12 กุมภาพันธ์ 2552 13:43 น.

พระกับเด็กน้อย

KIRATI


อนุบาล หมีน้อย        นิมนต์
พระมากล่าว เตือนตน   เด็กให้
ธรรมะแก่เด็กซน       เพียรกล่าว สอนนา
บอกกล่าวสอนจิตได้     แต่น้อย คอยโต

กุศโล ธรรมะอ้าง       ใดใด
เด็กเอย...กลับเฉยใน    พระเจ้า
แลเห็น แต่ซนไป       มัวเล่น สนุก
พระปวดเศียรเวียนเกล้า  เหล่าไร้ เดียงสา

จึงสรรหา กลอ้าง        จำนรรจ์
ดึงเดียงสา เล่ากัน       เด็กได้
เด็กคนหนึ่ง จึงสรร      คำถาม พระนา
หัวใจเรา นั่นไซร้       อยู่ข้าง ใดกัน

พระกล่าวพลัน ข้างซ้าย    แลมี
เด็กว่า บ่ถูกที           หน่ายอ้าง
ข้างขวา เอ่ยพาที         เพียงผ่าน พระตอบ
ผิดอีกครา บ่ สมสร้าง     เด็กน้อย บอกเฮย

หันไปเอ่ย เชยข้าง ชิด    เพื่อนยา
“โง่ญี่ปุ่น” ไปนา         เลยเจ้า   
เหตุอันใด จึ่งว่ามา       พระเยี่ยง  นั่นเฮย
ก็ “โง่จัง” ไงเล่า         กล่าวแล้ว พระงอน

แล้ว “ใจ” ห่อนรู้ อยู่ข้าง  ใดกัน
ก็ “ข้างใน” อยู่พลัน      หลวงพี่
พระท่านชอบ สุขสรร      เดียงสา ที่จิต
สุขละอัน พลันชี้          เดชด้อย เดียงสา
				
12 กุมภาพันธ์ 2552 13:26 น.

สินค้าวาเลนไทน์

KIRATI


หากเก็บรัก อัดใส่ กระป๋องขาย
มีจำหน่าย ทั่วไป ตามถนน
ใครใคร่คิด รักใคร สักหนึ่งคน
ก็ซื้อพ่น ฉีดปั๊บ ก็รักกัน

คงจะดี มีเก็บ เหน็บติดบ้าน
ยามร้าวราน ฉีดปุ๊บ ก็สุขสันต์
จากหม่นหมอง ระหอง ระแหงกัน
เปลี่ยนเป็นวัน วาเลนไทน์ ได้ทันที

เร่เข้ามา ทางนี้ มีของขาย
รักอัดใส่ กระป๋องคล้าย กระป๋องสี
แอบรักใคร เขาไม่ใคร่ จะยินดี
พ่นรักนี้ รับรองรัก ไม่ขัดใจ
				
6 กุมภาพันธ์ 2552 14:52 น.

ถึงคุณเธอ และคุณท่าน...

KIRATI


ช่อกระ“เชอ มาลย์”หมาย ประไพพักตร์
“พิม”สลัก “ญาดา”เน้น เป็นหญิงสาว
“สายลม”เพื่อน  “เดือนตุลา” ก็พริ้มพราว
อีก“ครู”สาว “กระดาษทราย” สายสุดา

“นร”ศรี “ศิริ”รุ่ง จรุงจิต
เจ้า“ฉาง”ชิต นวล“น้อย” พลอยหรรษา
“แก้ว”ประพรม “ประภัสสร” อ้อนจิตรา
แลเจ้าจันทร์ “อัล”เจิดจ้า “มิตรา”ชม

ชะเง้อเคียง “เพียง”ลม“พลิ้ว” ลิ่วลิบแล
“พิมพรรณ”แพร ภรณ์พราว เจ้าสุดสม
“กระจก”เว้า “เงา”สะท้อน ซ่อนอารมณ์
แล“ครู”พรม สมแม่“พิม” อิ่มอุรา

จากธารา “ปะการัง สีฟ้า”สด
ธรรมบท “พี่ดอกแก้ว” แววเจิดฟ้า
“ลิลลี่”พราว “ขาว”ประไพ ให้ชีวา
กัลยา ที่พริ้มพราว สาวบ้านกลอน
*********
ระเด่นแนว กับ“แมวเหลือง” ที่เรืองเดช
“กิตติเวทย์”คารมเด่น เล่นอักษร
“วาสุกรี” วลีคม อารมณ์กลอน
“ลิลิต”พร อักษรศรี วลีเพลิน

แล“เทพธัญญ์” ผู้สร้างสรรค์  จำนรรจ์แล
อีก“ลมแปร แขมร์เลอ” เผลอจิตเขิน
แลท่าน“วิทย์  ศิริ” ชี้ วิถีเดิน
“หนุ่มน้อย”เพลิน ด้นค้นภักดิ์ รักปักใจ
 *********

คล้ายบังอาจ นำชื่อนาม มาสานมุ่ง
เพียงจรุง ในมิตรเชิญ แค่เพลินไข
เพราะเพียงรู้ อยู่แน่นแท้ แน่แก่ใจ
ว่าซึ้งนัย ใฝ่มิ่งมิตร ที่ชิดชม

ขอบคุณ...ขอรับ....คุณ..คุณ... 

				
29 ธันวาคม 2551 16:10 น.

สามประโยคที่เฉลยว่า “ทำไมพ่อหลวงต้องทรงงานหนัก”

KIRATI

ภาพพระองค์ ทรงประทับ นั่งกับพื้น
อย่างมิฝืน เพื่อยื่นถาม ความสงสัย
ปวงประชา เป็นสุขบ้าง ฤา อย่างไร
สดับใน หทัยมั่น เมื่อท่านมา

มองผืนดิน ถิ่นที่นา และป่าดง
กล้องพระองค์ ทรงบันทึก เพื่อศึกษา
สิ่งใดควร ทรงดำรัส ให้พัฒนา
สิ่งใดพา ไร้คุณค่า ให้ทบทวน

ทรงนั่งคิด ติดประชา ให้กล้ากล่าว
บอกเรื่องราว เล่าปัญหา เพื่อพาหวน
เก็บข้อมูล เป็นศูนย์กลาง การประมวล
รายล้นล้วน เพื่อทวนจิต เมื่อคิดทำ

ดินเกษตร ว่าเหตุหนึ่ง ซึ่งเป็นกรด
ทรงกำหนด ลดดินเปรี้ยว เกี้ยวดินขำ
ชื่อโครงการ ว่า แกล้งดิน คณินนำ
ได้จดจำ แกล้งดินช้ำ ทำกลับดี

อันโครงการ ตาม พระราช ดำริ
ทรงตรัส ติ ดำริความ ตามสนอง
เผด็จการ หารน้ำใจ หากใครมอง
ในครรลอง ใช่ปองสั่ง ให้ทำตาม

จึงทรงความ เห็นว่างาม เอาตามออก
และชวนบอก ออกโดยจิต ที่ชิดถาม
เป็นประชา พิจารณ์ไซร้ ไว้งดงาม
แทนด้วยคำ อันเนื่องมา  จากคงดี

(จาก โครงการตามพระราชดำริ เปลี่ยนเป็น โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ)

หนึ่งในข้าฯ สนองได้ ใต้พระบาท
เป็นจอมราช ยศพระบาท ธ ทรงศรี
เหตุไฉน ต้องเหนื่อยองค์ ทรงงานมี
เพราะหน้าที่ ใช่ทรงชี้ ให้มีทำ

พระทรงตรัส ดำรัสตอบ ตามชอบถาม
ทรงเห็นความ อยู่สามสิ่ง ที่จริงผำ
อันระบอบฯ ประกอบได้ โดยชอบธรรม
แท้จริงคำ ของประชา ธิปไตย

หนึ่งประชา ยังยากจน ข้นแค้นอยู่
ชีวิตดู ยังหม่นหมอง ข้องขัดไข
ยังลำบาก ก็ยากจิต คิดเทิดไทย
เพราะจนไซร้ ไร้อิสระ จะพึงเป็น

สองคือสิ่ง ยิ่งมืดมน เพราะจนตราบ
เสรีภาพ ที่แท้จริง ยิ่งไม่เห็น
เพราะชีวิต ที่ปิดทอง หมองลำเค็ญ
จึงทรงเน้น เฟ้นปัญหา ด้วยโครงการ

สามคือความ งามที่แท้ แน่ที่สุด
หากมนุษย์ สุดยากจน ทนขับขาน
ไร้เสรี ด้วยวิถี ทรมาน
จะชื่นบาน ขานอำนาจ ชาติอย่างไร

จึงกำเนิด เกิดโครงการ เพื่อสานส่ง
ราษฎร์ได้คง ดำรงศักดิ์ จักสดใส
ด้วยพระเนตร เจตจำนง  ประสงค์นัย
เป็นประชา ธิปไตย ได้สมบูรณ์				
23 ธันวาคม 2551 08:22 น.

นครโสภิณี...เมืองหญิงงาม

KIRATI


อันคำความ นิยามเฟื้อง ของเมืองหนึ่ง
แสนสุดซึ้ง ซึ่งนารี ที่สดใส
เรียกนคร โสภิณี ชี้ขึ้นใจ
สวยสดใส ให้ต้องใจ ชายหมายชม

ทุกนวลนาง ล้วนพร่างพรม สมปั้นแต่ง
สมนามแห่ง เมืองหญิงงาม นิยามสม
จนระบือ ลือเล่าความ หวามอารมณ์
ชายอยากชม ให้สมจิต คิดตามลือ

องค์เจ้าชาย ล้วนเรียงราย หมายยลจิต
จะใช้สิทธิ์ พิชิตชอบ ครอบสิทธิ์ถือ
หากเป็นเมือง เฟื้องกัลยา ดังร่ำลือ
หมายมั่นถือ ยื้อมาครอง ด้วยปองใจ

ฝั่ง นคร โสภิณี นี้ทราบเรื่อง
อาจสิ้นเมือง ล้วนเคืองจิต พินิจไข
หาวิธี ที่คงเมือง ทุกเรื่องราย
ต้านทัพใหญ่ อาจไม่ไหว ทำไงดี

จนจิตจัก หักแก้ไข ในการณ์เกิด
ความบรรเจิด ที่เลิศล้ำ ทำหมองศรี
เหล่าบุรุษ สุดคิดแท้ แต่นารี
ต้องยอมพลี นารีองค์ คงนคร

แต่นั้นมา จึงขานคำ ขึ้นจำจด
ในเรื่องบท ปรนบำเรอ เพื่อเผลอถอน
ความอยู่รอด อย่างปลอดภัย ในนคร
แม้ร้าวรอน สะท้อนจิต คิดอยากตาย

โสภิณี นี้แปลจริง ผู้หญิงสวย
แต่เนื่องด้วย ต้องช่วยเมือง เปลื้องวิสัย
จึงพานพา เรียกเล่าขาน กาลผ่านไป
ผิดความหมาย กลายเป็นจริง หญิงขายตัว
				
Calendar
Lovings  KIRATI เลิฟ 71 คน

วฤก

โคลอน

เชษฐภัทร วิสัยจร

เพียงพลิ้ว

อัลมิตรา

ฤกษ์ ชัยพฤกษ์

ผู้หญิงไร้เงา

แทนคุณแทนไท

กุ้งหนามแดง

แมงกุ๊ดจี่

ประภัสสุทธ

รการต์

พฤหัส กฤษชยรักษ์

บินเดี่ยวหมื่นลี้

ร้อยฝัน

pigstation

หิ่งห้อยน้อยใจ

ลักษมณ์

มนต์กวี

สองตุลา

ท่องเมฆา

ก้าวที่...กล้า

กวีปกรณ์

ดอกบัว

เฌอมาลย์

ว.มหรรณวา

เปเป้ซังแม่มู๋ผู้เดียวดาย

ครูพิม

คอนพูทน

สายธารน้ำใจ

ก่องกิก

คีตากะ

ขุนศรี

พิมญดา

ยาแก้ปวด

ทิพย์โนราห์ พันดาว

บนข.

กันนาเทวี

กิ่งโศก

ไหมแก้วสีฟ้าคราม

ครูกระดาษทราย

แก้วประภัสสร

KIRATI

จอมปราชญ์แดนอาคเนย์

คืนแรมสามค่ำหน้าร้อน

ห้าเจ้าจอม

**.. เช่นรวีโชติ..**

แกงเขียวหวาน

มวลภมร

ดาวศรัทธา

cicada

เปลวเพลิง

หญิงบ้า

เ ที ย น ห ย ด

din

เบยองจุน

สีเมจิก

นักสืบไร้ชื่อ

ชากร

บุญพร้อม

พาดกลอน

แย้ม ไกลวันเกิน

แม่น้ำในฟ้า

Arm

Jackie

ไผ่ลู่ลมม

ศรีปาด เฟสเก่าโดนระบบลบเฉยเลย

ศุทธิกมล

Prayad

Parinya

จิ๊กจ้า

  KIRATI
ไม่มีข้อความส่งถึงKIRATI