15 กันยายน 2545 20:03 น.

*+*+*+*+ หมาในอยากออก หมานอกอยากเข้า ตอนที่ 5 โชกุลและเพื่อน*+*+*+*

13 นางมาร

" ก็บ้านเราอยู่ติดกันอยู่ติดกันพอดี เปิดหน้าต่างทุกที ทุกทีหน้าเราก็ชนกัน ถ้าเมื่อไหร่หน้างอเราก็งอใส่กัน
แต่ก็มีบางวันที่ยิ้มให้กันตลอดไป เรายิ้มให้กันตลอดไป.." 
     เสียงเพลงจากตู้สี่เหลี่ยม ใสๆ ข้างในมีทีวีและไมโครโฟน พร้อมด้วยคนที่ยอมเสียเงินสิบบาทต่อ 1 เพลง
 มันช่างเป็นตู้ที่รวยไปด้วยความคิดสร้างสรรค์   เป็นประดิษฐ์กรรมเพื่อสนอง 
ความต้องการของมนุษย์ที่มีใจรักการร้องเพลงอย่างแท้จริง  ออนเดินผ่านเจ้าตู้นี้ขณะเดินซื้อของที่ห้างแห่งหนึ่ง หูได้ยินเสียงที่เล็ดลอดออกมา
ใครน่ะช่างเลือกร้องเพลงเก่าได้มาเสียเงินเพื่อร้องเพลงเก่า ๆ เพลงนี้ คิดว่าเค้าคงมีความหลังฝังใจกับเพื่อนบ้านแน่ ถึงได้
ติดใจยอมเสียเงินเพื่อจะได้ระลึกความหลัง 
     
        นึกถึงเพื่อนบ้าน แล้วออนก็พาล ระลึกถึง ...เธอ  นานแล้วน่ะตั้งแต่เธอได้ย้ายจากไป ไปตามทางของชีวิต ภาพในวันนั้นยังตรึงอยู่ในความทรงจำ
วันนั้นวันที่เราพบกันครั้งแรก 
        " พี่แหม่ม หายไปไหนมา วันนี้ออนรอ จะเล่นด้วย ลูกนกที่บ้านโตแล้วไปดูกันไหม " วัยนั้นเด็กหญิงผมเปีย หัวยุ่ง
หน้ามอมเป็นแมว พูดขึ้นหลังจากเจอเพื่อนเล่น ที่รอคอยมาทั้งวัน

        " ออน พี่ คนมาแนะนำ ให้รู้จัก อีก 2 คน คนนี้ พี่ปอ กับ ป่าน เค้าเป็นพี่น้องกับพี่ จะมาอยู่บ้านที่ด้วย" พี่แหม่มซึ่งยามนั้นเป็น
เพื่อนบ้าน รั้วเดียวกัน ที่วัยใกล้ๆกับออนมากที่สุด แนะนำ 2 พี่น้องให้ออนรู้จัก
        " ออนกับป่านน่าจะอายุเท่ากันน่ะ " 
        " เธอจะมาอยู่ บ้านเดียวกับพี่แหม่ม ก็คือบ้านติดกับเราใช่ไหม " ออนจีบปากจีบคอทักทายเพื่อนใหม่ ที่หน้ากลมขาว หมวย ดูก็รู้ว่าเป็น
          ลูกของลุงซื้งเป็นพ่อของพี่แหม่ม
        " ใช่ แม่เราเสียไปแล้ว แม่เราเป็นมะเร็ง " ป่านพูดขึ้นมา
       ยามนั้นออนยังไม่เข้าใจว่ามะเร็งคืออะไร รู้แค่ป่านบอกว่า แม่ของเธอชอบกินขนมปังที่ปิ้งไหม้ๆ และของย่าง
ที่ไหม้ๆ เกรียมๆ  ยามนั้นรู้อย่างเดียวว่ามีเพื่อนเล่นคนใหม่ ที่รุ่นราวคราวเดียวกัน เค้า 3 คนอยู่บ้านเดียวกัน
 พี่แหม่ม พี่ปอ แล้วก็ ป่าน 3 สาวซึ่งพ่อเดียวกันแต่คนละแม่
 
         ยามเด็กบ้านของออนเงียบเหงามาก บ้านเราไม่มีใครนอกจากออน แม่และพี่  ดังนั้นคนชอบความครื่นเครงอย่างออน
มีหรือที่จะไม่ร่อนไปตามบ้านต่างๆ บ้านที่อยู่บ้านตรงข้าม ซึ่งเป็นบ้านคุณยายก็เป็นที่หนึ่งที่ออนใช้หลบภัย
 หากแต่บ้านยายมีแต่พี่ๆ ไม่มีเพื่อนวัยเดียวกันดังนั้น การจะหาเพื่อนหรือทำชีวิตไม่ให้เหงานั้น ออนเรียนรู้
ตั้งแต่เด็กว่าจะต้องทำอย่างไร 
          เท่าที่สมองในวัยเด็กจะคิดได้  ไม่ห็นยากถ้าเหงา ก็เดินไปหา 3 สาวบ้านติดกัน ก็สนุกแล้ว ของเล่นมากมาย
 เพื่อนเล่นก็มี  3 สาวบ้านนั้นแต่ละคนก็ชอบเล่นคนละอย่าง  พี่ปอชอบเล่น วี ดี โอ เกมส์  เข้าไปบ้านนั้น
ทีไร ก็เห็นพี่ปอจ้องอยู่หน้าทีวี ที่ประกอบเข้ากับเกมส์      ส่วนพี่แหม่มนั้นเล่นได้หมด แต่เรื่องโลดโผนเช่น
ขี่จักรยาน ไปท้ายหมู่บ้านไปตะลุยกองทราย จะถนัดเป็นพิเศษ   ส่วนป่านเพื่อนรักของออนนั้น
นิสัยเรียบร้อย อ่อนโยน ไม่ชอบกิจกรรมแผลงๆ  ป่านเป็นคนเดียวในรุ่นๆ ที่ที่โตขึ้นมาด้วนกันแล้วขี่จักรยานไม่เป็น
ด้วยว่าป่านเคยหัดแล้วล้ม หลังจากนั้นเธอจึงมาซ้อนท้าย ออนแทนเวลาแก๊งพวกเราออกตระเวนขี้จักรยานเล่นกัน
แม้ทักษะทางด้านการโลดโผ่นของป่านจะมีไม่มาก แต่ทักษะทางด้านกระประะดิษฐ์ประดอยนั้นป่านมีมากกว่าทุกคนในวัย
เดียวกัน   ของเล่นจุกจิกมากมายที่พวกเราเล่นก็เป็นผลงานของป่าน  วิชาพับนกกระเรียน 
และพับอื่นๆ  อีกมากมาย ก็ได้เธอคนนี้ที่สอน     ที่สำคัญคือ ป่านเป็นคนรักการอ่าน เราสองคนมักแลกหนังสือ
กันอ่านเสมอ ยังจำได้ว่าเรื่อง โต๊ะโต๊ะจังเด็กหญิงข้างหน้าต่าง และเรื่อง ราโมนาเด็กดี เธอเป็นคนแนะนำให้ออนอ่าน
และอีกหลายต่อหลายเรื่องที่เราแลกกันอ่าน  

        มีบ้างบางครั้งที่พ่อแม่ บ้านนั้นพาลูกสาว 3 คนไปเที่ยว กันเป็นครอบครัวซึ่งโดยมากเป็นวัน
อาทิตย์ ออนก็ต้องกลับมาอยู่บ้านตัวเอง  และถ้าตรงกับที่บ้านคุณยายไม่มีใครอยู่ ออนไม่มีที่ไป
จึงต้องกลับมาอยู่บ้านตัวเอง  ยามเย็นวันอาทิตย์ เสียงนก กา บินกลับรวงรัง  บ้านอันเงียบเชียบ 
กับเด็กหญิงที่นั่งโยกเปลไกวเล่นอยู่คนเดียว  ที่ในใจมีแต่ความเหงา  รู้สึกรับรู้รสชาติของความเจ็บปวด ความ เหงา เศร้า
ปวดร้าวที่ไม่มีใครสนใจดูแล เหมือนไม่มีใครรัก  เหมือนอยู่คนเดียวในโลก ไม่มีครอบครัวที่อบอุ่น  
ไม่มีวันที่ จะได้ออกไปเที่ยวไปกินข้าวครบหน้า อย่างที่คนอื่นมี  ความเหงากับออนจึงเป็นเพื่อนเล่นกันมาตั้งแต่วัยเด็ก 
แต่ความเหงาก็ไม่ได้มาเยี่ยมบ่อยนักพราะปรกติแล้ว  ออนจะหาทางออกให้กับตัวเองได้เสมอ ...
        เวลาผ่านไป...............
        จวบจนโต นึกแล้วก็ขำตอนนี้ต่างคนก็ต่างไป ออนเองก็ไม่ได้ข้ามไปหา 3 สาวอีกเลย หลังจาก
ที่ทุกคนก็โตแล้ว แยกวงออกไป หากแต่ตอนนี้กำลังมีสิ่งมีชีวิต อย่างนึงที่ข้ามมาจากบ้าน 3 สาวนั้นเข้ามาบ้านออน
        " มิกกี้ กลับบ้านไป " 
         ออนส่งเสียงไล่เจ้าหมาพุดเดิ้ล ขนหยิกหนอง สีทอง พลางเดินไปข้างรั้วและตะโกนว่า
        " มีใครอยู่บ้าง มารับมิกกี้หน่อย" 
        เงียบ
        ไม่มีเสียงตอบกลับระหว่างที่ออนกำลังชะเง้อ ชะแง้ เรียก เจ้าของมิกกี้ ข้างหลังออนคือ
        เจ้าส้มโชกุลและเพื่อนบ้าน ที่เล่นกันอย่างสนุกสนาน มิกกี้ตัวเล็กกว่าโชกุล
    สามารถมุดใต้ท้องโชกุลได้  สองตัวเล่น ฟัดกันนัวเนีย บางครั้งโชกุลก็ดึงหูอันยาวฟู ของมิกกี้แล้วสะบัด
   บางครั้งโชกุลก็เอาตีนตบมิกกี้  จนเจ้ามิกกี้ต้องทำท่ายอมแพ้โดยการนอน หงายท้อง  ขนเจ้ามิกกี้จะเต็มไปด้วย
   ดินและโคลน   ช่วงเวลาที่มิกกี้แอบมาหาโชกุล จึงดูเหมือนเป็นช่วงเวลาแห่งความสุข ของทั้งคู่โดยแท้

         ชั่วเวลาไม่นานคนที่บ้าน 3 สาวก็จะมาอุ้มมิกกี้ กลับบ้านไปโชกุล มองตาละห้อย 
         คาดว่ามันคงจะส่งภาษาหมากันแล้วว่า
        "  ไปก่อนน่ะเพื่อนรัก แล้วข้าจะมุดมาใหม่ เมื่อมีโอกาส " มิกกี้บอก
        " แล้วข้าจะรอ น่ะ มาหาเร็วๆ น่ะ ข้าเหงา " โชกุลตอบกลับพลางเดินไปส่งมิกกี้ที่ประตู
        " บ็อก บ็อก "
          
         ในความรู้สึกของออน พอจะเข้าใจความรู้สีกของ 2 หมาเพื่อนรักนี้ เพราะทั้งโชกุล และมิกกี้ต่างก็มี
ความเหมือนกันอยู่หนึ่งอย่างนั้นคือ ความเหงา ด้วยว่าปรกติทั้งคู่ก็ต้องอยู่ตัวเดียว โดยโชกุลอยู่นอกบ้าน
และมิกกี้อยู่ในบ้านของสามสาว ต่างก็ต้องรอ เจ้านาย กลับมาเล่นด้วย  ส่วนในรูปลักษณภายนอก ทั้งคู่ไม่มีอะไร
เหมือนกันเลย  ว่าด้วยโชกุลหน้าสั้น มิกกี้หน้ายาวแหลม  โชกุลสีดำสลับขาว มิกกี้สีน้ำตาลเข้มเป็นประกายทอง
โชกุลขนสั้นตรง มิกกี้ขนหยิกหยอง   โชกุลตัวหนา ล่ำ มิกกี้ตัวเล็กผอม   แต่ทั้งคู่ก็เป็นเพื่อนกันได้

         จำไม่ได้ว่ามิกกี้และโชกุลมาเป็นเพื่อนชี้ กันได้ตั้งแต่เมื่อไหร่รู้อีกที มิกกี้ก็เป็นแขกประจำบ้านที่ชอบหนี
ออนจากบ้านตัวเองมาบ้านออนอยู่เป็นเนืองๆ   ตามข้อสัณนิษฐาน คาดว่า บ่ายวันหนึ่ง
 มิกกี้คงจะเหงามากจึงหาทางออน  มุดรั้วออกมานอกบ้าน หลังจากออกมาได้ สมองอันน้อยนิดของ มิกกี้คงตัดสินใจถูกที่
เลี้ยวซ้าย มาเจอบ้านรั้วสีน้ำเงิน ประตูบ้านเป็นรูๆสีเหลี่ยมขนาดพอดีตัว  สามารถมุดเข้ามาได้ 
เมื่อมุดเข้ามา มิกกี้ คงได้พบหน้าส้มโชกุลครั้งแรก  มิกกี้คงตกใจกับตัวประหลาดหน้ายู่ๆ ตาโปน หน้าตาเหมือนตื่นตระหนก ของโชกุล
       มิกกี้คงเริ่มต้นมิตรภาพแบบหมาๆ เรียบ ง่าย ด้วยวิธีนี้
       เห็นหมาแล้วคิดถึงเจ้าของหมา ไม่รู้ป่านนี้ ป่านจะเป็นอย่างไรบ้าง นานแล้วที่ไม่ได้เจอกัน ด้วยว่าต่างคนก็ต่าง
วิ่ง วุ่น อยู่ในวังวนความวุ่นวายของมนุษย์  มิตรภาพบางครั้งก็สามารถประทับอยู่ในความทรงจำได้นาน  มันโดนแช่แข็ง
ด้วยความรู้สึกในวัยเด็ก ความไร้เดียงสาในวันอันเยาว์วัย แค่ได้คิดถึงก็มีความสุข  แม้ว่าภาพในความทรงจำ
มันจะนานจนตอนนี้ กลายเป็นภาพขาวดำแล้วก็ตาม แต่เชื่อเถิดน่ะ ป่าน...เธอจะเป็นคนในความทรงจำของเราตลอดไป
เราสัญญา  ...  ปล ตอนนี้แม้เราจะห่างกันแต่เราก็มีตัวแทนคือน้องหมาของเราที่มาเป็นเพื่อนกันน่ะ
       
       นึกถึงคำสัญญาแล้ว จำได้ว่าออน สัญญากับน้องหมาไว้ ว่าจะพาโชกุลเข้ามาเล่นในบ้าน วันละ 10 นาที
พี่ออนขอรับผิด บางวันพี่ออนก็ไม่ได้พาโชกุลเข้าบ้าน เพราะว่ากลับมาโชกุลก็เข้ากรงนอนแล้ว
พี่ออนคงไม่ ไปปลุกโชกุลออกมาหรอกน่ะ ให้โชกุลนอนหลับฝันดี คงจะดีกว่า   ส่วนเรื่องพาโชกุลวิ่งนั้น
พักนี้ ฝนตกชุ พอยามเย็นวันเสาร์ หรืออาทิตย์ ฟ้าฝนก็ไม่เป็นใจ กระหน่ำลง มาพี่ออนคงไม่อุตริ พาโชกุล
วิ่งเล่นกลางสายฝน  เพราะฉะนั้นบางครั้งคำสัญญาก็ต้องมีข้อแม้ ในบางที หวังว่าลูกโชกุลคงจะเข้าใจน่ะลูก
พี่ออนไม่ได้แก้ตัวน่ะ เค้าเรียกว่าข้อจำกัดของสัญญาน่ะลูก
        
          วันก่อนขณะที่เราสามคนแม่ลูกนั่งกินข้าวด้วยกัน นานทีจะอยู่พร้อมหน้าพร้อมตา ในวงสนทนา
ก็มีการพูดถึงโชกุล กันในทำนองว่า
      " สงสารโชกุล หาเพื่อนมาอยู่นอกบ้านให้โชกุล ไหม "
      " แล้วจะเลี้ยงหรอ แต่ 2 ตัวยัง ขนาดนี้เลย  "
      " แต่โชกุลก็จะ 2 ขวบแล้วเป็นหนุ่มแล้ว น่าจะหาแฟนให้โชกุล"  พี่แอนพูด
      "จริงๆ โชกุล เลี้ยงง่าย น่ะ อยู่นอกบ้าน กินก็ง่าย อยู่ก็ง่าย"
     " ได้ เดี๋ยวจะลองถามๆ ดูว่า ใครมี หมา บอสตั้น เทอเรีย ตัวเมียบ้าง " ออนบอกแม่และพี่ พลางคิดว่าอาจลอง
เข้า internet ตาม web board ประกาศขายต่างๆ

        ว่าแล้วเมื่อมีเวลาว่างจากงาน ออนก็ลองเข้า www.หมาน้อยน่ารัก.com   ออนลองเข้าไปที่มุมwebboardประกาศ 
สัตว์เลี้ยง ลองอ่านหัวข้อที่คนเข้ามา Post ไว้ ส่วนมากจะเป็นขายหมาพันธุ์ที่      คนนิยมเลี้ยง ไม่ว่าจะเป็น พั๊ก
เทอเรีย ,  ดัลเมเชี่ยน   ,บางแก้ว   ,บ็อกเซอร์ ,   พุดเดิ้ล   ,ร็อดไวเลอร์ , ปักกิ่ง , โกลเด้น รีทีฟเวอร์ ,  ดัลเมเชี้ยน 
 หาจนออนใจ ท่าทางจะไม่มีใครเลี้ยง บอสคั้น เทอเรียเลย เศร้าใจจัง จะหาคนเลี้ยงนักคนไม่มีเลยหรอ
แล้วโชกุลจะหาแฟนได้อย่างไร  วันก่อนไปเดินสวนจตุจักร ถามๆก็ไม่มีใครขายเจ้า บอสตั้น เทอเรียเลย
คลิกไปคลิก  มากลับไป ดูกระทู้เก่าๆ พลันก็เห็น มีคนมาตั้งทู้ไว้ว่า 
     **** ขายลูกสุนัข บอสตั้น เทอเรีย แท้ *****
     เย้ เย้ ยัป ปี้  !!!  เจอ แล้ว ดีใจ มาก รีบกดเข้าไป อ่าน
     เค้าให้เบอร์โทรไว้ บอกว่าสนใจติดต่อ เบอร์ 01-XXX-XXXX เป็นเบอร์มือถือ
     จากนั้นออนก็รับโทรไป หาทันที
     ตู๊ด ตู๊ด ๆๆ เมื่อมีคนรับ
    " สวัสดีคับ "
     " สวัสดีค่ะ เออโทรมาเรื่องน้องหมาบอสตั้น ที่ลงไว้ใน Web ค่ะ"  เสียงออนตื่นเต้นที่จะได้คุยกับคนเลี้ยงหมาพันธุ์เดียวกัน
     "คับผม ไม่ทราบคุณอะไรคับ" เสียงอีกด้านตอบกลับมาเป็นเสียงผู้ชาย
     " ชื่อ ออนค่ะ แล้วคุณชื่ออะไรค่ะ"
     " ผมเล็กคับ ที่บ้านคุณออนเลี้ยง ตัวผู้หรือตัวเมียคับ " 
      "ออนเลี้ยงตัวผู้ค่ะ มันไม่มีเพื่อนเลย หาคนเลี้ยงพันธ์นี้ยากจังค่ะ"
      " ผมเองก็เลี้ยงมานาน พยายามรวบรวมคนเลี้ยง บอสตั้น เทอเรีย อยู่เหมือนกันได้ประมาณ 10 กว่าคน" 
      " แล้วคุณเล็ก ลงประกาศขายไว้หรอค่ะ" 
      "อ้อ มันนานแล้วคับ มีคนมาซื้อไปแล้ว" 
      " หรอค่ะ ว้า นึกว่าจะซื้อมาเลี้ยงเป็นเพื่อนน้องหมาน่ะค่ะ น้องหมาของออน หล่อน่ะค่ะ พ่อแม่ของมันเป็น
    บอสตั้น แท้แบบ ped degree มาจากเมื่อนอก" ออนคุยอย่างเมามันส์ บางครั้งเพื่อนใหม่ก็หาได้ง่ายดาย
    เพียงแค่มีส่วนเหมือนกันแค่ 1 อย่างคือเป็นเจ้าของหมา พันธ์ที่ประชาชนเค้าไม่ค่อยเลี้ยงกัน
       " ที่บ้านผมเลี้ยง อยู่ 2 ตัวคับ "
       " อยากเห็นจังเลยค่ะ โชกุลก็คงอยากเจอด้วย "
      " ได้คับ ไว้ถ้า ว่างๆ ผมจะนัด คนเลี้ยงบอสตั้น เทอเรียอีกคน ทีผมรู้จัก มาเจอกัน" 
      "ได้ค่ะ ว่าแต่คุณเล็กอยู่ละแวกไหนค่ะ " 
        เมื่อได้รู้ว่าบ้านของเค้าและคนที่เลี้ยงบอสตั้น อีกคนอยู่ละแวก ชาญเมืองเหมือนกัน ออนก็รู้สึกยินดีมาก
เพราะว่า เห็นหนทางที่โชกุลจะได้มีเพื่อนเล่น เป็นหมาหน้าตาเหมือนกัน 
         
        เย็นวันหนึ่ง วันที่ออนได้ตกลงนัดวันกับคุณเล็กแล้วว่าจะพาหมาไปเจอกัน ออนพาโชกุลเข้ามาเล่นในบ้าน
 ออนคุยกับโชกุล ถึงเพื่อนใหม่ที่ออนจะพาโฃกุลไปเจอ 
         " ลูกโชกุล  มานี่ลูก พี่ออนมีข่าวดี "  ออนพูดกับหมา โดยมีโชกุลนั่งจ้องหน้า ตาโปน
         " พี่ออน หาเพื่อนให้ได้แล้ว เดี๋ยว เสาร์หน้าตอนเย็นเราไปหาเพื่อนโชกุลกันน่ะ บ้านนั้นเค้าเลี้ยง 2 ตัว"     
        " แม่ เสาร์หน้า ไปด้วยกันน่ะ พาโชกุลไปหาเพื่อน ไปดูกันว่าหมาเค้าสวยกว่าหมา เราไหม " ออนหันไปบอกแม่
         ลูกโชกุล คงจะรับรู้ได้แต่ว่า มีเรื่องดีๆ แต่มันคงไม่รู้ว่าเป็นเรื่องอะไร
        " โชกุล ดีใจ ไหมลูก จะได้พบเพื่อนที่หน้าตาแบบเดียวกัน "
     
       แล้ววันเสาร์ที่โชกุลและเจ้าของรอคอยก็มาถึง ออนเรียกแม่ซึ่งกำลังรดน้ำต้นไม้อยู่นอกบ้าน
         " แม่ แม่ ไป พาลูกกุลไปหาเพื่อนกัน "
         ว่าแล้วออนก็เอาสายจูงมาถือไว้ เอาปลอกคอใส่ให้โชกุล  ดูหน้ามันดีใจมากเหมือนรู้ว่าจะได้ไปเที่ยว
         "มามา ส้มโชกุลขึ้นรถ"
          ส้มโชกุลกระโดดขึ้นและนั่งลงอย่าง งง งง เพราะปรกติ ถ้าโชกุลกระโดดขึ้นรถ มันจะต้องโดนไล่ลงมา
         เมื่อออนและแม่ ขึ้นนั่งข้างหน้า ออนบอกกับโชกุลว่า
         " โชกุล นั่งเรียบร้อยน่ะ อย่าซน "
         เมื่อรถเริ่มเคลื่นโชกุลซึ่งนานๆ ได้นั่งรถสักที มันมองเลิกลั๊ก ออกไปข้างนอก ทำหาลีบไปด้านหลัง
         ออนเห็นทีท่า มันคงไม่คุ้นกับการนั่งรถ ออนจึงเอามือไปลูบหัวมันเบาๆ ไม่ให้มันตกใจ
          สองคนแม่ลูกและหมาอีก 1 ตัว ขับรถไปยังหมู่บ้านที่เป็นที่นัดหมายในการพบปะกันระหว่างหมาและหมา
         เจอแล้วบ้านคุณเล็ก บ้านข้างหน้าล่ะแม่ ดูตามบ้านเลขที่ ที่เค้าให้ไว้ ว่าแล้วก็จอดรถแล้วก็พาส้มโชกุลลง
จากรถ มันมีทีท่าตื่นเต้น มันคงไม่เข้าใจว่าพามันมาทำไม ออนกดกริ่ง หลังจากนั้นเจ้าของบ้านออกมาเปิดประตู
ออนทักทาย และแนะนำคุณแม่ให้คุณเล็กรู้จัก 
          ........
          หลังจากกล่าวอำลาเจ้าของบ้าน   ออนและแม่พาโชกุลขึ้นรถกลับบ้าน  เมื่ออยู่ในรถ
          " นึกว่าหมาเรา หล่อแล้ว ปรากฎสู้ หมาเค้าไม่ได้เลย " ออนพูดขึ้นและต่อด้วยประโยคที่ว่า
          " หมาเค้า ตัวล่ำหนา ขนมัน  หูตั้ง  ตัวป้อมๆ  ลูกกุล ขี้เหร่ ไปเลยลูก "
         ออนหันไปมองโชกุล อย่างพิจารณา โชกุลขายาวอย่างที่เค้าบอกจริงๆ 
         เมื่อไปเทียบกับหมาพันธุ์เดียวกัน โชกุลตัวผอมไปถนัดตา และขาก็ยาวเรียว กว่าตัวอื่น 
         แต่เรื่องหน้าตา ก็พอสู้จะเค้าได้ มีแต่รูปร่างที่ หมาเค้าสวยกว่า ขาดลอย
         โชกุล เมื่อได้พบหน้า หมาบ้านนั้น มันเล่นกันอย่าง สนุกสนาน โชกุลดูมีความสุขมาก
        ที่ได้เจอเพื่อนที่หน้าตาเหมือนกัน ระหว่างที่ปล่อยให้หมาเล่นกัน คนเลี้ยงหมา
ก็มานั่งคุยกัน  คุณเล็กผู้ซึ่งเคย พาหมาของเค้าไปประกวด บอสตั้น เทอเรีย ตามสนามต่างๆ
วิจารณ์โชกุลตรงๆ  ว่า " ลำตัวเล็กไป ตัวผอม ไป และขาวยาวเกิน ทำให้ตัวดูโย่งเย่ง ดูกล้ามเนื้อไม่
เป็นมัด เค้าบอกว่าให้หมั่น พาโชกุลวิ่งเพื่อเสริมสร้างกล้ามเนื้อขา"
         ออนยิ้ม ให้เค้าแล้วบอกเค้าว่า
         " ปรกติ ก็พยายามจะพาเค้าวิ่งน่ะค่ะ ถ้ามีเวลา หมาของคุณเล็กสวยมากเลย ทำอย่างไร หูตั้ง ได้ขนาดนั้นค่ะ แล้วตัว
ก็ล่ำหนา ขาโต กล้ามเนื่อเป็นมัด "
           เจ้าของยิ้มใหญ่ที่ออนชม ว่าหมาของเค้าสวย และเจ้าของเลยเล่าวิธีเลี้ยงให้ออนฟังมากมาย
         ออนถามถึงราคา ของลูกหมาที่เค้าขายไปครอกที่ แล้วฟังตัวเลขแล้วออน ก็อึ้ง ตัวละ หนึ่งหมื่นบาท
        อึ้ม.....คิดในใจ โชกุล รอพี่ออนเก็บเงินก่อนล่ะกัน ตอนนี้ ก็เล่นกับมิกกี้ เพื่อนเกลอไปก่อนน่ะลูก
        กลับมาถึงบ้าน โชกุลลงจากรถวิ่งไปหาส้มฉุน ซึ่งรถการกลับมาของเราอยู่ที่บ้าน
       ส้มฉุนวิ่งมาทักทาย และดมตัวโชกุล มันคงได้กลิ่นหมาจากบ้านโน้น
       ออนให้ข้าวหมาทั้งสองตัว พลางพูดกับโชกุลและส้มฉุนตอนให้ข้าวว่า
     " ลูกกุล ลูก ฉุน ใครว่าลูกไม่หล่อ ไม่เป็นไร พี่ออนว่าหล่อ ก็พอแล้วน่ะลูกน่ะ "
       สำหรับหมาก็คงก้มหน้าก้มตากินไป ไม่ได้รู้เรื่องรูปร่างหน้าตาภายนอก รู้แต่ว่า วันนี้ มันได้เจอเพื่อนใหม่
ได้เล่นกันสนุกสนาน 
       หมาคงรู้แค่นี้ แต่สำหรับคน วันนี้เป็นวันที่ออนได้เข้าใจอะไรบางอย่าง เข้าใจแล้วว่าความคิดที่แล้วมาของออนนั้น ผิดหมด 
ออนเคยทะนงนัก หนา ว่าหมา ข้านี้ช่าง หล่อ เหลา ที่สุด เนื่องด้วยไม่เคยมีหมาพันธุ์เดียวกันมาเปรียบเทียบ ทำให้เข้าใจไปเองว่า หมาเรานั้นเจ๋งที่สุด
หล่อที่สุด ช่างน่าหัวเราะในความคิดของตัวเอง  วันนี้ออนได้รู้แล้วว่าโชกุลนั้นหน้าตาธรรมดาเมื่อเทียบกับหมาพันธุ์เดียวกัน
และออนก็ยอมรับได้แล้วว่า โชกุลก็เป็นอย่างที่มันเป็น   เอาเป็นว่าโชกุลน่ารักและเป็นหมาที่ดี ในสายตาของออนก็พอ
         มองดูหมาแล้วย้อนมองคนเรา ว่า อย่างพึ่งทะนงตัวไปว่าเราสามารถทำในบางสิ่งได้ แม้คนรอบกาย
จะชม จะชื่นชอบ  ว่าเราดี ก็ไม่ได้หมายความว่าเราเก่งที่สุด  เมื่อไรที่เราได้เจอคู่เปรียบ
เมื่อนั้น เราจะรู้ว่าเราอยู่ที่ระดับไหน และเหนือสิ่งอื่นใด สำหรับคนเมื่อรู้ตัวเองแล้วก็ต้องปรับปรุงพัฒนา ตัวเองขึ้น ไปทำให้เต็มความสามารถ
เมื่อนั้น ไม่ว่าใครจะว่าเราว่าอย่างไร หรือเทียบกับคนอื่นแล้วเราจะอยู่ระดับไหน อย่างน้อยเรา ก็ยิ้มรับได้อย่างภาคภูมิ ว่า
" วันนั้นฉันได้ทำอย่างเต็มความสามารถแล้ว"

    ตอนต่อไป หมาในอยากออก หมานอกอยากเข้า ตอนที่ 6 หมาเร่ร่อน				
3 กันยายน 2545 18:11 น.

*+*+*+หมาในอยากออก หมานอกอยากเข้า ตอนที่ 4 *+*+*+

13 นางมาร

ณ. ร้านหนังสือร้านโปรดของออน ระหว่างที่รอให้ฝนข้างนอกหยุดตกเพื่อจะได้ออกเดินทางต่อ 
ตั้งใจมาร้านหนังสือ เพื่อมาหาข้อมูลเพิ่มเติม เกี่ยวกับการเลี้ยงสุนัข และหาข้อมูลเกี่ยวกับจิตวิทยาการเลี้ยงเด็ก เพื่อจะได้นำไปต่อกร กับลูกโชกุล ที่ตอนนี้ แผลงฤทธิ์ ทำตัวมีปัญหาอย่างหนัก ส้มโชกุลไม่ต่างกับเด็ก 4-5 ขวบที่มีปัญหาเลย พักนี้โชกุล พังข้าวชอง กัดต้นไม้ ขวิดกระถางต้นไม้ อาละวาดไม่ยอมกินข้าว และอีกมากมายที่โชกุลได้สร้างวีรกกรมไว้ 

 ต้องการให้ช่วยหาหนังสือเรื่องอะไรไหมครับ  เสียงจากพนักงานขายถามออน คงเห็นออนก้มๆเงยๆ หาอะไรบางอย่างตามชั้นหนังสือ 
ออนยิ้มพร้อมกับนึงถึงครั้งแรกที่ออนมาเป็นลูกค้า และได้ยินประโยคนี้ .. 

บ่ายวันนั้น วันที่นัดเพื่อนไว้ที่ห้างสรรพสินเค้าแห่งหนึ่งละแวกลาดพร้าว เพื่อนโทรมาบอกว่ากำลังฝ่าการจราจรมาอยู่ให้ออนเดินเล่นไปก่อน เดินดูร้านโน้นร้านนี้เรื่อยเปื่อย ไม่ได้มีจุดหมายว่าจะซื้ออะไร 
เดินผ่านร้านหนังสือ ร้านหนึ่ง อยู่ชั้น 3 เยื้องๆ ร้านขายผ้า kikoya ไม่ห้างจากร้านอาหารญี่ปุ่นฟูจินัก 
เดินเข้าไปในร้าน ดูจากข้างหน้า ร้านนี้ไม่ได้ใหญ่ มากมาย หน้าร้านมีการวางหนังสือจัดอันดับไว้ 
ฉันเดินตรงไปยังมุมนิยาย มองหา หนังสือนิยาย ของ ปิยะพร ศักดิ์เกษม เรื่อง กิ่งไผ่-ใบรัก ด้วย ว่าเคยเช่ามาอ่านแล้ว ติดใจ จึงอยากได้มาเป็นสมบัติในใจคิดว่าไม่เจอก็ไม่เป็นไร ว่างๆค่อยไปหาซื้อ แล้วฉันก็ได้ยินเสียง พนักงานในร้านบอกว่า 

" ต้องการให้ช่วยหาหนังสือเรื่องอะไรไหมครับ " น้ำเสียงนั้น เต็มไปด้วย พลังของผู้มีใจในการบริการ 
ฉันเงยหน้าจากการ ไล่ตัวอักษรบน สันบก มองหน้าคนพูด ฉันเห็นเค้ายิ้ม สีหน้าแสดงความต้องการที่จะช่วยลูกค้าสุดฤทธิ์ ด้วยความปากไว ฉันแกล้งพูดเล่นไปว่า 
"บอกแล้วจะหาเจอหรอค่ะ " ฉันแกล้งย้อนกลับ นึกในใจว่าเรื่อง กิ่งไผ่ใบรัก นิยายเล่มเดียวจบ นายคนนี้จะรู้จักหรอ หรือไม่งั้นบอกไปก็คงไม่มีเพราะว่าฉันหาซื้อตามร้านหนังสือใหญ่ๆ หลายร้านแล้วยังไม่มีเลย 
" บอกมาเถิดครับ จะช่วยหาให้ " พนักงานสวนกลับทันควัน 
" เรื่อง กิ่งไผ่ ใบรัก ของ ปิยะพร ค่ะ มีไหม " ฉันบอกชื่อหนังสือที่ต้องการ 
" รอสักครู่น่ะครับ " พนักงานหายไปสักพัก จนฉันนึกว่า เค้าคงจะลืมไปแล้ว 
ฉันรอสักพักก็เห็นพนักงานคนนั้น ไปตามพนักงานหญิงมา เปิดตู้ ที่อยู่ใต้ชั้นโชว์หนังสือ 
2 คนช่วยกันรือค้น หนังสือตั้งแล้วตั้งเล่า ถูกลำเลียงออกมาจากตู้ที่ ฉันคาดว่าคงเป็น Stock เก็บหนังสือ จนรอบกายของทั้งสอง มีหนังสือนิยายมากมายกองเต็มไปหมด ฉันเริ่มรู้สึกเกรงใจ 
" ถ้าหาไม่เจอก็ไม่เป็นไรน่ะค่ะ" ฉันพูดพร้อมส่งยิ้มให้ 
พนักงาน 2 คนบอกว่าเคยเห็นเหลืออยู่ 1 เล่ม เพียงแต่มันอยู่ด้านในสุด ทั้งสองยังคงลำเลียงหนังสือออกมากเพื่อจะได้หยิบหนังสือด้านในได้ จนกระทั้งหนังสือเกือบหมดตู้ ก็เจอหนังสือที่ฉันต้องการ จากนั้น 
พนักงานหนุ่มคนเดิม บอกฉันว่า ชอบผลงานของ ปิยะพร ให้เดินมาดู ตรงนี้ 
มีผลงานของเธออยู่ 6 เรื่อง แล้วก็แนะนำให้ว่าเรื่องนี้ น่าอ่าน 
วันนั้น ฉันเลยต้องควัก สตางค์ ซื้อ หนังสือเล่มนั้น มา พร้อมความประทับใจใน 
ความกระตือรือร้นของพนักงานในการช่วยเหลือลูกค้า 
หลังจากนั้นอีกหลายครั้งที่ออน ทดสอบคุณภาพของการบริการ ก็ปรากฎว่าทุกครั้ง ออนไม่เคยผิดหวัง 
แต่วันนี้ต่างไปจากเดิม เมื่อออนได้ยินเสียงเดิม ออนหันไปบอกพนักงานว่า 
 ไม่เป็นไรค่ะ ยังไม่รู้จะหาเรื่องอะไรดี  พร้อมส่งยิ้มให้ ในใจคิดว่า คงจะเปิดดูไปเรื่อยๆ เพราะว่าคงไม่มีหนังสือเรื่อง หมามีปัญหาออกมาขาย 

ออนเดินไปมุมจิตวิทยา เปิดหนังสือพร้อมหาบางบทที่สามารถนำมาใช้กับน้องหมาได้ 
ออนไปเจอประโยคหนึ่ง ที่น่าสนใจ เค้าบอกว่า  การที่เด็กทำตัวมีปัญหาก็เพราะว่าเค้าต้องการเรียกร้องความรัก ความสนใจจากพ่อแม่  คิดในใจว่าก็ถูกต้องเลย เหมือนที่หลายๆคนบอกว่า ให้ออนใส่ใจส้มโชกุลให้มากขึ้น 

เรื่องบางเรื่อง ราวบางราว ดูเหมือนเราเองก็รู้อยู่แก่ใจดี อยู่ว่าควรทำอย่างไร คิดคิดดูก็เหมือนเรื่องการออกกำลัง ใครๆก็รู้ว่าเป็นสิ่งดีที่ทำให้ร่างกายเข็งแรง เราควรออกกำลังกายอย่างน้อยสัปดาห์ละ 6 ช.ม. เพื่อให้กล้ามเนื้อแข็งแรงไม่มีโรคภัย และให้ฮอร์โมนแห่งความสุขออกมาหล่อเลี้ยง ให้สมองคลายเครียด ให้ไขมันสลายไปจากร่างกาย เราเกือบทุกคนรู้ดี แต่จะมีสักกี่คนที่ออกกำลังอย่างสม่ำเสมอได้ตามทฤษฎี ประโยคที่ได้ยินเสมอจากคนรอบกายคือ ไม่มีเวลา สำหรับตัวเองแล้วฉันจะรู้สึกไม่ดีทุกครั้งที่ได้เห็นใครใช้คำว่า ไม่มีเวลามาอ้าง เวลาที่เค้าไม่ได้ทำอะไร หรือว่าไม่ได้ใส่ใจในเรื่องใด เพราะความจริงแล้วเวลาของคนเรามี เท่ากัน 24 ช.ม. มันอยู่ที่ความใส่ใจต่างหาก หากคุณใส่ใจอยากทำ เวลามันจะมีเอง ไม่ต้องไปหาให้เหนื่อย 

ออนกลับมาถึงบ้านแล้ว เจ้าโชกุลยังคงมาตะกุย ให้การต้อนรับเหมือนเคย ถ้าพูดได้มันคงจะบอกว่า ดีใจที่เจ้านายกลับมาแล้ว มาเล่นกับผมหน่อยครับ ผมเหงา หลังจากเข้าบ้านเก็บกระเป๋า เปลี่ยนเครื่องแต่งตัวแล้ว ออนก็ออกมานั่งเล่นที่ม้าหินตรงสนามหญ้า ข้างกายมีโชกุลนั่งทำตาโปน หูลีบไปทางด้านหลัง 
 โชกุลลูก พี่ออนมานั่งเล่นกับโชกุลน่ะลูก พูดพลางดึงตัวโชกุลมาชิดข้างลำตัว แล้วเอาแขนโอบรอบตัวมัน โชกุลมองหน้าออนอย่าง งง งง 
 เหงาไหมลูก โอ๋ โอ๋ พี่ออน ขอโทษน่ะที่ไม่ได้ดูแลลูกโชกุล ไม่ได้พาไปวิ่งเล่น ไม่ได้อยู่ให้ข้าวให้น้ำ  บางครั้งการขอโทษหมาก็ทำให้เรารู้สึกดีได้อย่างประหลาด ออนมองหน้าโชกุลพร้อมทำหน้าสำนึกผิด นึกถึงวัน เวลาที่ผ่านที่ล่วงเลยไป วันจันทร์ ถึงวันศุกร์ เป็นวันทำงานออกจากบ้านตั้งแต่ 6 โมงเช้า ตะลุยงานจนถึงเวลาเลิกงาน 5 โมงครึ่ง และก็เหมือนบริษัทเอกชนทั่วไปที่นายจ้างจะพึงใจหากเห็นลูกน้อง กลับค่ำๆ มาไวๆ ทำงานให้คุ้มเงินมากที่สุด 
 ลูกโชกุลรู้ไหมลูกวันจันทร์ ถึงศุกร์ หากพี่ออนก็อยากจะกลับเร็ว เลิกงานปั๊บ พี่ออนก็อยากจะเผ่นออกจากที่ทำงาน พี่ออนทำงานมาหลายปีเท่าที่จำได้มีเพียง 2 วันที่พี่ออนได้พยายามออกจากที่ทำงานตอน 5 โมงครึ่ง พี่ออนทำได้ แต่วันนั้น พี่ออนกลายเป็นตัวประหลาดในที่ทำงาน ใครๆ พากันทักว่า กลับแล้วหรอ แหม วันนี้ กลับเร็ว พี่ออนเหมือนเป็นนักโทษ ที่ทำความผิดหลบลี้ออกจากที่คุมขัง และ 2 วันนั้นเมื่อพี่ออนออกจากที่ทำงานได้ ก็ตรงไปยังรถขับออกไป เกิดอะไรขึ้นรู้ไหมลูก โดยปรกติพี่ออนจะออกจากทื่ทำงานก็มึดค่ำ ทุ่ม สองทุ่ม พี่ออนคงจะลืมไปว่า การกลับบ้านเวลา 5 โมงครึ่ง ซึ่งเป็นเวลาที่ประชาชนพร้อมใจกันเดินทางมุ่งหน้ากลับบ้านนั้นมันเป็นอย่างไร รถติดเป็นแพเริ่มตั้งแต่ประตูลานจอดรถ กว่าจะฝ่าแยกสะพานควาย ซึ่งคนขับต้องใช้ความอึดยิ่งกว่าควายนั้น ก็ราวๆ ครึ่งช.ม. ต่อจากนั้น ต้องมาฝ่าอีกหลายด่าน กว่าจะถึงบ้าน 
โชกุลเชื่อไหมลูก พี่ออนใช้เวลาบนถนน 2 ช.ม. เชียวในการคลานกลับบ้าน 
และในทางกลับกันถ้าพี่ออนอยู่ต่อที่ทำงานจนถึง ทุ่มกว่า ผู้คนบนท้องถนนจะโล่งจนไม่น่าเชื่อ พี่ออนจะใช้เวลาในการซิ่งเพียง 45 นาที โชกุลแปลกใจใช่ไหมลูก ว่าทำไมเวลามันถึงได้แตกต่างกันขนาดนี้ 
จะพูดให้ง่ายๆ ก็คือ ช่วงเวลา 6 โมงเช้าจนถึง 8 โมงเช้า และช่วง 4 โมงเย็นจนถึง 6 โมงเย็น เค้าเรียกกันเวลาเวลาเร่งด่วน เป็นเวลาที่ทุกคนจะเอายานพนะ ออกมาขับขี่เพื่อพาตัวเองไปในที่ที่ต้องการ 
เด็กนักเรียนเริ่มตั้งแต่ อนุบาล ก็ต้องมีพ่อแม่ขับไปส่งจนถึงหน้าประตูโรงเรียน ไม่ใยที่รถแถวนั้นจะติดกันเป็นแพ เพียงเพราะว่า พ่อเม่จะต้องเดินไปส่งลูกจนถึงมือครู โตมาจนกระทั่งวัยรุ่น ก็ต้องเดินทางไปโรงเรียน ไปหมาวิทยาลัย จนวัยทำงานที่ต้องเดินทางไปยังบริษัทที่ตัวเองได้เอาหยาดความคิดแลกกับเงินตรา ทำงานหรือทำธุรกิจการต่างๆ จนเย็น ได้เวลากลับบ้าน เหมือนน้ำในเชื่อนที่ทะลักออกมา พร้อมกัน ใครๆ ก็อยากเดินทางกลับบ้าน พักผ่อน ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่น่ากลัวที่สุดในความคิดของออน รถจะติดมากถึงมากที่สุด  ออนพูดกับโชกุลซึ่ง 
ตั้งใจฟังออนพูดเป็นอย่างดี 
ตี๊ด ตะ ระ ริด ติ๊ด ติ๊ด ตา ต้ำ ตะ ริด เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น ออนผละจากโชกุล ไปรับโทรศัพท์ 
 สวัสดีค่ะ ออนพูดค่ะ  ยิ้มก่อนกดรับออนเห็นชื่อและเบอร์ที่ปรากฎอยู่แล้วว่าเค้าคือใคร 
น้องออน ทำอะไรอยู่ เสียงส่งมาตามสาย ที่ต้นทางคนพูดนั้นเป็นชายหนุ่ม หน้าคมเข้ม รูปร่างกำยำ ออกจะล่ำที่กล้ามเนื้อพุง ผิวสองสี 
 พี่พล น้องออนกำลังคุยกับโชกุลอยู่ค่ะ เรื่องที่โชกุลเป็นหมามีปัญหา 
 แล้วพรุ้งนี้ออนจะว่างไหม ที่พี่ชวนไปงานแสดงสินค้าแถวเมืองทอง  อีกสายไม่มีทีท่าว่าจะสนใจในเรื่องที่ออนกำลังพูด 
 โชกุล ดีใจใหญ่เลยที่วันนี้ออนอยู่เล่นกับมันล่ะพี่  ออนไม่เห็นว่าจะต้องตอบคำถามคนที่ไม่ให้ความสนใจกับเรื่องที่ออนพูด 
มันเป็นแค่หมา น่ะ ออนจะไปคุยกับมันรู้เรื่องได้อย่างไร พี่พลนี่ที่ออนควรจะพูดให้รู้เรื่อง  
 พี่พล คะถึงมันจะเป็นหมา แต่มันก็ตั้งใจฟังที่ออนพูดมากกว่าคนบางคนน่ะค่ะ  
ตู๊ด ตู๊ด ๆๆๆๆ.. 
ออนกดวางสายและกดปุ่มปิดมือถือ รุ้จักคนอย่างออนน้อยไป สำหรับคนไม่มีมารยาท ออนไม่อินังขังขอบที่จะต้องรักษามารยาท รู้ดีกว่าอีกฝ่ายจะต้องโกรธมากที่ออนทำลงไป หันมาคุยกับโชกุลต่อยังจะสนุกกว่า 
 โชกุลเห็นไหม ลูกพี่ออนพูดกับลูกมาตั้งนาน ก็ไม่เห็นโชกุลจะขัดคอ หรือไม่ตั้งใจฟัง  
โชกุลเหมือนจะรู้ จึงเอาลิ้นมาเลียมือออน ใครว่าหมาคุยไม่รู้เรื่อง หมาพร้อมจะตั้งใจฟังและรับรู้อารมณ์ ของเจ้าของ หมาเป็นผู้ฟังที่ดี หมาไม่เคยเอาเราไปนินทา ไม่เคยเอาความลับของเราไปบอกต่อ ในขณะที่คนตรงข้ามกับหมาทุกอย่าง บางทีในหมู่หมาด้วยกันเวลามันด่าเพื่อนหมาที่ทำตัวไม่ดี มันคงด่าว่า ไอ้ปากคน คงจะเป็นคำด่าที่เจ็บแสบที่สุดใครจะรู้ 

 อึ้ม นึกออกแล้ว พี่ออนจะสัญญากับโชกุลว่า ต่อไปนี้ ใน 1 อาทิตย์พี่ออนจะต้องหาเวลาพาโชกุล ออกไปวิ่งเล่นหน้าบ้าน อย่างน้อย 1 ช.ม. และทุกวันเวลาพี่ออนกลับจากที่ทำงานจะพาโชกุลเข้ามาเล่นในบ้านประมาณ 10 นาที ดีไหมลูก  ออนบอกโชกุล ซึ่งตอนนี้เปลี่ยนจากท่านั่งเป็นท่านอนหมอบ แต่ทำหูตั้งคอยฟังเสียงออน 
 ตกลงตามนี้น่ะ พี่ออนจะรักษาสัญญา  มาจับมือกัน โชกุลเปลี่ยนเป็นท่านั่งออนจับมือมันข้างหนึ่ง แล้วเขย่า ตีนของมันขึ้นๆ ลงๆ ถือเป็นการเสร็จ สิ้นพิธีการให้คำมั่นกับหมา 
ไม่รู้อนาคตจะเป็นอย่างไร ออนจะทำได้ไหม แล้วคนที่โดนออนชิงวางสายไปจะเป็นอย่างไร 
ออนก็ไม่หวั่น ออนรู้แต่ว่าวันนี้ ออนได้ทำสิ่งดีๆ ได้มีความคิดที่จะหันมามองคนใกล้ตัวที่โดนทิ้งขว้าง 
และพยายามปรับปรุงตัวให้ดีขึ้น สัญญาที่ให้ไว้กับหมาจะเคร่งครัดปฎิบัติตาม ไม่อย่างนั้น ออนคงไม่มีหน้าไปสัญญากับหมนุษย์คนไหนอีก 

ตอนต่อไป ตอนโชกุลพบเพื่อน มาดูกันว่าเมื่อโชกุลได้พบเพี่อนหมาพันธุ้เดียวกันครั้งแรก มันจะทำท่าอย่างไร				
3 กันยายน 2545 18:08 น.

*+*+*+* หมาในอยากออก หมานอกอยากเข้า ตอนที่ 1*+*+*+*+*

13 นางมาร

เมื่ออาทิตย์ลับชอบฟ้า นกน้อยบินกลับรวงรัง ความมืดเริ่มโรยตัว
ปกคุลมท้องฟ้าไว้ด้วย ผ้าสีดำแห่งรัตติกาล ช่วงหัวค่ำเช่นนี้ ในหมู่บ้านจัดสรร
ที่มีบ้านหลังเล็กๆปลูกชิดกัน ไม่น่าแปลกที่จะได้ยินเสียง แม่ครัวแต่ละบ้าน
ผัดอาหาร ปรุงอาหาร เสียงกระทะ กระทบตะหลิว โช้ง เช้ง เสียงตำน้ำพริก โป๊ก โป๊ก
ดังออกมาจากครัว  
	สักพักเสียงทุกอย่างก็สงบลง เมื่อได้เวลาที่สมาชิกในบ้านล้อมวงกินข้าว
สอบถามสารทุกข์สุขดิบ และ กินของหวานผลไม้ กันที่ห้องนั่งเล่นพร้อมดูกล่องสีเหลี่ยม
ที่ถ่ายทอดความเป็นไปบนโลกใบนี้ 
	บ้านของออนก็เช่นกัน  วันนี้เป็นวันที่ค่อนข้างจะพิเศษ เพราะว่าออนพี่สาว
และแม่ได้ อยู่พร้อมหน้า ดูเจ้ากล่องเหลี่ยมที่มีภาพเคลื่อนไหว ด้วยกัน เราทั้งสามหารู้ไม่ว่า
นอกประตูข้างบ้านซึ่งเป็นกระจกใส ติดเหล็กดัดมีเงาดำ ซุ่มดูเรา 3 คนอยู่จากนอกประตู
มันจ้องมองเข้ามาด้วยแววตาของความกระหายรู้
	ฉับพลัน สายตาออนก็มองไปทางประตูข้างบานนั้น 
	"แม่ แม่ ดูที่ประตูสิเงาอะไร ดำๆ" ออนบอกแม่เสียงตกใจ แต่มีรอยยิ้มที่มุมปาก
               "ไหน ไหน ตรงไหน เงาอะไร " แม่มองไปทางประตูข้างบานนั้น
               " ก็ลูกโชกุลไง  นั่งอยู่นอกบ้าน" ออนบอกแม่พลางหัวเราะ เพราะภาพที่ออนเห็นคือ
น้องหมา พันธ์ BOSTON เทอเรีย ตัวสีดำ ตาโปนกลม หน้ายู่ ปากย่น หูตั้ง   ตรงตา 2 ข้างเป็นสีดำ
ที่เหลือเป็นสีขาว มองไกลๆ จะนึกว่าใส่หน้ากาก ตัวสูงประมาณ เตี้ยกว่าเข่านิดเดียว นั่งตาโปนจ้องเข้ามาในบ้าน
ออน อ่านสายตาออก ลูกส้มโชกุลคงเหงา เพราะต้องอยู่นอกบ้านตัวเดียว สมาชิกที่เหลืออยู่ในบ้านหมด
	" ลูกกุล อยากเข้าบ้านหรอลูก อยู่นอกบ้านก่อนน่ะเฝ้าบ้านไง ลูก" ออนหันไปพูดกับโชกุล
โชกุลคงคิดในใจว่าทำไม ส้มฉุนน้องหมาอีกตัวสามารถอยู่ในบ้านได้ แล้วทำไมมันต้องอยู่นอกบ้าน
	ออนจะบอกให้น้องหมาเข้าใจได้ยังไงน่ะ ว่ามันเป็นหน้าที่ของลูกโชกุลที่จะต้องอยู่นอกบ้านเพื่อเฝ้าบ้าน
นึกถึงวันนั้น วันที่ทำให้ มีส้มโชกุลในบ้านหลังนี้ เหตุการณ์ทุกอย่างยังอยู่ในความทรงจำเหมือนเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน

	กลางดึกคืนวันศุกร์ คืนนั้น ออนอยู่กับพี่สาวตามลำพัง เราไม่ได้รู้สึกว่าจะมีภัยอันตรายใดๆเนื่องจาก
คุณพ่อของเรารับราชการเป็นตำรวจมือปราบ มีชื่อในกองบัญชาการตำรวจ ประกอบกับละแวกบ้านนั้น
เป็นญาติพีน้อง และเพื่อนบ้าน กันทั้งนั้น ทำให้เราอยู่กันอย่างประมาทมาก ไม่เคยกลัวต่อสิ่งใด
ว่าจะมาทำอันตรายเราถึงในบ้าน หน้าบ้านเรามีป้ายชื่อและยศ ของพ่อติดอยู่ รู้ทั้งรู้ว่าเป็นเพียง
หัวโขน ติดไว้เท่านั้น  พ่อประจำอยู่ที่ต่างจังหวัด บ้านหลังนี้พ่อซื้อให้เราแม่ลูกอยู่อาศัย
ออนยังจำค่ำพ่อตอนเอาป้ายมาติดหน้าบ้านได้
" เอาชื่อพ่อมาติดไว้ แค่นี้ก็ไม่มีใครกล้าเข้ามายุ่งหรอก "  พ่อพูดกับลูกๆ

	คืนนั้น ออนและพี่แอนนอนหลับสนิมในห้อง แต่ละห้องประตูก็ไม่ได้ล็อก
ประตูห้องพี่แอนกลอนเสีย ส่วนห้องออนก็ไม่ได้ลงกลอนด้วยลืมและหลับไปก่อน
 ปลายเตียง ออนมีลูกส้มฉุน พันธ์ พูดเดิ้ล ขนาดกลาง สีน้ำตาลอ่อนเหมือนไมโล
ใส่ นมข้นหวาน  ตาโต จมูกดำ ขนฟู ปุกปุย นอนขดตัวอยู่ ในห้องที่ติดเครื่องปรับอากาศ
	เช้ามาออนตื่นลงมาก่อน พบว่าชั้นล่างของบ้าน ข้าวของถูกรื้อค้นออกมากระจัดกระจาย
เจ้าจอสี่เหลี่ยมที่อยู่ข้างเปียโน หายไป เครื่องเสียงล่องหนได้ ในกระเป่า กล่องเก็บตุ้มหู แหวน สร้อย
ถูกค้นเพื่อหา ทรัพย์สินของมีค่า  หัวใจตกอยู่ที่ตาตุ่ม มันชาตั้งแต่หัวจรดเท้า
 งง อยู่สักพัก เมื่อตั้งสติได้ ออนพึ่งรู้ตัวว่าโดนขโมยขึ้นบ้าน
	" พี่แอน ตื่น ตื่นได้แล้ว ขโมยขึ้นบ้าน" แอนอยากจะตะโกนให้ดังกว่านี้ แต่เสียงดูเหมือนจะตีบตัน
ทั้งที่ปรกติ ออนเป็นคนเสียงดัง แต่วันนั้นออนแทบไม่มีเสียง
	"โทรไปบอกแม่ สิ เบอร์บ้านนั้น ออนรู้ใช่ไหม"  พี่แอนบอกออนพลางมองหน้ากันสองคนพี่น้อง
วันนั้นเราหน้าจ๋อยกันทั้งคู่ แหวนพลอยแดงระดับเพชร เครื่องเสียงชุดใหญ่ นาฬิการาคาแพง ที่เราได้ถอดทิ้งไว้ข้างล่าง
มันไม่อยู่ให้เราใส่อีกแล้ว จาก ที่เคยลำพองว่าจะไม่มีใครกล้าบุกบ้านเรา  วันนี้รู้แล้วว่าเราคิดผิด
	" ส้มฉุน เป็นหมายังไง ทำไมไม่เฝ้าบ้าน " ออนพูดกับส้มฉุน ทั้งที่ความจริงก็รู้ว่าไม่ใช่ความผิดของมัน
	" เลี้ยงเสีย ข้าวสุกจริงๆเลย ส้มฉุนไม่เหาเลยหรอออน" พี่แอนถามออน เพื่อทำให้บรรยากาศดีขึ้น
	"ไม่เห่าหรอก นอนห้องแอร์ หลับอุตุ" 
	เจ้าส้มฉุน ตื่นขึ้นมาลงมาข้างล่าง มันคงไม้กลิ่นผิดปรกติ มันไม่แต่เดินดมทั่วบ้านแล้วก็ทำหน้าสำนึกผิด
เหมือนรู้ตัวว่า เมื่อคืนมันไม่ได้ทำหน้าที่ของหมาเลย แม้แต่เสียงเห่าก็ไม่มี
	สักพักใหญ่ แม่ก็กลับ0มาถึงบ้าน ออนบอกแม่ติดตลกว่า
	"แม่ แม่ ขโมยมันเหลือลูกไว้ให้ 2 คนน่ะ" 
ทั้งที่ในใจฉันคิดว่า พ่อ แม่เราช่างโชคดีนักที่ขโมยไม่ได้เอาสมบัติที่มีค่าพี่สุดของบ้านไป นั้นคือลูกสาวทั้ง 2 ชีวิต

 	( อ่าน หมาในอยากออกหมานอกอยากเข้า(2) ได้ในตอนต่อไป
วันนี้ ตี 1 แล้วขอไปนอนก่อนน่ะค่ะ)				
3 กันยายน 2545 16:30 น.

*+*+*+* หมาในอยากออก หมานอกอยากเข้า ตอนที่ 2

13 นางมาร

เมื่อพ่อทราบเรื่อง พ่อสั่งให้ช่างมาเปลี่ยนประตูหลังบ้านซึ่งผุมากจนทำให้ขโมยใช้แรงดึงเบาๆกลอน 
ก็หลุดออกมา รวมถึงกลอนประตูทุกบานในบ้าน พ่อสั่งเปลี่ยนใหม่หมด กลอนและประตูใหม่ทั้งหมดทำให้ออนรู้สึก 
ปลอดภัยขึ้นมาได้นิดนึง แต่ในความรู้สึกส่วนลึก แล้วออน ก็ยังคงหวาดผวาเวลา ได้ยินเสียงรถมอเตอร์ไซด์ ขับวน 
ไปวนมาผ่านหน้าบ้านตอนดึก ๆ พ่อจะรู้ไหมว่า เวลานี้ออนโหยหา พ่อมากที่สุด ถ้ามีพ่ออยู่กับเรา 
ออนคงจะหลับตานอนได้อย่างเป็นสุข และอุ่นใจ แต่ในชีวิตคงไม่มีวันนั้น 
            ทางด้านลูกส้มฉุน น้องชายคนเล็กของบ้าน ก็ทำท่าเซื่องซึมอยู่หลายวัน หมาคงมีสัญชาติญานในการรับสู้ความรู้สึก 

"ลูกฉุน มากินข้าวมา วันนี้มีเนื้อของโปรดด้วยน่ะ " เสียงพี่แอนเรียก พร้อมทั้งวางจานข้าวไว้บน หนังสือพิมพ์ที่ปูอยู่มุมบ้าน 
บนหนังสือพิมพ์ มีอาหารเม็ด 1 โคม และน้ำสะอาดใส่อ่างเล็กวางไว้ 
ที่ห้องนั่งเล่น หมาหัวฟู หางสั้นกลมละม้ายหางกระต่าย ยังคงนอนไม่กระดิกตัว มันกางขาสั้นๆ แผ่ออก4 มุม ดูราว 
หมูหันที่เค้าขายกันตามเหลา มันเอาหน้าที่มีจุด 3 จุด (ตา 2 จมูก1 ) ซุกลงระหว่าง ขาหน้า 2 ขา และใช้ตาเหลือบมองเจ้าของ 
ออนนอนเล่นอยู่ที่พื้นบ้าน ออนเอื้อมมือไปดึงตึว ส้มฉุนมานอนในอ้อมแขน ส้มฉุนเปลี่ยนท่านอนเป็นท่าทะแคงธรรมดา 
" ส้มฉุน พี่ออนไม่ว่าอะไรลูกหรอก เรารู้ว่าเราไม่ได้เลี้ยงฉุนมาให้เป็นหมา พี่ๆเข้าใจส้มฉุนน่ะลูก" ออนพูดพลางเอามือลูบ 
ขนฟูๆ ที่หัวอย่างเบามือ ออนรู้ดีว่าส้มฉุนจะสามารถฟังทำนองเสียงและเข้าใจได้ 

            ตั้งแต่วันนั้น วันที่เราตัดสินใจว่าจะเลี้ยงหมา พูดเดิ้ล เรา 3 คนแม่ลูกได้ประชุมและลงมติแล้ว ว่าเราจะช่วยกันดูแล 
การรับเลี้ยง หมาสักตัว บางคนอาจคิดว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่แท้จริงแล้ว มันหมายถึงภาระความรับผิดชอบ ต้องมีการวางแผน 
ให้ดี ฟังเหมือนวางแผนครอบครัว แต่มันเป็นอย่างนั้นจริงๆ การมีหมา สักตัวในบ้าน มันมีภาระมากมายนัก สำหรับ สุนัขพันธ์ 
พูดเดิ้ล ซึ่งเป็นหมาที่มีอุปนิสันพื้นฐาน ขี้งอน ขี้เหงา และต้องการให้คนเอาใจนั้น ภาระยิ่งมากขึ้น อาทิเช่น ทุกวันตอนเย็น ต้องหาอาหารให้มันกิน และพามันไปห้องน้ำ 
แวลาจะนอน ก็ต้องให้มันมานอนที่ปลายเตียง ( หากคุณจะไปท่องราตรี จงรู้ไว้เถิด จะมี เจ้า 4 ขา นั่งรอคุณกลับบ้าน) 
ทุกวันอาทิตย์ จะต้องอาบน้ำ เป่าขน หวีขน ให้ไม่ติดกัน ทุก 3 เด้อนจะต้องพามันไปตัดขนให้เป็นทรง เป็นต้น 

          เมื่อเราตกลงกันได้ว่าจะเลี้ยงหมา และเราก็จะขอหมาจากบ้านคุณยาย เรื่องต่อไปก็เรื่องการตั้งชื่อ ซึ่งก็เป็นเรื่องที่มีการหารือกันพักใหญ่ โดยส่วนตัวแล้ว ออนชอบชื่อไทย เพราะว่า มันเป็นหมาฝรั่ง ต้องให้ชื่อไทย 
ชื่อมากมาย ถูกน้ำมาเลือกไม่ว่าจะเป็น ขนุน ตับหวาน เฉาก๋วย มะนาว มะยม เถิดเทิง และอีกมากมาย และสุดท้ายก็ได้ มาลงที่ชื่อ ส้มฉุน ของหวาน แบบไทยๆ ที่มีมานาน หากแต่หาทาน ยากเต็มที 

         เมื่อแรกส้มฉุนยังเป็นหมาเด็ก ก็เหมือนเด็กอ่อนคนหนึ่ง เรา 3 คนช่วยกันเลี้ยงป้อนข้าว ป้อนนม เราเลี้ยง ส้มฉุนในบ้าน มันไม่สามารถควบคุมการขับถ่ายได้เดือนแรกๆ เราจึงต้องคอยตามเก็บกวาด ฉี่ และ อึ 
ของลูกฉุน เวลาที่ ต้องทิ้ให้อยู่ตัวเดียว ส้มฉุนก็จะร้อง หงิง หงิง เมื่อมีใครสักคนกลับมาบ้าน ส้มฉุนก็จะดีใจ 
มาตะกุย ตะกาย เอาลิ้นมาเลีย หน้า เลีย ตา หากว่ามันพูดได้มันคงจะบอกว่า 
" เย้ เย้ พี่ๆ กลับ มาแล้ว ผมดีใจจัง ผมอยู่บ้านตัวเดียว ผมเหงา " หงึง หงึง บ๊อก บ๊อก 
วันที่ส้มฉุนเริ่มโต ออนจำได้ วันนั้น ส้มฉุนไม่สามารถขึ้นบันได ลงบันได ได้ ต้องให้คนอุ้ม 
ออนตัดสินใจ อุ้มส้มฉุนมาที่บันได ชั้นล่าง แล้ว เริ่มสอน ให้ มันขึ้นบันไดเอง 
เริ่มตั้งแต่ เอาขาหน้า ของมันวางบนบันได ขั้นที่ 1 และเอาขาหลังด้านช้ายยกขึ้นตาม ตามมาด้วยขาหลังด้านขวา 
ส้มฉุนมี ที่ท่าหายกลัว จากนั้นออนก็สอนซ้ำอยู่สัก 3 ครั้ง จากนั้น ส้มฉุนก็เริ่มที่จะ ตะกายขึ้นบันไดได้ ออนดีใจมากที่หมา 
มีพัฒนาการ อย่างน้อยหมา เราก็ไม่ปัญญาอ่อน 
บางวันส้มฉุน ไม่ยอมกินข้าว พี่ๆ ก็ต้องเอาลูกชิ้นเนื้อ มาป้อน พร้อมทำท่า กินให้ดูด้วยว่าอร่อย แล้วส้มฉุนถึงจะกินตาม 
จะเห็นว่า เราเลี้ยง หมาเหมือนไม่ใช่ หมา ส้มฉุน อาจไม่รู้ตัวเองด้วยซ้ำ ว่ามันเป็นหมา ดังนั้น จึงไม่ผิดอะไร ถ้าส้มฉุน จะมัวแต่นอน 
หลับอุตุ โดยไม่ได้ยินเสียง ขโมยที่เข้ามาขนของไปในคืนนั้น 

       จริงๆส้มฉุน มีประโยชน์อย่าอื่นมากกว่าเฝ้า บ้านนั้น ก็คือ มันจะอยู่เป็นเพื่อนได้ยามที่เรา ต้องการใครสักคน ที่นั่ง 
ฟังเรา คุยได้ โดยไม่ขัดจังหวะ มันจะเป็นเพื่อนที่ไม่มีมารยา ตรงไปตรงมา หากมันดีใจมันก็จะกระโดด โลดเต้น หากมันเศร้ามันก็จะซุกตัวอยู่ใต้ 
เก้าอี้ ยามที่เรา กินข้าวคนเดียว เพียงแต่เรายกจานข้าวมานั่งที่พิ้น มันก็จะมานั่งข้างๆ เราก็ให้เนื่อมันกินสักชิ้น เท่านี้ เราก็มีเพื่อนกินข้าวแล้ว 
ในยาม ที่เราต้องการร้องไห้ กับใครสักคน แต่ไม่ต้องการให้คนอื่นเห็นเราอ่อนแอ เราก็สามารถร้องไห้กับหมาได้( ขอเลียนแบบคำพูดของ 
คนแถวนั้หน่อย) หมาไม่สามารถเอาเรื่องเราไปพูดต่อได้ ว่า วันนั้นเห็นเราอ่อนแอ ร้องไห้ หมาไม่เคยนินทาว่าร้ายใคร ไม่เหมือนมนุษย์ 
ปากหวาน ก้นเปรี้ยว หมาปากเหม็นก้นก็เหม็น 

               ในเมื่อออนไม่สามารถพึ่งพา ส้มฉุน ในด้าน เฝ้าบ้านไม่ได้ ออนจึงบอกแม่ว่า 
" แม่ ออนอยากได้หมา มาเฝ้าบ้าน เอาดุ ดุ น่ะ เอาแบบเลี้ยงง่ายๆด้วย " ออนบอกแม่พร้อมยกเหตุ ผลประกอบมากมาย 
ว่ามันจะได้เฝ้าบ้านขโมยจะได้ เห็นว่ามีหมาอยู่ กลางคืนมันจะได้เห่าด้วย 
" ไม่เอา หรอก เป็นภาระจะ ตาย ก็อาศัย ปิดบ้านให้ดีๆ สิลูก " แม่บอกอย่างจริงจัง 
" จริงๆ มันก็ เป็นภาระ ล่ะค่ะ ส้มฉุน ตัวเดียวก็จะแย่อยู่แล้ว " ออนล้มเลิกความตั้งใจไป ด้วยความที่ตัวเองก็ต้องทำงาน 
กลับบ้านก็ค่ำ หากเลี้ยงหมาอีกตัว จะเป็นการเพิ่มภาระอีกมาก 
เวลาผ่านไป ออนลืมเรื่อง ที่ต้องการจะมีหมาดุ ดุ ไปแล้ว แม่ก็มาบอกออนว่า เพื่อนแม่จะยกหมาให้ เป็นหมาที่เค้าใช้ พ่อแม่มันเฝ้าสวน 
ที่ต่างจังหวัด แม่มาถาม ว่าออนจะเอาไหม 
เป็นคำถามที่ออนต้องขอเวลาคิด ไตร่ตรอง อย่างหนัก เอ จะเอาดีไหมน่ะ หมาอีกตัว มาเฝ้าบ้าน 
      โปรดติดตามตอน 3 ต่อไปได้เร็วๆๆนี้				
3 กันยายน 2545 16:18 น.

*+*+*+*+*+* หมาในอยากออก หมานอกอยากเข้า 3 *+*+*+*+*

13 นางมาร

เย็นวันผักผ่อน ของวันสบายๆ วันที่มีเวลาเป็นส่วนตัว เย็นนี้ได้เวลาออกกำลังกาย ออนใส่รองเท้า เตรียมตัวออกเดิน บริเวณหมู่บ้าน นึกถึง คำพูดของหมอ 
"ถ้าคุณไม่ออกกำลังกาย อย่างสม่ำเสมอ คุณก็จะไม่หายจากโรคนี้ " 
" สัปดาห์ ล่ะครั้ง พอไหมค่ะ หมอ ครั้งละ 10 นาที " ออนพูดพร้อมไอ แค้ก แคก 
" ไม่พอครับ การออกกำลังที่มีประสิทธิภาพต้องติดต่อกันอย่างน้อย ครึ่งชั่วโมง" หมอพูดพร้อมเขียนใบสั่งยา 
"ขอบคุณ ค่ะแล้วจะพยายามหาเวลาค่ะ" 

ลมพัดเย็น ชื่นใจ มองไปเห็นต้นไม้ใหญ่ สองข้างทาง ออนค่อยๆ เดินช้า ๆเป็นการ อบอุ่นร่างกายก่อนที่จะวิ่ง ยกแขนสองข้างขึ้น สูดหายใจเข้าเต็มปอด หายใจออกเอาความเครียด ความเหนื่อย ออกไปจากชีวิต 
เคยมีคนบอกว่า ชีวิตก็เหมือนวงกลม ที่จะต้องกลิ้งไปข้างหน้า ในวงกลมแบ่งออกเป็น 4 ส่วน ซึ่ง 4 ส่วนนี้จะต้องจัดสรร แบ่งให้เท่ากัน วงกลม จึงจะกลม ไม่กลายเป็นวงรี ส่วนแรก เป็นส่วนของการทำงาน ที่จะต้องทุ่มเทให้ เต็มความสามารถ ส่วนที่สองเป็นส่วนของครอบครัว ที่ต้องมีเวลาร่วมกัน ต้องเอาใจใส่กัน ส่วนที่สามเป็นส่วนของสังคม รวมถึงเพื่อนฝูงและคนรัก คนที่อยู่รอบกาย ส่วนสุดท้าย คือส่วนที่หลายคนลืมไปคือ ส่วนตัว เป็นของตัวเอง ดูแลเอาใจใส่สุขภาพ กายสุขภาพใจ 

พักหลัง ออนรู้สึกว่า ชีวิตออนเป็นวงรี เพราะว่าเวลาส่วนใหญ่ในชีวิต ทุ่มไปที่การงานเกือบหมด เวลาที่เหลือ ออนก็ไปทุ่มให้ส่วน ที่ 3 
เที่ยวกับ เพื่อน เที่ยวกับ คนรัก มีเวลาเหลือน้อยนิดให้ครอบครัวและ ตัวเอง ออนรู้ดีว่าระยะนี้ออนอ้วนขึ้น จากคนที่เคยรูปร่างดี กลายมาเป็น คนท้วมจนเกือบอ้วน ได้ภายในเวลา 2 ปีน้ำ หนักเพิ่มมา 12 กิโล นั่นเป็นเพราะ ออนไม่ได้ให้เวลา ไม่ดูแลสุขภาพ ไม่ออกกำลังกาย 
ขณะที่กำลังเริ่มวิ่ง เหยาะ เหยาะ เหลือบไปเห็น ชายแก่ๆ จูงหมา วิ่งสวนกับออนไป เจ้าหมามีท่าท่างร่าเริง มากที่ได้ออกมาวิ่งกับเข้าของ 
นึกถึงตัวเอง เลี้ยงหมา แต่เหมือนไม่ใช่หมา เพราะว่าลูกส้มฉุน หมาอ้วน ขนฟู ไม่ชอบวิ่ง ออนเคยพาออกไปวิ่ง ที่หน้าบ้าน ส้มฉุน ก็ไม่ยอม 
ท่าทาง มันจะขี้เกียจ มันจึงนั่งไม่ยอม ขยับ ไม่อยากบังคับใจหมา ไม่วิ่งก็อย่าวิ่ง ออนวิ่งคนเดียวก็ได้ หลังจากนั้นก็ไม่เคยเอาส้มฉุนออกมาวิ่งอีก 

นึก นึก ดู ถ้ามีหมา ที่เลี้ยงไว้นอกบ้าน เป็นหมาที่แข็งแรง ชอบวิ่งเล่น คงจะดี คงจะมีคน(หมา) ช่วยเฝ้าบ้าน และ มีเพื่อนวิ่ง 
คิดแล้ว เย็นวันนั้น เมื่อเจอแม่ออนก็ถามว่า 
"หมาที่เพื่อน แม่บอกจะให้ เป็นพันธุ์ อะไร ขนสั้นไหม ดุไหม" ก่อนที่เราจะเอาอะไรมารับผิดชอบ ก็ต้องมีการสืบประวัติ ต้องหาข้อมูล 
ก่อนที่จะตัดสินใจ เพราะหมาแต่ละสายพันธุ์ก็มี นิสัยไม่เหมือนกัน 
แม่บอกว่าแม่จะไปถามเพื่อน มาให้ 
วันต่อมา แม่เอารูปมาให้ดู แม่บอกว่าเพื่อนแม่ มีสวนอยู่ที่ต่างจังหวัด เพื่อนแม่เลี้ยง หมาพันธุ์นี้ไว้เฝ้าสวน 
เพื่อนแม่ได้หมา พันธุ์นี้มาจากอเมริกา ตอนที่ยังเปิดร้านอาหารอยู่ที่นั้น พอกลับเมืองไทยก็ได้นำมาด้วย 
" แล้วดุไหม ล่ะแม่ มันจะเฝ้าบ้านได้ไหม " 
" น้าแป๋ว บอกว่ามันดุ น่ะลูก เพราะว่าเค้าก็เลี้ยงไว้ ดูแลสวนด้วย " แม่บอก 
" มีรูปพ่อ แม่ มันมาให้ดูด้วย " แม่ยื่นรูปถ่ายมาให้ดู 
" สี ขาว ดำ อึ้ม หน้าตา ประหลาด ตกลงมันพันธุ์อะไรค่ะ " 
" เค้าบอกว่า บอสตั้น เทอเรีย " 
"พันธุ์อะไร ไม่เคยได้ยินชื่อ" 
" แม่ก็ไม่รู้เหมือน กัน น้าเค้าบอกว่า พันธุ์ นี้ที่อเมริกา นิยม และก็เลี้ยงง่าย" 

รูปถ่ายนั้น เป็นหมาหน้ายู่ ตากลมโต ตัวป้อมๆ ไม่สูง มาก ขนสีดำ หน้าเป็นสีขาวตรง กลาง และตรงปาก ส่วนตา เป็นสีดำ ดูๆ หน้าย่น 
คล้าย บอกเซอร์ ท่าทางมันจะฉลาดดี หลังจากรู้ว่าเป็นพันธุ์อะไร ออนก็ไปหาตำราสุนัข มาดู เปิดอยู่หลายเล่มก็ไม่เจอ พันธุ์ นี้เลย Boston 
Terrier จนออนไปเปิด เล่มสุดท้ายก็เจอ เค้าบอกว่าหมาพันธุ์นี้ 
เป็นลูกผสมระหว่าง พันธุ์ เทอเรีย ของเมือง Boston และ บ็อกเซอร์ มีสีดำขาว หรือน้ำตาล ขาว ตากลม โปน หน้ายู่ จมูกสั้น 
อุปนิสัย ร่าเริง อดทน ออนเปิดอ่านแล้วก็ยังคิดในใจ ไม่เห็นเค้าจะบอกว่า ดุ เลย ไม่เป็นไร ดูหน่วย ก้าน มันแล้ว ออนชอบ หน้าตามันแปลกดีออนชอบ ของแปลกอยู่แล้ว ไม่ชอบอะไรที่เหมือนใคร 

" วันเสาร์นี้ ไปบ้าน น้าแป๋ว ด้วย กันน่ะ ออน เค้าเอาลูกหมา มาจาก ต่างจังหวัดแล้ว " แม่บอกออน กับพี่แอน ตอนเย็น 
" อ้าว น้องจะมาแล้ว แล้วส้มฉุนก็ตกกระป๋อง น่ะสิ " พี่แอน หันไปพูดกับ ส้มฉุน ซึ่งทำหู กระดิกไปมา 
" ยังไม่ได้ ตั้งชื่อเลย อึ้ม ช่วยกันคิดเร็ว เอาชื่ออะไรดีหนอ " ออนพูดกับพี่แอน และแม่ 
" หมาฝรั่งก็ต้องชื่อไทย เป็ยธรรมเนียม " พี่แอนบอก 
" มีส้มฉุนแล้วก็ต้อง มีส้มอะไรดีน่ะ ส้มเขียวหวาน ส้มเช้ง ส้มฟรีม้อง ส้มจี๊ด ส้มซ่า ส้มโอ " 
" ส้มจีน ไม่เอา ส้ม อะไรดีน่ะ อ้อ ส้มที่ออนชอบไง " 
" ส้มสายน้ำผึ้ง " แม่บอก 
" ไม่เอา หมาตัวผู้น่ะแม่" 
"ส้มโชกุล " ออนและแอนพูดพร้อมกัน 
" ดี ดี เวลาเรียก สั้นๆ จะได้เป็น ลูกฉุน กับ ลูก กุล " 
" เย้ เย้ ได้ชื่อแล้ว หมาใหม่ ชื่อส้มโชกุล " ออนพูด 
" บอกไว้ก่อนน่ะ แม่ไม่ให้เข้าบ้าน น่ะ ต้องให้อยู่นอกบ้าน " แม่บอกกติกาการเลี้ยงโชกุล 
"ค่ะ ก็ตกลงกันแล้ว ว่าจะเลี้ยงโชกุล ไว้เฝ้าบ้าน ก็ต้องเลี้ยงนอกบ้าน " 


วันเสาร์ที่รอคอยก็มาถึง เราสามคน แม่ลูก ไปบ้านเพื่อนแม่ไปรับลูกชาย คนที่ 2 มาอยู่ด้วย แรกพบลูกโชกุล ตัวเล็กมาก หน้าตาตลก หัวโต ตัวเล็ก ขนเกรียน หูตั้ง ดูละม้ายหมา อวกาศมาก   หลังจากรับโชกุลมาแล้วก็มาซื้อกรงและมุ้งครอบ ให้โชกุล แม่ซื้อ ป้าย มาติดหน้าบ้าน ว่า 
********** ระวังสุนัขดุ************* 
เราทุกคน หมายมั่น มากว่า โตขึ้น มันจะต้องดุ ต้องเฝ้าบ้านได้ เมื่อ เอาโชกุลเข้าบ้าน ส้มฉุนก็ไม่พอใจมาก 
ส้มฉุนเห่าน้องอยู่นานมาก ไปยืนเห่าที่หน้ากรง ส้มฉุนคงจะสงสัยว่ามันคือตัวอะไร   ตอนนอน ก็จะเอาโชกุลใส่กรงและครอบมุ้ง ไว้นอกบ้าน ตรงโรงจอดรถ 
ผ่านวันผ่านคืน ส้มโชกุล เริ่มโต มันซนมาก รองเท้า วางไว้นอกบ้านไม่ได้ต้องเอาไปกัด สวนดอกไม้ สนามหญ้า 
โชกุล คือขุด เล่น อ่างบัวของแม่ โชกุล ก็ลงไปคลุก ดินทั้งตัว ขวิด น้ำกระจาย ตัวมันเปียกโคลน ไปหมด 
แล้วก็ไปนอน ผึ่งแดด เห็นแล้ว ขำมาก นึกในใจ ว่านี่เราเลี้ยง หมาหรือว่าควาย กันแน่ น่ะนี้ 
     เมื่อเริ่มโต เวลามีคนแปลกหน้าเข้ามาบ้าน ก็ไม่เห็นจะมีวี่แวว ว่าโชกุล จะเห่าหรือกัด โชกุลไม่ดุเลย 
โชกุล ขี้เล่น ชอบวิ่ง ชอบเล่นน้ำ ชอบตะกุย 
" แม่ แม่ แน่ใจหรอ ว่าพ่อ แม่ มันดุ โชกุล ไม่เห็นดุเลย ' 
" นั่น สิ มีแต่หน้า ตาน่ากลัว ชอบทำตาโปน น้าแป๋ว เค้าบอกว่าของเค้าดุนิ" 
" ได้ดังใจ อยู่อย่างเดียว คือจูง มันวิ่ง หน้าบ้าน มัน ลากออน ใหญ่เลย แรงเยอะ มันชอบวิ่ง " 

เดี๋ยว นี้เวลาสำหรับครอบครัว ส่วนหนึ่งออนจะต้องหาเวลา เล่นกับโชกุล และพามัน วิ่ง  โชกุลจะดีใจ มาก ตะกุย ตะกาย เนื่องจากวันจันทร์ ถึง ศุกร์ ออนจะต้องไปทำงาน ไม่ได้มีเวลาเล่นกับโชกุลเลย 
ไปทำงานโชกุล ก็ยังไม่ตื่น กลับมา โชกุลก็หลับแล้ว 
ออนรู้ว่าโชกุล เหงาเพราะว่าต้องอยู่นอกบ้านตัวเดียว ยามเย็นเวลาสมาชิก มานั่งดูทีวี กินข้าว โชกุล ก็มานั่งแอบมอง 
ที่ประตู มันคงคิดในใจว่า ทำไม มันไม่ได้อยู่ในบ้าน เหมือนคนอื่น ทำไม มันต้องอยู่นอกบ้าน 
บางครั้งออนก็จะเอาโชกุลเข้ามาเล่นในบ้าน แอบๆแม่เข้ามา แต่โชกุลชอบทำบ้าน เลอะโดยการมาแอบฉี่บ้าง หรือ 
ไม่อย่างนั้นทราย ที่เท้ามันกจะทำให้บ้านเปื้อน 
ปั้ง !!!!! เสียงโชกุลพังประตูมุ้งลวดเข้ามาในบ้าน 
ออนตื่นจากภวัง มาสู่ปัจจุบัน 
"มา มา โชกุล เข้ามาอยู่กับพี่ออนลูก" ออนปิดประตูและนำโชกุล มานั่งข้างๆ พร้อมลูบหัวมัน 
" โชกุล เหงาไหมลูก " 
" ..." โชกุล มองหน้าออน หากมันพูดได้ มันคงอยากบอกว่า เหงาครับ อยากมีเพื่อนครับ 
อึ้ม จะทำอย่างไรดีน่ะ กับหมามีปัญหาตัวนี้ 
( อ่าน หมาในอยากออกหมานอกอยากเข้า(4) ได้ในตอนต่อไป 
------------------------------------------------------				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟ13 นางมาร
Lovings  13 นางมาร เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟ13 นางมาร
Lovings  13 นางมาร เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟ13 นางมาร
Lovings  13 นางมาร เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึง13 นางมาร