10 มิถุนายน 2548 21:20 น.

....ฝน....

อัษ สายน้ำไหล

แล้วค่ำคืนหนึ่งของคืนฝนตก
เอามือยกขึ้นดับไปที่หัวนอน
อากาศก็ลอยพัดความหนาวเข้าหน้าต่าง
ฉันนอนเอียวข้างข้างฝาหลังคาสังกะสี

เม็ดฝนหล่นมานานหลานชั่วยาม
ฉันนอนเฝ้าคนึงถึงเจ้าพร้อมสายฝน
โดดเดี่ยวตนกลางบ้านบ้านควนเคหา
ชีวิตจึงคอยสมส่วนกับมวลแมกไม้

เปรี้ยงปร้างดังอยู่บนหลังคาบ้านเรา
นางเมขลาคงล่อแก้วเจ้าอสูรยักษ์พาล 
พานโกรธคิดลงโทษทัณฑ์เอาขวานขวางไปทันใดใจโกรธ
เสียงขวานไปจึงดังลั่นฟังเป็นเสียงฟ้าร้องเมฆน้อยน้อยก็พลอตกใจลอยไป
อยู่หนไหนรวมใจกันเป็นกลุ่มก้อน
ไม่หน่ายหนีหน้าพาเอาตัวรอด
ช่วยตลอดจึงปลอยภัยมายังพื้นดิน

มนุษย์อย่างฉันได้อาบกิน
พืชพันธ์ชนิดต่างต่างแตกกิ่งก้าน
ใบก็เขียว ดินก็ชุ่ม น้ำก็ปริมคอลง
ตกต่างร้องตื่นเช้าบินไป

ฟ้าแสงทองเริ่มใหม่ฟ้าครามดี
เราต่างดีชื่นสูดดมบรรยากาศเช้า
ผู้ต่างเฝ้าทยานออกจากบ้านมีรั่ว
คือครอบที่อุ่นอบครบพ่อแม่

ช่วยกันปลูกรักสร้างสามัคคี
เป็นวิถีถนนคนในครอบครัว
ล้อมรั่วปลุกรักปักเกสรสืบสาน
สืบทยาทสืบสัญชาติ ชาติไทย				
7 มิถุนายน 2548 21:21 น.

นั่นสายฝน สายน้ำตา 2

อัษ สายน้ำไหล

วันหนึ่งเมฆฝนก็ผ่านฟ้ามายังฉัน			
หยดหยาดเม็ดเย็นเย็นคอยคอยร่วง
เสมือนลวงน้ำตาให้ไหลลงอาบแก้ม		
ความสะอื้นร้องดังลั่นแข่งฟ้าฝน
ภาพสาวเจ้าหลายร้อยยิ้มเสนหา			
เริ่มวนเวียนมาถามหาอดีตแสนสุข
คู่เราต่างสนุกพาตนค้นหาความหมาย		
ต่างยิ้มสยายมองดูคู่สายตากัน
หนึ่งคู่นั้นสายตาเรามองเข้าไป			
หนึ่งคู่นั้นสายตาเธอมองเข้ามา
นั้นคือภาพฝันวันอดีตที่ชื่นชม			
วันนี้เรากลับขมขื่นใจหมดสิ้นรัก
สายฝนยังพรูล่วงลงมาเป็นสาย			
ฝ่ายน้ำตาฉันยังไหลลงเป็นสายเศร้า
ความเศร้าเจ้าเอยจงลบเลื่อยไปสายฝน		
จงเหลือไปไว้แต่ใจบริสุทธิ์เหมือนฝน
ที่หล่นร่วงเหลือไว้แต่ความชื่นฉ่ำ			
เป็นความเลศล้ำยามฝนมาฟ้ายามนี้				
4 มิถุนายน 2548 21:16 น.

นั่นสายฝน....สายน้ำตา

อัษ สายน้ำไหล

นั่นสายฝน สายน้ำตา  1

เย็นย่ำใกล้ค่ำน้ำหลั่งลดเป็นสายเส้น		
ลมไหวเย็นกายต้องหนาวสั่นมิใช่ฝัน
หญ้าเล่นกับลมไกวไปตามทิศตะวัน		
หนึ่งคนนั่นยืนรับฝนกลางลานกว้างท้องทุ่ง
หนึ่งอดีตที่พ้นผ่านฟาดฟันให้รู้แก่น		
เหมือนจมแน่นกับภาพฝันอันตระการ
เป็นแสงสว่างในอดีตเรียงร้อยพันความ		
เปิดช่องทางเรียนรู้แล้วให้รู้เดิน
หนึ่งนามบุรุษผู้เดินตามกาลเวลา			
พบผ่านพาความหลายหลากฉากชีวิต
บ้างชื่นฉ่ำจิตบ้างชีวิตจิตซ้ำโรยรา			
บางครั้งผ่านมาบ่อน้ำตาหล่นหลั่ง
ผ่านความเจ็บซ้ำตอกย้ำความล้มเหลว		
ความฝันผ่านไปรวดเร็วเหลือไว้แต่น้ำตา
เกิดจาก(ชาย)ใจไว้วางปล่อยใจไปอิสระ		
ความรักกลับหายไปเพราะชายอื่น
ผู้คอยยื่นความหวานปลายคมดาบ			
แต่เจ้าหล่อนชอบเห็นเป็นดอกบัว
เมามัวไหลหลงความงามตามรูปกาย		
สิ่งสุดท้ายใจก็ตายกายก็แตกสลาย				
4 มิถุนายน 2548 21:09 น.

คิดถึงบ้าน ..2 บ้านเรา

อัษ สายน้ำไหล

คิดถึงบ้าน ...2 บ้านเรา

น้ำตาพ่อแม่ไหลเชียวอาบแก้ม
แก่ยินดีที่พี่น้องลูกแก่มีรักพันผูก
เหมือนเกลียวเชือกรัดแน่นสายใย
อยู่หนแห่งใดพ่อแม่วางใจลูกยา

บ้านเธอล่ะเพื่อนฉันเป็นอย่างไร
บอกได้ไหมฉันเป็นห่วงและคิดถึง
น้าอรดี แม่เธอใจดีเป็นเหมือนแม่ฉัน
บอกท่านด้วยว่านางกล้วยคิดถึง


วันหน้าหากว่างจะไปบ้านกินข้าว
บ้านเธอไห้วแม่อรดีคุณพ่อธานี
สามีแม่เธอคนบ้านฉันเอง
ตุ้ง ตุ้ง ตุ้ง เสียงกลองเช้าดังมา

เป็นเวลาบอกเวลา พระฉันเช้า  
วัดเรามีหลวงพ่อ คนรักแน่น
เพราะท่านเป็นเหมือนพ่อของ
คนทั้งหมู่บ้าน  บ้านนิมมารดี

ชื่อนี้เหมือนชื่อสรวงสวรรค์
วันนี้วันพระหลวงพ่อท่านเทศน์
น่าฟัง จำง่าย ไม่คิดลึก ทำได้
ศีลห้าเบื้องต้น เป็นคนสมบูรณ์				
4 มิถุนายน 2548 15:24 น.

คิดถึงบ้าน 1

อัษ สายน้ำไหล

คิดถึงบ้าน(1)

ลิ่วลมโลมไล้จากปลายท้องทุ้งข้าวเขียว
ลิ่วล้อริมไพรลอดเลี้ยวรั่วเดินริ้ว
เดินกวัดไกวเดินไหลไปตามทาง
ผู้คนต่างพาปิ่นโต สำหรับคาวหวาน

เดินย่างต่างดีใจได้ไปวัด วัดความดี
ล้อมรั่วล้อมรักต่างกันก็รักที่ใจ
เดินไปบนไหลทางต่างคนทัก
ต่างคนถามความถึงสบายภายในบ้าน

บ้านเธอบ้านฉันวันวานเป็นอย่างไร
บ้านฉันวันนี้มีพี่ไปในเมือง
เพื่อต่างซื้อของน้องนุ่งที่ฝากไป
แต่วันวานวานที่ผ่านมาบ้านฉันหัวเราะ

หยอกล้อล้อเล่นกันเป็นเหมือนนกร้อง
กลางไพรเจียวแจ่วเป็นเสียงก้อง
ต่างคนต้องเนื้อตัวกันและกัน
ปั่นความรักพี่น้องท้องเดียว
				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟอัษ สายน้ำไหล
Lovings  อัษ สายน้ำไหล เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟอัษ สายน้ำไหล
Lovings  อัษ สายน้ำไหล เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟอัษ สายน้ำไหล
Lovings  อัษ สายน้ำไหล เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงอัษ สายน้ำไหล