการสร้างและ
หล่อหลอมเยาวชนผู้เป็นอนาคตของชาติ  อย่างไรก็ตาม ความรักความเข้าใจ และความสัมพันธ์อันดีระหว่างแม่ลูก

     หลายคู่ต้องประสบปัญหาเมื่อลูกย่างเข้าสู่วัยรุ่นอันเป็นวัยแห่งการเปลี่ยนแปลงทั้งร่างกายและจิตใจ  เป็นวัยที่เริ่มผละ
จากอกแม่ไปเรียนรู้โลกกว้างภายนอก และด้วยสภาพสังคมยุคใหม่ที่เต็มไปด้วยสิ่งยั่วยุรอบด้านย่อมเป็นเหตุปัจจัยให้วัย
รุ่นมีโอกาสขัดแย้งกับแม่มากขึ้น  ประกอบกับความจำเป็นในการออกไปประกอบอาชีพนอกบ้านเพื่อหารายได้มาจุนเจือ
ครอบครัวของแม่ในปัจจุบันเป็นผลให้แม่ส่วนใหญ่สั่งสมความเครียดมาจากนอกบ้านเป็นทุนอยู่แล้ว สถานการณ์เช่นนี้ย่อม
เปราะบางและล่อแหลมต่อความสัมพันธ์ระหว่างแม่ลูก ซึ่งหากไม่ได้มีการทำความเข้าใจซึ่งกันและกันอย่างถูกต้องก็อาจ
นำไปสู่ปัญหาอื่นๆ ตามมาอีกมากมาย
         ในโอกาสวันแม่จะเวียนมาถึงในวันที่ 12 สิงหาคม นี้ ศูนย์วิจัยกรุงเทพโพลล์จึงได้ดำเนินการสำรวจ
ทัศนคติของวัยรุ่นที่มีต่อแม่  เพื่อเป็นภาพสะท้อนถึงความรู้สึกของลูกๆ วัยรุ่นให้ผู้เป็นแม่ทั้งหลายได้รับทราบ อันจะเป็น
แนวทางในการอบรมเลี้ยงดู และปรับปรุงความสัมพันธ์ระหว่างกันให้ดียิ่งขึ้นต่อไป
วัตถุประสงค์ของการสำรวจ  
         เพื่อทราบข้อมูลและความคิดเห็นของวัยรุ่นที่มีต่อแม่ ในประเด็นต่อไปนี้
         1.   ความสำคัญของแม่
         2.   ความลับที่วัยรุ่นไม่กล้าบอกแม่
         3.   สิ่งที่อยากให้แม่ปรับปรุงแก้ไข
         4.   สิ่งที่ตัวเองควรปรับปรุงแก้ไขเพื่อแม่
         5.   วิธีการแสดงความรักต่อแม่
ระเบียบวิธีการสำรวจ
         การสุ่มตัวอย่าง
         การสำรวจใช้วิธีสุ่มตัวอย่างวัยรุ่นอายุ 13-22 ปีที่อาศัยอยู่ในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล
         โดยใช้วิธีการสุ่มตัวอย่างแบบหลายขั้นตอน (Multi-Stage Sampling) โดยสุ่มเขตการปกครอง/
อำเภอ จากนั้นสุ่มถนน
         และประชากรเป้าหมายที่จะสัมภาษณ์  ได้ตัวอย่างทั้งสิ้นจำนวน 1,111 คน
         ความคลาดเคลื่อน (Margin of Error)
         ในการประมาณการขนาดตัวอย่างใช้ความคลาดเคลื่อน ฑ 3% ที่ระดับความเชื่อมั่น 95%
         วิธีเก็บรวบรวมข้อมูล
         การเก็บข้อมูลใช้แบบสอบถาม และสัมภาษณ์ความคิดเห็นของประชากรเป้าหมายที่สุ่มได้
             ระยะเวลาในการเก็บข้อมูล   :    8-9 สิงหาคม 2548
             วันที่เผยแพร่ผลการสำรวจ   :    11 สิงหาคม 2548  
             โดย  ศูนย์วิจัยกรุงเทพโพลล์  มหาวิทยาลัยกรุงเทพ   โทร. 0-2350-3500 ต่อ 1776      
http://research.bu.ac.th/poll/poll_list.php
                             สรุปผลการสำรวจ
         1. กลุ่มตัวอย่างที่สุ่มได้มีจำนวน 1,111 คน   เป็นชายร้อยละ 44.5   หญิงร้อยละ 55.5   มีอายุ
ระหว่าง 13-17 ปี ร้อยละ 46.3   และอายุ 18-22 ปี ร้อยละ 53.7    กำลังศึกษาอยู่ในชั้นมัธยมศึกษาและ
ปวช.ร้อยละ 50.0     ปวส./อนุปริญญาและปริญญาตรี ร้อยละ 47.3  และไม่ได้ศึกษาแล้ว ร้อยละ 2.7
         กลุ่มตัวอย่างอาศัยอยู่กับแม่ ร้อยละ 74.1  และไม่ได้อยู่กับแม่ ร้อยละ 25.9
         2. วัยรุ่นร้อยละ 96.8 ระบุว่าแม่คือบุคคลสำคัญที่สุดในชีวิต   ขณะที่ร้อยละ 1.8  ระบุว่าบุคคลที่สำคัญ
ที่สุดในชีวิตคือพ่อร้อยละ 0.9 ระบุว่าเป็นญาติผู้ใหญ่  และบุคคลอื่น อาทิ ครู เพื่อน ร้อยละ 0.5  
    
       3. วัยรุ่นร้อยละ 53.2 ระบุว่าไม่มีความลับใดที่ไม่กล้าบอกแม่  ในขณะที่วัยรุ่นอีกร้อยละ 46.8  ยอม
รับว่ามี โดยเป็นความลับเรื่องความรักและการคบเพื่อนต่างเพศมากที่สุด  ร้อยละ 45.8   รองลงมาคือเรื่องการ
เรียน ร้อยละ 23.5     การดื่มเหล้า สูบบุหรี่ ร้อยละ 15.0    การพนัน ร้อยละ 6.0      ปัญหาหนี้สิน ร้อย
ละ 5.6       ยาเสพติด ร้อยละ 2.5     และอื่น ๆ ร้อยละ 1.6
         4.  วัยรุ่นร้อยละ  23.8  บอกว่าไม่เคยทะเลาะหรือโต้เถียงกับแม่  ในขณะที่ร้อยละ 76.2  เคย
ทะเลาะและโต้เถียงกับแม่ โดยเรื่องที่เป็นเหตุให้ทะเลาะโต้เถียงกับแม่มากที่สุดคือเรื่องการใช้เงิน ร้อยละ
23.8   รองลงมาคือเรื่องเที่ยวเตร่ ร้อยละ 19.8  
         เรื่องภายในครอบครัว ร้อยละ 17.4      เรื่องการเรียน ร้อยละ 14.8      เรื่องการคบเพื่อน
ร้อยละ 10.5     เรื่อง การแต่งกาย ร้อยละ 7.2  
         เรื่องการเล่นเกมและใช้โทรศัพท์ ร้อยละ 3.9     เรื่องการพนันและยาเสพติด ร้อยละ 2.6      
         5. สำหรับสิ่งที่วัยรุ่นอยากให้แม่ปรับปรุงแก้ไขมากที่สุด คืออยากให้แม่บ่น ให้น้อยลง ร้อยละ 25.9  
รองลงมาคือให้เชื่อใจลูก ร้อยละ 18.4     เข้าใจลูกให้มากขึ้น ร้อยละ 16.7     มีเวลาให้ลูกมากขึ้น ร้อยละ
5.7     รักลูกให้เท่ากัน ร้อยละ 3.8    เลิกอบายมุข ร้อยละ 0.9   อื่น ๆ เช่น อย่าคิดมาก ร้อยละ 1.0  
โดยที่ลูกอีกร้อยละ 27.6 ระบุว่า แม่ของตนดีอยู่แล้วไม่ต้องปรับปรุง  
         6. ส่วนสิ่งที่วัยรุ่นคิดว่าตัวเองควรปรับปรุงแก้ไขเพื่อให้แม่มีความสุขนั้น อันดับแรกคือ ควรตั้งใจเรียนให้
มากขึ้น ร้อยละ 37.3  รองลงมาคือ เลิกเถียงแม่ ร้อยละ 26.7    ช่วยแม่ทำงาน ร้อยละ 10.4     เลิกใช้
เงินฟุ่มเฟือย ร้อยละ 9.3     เลิกเที่ยวเตร่และเสพอบายมุข ร้อยละ 8.8    เลิกคบเพื่อนที่ไม่ดี ร้อยละ
1.3     และอื่นๆ อีกร้อยละ 0.7   ในขณะที่ร้อยละ 5.5 ระบุว่าตัวเองดีอยู่แล้วไม่ต้องปรับปรุง
         7. เมื่อถามถึงวิธีการแสดงความรักต่อแม่ พบว่า การปฏิบัติตามคำสั่งสอนของแม่เป็นวิธีการแสดงความ
รักต่อแม่ที่วัยรุ่นนิยมใช้มากที่สุด (ร้อยละ 46.6)   รองลงมาได้แก่ กอดแม่/หอมแม่ (ร้อยละ 32.3)     ช่วยแม่
ทำงาน (ร้อยละ 31.5)    อยู่บ้านกับแม่ (ร้อยละ 24.6)     ให้พวงมาลัย/ดอกมะลิในวันแม่ (ร้อยละ
23.9)    ซื้อของให้แม่ (ร้อยละ 22.1)   บอกรักแม่ด้วยคำพูด (ร้อยละ 22.0)    พาแม่ไปเที่ยว (ร้อยละ
11.3)    ประดิษฐ์ของให้แม่ (ร้อยละ 5.7)    และอื่น ๆ (ร้อยละ 3.1)  
                             ตารางแสดงการประมวลผลข้อมูล
             ตารางที่ 1:  ข้อมูลประชากรศาสตร์
                                       จำนวน         ร้อยละ
เพศ :                    
                 ชาย                    494          44.5
                 หญิง                    617          55.5
อายุ :                    
                 13 — 17 ปี              514          46.3
                 18 — 22 ปี              597          53.7
การศึกษา                    
                 มัธยมศึกษา/ปวช.          555          50.0
                 ปวส./อนุปริญญา/ปริญญาตรี   525          47.3
                 ไม่ได้ศึกษาแล้ว             31          2.7
การอยู่อาศัย :                    
                อาศัยอยู่กับแม่              823          74.1
               ไม่ได้อาศัยอยู่กับแม่           288          25.9
                             ตารางที่ 2: บุคคลที่วัยรุ่นเห็นว่ามีความสำคัญที่สุดในชีวิต
          จำนวน          ร้อยละ
แม่          1076          96.8
พ่อ            20           1.8
ญาติผู้ใหญ่       10           0.9
อื่นๆ            5           0.5
รวม        1,111         100
