22 มกราคม 2547 22:20 น.

ปีเก่า--ปีใหม่-- ปีหน้า

ฮิคารุ

ปีเก่าที่ผ่านไป
                                             ปีใหม่ที่เพิ่งผ่านมา
                                             คอยรอว่าปีหน้า
                                             เมื่อไหร่หนาจะมาที

                                                  การเรียนมัธยม
                                             ไม่สุขสมหรือเปรมปรีดิ์
                                             การบ้านก็มากมี
                                             ฉันสินี่ต้องหมั่นเพียร				
15 มกราคม 2547 22:23 น.

มันเป็น...ความรู้สึกที่บอกไม่ถูก [3]

ฮิคารุ

เรื่องนี้เกิดขึ้นในวันพฤหัสบดีที่ 15 มกราคม พ.ศ.2547
หรือเรียกง่ายๆว่าวันก่อนวันครู

วันนี้ฉันก็ไปโรงเรียนตามปกติ
เอากระเป๋าไปเก็บบนห้อง
แล้วเดินไปเข้าแถวที่อาคารอื่น
มันช่างเป็นวันที่เรียบง่ายจริงๆ

ฉันนั่งรอเพื่อนคนอื่นๆที่กำลังเดินมาเข้าแถวอยู่
เธอเดินมาพอดี
ด้วยบางสิ่งบางอย่างที่เปลี่ยนไป
เธอใส่เสื้อ กระโปรง และ เสื้อคลุม สีชมพูอ่อนๆ เนื้อผ้าวาวมัน
มันช่างผิดกับวันอื่นๆที่เธอมักจะใส่เสื้อตัวใหญ่ๆ กับกางเกงพละ
มันทำให้ฉัน...รู้สึกแปลกๆนะ

เมื่อถึงหมายกำหนดการเวลาที่วางไว้
ทุกคนเข้าประจำที่รวมทั้งเธอด้วย
ฉันมองไปให้ไกลที่สุด
จนเห็นเธอนั่งอยู่ประมาณแถวที่3
มันช่างยากต่อการมองเธอจริงๆ

พิธีไหว้ครูหรือกตัญญุตานี้ใช้เวลาเบ็ดเสร็จประมาณ 1 ชั่วโมง
จบพิธีก็ไม่มีอะไร...เพราะเธอหายไปไหนก็ไม่รู้
ฉันเดินข้ามอาคารกลับไปที่ห้องเรียนของตัวเอง
ถอดรองเท้าเดินเข้าไป...
เธอยืนคุยกับมิสคนหนึ่งอยู่
ฉันเห็นเธอ
เธอเห็นฉัน
แต่คงไม่มีอะไรต้องพูด
ฉันจึงเดินกลับห้องเรียนไป

พักกลางวัน
ฉันเดินไปกินข้าวเที่ยงที่อีกตึกหนึ่ง
ฉันต่อแถวซื้ออาหาร
ซื้อเสร็จก็เดินไปหาที่นั่ง
ฉันเห็นเธอเพิ่งกินเสร็จและเดินไปเก็บจานพอดี
เธอเดิน เดิน และเดิน ไปไหนก็ไม่รู้

เมื่อฉันกินข้าวเสร็จก็เดินกลับตึก
สัญญาณเพลงดังให้เข้าห้องเรียน
ฉันเดินไปเข้าแถวที่ระเบียงชั้น3  ข้างๆห้องเรียน
...ซึ่งเปิดไฟอยู่...
ฉันจึงเดินเข้าไปเก็บของ
เอาของวางไว้บนเก้าอี้
หันหลังกำลังจะเดินออกจากห้อง...
...เธอนั่งอยู่ที่โต๊ะ...
มันหมายความว่าอะไรกานนนนนนนนนน
ทำไมตอนที่ฉันเดินเข้าห้องฉันจึงไม่เห็นเธอ  มันหมายความว่าอะไร
ฉันก็เดินออกจากห้องโดยพยายามทำเป็นไม่สนใจเธอ
แต่ใจฉันมันบังคับสมองให้สั่งตา
...หันไปดูเธอ...
พอแล้ว!!!!!
ออกไปเข้าแถวดีกว่า

ฉันค่อยๆเดินตามแถวเข้ามาในห้อง
เธอยังนั่งอยู่
คาบนี้เธอจะอยู่กับฉัน ฉันจะอยู่กับเธองั้นหรือ
ฉันเดินไปนั่งที่โต๊ะ เงียบ...
แล้วฟัง...
เสียงคุยดังสนั่นแทบเป็นบ้าของเพื่อนๆในห้อง
กับสายตา...ของเธอที่ดูโกรธ
เธอพูดให้ในห้องได้ยิน
...แล้วก็เดินออกจากห้องไป...
มันหมายความว่าอะไรกัน..................

วันนี้เลิกเรียนเร็วเป็นพิเศษ
ฉันจึงเดินไปกินสเวนเซนส์ที่โรบินสันกับเพื่อนอีก 5 คน
เดินกลับมาที่โรงเรียนอีกทีก็ 15.30 น.
ฉันนั่งอยู่กับเพื่อนอีก 2 คน
ใจก็ยังคอยพะวงอยู่กับเธอ
ฉันจึงเดินออกไปดูมอเตอร์ไซค์ยานพาหนะคู่ชีพ...ของเธอ
มันยังคงอยู่กับที่
งั้นก็แปลว่าเธอยังไม่กลับบ้านน่ะสิ

ตอนนี้เพื่อนคนนึงกลับไปแล้ว
ฉันจึงเดินเล่นอยู่ที่สนามหน้าโรงเรียนกับเพื่อนอีกคนหนึ่ง
เดินไปเดินมา เห๊อะ!!!!!
เธอ เธอ เธอเดินอยู่ที่หน้าตึก
เธอปล่อยผมยาวสลวยที่ฉันยังไม่เคยเห็นเธอปล่อย
เพราะปกติแล้วเธอจะรวบไว้เสมอ
เธอน่ารักจริงๆ

ฉันรีบวิ่งไปดูเธอในระยะห่างๆ
เธอเดินสะพายเป้เดินไปยังมอเตอร์ไซค์ที่จอดอยู่ตรงทางที่จะไปท่าเรือ
เธอจะกลับบ้านแล้วหรือไงกัน
ฉันเฝ้ามองเธอเดินไปแล้วหยุดเดิน
กับมิสคนหนึ่ง

มองเห็นไม่ชัดนักว่าเธอทำอะไร
แต่ฉันก็พยายามเขย่งปลายเท้า
แล้วอยู่ดีๆรถคันหนึ่งก็มาจอดบังหน้า...
สักครู่ก็ขับผ่านไป
แต่เธอหายไปแล้ว
...ชักจะทนไม่ไหวแล้วนะ...
ฉันตัดสินใจเดินไปกับเพื่อน ตรงไปยังท่าเรือ
เดินผ่านมอเตอร์ไซค์ ทะเบียน บทง381 ของเธอ
หยุดมองด้วยความแปลกใจ
ว่าทำไมเธอไม่ขี่มอเตอร์ไซค์กลับบ้าน
ฉันยังคงเดินต่อไปเรื่อยๆตรงไปยังท่าเรือ
เธอหายไปไหนน้า...ฉันคิดในใจ
ฉันเดินไปหยุดที่ตรงรั้วเหล็ก
ตรงที่ห้ามไม่ให้นักเรียนออกไปซื้อของกินนอกโรงเรียน
มองออกไป...
...เธออยู่ตรงนั้นเอง...
กับมิสคนนั้นที่เดินมาด้วย
ท่าทางเธอคงจะกลับบ้านด้วยรถของมิสคนนั้น
ฉัน ฉันไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรดี
แต่ฉันก็พยายามดึงเพื่อนออกไปด้วย
ฉันอาจดูเหมือนว่าอยากเหลือเกินที่จะออกไปกินขนมนอกโรงเรียน
แต่ในใจของฉันยังคงเฝ้ามองเธออยู่ห่างๆ...จนอยากเข้าไปใกล้ๆ
เอ๊า! สองสาวยังไม่กลับอีกเหรอ กลับกี่โมงหละ
เธอหันมาเห็นฉันพอดี
ฉันเลยตอบเธอไปว่า 5 โมง
เธอยิ้ม...
แล้วก็ขึ้นรถที่ขับออกไปที่ไหนก็ไม่รู้...ไป

หัวใจฉันตื่นเต้นจนพองโตในวินาทีที่เธอเรียกฉัน
แต่หัวใจฉันก็หล่นวูบในนาทีที่เห็นรถเคลื่อนที่ออกจากที่จอดรถรถไป

เฮ้อ!ทำไมน้า...ฉันกับเธอถึงไม่มีโอกาสได้ใกล้ชิดกันนานๆซะที				
7 มกราคม 2547 22:16 น.

มันเป็น...ความรู้สึกที่บอกไม่ถูก [2]

ฮิคารุ

ในวันนั้น
วันพุธที่ 31 ธันวาคม พ.ศ.2546
โรงเรียนฉันหยุดเรียนแล้ว
ฉันจึงตั้งใจตื่นเช้าเป็นพิเศษ
เพื่อที่จะมาทำสิ่งๆนึง...ให้เธอ

ฉันใช้เวลาเป็นชั่วโมง
ในการคิดออกแบบทำสิ่งๆนี้ให้กับเธอ
ฉันวาดแล้วก็ลบอยู่หลายครั้ง
จนในที่สุด...
ฉันก็ได้แบบของการ์ดปีใหม่ที่เสร็จสมบูรณ์ที่สุด
ตั้งแต่ฉันเกิดมาฉันยังไม่เคยตั้งใจทำการ์ดให้ใครมากเท่านี้มาก่อน
ซึ่งตัวฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกัน...ว่าทำไม

นี่เพียงแค่ร่างแบบเท่านั้นนะ
ยังมีส่วนประกอบของการ์ดอีกมากมายที่ฉันต้องทำ
ฉันหยิบกระดาษa4 สีขาวสะอาด ออกมา 3 แผ่น
แผ่นแรกกับอีกครึ่งแผ่น ฉันเอามาวาดให้เป็นซองจดหมาย
มันไม่ง่ายเลย สำหรับซองจดหมายที่ทำเองแล้วมีขนาดใหญ่
แต่ในที่สุด...
ซองจดหมายก็เสร็จสมบูรณ์
...ภายในเวลา 2 ชั่วโมง...

จากนั้นฉันก็บรรจงร่างขนาดของการ์ดที่วางไว้ลงในกระดาษ
ตัดออก แล้วเอามาทากาวติดกัน
ออกมาเป็นการ์ด 3 หน้า
หน้าแรกฉันเจาะรูเป็นวงกลมให้พอดีกับพระจันทร์ของหน้าที่สอง
หน้าที่สองฉันวาดรูปพระจันทร์แทนตัวเธอ...
...และใบไม้ที่อยู่บนดินแทนตัวฉัน...
...คงอีกนานกว่าใบไม้ใบน้อยๆนี้จะถูกลมพัดให้ไปถึงดวงจันทร์...
หน้าสุดท้ายฉันแต่งกลอนแปดเพราะๆให้เธอ...

ในที่สุดการ์ดใบนี้ก็เสร็จสมบูรณ์ในตอนดึก
ฉันจัดแจงใส่ซองแล้วก็ให้แม่บ้านเอาไปส่งที่ตู้ไปรษณีย์ในวันรุ่งขึ้น
เพราะฉันไปส่งเองไม่ได้ยังต้องจัดเสื้อผ้า
พรุ่งนี้ฉันต้องไปเที่ยวแล้ว...

ไม่มีใครรับประกันว่าจดหมายฉบับนี้จะส่งถึงผู้รับหรือไม่
มันสำคัญมากแค่ไหนคงไม่มีใครรู้
เพราะฉันไม่ได้บอก...
ว่าจะส่งให้ใคร
ฉันจึงต้องส่งใจให้จดหมายถึงเธอที

เปิดเรียนอีกทีก็วันจันทร์ที่ 5 มกราคม พ.ศ.2547
ตอนเช้าฉันเจอหน้าเธอ
แต่เธอก็ไม่ได้พูดอะไร
ตอนบ่ายเธอก็อยู่กับฉันทั้งชั่วโมง
แต่เธอก็ไม่ได้พูดอะไร
ตอนเย็นฉันเห็นเธอและเธอก็เห็นฉันอยู่ในโรงเรียน
แต่เธอก็ไม่ได้พูดอะไรสักคำ
คืนวันนั้นฉันเฝ้าแต่รอว่าวันรุ่งขึ้นจะได้ยินคำพูดจากปากของเธอ

วันรุ่งขึ้นฉันเจอเธอ
แต่เธอก็ไม่ได้พูดอะไร
จนฉันปักใจคิดว่า...
จดหมายคงยังไม่ถึงมือเธอ หรืออาจจะหายไปแล้วก็ได้
ตอนเที่ยงฉันลงมาพักกับเพื่อน
เจอเธอนั่งกินข้าวอยู่ในโรงอาหาร
จริงๆแล้ว วันนั้นฉันไปนั่งอยู่ใกล้ๆเธอก็ได้
แต่เที่ยงนั้นฉันติดงานสำคัญ
จึงต้องละทิ้งความปรารถนาของหัวใจไป...

ฉันกลับมาหลังจากที่สะสางงานเรียบร้อยแล้ว
โอ้! สวรรค์บรรดาล  ให้เธอยังนั่งกินข้าวอยู่ในโรงอาหาร
ฉันอยากจะไปใกล้ๆเธอ
แต่คิดอีกที  ขอไม่ดีกว่า  เธอคงไม่สนใจฉันหรอก
ฉันจึงมองหาเพื่อน
...ที่บังเอิญไปนั่งอยู่โต๊ะติดกับเธอ...
ฉันจึงต้องไปนั่งตรงนั้น
และฉันก็นึกได้ว่ายังมีงานต้องจัดการ
...กับเพื่อนคนที่กำลังคุยอยู่กับเธอ...
ก็มันช่วยไม่ได้นิ่ฉันจำเป็นต้องคุยกับเพื่อนคนนั้นเดี๋ยวนี้
ฉันจึงเดินเข้าไปหาเพื่อนคนนั้นคุยด้วย
และรอๆเวลาที่เธอจะพูดกับฉัน...
ในที่สุด เธอก็ยอมเอ่ยปากพูดกับฉัน
   เอ้อ..  ชนาธิปมิสขอบใจนะ สวยมากเลยล่ะ
คำพูดของเธอเป็นเพียงคำพูดสั้นๆที่ไม่ชัดเจนสำหรับคนอื่น
แต่สำหรับฉัน...
คำพูดจากปากและใจของเธอ
..มันมีค่าเหนือสิ่งอื่นใด..				
6 มกราคม 2547 22:01 น.

มันเป็น...ความรู้สึกที่บอกไม่ถูก [1]

ฮิคารุ

เรื่องนี้อาจดูน้ำเน่าในสายตาของคนอื่น
ถ้าไม่อยากอ่านก็ไม่เป็นไร............นะ
แต่ฉันอยากจะเล่าให้ฟัง

เรื่องนี้คงไม่เกิดขึ้นหากวันนั้นฉันไม่ได้รู้จักเธอ
ในวันศุกร์ที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ.2546
เป็นวันแรกของการเปิดเทอมอย่างไม่เป็นทางการ
วันนั้นเป็นวันที่เปิดโอกาสให้ครูกับนักเรียนได้รู้จักกัน
เมื่อฉันเห็นหน้าเธอเป็นครั้งแรก
ฉันรู้สึกแปลกๆกับเธอ
มันเป็น...ความรู้สึกที่บอกไม่ถูก
แต่ฉันก็รู้สึกดีเมื่อได้อยู่ใกล้เธอ...

ยิ่งเวลาผ่านไปนานเท่าใด
ฉันก็ยิ่งรู้สึกผูกพันกับเธอมากเท่านั้น
แต่มันก็ยังคงเป็น...ความรู้สึกที่บอกไม่ถูกอยู่ดี

ฉันกับเธอนั้นต่างกันมากนัก
ทั้งเรื่องสิทธิ หน้าที่ และอื่นๆอีกมากมายในโรงเรียน
โดยเฉพาะ...
เรื่องอายุ
เธอนั้นอายุมากกว่าฉันตั้ง 16  ปี 
เธอแทบจะเป็นแม่บุญธรรมของฉันเลยก็ได้
มีอยู่อย่างนึงที่เหมือนกัน
...เพศไง...
แต่ฉันก็ยังคงยืนยันว่าจะยังคงรู้สึกแปลกๆกับเธอเหมือนเดิม

จนกระทั่งวันนั้น
วันพุธที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ.2546
เป็นวันที่ฉันได้ไปทัศนศึกษาที่จังหวัดชลบุรี
นักเรียนทั้งหมดเดินทางโดยรถทัวร์ปรับอากาศ
ในขณะที่นักเรียนส่วนใหญ่กำลังสนุกสนานร้องเพลงเฮฮาอยู่นั้น
รถทัวร์ก็ได้เขย่า สั่นและเหวี่ยงอย่างรุนแรง
ทันใดนั้น...
.......โครม!!!.......
ฉันรู้สึกตัวอีกทีก็พบว่าพื้นรถมันเอียงๆชอบกล
มองไปรอบๆด้านพบว่ากระจกบางบานแตกออกเป็นเสี่ยงๆ
ประกอบกับได้ยินเสียงร่ำไห้และโอดครวญของเพื่อนๆในรถ
...มันคืออุบัติเหตุ...
ฉันยังคงนึกอยู่ในใจเสมอว่าสิ่งที่ตอนนี้ควรทำที่สุดคือ...
ออกจากรถทัวร์ที่เอียงตกลงไปในคูน้ำข้างทางให้เร็วที่สุด
ฉันพยายามมองหาทางออก
และพบว่าประตูที่มีอยู่ 4 บานนั้น
ตอนนี้ใช้ได้เพียง 2 บาน เพราะอีก 2 บานจมน้ำไป
ประตูฉุกเฉิน 2 บานสุดท้ายมันเล็กมาก..
เมื่อเทียบกับนักเรียน 44 คน
ทันใดนั้นฉันก็ได้ยินเสียงใครบางคนตะโกนขึ้นมาจากชั้นล่างของรถทัวร์
ลงมาข้างล่าง มาออกทางนี้
ฉันจึงรีบเดินลงไปตามทางของเสียงเรียกนั้นโดยไม่สนว่าจะเป็นเสียงของใคร
เมื่อฉันเดินลงบันไดไปถึงชั้นล่างของรถทัวร์แล้ว
ก็พบว่า...
ทางด้านซ้ายของรถทัวร์นั้นมีน้ำซึมเข้ามาในตัวรถบ้าง
...แต่ในไม่ช้ามันคงจะมีมากขึ้น...
ส่วนบานกระจกทางด้านขวาถูกทุบให้แตกเป็นรูพอที่คนจะออกไปได้
ฉันจึงปีนข้ามกระจกออกไป
ตอนนี้ฉันปลอดภัยแล้ว
แต่ยังมีนักเรียนอีก 20 คนได้ที่ยังติดอยู่ในรถ
ในนาทีนั้น
ฉันเห็นเธอวิ่งลงมาจากรถทัวร์ที่อยู่อีกฝั่งหนึ่ง
มายังฝั่งที่ฉันยืนอยู่
เธอวิ่งลงมายังพื้นหญ้าที่ชื้นแฉะ
มาช่วยพยุงนักเรียนออกจากรถทีละคนๆ
โดยไม่ใส่ใจว่าตนเองจะเป็นอย่างไร
จะสกปรกมอมแมมแค่ไหน
หรืออาจจะบาดเจ็บจากเศษกระจกก็ได้
เพราะเธอถอดรองเท้าออก
วันนั้นเธอใส่ชุดฟอร์ม
เสื้อสีชมพูอ่อนและกระโปรงสีน้ำตาล
...เธอเป็นครู...
ผู้ที่สามารถสะท้อนบทบาทของความเป็นครูได้อย่างแท้จริง
ไม่ได้เป็นเพียงคำบรรยายในหนังสือ
ที่สรรเสริญพระคุณครูไว้มากมาย...

จนกระทั่งวันนี้
ฉันไม่ได้มีเพียงความรู้สึกแปลกๆกับเธอเท่านั้น
มันเป็น...ความรู้สึกที่บอกได้
แต่พูดไปก็คงไร้ความหมาย
เพราะบอกไปก็คงไม่มีใครเชื่อหรอก
ดังนั้นฉันจึงขอเก็บความรู้สึกนั้นไว้
...แต่เพียงผู้เดียว...				
3 มกราคม 2547 23:09 น.

ใส่กุญแจ

ฮิคารุ

หากฉันได้ใจเธอมาครอบครอง
คงจะต้องจองไว้ไม่ให้หาย
จะได้อยู่กับเธอไปจนตาย
ด้วยวิธีแสนง่าย...ใส่กุญแจ

ใจของเธอนั้นดูแลยากแสนยาก
คงลำบากถ้าต้องคอยเทคแคร์
ถึงจะยุ่งจนเบื่ออยากเจือนแจ
ฉันก็แค่เก็บไว้ใกล้ๆตัว				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟฮิคารุ
Lovings  ฮิคารุ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟฮิคารุ
Lovings  ฮิคารุ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟฮิคารุ
Lovings  ฮิคารุ เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงฮิคารุ