พอหรือยัง..หยุดได้หรือยัง..จะบ้ากันไปถึงไหน

น้ำผึ้งเดือนห้า

apisit.jpeg553000005358101.jpgp0101110453p2.jpg
ระหว่างเดินทางที่พากลับบ้าน เราต่างมีฝันอันแตกต่างกัน บางคนฝันไกลถึงดวงตะวัน
แต่อีกหลายคนฝันถึงพระจันทร์ คนเรามีโลกทั้งเหมือนและต่าง ลงรายละเอียดตามความนึกฝัน
แต่สิ่งที่มีทั้งเธอและฉัน จงอย่าลืมกัน ยังมีประเทศไทย
มี ข้าวในนา มีปลาในน้ำ พื้นป่าชุ่มฉ่ำ พืชสัตว์หลากหลาย ปลูกข้าวภาคกลาง ยางพาราภาคใต้ ภาคเหนือลำไย ผลไม้ทั้งปีหาดทรายสวยงาม
น้ำทะเลใสอุ่น ประเพณีงานบุญ สงกรานต์สนุกดี ต่างชาติเที่ยวไทย ชอบไปทุกที่ ชนบทวันนี้ เขยฝรั่งยังฝังตา
*(ซ้ำ) เรามีประเทศที่รัก ที่ควรหวงแหน ไม่มีที่ไหนทดแทน อบอุ่นทั้งกายและใจ ลูกหลานเหลนคง ดำรงสืบเผ่าสืบพงษ์ คงความยิ่งใหญ่
ให้เราได้ภาคภูมิใจ ที่เกิดมาเป็นคนไทย ที่ยังมีประเทศไทย (ซ้ำ*)
ปัญหาทั้งปวงพอมีทางแก้ หากเราแน่วแน่ ถือประเทศมาก่อน เหนื่อยก็จงพัก หนัก ก็จงพอ สวดมนต์ลดทอน อัตตา แผ่เมตตา ไม่ใครก็ใคร
คงถูกและผิด แต่ไม่สมควรแลกด้วยเลือดน้ำตา จับเข่าคุยกัน ย่อมประเสริฐกว่า โลกอนิจจา สังคมอนิจจัง
ยังมีประเทศไทย ยังมีประเทศไทย ยังมีประเทศไทย ยังมีประเทศไทย ยังมีประเทศไทย ยังมีประเทศไทย ยังมีประเทศไทย
ยังมีประเทศไทย: แอ๊ด คาราบาว				
comments powered by Disqus
  • พอจำเป็น

