23 เมษายน 2550 15:03 น.

“เจ้าหญิงของดอกไม้ กับ เจ้าชายรองเท้าแตะ ”

สายน้ำแห่งรัก

ภาพของเธอ...ผู้หญิงตัวเล็กๆคนหนึ่งในครั้งแรกที่เราได้พบกันยังคงอยู่ในความทรงจำของผมอย่างชัดเจน   เธอ.. คนที่เข้ามาเติมเต็มชีวิตให้ผมในช่วงเวลาที่ผมดูเหมือนจะไม่เหลืออะไรสักอย่างในชีวิตแม้กระทั่ง...ความรัก 

        ผมและเธอรู้จักกันครั้งแรกในโลกเสมือนจริงที่พูดได้ว่าเธอคงเป็นเพียงหนึ่งในหลายๆล้านคนที่ออนไลน์มาพบกัน ความสัมพันธ์ของเราเริ่มต้นจากการเป็นแค่คนรู้จักในห้องแชตห้องหนึ่ง ทักทายกันตามประสาคนในโลกออนไลน์รวมไปถึงตามมารยาทสังคมด้วยก็คงไม่ผิด 

                                สวัสดีค่ะพี่เวย์ 

                                สวัสดีครับไอ

                เพียงแค่นั้นจริงๆสำหรับการทักทาย หรืออาจจะมีการแซวกันบ้างสนุกๆบนหน้าจอคอมพิวเตอร์  หลายเดือนผ่านไปเธอก็ยังคงเป็นเพียงคนรู้จักคนหนึ่ง จนกระทั่ง...เรามีโอกาสได้พูดคุยกันมากขึ้น  จากคุยกันหน้าจอพัฒนาไปสู่การโทรศัพท์คุยกัน ส่งข้อความหากัน บอกเล่าเรื่องราวต่างๆในชีวิตตัวเองให้กันฟัง ไม่เว้นแม้กระทั่งเรื่องของคนรัก ใช่ครับ เราต่างมีคนของเราอยู่ด้วยกันทั้งคู่ แล้วก็กำลังมีปัญหาด้วยกันทั้งคู่เช่นกัน ...เคยสัญญากันนะครับว่าเราสองคนจะเป็นเพียงแค่พี่กับน้องที่มอบความรู้สึกดีๆให้กันเท่านั้น จะไม่รักกันแบบคู่รักเด็ดขาด (ใครรักก่อนแพ้ด้วยนะ)เพราะเมื่อใดก็ตามที่มีความรักเราต่างรู้ว่าความทุกข์ใจมักจะเดินมาพร้อมกันเสมอ....


                เรื่องราวระหว่างเราดำเนินไปเรื่อยๆ อาจจะเหมือนกับคู่รักคู่อื่นๆที่โคจรมาพบกันในโลกไซเบอร์ ใช่ครับ...ในที่สุดเราก็รักกัน  เราต่างผิดคำสัญญาที่เคยมอบไว้ให้กันคงต้องบอกว่าเป็นการสมยอม...ไม่ใช่สิ ยินยอมมากกว่า (เหมือนกันมั๊ยเนี่ย)  ถูกต้องครับคุณคิดถูกในที่สุดเราสองคนก็แต่งงานกัน...เอ้ย นัดเจอกัน แล้วเรื่องราวในโลกแห่งความป็นจริงของเราสองคนก็เริ่มต้นขึ้น ในวันที่อากาศเป็นใจ ... และต่อไปนี้คือเรื่องราวของ เจ้าชายรองเท้าแตะ ที่ปั่นจักรยานมาพบกับ เจ้าหญิงของดอกไม้ 

                ทำไมถึงตั้งชื่อแบบนี้เหรอครับก็แหม เวลาอ่านหนังสือนิทานเห็นมีแต่เรื่องเจ้าชายนั่นเจ้าหญิงนี่ ก็อยากเป็นเจ้าชายกะเค้ามั่งแต่คงเป็นได้แค่นี้ล่ะเจ้าชายรองเท้าแตะ เหมือนเพลงที่เคยได้ยินที่ร้องว่า...เธอเป็นเจ้าหญิงที่สวมมาลัยดอกไม้ ฉันเป็นเจ้าชายที่ใส่รองแตะ...ว่าไปนั่น กลับมาเข้าเรื่องกันต่อ..ถึงไหนแล้วนะ อ่อ...ถึงตอนครั้งแรกที่ผมและเธอจะได้มีโอกาสพบกันซะทีหลังจากที่คุยกันมาหลายเดือน เคยอ่านเรื่องรักออนไลน์เค้าเขียนว่าถึงแม้คุณจะคุยกับคู่แชตของคุณนานเพียงใด หรือใช้ถ้อยคำสวยหรูอย่างไรก็ตาม ทุกอย่างจะกระจ่างชัดก็เมื่อคุณและเขา(หรือเธอ)ได้พบเจอกันจริงๆเท่านั้น แค่เพียงเสี้ยววินาทีคุณก็สามารถรู้ได้ทันทีว่าคนที่คุณออนไลน์คุยด้วยมานานแสนนานใช่คนนั้นที่เป็นหนึ่งในล้านของคุณหรือไม่...เหตุการณ์นี้กำลังจะเกิดขึ้นกับผม นั่นแน่ตื่นเต้นแทนผมใช่มั๊ยครับ

       "ตัวเองจ๋าตอนนี้เค้าใกล้จะถึงสถานีขนส่งแล้วนะ" 

     คำแทนตัวว่า ตัวเองกับ เค้า คือสรรพนามที่เราใช้แทนตัวเองเวลาคุยกัน กว่าจะได้สองคำนี้มาก็ยากเย็นล่ะครับแต่ตอนนี้เราบอกตัวเองว่า.. เรารักกันแล้ว รักโดยไม่เคยพบตัวจริงกันสักครั้ง

      "อะไรนะไหนตัวเองว่าจะมาถึงตอนทุ่มหนึ่งไง"

                เอาล่ะสินัดทุ่มหนึ่งมาถึงห้าโมงเย็นแบบนี้จะเตรียมตัวทันไหมเนี่ย แต่ยังไงก็ต้องทันครับ 

      "งั้นเดี๋ยวเค้าออกไปรับนะถ้ามาถึงก่อนก็รอแป็บนึงนะครับ"

                ผมรีบกระวีกระวาดปั่นจักรยานคู่กายไปยังที่นัดหมายครั้งแรกของเราที่ช่างแสนจะโรแมนติก...สถานีขนส่งผู้โดยสาร หรือ บ.ข.ส.นั่นเอง แปลกใจตัวเองเหมือนกัน จำได้ว่าตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยนัดผู้หญิงในสถานที่แบบนี้เลย แต่คราวนี้ทำไมถึงไม่รักษาภาพพจน์เอาซะเลย แถมปั่นจักรยานมารับเธอซะนี่ ...ผมบอกกับตัวเองว่าด้วยอายุตัวเองขนาดนี้คงไม่มีเวลามาจีบผู้หญิงเล่นๆแก้เซ็งอีกแล้ว ถ้าเธอจะรับไม่ได้ที่ผมปั่นจักรยานมารับเธอผมก็คงต้องยอมรับ เพราะตัวเราเองก็คงเป็นได้แค่เพียงเจ้าชายรองเท้าแตะ...

                  "ตัวเองจ๋าเค้ารออยู่ที่ บ.ข.ส.แล้วนะจ๊ะ"

       เสียงหวานๆที่คุ้นเคยดังผ่านมือถือเช่นเดิม แต่คราวนี้หัวใจผมเต้นไม่เป็นส่ำ ก็มันเป็นครั้งแรกที่เราจะได้พบกันนี่นา...

       ภาพของผู้หญิงตัวเล็กๆที่ปรากฏอยู่เบื้องหน้าผมขณะนี้ไม่ได้แตกต่างไปจากความรู้สึกนึกคิดที่เคยวาดไว้ ท่าทางทางที่ทะมัดทะแมงบอกให้รู้ถึงนิสัยส่วนตัวที่เป็นขาลุย ไปไหนไปกัน ดีล่ะจะพาผจญภัยให้ลืมโลกไปเลย....แล้วคำแนะนำตัวอย่างเป็นทางการในโลกแห่งความเป็นจริงก็เริ่มขึ้น

    สวัสดีครับเวย์ครับ               

     สวัสดีค่ะไอค่ะ

      และนี่คือจุดเริ่มต้นของสองหัวใจที่กำลังจะเต้นเป็นจังหวะเดียวกันไปตลอดชีวิตสองหัวใจที่สัญญากันว่าไม่ว่าระยะทางจะไกลแสนไกลแค่ไหน.. ไม่ว่าช่วงเวลาที่ต้องรอคอยกันและกันจะนานแสนนานเพียงไหน  และไม่ว่าชีวิตข้างหน้าจะต้องเผชิญกับอะไร สองหัวใจนี้จะหัวเราะด้วยกัน ร้องไห้ด้วยกัน อยู่เคียงข้างกัน ไปจนกว่าลมหายใจสุดท้ายจะพรากเราสองคนจากกัน

      เรื่องราวที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อไปนี้ถูกเขียนขึ้นจากไดอารี่ของคนสองคน ...ที่อยากให้ความรักครั้งนี้มีตัวตนอยู่ในโลกของตัวอักษร และอยากจะแบ่งปันเรื่องราวของความรู้สึกที่เกิดขึ้นให้กับทุกคนที่อาศัยอยู่ใน โลกที่น่าอยู่ใบนี้...เริ่มกันเลยนะครับ


                               ตอน ...ความฝันอันแสนสุข...

   เช้าวันนี้ตื่นเช้ามาพร้อมความชื่นใจ ใจจริงก็ไม่อยากตื่นจากห้วงเวลาของความฝันเท่าไหร่หรอกนะ แต่ว่าโลกแห่งความเป็นจริงก็ปลุกให้เราตื่นขึ้นมาเพื่อสู้ชีวิตต่อไป... ความฝันของเมื่อคืนเมื่อตื่นขึ้นมาแล้วอดยิ้มและคิดถึงมันไม่ได้ มันน่าจะเป็นความฝันที่ทุกๆคนก็ต้องการจะมี แต่มันยากนักที่จะทำให้เป็นจริงขึ้นมาได้  มันเป็นความฝันที่เป็นสุขจริงๆนะ ลองอ่านดูแล้วคิดภาพตามแล้วจะได้รับรู้ถึงความสุขที่ได้รับซึ่งอยากจะแบ่งปันให้ทุกคน เป็นความฝันของการมีชีวิตคู่ที่สมบูรณ์แบบอย่าบอกใครเลยล่ะ ครอบครัวที่อบอุ่นประกอบด้วยสามหัวใจที่ร้อยเรียงไว้ด้วยกัน คือ พ่อ แม่พร้อมกับ ยายหนู นางฟ้าตัวน้อยๆ (ที่น่ารัก ยิ้มเก่ง เรื่องคุยยกให้เป็นที่หนึ่ง คิ้วเข้ม จมูกโด่งเหมือนแม่ น่ารักเหมือนพ่อ) ยายหนูตัวน้อยจะตื่นแต่เช้ามาปลุกพ่อกับแม่ด้วยรอยจูบที่แก้ม 

                 : พ่อจ๋า...ตื่นไปทำงานได้แล้วค่ะหนูจะไปโรงเรียน

                : แม่จ๋า...ตื่นทำกับข้าวเร็วค่ะเดี๋ยวพ่อกับหนูสายนะ

                ในความฝัน...เป็นคำพูดของยายหนูตัวน้อยที่ปลุกพ่อกับแม่ให้ตื่นจากความหลับใหล ช่างเป็นคำพูดที่ฟังแล้วมีความสุขอย่าบอกใครเลยล่ะ นางฟ้าตัวน้อยก่อนจะไปโรงเรียนก็ชอบให้พ่อถักเปียและผูกโบว์ สวยๆให้  ทั้งสามคนออกจากบ้านไปพร้อมกันนั่งรถคันเดียวกัน... ส่งยายหนูตัวน้อยไปโรงเรียน จูงมือกันข้ามถนน หอมแก้มพ่อกับแม่ก่อนที่จะเดินเข้าไปโรงเรียน หลังจากเลิกงานก็ไปรับกลับบ้านพร้อมๆกัน ใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่กับยายหนูตัวน้อย....พอมาถึงบ้านยายหนูตัวน้อยก็มีเรื่องที่โรงเรียน มาเล่าให้พ่อเธอฟังทุกวัน ไม่รู้เรื่องไรต่อเรื่องไร แล้วทั้งสามก็ทำการบ้านด้วยกัน หยอกล้อกันเล่นตามประสาพ่อแม่ลูก มันช่างเป็นความฝันที่มีความสุขจริงๆ ถ้าหากว่าเป็นแบบนี้ขึ้นมาจริงๆก็คงจะมีความสุขไม่ใช่น้อย แต่แล้ว.....พอลืมตาขึ้นมาสิ่งที่เห็นก็คือความว่างเปล่า หันไปรอบตัวก็ไม่มีใครมีแต่เพียงตัวของตัวเองที่อยู่ในกระจกเงา เพียงลำพัง

            ปล. แต่ตอนนี้ก็มีใครคนหนึ่งที่ได้รับรู้ความฝันแล้วให้คำมั่นว่าจะทำให้มันเกิดขึ้นจริง...อย่าลืมนะจ๊ะ

                ...ข้อความดังกล่าวถูกส่งมายัง  E  mail ของผมๆอ่านมันด้วยความรู้สึกที่อบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก จริงอย่างที่คนเขียนไดอารี่นี้พูด หากเลือกได้ทุกคนคงต้องการมีโลกแห่งความเป็นจริงที่เพียบพร้อมด้วยสมาชิกในครอบครัวที่อบอุ่นแบบนี้  ...ผมอ่านซ้ำแล้ว...ซ้ำเล่า อยากจะซึมซับทุกๆความรู้สึกของทุกๆตัวอักษร ยิ่งอ่านหัวใจก็ยิ่งพองโต บอกกับตัวเองว่านี่ล่ะคือครอบครัวในฝันของตัวเอง ครอบครัวที่มี พ่อ แม่ และยายหนูหรือตาหนูตัวน้อย ครอบครัวที่ทุกหัวใจประสานเป็นหนึ่งเดียว ....ถึงแม้ว่าเรื่องนี้จะจบลงตรงที่หญิงสาวตื่นขึ้นมาจากความฝันพร้อมกับความว่างเปล่า และเงาของตัวเองในกระจกเท่านั้น  แต่อยากจะบอกเธอว่าสักวันหนึ่งนะเมื่อเธอตื่นขึ้นมาในตอนเช้า...เธอจะพบว่าภาพของความฝันในวันนี้มันได้กลายเป็นความจริงขึ้นมาแล้ว...

                ป.ล. ถึงตาหนู หรือ ยายหนู หากวันหนึ่งลูกบังเอิญได้มาอ่านไดอารี่หน้านี้อยากให้รู้ว่ามันถูกเขียนขึ้นด้วยความรักโดย พ่อ และ แม่ ของหนูเอง



                                     ตอน...ลิ้นชักแห่งความทรงจำ....

       ตัวเองจ๋าเค้ารักตัวเองนะ...ถ้าหากว่าเกิดอะไรขึ้นมาขอให้ตัวเองได้รู้ไว้นะว่าเค้าดีใจที่ได้รักตัวเอง ได้รู้จักตัวเอง และขอบคุณนะที่คอยอยู่เคียงข้างเค้าในยามที่เค้าไม่มีใครประโยคนี้ หากว่าใครได้ยินก็คงจะมีความสุขมิใช่น้อยแต่เมื่อคืนนี้ คำพูดประโยคนี้ได้ทำให้น้ำตาของผู้หญิงตัวเล็กๆคนหนึ่งไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว เพียงแค่คิดว่า...ถ้าหากว่าเค้าเป็นอะไรขึ้นมาจริงๆแล้วความฝันและอนาคตที่เคยวาดไว้.ยายหนูกับตาหนูตัวน้อยก็คงจะไม่มีแล้วสินะเพียงแค่คิดเท่านั้น น้ำตาเจ้ากรรมก็ไหลออกมาอย่างกับฟ้ารั่วจนทำให้อยากที่จะวางสายทิ้งจากคนๆนั้นที่พูดคำๆนี้ขึ้นมาเพียงแค่ไม่อยากให้เค้าได้ยินเสียงของเราร้องไห้....แต่แล้วเค้าคนนั้นก็ได้ห้ามเอาไว้... ไม่ต้องวางสายนะคนดีอยากร้องไห้ก็ร้องเถอะนะ เค้าจะอยู่เป็นเพื่อนตัวเองในยามที่ตัวเองร้องไห้ แทนที่เจ้าน้ำตาจะหยุดไหล น้ำตาเจ้ากรรมก็ยิ่งไหลลงมาโดยที่ห้ามตัวเองก็ไม่ได้....เค้าคนนั้นก็เลยต้องทนฟังเสียงร้องไห้........ของผู้หญิงคนนี้ตั้งนาน....หยุดร้องไห้ได้แล้วนะคนดี...เค้าไม่ไปไหนหรอกเค้าจะอยู่กับตัวเองนะ เมื่อได้ยินประโยคนี้ก็พยายามที่จะยับยั้งน้ำตาไว้ไม่ให้ไหล...กว่าจะห้ามได้ก็เอาซะเหนื่อยอยู่เหมือนกันเค้าคนนั้นร้องเพลงให้ฟังก็หลายเพลงอยู่เหมือนกันนะ กว่าจะกลับมาเป็นคนๆเดิม และแล้วน้ำตาก็หยุดไหลจนได้...(ดีใจจัง..ที่ห้ามน้ำตาได้แล้ว) จากนั้นเราสองคนก็คุยกันอยู่นาน ร้องเพลงที่เป็นเพลงของเรา ( Because YoU LovE Me ) จนถึงเวลาที่ต้องเอ๋ยคำ Goodnight และจบท้ายด้วยคำว่า รักนะคับ แค่นี้ก็ทำให้หลับอย่างเป็นสุขแล้ว 


          ปล. ฝากไปถึงเค้าคนนั้นนะค่ะ ขอบคุณนะที่อยู่เป็นเพื่อนไม่ทิ้งกันเวลาที่ เค้าเสียน้ำตา 

            อีกครั้งที่ผมมีโอกาสได้อ่านไดอารี่ของเธอคนนั้นไม่ใช่สิต้องใช้คำพูดว่าคนนี้ถึงจะถูก เพราะความรู้สึกมันบอกว่าเธอคือคนที่ใกล้ชิดกับเราเหลือเกิน ถึงแม้ตัวเธอจะอยู่ไกลแสนไกล แต่กลับรู้สึกว่าสองหัวใจอยู่ใกล้ชิดกันจนได้ยินเสียงของลมหายใจ จริงสินะ...บางครั้งคำพูดเพียงเล็กน้อยของใครสักคนช่างมีบทบาทกับความรู้สึกของเราซะเหลือเกิน หากผมเป็นคนๆนั้นที่เธอหมายถึงผมอยากจะบอกเธอนะว่า ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแสนนานเพียงใด ทุกคำพูด ทุกถ้อยคำ ทุกๆความรู้สึกดีดีที่มอบให้แก่กันจะยังคงอยู่ตลอดไป ภาพของตาหนูและยายหนูที่เธอเคยวาดไว้จะต้องเกิดขึ้นจริงอย่างแน่นอนหากไม่เกิดเหตุการณ์ดังเช่นบรรทัดแรกของไดอารี่ขึ้นมาซะก่อน ถ้าผมเป็นผู้ชายคนนั้นผมคงรู้สึกดีไม่น้อยกับความรักที่มอบให้ด้วยหัวใจบริสุทธ์ของผู้หญิงคนนี้ และถ้าผมเป็นผู้ชายคนนั้น ผมอยากบอกเธอเหลือเกินว่าผมรักเธอมากแค่ไหน ไม่ว่าเธอจะร้องไห้สักกี่ครั้ง เธอจะมีผมคอยอยู่เคียงข้างเสมอ คอยซับน้ำตาให้กับผู้หญิงแสนดีคนนี้ คอยร้องเพลงที่เธอบอกว่าเป็นเพลงของเราให้เธอฟัง ทุกวัน...ทุกวัน จนกว่าลมหายใจสุดท้ายของเราจำต้องพรากจากกัน ถ้าผมเป็นผู้ชายคนนั้นผมจะรักเธอให้มากๆจนคนทั้งโลกต้องอิจฉา เจ้าหญิงของดอกไม้ คนนี้ของผม ....ใช่ครับ คุณคิดถูกแล้วเพราะผมคือ ผู้ชายคนนั้น เจ้าชายรองเท้าแตะของเธอ 

          ป.ล.ไม่ต้องขอบคุณหรอกนะครับเพราะสิ่งที่ผมมอบให้นั้นมันเทียบไม่ได้เลยกับสิ่งที่ได้รับมาจากหัวใจที่งดงามของเธอ 


                วันที่เรื่องราวในไดอารี่นี้ถูกตีพิมพ์ความสัมพันธ์ระหว่าง เจ้าหญิงของดอกไม้ กับ เจ้าชายรองเท้าแตะ คงดำเนินไปถึงจุดใดจุดหนึ่งบนเส้นทางสู่ความฝันของเราทั้งสองคน ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตามช่วงเวลาที่เราเดินทางร่วมกันคือเวลาที่มีค่าที่สุดแล้วสำหรับเส้นทางที่เราเลือก...แล้วคุณล่ะครับ...ไม่อยากเก็บความรู้สึกดีๆแบบนี้ไว้ในกล่องความทรงจำของตัวเองบ้างหรือ....


       เพลงทั้งหมดใจhttp://www.yimsiam.com/club/board/topicRead.asp?wbID=musicbox&id=000265				
22 เมษายน 2550 23:48 น.

จดหมายที่เขียนถึงแม่

สายน้ำแห่งรัก

"แม่จ๋า เมื่อแม่กับน้องได้อ่านจดหมายฉบับนี้ นั่นคงหมายถึง...ลูกชายคนโตของแม่กับพี่ชายคนเดียวของน้องได้จากไปแล้ว จากไปในโลกที่แม้แต่ตัวเองก็ไม่รู้ว่าจะต้องเผชิญกับอะไรบ้าง...ใช่ครับลูกของแม่ได้ตายจากไปแล้ว"

          "แม่จ๋าจำได้ได้ว่าตั้งแต่เกิดมานอกจากเรื่องเรียนแล้วไม่เคยทำให้พ่อกับแม่ได้ภูมิใจเลย และวันนี้ก็คงเป็นอีกวันที่ลูกคนนี้กำลังจะทำให้แม่กับน้องเสียใจ แม่จ๋า...ลูกผู้ชายเกิดมาทั้งทีถ้าเอาดีไม่ได้ก็ขอตายซะดีกว่าอยู่ให้คนตราหน้าว่าเป็นไอ้ขี้แพ้ ปัญญาอ่อน แม่จ๋าลูกรับไม่ไหวแล้วกับสิ่งที่กำลังเป็นอยู่.....แม่จ๋าน้องจ๋าไม่ต้องร้องไห้ให้กับผมนะผมไม่มีค่าเพียงพอที่จะต้องเสียน้ำตาให้...ฝากน้องสาวดูแลแม่ด้วยนะพี่เชื่อว่าน้องสาวต้องทำได้ดีกว่าพี่แน่นอน"

            "แม่จ๋า..น้องจ๋า ต้องไปแล้วนะ ...ไปอยู่ใกล้ๆพ่อ ไปทำในสิ่งที่เกิดมาลูกคนนี้ยังไม่เคยทำให้พ่อซักครั้ง... ลาก่อนครับ"

           ป.ล.รักแม่และน้องเสมอมาจนกระทั่งวาระสุดท้ายของชีวิต...ถึงแม้จะไม่เคยบอกเลยซักครั้งก็ตาม...

                         ลูกชายคนโตของแม่และพี่ชายของน้อง...

        ไม่ต้องตกใจนะครับ(เอ..หรือว่าตกใจไปแล้ว) จดหมายฉบับนี้ถูกเขียนขึ้นจริงๆแต่ไม่มีใครตายหรอกนะครับ เพราะอะไรน่ะเหรอครับ ก็ก่อนที่จะมีการอัตวิบากกรรมตัวเอง ผู้หญิงที่ถูกเจ้าของจดหมายเรียกว่า "แม่จ๋า" ก็ออกมาเห็นพอดี ...ไม่ครับ นี่ไม่ใช่ละครน้ำเน่าแต่คือเรื่องที่เกิดขึ้นจริงในสังคม ในแต่ละวันผมไม่รู้ว่ามีคนคิดฆ่าตัวตายกี่คน และทำสำเร็จกี่คน แต่ผมรู้ว่าคนที่คิดจะทำนั้นช่วงเวลาดังกล่าวต้องเป็นจุดวิกฤติที่สุดของอารมณ์และของชีวิต ...

         เจ้าของจดหมายเองก็คงไม่ต่างกัน  ภาระปัญหาต่างๆนานาถูกโยนเข้าใส่พร้อมกัน ในสภาวะที่ขาดกำลังใจ ขาดคนที่เข้าใจจริงๆ 

      "จะมีใครสักคนมั๊ยนะในโลกนี้ที่เข้าใจเรา" เขาถามตัวเองแบบนั้น

         และแน่นอนว่าเมื่อเขาตัดสินใจเขียนจดหมายข้างต้นเขาให้คำตอบกับคำถามที่ตัวเองตั้งขึ้นว่า "ไม่มี"...ไม่มีใครเข้าใจถึงเหตุผลของการกระทำต่างๆของเขา แม้แต่คนที่ดูเหมือนจะอยู่เคียงข้างกายเขามาตลอด ...ในหลายๆครั้งที่เขามักจะบอกกับตัวเองและคนอื่นๆเสมอว่า เมื่อเราเลือกทางเดินชีวิตที่ไม่เหมือนคนอื่น ทำในสิ่งที่ขัดกับพื้นฐานเดิมๆที่ถูกปลูกฝังกันมานานตั้งแต่มีมนุษย์เกิดขึ้นมาในโลก แน่นอนว่าเมื่อคุณทำพลาดไม่ว่าเหตุผลใดๆก็ตามคุณต้องพร้อมที่จะรับคำสบประมาท รับผลของชะตากรรมที่คุณเองเป็นผู้เลือกเดิน เพราะสังคมมักตัดสินว่า เราเป็นอัจฉริยะ หรือ แค่ปัญญาอ่อน จากผลของความสำเร็จในสิ่งที่กระทำ ไอสไตน์ ก็คงเป็นแค่คนปัญญาอ่อนหากผลลงานของเขาไม่สำเร็จก่อนที่เขาจะตาย แต่สำหรับเขามันต่างกัน ...ครั้งนี้มันเกินกว่าที่มนุษย์คนหนึ่งจะรับไว้ได้ ความล้มเหลวครั้งแล้ว...ครั้งเล่า ถูกสะสมไว้ด้วยปัญหาที่เพิ่มมากขึ้นจนถึงจุดระเบิด ...ทางออกเดียวสำหรับเขาในเวลานั้นคือ...ตาย..

         แต่แล้วเสียงที่ตะโกนออกมาด้วยความตกใจผสมกับความรักของผู้เป็นแม่ แม่ที่รักลูกเสมอไม่ว่าลูกของตัวเองจะดี..หรือเลว คงเป็นเพราะความรักนี้กระมังที่สามารถหยุดการกระทำของเขาได้ ...ความรักที่เขาลืมไปเสียสนิทว่าในยามที่เขาไม่มีใคร ยังมีผู้หญิงคนหนึ่งคอยอยู่เคียงข้างเขาเสมอ "แม่เชื่อว่าหนูต้องทำได้" คือคำพูดที่ฟังแล้วแทบกลั้นน้ำไว้ไม่ได้ทุกครั้ง 

         "จะทำอะไรน่ะลูก ถ้าจะทำอย่างนั้น ให้แม่ตายก่อนดีมั๊ย อย่างน้อยลูกก็จะได้มีชีวิตอยู่อีกสัก 2-3  วัน เพื่อจัดงานศพให้แม่"

         คุณคิดถูกแล้วครับ ภาพต่อจากนั้น คือ สองแม่ลูกกอดกันร้องไห้ฟูมฟายเหมือนดั่งจะขาดใจไปพร้อมๆกัน จนน้องสาวที่หลับอยู่ตื่นขึ้นมาผสมโรงด้วย สามแม่ลูกกอดคอกันร้องไห้ ..แต่ความรู้สึกตอนนั้นเหมือนกับวิญญาณของผู้เป็นพ่อเองก็อดไม่ได้ที่จะร่ำไห้กับภาพดังกล่าว

         2 ปีผ่านไปแล้ว....วันนี้เจ้าของจดหมายเริ่มต้นเดินทางสุ้ความฝันของตัวเองอีกครั้ง ดั้นด้น ค้นหา เพื่อสร้างรอยเท้าของตัวเอง อีกครั้ง ทำในสิ่งที่เคยเขียนไว้ในจดหมาย ..ลูกผู้ชาย เกิดมาทั้งทีเอาดีไม่ได้ ตายซะดีกว่า..แต่วันนี้เขาขอตายไปพร้อมกับความฝันของตัวเอง ตายไปในวันที่เขากำลังเดินทางสู่ความฝัน ดีกว่าตายไปพร้อมกับความล้มเหลวที่เกิดจากการล้มเลิกของตัวเขาเอง ...และวันนี้คุณกำลังอ่านบทความที่ชายเจ้าของจดหมายฉบับนั้นเขียนขึ้นมา

   ป.ล.ขอบคุณนะแม่จ๋า ที่อยู่เคียงข้างลูกมาเสมอ เชื่อต่อไปนะแม่จ๋า ว่าลูกแม่ทำได้				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟสายน้ำแห่งรัก
Lovings  สายน้ำแห่งรัก เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟสายน้ำแห่งรัก
Lovings  สายน้ำแห่งรัก เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟสายน้ำแห่งรัก
Lovings  สายน้ำแห่งรัก เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงสายน้ำแห่งรัก