กลอนข้อคิด

ไม้ใกล้ฝั่ง

คนกรุงศรี


เมล็ดพืช งอกงาม ตามป่าเขา
กลางลำเนา อุดม ชุ่มโชกฝน
ต้นจึงโต ตระหง่าน ต้านลมบน
เปรียบเช่นคน เกิดกาย เติบใหญ่มา
มีนที ไหลเลาะ เซาะตลิ่ง
ละลิ่ววิ่ง ล้นหลาก จากภูผา
ทั้งกัดกร่อน จนเห็น เป็นธารา
พสุธา จึงแตก แยกจากกัน
ไม้โตใหญ่  ยังโอน โค่นลงน้ำ
ลอยในลำ คงคา ถึงอาสัญ
แม้ยืนต้น บนตลิ่ง ยิ่งนานวัน
ไม่คงมั่น ต้องถึง ซึ่งเอวัง
เมื่อเปรียบคน เมื่อครา อายุมาก
ความหลายหลาก มีแท้ แต่หนหลัง
พอเวลา ล่วงไป ไม่จีรัง
ก็ใกล้ฝั่ง เช่นไม้ ริมสายธาร
เงาไม้ใหญ่ ก่อนนี้ มีคุณค่า
กิ่งก้านหนา ร่มเย็น เป็นสถาน
ที่พึ่งพิง ของสัตว์ป่า มาช้านาน
ต้นใช้งาน เมื่อโค่น โดนทำลาย
เมื่อเดือนปี  ผ่านไป ชีพใกล้ดับ
พอนั่งนับ วันวัย แล้วใจหาย
ทำอะไร ไว้บ้าง ก่อนวางวาย
เร่งขวนขวาย ตอนนี้….. มีเวลา

บัณฑิตสกปรก...

คีตากะ


อุทกภัยครั้งใหญ่ได้พ้นผ่าน
ทั่วทุกย่านน้ำลดหมดกังขา
บางพื้นที่น้ำยังท่วมขังนา
ชาวบ้านล้าอ่อนแรงแคลงกังวล
น้ำส่งกลิ่นเน่าเหม็นลำเค็ญหนัก
ซากพืชหมักหมมนานพานก่อผล
ทั้งขยะปฏิกูลพอกพูนชล
น้ำสีข้นขุ่นคลักประจักษ์ตา
จะเพาะปลูกพืชใดไร้ประโยชน์
ย่อมก่อโทษเสียหายเปล่าดายหนา
ต้องสูบน้ำออกทุ่งปรับปรุงนา
จึ่งหว่านกล้ารอบใหม่ได้อีกที
ดั่งบัณฑิตฝึกตนค้นหาแก่น
มัวโลดแล่นสร้างบุญหนุนราศี
แต่ไม่ละบาปกรรมมุ่งทำดี
ย่อมหามีประโยชน์ใดไม่ต่างนา...

ความต่าง - ความสุข

ภัคพล


ต่างความรู้ต่างความคิดต่างความฝัน
ต่างมุ่งมั่นต่างอดทนต่างฝึกฝน
ต่างแข่งขันต่างแกร่งแย่งต่างดิ้นรน
ต่างสับสนต่างครุ่นคิดต่างจิตใจ
มีสมองมีมือมีแข้งขา
มีเวลามีความหวังมีไกลใกล้
มีพลังมีดวงดาวมีทางไป
มีสายใยมีความรักมีผูกพัน
ก้าวต่อก้าวก้าวต่อไปถึงที่สุด
ก้าวเร่งรุดก้าวเร่งรีบก้าวล้มนั่น
ก้าวที่ดีก้าวรอบคอบก้าวฟ่าฟัน
ก้าวที่มั่นก้าวค่อยค่อยก้าวดีดี
พักผ่อนได้พักก่อนเถิดพักสักครู่
พักลองดูพักไตร่ตรองพักทุกที่
พักเก็บแรงพักเติมใจพักสักที
พักวันนี้พักวันไหนพักเพียงพอ
เพียงแค่คิดเพียงแค่ฝันเพียงเพื่อสร้าง
เพียงเดินทางเพียงศึกษาเพียงเติมต่อ
เพียงสามารถเพียงเคียงคู่เพียงอยากรอ
เพียงเกิดก่อเพียงสืบสานเพียงหวังเอง
วันข้างหน้าวันไหนวันนี้หรือ
วันนั้นคือวันสดใสวันเราเก่ง
วันแห่งฝันวันแห่งสุขวันครื้นเครง
วันที่เล็งวันที่ได้วันหมายปอง
สุขทั้งกายสุขทั้งใจสุขล้ำยิ่ง
สุขเสียจริงสุขสันต์สุขฉลอง
สุขเพราะรู้สุขเพราะคิดสุขเรืองรอง
สุขเป็นของสุขตัวเราสุขที่ดี.

((((((ความ(ไม่)ลับ))))))

มนต์กวี


เชื่อว่าคนทุกคนทนปกปิด
เชื่อด้วยใจสนิทใช่คิดข่ม
เชื่อว่าคนหลายคนทนติดจม
เชื่อว่ามีลับลมและคมนัย
.
มีบางอย่างหมกเม็ดจริงเท็จบ้าง
เรื่องคาค้างชั่วดีที่หวั่นไหว
ภายใต้จิตสำนึกผลึกหัวใจ
ซุกซ่อนไว้ข้างในใครสักคน
.
เมื่อความลับยังเป็นเช่นความลับ
ก็จมอับยับเยินเกินพร่ำบ่น
ให้ความลับเหยียบย่ำจำต้องทน
สู้อยู่บนเศษซากที่ปากลวง
.
น้ำท่วมปากหลายคนพอทนทาน
น้ำท่วมบ้านหลายคนบอกไม่ต้องห่วง
น้ำท่วมนานถือว่าเคราะห์เป็นเพราะดวง
น้ำท่วมทรวงโอ้อนาจแทบขาดใจ
.
อันความลับที่เขาว่าหาไม่มี
เป็นอย่างนี้ความลับหามีไม่
คือความจริงที่อำพรางอยู่ข้างใน
หากหัวใจรับรู้......อยู่อย่างนั้น

โลกทั้งใบ..

แม่มดใจร้าย


ด้วยหัวจิตหัวใจในตัวเจ้า
อะไรเล่าทำเขลาเจ้าน้องเอ๋ย
ฆ่าเขาแล้วเจ้าได้อะไรเลย
โลกทั้งใบดับเฉยในพริบตา
จะโกรธแค้นเคืองขุ่นกรุ่นอาฆาต
จนมิอาจดับได้หรือไรหนา
พบเจอกันต้องบั่นทอนกายา
ให้วอดวายแล้วอย่ามาเจอกัน
ฆ่าเขาแล้วเจ้าได้อะไรเล่า
ชีวิตเจ้าก็เหมือนสุดสิ้นหวัง
อนาคตวูบดับลับพินพัง
แม่พ่อนั่งโศกเศร้าเคล้าน้ำตา
หนึ่งชีวิตดับสิ้นจากอกแม่
จากรักแท้ที่มีมากล้นฟ้า
อิสระอีกชีวิตสิ้นราคา
มิอาจพ้นข้อหานำพาไป

โปรดพิจารณา

นิติ


โง่งม หรือ ซมซาน
ลนลาน หรือ หวานใจ
จริงจัง หรือ ว่าใช่
เป็นไก่อ่อน หรือ พ่อปลาช่อน
###############
คนโง่ อาจ ฉลาด
คนขลาด  อาจ โง่
เพราะหยิ่ง จริง ยโส
อยากโก้ จึง โง่ลง

"ล้ำเส้น"

ลูกหว้า


"ล้ำเส้น”ไม่เป็นไร ถ้ารู้จักการถอยออกมา
ความสนิทกัน นำเรื่องดีๆมาสู่ชีวิตเราหลายเรื่อง
ไม่ว่าจะเป็นความสัมพันธ์แบบใด เมื่อสนิทก็เกิดความไว้ใจความเชื่อใจ
และความสบายใจที่จะไปไหนมาไหนด้วยกันและแชร์หลายๆอย่างร่วมกัน
แต่ก็เป็นเพราะ “ความสนิท”เดียวกันนี้แหละ
ที่เหรียญอีกด้านหนึ่งคือ...สามารถทำร้ายกันได้ง่ายขึ้น...
เหมือนลิ้นกับฟัน เหมือนช้อนกับส้อม
ที่พอใกล้ก็ง่ายที่จะกระทบ
เปรียบเช่นวงกลมสองวง
เป็นไปได้เสมอที่จะเคลื่อนมาล้ำเส้นกันเอง
ด้วยบางทีต่างคนก็ต่างลืมว่าในความสนิทนั้น
ไม่ได้หมายความว่าเราควรก้าวก่ายทุกเรื่องในชีวิต
ถามไถ่ ต่างจาก การสอบปากคำ
โทรหาต่างจากโทรจิกโทรตาม
และเมื่อเหตุการณ์ “ล้ำเส้น”เกิดขึ้น
ก็จะเกิดความอึดอัด ความรู้สึกที่ไม่เหมือนเดิม ความไม่เข้าใจ
และบางทีก็ก่อให้เกิดรอยร้าวในความสัมพันธ์นั้นๆ
แต่ถ้าถามว่า...นี่คือเรื่องร้ายแรงที่สุดไหม?
คำตอบคือไม่
ซ้ำยังถือเป็นเรื่องธรรมดาที่ช้อนกับส้อมย่อมเผลอกระทบกระทั่งกันได้
แม้เราจะระมัดระวังเพียงใดก็ตาม
ประเด็นที่สำคัญคือทันทีที่ฝ่ายหนึ่งล้ำเส้น
ต้องรู้จักการขยับก้าวถอยออกมา รู้จักที่จะขอโทษและพร้อมจะคืนพื้นที่ให้
ส่วนตัวอย่างเคารพ ไม่ใช่ดึงดันที่จะล้ำเส้นยิ่งขึ้นไปอีก
ด้วยไม่ว่าจะเป็นความรักแบบใด ความรักที่แท้จริงย่อมไม่ใช่การยึดครองโลกทั้งใบของอีกคน

วัวหางดำ

อัศวัตถามา


ควายกับวัวเป็นเพื่อนกันมาแรมปี
แต่ว่ามีสิ่งหนึ่งที่ควายสงสัย
ควายจึงเอ่ยวาจาถามวัวไป
ว่าเหตุใดหางเจ้าไซร้มีสีดำ
วัวไม่รู้ตอบสหายอย่างไรดี
หางของตนที่ตนมีดูน่าขำ
ส่วนควายนั้นก็เฝ้าถามเป็นประจำ
วัวหาคำมาตอบก็ไม่มี
ท่านทั้งหลายอ่านแล้วคงมองเห็น
เรามักเป็นแบบควายในเรื่องนี้
จะคบเขาก็ควรมองแต่สิ่งดี
จะหาชั่วให้มันมีได้เช่นไร
ยิ่งกว่านั้นมองจุดดำของอื่น
ไม่ยอมคืนมามองตนได้ไฉน
เราอาจมีข้อเสียมากกว่าใคร
แล้วทำไมไม่มองตัวมัวมองใคร

รูปลักขณา...

คีตากะ


 รูปลักขณาสูงส่งดังหงส์เหิน
เยื้องย่างเดินหิมวาเวหาหาว
แต่ดวงจิตคิดชั่วเกลือกกลั้วคาว
เฉกเพชรพราวร่วงตมจมราคี
ถึงทรลักษณ์พักตราเพียงกาต่ำ
ล้วนรูปชั่วตัวดำคล้ำราศี
แต่จิตทรงสิกขาปัญญามี
ยังอาจดีกว่าหงส์เล่นลงโคลน
ล้วนไตรลักษณ์อนัตตาภควาตรัส
รูปจำรัสฤาชั่วล้วนหัวโขน
หากจุดไฟหทัยดวงให้ช่วงโชน
ย่อมพรากโยนทวิลักษณ์จักรมณีย์
อนึ่งคบแต่พาลลาญบัณฑิต
อาจชีวิตฉิบหายกลายบัดสี
ไม่ฟังธรรมท่านเอ่ยเผยพาที
ย่อมราคีขลาดเขลาเปล่าปัญญา
เพียงภพหนึ่งชาติหนึ่งพึงสั้นนัก
มัวหลงรักเนื้อหนังในมังสา
ซึ่งทรุดโทรมเสื่อมไปในชรา
ถึงมรณามาดหมายทุกกายมี
เพียงเวรกรรมนำพาเมื่ออาสัญ
เสวยสวรรค์ฤานรกตกเป็นผี
จะสายเกินแก้ไขให้กลายดี
ถึงโศกีไปก็เปล่าเขาเมินมอง
มัจจุราชจะยิ้มเยาะเพราะโมหา
มนุสสาล้นนรกอกไหม้หมอง
หลงกามคุณมีห้ามาเนืองนอง
จนก่ายกองเรือนจำกรรมพาจร
นฤพานพิมานแมนแดนเกษม
ล้วนปรีดิ์เปรมสุโขสโมสร
สุดอาณานภากว้างร้างใครจร
กลับแรมรอนอเวจีคดีกรรม
มีชีวิตวุ่นวายมากมายเรื่อง
เลยเปล่าเปลืองเพลาพาถลำ
ลืมพากเพียรภาวนารักษาธรรม
จึงมืดดำมัวจิตพลาดผิดการ
หลงรูปรสกลิ่นเสียงเคียงสัมผัส
สุดหยั่งวัดคะเนได้ในสงสาร
ล้วนเกิดตายมายมากยากประมาณ
เกลื่อนกลบฐานพสุธาให้อาลัย
ท่านเปรยเปรียบกองกระดูกทุกภพชาติ
แห่งองค์นาถโพธิสัตว์ทัดไศล
ว่าขนัดแน่นแผ่นผืนดินดื่นไป
หมายเข็มไชไม่อาจมีที่แทงลง
ชลนามหาศาลปานสมุทร
หาสิ้นสุดโทมนัสสลัดหลง
ทุกข์เท

ของขวัญปี 52 : สันติธรรมค้ำจุนโลก

อ.วรศิลป์


การคิดถึงตนเองมากเกินไป....ไม่ดีแน่
พาให้แย่ไร้ผู้คนอยากคบหา
คิดถึงแต่ตนเองตลอดเวลา
ช่างไร้ค่าไร้งามความเป็นคน
การคิดถึงตนเองนั้นธรรมดา
ดุจทำไร่ไถนาย่อมหวังผล
เพราะทุกผู้ล้วนแสวงหาประโยชน์ตน
พร้อมดิ้นรนเพื่ออยู่รอดตลอดไป
หากแต่การคิดถึงคนอื่นด้วย
จะอำนวยผลดีที่ยิ่งใหญ่
เหตุความรักความอารีที่แบ่งไป
สิ่งที่ได้กลับมานั้น...สันติธรรม
สันติธรรม....งามงดหมดจดยิ่ง
เป็นขวัญมิ่งคุ้มภัยไม่กรายกล้ำ
เป็นความสุขความยินดีวิถีธรรม
เลอค่าล้ำ....ค้ำจุนหนุนโลกเอย

คน ช้าง ป่า

ป๋อง สหายปุถุชน


เวิ้งฟ้าตะวันฉายไกลสุดตา
พงพนากว้างใหญ่ส่องฉายแสง
พืชพันธุ์ไม้พงไพรฟ้านวลแดง
ทั่วทั้งแปลงเติบใหญ่ให้ร่มเงาแสงรำไรส่องผ่านลานโคนต้น
บ้างออกผลแตกหน่อริมโคนเขา
สัตว์น้อยใหญ่อาศัยนอนแนบเนา
มนุษย์เราทำลายป่าไม้งามทั้งไฟป่าเผาผานกันวอดวาย
ไม้ล้มตายสัตว์สูญหายดูรุกราม
ป่าไม้แห้งดินแล้งดูเสื่อมซาม
ก็เพราะความเห็นแก่ได้ของใครกันดูช้างป่าออกหากินพืชไร่
คนถางไถป่าไม้กันทุกวัน
ตัดเตียนโล่งทำลายใช้เลื่อยหั่น
ขุดโค้นฟันปลูกพืชไร่เลื่อนลอยจนมีข่าวอื้อฉาวคนกับช้าง
เดินสวนทางช้างป่าต้องล่าถอย
ต่างต้องกินต้องอยู่ป่าริมดอย
ป่าเหลือน้อยช้างป่าออกหากินรุกแนวป่าเข้าไปทำไร่สวน
ป่าไม้จวนสูญไปเหลือแต่ดิน
ช้างอดหิวต้องออกระลานถิ่น
ฝนหลั่งรินดินโคลนฟังทลาย

หวังของแม่

บุญพร้อม


ขณะเรา   ร้องไห้   ใครโอ๋อุ้ม
ยามร้อนรุ่ม ใครจัด  พัดวีให้
มีใครบ้าง  สรรสร้าง อย่างห่วงใย
ทุ่มเทใจ   ฟูมฟัก  ให้ตักนอน
   โอ้ละเห่  โอละหึก  จนดึกดื่น
รอวันคืน   หวังไว้     ได้พักผ่อน
เจ้าเติบใหญ่  พอได้ อาศัยนอน
ก่อนต้องจร  จากกัน  วันสิ้นใจ
   
   ถึงวันนั้น  คงเข้าใจ ในหน้าที่
เป็นแม่นี้    ลำบาก ยากแค่ไหน
เว้นแต่เจ้า  ใจดำ   จึงทำไป
ผิดวิสัย  แม่ลูก  ไม่ถูกเลย

สิ่งสดใส

แก้วประเสริฐ


           สิ่งสดใส
 เปรียบความรักมักบางอย่างแก้วใส
แม้นดวงใจไม่เปลี่ยนเวียนแปรผัน
ทนุถนอมเอาใจใส่ทุกวี่วัน
แก้วใสนั้นจะงดงามอร่ามตา
 สิ่งตรงข้ามความรักมักเจ้าเล่ห์
ล้วนเสเพลมัวเมาเฝ้าตัณหา
มักไม่แน่เปลี่ยนได้คล้ายเวลา
วนเวียนมาหวังได้ใคร่ชมเชย
 อันแรกรักมักสะอาดปราศมลทิน
หอมโชยกลิ่นอวลฟุ้งล้วนปรุงเผย
เปรียบรสทิพย์หวานล้ำพร่ำภิเปรย
ครั้นยามเอ่ยเย็นฉ่ำเลิศย้ำทรวง
 หากมาดแม้นชายหญิงต่างอิงไว้
เหมือนดั่งได้แก้วงามยามจรดสรวง
สร้างสิ่งสุขเคียงไว้ในทั้งปวง
ปราศจากห้วงทุกข์เข็ญลำเค็ญเลย
 ถ้าปล่อยไว้ให้เป็นเช่นธรรมชาติ
ก็จะปราศความหวานอันเปิดเผย
เปรียบดังโคลนโดนน้ำแล้วย่ำเชย
หวานที่เคยแรกรักจะหักพลัน
 จงใคร่ครวญก่อนให้ในความรัก
ควรประจักษ์เวลามาสร้างสรร
หมั่นตรวจสอบสิ่งรักจักรู้ทัน
คอยรอวันหวานฉ่ำไร้ระกำใจ
 ดุจนกน้อยลอยล่องท้องฟากฟ้า
เพื่อจะหาอิสระภาพตราบสดใส
ครั้นผ่านคู่กาลเล่าเฝ้าเปลี่ยนไป
หวังจะได้ท่องเที่ยวเหนี่ยวใจปอง
 หากมาดแม้นเปลี่ยวเอกาหาคู่คิด
หมั่นตรวจจิตและกายในทั้งสอง
อย่าลืมตัวโดดเด่นเน้นหมายครอง
ควรตรึกตรองผ่านใจให้หลายปี
 หวานสิ่งรักเปรียบได้คล้ายน้ำค้าง
แวววาววางสีสรรอันหลากสี
ย่อมงดงามชวนชื่นระรื่นชีวี
ย่อมเป็นที่หมายปองจ้องจับตา
  วันเวลาย่อมเปลี่ยนได้ในทุกสิ่ง
ควรระวิงสุกงอมย่อมปราถนา
เหมือนรวงข้าวยังคอยสิ่งย้อยมา
เหลืองนำพาเก็บเกี่ยวเหนี่ยวใจชน
 แม้นจะมอบความรักประจักษ

หยกในหิน

อินทนนท์(คนเชียงใหม่)


หยกในหิน
มีก้อนหยกถือกำเนิดเกิดในหิน
เป็นก้อนดินสิ้นคุณค่าราคาของ
ไม่มีใครเอาใจใส่อยากได้ครอง
เพียงแค่มองของต่ำค่าราคาดิน
เมื่อทุบหินจึงจะเห็นเป็นก้อนหยก
เพราะดินรกปรกคุณค่าราคาหิน
พอหินแตกก็แยกหยกตกลงดิน
จึงเห็นหินกินก้อนหยกที่ตกตาม
ถึงแม้นเห็นว่าเป็นหยกตกตรงหน้า
แต่คุณค่าหาใช่เป็นเช่นคำถาม
หยกที่เปรอะเลอะด้วยดินสิ้นความงาม
ต้องใช้น้ำชำระล้างอีกทางทำ
เปรียบเช่นคน..ตนไหน…ดูคล้ายหิน
คล้ายก้อนดินสิ้นคุณค่าดูน่าขำ
โดนดูถูกว่ารูปชั่วเนื้อตัวดำ
ไม่อาจนำล้ำหน้ากว่าผู้ใด
เมื่อรู้ตนชนชาติปามาตรต่ำ
แต่เฝ้าทำตามจิตนิมิตรหมาย
พัฒนาตัวตนฝึกฝนไป
จึงเปรียบคล้ายสลายหินที่กินตน
ฝึกแค่ตนใช่หลุดหล่นพ้นไปหมด
จะหมดจดต้องฝึกจิตสัมฤทธิ์ผล
มีธรรมะคอยขัดถูคู่ใจตน
สิ้นกังวลว่าตนต่ำอย่างคำใคร
หินก็คล้ายอย่างกายนอกที่บอกเล่า
หยกคือใจข้างในกล่าวว่าเท่าไหน
หากกายนอกเป็นหยกทำตรงข้ามใจ
แต่ข้างในกลายเป็นหินก็สิ้นดี
จึงฝากกลอนก้อนหินที่กินหยก
เพื่อหยิบยกหยกคือใจในวิถี
หินอยู่นอกหยกอยู่ในไร้ราคี
คนจะดีหยกจะเด่นก็เช่นกัน
อินทนนท์
6 กุมภาพันธ์ 2555

หลักการใช้ชีวิตสิบแปดข้อ ของดาไล ลามะ

เชษฐภัทร วิสัยจร


สิบแปดหลักน้อมนำจำให้ได้
ตรองด้วยใจแล้วลองทำทุกคำสอน
เตือนสติด้วยรักทุกวรรคตอน
เปรียบดังพรจากสวรรค์ท่านบอกมา

หนึ่งเลยหากอยากมีรักที่ยิ่งใหญ่
จงหมั่นสร้างแรงใจให้ยิ่งกว่า
พร้อมจะเสี่ยงกับสุข-ทุกข์ทุกเวลา พิสูจน์ค่าให้เนื้อคู่อยู่เคียงกัน และถ้าอยากทำอะไรให้สำเร็จ อย่าได้เข็ดกับที่พลาด-อย่าหวาดหวั่น ใจต้องกล้าเสี่ยงสู้อยู่ทุกวัน แล้วเปลี่ยนความกดดันสร้างสรรค์เป็น เมื่อเสียใจเพราะชีวิตเธอผิดพลั้ง คล้ายหมดหวังสิ้นหนทางอย่างที่เห็น เสียขวัญแล้วเสียไป-ลองใจเย็น อย่าให้เสียทุกประเด็นเป็นบทเรียน เคารพตนเองได้ย่อมให้ผล เคารพคนอื่นได้ไม่แปรเปลี่ยน ฝึกแบกความลำบากอย่างพากเพียร ที่ผิดเพี้ยนพลาดท่าต้องกล้ารับ เมื่อไม่ได้สิ่งใดที่อยากได้ อาจไม่ใช่โชคชะตาพาตกอับ แต่เพราะบุญรอจังหวะเข้าประทับ พอกลายกลับเป็นโชคลาภ-แทบกราบเท้า ห้าให้เรียนรู้กฏหมดทุกข้อ เพื่อจะขอแหกกฏบทเก่าเก่า ให้เหมาะกาลเทศะภาวะเรา ไม่ใช่เอาแต่กฎมากดคน อย่ายกเรื่องเคืองโกรธแค่เล็กน้อย มาเที่ยวคอยบั่นทอนใจให้ปี้ป่น มิตรภาพมันยิ่งใหญ่-ทนได้ทน พูดแล้วผลไม่เข้าท่าก็อย่าทำ เมื่อรู้ตัวว่าผิดคิดแล้วพลาด อย่าขี้ขลาดหลงตามความตกต่ำ ค้นเหตุผลแล้วบอกใจให้หลาบจำ แล้วคอยย้ำให้ลองใหม่ตั้งใจดู ลองโดดเดียวให้เป็นให้เห็นจิต แล้วฝึกคิดตามครรลองไม่ต้องหรู ไตร่ตรองความกราดเกรี้ยวอันเกรียวกรู ฝึกรับรู้ลมหายใจไว้ทุกวัน ความเปลี่ยนแปลงเกิดให้เห็นเป็นของแน่ ขอเ

เธออยู่ไหน

แย้ม ไกลวันเกิน


เธออยู่ไหน, ใครคนนั้น, ฉันอยู่นี่,..
เป็นวลีที่รำพันกันลับหลัง
เนิ่นนานปีไม่มีใครเคยได้ฟัง
เพียงลำพังรับรู้กันกับจันทรา
ฝากบอกใครคนนั้นนะจันทร์ไสว
เธออยู่ไหนใช่ถามเพื่อตามหา
ฉันอยู่นี่ก็ใช่อยากให้มา
คล้ายเป็นคำอำลาด้วยอาวรณ์
คงจะไม่มีวันพบกันแล้ว
ขอบคุณแววห่วงใยในวันก่อน
เธออยู่ไหนไม่สำคัญนิรันดร
เพราะทับซ้อนฉันอยู่นี่อยู่ที่เดิม

ยังคู่กัน

ยิปซี4


เดินทาง..รอนแรม..แสนกว้างใหญ่
ก้าวท่องไป..เรร่อน..ด้วยใจหมาย
ไขว่คว้า..แลมองหา..คนข้างกาย
ที่เดียวดาย หมองหม่น ทรมาน
นานวันไป..เธอคนดี..ยังสู้อยู่
แต่ไม่รู้..ว่าจะกลับ..เหมือนเดิมไหม
จนวันนี้ เธอก้าวย่าง   อย่้างตั้งใจ
สู้แค่ไหน ก็จะสู้..เธออดทน
ทุกอย่างดำเนินไปตามกาลเวลา  เราทุกคนยังคงเหมือนเดืม ใช้ชีวิตอย่างที่ควรจะเป็น กำลังใจยังคงส่งถึงกัน บางคืนวัน เราก็ยังได้เคียงกัน