ฉันยังหายใจคล่องไม่ต้องห่วง แม้บางช่วงอยากหยุดให้สุดสาย ถ้าหากว่าอากาศขาดเจียนตาย เฮือกสุดท้ายหรือก็อย่าถามหากัน ก็มีบ้างบางวันอัดอั้นหนัก ฝืนทุลักทุเลเหอกหัน เพียงแค่พออยู่ได้ไปวันวัน สำหรับคน ไม่สำคัญ สำหรับใคร เรื่องเก่าเก่าผ่านมาขออย่าคิด ใครถูกผิดขอจงอย่าสงสัย ถือว่าแล้วกันแล้ว..แล้วกันไป อย่าใส่ใจ..ปล่อยเลยเหมือนเคยเป็น เธอจะเลือกรักใครเลือกไปเถิด เขาเลอเลิศเพียงไหนไม่อยากเห็น แค่หงุดหงิดติดค้าง..บางประเด็น ว่ายากเย็นอย่างไรไม่เอ่ยลา ก็ยังหายใจคล่องไม่ต้องห่วง แม้บางช่วงอยากถามอยากตามหา แต่น้อยใจก็เลยแกล้งเฉยชา ไม่ใช่ว่าไม่ช้ำไม่ลำเค็ญ ที่เหินห่างร้างเลือนไม่เอื้อนเอ่ย ที่เมินเฉยรู้ไหมใครทุกข์เข็ญ เหตุผลคนเคยรักสักประเด็น มันลำบากยากเย็นก็อย่ามี .................. เหตุผลที่ตัดรักสักประเด็น ก็ไม่เห็นจะยากหากจะมี ~ ๑๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๕ ~
ซึ้งเสนาะเสน่ห์หาไพเราะจิต ไมตรีมิตรบทกลอนอันอ่อนหวาน ถ้อยคำร้อยเรียงรัดที่พบพาน เสียดายกาลที่ผ่านไร้เจอะเจอ จะกรรมเวรอันใดใคร่อยากรู้ ดลเราผู้ค้นพบสบเสมอ ผองมิ่งมิตรจิตเลิศดังตัวเธอ จนใจเผลอพันผูกด้วยผูกพัน โลกประพันธ์เริงร่าช่างน่ารัก ไม่พบพักตร์แต่สบวจีฝัน โลดตามแต่ดวงจิตแน่นในกัน พรอดรำพันสิเน่ห์แนบนานเนาว์ เอื้อปันแบ่งมิบังเรื่องเรียนรู้ ยกเป็นครูนับถือตัวเราเขา กำลังใจเสริมแรงผ่อนหนักเบา เรื่องรุมเร้าพลันพลิกผ่อนแผ่วใน หากหาเปรียบสัมพันธ์ที่พานพบ ยากประสบเหมาะมีที่สุกใส มากความหมายออออกจากฤทัย หากรวมได้คำใดช่วยบอกที
กายครู กายครูผู้อุทิศ หวังเป็นวิทยาทาน พากเพียรเรียนพิจารย์ จนรู้จบเจนวิชา ควรทำด้วยสำรวม จิตใจร่วมกายวาจา รู้คุณหนุนนำพา มงคลแท้แก่ตนเอง ------------------------------------------------------------ กาพย์ยานี ๑๑ นี้ จารึกอยู่บนป้ายหินอ่อน ติดที่ข้างฝาห้องปฏิบัติการกายวิภาค ๑ ชั้น ๒ ตึกกายวิภาค คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มาเป็นเวลาเนิ่นนาน บ่งบอกถึงความเสียสละอันยิ่งใหญ่ของอาจารย์ใหญ่ทุกท่านที่ได้อุทิศร่างกายเพื่อเป็นวิทยาทานแก่นักศึกษาแพทย์ทั้งหลาย จึงจะขอคัดลอกมาไว้ ณ ที่นี้ ให้ทุกท่านได้อ่านกัน ในวันนี้ (๔ มิ.ย. ๔๘) ภาควิชากายวิภาคศาสตร์ ได้จัดงานทำบุญอาจารย์ใหญ่ประจำปีขึ้นในช่วงเช้าของวัน ท่าน ศ. (เกียรติคุณ) นพ. สรรใจ แสงวิเชียร เป็นประธานในพิธี ได้นำบทประพันธ์บทนี้ขึ้นอ่าน เป็นการย้ำให้นักศึกษาแพทย์ทุกคนได้ระลึกรู้ถึงบุญคุณของอาจารย์ใหญ่ทุกท่าน และจะเพียรเรียนปฏิบัติต่อท่านด้วยความเคารพ นามของท่านผู้ประพันธ์นั้น รัตนาดิศรมิอาจทราบได้ ส่วนชื่อเรื่อง "กายครู" นี้ รัตนาดิศรขอตั้งขึ้นเองตามข้อกำหนด เพราะท่านผู้ประพันธ์มิ
.....ปลอบเพื่อนมาวันนี้วันที่สี่ เอาไงดีทั้งปลอบทั้งขู่ด่า เสียเข้าไปเสียให้ตายเลยน้ำตา เผื่อชาติหน้าเขาจะกลับมารักแก .....เพื่อนจ๋าเพื่อนเพื่อนจ๋าอย่าร้องไห้ ร้องไปไยใครเขาไม่แยแส ก็ยังมีฉันไงเป็นเพื่อนแก คอยเทคแคร์แลดูอยู่ร่ำไป .....โอ๊ย!เอาไงทำไมไม่หยุดเศร้า ไปรักเขาเขาก็ยังผลักไส สรุปแล้วชีวิตนี้แกเอาไง ขาดเขาไปอยู่ไม่ได้วายชีวี .....ลุกขึ้นมากินน้ำกินข้าวบ้าง ก่อนที่ร่างของแกกลายเป็นผี แล้วต่อไปใครเขาจะไยดี มารักผีสิงที่ในร่างคน.. .....อืมม์..มันวันที่สี่แล้วอ่ะนะ..ไม่แตะข้าวและน้ำ เพื่อนบางคนบอกว่าอาการแย่..ปลอบเขาด้วยคำพูดดีดีมาเยอะแล้ว พอด่าเขา เราก็โดนด่าอีก เดี๋ยวเพื่อนคิดสั้นทำไง โทษทีละกันว่ะ...อารมณ์ร้อนไปนิด...แต่อยากให้สำนึกนะ เป็นห่วงแล้วก็รักนี่นา...
คนหลายใจอย่างฉัน ทุกคนคงคิดว่ารักไม่เป็น ยิ่งเธอนั้นคอยเกลียดชังฉันเหลือเกิน แต่เธอจะรู้อะไรเกี่ยวกะฉันบ้างไหม ฉันก็มั่นคงกับใครคนนึงนั่นก็คือเธอ คนหลายใจอย่างฉันนั้น เธอคงคิดเหมือนอย่างที่เขาว่ากันใช่ไหม เธอคงไม่รุ้ ว่าฉันคิดอะไร กับคนที่คิดว่าฉันหลายใจ ซึ่งคนคนนั้นก็คือเธอ คนหลายใจอย่างฉัน คือคนที่รักมั่นคงไม่แพ้เธอ ขอบอกตามความจิงที่เป็น ว่าฉันก็รักใครซักคนที่จิงใจเป็นเหมือนกัน เธอคงไม่รู้ใช่ไหมว่าคนคนนั้นคือใคร คือคนที่รักมั่นคงไม่แพ้เธอ คนคนนั้นที่ฉันรัก ก็คือเธอ
วันนี้ท้องฟ้ายังคงเป็นสีหม่น - - เหมือนใจคนที่มีความเศร้าปน ไม่สดใส และนับตั้งแต่ความรักที่มีได้จากไป ก็ไม่เคยได้เห็นฟ้าสีใส เหมือนอย่างเคย อยากมองท้องฟ้าให้เป็นสีสด - - เผื่อจะช่วยลดความหม่นเศร้าจากใจได้ และอยากจะลืมรักที่มีให้หมดจากหัวใจ เพราะว่าอยากมองอะไร และฟ้าใส - - ให้สวยงาม
รุ่งเช้า ..หมอกบางเบาลอยเคว้งกลางภูสูง เขียวชะอุ้มอุ่นไปด้วยพฤกษา ยามอาทิตย์ทอแสงรุ่งทิวา ดังเหมือนว่าภาพฝันพลันเป็นจริง น้ำค้างพราวแต่งแต้มตามยอดหญ้า สุขสกาวพราวระยับหลากแสงสี ดังดาราฉายแสงยามราตรี หลากแสงสีหยอกล้อล่อแสงตะวัน ดอกไม้บานยิ้มรับเช้าวันใหม่ สวยสดใสเชื่องช้าคงเคลิ้มฝัน ดอกจึงค่อยผลิบานรับแสงตะวัน หรือแสงจันทร์พาขวัญเจ้าล่องลอย ..??? แสงศรัทธา ณ ปลายฟ้า .. 25 11 - 44
ปิดไฟ...หลับตานอน...ไม่หลับ เลยออกมานั่งนับดาวบนฟ้า ดาวตกไปอีกดวงร่วงกรีดผ่านตา จึงฝากความคิดถึงไปหาเธอ เธอผู้อยู่แสนไกล ภายในใจ...กลับรู้สึกว่าใกล้กันเสมอ ทั้งที่ในความเป็นจริง...เราต่างไม่เคยพบเจอ แต่ใจก็บอกว่าเป็นเธอ...ที่เข้าใจกัน เธอคงนอนฝันดี ตีสองห้าสิบห้านาที...เธอคงหลับฝัน หรือเธอเองก็หลับไม่ลง...เหมือนกัน จะได้ส่งความคิดถึงผ่านดาวไป ดวงดาวที่เรียงราย...ประดับฟ้า ขอฝากความห่วงหา...ส่งถึงเธอ...ได้ไหม หากเธอได้รับ...ฝากดาวกล่อมเธอหลับอย่างสบายใจ พรุ่งนี้ฟ้าใหม่...จะฝากใจให้เธออีกที
แม้ยามที่เธอหลับฝัน รู้บ้างไหม ว่ายังมีฉันที่อยากอยู่ใกล้ๆ ขอเพียงได้มองเธอหลับตาอยู่อย่างนั้นก็สุขในหัวใจ ไม่เรียกร้องต้องการสิ่งใด .. ขอแค่ได้อยู่ข้างเธอ หนาวไหม .. คนดี รักเธอมากมายอย่างนี้ อบอุ่นขึ้นบ้างไหม โอบกอดเธอเบา - เบา ด้วยความรักล้นใจ รู้ไหมแค่นี้ก็สุขหัวใจ เพียงแค่ได้ .. อยู่ใกล้ - ใกล้เธอ
.....อึ่งอ่างตัวหนึ่งมันพึ่งมีลูก ด้วยรักพันผูก จึงบอกลูกว่า แม่ไปหากินไกลถิ่นหน่อยหนา เดี๋ยวแม่กลับมาลูกอย่าซุกซน ลูกอึ่งเล่นเพลิน เดินไกลสับสน ลับตาผู้คน จนพบวัวใหญ่ เจ้าวัวกินหญ้าเพลินตาเพลินใจ ก้าวเท้าเหยียบไป ไม่ก้มมองดู เท้าหนึ่งเหยียบอึ่งหงายผึ่งอดสู ล้มตายร่วงพรู เหลืออยู่ตัวเดียว แม่อึ่งกลับมา มองหาแลเหลียว ลูกจ๋าไปเที่ยว ลดเลี้วยที่ไหน อึ่งน้อยเหลือเดนตื่นเต้นตกใจ บอกแม่เร็วไว ลูกแม่ตายแล้ว แม่อึ่งสงสัยเหตุใดลูกแก้ว จำต้องคลาดแคล้ว ล้มตายหายหมด อึ่งน้อยเล่าว่า สัตว์มาจ้องจด เหยียบเราทั้งหมด ปรากฏดังนี้ แม่อึ่งอยากรู้ ศัตรูย่ำยี เป็นใครกันนี่ บอกทีลูกรัก ตัวใหญ่เพียงใดใจจึงร้ายนัก บังอาจหาญหัก ใหญ่สักเท่าไหร่ ว่าแล้วพองตัว ไม่กลัวผู้ใด ถามลูกว่าไง ใหญ่พอหรือยัง ลูกอึ่งตอบพลันมันใหญ่จริงจัง แม่อึ่งได้ฟัง เลือดคั้งขึ้นหน้า พองตัวเต็มที่ ทันทีไม่ช้า ท้องแตกทันตา ชีวาสิ้นไป เรื่องนี้ให้คิด ทำกิจสิ่งใด
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song45.html บุพเพสันนิวาส บุพเพรักพามาให้พานพบ แล้วก็จบแล้วก็จากฝากศักดิ์ศรี ดั่งโซ่สร้อยร้อยสวาทฝากภักดี แล้วก็พลีแล้วก็พร้อมยอมพรากรัก เหมือนเธอฉันพระพรหมกั้นสวรรค์วาย จึงเดียวดายไร้พบมิสบพักตร์ ฝากสายใยสายใจเพียงในฝันนะที่รัก ถึงมั่นภักดิ์หากสายไปในเวลา ถือเป็นโชคได้รู้จักสมัครหมาย ก่อนชีพวายวางบ่วงกรรมย้ำห่วงหา ตัดสายใจเยื่อใยเสน่หากัปป์กาลเวลา มิเหว่ว้ามิหลงทางเคว้งคว้างใจ ปรารถนาจุติจิตสถิตงามท่ามโลกทิพย์ ดั่งนิมิตขวัญสวรรค์ไสว ยอมเดียวดายลำพังสู่ฝั่งใจ ไม่เป็นไรลมหายใจแสนสั้นวันพรากลา บุพเพเศร้าหนาวเหน็บในทุกนึก คือรู้สึกสิ้นไร้ร่างว่างปรารถนา ไฉนเลยวิบากกรรมย้ำวนมา ชั่วดินฟ้าหวังโศกสิ้นถวิลภักดิ์ ถึงมีจำไม่มีใจจึงไม่เจ็บ ถึงหนาวเหน็บเคยชินความสิ้นรัก มีดายเดียวเปลี่ยวเหงาแทนที่รัก แทนอ้อมตักอ้อมใจใครบางคน วันจำพรากจากจบคงไม่นาน หากตราบกาลฝากทรงจำทุกแห่งหน หากตราบใดสายนทียังรี่ไหลในสกนธ์ ในกมลตรารอยธารหวานนิรันดร์... .............. http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song45.html บุพเพสันนิวาส เมื่อคิดให้ดีโลกนี้ประหลาด บุพเพ สันนิวาส ที่ป
กาลเวลา ผ่านไปดัง สายน้ำ ความชอกช้ำ ไหลรินร่วง กับห้วงเหว ใจดวงน้อย ลอยไป ฝ่าแดดเปลว ดีหรือเลว...ลาลับไป...กับสายลม หากที่เหลือ ยังมิเป็น เช่นสายน้ำ คือความจริง ที่ตอกย้ำ ความขื่นขม หากขอได้...ให้ทุกข์หาย พร้อมสายลม ขอเธอพบ เพียงรื่นรมย์ ชั่วชีวิน ฉันก็ยัง คงเป็น เช่นตัวฉัน ไม่มีวัน ย้อนลับ กับกระสินธุ์ สายลมแว่ว แผ่วผ่านไป ได้ยลยิน ชั่วชีวิน..ไม่ตอกย้ำ..ความเป็นเรา.. ความเป็นเรา...เราเป็นความ...ตามใจเถิด ทุกสิ่งมี...บ่อเกิด...แห่งความเขลา โง่ก็รู้....รู้ก่อนโง่.....โอ้คนเรา เรียนรู้เขา...เพื่อเป็นเรา...อีกเนานาน จริงสินะ ความโง่ เราโง่ก่อน ไม่อาจย้อน กาลเวลา มาผสาน ได้แต่เก็บ บทเรียนไว้ เป็นตำนาน หยุดซมซาน บทเรียนรัก หักอกคน หวังเพียงพ้น ความเจ็บปวด ที่รวดร้าว พ้นความหนาว ที่รุมเร้า จนสับสน พ้นความฝัน ลวงตา พร่าวกวน หนีให้พ้น ใครบางคน ที่เคยรัก หนีอะไร ก็หนีได้...ไม่เย็นยาก แต่หนีจาก ตัวเอง เกรงจะหนัก หลอกตัวเอง ว่าสิ้นไป ในใยรัก มีเพียงตัว ที่ประจักษ์ อยู่กับใจ รู้ทั้งรู้........ว่าหนียากแม้อยากหนี รู้ทั้งรู้........ว่าชีวีโดนผลักไส รู้ทั้งรู้........ว่าต้องปรับกับดวงใจ รู้ทั้งรู้..
เธอ..คนเฉยชา ที่ฉันไขว่คว้าอะไรไม่ได้ ไม่ใช่ว่าเธอ..ไม่มีหัวใจ เธอมีไว้..แต่ไม่ได้ให้มัน ไม่ได้ร้องขอสักนิด ก็ติดที่เธอทั้งความรู้สึกนั้น เธอไม่มองแม้แต่ความฝัน แล้วฉัน..จะเป็นอย่างไร ขอโทษ..ขอโทษ ไม่ได้โกรธที่ไม่ได้ตั้งใจ คิดอีกทีไม่รู้จะเอาไปทำไม กับเพียงแค่หัวใจ..ที่ไม่ใช่ของเรา
เจ็ดสิบห้าบทกลอนที่ผันผ่าน ล้วนเป็นงานที่ไหลหลากจากสมอง มาวันนี้งานของใจไม่ไหลนอง เสียงร่ำร้องเกิดอะไรทำไมตัน หรือเป็นเพราะหน้าแล้วแห้งทั่วหน้า หอยปูปลาพากันหลบกลบโคลนฝัน ไม่ออกมาแหวกว่ายให้เห็นกัน ไม่เหมือนวันที่ผ่านมาพาทุกข์ใจ ครั้นจะแต่งกลอนรักก็หนักจิต โอ้ชีวิตผ่านมาหานับได้ จะตัดตอนย้อนอดีตคิดถึงใคร คงจะไม่แต่งกลอนรักหนักอุรา โอ้ปลายปีมีเทศกาลบานมากมาย คงได้หลายบทกลอนนอนแผ่หรา วันพรุ่งนี้ลอยกระทงคงแต่งมา ให้เพื่อนข้าชาวกลอนได้อ่านดู
ฉันมันก้แค่คนไร้ค่าคนหนึ่ง ที่มันไม่เคยทำให้เธอซึ้ง ดั่งใจได้ ไม่เคยเหลียวแล ไม่เคยสนใจ เธอไม่เคยไม่มีความหมาย ไม่มี พอสักที พอแค่นี้ได้ไหม ในเมื่อฉันไม่ได้ดังใจ แล้วยังจะเก็บฉันไว้ทำไม มันไม่มีประโยชน์แล้วเธอคนดี ฉันคนนี้มันเกินเยียวยา ถึงเธอจะบอกว่าเธอเปลี่ยนได้ และฉันก็บอกไปแล้ว...ฉันเปลี่ยนไม่ได้ ก็เลยเกิดคำว่าไม่ได้ดังใจ และคำว่าเสียใจตามมา ขอเถอะ...ขอได้ไหม ให้คนไม่ได้ดังใจคนนี้ อยู่คนเดียวเงียบๆสักปี เผื่อจะมีอะไรดีขึ้น
เขามีคู่เคียงคิดสนิทนาน แต่วันวานถึงวันนี้มิหม่นหมอง มอบกายใจอิงแอบแนบประคอง ได้แต่มองเลื่อนลอยน้อยใจเรา ต่างกับฉันเรียนจบกระท่อนกระแท่น ไม่มีคนควงแขนเหมือนใครเขา ไม่เคยตามผู้ใดเหมือนเป็นเงา เพราะตัวเราอยู่รอดเพราะดิ้นรน เพื่อตัวเองแหวกว่ายให้ถึงฝั่ง ต้องพลาดพลั้งเจียนตายก็หลายหน ครองชีวิตอยู่ได้เพราะอดทน กว่าจะพ้นอุปสรรคครึ่งชีวิต ถึงวันนี้ผ่อนคลายได้ทุกสิ่ง พอรักหญิงกลับว่าไม่มีสิทธิ์ ทำอย่างไรความรักจะสัมฤทธิ์ ต้องครวญคิดวกวนจนปวดใจ เขามีคนเข้ามาในชีวิต ได้ใกล้ชิดมอบใจบูชาให้ มาทีหลังตาร้อนลุกเป็นไฟ พเนจรร่อนไกลเข้าดงดอน...