เบื่อตัวเองที่เป็นแบบนี้ งี่เง่าทุกที...ไม่มีเหตุผล รู้ก็รู้ว่าเธอรักฉันทั้งคน แต่ทำไมในใจยังสับสน...ไม่เข้าใจ เบื่อตัวเองที่ต้องคอยโกรธเธอ เวลาที่พบเจอเธอคุยกับคนไหน รู้ว่าเธอคงไม่ได้คิดอะไร เพียงแต่ใจ...ไม่อยากให้เธอคุยกับใคร...ถ้าไม่ใช่กัน เบื่อตัวเองที่ทำให้เธอรำคาญ คอยเจ้ากี้เจ้าการอยู่อย่างนั้น วุ่นวายได้ทุกเรื่อง...ไม่เว้นแต่ละวัน ดีแต่ทำให้เธอเหนี่อยใจอย่างนั้น...จนเธอระอา ขอโทษที่ฉันทำให้เธอรำคาญใจ แค่ฉันรักเธอมากมาย...จึงหวงและห่วงหา ถ้าไม่รักคงไม่ทำอย่างนี้...ให้เสียเวลา เธอเห็นไหมในสายตา...ฉันมีแต่เธอ
ฝนสุดท้ายสั่งลาหมดหน้าฝน คล้ายกับคนสั่งลาน้ำตาไหล จดจำรอยแห่งรักอย่างอาลัย เก็บหัวใจที่แตกยับเรากลับคืน ที่เคยบอกรักกันเมื่อวันก่อน ที่เคยอ้อนห่วงหาอาลัยฝืน ที่คิดถึงเช้าค่ำทนกล้ำกลืน ที่เขาชื่นกลับชัง...พังแล้วใจ รักที่ถักด้วยใจสายใยรัก ถึงคราวหักสะบั้นขาดอนาถไหม แต่ยังดีกว่าทนจนขาดใจ ปล่อยเขาไปตามทางอย่าทระนง ค่อยค่อยปล่อยมือนี้นะที่รัก ก่อนใจจักป่นแหลกแตกเป็นผง ไม่โทษใครใจนี้ยังมั่นคง ยินดีปลงดวงใจไว้รอคอย ฝนสุดท้ายสั่งลาหมดหน้าฝน ใจหนึ่งคนที่เหงาเฝ้าละห้อย เจ็บเมื่อไหร่กลับมาหาคนคอย ไม่คิดน้อยใจคนดี...น้องนี้รอ... ๒ ตุลาคม ๒๕๕๐
กลิ่นความรักหอมนวลอวลไออุ่น มือละมุนเนียนนุ่มอุ้มโอบขวัญ ทะนุถนอมตระกรองกอดยอดชีวัน ประครองป้องผองภยันอันตราย กี่สิบถ้อยร้อยคำรำพันพรอด ที่ถ่ายทอด คำรัก หลากความหมาย กี่เปรียบเปรยสรรหามาบรรยาย ฤาเทียบสายใยรักจาก มารดา ครั้งที่ลูกยังเป็นเด็ก เล็กเล็กอยู่ แม่คือ ครู สอนอ่านเขียนเรียนภาษา ให้คำเตือน เสมือนแสงแห่งปัญญา ให้วิชาคือ รู้คิด ที่ติดตน ยามลูกเหนื่อยอนาทรแสนอ่อนล้า ต้องการคำปรึกษาหาเหตุผล แล้วหันมองรอบกาย คล้ายมืดมน ยังพบคนหนึ่ง คือแม่ คอยแลมอง แม่จ๋า แม่คือยอดสตรีที่ประเสริฐ แม่...เลอเลิศหนึ่งในใจไม่เป็นสอง แม่...สูงค่ากว่าหยาดเพชรเกร็ดสีทอง เกินยกย่องด้วยล้านคำ พร่ำพรรณนา หอมกลิ่นความรักนวลอวลไออุ่น ระลึกคุณ แม่โอบอุ้มคุ้มเกศา มือของลูกจึงเรียงร้อยถ้อยวาจา เป็นมาลาหอม รัก กราบจากใจ
จักรยาน พ่อให้ .. ทำใจกล้า ยิ้มเริงร่า เร่งฝึก ..อย่างฮึกเหิม สองขาสั่น ..จดจำ ..ในวันเริ่ม พ่อช่วยเพิ่ม .. ปลูกฝัง .. พลังใจ .. ล้มแล้วลุก .. ขึ้นใหม่ .. อย่างใจสู้. ผิดคือครู .. มุ่งมั่น ..มิหวั่นไหว มือพ่อจับ .. ประคอง ..ด้วยห่วงใย .. เสียงหัวใจ เต้นตึ๊ก .. รู้สึกกลัว.. เสียงโอดโอย .. เจ็บเข่า .. พ่อเฝ้าถาม .. วิ่งวนตาม .. บอกทาง ต้องห่างรั้ว.. ขับขี่ใกล้ กระถางจันทร์ ... เข้าพันพัว.. ใจระรัว .. ชนสนั่น .. ฝันเห็นดาว.. (อิอิอิ.. ) มือพ่อโอบ คอยรับ .. ทาซับแผล.. แกล้งงอแง .. ทำงอน .. ตาร้อนผ่าว.. น้ำตาหลั่ง .. ร้องหนัก .. ขอพักยาว.. ตาใสพราว .. ฉับพลัน .. ขึ้นทันที.. พ่อรู้ทัน .. ต้องฟัง .. คำสั่งใหม่.. ห้ามเฉไฉ นอกกฎ .. หรือหลบหนี .. ลุกขึ้นใหม่ ..อย่าฉงน นะคนดี. ฝึกหัดขี่ .. อย่าท้อ ..ลูกพ่อไง.. พ่อจ๋าพ่อ .. ลูกน้อม จะยอมต่อ เพียงแค่ขอ พ่อจับ .. ลูกรับได้ ตั้งตัวตรง .. ยึดอก .. มิตกใจ รั้งท้ายไว้ .. พ่ออยู่ .. ลูกส
ในขณะรับประทานอาหารร่วมกันที่หน้าบ้าน ผมมองดูลานหญ้าหน้าบ้านที่ค่อยๆลาดลงไปตามเนินเรื่อยๆ แลเห็นต้นไม้สูงใหญ่รวมทั้งต้นสักขึ้นอยู่ห่างๆ ลดหลั่นกันลงไปตามเนินเป็นระยะๆ เห็นหลังคาบ้านพักหลังอื่นและหลังคาอาคารที่ทำการอุทยานฯ ลงไปจนถึงถนนเบื้องล่าง ซึ่งยาวคดเคี้ยวจากเชิงเนิน แล้วเลี้ยวขวาอ้อมด้านหลังอาคารอาบน้ำ ผ่านลานจอดรถ ร้านอาหารสวัสดิการ และศูนย์บริการนักท่องเที่ยว แล้วเลี้ยวซ้ายตรงไปสู่ปากทางเข้าอุทยานฯ บ้านบนเนินเพลินจังยามนั่งเล่น มองแลเห็นห่างไปได้ไกลแสน มีลานหญ้าหน้าบ้านลมผ่านแดน อยู่ในแคว้นเขตไทยให้มีบุญ แม้ชั้นเดียวเหลียวไปเห็นได้กว้าง ทั้งสองข้างคือห้องนอนพร้อมหมอนหนุน ห้องหนึ่งกว้างวางที่นอนอ่อนละมุน พักแสนอุ่นกรุ่นไอไม่หนาวเย็น อีกห้องแคบแนบชิดติดห้องน้ำ แสนสุขล้ำลืมเหนื่อยเมื่อยไม่เห็น นอนในบ้านสราญใจไร้ลำเค็ญ อบอุ่นเป็นประจำจนร่ำลา แต่นอกบ้านชานเรือนลมเยือนเสมอ เย็นจนเพ้อเผลอสั่นยืนหวั่นผวา ครั้นดึกดื่นคืนหนาวร้าวอุรา จึงไม่กล้าไกลบ้านหนาวซ่านทรวง ในไม่ช้าพวกเราเข้าไปนั่งในรถตู้ ผมหันกลับไปมองดูบ้านบนเนินที่เราเข้าพักตั้งแต่เมื่อเย็นวานผ่านกระจกด้านหลัง ในขณะที่รถตู้ค่อย
สี่ปี.....ที่ผ่านมา...... ทำเอาเราแทบหมดตัว ยังดีที่มีแผนที่ในการเดินทาง........ ไม่งั้นคงหลงทาง.......... อยากบอกคนที่..........ยามเราไม่มีใครแล้วเค้านั่งเช็ดน้ำตาให้เรา เค้าเป็นคนคนเดียว ที่เรา.......เห็นคุณค่าเค้าทั้งหมด......แม้นเค้าจะไม่ได้เป็นคนหน้าตาพระเอกยังไง.........แต่ใจ....เค้าเท่านั้น...........ที่เราเห็นว่า......ใจเค้าดีกับเรายามที่เรา...........ไม่มีใครเลย
รอเธออยู่ที่เดิมเติมความฝัน ในคืนจันทร์สว่างกระจ่างหาว จูบสายลมชิดชมภิรมย์ดาว สุกสกาวจันทร์นวลชวนให้มอง คิดถึงเธอเคยพ้อต่อกลอนรัก เฝ้าฟูมฟักภักดิ์ใจในรักสอง คนถวิลยินดีปรีดาปอง นวลละอองคืนจันทร์เพ็ญเห็นทุกครา เหม่อมองฟ้ารำพันบอกจันทร์จ๋า พิมญดาพักตร์เพ็ญไม่เห็นหน้า รู้บ้างไหมคนไกลส่งใจมา ดาวจันทราบอกไม่เห็นหลบเร้นกาย มองนภาเมฆเลื่อนลอยดูหงอยเหงา เคยชมดาวเฝ้าใฝ่มาใจหาย ไม่ส่งข่าวด้วยสาวเจ้าเร้นกาย แสงจันทร์ฉายซึมเซาเศร้าอุรา ยังคอยเธอคืนนี้ไม่หนีหน่าย หรือห่างหายรักเร่สิเนหา จำได้ไหมใครรำพันผ่านจันทรา เหม่อมองฟ้าน้ำตาไหล..ไม่รู้ตัว
@ บูทวินโดวส์เวอร์ชั่นรักไม่ยักติด ฟล็อปปี้ดิสก์หัวใจก็ไม่อ่าน แรมหวังดีสี่เม็กเล็กเกินการ พอร์ตขนานก็แย่ไม่แน่นอน @ ซีพียูใจเธอโอเวอร์คล็อก จึงเที่ยวหลอกใครได้ไม่หยุดหย่อน เสียงซาวนด์การ์ดขาดเสมอเมื่อเธองอน การ์ดจอร้อนภาพเบลอเมื่อเธอเมิน @ คีย์บอร์ดเม้าส์ต่อใจก็ไม่ได้ ก็อปปี้ใจให้เธอก็เก้อเขิน ฮาร์ดดิสก์รักมีไวรัสชัดเหลือเกิน ใครเก่งเชิญ....ฆ่าหัวใจไวรัสที !!! mmmmmmmmmmmmmmm
ในวันนี้เธอคนดีมีปัญหา อุปสรรคนานามาทับถม อาจเหนื่อยหนักจนเกือบจะหกล้ม ต้องพบกับความขื่นขมเนิ่นนาน อยากบอกเธอให้เธอได้รับรู้ ยังมีคนคนหนึ่งอยู่นั่นคือฉัน ที่จะพร้อมหยัดยืนเคียงข้างกัน ร่วมฝ่าฟันไปด้วยหวังกำลังใจ หากเธอท้อขอเพียงเธออย่าถอย ฉันจะคอยเคียงข้างไม่ไปไหน มีล้นเหลือความหวังและห่วงใย หนักเพียงใดจะอยู่เคียงข้างเธอ หากเธอล้มจับมือฉันเอาไว้ หากร้องไห้ซบที่ไหล่ได้เสมอ หากเหนื่อยล้าไขว่คว้าใครไม่เจอ กุมมือเธอคือฉันตลอดไป จะขอเป็นกำลังใจอยู่ตรงนี้ ให้คนดีสิ้นทุกข์จางห่างหาย จะลบเลือนเรื่องร้ายสิ้นหมดจากใจ ให้ชีวิตเธอสดใสตลอดกาล
หญิงชายบางอย่างต้อง ต่างกัน จะเทียบเทียมเท่าทัน มิได้ หญิงเลี้ยงลูกตั้งครรภ์ งานหนัก โลกจักน่าอยู่ไซร้ เมื่อให้เกียรติหญิง
สิบสี่กุมภาวันวาเลนไทม์ ทั้งหญิงชาย หมายให้ ได้มาถึง เตรียมของขวัญ โบตั๋น สีสวยซึ้ง เป็นส่วนหนึ่ง ซึ่งกลั่น นั้นแทนใจ เป็นรักแรก ไม่แปลก หากซ้ำสอง วันที่พร้อม ยอมบอก บอกเธอได้ หวังได้ยิน คำตอบ ที่บอกไป เพียงสายใย สายตา พารัญจวน แต่วันนี้ มีใหม ใครได้รู้ วันที่ผู้ ชายหนึ่ง ซึ่งคิดหวน ถูกประหาร ตัดขอ พร้อมเชิญชวน ชาวเมืองล้วน มองเห็น เป็นประจาน "วาเลนตินัส" ชื่อนี้คือตำนาน ที่เล่าขาน รักนี้ ที่ประหาร "วาเลนไทม์" นามนี้ มียาวนาน เป้นตำนาน ที่มา "แห่งความตาย"
แก้วร้าวใบเก่าอยู่ไหน ซ่อนไว้ในหลืบหลบหนี ใครกันมาเหยียบย่ำยี ชีวีเคืองขัดรำพัน แก้วร้าวใบนั้นพลันหาย ฤๅตายลาลับจากฉัน หัวใจร้อนรุมขึ้นควัน ชีวันมลายกลืนกิน แก้วร้าวใบน้อยไปไหน หลบภัยพ้นจากสถานถิ่น น้ำตาพาลหยดไหลริน ลงดินสิ้นแล้วเศษเวลา แก้วร้าวใบน้อยเคยใส่ กลิ่นไอกาแฟชวนหา ส่งเสียงแว่วแว่วเจรจา เคลือบทาด้วยรสมหัศจรรย์
วันวันหนึ่ง ฉันนั้นมีแต่ความทุกข์ ไม่เคยมีความสุขกับใครเขา ในบางวันฉันนั้นยังมีเศร้า ความหนักเบาจักอธิบายให้เธอฟัง วันอาทิตย์จิตฉันแสนฟุ้งซ่าน ฉันต้องเก้บอาการความหมดหวัง วันจันทร์นั้นคิดถึงรักที่ผ่ายพัง มันเจ้บจังพังยับเยินเกินห้ามใจ วันอังคารอลังการในงานสร้าง มองเห้นทางที่เรานั้นต้องร้างไกล และวันพุเป็นวันสุดอำชัย ปล่อยเธอไปตามทางที่เธอมา พฤหัสบดีไม่มีสิทธิ์ โอชีวีตที่ฉันได้คนหา และวันศุกร์ปวดร้าวในอุรา ตกหน้าผาแม้ถึงเสาร์เศร้าจริงเอย
ดอกจานบานแต่เช้า เชียวหนอ ดูผองผึ้งเคลียคลอ หยอกเย้า แดงเรื่อแสดเจือพอ อ่อนอ่อน ดื่มด่ำยามมองเจ้า ย่างเข้าสงกรานต์ ฯ แดดส่องดั่งเรียกร้อง เบาเบา แดนดินถิ่นเคยเนา แนบเนื้อ ดอกจานคงเงียบเหงา เปล่าเปลี่ยว ได้แต่ฝากฟ้าเอื้อ เอ่ยเอื้อนคืนอิสาน ฯ ดอกจานที่โน่น บานยังครับ... ดอกจานคงไม่เหงา นะ เวบไซต์ข้อมูลดอกจาน(ทองกวาว) นะจ๊ะ http://www.pangfan.org/butea/butea.html ----- เพลงดอกจาน ของคารบาว http://www.chaonet.com/Lyriclink.php?Lid=5578 ----
เมื่อคืนฝนกระหน่ำ จากหัวค่ำยันค่อนรุ่ง น้ำนองเจิ่งท้องทุ่ง อรุณรุ่งยอดข้าวใสว ไม่ต้องบอกหรอกหนา ว่าชาวนาแสนดีใจ ความหวังที่วาดไว้ คงไม่ไกลเกินไปถึง หลายปีที่ผ่านมา เหล่าชาวนาเริ่มนับหนึ่ง แต่แล้วหงายหลังตึง ต้องนับหนึงใหม่อีกคราว ยอดข้าวชูไสว คงเกี่ยวได้ยามต้นหนาว หวังว่าราคาข้าว ขยับก้าวขึ้นสักที วันนี้ยังหวั่นใจ ข้าวขายได้ไม่พอหนี้ แม่โพสพวอนช่วยที ข้าวปีนี้...มีราคา
ฉันมีความสุข.... ทุกคราวยินเสียงเธอปลุกว่าลุกก่อน เมื่อคืนค่ำทำไมไม่หลับนอน มัวเมามายร่ายบทกลอนไม่ผ่อนเลย ก็เป็นเพราะเธอ.... ทุกคำรำพันพร่ำเพ้อรอเธอเฉลย บรรทัดวรรคอักขระไม่ละเลย ฉันเขียนข้อความคุ้นเคยไว้เชยชม ....ว่ารักเธอนะคนดี ผู้ร้อยรักถักชีวีนี้่สุขสม ผู้มอบยิ้มอิ่มใจไร้ระทม ผู้ชื่นชมห่มใจให้คนจร ....ฉุดฉันจากเศษสวะ ล้างชำระปัดเป่าทุเลาหลอน ปูไอรักตักอุ่นอุ่นไว้หนุนนอน เปลี่ยนบทชีวิตบางตอนก่อนความตาย ....อาจฟังดูน้ำเน่า เหมือนจันทราสะท้อนเงาแห่งความหมาย ละหานขุ่นกระต่ายเต้นเริงระบาย เช่นนิยายดอกฟ้าหมาวัดครอง นี่คือคำสารภาพ.... โปรดเถิดเธอจงรับทราบตราบเราสอง บันทึกรักผนึกสนิทปิดลงซอง สลักหลังส่งถึงเจ้าของ....ลงกล่องใจ (ฉันรักเธอ) นาคะพรรณ ๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๒ ภาพโดย อาคม นาคะ
เธอรู้ไหม . เมื่อเธอยามห่างไกลไม่มาหา สิ่งเดียวที่ฉันมีคือน้ำตา กับความคิดที่ว่าเธอเปลี่ยนไป เธอรู้ไหม ในวันที่ฉันเหงา ฉันคิดถึงเราในวันก่อนนั้นเสมอ ฉันคิดถึงเธอ จนเพ้อในวันคืน ก็ไม่รู้เธอคนดี อยู่หนใด เธอรู้ไหม เมื่อเธอคนนี้เปลี่ยนใจไปหาเขา ตัวฉันเอา ความทรงจำเก็บมาเสมอ ว่าฉันนั้นยังเคยมีรักมั่นละเออ แต่มาวันนี้ตัวฉันนั้น ไม่เหลือใคร เธอรู้ไหม . ในวันที่เธอนั้นไม่มาหา ในใจฉันนั้นคอยซึมเศร้าในวันเวลา ว่าเมื่อเธอกลับมา รักนี้จะเป็นเช่นไร