    19 พฤษภาคม 2553 09:53 น. - comment id 1128316

    กบฏที่กำลังเป็น "ปลาปากแห" ให้ทหาร
    
    กรุงเทพฯ ประกาศเป็นสัปดาห์ "หยุดงาน-กวาดกบฏ" ตั้งแต่จันทร์ที่ ๑๗ พ.ค.-อาทิตย์ที่  ๒๓ พ.ค.๕๓ ถ้าถามว่า "แน่นะ...จันทร์ที่ ๒๔ พ.ค. ชีพจรเมืองจะเดินปกติ?" ผมก็ว่า ถึงวันนั้น "น่าจะปกติ" แต่ถ้ายัง...แสดงว่าต้องมี "ปาฏิหาริย์เหนือวิกฤติ" เกิดขึ้น แต่ไม่ต้องไปสนใจเรื่องปาฏิหาริย์ ที่ควรสนใจคือ จากจันทร์หน้าเป็นต้นไป เราจะไม่เห็น "การเมืองต้องแก้ด้วยการเมือง" อีก แต่จะเห็น "การทหารและการเมือง" นำบ้านเมืองออกจากฝันร้ายด้วย "โครงสร้างใหม่ๆ" ร่วมกันในระบบรัฐสภา
     และนั่นคืออะไร...ผมก็ไม่ทราบ เพียงแต่ "ภาวะเหนือความเข้าใจ" บางอย่าง...กระซิบบอก!?
     เมื่อพฤษภาคม ๒๕๓๕ คือเมื่อ ๑๘ ปีที่แล้ว เราเกิด "พฤษภาทมิฬ"
     และวันนี้ พฤษภาคม ๒๕๕๓ ตัวเลขเดียวกัน แต่กลับกันจาก ๓๕ มาเป็น ๕๓ เราเกิด "พฤษภา-มหานรก" ถ้ามองในมุมรหัสดาว ก็ไม่น่าแปลกใจตามวงรอบดาวเสาร์ ซึ่งคุยกันไปแล้วว่า เสาร์รอบนี้เป็น "เสาร์รอบเช็กบิล" ใครทำดี ชีวิตอยู่ในศีล-ในธรรม ก็ถึงคราวชีวิตนำสุขมาสู่อันไม่เคยประสบเช่นนี้มาก่อน
     แต่ถ้าใครทำชั่ว ชีวิตเกลือกกลั้วอยู่กับความเลวร้าย ก็ถึงคราววิบัติ ฉิบหาย-ตายจาก พรัดพราก ราพณาสูร วงจรชีวิตจะมีแต่โศกาอาดูร สิ่งที่เพิ่มพูนคือทุกข์ถมทุกข์!
     ขณะนี้ รัฐบาล-ทหาร-ตำรวจ ถ้าจะพูดให้เห็นภาพ เขาก็คือตัวแทน "ดาวเสาร์" มาทำหน้าที่เช็กบิล "มนุษย์บุญ-มนุษย์บาป" ไม่มีความหมายอะไรที่พวกกบฏแผ่นดิน ปากก็ตะโกนว่า "รัฐบาล-ทหารฆ่าประชาชน"
     แต่มือพวกมัน...ฆ่าทหาร-เผาเมือง พยายามล้มสถาบัน เปลี่ยนระบอบ กระทำทารุณ โหดร้าย ป่าเถื่อน กับพี่น้องประชาชนร่วมชาติอันไม่เคยปรากฏว่ามนุษย์เมืองไหนจะทำกับบ้านเมือง ตัวเองอย่างที่ "กบฏทักษิณ" กำลังทำ!
     รัฐบาล-ทหาร ไม่ได้ฆ่าประชาชน.....
     แต่ฆ่าผู้ก่อการร้ายที่ทำลายเมือง เป็นการพิทักษ์ชาติ-ประชาชน!
     ฝ่ายกบฏก่อการร้ายจะยอมเจรจา หรือไม่ยอมก็ตาม เมื่อมาถึงจุดนี้ คือจุดที่ "ไม่มีใครแพ้-ชนะ" เพราะแพ้ด้วยกันทั้งประเทศอยู่แล้ว รัฐบาล-ทหาร จะอ่อนข้อ-รามือเปิดโอกาสให้สัตว์ป่าเลียแผลไม่ได้  เพราะเห็นมาตลอดแล้วว่า "สัจจะไม่มีในหมู่โจร" เจรจากับโจรก็เจรจาไป แต่ฝ่ายรัฐต้องเป็นฝ่าย "หยัดอยู่-ชูกฎหมาย"
     ไม่ใช่ให้โจรมาต่อรองนอกกรอบกฎหมาย ซึ่งจะทำให้อีกหลายกลุ่ม-หลายพวกในขบวนการยกเป็นเงื่อนไขมาต่อรองบ้างใน โอกาสต่อไป และนั่นก็จะทำให้คำว่า "๒ มาตรฐาน" ถูกโจรไร้ยางอายเวียนนำมาใช้ยามไม่ได้อย่างใจอีก!
     ผมก็ไม่เข้าใจเหมือน กันว่า สมาชิกวุฒิสภา หรือ ส.ว.มาทำหน้าที่ตัวกลางในการเจรจาหาทางสงบศึกระหว่างกบฏกับรัฐบาล ไหนๆ ก็ทำดี เป็นสัญลักษณ์แห่งประสานสามัคคีอยู่แล้ว แต่ทำไมแม่ปูต้องแยก-แตกสามัคคีเป็นกลุ่ม ๖๔ ส.ว.บ้าง กลุ่ม ๔๐ ส.ว.บ้าง ไปทำหน้าที่ตัวกลาง กลุ่มใคร-กลุ่มมัน
     เห็นแล้ว วุฒิภาวะแห่งวุฒิฯ จะมีตำหนิไปหน่อยนะครับ!
     ในการปราบกบฏที่มีกองกำลังก่อการร้ายเป็นหน่วย รบนั้น ก็ชัดแล้วว่า "หัวหน้าผู้ก่อการร้าย" อยู่นอกประเทศ ขณะนี้อยู่กันพร้อมหน้าทั้งพ่อ-แม่-ลูก ช็อปปิ้งกันเพลินที่ฝรั่งเศส แต่นี่ไม่ใช่ประเด็นที่ผมอยากจะบอก ที่อยากจะบอกคือ ยุทธการปราบกบฏครั้งนี้
     ต้องใช้ระบบ "สื่อสารสังคม" ให้มาก!
     โจรอยู่เรือนพุธ โจรก็ปากเก่ง แต่พุธถึงอาทิตย์ถึงพฤหัสฯ สู้ปากรัฐบาลไม่ได้ เพราะเป็นปาก "สีผึ้งเสก" ฉะนั้น พูดอะไร สังคมจะให้น้ำหนักในการเชื่อถือมากกว่า เพราะฉะนั้น การจะให้ชนะศึกทั้งในสนาม  และทั้งในสนามสังคมโลก ศอฉ.จะต้องเป็นมิตรกับสื่อ และใช้การสื่อสาร "ออกข่าว-ออกจอ" เป็นประจำ
     ดาว พุธของหัวหน้าโจรก่อการร้ายเสีย แต่ดาวพุธในดวงเมืองขณะนี้ รัฐบาล-ทหารกำลังดีวัน-ดีคืน  และผมเชื่อว่า เสร็จศึกสนามแล้ว ต่อไปฝ่ายกบฏจะเปิดศึกทางมวลชนผ่านระบบสื่อ ฟ้องโน่น-ฟ้องนี่ ทั้งใน-นอกประเทศ โดยบิดเบือนทั้งเอกสาร ทั้งภาพ ให้ปรากฏว่า "รัฐบาล-ทหาร ฆ่าประชาชน"
     พยานบุคคลที่เป็น "คนกลาง" สำหรับใช้อ้างอิงว่า "ใครพูดตรง-ใครพูดบิด" ได้ดีที่สุดคือ สื่อมวลชนทั้งหลายไม่ว่าจะเป็น นักข่าว-ช่างภาพ-ช่างกล้อง ที่ติดตามอยู่ในแต่ละเหตุการณ์ใกล้ชิดตลอด และนั่น ฝ่าย ศอฉ.ซึ่งปฏิบัติการเปิดเผยท่ามกลางการจับตาของสื่อมวลชน น่าจะรวบรวมรายชื่อ สังกัด สถานที่ติดต่อ ของสื่อมวลชนนั้นไว้ทั้งหมดในฐานะ "สื่อร่วมศึก"
     เพราะสื่อมวลชน "คนกลาง" นี่แหละ เมื่อถึงคราวชี้ขาด สามารถบอกได้จากเหตุการณ์ที่ "เห็นด้วยตา" ตัวเองว่า อะไรใช่...อะไรไม่ใช่!
     ผม สังเกตว่าพวกกบฏเขารู้ และฉลาดในการยืมมือสื่อสร้างความชอบธรรม ฉะนั้น บางอ่านอาจสงสัยว่าตอนกลางวันโล่งๆ ทำไมกองกำลังกบฏทักษิณจึงเผยตัวให้เห็นตอนยิงหนังสติ๊กบ้าง ตอนเข็นยางมาเผาบ้าง ตอนจุดพลุ-จุดตะไลบ้าง ที่ว่าอาวุธร้ายแรงก็แค่ทำระเบิดขวดให้นักข่าว-ช่างภาพบันทึกเป็นภาพไปเผย แพร่
     ไม่เห็นมี "กองกำลังไม่ทราบฝ่าย" มือระเบิดเอ็ม ๗๙ มือเอ็ม ๑๖ มือดักสังหาร มือแม่นปืน อย่างที่พูดกันแต่อย่างใด?
     นี่ไง...ที่ผมว่า ยุทธศาสตร์ทางสื่อที่พวกกบฏใช้ พวกกบฏจงใจแอคชั่น "ผู้ชุมนุมไม่มีอาวุธ" มีเพียงหนังสติ๊กเป็นพื้นสู้กับฝ่ายทหารปรากฏตามหน้าหนังสือพิมพ์ ตามหน้าจอโทรทัศน์ ตามบรรทัดข่าวที่นักข่าวรายงานออกไป เพื่อสนับสนุนการปลิ้นปล้อนบนเวทีของแกนนำที่ว่า
     ผู้ชุมนุมไม่มี อาวุธ-ไม่มีใครตาย, แต่ทหารมีปืน-ประชาชนตาย!
     แต่พอมืดค่ำ มันดับไฟหมด เอาล่ะตานี้ มือระเบิด มือซุ่มยิง มือปืน เรียกว่าสารพัดอาวุธสงคราม โจรก่อการร้ายฝ่ายกบฏมันขนออกมาเป็น "มือฆ่ามุมตึก" ทั้งยิงใส่ ทั้งปาระเบิด ทั้งเผา เรียกว่าฆ่าไม่เลือกหน้า พวกทหาร หรือพวกชาวบ้าน "ขอให้ตาย" ถือว่าสะใจกูแล้ว
     นั่นคือ ผู้บาดเจ็บและตาย ส่วนหนึ่งมาจาก "มือฆ่ามุมตึก" อันยากที่ช่างภาพ-ช่างกล้องจะจับภาพมาให้เห็นชัดๆ เหมือน "ยิงหนังสติ๊ก" ตอนกลางวันได้ แต่ในข้อเท็จจริงอันเป็นที่ประจักษ์ นักข่าวในภาคสนาม รับรู้ได้ด้วยตา ด้วยวิญญาณนักข่าวถึง "มือฆ่า" ที่อยู่ข้างหลังของมือหนังสติ๊ก!
     สมมุติว่ารัฐบาล-ทหารกระหายเลือด จงใจฆ่าคนเผาบ้าน-ทำลายเมืองจริงๆ แล้ว ๗ วัน มีคนตาย  ๓๖ คน บาดเจ็บกว่า ๒๐๐ คน ต้องไล่ออกทั้งกองทัพ เพราะแสดงว่าฝีมือและสมรรถภาพห่วยมาก แต่ในข้อเท็จจริงมันไม่ใช่อย่างนั้น ที่ตาย-เจ็บแค่นั้น เป็นเรื่องน่ายินดี เพราะแสดงชัดว่า
     ทหาร-หลีกเลี่ยงการบาดเจ็บ-ล้มตายจนถึงที่สุดแล้ว!
     มิคสัญญี เมืองขนาดนี้ รัฐบาล-ทหาร ถนอมชีวิตคนเผาเมืองได้มากกว่าที่คาดว่าน่าจะสูญเสีย เราควรจะมองมุมนี้มากกว่าไปเพ่งเล็งในมุมลบ ถ้าจะเพ่งเล็ง ต้องไปดูเหตุการณ์ที่ตากใบ และที่กรือเซะ  ทักษิณสั่งฆ่าทีเดียวร่วมร้อยศพ นั่นเป็นตัวเลขสูญเสียที่ประชาชนเห็นว่า...
     ไม่มีเหตุผลที่ต้องสูญเสีย เลย!
     หรืออย่างสงกรานต์ที นั่งนับศพกันได้ปีละ ๓๐๐-๔๐๐ ศพ ภายใน ๗ วัน ปีแล้ว-ปีเล่า "ตายนับร้อยทุกปี" แล้วตัวเลขมากมายขนาดนี้มีใครนำความสูญเสียรายปีมาเป็นต้นทุนแก้โจทย์บ้าง?
     ฉะนั้น ตัวเลขไม่ใช่คำตอบของคำว่า..ใช่-ไม่ใช่ แต่ตัวเลขนั้นต้องดูว่า "สะท้อนถึงเหตุผล" เช่นใด!?
     ผมก็อนุโมทนาที่วุฒิสมาชิกส่วนหนึ่งเป็น "ตัวตั้ง-ตัวตี" ประสานสงบศึก ความจริง แค่แกนนำสั่งสลายการชุมนุมทุกอย่างก็จบ ไม่ต้องไปเกี่ยงงอนให้ทหารเขาหยุดยิง หรือถอนกลับที่ตั้ง
     เพราะปกติ ทหารเขาก็ไม่ยิงใครอยู่แล้ว ผิดกับพวกกบฏที่บ้าคลั่ง ดิบ-เถื่อน-โหด ทำร้ายประเทศ  ทำลายชีวิตสังคมประชาชาติทั้งเมือง เผายาง-ปิดถนน-ค้นรถ-ค้นโรงพยาบาล-ฆ่ากระทั่งคนกาชาด-ปล้นสะดมร้านค้า-ทุบ ตู้เอทีเอ็ม ฯลฯ
     นี่มันพฤติกรรมโจรก่อการร้าย "ปล้นบ้าน-เผาเมือง-ฆ่าประชาชน" มีโทษตาย-โทษตลอดชีวิตเกือบทั้งนั้น แล้วยังจะมีหน้าไปต่อรองให้รัฐบาล-ทหารเขา "หยุดทำหน้าที่" พิทักษ์บ้าน-ปกปักประชาชนอีกหรือ?
     "สะพานข้ามเหวนรก" ที่ ส.ว.ทอดให้นั้น เป็นทางสุดท้ายแล้ว ถ้าบรรดา "กบฏฮาร์ดคอร์" ทั้งหลายยังไม่ยึดไว้เป็น "ทางหนีตาย" ผมเกรงว่าจะตายเอาจริงๆ เพราะจะเห็นว่า "รัฐบาล-ทหาร" ถอดเกียร์ถอยหลังทิ้งไปแล้ว พวกคุณมัน "โจรไม่มีสัจจะ" พูดจาเชื่อถือไม่ได้ ฉะนั้น ครั้งนี้กบฏต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขที่ไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธ
     กบฏ-เสียมวล ชน.....
     แล้วมีหรือ "รัฐบาล-ทหาร" จะอ่อนข้อ "จากได้" ให้กลายเป็นเสีย!
    
    เปลว สีเงิน - ไทยโพสต์
  • ยัยนี่น่าเบื่อวุ้ย

    19 พฤษภาคม 2553 12:19 น. - comment id 1128321

    นี่มันช่องลงกลอนไม่ใช่เหรอ ทำไมไม่ไปลงช่องอื่น หรือกลัวไม่มีคนอ่าน ลองให้คนที่ตายไม่ใช่ฝ่ายที่ตัวเองฝักใฝ่ จะออกมาร้องแลกแหกกระเฌอมั้ย
  • ประชาวิบัติ ถนัดกู้

    19 พฤษภาคม 2553 12:27 น. - comment id 1128322

    คนไทยบริสุทธิ์ตายแล้ว  80  ศพ 
    
    บาดเจ็บ  2 พันกว่าคนแล้ว
    
    ดีใจกับฉายา......โจร  100   ศพ
  • น้ำผึ้งเดือนห้า

    19 พฤษภาคม 2553 13:00 น. - comment id 1128327

    บาดเจ็บและเสียชีวิตกันทั้งสองฝ่าย แต่ประชาชนตายเยอะกว่า ทหารที่เอามาสลายชุมนุม ก็มีแต่พลทหารเด็กๆ ทั้งนั้น ทำกันไปเพื่ออะไร รัฐบาลก็บ้า นปช.ก็บ้า
     สติแตกกันหมด .. ความเมตตา กรุณา ไม่มีให้กันสักนิด
    
    ขอบคุณความคิดเห็ฯที่ 1 ที่เอาข้อมูลมาให้อ่าน
    ขอบคุณความคิดเห็นที่ 2 ที่ยังอุตส่าห์ทิ้งข้อความไว้ให้ คนที่ตายคือฝ่ายของเรา เพราะเขาคือคนไทย ไม่ว่าจะเป็น นปช.หรือทหาร หากเขาเป็นคนไทย "เขาคือฝ่ายเรา" ขอบคุณในความอคติที่มองเราแล้วถ่ายทอดออกมาเป็นข้อความนะ
    ขอบคุณความคิดเห็นที่ 3 ที่ยังคงเส้นคงวา ในการร้องแรกแหกกระเฌอ เพื่อพวกพ้องตัวเองฝ่ายเดียว โดยไม่มองในภาพรวม 
    อย่าโยนความผิดให้รัฐบาลอย่างเดียว พวก นปช.ก็ผิดเช่นกัน ทั้งสองฝ่าย พอกัน 
    เรื่องการเมืองบ้าๆ ที่ทำให้คนไทยเดือดร้อน 
    
    ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกันค่ะ อยากจะแสดงความพึงพอใจอะไร ยังไง ก็...เชิญค่ะ32.gif
  • ใจปลายทาง..มิได้อยู่ปลายแถว

    19 พฤษภาคม 2553 13:15 น. - comment id 1128329

    จัดการ ต่อไปท่านนายกที่รัก
    
    
    
     ..แน่ใจเหรอ ว่าที่ตายนะบริสุทธิ์ ทุกคน
    
    ช่างกล้าพิมพ์ นะค่ะ
    
    สำหรับคนที่โดนลูกหลง อันนี้เสียใจด้วยค่ะ
  • นายแน่มาก

    19 พฤษภาคม 2553 13:21 น. - comment id 1128330

    หยุดได้ต้องเปลี่ยนแนวความคิด  ถ้าหยุดฆ่าชีวิตต้องใช้ปัญญา
  • วิชัย

    19 พฤษภาคม 2553 13:38 น. - comment id 1128332

    การชุมนุมที่มีสถานการณ์รุนแรงถึงขั้น
    เสียชีวิต
    ยิ่งยุติเร็วได้จะเป็นการดีผู้บริสุทธิ์ไม่ต้อง
    มาเสี่ยงชีวิตกับสถานการณ์เช่นนี้ด้วย
    ยกกรณีนโยบายปราบปรามยานรก
    ให้หมดแผ่นดินมีผู้เสียหายมาก 
    ถ้าเกิดจากการใช้สถานการณ์มาทำลาย
    ล้างกัน เพื่อปกป้องผลประโยชน์ขัดแย้ง
    ส่วนตัว ก็จะมีผู้ได้รับความเสียหายมาก
    ขึ้นเรื่อย ๆ เราจะไม่สามารถทราบได้เลย
    ว่าเสียหายเพราะอะไร เหตุการณ์หรือส่วนตัว
    กฎหมายจะแยกลำบาก 
    การชุมนุมเข้าใจว่าชุมนุม
    เหตุผลอะไรถึงยังชุมนุมอยู่ตรงนี้
    ต่อสู้ขัดขวางเมื่อขอพื้นที่ชุมนุมคืน
    จะเป็นการก่อการร้ายทางอาญา
    ตรงประเด็นเลย
    เสรีภาพการชุมนุม เดือดร้อนอะไร ไม่ได้
    รับความเป็นธรรมอย่างไร ต้องอ้างให้ได้
    เวลาเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม
    ข้อหานี้โทษหนักมาก
  • ใจปลายทาง

    19 พฤษภาคม 2553 13:52 น. - comment id 1128335

    เอาธงชาติคลุมศพทำไม ไม่คู่ควร
  • วิชัย

    19 พฤษภาคม 2553 14:41 น. - comment id 1128339

    ถึงรัฐบาล มีการสลายการชุมนุม
    ยอมรับกติกาตามกฎหมายแล้ว
    ก็ควรถอนกำลังกลับที่ตั้งโดยเร็ว
    ช่วยดูแลความปลอดภัยให้กับ
    ผู้ชุมนุมด้วย เพื่อให้สังคมมี
    สันติสุขเร็วขึ้น
  • วิชัย

    19 พฤษภาคม 2553 15:43 น. - comment id 1128345

    ตาม พรบ.ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย
    พ.ศ. 2550
    ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร.
    ให้ไว้ ณ วันที่ ๒๘ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๐
    เป็นปีที่ ๖๒ ในรัชการปัจจุบัน
    
    "สาธารณภัย" หมายความว่า อัคคีภัย วาตภัย 
    อุทกภัย ภัยแล้ง โรคระบาดในมนุษย์ โรค
    ระบาดสัตว์ โรคระบาดสัตว์น้ำ การระบาด
    ของศัตรูพืช ตลอดจนภัยอื่น ๆ อันมีผลกระทบ
    ต่อสาธารณชน ไม่ว่าเกิดจากธรรมชาติ มีผู้
    ทำให้เกิดขึ้น อุบัติเหตุ หรือเหตุอื่นใด ซึ่งก่อ
    ให้เกิดอันตรายแก่ชีวิต ร่างกายของประชาชน
    หรือความเสียหายแก่ทรัพย์สินของประชาชน
    หรือของรัฐ และให้หมายความรวมถึงภัย 
    ทางอากาศ และการก่อวินาศกรรมด้วย
    
    
    
    "การก่อวินาศกรรม" หมายความว่า การ
    กระทำใด ๆ อันเป็นการมุ่งทำลายทรัพย์สิน
    ของประชาชนหรือของรัฐ หรือสิ่งอันเป็น
    สาธารณูปโภค หรือการรบกวน ขัดขวาง
    หน่วงเหนี่ยวระบบการปฏิบัติงานใด ๆ 
    ตลอดจนการประทุษร้ายต่อบุคคลอันเป็นการ
    ก่อให้เกิดความปั่นป่วนทางการเมือง การ
    เศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ โดยมุ่งหมาย
    ที่จะก่อให้เกิดความเสียหายต่อความมั่นคง
    ของรัฐ
    
    "ภัยทางอากาศ" หมายความว่า ภัยอันเกิด
    จากการโจมตีทางอากาศ
    
    
    
    หลังจากประกาศยุติการชุมนแยกราชประสงค์
    การกระทำที่เข้าข่าย การก่อวินาศกรรม
    สร้างความปั่นป่วนทางการเมือง เศรษฐกิจ
    สังคมแห่งชาติมุ่งให้เกิดความเสียหายต่อความ
    มั่นคงของรัฐ
    
    
    มาตรา 31 ในกรณีที่เกหิดสาธารณภัยร้ายแรง
    อย่างยิ่ง นากรัฐมนตรีหรือรองนายกรัฐมนตรี
    ซึ่งนายกรัฐมนตรีมอบหมายอำนาจสั่งการผู้บัญ
    ชาการ ผู้อำนวยการ หน่วยงานของรัฐ และ
    องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้ดำเนินการอย่าง
    หนึ่งอย่างใดเพื่อป้องกันและบรรเทาสาธารณ
    ภัยรวมตลอดทั้งให้ความช่วยเหลือแก่ประชา
    ชนในพื้นที่ที่กำหนดก็ได้ โดยให้มีอำนาจ
    เช่นเดียวกับผู้บัญชาการตามมาตรา 13 และ
    ผู้อำนายการตามมาตรา 21 และมีอำนาจกำกับ
    และควบคุมการปฏิบัติหน้าที่ของผู้บัญชาการ
    รองผู้บัญชาการ ผู้อำนวยการ รองผู้อำนวย
    การ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ และเจ้าพนักงานใน
    การดำเนินการตามมาตรา 25 มาตรา 28
    และมาตรา 29 ด้วย
        เจ้าหน้าที่ของรัฐผู้ใดไม่ปฏิบัติตามคำสั่ง
    นายกรัฐมนตรี หรือรองนายกรัฐมนตรี ตาม
    วรรคหนึ่ง ให้ถือว่าเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดย
    ไม่ชอบหรือเป็นความผิดวินัยอย่างร้ายแรง
    แล้วแต่กรณี
    
    เมื่อความปลอดภัยชีวิตของประชาชนปกติ
    แล้ว รัฐบาลควรดำเนินการตามบทบัญญัติ
    พรบ.ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย 2550
    เพื่อคุ้มครองทรัพย์สินจากการก่อวินาศกรรม
    ของกลุ่มไม่หวังดีอาศัยสถานการณ์แทรกซึม
    บ่อนทำลายชาติด้วย
  • วิชัย

    19 พฤษภาคม 2553 23:51 น. - comment id 1128413

    ทฤษฎีของความเป็นประชาธิปไตย
    
    
    มีคำกล่าวที่น่าสนใจกล่าวว่า
    "ผมถามไปอยู่ในที่เกิดเหตุทำไม
    ถ้านอนอยู่ที่บ้านจะตายไหม"
    
    นายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกรัฐมนตรี
    
    
    เป็นคำกล่าวที่สมเหตุสมผลอยู่ที่ว่า
    
    ไม่มีเหตุ ผลคงไม่เกิดอย่างนี้
    
    อยู่ที่บ้านเฉย ๆ คงไม่มีใครเสียชีวิต
    
    ไม่ว่าใครจะมีเหตุผลอย่างไร 
    จะใช้เหตุผลให้ผู้ฟังเข้าใจเชื่อถือหรือไม่
    เหตุผลย่อมเป็นเหตุผลเสมอ
    ลักษณะของเหตุผลมองได้หลายอย่าง
    เหตุผลที่มีแต่เงื่อนไข 
    "ผมถาม ไปอยู่ในที่เกิดเหตุทำไม
    ถ้านอนอยู่ที่บ้านจะตายไหม"
    เป็นเหตุผลที่กล่าวออกมาแล้วเกิด
    เงื่อนไขประเด็นการเมืองที่มีการ
    ขัดแย้งอุดมการณ์ที่หาข้อยุติไม่ได้
    จนต้องหาเหตุผลมาแสดงต่อกัน
    สร้างเงื่อนไขไม่มีที่สิ้นสุด
    
    อีกฝ่ายจะกล่าวเหตุผลออกมาบ้าง
    
    "ผมตอบ ไปอยู่ในที่เกิดเหตุเพื่อ
    เรียกร้องประชาธิปไตย ดีกว่านอน
    อยู่บ้านรอวันตายกับการปกครอง
    ที่ไร้มนุษยธรรม"
    
    ต่างฝ่ายก็จะอ้างเหตุผล เป็นเงื่อนไข
    ต่อรองชิงความได้เปรียบทางการเมือง
    เหนืออีกฝ่ายหนึ่ง
    
    เหตุผลที่ทุกฝ่ายต้องยอมรับ
    
    "บุคคลที่กระทำตนอยู่เหนือกฎหมาย
    ไม่ให้ความเสมอภาคต่อบุคคลที่อยู่ใต้
    กฎหมาย จะสร้างความเดือดร้อนให้
    กับสังคม"
    
    บุคคลใดถ้าไม่แน่จริง ไม่มีอำนาจในมือ
    คงไม่กล้ากระทำตนอยู่เหนือกฎหมาย
    ของสังคมได้ บุคคลอยู่ใต้กฎหมายใน
    สังคมนั้นจะต้องเดือดร้อนกันอย่างสาหัส
    เมื่อไม่มีความเสมอภาคทางกฎหมายอย่างนี้
    เมื่อบุคคลทำตนอยู่เหนือกฎหมายได้
    บุคคลที่อยู่ใต้กฎหมายจะได้รับความ
    ปลอดภัยจากการไม่เสมอภาคทางกฎหมาย
    กล่าวคือเป็นการเลือกปฏิบัติโดยกระบวนการ
    ยุติธรรม 
    เหตุผลที่ยอมรับได้ก็คือทางเดียว
    ทำให้บุคคลนั้นอยู่ภายใต้กฎหมายเหมือนกัน
    มีความเสมอภาคทางกฎหมายเท่าเทียมกัน
    สังคมจึงจะคืนความสงบสุขได้
    
    การใช้เหตุผลเพื่อสร้างเงื่อนไขหรือเพื่อ
    การยอมรับ ขึ้นอยู่กับผู้ใช้มีวัตถุประสงค์
    อย่างไร 
    ถ้าต้องการให้สังคมวุ่นวายไม่จบเป็นกรณี
    แรก เป็นการเปิดช่องให้อีกฝ่ายตอบโต้
    ถ้าใช้เหตุผลเพื่อการยอมรับ ทุกฝ่ายต้องยอม
    รับ ในกรณีของกฎหมาย บุคคลต้องเสมอ
    ภาคภายใต้กฎหมาย ไม่มีใครทำตัวเหนือ
    กฎหมายได้ ทุกฝ่ายต้องยอมรับแน่นอน
    สร้างเงื่อนไขไม่ได้ และจะกลายเป็นสังคม
    ที่ขาดความยุติธรรม อยู่กันแบบทำลายล้าง
    ชิงความเป็นใหญ่อยู่เหนือเหตุผล
    ถืออัตตาเป็นใหญ่ ไม่มีการรับฟังใครทั้งสิ้น
    ต้องชนะอยู่เหนือกฎหมายอย่างเดียว
    เป็นการยกตัวอย่างกรณีเหตุผลเพื่อการยอม
    รับ
    
    คำกล่าวของอดีตนายกรัฐมนตรีเป็นเพียง
    เปรียบเทียบแนวความคิดของเหตุผลเท่านั้น
    ไม่เกี่ยวกับการเมืองในอดีต
  • น้ำผึ้งเดือนห้า

    22 พฤษภาคม 2553 09:27 น. - comment id 1128886

    สวัสดีค่ะ ขอขอบคุณทุกความคิดเห็นนะคะ 
    ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่วค่ะ11.gif

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน