tiki
มาฆบูช่า..กถา
สลักธรรม 10
ระดับที่สอง ทรงวางหลักการศึกษาปฏิบัติและการอบรมสั่งสอน
ให้ผู้อื่นปฏิบัติในระดับที่สองว่า ต้องทำกุศลให้ถึงพร้อม
กุศลนี้ไม่ใช่บุญ แต่การทำบุญก็เป็นกุศลอย่างหนึ่ง
นั่นคือกุศลมีความหมายกว้างขวางต่อบุญ มีระดับที่สูงกว่าบุญ
โดยรวมก็คือการศึกษาปฏิบัติเพื่อให้กระทำความดี
คือการปฏิบัติธรรมทั้งปวงเพื่อให้กายทำดี เพื่อให้วาจาดี เพื่อให้จิตใจดี
นั่นคือต้องถึงพร้อมด้วยกาย วาจา และใจ ในการทำกุศล
หรือในการทำความดี
การจะทำกุศลให้ถึงพร้อมได้จึงต้องอาศัยบาทฐานจากระดับแรก
คือการไม่ทำบาปทั้งปวง เพราะถ้าหากยังทำบาปอยู่ตราบใด
ตราบนั้นก็ไม่มีทางที่จะทำกุศลให้ถึงพร้อมได้
เช่น หากยังลักทรัพย์ผู้อื่นอยู่ หรือเบียดเบียนผู้อื่นอยู่ก็ย่อมมีโทษ
มีบาป และมีวิบาก กุศลจึงไม่มีทางจะถึงพร้อมขึ้นมาได้
ในระดับแรกการศึกษาปฏิบัติหรือการสั่งสอนมุ่งเน้นไปที่
การปฏิบัติทางกายและวาจา แต่ก็ส่งผลต่อจิตในการที่เห็นโทษของบาป
ไม่คิดทำบาป และเว้นจากบาปสิ้นเชิง
มาถึงระดับที่สองนี้มุ่งเน้นไปทั้งกาย วาจา และใจ
ส่งผลต่อจิตใจที่เห็นคุณของกุศล ใฝ่ในกุศล และทำกุศลให้ถึงพร้อม
ในระดับที่สามซึ่งเป็นขั้นสูงกว่าสองระดับแรก คือมุ่งที่จิต
นั่นคือการศึกษาอบรมบ่มเพาะจิตใจตน หรือการอบรมสั่งสอนผู้อื่น
ให้อบรมบ่มเพาะจิตใจเพื่อหลุดพ้นจากอิทธิพลการครอบงำจิตทุกชนิด
ทำจิตให้ถึงซึ่งความอิสรเสรีสูงสุด มีพลานุภาพสูงสุด และมีปัญญาสูงสุด
ข้ามพ้นแดนแห่งโลกียะมิติ สู่แดนวิมุตตะมิติหรือมรรคผลนิพพาน
ซึ่งในระดับนี้ในพุทธศาสนามีความเด่น มีความละเอียด
มีความครบถ้วนสมบูรณ์และมีความเป็นระบบมากที่สุด
การศึกษาปฏิบัติทางจิตในระดับใดก็ย่อมได้รับผลในระดับนั้น
เช่นเดียวกับระดับแรกหรือระดับที่สอง
ละบาปอย่างใดก็ได้ผลอย่างนั้น ละบาปทั้งหมดก็ได้ผลสมบูรณ์
ทำกุศลอย่างใดก็ได้อานิสงส์อย่างนั้น
ทำกุศลให้ถึงพร้อมก็ได้รับอานิสงส์พร้อมบริบูรณ์
การฝึกฝนอบรมจิตถึงระดับใดก็ได้รับอานิสงส์ในระดับนั้น
และถ้าศึกษาอบรมจนถึงขั้นสูงสุดก็บรรลุถึงมรรคผลนิพพานเป็นที่สุด
โดย ทิกิ_tiki [23 ก.พ. 2548 , 19:15:09 น.]