2 มิถุนายน 2555 08:08 น.

แล้วยังไง !

ศรีสมภพ

แล้วไง.. 
ไม่ไปไหนว่ายเวียนเปลี่ยนกันเล่น
บริหาร ค้านชนฝาล่าประเด็น
ทำเป็นเล่นไม่เป็นเรื่องแค้นเคืองนั่น

แล้วไง..
ประเทศไทยไปไม่ได้ใช่ไหมท่าน ?
มัวตั้งแง่เล่นมุมสุมหัวกัน
ถืออัตตานี่ของฉัน นั่นของเธอ

แล้วไง..
มันน่าอายขายขี้หน้าเสมอๆ
รัฐสภาหาประตูดูไม่เจอ
พอม็อบเผลอมุดรั้วหนีจนชีช้ำ

แล้วไง..
ก็เลื่อนไป เลื่อนเข้าจนเราขำ
ทำหน้าเขียว หน้าแดง จนหน้าดำ
ช่างเป็นกรรมของประเทศเวทนา

แล้วไง..
แย่งกันได้ แค่เก้าอี้มีสี่ขา
เปิดดนตรีแล้วเล่นกันปั่นราคา
เป็นมุขฮาน่าจะบอกจะได้ขำ

แล้งไง..
อายแม่ไหม? ออง ซูจี ที่เยือนย่ำ
เธอยังยอมปรองดองเพราะต้องทำ
ช่วยกันนำพม่าไป ไกลกว่าเรา

แล้วไง..
เอายังไง รีบเอากันงานมันเข้า
จะเดินหน้าหรือมุดรูอยู่อย่างเก่า
เอาไงเอา เราไม่เกี่ยงแค่เสียงเดียว

แล้วไง..
ก็ทำใจไว้แล้วหนอไม่ขอเกี่ยว
แค่กลุ่มก้อนการเมืองแค่กลุ่มเดียว
ที่มีเอี่ยวผลประโยชน์แล้วโกรธกัน

แล้วไง..
ก็อยู่ไปอย่างนี้ดีแล้วนั่น
เอายังไง ก็ไม่กลัวช่างหัวมัน
เพราะเลิกฝัน เลิกหวัง แล้วยังไง !				
1 มิถุนายน 2555 09:44 น.

ทุ่งมะขามหย่องกับผู้ปิดทองหลังพระ

ศรีสมภพ

 มะขามหย่อง  ท้องทุ่งน้ำมีความหมาย
ความหลากหลายได้ปรากฏเป็นบทบาท
ยุทธหัตถีศรีสุริโยทัยนฤนาท
สละชีพเพื่อชาติผงาดก้อง

๒๕ พฤษภาฯ..  ย่ำสายัณห์
ในหลวงท่าน ทรงเยือนทุ่งมะขามหย่อง
ดินแดนเก่าที่เล่าขานตำนานผอง
บรรพไทยผู้ได้ป้องแผ่นดินมา

เป็นห้วงสุขประชาไทยได้ชมชื่น
ทุกหัวใจไม่มีอื่นฝืนกังขา
ความตื้นตันนั้นเกินล้ำจนน้ำตา
เอ่อออกมาปลื้มสุดๆ หลุดจากใจ

ผืนไตรรงค์ ธงกษัตริย์สะบัดพลิ้ว
เป็นแถวทิวทั่วท้องทุ่งรุ่งไสว
รอยแย้มพระสรวล สุดยิ่งใหญ่
ตรึงประทับประชาไทยไปแสนนาน

ยินเสียงสวดพระพุทธมนต์ระคนคุ้ม
สงฆ์ชุมนุมถวายชัยรายสถาน
ทรงพระเจริญ.. เปล่งเสียงดังก้องกังวาน
เมื่อทรงผ่านฟากสองข้างระหว่างทาง

แสง สี เสียง เรียงรายถวายไท้
สัญลักษณ์ความเป็นไทยไร้ความต่าง
เสียงฮ้าไฮ้เพลงเรือร้องมองไม่วาง
มีชนช้างรำลึกถึงซึ่งตำนาน