                             ตารางที่ 3: ความลับที่วัยรุ่นไม่กล้าบอกแม่
                            จำนวน        ร้อยละ
ไม่มีความลับที่ไม่กล้าบอกแม่          591          53.2
มีความลับที่ไม่กล้าบอกแม่            520          46.8
รวม                         1,111         100
         ความลับที่ไม่กล้าบอกแม่  (ตอบได้มากกว่า 1 ข้อ)
                             จำนวน        ร้อยละ
ความรักและการคบเพื่อนต่างเพศ       312          45.8
การเรียน                        160          23.5
การดื่มเหล้า สูบบุหรี่                102          15.0
การพนัน                          39           6.0
ปัญหาหนี้สิน                        36           5.6
ยาเสพติด                         16           2.5
อื่น ๆ                            11           1.6
                             ตารางที่ 4: เรื่องที่เคยทะเลาะโต้เถียงกับแม่          
                             จำนวน        ร้อยละ
เคยทะเลาะโต้เถียงกับแม่            847          76.2
ไม่เคยทะเลาะโต้เถียงกับแม่          264          23.8
รวม                          1,111         100
         เรื่องที่เคยทะเลาะและโต้เถียงกับแม่  (ตอบได้มากกว่า 1 ข้อ)
                     จำนวน        ร้อยละ
การใช้เงิน              310          23.8
การเที่ยวเตร่            258          19.8
เรื่องในครอบครัว         226          17.4
การเรียน               192          14.8
การคบเพื่อน             137          10.5
การแต่งกาย              94           7.2
การเล่นเกมและใช้โทรศัพท์   51           3.9
การพนันและยาเสพติด       33           2.6
         ตารางที่ 5: สิ่งที่อยากให้แม่ปรับปรุงแก้ไข
                   จำนวน       ร้อยละ
บ่นให้น้อยลง           288          25.9
ให้เชื่อใจลูก           204          18.4
เข้าใจลูกให้มากขึ้น      185          16.7
มีเวลาให้ลูกมากขึ้น       63           5.7
รักลูกให้เท่ากัน          42           3.8
เลิกอบายมุข            10           0.9
อื่น ๆ เช่น อย่าคิดมาก    11           1.0
ดีอยู่แล้วไม่ต้องปรับปรุง   308          27.6
รวม               1,111         100
                             ตารางที่ 6: สิ่งที่คิดว่าตัวเองควรปรับปรุงแก้ไขเพื่อให้แม่มีความสุข
                        จำนวน       ร้อยละ
ตั้งใจเรียนให้มากขึ้น          414          37.3
เลิกเถียงแม่                297          26.7
ช่วยแม่ทำงาน               115          10.4
เลิกใช้เงินฟุ่มเฟือย           103           9.3
เลิกเที่ยวเตร่และเสพอบายมุข    98           8.8
เลิกคบเพื่อนที่ไม่ดี             14           1.3
อื่นๆ                        8           0.7
ดีอยู่แล้วไม่ต้องปรับปรุง         62           5.5
รวม                    1,111         100
                             ตารางที่ 7: วิธีการแสดงความรักต่อแม่   (ตอบได้มากกว่า 1 ข้อ)
                        จำนวน       ร้อยละ
ปฏิบัติตามคำสั่งสอนของแม่      518          46.6
กอดแม่/หอมแม่              359          32.3
ช่วยแม่ทำงาน               350          31.5
อยู่บ้านกับแม่                273          24.6
ให้พวงมาลัย/ดอกมะลิในวันแม่   265          23.9
ซื้อของให้แม่                245          22.1
บอกรักด้วยคำพูด             244          22.0
พาแม่ไปเที่ยว               126          11.3
ประดิษฐ์ของให้แม่             63           5.7
อื่น ๆ                      34           3.1
      --ศูนย์วิจัยกรุงเทพโพลล์--
-พห-				
7 สิงหาคม 2552 09:24 น.

มือของแม่

ลุงเอง

มือของแม่

ภาพหญิงชรา ที่เดินหาบขนมขายอยู่ริมถนน ทำให้ผมหยุดชะงักอยู่ชั่วขณะ
แม้ว่า แกจะเดินจากไปแล้ว แต่ภาพหญิงแก่ ที่ยกมือขึ้นปาดเหงื่อ เดินฝ่าเปลวแดดออกไปนั้นยังคงติดตรึงอยู่ในสายตาของผม จนยากที่จะสลัดออก
มือหยาบกร้านที่มีแต่เส้นเอ็นปูดโปนของหญิงแก่ ทำให้ ผมนึกถึง มือของผู้หญิงคนหนึ่ง....ผู้หญิงซึ่งทำทุกอย่างเพื่อลูกน้อยของตนได้โดยไม่หวังอะไร นอกจากรอยยิ้มของลูก

ผู้หญิงคนนั้น.... คือ แม่ของผมเอง

แม่เป็นแม่ค้า ที่หาบขนมขายอยู่ข้างถนน วันไหน ขายดี ก็มีเงิน พอจับจ่ายตามอัตภาพหากวันไหน ขายไม่ได้ ก็ต้องใช้เงินอย่างกระเบียดกระเสียร
แต่แม่ก็ไม่เคยยอมให้ผมรู้จักกับความหิวโหยอะไรที่อยากกิน แม่มักหามาให้ผมเสมอ ไม่ว่า ของสิ่งนั้น มันจะทำให้แม่ต้องอดสักกี่มื้อก็ตาม
เวลาที่ผมนั่งกินขนมอย่างเอร็ดอร่อย แม่มักจะมองดูเงียบ ๆ
ริมฝีปากของแม่ปรากฏรอยยิ้มน้อย ๆอย่างมีความสุข
ตอนนั้น ผม ไม่เคยสนใจเลย ว่า ขนมชิ้นเล็ก ราคาแพงที่แม่หามาให้นั้น
ต้องแลกมาด้วย หยาดเหงื่อของแม่กี่หยด ไม่เคยนึกสงสัยด้วยซ้ำ ว่า
หลังจากที่ผมกินขนมจนอิ่ม จะมีอะไรเหลือตกถึงท้องแม่ไหม ?

ผมรู้เพียงอย่างเดียวคือ แม่เป็น หญิงแก่ที่หาบขนมขาย

ยามใดที่มโนธรรม มาย้ำเตือนให้ผมคิดถึงความเหน็ดเหนื่อยของแม่
สัญชาตญาณแห่งการเอาตัวรอด ก็มักจะหลบเลี่ยงความรู้สึกผิดในใจด้วยการบอกว่าในเมื่อแม่เกิดผมมา มันก็เป็น หน้าที่ ของแม่ที่ต้องหาบขนมขาย เพื่อหาเลี้ยงผมถ้าไม่มีอะไรกิน ขนมที่เหลือจากการขายมันก็ช่วยให้แม่อิ่มได้นี่นา

สองมือของแม่ แตก ระแหง หยาบกร้าน เพราะกรำงานหนัก
มือที่หยิบจับ งานสารพัด ทั้งงานบ้าน งานครัว และงานเร่ขายของ
มือที่เหลาไม้กลัด เจียนใบตอง ห่อขนม แล้วจัดเรียงใส่ลังนึ่ง
มือที่จับพร้าผ่าฟืน ก่อไฟนึ่งขนม แต่เช้าตรู่มือที่จับไม้คาน หาบกระจาดหนักอึ้งไปเร่ขายขนมจากเพลาสายจนบ่ายคล้อยแล้วมือนั้นอีกนั่นแหล่ะ ที่คอยป้อนข้าวป้อนน้ำ คอยเช็ดเนื้อเช็ดตัวให้เมื่อลูกชายนอนซมเพราะพิษไข้

ยามเด็ก เมื่อผมมองมือของแม่ บางครั้งผมต้องแอบเมินหน้าหนีด้วยนึกรังเกียจ
มือแม่ มีแต่เส้นเอ็นปูดโปน หยาบ หนา เต็มไปด้วยริ้วรอยไม่น่ามอง
ผมไม่ชอบความรู้สึกยามที่มือสาก ๆ มาจับต้องผิวอ่อนบางของผมเลย

ความมีสติ ทำให้ผมไม่กล้าเอ่ยความรู้สึกนี้ออกมาให้แม่ได้ยิน แต่มันก็ปิดบังแม่ไม่ได้หรอก

ยามใดที่มือนั้นยื่นมาจับต้องดึงผมไปกอดไว้แนบอก
ยามนั้น ผมก็มักจะเบี่ยงตัวหนีด้วยความรู้สึกขยะแขยง
แม้ไม่เอื้อนเอ่ยออกมาเป็นวาจา แต่แววตาที่ผมแสดงออก มันก็บอกถึงความรู้สึกภายในอย่างโจ่งแจ้งแววตาที่ทำให้แม่ชะงัก แม่มองหน้าผมอย่างเข้าใจ แล้วก็มีท่าทีงก ๆ เงิ่น ๆ อย่างคนรู้สึกผิด
แม่ไม่พูดอะไรสักคำ มือหยาบกร้านนั้นกำแน่นค่อย ๆ ตกอยู่ข้างลำตัว ไหล่ของแม่ลู่ลง...
หลังจากวันนั้น มือของแม่ไม่กล้าที่จะเอื้อมมากอดผมอีกเลย
ตอนนั้น ผมรู้สึกสบายใจนะ ที่ไม่ต้องสัมผัสกับมือที่หยาบกระด้างที่น่ารังเกียจนั่น
แต่เมื่อ เวลาผ่านไป ผมกลับเกิดความรู้สึกที่ต่างจากเดิม...

จริง ๆ แล้วสิ่งที่น่ารังเกียจ ไม่ใช้มือหยาบกร้าน ของแม่หรอก
มือที่เนียนสวยราวกับลูกผู้ดี ของผมต่างหาก ที่น่าขยะแขยง
ขณะที่ มือแม่กร้านเพราะ กรำงานหนักเพื่อเลี้ยงผม
แต่มือที่อ่อนนุ่มของผม ไม่เคยทำประโยชน์เพื่อใครเลย นอกจากตัวเอง

น่าขันนะ เมื่อผมเติบใหญ่ และประสบความสำเร็จในชีวิต
หลายครั้งหลายครา ที่มีโอกาสจับต้องมือของผู้หญิงมากหน้า
มือที่ นิ่ม หอมกรุ่นกับเล็บเคลือบสีสด
และเรียวปากนุ่มสวยช่างฉอเลาะนั้นไม่ได้ทำให้ผมโหยหาเลยสักนิด
สิ่งที่ผมร่ำร้อง กลับเป้น มือที่หยาบกระด้างของผู้หญิงเพียงคนเดียว...

ผู้หญิงที่หาบคอนกระจาด เดินเร่ขายขนมอยู่ข้างถนนเพื่อเลี้ยงลูกชาย
ผู้หญิงไม่ค่อยพูด ที่มักใช้สายตาเฝ้ามองผมอยู่เงียบ ๆ

สายตาที่สื่อความรู้สึกของแม่คนนึงซึ่งมีต่อลูก สายตาอ่อนโยนคู่นั้น เหมือนกับจะบอกผมเสมอว่า

ผมคือ ทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตของแม่...

อาจจะเป็นเพราะพ่อจากไปอยู่กับผู้หญิงคนอื่นตั้งแต่ผมยังเล็ก ก็ได้
ทำให้แม่พยามทำทุกอย่างเพื่อชดเชยความเป็นลูกไม่มีพ่อให้ผมเท่าที่แม่ค้าหาบขนมขายอย่างแม่
จะทำได้ แม่คงกลัวว่าผมจะกลายเป็นเด้กมีปัญหา เพราะขาดพ่อล่ะมั้ง
แต่แม่ไม่เคยรู้หรอกว่า ในสายตาของผม ผู้ชายที่ทำให้ผมเกิดมา
ไม่ได้มีความสำคัญกับผมเลยสักนิด ผมเกลียดผู้ชายคนนั้น .....

ตาแก่ที่กินเหล้าจนเมา เอะอะ โวยวาย ทำร้ายแม่ผม
หลายครั้งที่ ผมเห็นพ่อใช้คำพูดถากถาง ระราน อาละวาดใส่แม่
แม่ผู้น่าสมเพชของผม ก็ไม่เคยลุกขึ้นมาต่อต้านเลยสักนิด
แม่มักยอมพ่อเสมอ ยอมถูกซ้อมเป็นกระสอบทราย แล้วก็แอบไปนั่งร้องไห้คนเดียวเงียบ ๆ
ยอมทำงานหนักเดินขายของวันละหลาย ๆ กิโล เพื่อเอาเงินมาเลี้ยงครอบครัว
ส่วนเงินเดือนของพ่อน่ะหรือ ? มันจมลงในขวดเหล้าหมดแล้ว


สภาพของแม่ที่ผมเห็น ทำให้ผมได้แต่นึกในใจว่า
ถ้าผมแต่งงาน ผมจะหา เมีย อย่างแม่
แต่ถ้าผมเป็น ผู้หญิง ผมจะไม่ยอมมีชีวิตที่น่าเวทนาแบบแม่ เด็ดขาด !

ผู้หญิงที่ยอมเป็นกระโถนรองรับอารมณ์ของผู้ชาย
ผู้หญิงที่ยอมให้สามีโขกสับอย่างกับทาสในเรือนเบี้ย
ยอมทำงานบ้านจนดึกจนดื่น
ยอมตื่นแต่เช้ามาทำขนมขายเพื่อหาเลี้ยงครอบครัว
ยอมแม้กระทั่งให้ผู้หญิงอื่นมาแย่งผัวตัวเองไปต่อหน้าต่อตา

แม่ยอมรับชะตากรรมที่เกิดขึ้นโดยไม่เคยคิดจะต่อสู้เรียกร้องสิทธิอะไรเลย
แม่มีปากเสียงกับพ่อเพียงครั้งเดียว ตอนที่พ่อจะเอาผมไปอยู่ด้วย
ตอนนั้นผมเห็นแม่สู้ยิบตาราวกับ หมาจนตรอก เลยทีเดียว

พ่อยอมให้ผมอยู่กับแม่อย่างไม่คิดจะเยื้อแย่ง

" น้ำหน้าอย่างเธอ จะเลี้ยงลูกได้สักแค่ไหนกันเชียว
อีกหน่อยลูกมันคงต้องหาบขนมขายทั้งชาติ เหมือนเธอ นั่นแหล่ะ "

นั่นเป็นคำพูดสุดท้ายที่แม่และผมได้ยินจากปากของพ่อ มันเป็นคำพูดที่ทำให้แม่ฮึดสู้
แม่ทำงานหนักตัวเป็นเกลียวเพื่อหาเงินส่งผมเรียนสูง ๆ

ซึ่งผมก็ไม่ได้ทำให้แม่ผิดหวังเลย
การเรียนของผมอยู่ในขั้นดีเยี่ยมจนได้รางวัลจากทางโรงเรียนเสมอ
เปล่าหรอกนะ ผมไม่ได้ตั้งใจเรียนเพื่อแม่หรอก
ตลอดเวลาผมไม่ได้คิดที่จะทำอะไรเพื่อแม่เลยสักครั้ง

แต่ที่ผมตั้งใจเรียน ก็เพราะรู้ว่า การศึกษาเป็นหนทางเดียว
ที่จะทำให้ผมหลุดพ้นจากบ้านในสลัมโทรม ๆ แห่งนี้ต่างหาก

ความทะเยอทะยานในอดีตเป็นแรงผลักดัน ที่ทำให้ผมประสบความสำเร็จในชีวิต
โดยมี โอกาสดี ๆ ที่โชคชะตาหยิบยื่นให้ เป็นตัวช่วยสนับสนุน

สิ่งเหล่านี้ ทำให้ผมหลงระเริงอยู่นานทีเดียว มันทำให้ผมหยิ่งผยอง
คิดว่า ตัวเองนั้นเก่งกล้า สามารถก้าวจากจุดศูนย์ขึ้นมายืนผงาดอยู่ได้ด้วยขาตัวเอง
ทั้ง ๆ ที่ ความจริงแล้วความสำเร็จของปริญญาระดับด๊อกเตอร์ที่แปะข้างฝาบ้านของผมนั้น
มีแม่ อยู่เบื้องหลังเสมอ แม่ผู้จบ ป. 4 แต่ไม่มีเงินซื้อใบสุทธิ

ขาของผมยืนผงาดออยู่ได้ ด้วยการเหยีบบ่าของแม่ โดยแท้
และผมก็ไม่เคยสนใจเลยสักนิดว่า บ่าที่เหยียบเป็นฐานนั้นจะชอกช้ำเพียงใด
เพราะเจ้าของบ่า ไม่เคยปริปากบอกผมเลย ไม่ว่า เวลาจะผ่านไปเท่าไร แม่ก็ยังคงเป็นคนพูดน้อยทำมากเสมอ

แม่เป็นผู้ฟังที่ดีมาตั้งแต่ผมยังเด็กแล้ว
ทุกครั้งที่ผมมีความกังวล แม่จะคอยรับฟังเสมอ เวลาที่ผมระบายสิ่งที่อัดอั้นตันใจ
หลายครั้งที่แม่ฟัง จำนวนเงิน ที่ลูกชายเอ่ยขอ ยามต้องการจะซื้อ ของต่าง ๆ เพื่อให้มีเหมือนลูกคนอื่น
แม่ไม่เคยแย้งแต่จะ นิ่ง...ฟัง...

หลังจากวันนั้น แม่ขายของจนค่ำมืดกว่าปกติ อยู่หลายวัน
และ วันหนึ่งแม่ก็ยื่นเงินให้ผม เพื่อไปซื้อของที่อยากได้
ยามที่ผมรับเงินจากมือของแม่ ผมรู้สึกว่า มือของแม่หยาบกร้านกว่าเคย....

แต่ผมก็ไม่ได้สนใจอะไรนักหรอก
เพราะถึงมือ มือนี้จะต้องหยาบกร้านเพิ่มขึ้นสักแค่ไหน
มันก็ยังคงหยิบยื่นมความสะดวกสบายให้ผมได้เหมือนเดิม
และมันก็เป็นเช่นนี้เสมอมา ไม่ว่ายามที่ผม สุข หรือ ทุกข์
มือของแม่จะอยู่เคียงข้าง คอยช่วยประคับประคองผมเสมอ
ตราบชั่วชีวิตของแม่

จนกระทั่ง วันนี้...

หลายสิ่งในชีวิตของผมเปลี่ยนไป.....
ผมมีชื่อเสียง มี เกียรติยศ มีคนนับหน้าถือตา
มีบ้านหลังใหญ่ มีรถคันงาม มีเงินทอง
มีมือนุ่มนิ่มของผู้หญิงสวย ๆ คอยคลอเคลีย
ทุกสิ่งที่ผมเคยต้องการล้วนมากองอยู่แทบเท้าของผม

แต่สิ่งที่ผมอยากได้มากที่สุดกลับขาดหายไป
ณ วันนี้ ข้างกายของผม ไม่มีมือของแม่.....

--------------------------------------------

สุขสันต์วันแม่นะทุกๆคน				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟลุงเอง
Lovings  ลุงเอง เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟลุงเอง
Lovings  ลุงเอง เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟลุงเอง
Lovings  ลุงเอง เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงลุงเอง