30 พฤศจิกายน 2549 16:05 น.

ความรู้สึก

สองร่าง

เวลาเกิดความรู้สึกแบบนี้โลกมันดูหม่นหมอง มองไปไกลๆ ก็ยิ่งเบลอ คล้ายกับว่าโลกนี้ไม่มีที่ว่างสำหรับคนอย่างเราอีกต่อไป หรือหากพอจะมีก็คงเพียงแค่พื้นที่เล็กๆ เพียงพอจะนั่งกอดเข่าในมุมหนึ่งมุมใดสักแห่งเท่านั้น
     ฟ้าที่กว้างใหญ่ นกกาบินวนร่อนไปมา น่าอิจฉา ตัวเราเท่านั้นที่ยังไร้จุดหมายแม้แต่ทางที่จะเดินไปข้างหน้าก็มืดมน มองไม่เห็นแม้แต่รอยเท้าของใครสักคนที่พอจะให้เป็นสิ่งนำทางเพื่อก้าวต่อไปได้ 
     จิตมันวุ่น ครุ่นคิดไม่ตก ร้อยครั้งพันครั้งที่เฝ้าถามใจตนเพียงต้องการคำตอบว่าทำไม หรืออะไรที่ทำให้เกิดความรู้สึกแบบนี้ขึ้นมาได้ ทรมานนะที่รู้ว่าจิตใจไม่ปกติ มันเหงา มันเศร้า มันไร้แรงที่จะทำอะไรต่ออะไร แต่ทุกครั้งที่คิดถามใจตัวเองมันก็ว่างเปล่า แล้วอะไรล่ะ อะไรกันแน่ที่เป็นเหตุให้เกิดความรู้สึกแบบนี้
     ผมนั่งโดดเดี่ยวอยู่บนเปลญวนริมแม่น้ำแห่งหนึ่งไม่ไกลจากบ้านสวนที่พักพิงอยู่นี่ ปล่อยความคิดไปตามปรารถนา แล้วผมก็คิดขึ้นมาได้ว่าทำไม ผมถึงมานั่งอยู่ที่นี่เพียงลำพังทั้งๆที่เพื่อนฝูงก็พอมีอยู่บ้าง ใช่ทำไมผมต้องมานั่งเดียวดายอยู่เช่นนี้ ผมตัดสินใจลุกจากเปลริมน้ำท่ามกลางบรรยากาศบ้านทุ่งเพื่อจะกลับเข้าเมือง แต่แล้วก็ยินเสียงหนึ่งจากอีกใจของผมเองบอกว่า "อย่าเลย อยู่ที่นี่ดีแล้ว ลืมไปแล้วรึ ว่าอะไรที่ทำให้เธอต้องมานั่งอยู่ที่นี่"....นั่นสิ อะไรล่ะที่ทำให้ผมมานั่งอยู่ที่นี่ มันอะไรกัน
     ผมเดินไปเรื่อยๆ และเฝ้าย้ำถามว่าอะไร และทำไม จนมาถึงที่แห่งหนึ่ง เสียงของเหลวไหลลงมาจากที่สูงกระทบโขดหินและแผ่นน้ำเบื้องล่าง ผมมาถึงที่ที่ผมรักและมักจะมาอยู่ที่นี่เพียงลำพังทุกครั้งตั้งแต่ยังเยาว์วัย ไม่ว่าจะสุขหรือทุกข์ น้ำตกเล็กๆแห่งนี้ก็คือเพื่อนที่ดีที่สุดของผมตลอดมา "กี่ปีแล้วนะที่เรากับเจ้าน้ำตกนี่คุ้นเคยและสัมผัสกลิ่นอายของกันและกันมา" สามสิบปีที่ผ่านมามีเพียงผมเท่านั้นที่เปลี่ยนไป แต่เจ้าน้ำตกเพื่อนยากยังคงไว้ซึ่งบรรยากาศความสวยงามดังเดิม
      ผมปลดกระดุมเสื้อออกทีละเม็ด เม็ดที่หนึ่ง สอง สาม สี่ และห้า แผ่นอกขาวเนียนแน่นไปด้วยกล้ามเนี้อ กับเส้นขนที่ลุกซู่เมื่อสัมผัสละอองเย็นของน้ำตกที่ขาวโพลนดั่งหมอกขาวในยามเช้า ผมสลัดเสื้อพาดไปที่โขดหินใกล้ๆ แล้วเริ่มปลดเชือกผูกกางเกงเลตัวเก่ามอซอ ที่ผมใส่อยู่ ร่างกายผมเปลือยเปล่าและเริ่มก้าวขาไปตามโขดหินไปสู่สายน้ำตกที่โปรยตัวลงมาจากผาสูงที่อยู่เบื้องหน้า 
     สายน้ำตกกระทบเนื้อแน่นของผม มันอบอุ่นทั้งที่อุณหภูมิของน้ำตอนนั้นเย็นยะเยือก ผิวหนังและกล้ามเนื้อแน่น ของชายวัยสามสิบอย่างผมไม่ได้สะทกสะท้านกับความเย็นของน้ำในตอนนั้น ผมยืนปล่อยอารมณ์อยู่ภายใต้สายน้ำนั้นจนเย็นย่ำ จึงตัดสินใจบอกลาแล้วย่างกรายกลับที่พักของผม
     กองไฟที่อยู่เบื้องหน้าและเสียงแมลงกลางคืนหลากชนิด ดังก้องไปทั่วทุ่งรายรอบตัวผม มันยิ่งส่งให้ความรู้สึกของผมหดหู่ขึ้นเป็นทวีคูณ
     "นายมาทำอะไรที่นี่" เสียงที่คุ้นหูดังขึ้น แต่ผมไม่ได้หันกลับไปมองและไม่ได้ตอบกลับแม้สักคำ
     "นายมาทำอะไรที่นี่ ทำไมนายถึงชอบหนีปัญหา นายมันขี้ขลาด นายมันคนไม่ได้เรื่อง คนเห็นแก่ตัว" เสียงนั้นเริ่มสั่นเครือและกลายเป็นการร้องไห้เข้ามาแทนที่ 
     ผมยังคงเงียบและไม่พูดหรือเอ่ยสิ่งใดๆ ออกมา เพียงชายตาหันไปมองเจ้าของเสียงนั่นนั่งลงฟูมฟายอยู่ห่างจากผมไปเพียงไม่กี่ฟุตเท่านั้น แล้วคำพูดของผมที่เก็บไว้นานแสนนานก็หลุดออกมาจากปากของผมจนได้
     "มันไม่มีประโยชน์ กลับไปซะ เราจบกันแล้ว แล้วรักกันไม่ได้ ผมขอโทษ" เพียงเท่านั้นผมก็ลุกจากที่ตรงนั้นแล้วกลับไปที่น้ำตกเพียงลำพังโดยไม่สนใจว่ามันจะเป็นเวลาดึกดื่นเพียงใด ปล่อยให้เจ้าของเสียงนั่นนั่งร้องไห้อยู่ตรงนั้นเพียงลำพัง..........				
18 ตุลาคม 2549 11:32 น.

บนถนนสีม่วง ตอน1

สองร่าง

ลูกของแม่.....

	ฉันเกิดมาในครอบครัวที่อบอุ่นมากๆ ครอบครัวของเรามีทั้งหมด 5 คน มีพ่อ แม่ พี่ชาย ฉัน และน้องสาว แต่น่าเสียดายที่น้องสาวแสนน่ารักของฉันต้องมาจากโลกนี้ไปก่อนวัยอันควรด้วยโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว ใช่มันทำให้เราทุกคนเศร้าแต่ก็เข้าใจในสัจธรรมที่ว่าคนเราย่อมมีเกิด แก่ เจ็บ และตาย เป็นเรื่องที่เราไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ เฉกเช่นเดียวกับที่ฉันเกิดมาไม่เหมือนคนทั่วไป ฉันเกิดมาด้วยร่างกายที่เป็นชายแต่มีใจเบี่ยงเบนไปแบบนี้ แต่ฉันก็โชคดีที่พ่อแม่และคนในครอบครัวเข้าใจในสิ่งที่ฉันเป็น ท่านไม่เคยอายหรือกลัวเสียหน้าที่มีลูกอย่างฉัน แต่จะมีคนอย่างฉันสักกี่คนที่ครอบครัวจะเข้าใจและเห็นใจอย่างนี้
	พ่อและแม่ของฉันรับราชการครูทั้งคู่ เรียกได้ว่าค่อนข้างมีหน้าตาในจังหวัดเล็กๆ ที่ฉันเรียกว่าบ้านเกิด แต่เรื่องที่ตรึงใจฉันมาถึงทุกวันนี้ส่วนใหญ่จะเกิดกับแม่ของฉัน ซึ่งคิดทีไร ก็อยากจะย้อนกลับไปเพื่อแก้ไขเรื่องราวนั้นซึ่งถ้าหากแก้ได้ฉันคงเรียกตัวเองได้อย่างภาคภูมิใจว่าฉันเป็นลูกที่ดีของท่าน มากกว่าที่เป็นทุกวันนี้....

เรื่องมันมีอยู่ว่า.....
	แปลกนะที่แม่ของฉันไม่เคยด่าว่าในเรื่องที่ฉันเป็นกะเทย แต่เรื่องอื่นๆ นั้นน่ะ ฉันก็ไม่เข้าใจว่าเวลาที่คุยกับท่านทำไม๊ ทำไมถึงพูดกันไม่ค่อยรู้เรื่อง คุยกันได้ไม่ถึง สามคำก็มีอันต้องหันหลังเดินจากกันไปเสมอ
	พ่อของฉันมักพูดเสมอว่า ฉันเหมือนแม่ ไม่ใช่หน้าตาหรอกนะแต่หมายถึงนิสัยของฉันกับแม่ต่างหาก มีคำพูดหนึ่งของพ่อที่เคยบอกไว้ว่า ฉันกับแม่ก็เหมือนแม่เหล็กขั้วเดียวกัน ที่เวลาเจอกันก็รังแต่จะดันกันออกไปเสมอ เออมันก็จริงนะ แต่ก็แปลกเหมือนกันที่ฉันกับแม่ก็ไม่เคยทะเลาะกันนานข้ามคืนเลยสักครั้งเดียว
				
18 ตุลาคม 2549 11:27 น.

บนถนนสายสีม่วง ปฐมบท

สองร่าง

ลำนำของชีวิต....

	คนเราเลือกเกิดไม่ได้ แต่เลือกที่จะทำ และเลือกที่จะเป็นคนดีได้ ฉันคนนึง ที่ยอมรับและมองว่าประโยคนี้คือสัจธรรม 

	ชีวิตของฉันเกิดมาไม่ค่อยปกติ แต่นั่นไม่ได้หมายถึงครอบครัวฉันพิการ หรือขาดความอบอุ่น แต่ความผิดปกติที่ว่ามันเกิดขึ้นจากตัวฉันเอง เกิดจากความรู้สึก อารมณ์ หรืออาจเพราะฮอร์โมนที่ผิดปกติในร่างกายของฉันต่างหาก......

	อีตุ๊ด, อีดูด, อีกะเทย คำพวกนี้ทำฉันเจ็บปวด จนชาชินกับมันมาตั้งแต่เด็กๆ และฉันก็เชื่อนะ ว่าพวกผู้ชายหลายๆ คนต้องเคยเรียกเพื่อนรุ่นราวคราวเดียวกันที่มีลักษณะนิสัยอย่างฉันมาบ้างเหมือนกัน แล้วเป็นไงพอโตมาไอ้พวกผู้ชายบางคน ที่เคยดูถูกเหยียดหยามฉันก็กลับกลายเป็นผัวผู้ชายด้วยกันเอง หรือบางทีก็เป็นกะเทยอย่างพวกฉันไปซะงั้น มันจะต่างกันก็ตรงที่ มาเป็น มารู้จักธาตุแท้ของตัวเองเอาตอนแก่ ซึ่งฉันว่ามันน่าสมเพศกว่าฉันที่เปิดตัวมาตั้งแต่เด็กๆ ซะอีก (เห็นแล้วขำ อยากจะหัวเราะออกมาเป็นมะม่วงซะจริง...ชิ)

	แต่เอาเถอะไม่ว่าฉันจะเป็นอะไร หรือใครๆ จะตราหน้าว่าฉันเป็นกะเทยแต่ฉันมั่นใจว่า ฉันเป็นคนดีของสังคม กตัญญูต่อบุพการี และที่สำคัญ หน้าที่การงานที่ฉันทำอยู่ทุกวันนี้มันก็น่าจะพิสูจน์ได้แล้วว่า คนอย่างฉันก็ประสบความสำเร็จในชีวิต และมีความสุขอย่างพอเพียงได้เหมือนกัน
							                                                                สองร่าง
				
2 ตุลาคม 2549 14:22 น.

ฝน

สองร่าง

ฝนก็คือความชุ่มฉ่ำของชีวิต แต่ก็มีหลาย ๆ ครั้งนะที่ชีวิตต้องเจ็บช้ำเปียกปอนเพราะฝน จนอ่อนล้าและเพลีย ฉันชอบนั่งดูฝนตก สูดกลิ่นอายดินที่ระอุขึ้นมาเวลาที่หยดฝนกระทบพื้นดินที่กำลังร้อน ฟังเสียงกบเขียดที่ร้องประสานเสียงน่าฟัง เสียงสายฝนกระทบสังกะสีดังแปลกหู และถ้าโชคดีเมื่อฝนหยุดฉันก็จะได้เห็นสายรุ้งหลากสีที่เริ่มต้นจากขอบฟ้าด้านหนึ่ง ลากยาวไปยังขอบฟ้าอีกด้าน แต่ก็นั่นล่ะ บางครั้งเสียงฝนและลมเย็นที่พัดผ่านมันก็ทำให้ฉันรู้สึกเหงาจับใจได้เช่นกัน เคยมั๊ยที่เวลาเหงา เศร้าหรือรู้สึกว่าไม่มีใคร ท้อใจอย่างที่สุด พลันก็มีเสียงฟ้าร้องและฝนก็ตกตามลงมา บรรยากาศเดิมๆ กับที่เคยสุข แต่ตอนนี้มันกลับสลดสุดขีด ชีวิตคนมันก็เป็นอย่างนี้นี่เอง
      ความรักกับฝนเทียบกันแล้วก็แทบจะไม่แตกต่างกันเลย ในความคิดของฉันความรักทำให้เราสุขใจสุดชีวิต และทำให้เศร้าโศรกเต็มที่ ฝนก็เช่นกันเมื่อแห้งแล้งก็ต้องการฝนมาประทังพอให้อยู่รอดได้ แต่เมื่อน้ำท่วม ก็คิดว่ายอมแห้งแล้งอย่างเดิมซะยังดีกว่า ที่สุดแล้วมันคือความผิดของใครกัน ฝน ความรัก หรือว่าตัวเรา คิดแล้วตรองให้ถ้วนถี่ แล้วสักวันฉันคงจะใช้ชีวิตในโลกนี้อยู่กับฝนและความรักได้อย่างเป็นสุข....				
28 กันยายน 2549 16:52 น.

เหงา

สองร่าง

เหงา.....ใช่ตอนนี้ผมรู้สึกเหงามาก ๆ มันเป็นความรู้สึกที่แปลกประหลาด ทำไมนะคนเราจะต้องมีความเหงาเข้ามาเกี่ยวข้องกับชีวิตด้วย
ลมพัดโชยมาผ่านช่องหน้าต่างของคอนโดที่อยู่สูงถึงชั้น 12 ผมนั่งอยู่บนเก้าอี้พลาสติกสีแดงซึ่งวางซ้อนอยู่บนเตียงขนาดหกฟุตอีกที ผ้าปูที่นอนสีฟ้า และพื้นที่บนเตียงที่เมื่อก่อนเคยแคบเมื่อสมัยที่คนรักของผมยังอยู่ ตอนนี้มันดูกว้างและกว้างมากจนเกินที่จะนอนคนเดียวได้อีกต่อไป
ชีวิตเกย์ปกติก็ยากอยู่แล้ว ผมโชคดีที่ได้พบกับเขาและเราได้รักกัน และอยู่ด้วยกันมานาน ใช่มันนานมาก ตั้งแต่วันที่เราคบกันจนถึงวันที่เขาจากไปนับรวมเวลาแล้วก็ สิบสามปี ผมยอมรับว่าผมรักเขามาก มันมากจนผมไม่คิดว่าจะรักใครได้อย่างนี้อีก เราไม่ได้เลิกกัน เขาไม่ได้มีคนใหม่ แต่โรคร้ายที่พรากเขาไปจากผม ตลอดหนึ่งปีที่ผมเฝ้าดูแลเขาตั้งแต่ผมรู้ว่าเขาป่วยด้วยการติดเชื้อในกระแสเลือด ผมเทียวเข้าออกโรงพยาบาลเป็นว่าเล่น เช้าไปหา เที่ยงไปทานข้าวด้วยกัน และเย็นก็แวะไปเยี่ยมเป็นอย่างนี้อยู่หลายเดือน ผมไม่รู้ว่าผมทำได้อย่างไร ใครๆที่รู้จักก็บอกว่าทำไมต้องทำให้เขาขนาดนั้น ผมตอบตัวเองไม่ได้ ที่รู้ก็คือ เรามีกันและกัน และผมจะดูแลเขาจนถึงที่สุด
เขาเคยนอนอยู่บนเตียงสีฟ้านั่น ตรงนั้นยังคงมีรอยของการนอนยุบลงไปให้เห็นอยู่ กลิ่นยาที่ผมต้องทาให้เขาเพื่อลดความเจ็บปวดจากอาการแพ้ยาจนผิวแห้งแตก และกลายเป็นสีดำเหมือนยางมะตอยทั้งตัว ยังคงมีกลิ่นให้ได้สูดหายใจเข้าไป เพียงแต่เขาคนที่ผมรักไม่ได้อยู่กับผมแล้ว 
ผมอยู่กับความเหงามาได้สองเดือนกว่าๆ  ผมมีเพื่อนที่จะไปสังสรรค์เฮฮาได้ตลอดเวลา แต่แปลกที่ผมอยู่คนเดียวทีไร ไม่ว่าจะขับรถ ก่อนจะหลับ หรือเดินอยู่คนเดียว ผมจะคิดถึง คิดถึงเขามากๆ 
วันนี้เขาได้จากไปแล้ว ไปในที่ที่ผมเองก็ไม่อาจเดา ก็คงได้แต่หวังว่าเขาคงจะได้ไปสู่สุขติ และมีความสุขในชาติภพหน้า จากวันนี้และตลอดไปผมจะไม่ลืมคนที่ผมรักคนนี้เลย ถึงแม้อาจจะมีใครในอนาคต แต่เขาคนนี้ก็จะคงอยู่ในความทรงจำตลอดไป.....ด้วยรัก				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟสองร่าง
Lovings  สองร่าง เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟสองร่าง
Lovings  สองร่าง เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟสองร่าง
Lovings  สองร่าง เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงสองร่าง