6 พฤศจิกายน 2552 08:53 น.

>>>> นกเขาขะแมร์ >>>>

เสมอจุก

013.jpg


มามองเมียงเอียงหูทำชูศอ
แล้วบินปร๋อจับลงตรงกิ่งไผ่
เข้าคู่เคียงเพียงสาวเจ้าศรีไพร
ค่อยเถิบไปใกล้ชิดสนิทนง

นางเขยิบเถิบถอนแล้วค้อนควัก
ปะเหลือกปะหลักผลักไสจะไล่ส่ง
สยายปีกป้องทางให้ห่างองค์
พ่อนกดงจงอย่ามาเจ้าชู้

เจ้าเนื้อหนุ่มกรุ้มกริ่มกระหยิ่มจ้อง
กะหลุกกะหลิกขยิกขย่องแล้วก้องกู่
ผงกหัวรัว กรุก กรู้ ฮุก กรู
แม่โฉมตรูสวยสล้างอย่างกินรี

แม่นกน้อยชม้อยเมียงแล้วเอียงเขิน
สะท้านอกสะทกสะเทิ้นทำเมินหนี
กระไรเปรียบเทียบเห็นเช่นกินรี
หวานวจีหว่านทั่วช่างกลัวใจ

พี่ข้ามเขินเนินไศลอันไกลลิบ
กับผ่านสิบทุ่งท่าแลป่าใหญ่
หอบความรักหนักล้นกมลใน
มามอบไว้แทบเท้าของเจ้าแล้ว

พลางโก่งคอคูขันกระชั้นเสียง
ส่งสำเนียงเสียงสะอางอย่างเจื้อยแจ้ว
ได้เคียงคู่อยู่ร่วมพนาแนว
เพียงนี้แล้วจะแด่วดิ้นก็ยินยอม

นางขวยเขินเหิรลงเข้าสรงฝุ่น
อวลละมุนกลุ่นกลิ่นอาบดินหอม
หนุ่มผวาถลาเคียงลงเพียงดอม
ปีกโค้งค้อมล้อมร่างหางรำแพน

แล้วเพลงรักบันลือเถื่อนก็เลื่อนลั่น
สวาทสวรรค์สรรสร้างอย่างสุขแสน
มวลมาลีหอมจรุงฟุ้งดินแดน
คือเมืองแมน ณ แผ่นหล้าใช่ฟ้าไกล
....................................................................

นกเขาขะแมร์ (เพลงรักจากเขมรสู่ไทย) 
หลวงประดิษฐไพเราะ (ศร ศิลปบรรเลง) 
    การเดินทางตามเสด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ไปเวียดนามและกัมพูชาเมื่อพุทธศักราช ๒๔๗๓ เป็นโอกาสที่หลวงประดิษฐไพเราะได้ศึกษาท่วงทำนองเพลงของเขมร ซึ่งการเดินทางครั้งนี้ท่านได้พาบุตรชายคนโตของท่าน อาจารย์ประสิทธิ์ ศิลปบรรเลง เดินทางไปด้วยเพราะมีความรู้เรื่องภาษาอังกฤษและโน้ตสากลจากประเทศญี่ปุ่น อีกทั้งอาจารย์ประสิทธิ์ยังได้เขียนบันทึกการเดินทางครั้งนี้เพื่อตีพิมพ์ในวารสารของสยามสมาคม (Journal of The Siam Society) ชื่อ Thai Music at the Court of Cambodia: a personal souvenir of Luang Pradit Phairoh's visit in 1930 โดยเล่าว่าพระเจ้าอยู่หัวทรงรับสั่งให้ท่านพ่อแสดงฝีมือการเดี่ยวต่อสมาคมทำให้เจ้ามณีวงศ์ กษัตริย์เขมรชอบใจเป็นอย่างมากจึงขอตัวหลวงประดิษฐฯไว้ให้สอนดนตรีแก่นักดนตรีเขมร โดยในเรื่องนี้นำความเศร้าใจมาสู่หลวงประดิษฐฯอยู่มากที่จะได้ห่างไกลพระยุคลบาทแม้เพียงเดือนเดียวก็ตาม ซึ่งเมื่อพระเจ้าอยู่หัวทรงสังเกตเห็นความทุกข์ของหลวงประดิษฐฯ ก็ทรงพระสรวล แล้วตรัสว่า "จงทำหน้าที่ให้ดีที่สุด แล้วรีบกลับมาเร็วๆ" 
   การอยู่ที่เขมรหนึ่งเดือน ทำให้ท่านจดจำท่วงทำนองเพลงเขมรไว้หลายเพลง และยังได้มีการบันทึกเป็นโน้ตที่ช่วยให้จำได้ง่าย ซึ่งต่อมาท่านหลวงประดิษฐไพเราะ ได้นำเพลงเขมรบางเพลงมาประดิษฐ์ใหม่เป็นดังเช่น เพลงนกเขาขะแมร์นี้ 
เอกสารอ้างอิง: อานันท์ นาคง และ อัษฎาวุธ สาคริก. 2544. หลวงประดิษฐไพเราะ (ศร ศิลปบรรเลง) มหาดุริยกวีลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยาแห่งอุษาคเนย์. บริษัทพิฆเณศ พริ้นท์ติ้ง เซ็นเตอร์ จำกัด, กรุงเทพฯ. 

ขอเชิญรับฟังเพลงนกเขาขะแมร์ได้ที่นี่......คุณจะชื่นใจในเพลงไทย
http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=05-2008&date=19&group=28&gblog=153



เพลงนกเขาคูรัก
คือเพลงที่ถอดทำนองจากเพลงนกเขาขะแมร์ ประพันธ์คำร้องโดยสุนทรียา ณ เวียงกาญจน์ เรียบเรียงดนตรีโดยครูสมาน  กาญจนะผลิน มีการบันทึกเสียงกันหลายครั้ง เข้าใจว่าครั้งแรกขับร้องโดยคุณชูศรี พุ่มชูศรีคู่กับคุณชรินทร์  นันทนาคร บันทึกไว้เมื่อพ.ศ.2498  มีเนื้อร้องดังนี้


ช.โน่นแนะนกเขาคู จุ๊ก จุ๊กกรู นกมันเฝ้าคูหาชู้มัน 
ญ.โถโก่งคอทำเสียงหวาน ช่างน่าสงสารนกกระไรใจข้า 
ช.ก็พี่ปักใจใฝ่รัก รัก เจ้าใยมิเห็นใจเมตตา 
ญ.นกมันรักกัน รักมันก็มีแต่จ๊ะจ๋า ไม่มีมารยาเสมือนร้อยลิ้นคนพร่ำ 
ช.ดวงใจเอ๋ย นกมันเหมือนพี่เฉลยเอ่ยคำ ญ. พูดไปแล้วต้องจำ 
ช. พูดไปแล้วพี่จำ มิต้องพูดซ้ำดวงใจ 

** ญ. พี่อย่าเป็นเหมือนเช่นนกแก้ว 
ช. พี่ไม่เป็นเหมือนเช่นนกแก้ว ญ. พูดแจ้วๆ เรื่อยไป 
ช. ออกจากปากพี่ไป ญ. ขอให้ออกจากใจ 
ช. พี่ปากกับใจตรงกัน 

ญ. นั่นใคร 
ช. ไหนใคร ญ.โน่นไง แฝงตัวร่มเงาไม้ใหญ่ 
ช. ใช่ใครนกเคล้าคู่มัน 
ญ. เสียงใคร 
ช. ไหนกัน ญ.เสียงนั่น 
ช. อ๋อ นกมันพรอดคำรำพันฝากชีวันรักกันไงเล่า 
ญ.ใยรู้ 
ช. ดูเอา พี่เห็นมันเฝ้าหยอกเย้าต่อกัน 
ญ.พี่ต้องเอาอย่างมัน 
ช. พี่จะเอาอย่างมัน มิเปลี่ยนแปรผันเลยเอย 

ข้อมูลและเนื้อร้องจากเว็ป..ไทยคิดด็อทคอม
http://phyllantheae.exteen.com/20081002/entry-1

........................................................................				
1 พฤศจิกายน 2552 18:14 น.

>>>> บังใบ >>>>

เสมอจุก

71879197pjKvbn_ph.jpg


ราวประทีปแดนสรวงห้วงละหาน
ปทุมมาลย์บานรับอรุณฉาย
ระดื่นดอกออกระดะดาวกระจาย
ชมพูพรายพราวผุดสุดตาชม

เป็นกลุ่มกอล้อลมผสมคลื่น
ภมรรื่นโลมเล้าเข้าเสพสม
วะว่อนเวียนเปลี่ยนผันกันเชยชม
ระเริงรมย์ดมดื่มดั่งลืมตัว

ใบละเลียดเบียดแบดูแออัด
พระพายพัดสะบัดใบไสวทั่ว
เพยิบเผยอเผลอเห็นใบเร้นบัว
ดูหมองมัวมิเปล่งปลั่งบัวบังใบ

แดดไม่สมลมอับกลีบหับหัก
มิชวนชักชมชิดพิสมัย
เกสรน้อยร่อยโหรงลงน้ำไป
ที่เหลือไว้ไร้รสกชมาลย์

เหมือนปักใจใฝ่คนมีเจ้าของ
ได้ครอบครองคู่เคียงเพียงฝันหวาน
ครั้นลืมตาตื่นหนอก็ร้าวราน
ทรมานชีวาน้ำตากระเด็น

ต้องซ่อนรักหักไว้แต่ในอก
สุดหยิบยกความนัยให้ใครเห็น
ทนหม่นหมองครองทุกข์ทั้งเช้าเย็น
ฝืนรำเค็ญเช่นบัวที่บังใบ

เฝ้ารอวันผันเปลี่ยนเวียนชีวิต
พรหมลิขิตขีดเขียนวงเวียนใหม่
ได้ชูก้านผ่านกอล้อลมใจ
มิเป็นบัวบังใบใครอีกเลย
..................................................


บังใบ 
เพลงอัตราจังหวะสองชั้นทำนองเก่าสมัยอยุธยา เป็นเพลง ๒ ท่อน ใช้ประกอบการแสดงละครในบทที่เกี่ยวกับอารมณ์โศกเศร้าหรือบทที่เกี่ยวกับความรัก เป็นเพลงหนึ่งในตับวิวาห์พระสมุทร 

เชิญฟังบังใบที่นี่ครับ  คุณจะชื่นใจในเพลงไทย
http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=06-2009&date=09&group=28&gblog=254


ครูเอื้อ สุนทรสนานนำทำนองเพลงนี้มาใส่เนื้อร้องที่ประพันธ์โดยครูชอุ่ม ปัญจพรรค์ โดยใช้ชื่อเพลงว่ารักบังใบครั้งแรกขับร้องโดยคุณรวงทอง  ทองลั่นทม

เพลงรักบังใบ 
กามเทพหลอกลวง เสียบศรปักทรวงให้ห่วงหา
ให้รักแล้วใยมาริดรักราแรมไกล
รักของข้าดั่งบัวบังใบ บังมิให้ใครเห็น
เฝ้าครวญหวนทุกเช้าเย็นตรอมตรม

สุดหักสุดหายหัวใจมิวายระทม
สุดตรอมตรม ใจยิ่งคิดให้โหยหา
ต้องบังรักไว้ไม่กล้าบอกใคร

เย็นย่ำสุริยาตะวันจากตาพามืดมิด
โอ้ช่างเหมือนดวงจิต มิดมืดยามรักไกล
น้ำตาตกตามตะวัน นึกแล้วหวั่นพรั่นใจ
อกเอ๋ยทำฉันใดเล่าเอย คู่ชื่นเคยเชยรักร้างเลยแรมรา
ยิ่งพาให้หนาวไฉน ปองรักอย่างบัวบังใบ ต้องช้ำหัวใจเรื่อยมา 

(เนื้อเพลงจากเว็ปบ้านคนรักสุนทราภรณ์)
				
24 ตุลาคม 2552 11:21 น.

สุดา...สุดา...สุดา

เสมอจุก

ฟ้าสลัวมัวเมฆมาบังแสง
ทินกรอ่อนแรงแฝงไศล
ดูอึมครึมซึมเซาด้วยเงาไพร
โศลกใจสลัวลางอยู่กลางทรวง

สลดหวนครวญหาสุดาขวัญ
แต่จากกันสามปีที่เลยล่วง
โอ้กรรมหนอก่อเกิดสุดาดวง
แล้วใยลวงสุดาดับลงกับดิน

ณ ปลายฟ้าสุดาน้องจะร้องหา
ด้วยพี่ยาอยู่ไหนให้ถวิล
จะเหลียวซ้ายแลขวาผวาจินต์
ดูอ้างว้างร้างสิ้นจะยินยล

จะครวญขลุ่ยสารถีที่เจ้าชอบ
ประโลมปลอบมิ่งขวัญสักพันหน
ให้เนื้ออ่อนผ่อนคลายกายกมล
เถอะทุกข์ทนทรมานจงผ่านไป

ตะวันสิ้นแสงโสมประโลมส่อง
โสมจะคล้องสองเราให้เข้าใกล้
หลับเถิดหนาขวัญสุดาอย่าอาลัย
พี่จะกล่อมดวงใจให้นิทรา
.....................................................				
22 ตุลาคม 2552 18:18 น.

ฝากตัวด้วยครับ

เสมอจุก


เป็นน้องใหม่ใคร่อยากจะฝากตัว

กับครอบครัวแสนสุขสนุกสนาน

ขอซุกร่างข้างระเบียงเพียงนอกชาน

สดับกานท์ขานขับประทับใจ

 

ดูผู้บ้านย่านล้วนชวนให้รัก

เจรจาทายทักกันขวักไขว่

อยู่ต่างดินถิ่นแดนไกลแสนไกล

ส่งสายใยไมตรีไม่รีรอ

 

ยินผู้บ่าวผู้สาวเว้าคำหวาน

บ้างขับขานสนานใจให้หัวร่อ

บ้างเอ่ยซึ้งตรึงอุราน้ำตาคลอ

บ้างเยินยอต่อเสริมเติมกำลัง

 

อบเรือนอุ่นกรุ่นไปด้วยไอรัก

สัมพันธ์ถักทอรอบขอบผนัง

ไมตรีมอบปลอบร้อนผ่อนประทัง

ประหนึ่งดังพี่น้องร่วมท้องคลาน

 

เสมอจุกเสมอใจเสมอจิต

เสมอมิตรเสมอมิ่งสมัครสมาน

เสมอกันสมานเกลอเสมอกาล

เสมือนสานสมานใจสมัยเดียว

 

ขอฝากใจไว้บ้านกลอนตอนใกล้แก่

ด้วยเหมือนแพลอยคว้างกลางธารเปลี่ยว

มามีเพื่อนเคลื่อนผ่านธารคดเคี้ยว

จะตกเลี่ยวเชี่ยวไหลไม่หวั่นแล้ว

 

ตั้งนะโมมโนน้อมมนัสการ

พระไตรรัตน์ชัชวาลประทีปแก้ว

ส่องสกนธ์กมลหมองให้ผ่องแพรว

ภัยมิแผ้วทุกทุกท่านที่บ้านกลอน ...				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟเสมอจุก
Lovings  เสมอจุก เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟเสมอจุก
Lovings  เสมอจุก เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟเสมอจุก
Lovings  เสมอจุก เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงเสมอจุก