เมื่อใบไม้ปลิดปลิวละลิ่วหล่นให้เกลื่อนก่นลงดินดังสิ้นค่า เพียงลมโบกโกรกหวิวพัดพลิ้วมา ก็ลับตาหายวับกับสายลม เปรียบดังเช่นสัจจธรรมค้ำุจุนอยู่ เพื่อเรียนรู้ความชื่นความขื่นขม โลกมีเกิดมีดับสลับปม มีรื่นรมย์...สุข,เศร้า...เคล้าคละกัน เคยถูกแดดลูบโลมชะโลมต้อง อีกละอองฝนสาดจนหวาดขวัญ ขาดน้ำใจพอเพียงเลี้ยงชีวัน ใบไม้พลันซวนซบลงกลบดิน แล้วใบไม้ใบสุดท้ายก็กรายจาก เหลือเพียงรากหยั่งใจให้ถวิล เพียงต้นกล้าต้นใหม่ได้ยลยิน มิรู้สิ้นบรรจบทวนทบรอย
อันเกิดแก่เจ็บตายได้เวียนหมุน ได้ผลบุญผ่อนเบาช่วยเราได้ คนเจ็บไข้พัดพรากจากเราไป อายุไขหมดกรรมที่ทำมามนุษย์โลกทุกคนต้องประสบ ถึงจุดจบต่างไปไม่ห่วงหา ทรัพย์สมบัติมากมายไม่มีค่า จบชีวาต่างไปได้แค่ตัวอย่ามัวเมายศถาบรรดาศักดิ์ อย่าจมปลักทรัพย์สินดินล้นหัว บ้างแกร่งแย่งชิงดีตามืดมัว ไม่เกรงกลัวบาปกรรมทำกันไปโหมงานหนักไม่พักเพื่อเงินตรา ต่างไฝ่หาทรัพย์สินลุ่มหลงไหล โรครุมเร้าลืมตัวไม่ใส่ใจ คนห่วงใยไม่สนจนตัวตายคนที่อยู่ขอให้ได้ย้อนคิด ถึงชีวิตผ่านมาน่าใจหาย ทำความชั่วติดตัวไว้มากมาย ก่อนจะสายกลับใจเป็นคนดีลดละเลิกเถิดหนาอบายมุข หาความสุขทางใจไม่หมองศรี หมั่นทำบุญบริจาคคนไม่มี แสงริบหรี่เหลือน้อยค่อยดับลง
ปีใหม่อะไรใหม่เคยได้คิด ปีใหม่ให้ชีวิตเปลี่ยนไปหรือ ปีใหม่เพียงอายุผ่านเท่านั้นฤา ปีใหม่คือโลกใหม่หรือใบเดิม ใจของเราดวงเก่าก็เท่านี้ ใจไม่ดีหาดีมาเพิ่มเสริม ใจที่ดีรักษาดีหาดีเติม ใจริเริ่มทำแต่ดีปีใหม่งาม ต้องมองโลกให้ดีกว่านี้นะ ต้องมีจิตคารวะพระทั้งสาม ต้องรู้จักขวยเขินอย่าเกินงาม ต้องเกรงขามความชั่วอย่ามัวเมา นิ่งให้ดีมีปัญญาอย่าบุ่มบ่าม นิ่งให้งามพูดจาอย่าด่าเขา นิ่งเข้าไว้ปัญหาหนักจะได้เบา นิ่งเข้าสู่ปีใหม่ใจมั่นคง..
::: ตัวของตน ::: ๑. ฉันขอเป็นเช่นนี้ดีใจแล้ว ไม่เพริศแพร้วแววล้ำหยอดคำหวาน ไม่ปลิ้นปล้อนผกผันเป็นสันดาน ไม่ปั่นงานเอาหน้าเลียขานาย ๒. เลิกฝืนตนยิ้มให้ทั้งใจเกลียด เลิกเคร่งเครียดกับใครที่ใจง่าย เลิกนับถือคนเดิมเดิมเริ่มออกลาย เลิกนิยายโลกสวยด้วยความจริง ๓. แม้ที่ว่างของคนตรงคงหายาก จงตรำตรากอุปสรรคดักทุกสิ่ง กำลังใจชูช่อขอแอบอิง เมื่อแพ้ยิ่งก็จักเห็นทางเส้นชัย ๔. อุดมการณ์กินไม่ได้ใช่ปัญหา มันเยียวยาความเป็นคนสู้คนได้ เทียนเล่มหนึ่งอาจละลายสลายไป แต่เทียนใหม่วาววับจุดนับพัน ๕. ฉันขอเป็นเช่นนี้ดีใจแล้ว ไม่วาวแววแก้วระยับประดับสวรรค์ ถือความตรงคงความสัตย์ปัจจุบัน ปลุกโลกอัน "รู้ตื่น" กลับคืนมา ด้วยความหวังดี เกรียงไกร รอบรู้ (เช่นรวีโชติ ; ก.ประแสร์ ศิษยาพร) โครงการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ "อย่าโลกสวย"_By ... Gu Kong_8 ส.ค. 2556
ตัวสูงใหญ่ใช้เวลามาเป็นโขลง เดินเล็มโป่งหญ้างามตามแนวไพร อยู่หากินแนวป่าคนทำไร่ ช้างหลงไปเก็บกินพืชพันธุ์ไม้ที่คนทำถางไร่ปลูกพืชพันธุ์ ทั้งสับปะรดอ้อยมันกล้วยเคลือใหญ่ ช้างเก็บกินอิ่มหนำเดินจากไป เข้าพงไพรในป่าพนาสันต์ช้างไม่เพิ่มจำนวนจวนลดลง ก็เพราะคงตายไปใช่อาถรรพ์ คนหวังงาไปขายต้องล้มมัน ตัดเอางาช้างพลันต้องสิ้นใจมีข่าวฆ่าแม่ช้างหวังเอาลูก ซุ่มยิงถูกกลางหัวแม่ช้างใหญ่ ค่อยๆซุดร้องสั่งก่อนล้มไป ให้หนีไกลคนชั่วก่อนตัวตายลูกช้างเห็นแม่ล้มเดินซมซาน พวกคนพาลใจชั่วยังมิวาย ตัดเอางาจับลูกช้างเดินรากหาย เอาไปขายนายทุนได้ราคา
ไม่มีใครอีกแล้ว.. ในโลกนี้
จะหวังดีต่อเธอเสมอมั่น
คอยฟูกฟักรักสุดๆ ดุจชีวัน
แต่เธอนั้นหันมามองบ้างไหมเล่า ?
ไม่มีใครอีกแล้ว.. ในโลกนี้
ทุกนาทีคอยห่วงหากว่าตัวเขา ยอมลำบากตรากตรำตัวดำเงา หาเงินตรามาแลกข้าวให้เธอกิน.. ไม่มีใครอีกแล้ว.. ในโลกนี้ จะชื่นชมยินดีปรีดาถวิล แม้เธอเหลิงเริงร่าเป็นอาจิณ ก็ทำใจไม่ได้ยิน ไม่เห็นมัน ไม่มีใครอีกแล้ว.. ในโลกนี้ หวังอยากให้เธอได้ดีมีงานมั่น ทั้งโน้ตบุ๊ค มือถือซื้อประทาน ขอแค่ผ่านการศึกษา.. ปริญญาชน !!
อารมณ์ดี...มีรอยยิ้ม พริ้มบนหน้า ส่งแววตา หน้าสดใส ให้สุขสันต์ อารมณ์ร้าย...คล้ายโกรธใคร ได้ทั้งวัน ไม่สรวลเส เฮสันต์ กันกับใคร อารมณ์เลว...เหมือนเปลวไฟ ไหม้ทุกอย่าง ใครกีดทาง มาขวางกั้น มันเผาไหม้ อารมณ์คน...มันก็เคลื่อน เหมือนเลื่อนไป เร็วทันใจ ไม่ทันเปลี่ยน เวียนหมุนพลัน อารมณ์ร้อน...ก่อนจะเย็น เหมือนเป็นบ้า ใครพูดมา หาเสียงใด ไม่ขบขัน อารมณ์เย็น...เป็นเช่นนี้ ดีทั้งวัน มีแต่เรื่อง เฟื่องขำขัน พลันเฮฮา อารมณ์คุณ...คุ้นว่าเป็น เช่นแบบไหน ดีหรือร้าย คล้ายเลวร้อน ค่อนหนักหนา อารมณ์ไหน...ใคร่ควรรู้ คู่ปัญญา และรู้ว่า อารมณ์ไหน ควรใคร่เป็น
บัณฑิตเอ๋ย ! ท่านหาเคยประสบพบคชสาร เพียงตาบอดคลำเจอเพ้ออนุมาน เปรียบสังขารแห่งคชพจนา เมธีเอ๋ย ! ท่านเปิดเผยอรรถธรรมล้ำภาษา แต่ธรรมนั้นมิอาจพจน์รจนา จนปัญญาสาธยายร่ายจำนรรจ์ ปวงปราชญ์เอ๋ย ! ท่านอ้างเอ่ยใบไม้ในไพรสัณฑ์ แต่เพียงหนึ่งใช่พฤกษาทั้งอารัญ ซึ่งอนันต์ยิ่งนักสุดจักควณ กวีเอ๋ย ! ท่านเปรียบเปรยสัจธรรมนำสงวน หมายชี้จันทร์แสงจรัสพิพัฒน์นวล แต่จันทร์ล้วนพบได้เพียงใจตน สาวกเอ๋ย ! ท่านแพร่เผยหลักธรรมนำมรรคผล แต่ธรรมแท้อจินไตยไร้ตัวตน จึงร้างคนอนุศาสน์ปราศผู้ฟัง ปุถุชนเอ๋ย ! ท่านละเลยดวงจิตคิดคาดหวัง แสวงสุขนอกกายหมายจีรัง จึงบดบังธรรมกายหลงว่ายวน สรรพสัตว์เอ๋ย ! ท่านเพิกเฉยตถตาพาสับสน จึงขลาดเขลาเปล่าปัญญาพร่ากมล จมวังวนแห่งวัฏฏะอัประมาณ...
ดู VDO clip เรื่อง the power of words ใน youtube แล้วเกิดแรงบันดาลใจ จะลองไปดู clip ก่อนอ่านกลอน ก็ได้นะครับ น่าจะได้อรรถรสดีกว่า ตาม link นี้ไปเลยครับ http://www.youtube.com/watch?v=Hzgzim5m7oU ลุงตาบอดนั่งขอทานมานานช้า เขียนป้ายว่า "ตาบอดใสมองไม่เห็น ช่วยสงสารให้ทานให้คลายลำเค็ญ แล้วจะเป็นบุญส่งท่าน สวรรค์รอ" สาวนักเขียนเดินผ่านขอทานเฒ่า เห็นจับเจ่านั่งเงียบกระจ๋อหงอ เงินจะซื้อข้าวประทังยังไม่พอ เห็นแล้วก็สงสารขอทานครัน หยิบป้ายย้ายปากกามาเขียนป้าย แล้วก็ย้ายมาตั้งหน้าขอทานนั่น ลุงสงสัยว่าเสียงอะไรกัน สาวบอกฉันเขียนป้ายใหม่ให้กับลุง ไม่นานเกินคนเดินมาผ่านป้าย นิ่งไม่ได้หยอดตังค์ดังกรุ๋งกรุ๋ง หยอดไม่หยุดเสียงดังนัวนังนุง ลุงสะดุ้งแปลกใจในเหตุการณ์ ตอนเย็นสาวเลิกงานเดินผ่านหน้า แวะถามว่าเป็นไงบ้างอย่างเสียงหวาน ลุงขอบอกขอบใจ ให้นงคราญ แล้วก็วานให้บอกความตามป้ายมา สาวบอกคำที่เขียนให้ไม่ช้าเฉย ว่า " โลกนี้สวยจังเลย ทรงคุณค่า เสียดายแต่แค่ฉันนี้ไม่มีตา จะมองหามองเห็นว่าโลกงาม" เรื่องคำ ความ สอนใจให้ฉุกคิด คำเพียงนิด อำนาจกล้าน่าเกรงขาม จะสื่อสารอันใดไปก็ตาม อย่ามองข้ามพลังคำจำใส่ใจ
บทกวีเพื่อชีวิต 2002 ทับไม่ร้อง ท้องไม่รับ ศัพย์ตลก พูดวนวก ยกมา เฮฮาลั่น ทับแล้วร้อง น้องคราง อย่างเมามัน หายกระสันต์ วันท้อง ต้องทุกข์ตรม รักสนุก สุขเสนอ มีเกร่อหนอ ไปหาหมอ ขอยา คราขื่นขม ทำแล้วคิด ผิดนัก รักโสมม ถูกทับถม ก้มรับ กับผลพวง ไปทำแท้ง แหล่งที่ มีหมอเถื่อน เพื่อกลบเกลื่อน เบือนบิด ผิดหมดห่วง ฆ่าเลือดเนื้อ เชื้อไข ได้แสบทรวง ต้องลับล่วง ดวงวิญญาณ มารหัวคน ไม่กลัวบาป หยาบช้า มาทำแท้ง ข่าวแจกแจง แดงถี่ ตีแผ่ป่น ทารกดับ นับศพ พบแยบยล แม่ซุกซน สนใจ ใฝ่เสพกาม รักสนุก ทุกข์ถนัด กำจัดทิ้ง ทั้งชายหญิง วิ่งลัด ผลัดกันห้าม ทำเหลวไหล ใจดำ ต่ำช้าทราม ยังลุกลาม ตามนิยม สังคมไทย ศีลธรรมเสื่อม เหลื่อมล้ำ อำมหิต วิปริต จิตคน บนโลกใหญ่ ชั่วระยำ คนทำแท้ง แล้งน้ำใจ คนที่ไป ให้ทำ กรรมตามเธอ สองพันสอง ร้องแย่ แม่พี่กลุ้ม สิ่งกองสุม รุมทับ รับแก้เก้อ เอ็นจีโอ โธ่ วาย อายจริงเออ ใบ้แบเบลอ เซ่อกิน สิ้นท่าที นายตุ้ม คลองสามวา ชมรมนักกลอนบึงกุ่มวรรณศิลป์ ชมรมนักกวีเพื่อชีวิตคลองสามวามหากล
ขณะเรา ร้องไห้ ใครโอ๋อุ้ม ยามร้อนรุ่ม ใครจัด พัดวีให้ มีใครบ้าง สรรสร้าง อย่างห่วงใย ทุ่มเทใจ ฟูมฟัก ให้ตักนอน โอ้ละเห่ โอละหึก จนดึกดื่น รอวันคืน หวังไว้ ได้พักผ่อน เจ้าเติบใหญ่ พอได้ อาศัยนอน ก่อนต้องจร จากกัน วันสิ้นใจ ถึงวันนั้น คงเข้าใจ ในหน้าที่ เป็นแม่นี้ ลำบาก ยากแค่ไหน เว้นแต่เจ้า ใจดำ จึงทำไป ผิดวิสัย แม่ลูก ไม่ถูกเลย
ให้รักรักจะตอบความชอบให้ หากผลักไสรักจะเมินแล้วเดินหนี จะร้อยพันวาจาที่ว่าดี มิอาจมีคุณค่าเท่าท่าทาง คนพูดจาโผงผางใช่ร้างรัก ต่างประจักษ์มีหวานใจไว้แนบข้าง ถึงปากร้ายอ้อมใจมีให้นาง รักไม่จางเคียงคู่อยู่ถมไป ค่าของรักอยู่ที่ใจใช่คำพูด นี่คือสูตรแบ่งห่างต่างจากใคร่ กิริยาท่าทางก็ห่างไกล ใช่มิใช่ตรองดูจะรู้ดี ให้ความรักต่อกันนั้นดีแน่ เป็นทางแก้ความวุ่นวายในวิถี เปลี่ยนเรื่องร้ายหลากหลายให้กลายดี จึงควรมีรักไว้มอบให้กัน
จำได้ไหม ? ..ทำร้ายใจ ใครกี่ครั้ง จำได้ไหม ?.. เผลอพลั้งไป กับใครกี่หน จำได้ไหม ?..เคยขอโอกาส กับใครหนึ่งคน จำได้ไหม ?..สักกี่หน คนนั้นอภัย จะร่วมเรียง เคียงข้าง ทุกย่างก้าว เจ็บปวดร้าว ทุกข์ทน แห่งหนไหน จะเคียงคู่ สู้ฝ่าฟัน ไม่หวั่นสิ่งใด จะไม่ไหว โอนเอน เช่นผ่านมา จะสัตย์ซื่่อ ถือมั่น ตั้งคำสัตย์ จะคุ้มครอง ป้องปัด พิทักษา จะถนอมน้ำใจ ให้สัญญา ตราบชั่วสิ้น..ดินฟ้า.. จำ.ได้ไหม?
คือเรื่องจริงขิงก็รา ข่ายังแรง ต่างตะแบงแย่งยื้อถือตนเหนือ พริกแกงที่กลมกล่อมพร้อมจะเชื่อ รสคงเบื่อ เมื่อขิงข่ากล้าหักหาญ รสขิงแรง ..แข่งกะข่า ข้าต่างแน่ ไม่ยอมแพ้ปล่อยวางรสต่างต้าน แย่งกันแรงแข่งขันกันจนบาน แย้งขนาน ไม่คลุกเคล้าเข้าเนื้อใน หากขิงข่า..สามัคคี ไม่มีแฝง พร้องสำแดง รสชาติไม่ขาดไข คงถูกปาก ถูกลิ้นคนกินได้ รสชาติจริง ยังนิ่งใน..ได้รสแกง ขิงเจ้าข้า ! ข่าเจ้าเอ๋ย เคยเคียงข้าง แกงหลายอย่าง ไม่ห่างกันร่วมปันแบ่ง หากขิงข่าไม่แตกกันตะบันตะแบง คงเป็นแกงอร่อยเลิศประเสริฐศรี.. แกงเขียวหวาน แกงเผ็ดผัด รสจัดจ้าน มีขิงข่า มาเสริมสานผ่านวิถี หากสองฝ่ายไร้คุณค่าสามัคคี แกงรสดี จะมีได้ อย่างไรกัน !! คือเรื่องจริง.. อาจไม่จริงที่นิ่งอยู่ ต่างรวมหมู่ กู่ความชอบก่อม็อบปั่น ขิงไม่ราข่ายังแรงตะแบงตะบัน โศกนิรันดร์ มันยังรอ ..นะพ่อเอย.. ! ขิงกะข่า ข้ากะเอ็ง ..บรรเลงรุก ประเทศทุกข์ สนุกกันมันส์จริงเหวย เอาชนะคะคานกันอย่างเคย บทลงเอย..สุดสังเวช ประเทศไทย ! ๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐ พธม.ประกาศร่วมม็อบเสธ.อ้าย พธม.ใต้ ประกาศร่วมม็อบเสธ.อ้าย ขณะที่ 'นพดล' ชี้ ตั้งเป้าล้มรัฐ-แช่แข็งปท. แค่คิดก็ผิดแล้ว ด้านเลขา สมช.หยันม็อบ ไม่ถึง 5 หมื่น ส่วน 'มท.2' หวั่นมือที่สามป่วน 'ตท.10' ปูดทหารรอบกทม.ทั้งแปดริ้ว-ชลบุรี-กาญจน์ ส่งเป็นการ์ดม็อบ 'เสธ.อ้าย' ด้าน'นายพลคอสเมติก' เกณฑ์ทหารผ่า
เชิญมาฟังปรัชญาแฝงแห่งวงเล่า ว่าด้วยเรื่องความเมา และความรัก ประสบการณ์ผ่านประสบ พบประจักษ์ หน่วงใจนักไม่พักเก็บ เจ็บไว้จำ ค่ำคืนคลื่นความจำคว่ำเรือใจ ใครนะใคร บอกรักเราทุกเช้าค่ำ เหมือนแสงวับแล้วกลับวาย กลายกลับคำ ปล่อยคนช้ำร่ำสุราน้ำตาริน .. เราร่ำดื่มให้ลืมค่ำที่ร่ำดื่ม เศร้าเพื่อลืม ดื่มให้คล้ายลืมได้สิ้น แต่ยังย้ำคำที่เอ่ยให้เคยชิน ยังได้ยินที่ตอกตำย้ำตัวตน เป็นคนเมาก็อยู่ส่วนที่ล้วนเมา เป็นคนเศร้าก็จงเศร้าอย่าสับสน หากข้ามเส้นจะผิดหวังในวังวน อย่าหวังพ้นจากพ่ายแพ้แม้เมามาย คนไหนเมา.. เขาคนไหน.. ใครคนเมา.. ดื่มความเศร้าเคล้าสุราคว้าความหมาย คงความจำย้ำเย้ยหยันอันตราย เจ็บเจียนตายแต่คล้ายเหมือนจะเตือนตน ว่าถ้าอยากลืมรักสิ้นอย่ารินเหล้า เมื่อใดเมา อาจลืมรักได้สักหน แต่เมื่อตื่นลืมตามาพบตน คงไม่พ้น เห็นคนเศร้าเข้าเต็มตา เมื่ออยากจำกลับลืมไปไม่อาจจำ แต่เรื่องช้ำเหมือนย้ำใจไปชาติหน้า ยิ่งอยากลืมเธอเท่าไหร่ในอุรา ยิ่งชัดว่า ..หัวใจมันไม่ลืม
กว่าลูกจะโตเป็นคน ลำบากลำบน ต้องว่ายแข่งขันกันมา จากเชื้ออสุจิบิดา แหวกว่ายฟันฝ่า ล้านกว่าล้มหายตายไป เหลือเพียงหนึ่งเดียวนี้ไซร้ วิ่งรอดปลอดภัย ผสมรังไข่มารดา เจ้าเปรียบเป็นเช่นคนกล้า จึงได้เกิดมา แม่ต้องปกป้องคุ้มภัย ลูกคือสายเลือดสายใจ ลำบากเพียงใด จะเลี้ยงให้จนได้ดี เหนื่อยยากทุกข์เข็ญทวี แม่พร้อมยอมพลี เสียสละละสุขทั้งปวง ลูกเป็นเหมือนดาวล้านดวง ลูกเป็นเหมือนห่วง โซ่ทองคล้องใจมารดา เจ้าเป็นดุจเพชรล้ำค่า บริสุทธิ์เกิดมา แม่ต้องรักษาให้ดี ต่อเมื่อลูกโตเต็มที่ ขอเป็นคนดี ให้แม่คนนี้ชื่นชม สิ่งใดที่แม่เพาะบ่ม เพียรเฝ้าอบรม ลูกรักจักควรทำตาม ชีวิตลูกจะงดงาม ทุกโมงทุกยาม ขยันและหมั่นอดทน นึกถึงวันเกิดเป็นคน ลำบากลำบน กว่าลูกจะได้โตมา แม่หวังเพียงวัยชรา หมดห่วงลูกยา เวลาล่วงลับดับไป จงหมั่นทำดีเข้าไว้ ให้แม่ภูมิใจ ก่อนตายตาหลับลูกเอย แก้วประภัสสร 10/08/2553 ขอบคุณภาพจากกูเกิ้ลค่ะ