ยอดคนขลุ่ย อาจารย์ธนิศร์ ก็หวีดหวิว
ร่ายเพลงพลิ้วนิ้วระริกจิกสะท้าน
ความฝันอันสูงสุดเพลงพระองค์ท่าน
บ่งปณิธานความรักชาติ ราษฎร

กวีแก้วรัชกาลที่เก้า ..เขาทั้งสอง
ร่ายคำร้องทำนองกวีศรีอักษร
เนาวรัตน์ จิระนันท์ ยืนอ่านกลอน
นำสะท้อนทุ่งมะขามในยามศึก

เสียงขลุ่ยครวญเสียงคนพร่ำคำเสนาะ
ช่างไพเราะเกาะกินใจในส่วนลึก
อโยธยา กรุงเก่าไทยได้รู้สึก
เรียกสำนึกศึกรุ่นปู่ ..สู้เพื่อใคร ?

สองกวีซีไร้ท์ในงานนี้
ย้อนเหมือนมีกวีดังที่คลั่งไคล้
ในยุคต้นรัตนโกสินทร์ถิ่นไผท
ที่ขับขานกังวานใสในเวียงวัง

นาฏศิลป์ทันสมัยร่ายรำร้อง
 แผ่นดินทอง  เพลงทรงธรรมนำความหวัง
ด้วยน้ำพระราชหฤทัยใสประดัง
ที่รินหลั่งดั่งสายธารสู่บ้านเมือง

 ผู้ปิดทองหลังพระ ..สะท้านก้อง
เป็นเสียงร้อง แอ๊ด คาราบาว ยาวต่อเนื่อง
ยืนในน้ำร้องเพลงนี้ที่ปราชญ์เปรื่อง
ย้ำถึงเรื่องที่ทรงทำตรากตรำมา

พระบาทสมเด็จพระปรมินทร์ฯ ...
พระนามเต็มที่ได้ยิน สิ้นกังขา
เป็นเอกองค์ทรงเสียเหงื่อเพื่อประชา
เป็นผู้ปิดทองหลังพระมานมนาน

สดุดีมหาราชา.. ถึงครากระหึ่ม
พสกปลื้ม ร่วมกันร้องก้องประสาน
ถวายชัยให้ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน
เป็นมิ่งขวัญอันสูงส่งดำรงไทย

 มะขามหย่อง  ท้องทุ่งน้ำอันล้ำค่า
ด้วยพระมหากรุณาธิคุณอันยิ่งใหญ่
เป็นแก้มลิงยามที่มีอุทกภัย
เป็นถิ่นงามชื่นฉ่ำใจ ในยามนี้ ..


ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน ...


๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙

25 พฤษภาคม 2555

คนไทยสุขล้นถึงน้ำตาคลอ เห็นในหลวงทรงแข็งแรง 
เอแบคโพล เผยพสกนิกรชาวไทยที่ติดตามชม "ในหลวง" เสด็จฯ ทุ่งมะขามหย่อง มีค่าเฉลี่ยความสุขมากถึง 9.59 จากเต็ม 10 เป็นความสุข ความปลื้มปิติ ตื้นตันใจถึงขั้นน้ำตาคลอ เมื่อเห็นพระองค์มีพระพลานามัยแข็งแรง และทำให้เด็กไทยเกิดความจงรักภักดีต่อสถาบันกษัตริย์ตามไปด้วย มีความหวังให้บ้านเมืองเกิดความสงบร่มเย็น อยากเห็นฝ่ายการเมืองนำโครงการพระราชดำริมาเร่งแก้ปัญหาความเดือดร้อนและเลิกทะเลาะกัน... 

27 พฤษภาคม 2555, 

'ทรงพระเจริญ'กระหึ่มโลกออนไลน์ ปลื้มปีติเสด็จฯทุ่งมะขามหย่อง
โลกออนไลน์โพสต์บรรยายความประทับใจ ความปลาบปลื้มปีติกับเหตุการณ์เสด็จฯ "ทุ่งมะขามหย่อง" ต่างใช้ช่องทางโซเชียลเน็ตเวิร์กร่วมสร้างปรากฏการณ์ "ทรงพระเจริญ" กันอย่างคึกคัก...

ชมยูทู้บนี้  http://www.youtube.com/watch?v=z47qWBp5JD8				
31 พฤษภาคม 2555 08:44 น.

ไฟกินคน

ศรีสมภพ

วาบ..วาบ  วาบเห็นแสง
ไฟเรื่อแดงด้วยแรงดูด
ควันฉุนแต่คนสูด
เสียงซี๊ดซู๊ด..จนตูดลอย

ไปไหนเอาไปด้วย
ยาคนป่วยช่วยอร่อย
เคียงกายไม่ถดถอย
วาบบ่อยๆ  อร่อยจัง !

มะเร็ง มาเล็งใส่
มหันตภัย ก็ไม่ยั้ง
เตือนไปไม่ยอมฟัง
ย้อนเสียงดัง ..เรื่องของกู !

ช่องกลางหว่างนิ้วสอง
มวนขาวผ่องภัยย่องสู่
ปอดใหญ่ไร้ทางสู้
แฟบกว่าฟู.. รู้วันตาย

ถุงลมที่โป่งพอง
ก็แค่น้องของโรคร้าย
มะเร็งเล็งยิงใส่
จนปอดวาย.. ตายลูกเดียว !

แค่ถ่างนิ้วก็ปลิวหาย
เจ้ามวนร้ายก็ไม่เกี่ยว
เสรีแท้แน่นักเชียว
ทาสเด็ดเดี่ยวได้เป็นไท

มืดบอดตลอดกาล
น่าสงสารขาดมันไม่ได้
หลงมั่นแค่ควันไฟ
บอกขอตายพร้อมมันดู

วาบ..วาบ วาบเห็นแสง
กองฟอนแดง แจ้งให้รู้
หลุดพ้น เรื่องตนกู
น่าหดหู่.. ตัวกูพ่าย !

แหละสุดท้าย  ..ไฟก็กินคน !

@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@

๓๑ พ.ค. ๕๕  
... รำลึกวันงดสูบบุหรี่โลก

จากการสำรวจพบว่าผู้ที่เป็นมะเร็งปอดนั้น ร้อยละ 90 เป็นผลเนื่องมาจากการสูบบุหรี่ โดยมีผลวิจัยระบุว่า ผู้ที่สูบบุหรี่เกินวันละ 1 ซอง จะมีโอกาสเป็นมะเร็งปอดมากกว่าผู้ที่ไม่สูบถึง 5-20 เท่า 

          ผู้ที่สูบบุหรี่ยังเสี่ยงต่อโรคทางเดินหายใจ อาจมีอาการไอเรื้อรัง บางครั้งไอถี่จนไม่สามารถนอนได้ นอกจากนี้ทาร์ในควันบุหรี่จะสะสมอยู่ในปอด จะทำให้เป็นโรคถุงลมโป่งพอง ทำให้หายใจขัด หอบ และหากเป็นเรื้อรังอาจทำให้ถึงแก่ความตายได้ง่ายเช่นเดียวกัน 

          นอกจากนั้นยังพบว่าการสูบบุหรี่ ก่อให้เกิดโรคอื่นๆ อีกหลายอย่าง เช่นโรคกระเพาะอาหารเป็นแผล โรคความดันเลือดสูง โรคตับแข็ง โรคปริทนต์ โรคโพรงกระดูกอักเสบ โรคหลอดลมอักเสบ โรคหัวใจ เป็นต้น และยังส่งผลต่อบุคลิกภาพของผู้สูบบุหรี่อีกด้วย				
29 พฤษภาคม 2555 12:11 น.

อวิชชาชยันตี

ศรีสมภพ

๒๖ ศตวรรษ แห่งการตรัสรู้
สัพพัญญูผู้รู้แจ้งเหตุแห่งทุกข์ 
คิดค้นศาสตร์ประกาศความนำมาปลุก
ให้ตื่นลุกเพื่อลดละ..อวิชชา

ฉลองชัยได้ตรัสรู้อยู่ ๗ ราตรี
ทบทวนธรรมเพื่อนำชี้ไม่มีกังขา
เสวยสุขวิมุติแจ้งแห่งปัญญา
ก่อนเดินป่าโปรดปัญจวัคคีย์ที่คุ้นกัน

อริยสัจสี่.. ฤกษ์ดีคลี่ปีกขยาย
เริ่มกระจายไปทั่วแห่งที่แจ้งนั่น
ปฐมเทศนา ณ ป่ามฤคทายวัน
ห้วงเพ็ญจันทร์ วันอาสาฬหปูรณมี

ฉลองชัย หรือปราชัยครวญใคร่คิด
ทำชีวิตจิตของตนพ้นหรือนี่
อย่าอวดรู้ตู่ตนกลวิธี
วิมุติวิถีที่มีนั้น..มันใช่ผล

สีลัพพตปรามาส.. ฉลาดหรือ ?
แค่ยึดถือแต่เปลือกนอกบอกหลุดพ้น
แก่นแห่งพุทธพิสุทธิ์ใสยังไม่ยล
ยังลวงคนว่าพ้นเหตุ กิเลสแห่งทุกข์

มือถือสากปากถือศีลไม่สิ้นหนอ
ยังสอพลอฉลองชัยให้สนุก
จนงานเลิก แต่ตัวตนหาพ้นทุกข์
โดยไม่ฉุกคิดปฏิบัติ ปฎิเวธ...

ฉลองชัยให้ตนเองที่เกรงบาป
จิตกำราบกิเลสลงคงควรเหตุ
ไม่เห็นธรรมร่ำฉลองมองสังเวช
หาใช่เหตุเจตนา.. พุทธชยันตี

๒๖ ศตวรรษ จากการตรัสรู้
หากยังตู่ว่ารู้แจ้งแห่งวิถี
อวดอุตริมนุษยธรรม อลัชชี
อวิชชาชยันตี.. อยู่นี่เอง !


@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@


สีลัพพตปรามาส ....

สีลัพพตปรามาส (บาลี: สีลพฺพตปรามาส) เป็นศัพท์ในพระไตรปิฎกเถรวาท 
หมายความถึงความยึดมั่นถือมั่นอยู่ในสิ่งศักดิ์สิทธิ์หรือศีลพรตภายนอกพระพุทธศาสนา หรือความยึดมั่นถือมั่นในการบำเพ็ญเพียงกายและวาจาตามหลักธรรม
พระพุทธศาสนา (ศีล) ของตนว่าเป็นสิ่งที่ประเสริฐ ซึ่งเป็นเหตุให้ละเลยการปฏิบัติทางด้านจิตใจหรือการใช้ปัญญาเพื่อหลุดพ้น
           สีลัพพตปรามาสจัดเป็นความเห็นผิดหรือมิจฉาทิฏฐิอย่างหนึ่ง   จัดเข้าในกลุ่มสัญโยชน์ขั้นต้นที่พระอริยบุคคลระดับโสดาบันจะละความยึดมั่นเช่นนี้ได้
..................................................................................................................

อลัชชี .....

"พระปลอม" และ "พระนอกรีต" คือ คนห่มผ้าเหลืองที่เรียกตัวเองว่า "พระ" และให้คนอื่นเข้าใจว่าเป็นพระ แต่ทำในสิ่งที่ผู้ได้ชื่อว่าเป็นพระไม่ควรทำ เช่น ใบ้หวย ดูหมอ ทำเสน่ห์ ติดหญิง แอบมีเมีย ฯลฯ เป็นปัญหาที่มีมานมนานแล้ว ตั้งแต่ครั้งพุทธกาล แต่จะใช้คำว่า "อลัชชี" และ "เดียรถีย์" แทน


ขอบคุณวิกิพิเดีย..				
28 พฤษภาคม 2555 00:16 น.

คนกล้าจะฝ่าโกง

ศรีสมภพ

ตะวันกล้า..ส่องแสงยังแหล่งชั้น
นับอนันต์ในความแรงแห่งแสงฉาย
รังสีแผ่ รังสรรค์สร้างอย่างมากมาย
ด้วยอุ่นไอความดี ..ที่กล้าแกร่ง

คนกล้า..คิดการใหญ่ ด้วยใจมั่น
จะต่อต้านพาลภัยในทุกแห่ง
การโกงกินกัดกร่อนซ่อนระแวง
ที่แอบแฝงแย่งชิ้นกินเนานาน

เขาสั่งสม อุดมการณ์อันสูงส่ง
เป็นบิ๊กบอสที่ยิ่งยงดำรงมั่น
เป็นประธานหอการค้ามาช้านาน
กอรปการงาน ยิ่งใหญ่ไทยยิ่งยง

ยุทธศาสตร์ ชัดเจนประเด็นต้าน
คอรัปชั่น บั่นชาติต้องปัดโปร่ง
ด้วยสำนึกผนึกดีที่ซื่อตรง
เปิดหน่วยงานต้านการโกง จนงงงัน !

เขากล้าหาญ จะผลาญชั่วที่กลั้วกล้ำ
ใครไม่ทำ เขาจะทำนำทางมั่น
ตอบแทนคุณหนุนแผ่นดินถิ่นราชันย์
คอรัปชั่น..มันกัดกร่อนบิดรแดน

ตะวันกล้า..ต้องคล้อยจากก่อนฝากไว้
ถึงดวงลับดับไปให้ยึดแน่น
ต้านคนโกง คงคนดีอย่างมีแผน
เป็นตัวแทน ..ดุสิต นนทะนาคร !

ประเมิณทรัพย์ นับแสนล้านผ่านออกเข้า
ตุงกระเป๋าเหล่าฉ้อราษฎร์ไม่ผัดผ่อน
แอบบังหวงลวงบัญชีมีขั้นตอน
กินยอกย้อน ชาติบรรลัยดูไม่จืด !

ตะวันกล้าดวงใหม่.. อยู่ไหนหนอ ?
หรือเจ้าท้อจะทอแสงแทงความมืด
ปล่อยเขางาบงบพร่องจนท้องอืด
จับขึงพืดประเทศไทย.. ได้แค่มอง !


@@@@@@@@@@@@@@@@@@

การเข้าดำรงตำแหน่งของนายดุสิต นนทะนาคร ในหอการค้าไทย
รวมระยะเวลา 2 ปี 6 เดือน ทำให้องค์กรแห่งนี้เปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก 
โดยเฉพาะการทำงานในเชิงรุกหลายด้าน ส่งผลให้เอกชนเข้ามามีส่วนร่วม
ในกิจกรรมต่างๆ มากขึ้นสำหรับการดำเนินงานในช่วงท้ายก่อนเสียชีวิต 
นายดุสิต ได้ให้ความสำคัญกับการสร้างความปรองดองภายในชาติ เพื่อให้ประเทศชาติขับเคลื่อนต่อไปได้ มิฉะนั้นจะสร้างความเสียหายทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และการเมืองอย่างรุนแรง รวมถึงความพยายามลดปัญหาการทุจริต
ดอร์รัปชั่น เพราะเป็นปัญหาที่ฝังรากลึกมานาน และมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น 
จนอาจทำให้ประเทศล่มสลายได้

นายดุสิต นนทะนาคร ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และประธาน
หอการค้าไทยได้เสียชีวิตลงในวัย 64 ปี ที่โรงพยาบาลกรุงเทพ เมื่อเวลา 
20.00 น.ของวันที่ 6 กันยายน 2554 หลังเข้ารับการรักษาอาการป่วย
ด้วยโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว มาได้ระยะหนึ่ง


ประเทศไทยเรายังต้องการคนกล้าที่จะฝ่าโกงอีกมากมาย ....				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟศรีสมภพ
Lovings  ศรีสมภพ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟศรีสมภพ
Lovings  ศรีสมภพ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟศรีสมภพ
Lovings  ศรีสมภพ เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงศรีสมภพ