.. .. อัศวินวันฝนพรำ ..

keekie

จริงๆ แล้วจะเรียกว่าวันฝนพรำก็คงไม่ถูกนัก .. 
	น่าจะเรียกว่า .. วันฝนกระหน่ำเสียมากกว่า .. ตกลงมาอย่างกะฟ้ารั่วซะงั้น ..
	วันนั้น  ..
	ฉันไปเที่ยวกับเพื่อนๆ .. 
	แหะ แหะ .. ไม่ค่อยอยากบอกหรอกว่า .. เที่ยวผับน่ะ .. 
	ห้าสาว - สี่ อ. กับหนึ่ง ก. อันตราย - .. มีคนเคยให้สมญานามแก๊งค์เราไว้แบบนั้น 
	 
	หนึ่ง ก. น่ะ ก็คือคนกำลังเขียนเรื่องให้คุณอ่านอยู่นี่ไง .. อิอิอิ .. 
	ตีสองผับเลิก .. พวกเรา ห้าสาวก็กลับบ้าน .. 
	
	.. ฉันรับอาสาไปส่งเพื่อนคนหนึ่ง ซึ่งอยู่แถวรัชดา ..
	ตอนขับรถไป .. ท้องฟ้ายังคงพรายพร่างด้วยดวงดาวสุกสกาวดีอยู่ ..
	จนพอฉันเลี้ยวรถเข้าซอย .. และแวะจอดข้างทาง .. หน้าบ้านเพื่อน ..
	เราคุยเรื่องราวบางอย่างค้างคาอยู่ .. เลยดับเครื่องนั่งคุยกันต่อในรถ ..
	
	แล้วอยู่ดีๆ ฝนเจ้ากรรมก็กระหน่ำลงมาอย่างไม่ลืมหูลืมตา ..
	แค่ไม่เกินห้านาทีเท่านั้น .. ฉันสังเกตุเห็นระดับน้ำท่วมสูงจนน่าตกใจ ..
	รถฉันโหลดเตี้ยกว่าปกติ .. ฉันจึงรีบสตาร์ทเครื่อง ..
	เพราะกลัวน้ำเข้าท่อไอเสียแล้วจะสตาร์ทรถไม่ได้ ..
	
	โล่งอก!! .. เครื่องติด ..
	ฉันเคลื่อนรถไปให้ใกล้หน้าประตูบ้านเพื่อนมากที่สุด .. ห่วงเพื่อนเปียก ..
	"เฮ้ย .. กี้ .. รองเท้าฉันอยู่กระโปรงท้ายรถ .. เปิดให้หน่อย.." 
	เพื่อน อ. สุดสวยบอก .. 
	
	รถฉันเป็นรถรุ่นเก่าที่ต้องใช้กุญแจไขเปิดกระโปรงท้ายรถ ..
	ด้วยความลืมตัว .. ฉันเลยดับเครื่อง .. ถอดกุญแจ .. เปิดประตูฝ่าสายฝน ..
	ลงไปไขกระโปรงหลังเปิดให้เพื่อนหยิบรองเท้า ..
	อ่ะนะ .. ชุดเที่ยวผับ .. ก็รู้ๆ อยู่ .. สาวสมัยใหม่ (ตอนนั้น) ก็เป็นเสื้อซีทรู ..
	เปียกฝนหน่อยก็หวาดหวั่นเสียวไส้แล้ว ..
	เจ้าเพื่อนตัวดี .. พอมันได้รองเท้าแล้ว .. มันก็เผ่นแน่บเข้าบ้านเพราะไม่อยากเปียก ..
	
	ฝั่งตรงข้ามบ้านเพื่อน เป็นโรงงานเล็กๆ ทำเฟอร์นิเจอร์ 
	มีหนุ่มๆ หลายคนนั่งเหม่อมองสายฝนทำท่าโรแมนติกอยู่หน้าโรงงาน ..
	
	ด้วยความกลัวว่า .. จะมีหนุ่มตามไปส่งถึงบ้าน .. 
	 .. โดยไม่ทันได้มองหน้าสบตากันให้ดีเสียก่อน .. เพราะมัวแต่หลงเสื้อซีทรูเปียกฝนของฉัน	
	ฉันจึงรีบเผ่นขึ้นรถ .. กดล็อกประตู .. เสียบกุญแจ .. สตาร์ท ..
	หวือ ... หวืด ..
	เฮ่ยยย!!! .. เป็นเล่นน่ะ .. ฉันบิดกุญแจอีกรอบ ..
	หวือ ... วืด ... สตาร์ทไม่ติด ..
	.. กรรม .. 
	น้ำเข้าท่อไอเสียชัวร์ .. ฉันมองออกนอกหน้าต่างดูระดับน้ำ .. ซึ่งสูงขึ้นทุกที
	ฝนใจร้ายยังคงกระหน่ำลงมาอย่างไม่ลืมหูลืมตา ..
	ทำไงดี .. ฉันละล้าละลัง .. 
	มองไปนอกหน้าต่าง .. เห็นหนุ่มๆ กลุ่มนั้นยังคงนั่งอยู่ ..
	เอาน่ะ .. ฉันทำใจกล้าเปิดประตูลงจากรถอีกครั้ง ..
	เดินฝ่าสายฝนเม็ดยักษ์ .. ไปดูท้ายรถ .. ระดับน้ำท่วมมิดท่อไอเสีย .. 
	ทำไงดีคราวนี้ ..
	หันไปมองหนุ่มๆ กลุ่มนั้นอีก .. พวกเขานั่งมองฉันกันเฉย ..
	ฉันไม่กล้าเรียกพวกเขาเพื่อขอความช่วยเหลือ .. 
	เพราะกลัว .. จะได้รับความช่วยเหลือแบบอื่นแทน ..
	ทำไงดี .. มองไปหน้าบ้านเพื่อนตัวดี .. ก็ปิดประตู ปิดไฟไปเสียแล้ว ..
	ฉันยืนหมุนคว้างกลางสายฝน	
	"คุณขึ้นรถไป .. เดี๋ยวผมเข็นให้ .. คุณรอจังหวะให้ดีแล้วสตาร์ทนะ"   
	เสียงห้าวดังขึ้นด้านหลังฉัน ..
	ฉันหันหลังกลับไปตามเสียงนั้น ..
	.. อัศวินในเสื้อกล้ามสีขาวตราห่านคู่ .. ถือร่มคันโต .. บดบังใบหน้าของเขา .. 
	เห็นเพียงแค่คอและร่างกายสูงใหญ่ วัยฉกรรจ์ของเขาเท่านั้น ..
	เขายืนใกล้ฉันซะจนฉันได้กลิ่นแป้งกระป๋องจากตัวเขา .. คงจะเพิ่งอาบน้ำเสร็จล่ะมั้ง ..
	ไม่มีเวลาคิดแล้ว .. เพราะความกลัว ..
	ไม่รู้เหมือนกันจะกลัวไปทำไม? .. ถ้าจะมีใครทำอะไร .. เขาคงทำไปนานแล้วล่ะ ..
	ฉันรีบเปิดประตูรถ .. ก้าวขึ้นนั่งประจำที่คนขับ ..
	มองกระจกมองหลัง .. อัศวินเปียกฝน .. กำลังพยายามเข็นรถยุโรปแปดสูบคันโต .. 
	หนักจะตาย .. ฉันเคยเข็นนะ .. แต่มันไม่ขยับสักนิด ..
	หนุ่มๆ กลุ่มนั้น ยังคงนั่งมองกันเฉย .. 	
	ปล่อยให้เขาคนนั้นเข็นรถฉันเพียงลำพัง ..
	ฉันรอจังหวะ .. สตาร์ทเครื่อง .. 
	หวือ .. วืด .. ไม่ติด ..
	น่า ... รอจังหวะอีกที .. ให้เขาเข็นเร็วกว่านี้อีกนิด .. น่าจะสตาร์ทติด ..
	ระหว่างรถเคลื่อนที่ ฉันบิดกุญแจอีกสองสามครั้ง ..
	เสียงเครื่องยนต์สำลักน้ำ .. แล้วก็ติด .. บรื้นนนนนน .. 
	ไชโย้ .. 
	ฉันมองกระจกมองหลัง ..
	เขาตัวเปียกมะล่อกมะแล่ก .. ยังคงเห็นหน้าเขาไม่ชัดอยู่ดี 
	สายฝนที่กระหน่ำทำให้เสื้อกล้ามสีขาวห่านคู่ตัวนั้นเปียกแนบเนื้อ (อีโรติกไปเปล่าเนี่ย?)
	ทำให้ฉันเห็นเพียงว่า .. เขาเป็นชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ กำยำล่ำสัน .. ผิวคล้ำนิดๆ 
	
	รถสตาร์ทติดแล้ว .. แต่ฉันยังไม่เหยียบคันเร่งออกไป ..
	เพราะมัวแต่ลังเลว่า .. จะลงไปขอบคุณเขาดีหรือป่าว? .. 
	แต่มองดูชุดเปียกฝนของตัวเองแล้ว .. ฉันยอมเสียมารยาทดีกว่า ..
	ฉันตัดสินใจเหยียบคันเร่งพารถทะยานพุ่งไปข้างหน้า .. พลางมองกระจกมองหลัง .. 
	เห็นเขายังคงยืนท่ามกลางสายฝนกระหน่ำ .. มองตามรถฉัน ..
	
	วันรุ่งขึ้น .. ฉันโทรหาเจ้าเพื่อนตัวดี .. 
	เพราะรองเท้าของมันทีเดียว .. ทำให้ฉันต้องประสบกับเหตุการณ์อันน่าระทึก ..
	ฉันเล่าเรื่อง อัศวินห่านคู่ คนนั้น ..
	เพื่อนบอกว่า ไม่รู้หรอกว่าใคร .. 
	โรงงานทำเฟอร์นิเจอร์นั่นมีแต่หนุ่มๆ ทั้งนั้น .. จะรู้ได้ไงว่าคนไหน ..
	เย็นวันนั้น .. ฉันแวะซื้อคุกกี้กล่องโต .. และขับรถไปจอดหน้าโรงงานทำเฟอร์นิเจอร์แห่งนั้น ..
	.. ฉันอยากจะขอบคุณความมีน้ำใจของเขา .. 
	หนุ่มๆ หลายคน นั่งอยู่หน้าโรงงาน 
	(ความจริงโรงงานก็เป็นเพียงแค่ตึกแถวสองคูหาเท่านั้นแหละ)
	" เอ่อ .. คือ .. ขอโทษนะคะ .. 
	ที่นี่มีพี่คนที่ตัวสูงๆ ล่ำๆ ผิวคล้ำๆ ไหมคะ? .. คือ .. เมื่อคืนพี่เขาช่วยเข็นรถให้น่ะค่ะ .. "   
	ฉันอ้ำๆ อึ้งๆ  .. ไม่รู้จะเริ่มต้นยังไง .. ถามมันตรงๆ แบบนี้แหละ ..
	หนุ่มๆ .. กลุ่มนั้น .. มองฉันแล้วทำหน้าเอ๋อๆ ..
	"คือเมื่อคืนฝนตกหนักมาก .. แล้วรถมันดับสตาร์ทไม่ติด .. พี่เขาช่วยเข็นรถให้น่ะค่ะ ..
	เลยอยากจะมาขอบคุณเขา .. "  ฉันพยายามอธิบายต่อ ..
	"อ๋อ .. เมื่อคืนตอนตีสองกว่าๆ ใช่ไหม? "  มีใครคนหนึ่ง ทำท่าเหมือนอยู่ในเหตุการณ์ 
	"ไอ้หน่องน่ะ .. แต่ตอนนี้มันไม่อยู่หรอก .. มันไปเรียน .. ค่ำๆ ถึงจะกลับ.. " 
	"ค่ะ .. ไม่เป็นไร .. ฝากนี่ให้พี่เขาด้วย .. ฝากบอกเขาด้วยนะคะว่า .. ขอบคุณมากที่ช่วยเหลือ "
	ฉันส่งคุกกี้กล่องโตให้พร้อมด้วยยิ้มหวานๆ หนึ่งแก๊ก 
	แล้วฉันก็ขึ้นรถ ... ขับออกไป .. 	
	พลางนึกถึง .. เสื้อกล้ามสีขาวเปียกฝน .. โดยจินตนาการหน้าตาเขาไม่ออก 
	ขอบคุณค่ะคุณหน่อง .. ยังไงฉันก็นึกขอบคุณคุณอยู่ดี ..
	คุณทำให้ฉันได้รู้ว่า .. ศรัทธาและน้ำใจ .. ยังมีอยู่ในซอกหลืบหนึ่งในโลกนี้ ..
	เหตุการณ์ครั้งนั้น .. ถูกเก็บไว้ในมุมหนึ่งของความทรงจำแห่งฉัน .. 
	และอาจจะยังคงถูกเก็บอยู่ในนั้น .. หากวันนี้ฉันไม่ได้ไปเกาะเสม็ด  ... ... ...
	
	.. ฉันนอนอยู่บนเตียงผ้าใบใต้ต้นหูกวางริมหาด ..
	สายตามองผ่านเลนส์กล้อง .. พยายามจับภาพเรือลำเล็กที่ลอยอยู่บนผิวน้ำทะเลเบื้องหน้า ..
	ชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ .. นุ่งกางเกงเล .. ชายขากางเกงด้านหนึ่งถูกพับให้สูงขึ้นเหนือเข่า ..
	ยืนคัดท้ายเรือเข้าสู่ฝั่ง ... ท่าทางเหมือนชาวเลผู้ช่ำชองกับท้องทะเล .. 
	ภาพเบื้องหลังเป็นตะวันสีแสดดวงโตกำลังลาลับขอบฟ้า .. สู่ขอบทะเล ..
	.. ภาพที่น่าประทับใจ .. 
	 .. ฉันกดชัตเตอร์ .. แช๊ะ .. 
	
	และยังคงไม่ละสายตาจากภาพผ่านเลนส์เบื้องหน้า .. 
	
	เขาก้าวลงจากเรือ .. 
	ลากเรือลำเล็กนั้นเข้าเกยหาด .. ทิ้งรอยไถไว้บนทรายเป็นทางยาว ..
	แช๊ะ ... ฉันลั่นชัตเตอร์ ... 
	เขาหยุดลากเรือ .. มองมาทางฉัน .. 
	เอ .. หรือได้ยินเสียงชัตเตอร์หว่า? .. ฉันเสหันกล้องไปทางอื่น ..
	เขาก้าวตรงเข้ามาหาฉัน .. 
 	ซวยล่ะสิ .. ฉันจะโดนต่อว่าไหมนี่? .. ถ่ายรูปชาวบ้านเขาโดยไม่ได้รับอนุญาต ..
	ฉันจับภาพคลื่นที่ซัดเข้าหาฝั่งเบื้องหน้า .. ทำไม่รู้ไม่ชี้ ..
	เขายังคงเดินตรงเข้ามาทางฉัน .. เผ่นดีไหม? .. ไม่ได้!!! .. ทำไม่รู้ไม่ชี้ดีที่สุด .. 
	ฉันถ่ายภาพวิวตะหาก .. ดวงอาทิตย์กำลังลาลับขอบฟ้า .. สวยจะตายไป ..
	ฉันใจเต้นตุ้มต่อม .. พลางคิดหาข้อแก้ตัว .. หากเขาต่อว่าฉันจริงๆ ..
	เขาเดินมาหยุดข้างหน้าฉัน ... 
	ฉันละสายตาจากเลนส์กล้อง ...
	"คุณจริงๆ ด้วย .. "  	เสียงห้าวดังขึ้น 
	ฉันได้แต่มองหน้าเขางง ๆ .. พูดกะเราป่าวหว่า? 
	"คุกกี้อร่อยมาก .. ขอบคุณครับ.. "   เขาบอก .. สายตามองฉัน .. คงพูดกับฉันล่ะมั้ง? 
	"คะ? .. "  ฉันงง 
	
	"คุณคงจำผมไม่ได้ .. แต่ผมคลับคล้ายคลับคลา .. จนเห็นนี่ .."  เขาชี้นิ้วมาที่หน้าผากฉัน ..
	"เป็นคุณแหง๋ ... "   เขายิ้ม 
	ฉันลูบหน้าผากตัวเอง .. 
	"ปานสีเขียวบนหน้าผากคุณไง.."     เขาอธิบายเพิ่มเติม ..
	"วันนั้นฝนตกหนักมาก .. รถคุณดับ .. เราพบกันแป๊บเดียว .. ดีนะที่คุณมีปานบนหน้าผาก"  
	
	ฉันนิ่งคิดอยู่นาน .. 
	พยายามนึกถึงเหตุการณ์ที่รถดับในวันฝนตก .. เอ .. ตอนไหนมั่งหว่า? 
	และแล้ว .. ภาพอัศวินห่านคู่ .. ก็ปรากฎชัดในมโนสำนึก .. 
	ฉันอ้าปากค้าง .. คืนนั้นนั่นเอง .. หน้าโรงงานเฟอร์นิเจอร์ ..
	" .. ยินดีที่ได้รู้จักอย่างเป็นทางการค่ะ  .. หลายปีผ่านไป"  
	ฉันยิ้มรับมิตรภาพ .. เอ .. จะเรียกว่ามิตรภาพเก่าหรือใหม่ดีหนอ? 
	ทฤษฎีโลกกลมมันเป็นแบบนี้นี่เอง ..
	เวลา .. นำพา .. การพบ .. และพลัดพราก ..
	เวลา .. ก่อเกิด .. และเจือจาง .. ความรู้สึก ..
	เวลา .. เป็นผู้สร้าง .. และผู้ทำลาย .. ให้สำนึก .. 
	เวลา .. เก็บบันทึก .. ทุกอย่าง .. ให้กระจ่างในหัวใจ .. 
	ฉันบอกกับตัวเองว่า .. 
	คราวหน้า .. หากไปเที่ยวไหน .. จะใส่เสื้อซีทรูไปอีก ..
	แล้วจะบอกให้เพื่อนเอารองเท้าไปไว้กระโปรงหลังรถอีก .. 
	อ้อ .. ที่สำคัญ .. กะว่าจะเลเซอร์เอาปานเขียวบนหน้าผากออก ..
	ตอนนี้เปลี่ยนใจแระ ... 5555 				
comments powered by Disqus
  • อัลมิตรา

    14 มิถุนายน 2548 14:07 น. - comment id 85298

    วันที่ฝนตกพรำ .. เมื่อไม่กี่วันมานี้เอง
    วิ่งต่อกๆๆๆๆ จากหัวลำโพง เพื่อไปขึ้นรถ 
    เสียดายหมวกใบเก่งที่ปลิวตกรถไฟหาย
    เสียดายจนนอนไม่หลับ ..
    และยิ่งกว่านอนไม่หลับ ก็คือ 
    การร่ำลากันก่อนขึ้นรถกลับบ้าน
    ริมฝีปาก แตะ กันเบาๆ ทำเอาเคลิ้ม ..
    
    แหะ .. ทานฝรั่งมั๊ย แบบไร้เมล็ด วันนี้งานแยะจัง หัวบานตั้งแต่เช้า อิส สะ มึน ตึ๊บ ค่ะ
  • หมอกจาง

    16 มิถุนายน 2548 08:37 น. - comment id 85317

    อืมม..
    เรื่องน่ารักจัง1.gif..
    
    แต่ว่าไปน่าจัเป็นอัศวินฝนกระกน่ำนะเนี่ย ตกซะขนาดนั้น 46.gif
    
    ล้อเล่นคร้าบบ..แหะๆ
  • หมอกจาง

    16 มิถุนายน 2548 08:39 น. - comment id 85318

    อืมม..
    เรื่องน่ารักจัง..1.gif
    
    แต่ว่าไปน่าจะเป็นอัศวินฝนกระหน่ำนะเนี่ย ตกซะขนาดนั้น 46.gif
    
    ล้อเล่นคร้าบบ..แหะๆ
  • กีกี้

    16 มิถุนายน 2548 11:14 น. - comment id 85324

    .. คุณอัลมิตรา ..
    
    
    เสียใจเรื่องหมวกใบเก่งที่หายไปกับสายลม ..
    แล้วก้อดีใจกับจุมพิตแผ่วๆ แววหวานค่ะ .. 4.gif ..
    
    
    .. คุณหมอกจาง ..
    
    ก้อว่างั้นเหมือนกัน .. แต่อัศวินวันฝนพรำ .. โรแมนติกกว่านี่ .. 11.gif ..

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน