tiki
พุทธปัญญา
ในสุวรรณภูมินี้ อริยสัจจ์ เป็นหัวข้อธรรมแห่งพระพุทธองค์
ประดุจแพทย์ผู้ผ่าตัด เอา องค์ประกอบ เครื่องจักรกลแห่งร่างกาย
และ จิตใจชาวโลกมาวางให้เห็น กันเป็นชิ้น เป็น ผัง
นับเป็นข้อธรรมที่มีความ เปลี่ยนแปรเบี่ยงเบน
น้อยกว่าข้อธรรมอื่น
ในหัวข้อ ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค
ข้อความทุกข์ นั้น เป็นสัจจธรรมอัน เบี่ยงเบน น้อยที่สุด
ด้วย ทุกข์เป็น สามัญลักษณะ สัจจะ
จนเป็นที่กล่าวกันว่า ในยุคปัจจุบันนั้น ใครเลยไม่เคยเห็นทุกข์
ดูจะแปลกมนุษย์มนาเอาทีเดียว
ในข้อสองแห่ง อริยสัจจะ คือ สมุทัย เหตุให้เกิดทุกข์นั้น
ผู้คน ก็ เวียนว่ายกันในเหตุนั้นจนยากจะ คีบ เอาเหตที่พันกาย
พันใจ กันออกมาวางให้เห็นชัดเจน แม้นว่าจะ คีบ กันออกมา
วาง ก็ยัง ติด หลง พึงพอใจ ในอาการเหตุ แห่งทุกข์ กันอยู่ดี
ด้วย ตัวที่ทำให้ติด ให้หลง นั้น เป้นตัวกางกั้น พุทธปัญญา
อย่างแรงกล้า เพราะ มันคือ อวิชชาที่อยู่ในใจตน ดีดีนี่เอง
ชาวสุวรรณภูมิ และชมพูทวีป จะรู้จักสามัญทุกข์เท่าทั่วกัน
ก็เมื่อปลายปีนี้ ตอนเห็นความตายขนานใหญ่แห่ง สินามิ นั้นแหละ
หัวข้อสามแห่งอริยสัจจ์ คือ นิโรธ
คือ ความดับทุกข์ การเข้าใจความจริงของชีวิต
นำไปสู่การดับความเศร้าโศกทั้งมวล
อันยังให้เกิดความสงบและความเบิกบาน
ตรงนี้ คือ ผลเมื่อทุกข์ดับ แต่ตราบใดที่ทุกข์เหล่านั้น
ทุกข์ใหญ่ ทุกข์ย่อย ยังไม่ดับ ผล ตรงนี้ หรือ นิโรธ นี้
ก็มิใช่ กล่องที่ใครจะจับต้องประคองไว้ได้งาย
ท้ายสุดแห่ง อริยสัจจ์ คือ มรรค หนทางดับทุกข์นั้น
ผู้คนที่มีบุญ มีปัญญาได้อ่าน พุทธธรรม ตรงนี้
อาจได้เห็นแจ้ง แต่ก็ปฏิบัติได้ยากยิ่ง
เพราะตัวควบคุมกาย คือใจ มันวอกแวก ตามไม่ทัน
ไม่มีตัวเบรค อาการไหลไปตามอารมณ์ ของใจมันเร็ว
อย่างที่เจ้าตัว ผู้ไม่เคยชินในการพิเคราะห์อารมณ์
ก็ไม่สามารถ ดูใจตนอย่างละเอียดได้ว่า ที่เป็นอยู่ นั้น
ทุกข์มาจากอะไร
ไม่พอใจ พอใจไม่พอใจพอใจ ไม่พอใจพอใจนั้น
มาจากตรงไหนอย่างไร จะดับได้.
.ตัวหยุดนั้น ในยุคสมัยใหม่ ที่ เมื่อธรรม ก็เจริญสูงสุด
แต่ อธรรม ก้เจริญสูงสุดในสื่อ มีเดียยุคใหม่ นี้ ด้วยเช่นกัน
อริยสัจจ์ในสุวรรณภูมิทุกวันนี้ จึงเป้นเพียง มุขปาฐะ
ให้โต้กันไปกันมาแต่ ปฏิบัติยากยิ่ง.....