รัก รัก รัก คำนี้ที่พูดมาเพียงวาจาหว่านล้อมระรื่นหู พี่รักน้องจริงไหมไตร่ตรองดู คำรักชูแต่มิเคยจะแสดง คำว่ารักมิใช่เพียงแค่ลมปาก พูดผ่านซากร่างกายน้องย่อมแสลง ใจไม่เต้นเพราะชาชินการสำแดง ใยพี่แกล้งให้น้องเจ็บเพราะวาจา การนิ่งเฉยนี่หรือคือความรัก การหน้าหักหน้างอตอนมาหา อยู่ต่อหน้ามิเคยพูดเอ่ยวาจา แม้นสายตามิเคยมองจะดูแล มือเคยจับก็ผลัดทิ้งไสเสือกส่ง แก้มอนงค์ที่เคยหอมมิแยแส มิเคยพาไปโรงหมอยามอ่อนแอ ไม่แม้แต่จะกล้าพูดนี่แฟนเรา ควรแล้วเหรอการกระทำและคำพูด ใช่หรือสูตรความรักอันแสนเขลา คำว่ารักมิใช่ใส่ใจเอา ฉะนั้นเราจะรักกันไปทำไม
อาณาเขตโรงงานโอฬารล้ำ ถนนทำเลียบตึกลึกสุดแสน ด้านหนึ่งเป็นกระจกป้องปกแทน ล้วนหนาแน่นลำบากยากกล้ำกราย ทางคดเคี้ยวยิ่งนักสุดจักหยั่ง มีผนังหลังคามาสุดสาย หน้าประตูสู่ตึกลึกเบื้องปลาย คือจุดหมายปลายทางต่างรุดไป ถึงประตูเข้าตึกผนึกแน่น กระจกแผ่นบานหนึ่งซึ่งสวยใส คนภายนอกห้ามผ่านทำการใด คนภายในรู้รหัสสลัดกลอน บานประตูจะเปิดเกิดเพียงครู่ เพียงพอผู้หนึ่งผ่านดาลไถ่ถอน วันหนึ่งนกหลงทางหว่างสัญจร มันบินร่อนพลัดมาฝ่าเผชิญ นกคู่สองลืมตัวมัวพร่ำพรอด หมายหลุดรอดทางกระจกระหกระเหิน พบประตูทางเข้าที่เขาเดิน มันบินเพลินชนกระจกตกมาตาย คู่รักมันตามมาหาจนพบ เห็นซากศพนอนนิ่งยิ่งใจหาย พลันร้องเรียกฉุดดึงตัวพึ่งตาย แต่ร่างกายแน่นิ่งยิ่งร้อนรน คนผ่านมาพอดีที่เกิดเหตุ สุดสังเวชเหตุการณ์พานฉงน กระจกใสลวงตาพานกชน ส่วนอีกตนบินหายกับสายตา เปรียบโลกนี้มีชีวิตให้คิดนัก ชนจมปลักภาพลวงล่วงสังขาร์ ล้วนวุ่นวายหลายหลากมากมายา จนชีวาล่วงลับอัประมาณ เห็นกงจักรเป็นบัวมัวคว้าไขว่ แต่สิ่งใดได้ไปในสงสาร ตกบ่วงบุญบ่วงบาปตราบเท่านาน ยากก้าวผ่านเวรกรรมที่ทำมา พระสุคตศรีมุนีพลีชีวิต ทรงอุทิศเทิดธรรมย่ำตัณหา แหวกข้ามพ้นสงสารด่านกามา ด้วยปัญญารู้แจ้งสำแดงองค์ เผยนิพพานพ้นทุกข์คือสุขเลิศ หยุดการเกิดการตายมากมายหลง สุขอื่นใดไม่เที่ยงเพียงปลดปลง อย่างายงงไตรภพเป็นศพนอง. ..
สุขบ้างทุกข์บ้างช่างมันเถิด มองสิ่งที่เกิดเป็นธรรมดา มีร้อนมีหนาวมีเหนื่อยล้า มีพบมีลามาทุกคน สบายบ้างลำบากบ้างช่างมันเถิด อย่าเผลอเตลิดจนสับสน คนอื่นกินเกลือว่าเหลือทน เขายังไม่บ่นเลยสักคำ รักบ้างชังบ้างช่างมันเถิด แตกดับกำเหนิดมองขำขำ ยังมีหลายสิ่งที่ควรทำ ใช่นั่งระำกำเพราะเลิกลา ขยันบ้างคร้านบ้างช่างมันเถิด ทุกอย่างที่เกิดเพราะอ่อนล้า ยิ่งฝืนไม่พักยิ่งหนักอุีรา ลองหลับสักคราตื่นมาจะดี กล่าวมาใช่บอกให้ปล่อยวาง เป็นเพียงตัวอย่างระหว่างวิถี จะทุกข์จะโศกบนโลกนี้ กี่สมัยกี่ปีก็มีมา เป็นเหมือนคู่ปรับสลับเปลี่ยน คอยจะวนเวียนเข้ามาหา เริ่มเด็กหนุ่มสาวคราวชรา จนกว่าชีพลาและร้างไป สุขบ้างทุกข์บ้างช่างมันเถิด ทุกสิ่งมันเกิดก็ดับได้ พระพุทธองค์ทรงตรัสไว้ เห็นทุกข์เมื่อใดจะเห็นธรรม แก้วประภัสสร // 04/01/2556 ศุกร์(สุขเพราะธรรม)
จะเป็นไรไปเล่า..เฝ้าเขียนอ่าน อุดมการณ์ต่างกันฤากั้นขวาง ต่างรับรู้ความเหมือนไม่เลือนลาง เพื่อนร่วมทางอย่าท้อสู้ต่อไป เท่าที่เคยรับฟังไม่รังเกียจ อย่าเคร่งเครียดเสียขวัญจนหวั่นไหว จะเปลี่ยนแปลงตรรกะเพื่ออะไร ความหมองไหม้ของตนแลกคนดู? เป็นตัวของตัวเองคงเจ๋งกว่า ถูกตราหน้าว่ากบฏน่าอดสู หลอกตัวเองทำไมใครเชิดชู แม้ศัตรูยังเยาะเกาะรั้วแซว สุจริตทุกครั้งตั้งใจมั่น มุ่งบากบั่นกรุยทางและวางแถว สะท้อนงานการเมืองกระเตื้องแนว หายใจแผ่วทิ้งไป..ทำไมมี!!! ..
หยาดน้ำค้าง รุ่งทิวาฟ้าสางสร้างสิ่งเหงา หยาดน้ำเฝ้าแระเล็มเต็มใบหญ้า แสงสีสรรกระจ่างสว่างนัยน์ตา เหมือนบอกว่าใกล้แล้วแนวหนทาง มองตะวันกลมแดงแฝงใสสว่าง งามกระจ่างแต่ใจใยหม่นหมาง อกเอ๋ยอกประดุจหยุดต้องวาง สิ่งที่สร้างใกล้แล้วแผ่วหัวใจ โอ้หยาดน้ำค้างล่วงลับกับใบไม้ แสงสีไล้แวววาวพราวสดใส หลากความงามต้องหายให้หวั่นไป หวานสดใสเคยกระจ่างสว่างอารมณ์ น้ำเจ้าเอยเหมือนใจในห้วงอก หวั่นวิตกมากมายใยมาประสม ทั้งนอกในไหวหวั่นพรั่นภิรมย์ กลับตรอมตรมเสียแล้วแผ่วดวงจินต์ แสงแดดเริ่มร้อนรุ่มเหมือนสุมข้า บอกเวลาใกล้แล้วแนวทั้งสิ้น ฝากแต่ใจมอบไว้ในทางดิน ดุจดั่งกวินเวียนวนปะปนครอง ยืนซึมเศร้าเฝ้าปลงตรงร่างน้อย ที่จะลอยละล่องท้องฟ้าสนอง แสงสว่างเรืองรองหมองสิ่งปอง ดุจละอองหยาดน้ำเลิศล้ำกราย อันชีวิตของคนปนเปนัก วุ่นวายจักยึดมั่นนั้นก็สาย ผ่านกาลห้วงล่วงย้ำเหมือนน้ำพราย ต้องละลายยามอาทิตย์ทรวงจิตใน หยาดน้ำค้างแสนสวยช่วยสร้างโลก ให้บริโภคความสุขปลุกสิ่งใส แต่ใยข้าละเหี่ยเพลียหัวใจ ต้องลอยไปไกลเพื่อนหยาดเปื้อนตรม. แก้วประเสริฐ.
ออฟเอ๋ย ออฟฟิศ มีความคิดมีความอ่านมีปัญหา มีวิพากษ์มีวิจารณ์มีปัญญา มีอิจฉามีเรื่องมีเคืองกัน มีวางเฉยมีมองจ้องจับผิด มีประดิษฐ์มีประจบมีขบขัน มีรอยยิ้มมีน้ำตาสารพัน มีเธอฉันมีพวกมันมีพวกเรา มีนินทากาเลมีเสแสร้ง มีอ่อนแข็งมีตลกมีโศกเศร้า มีปกป้องมีพ้องพรรคมีหนักเบา มีใหม่เก่ามีลูกรักมีลูกชัง มีมากมายหลายหลากมีปากเสียง มีอคติมีลำเอียงมีหน้าหลัง มีคลาดเคลื่อนมีเบือนบิดมีปิดบัง มีคำสั่งมีคำสอนคำติชม มีโต๊ะใหญ่มีโต๊ะเล็กมีเซคชั่น มีฝ่าฟันมีฝ่าฝืนมีขื่นขม มีเก็บกดมีระบายมีระบม มีประเมินมีผลักล้มมีผลักดัน “ที่ทำงาน” ก็คือที่ฉันทำงาน ฉันไม่พาลจับผิดคิดเดียดฉัน เธอดีมาฉันดีไปไม่ว่ากัน เล็กน้อยนั้นจงอภัยอย่าใหญ่โต ถึงแตกต่างอย่าแตกแยกให้แตกร้าว ช่วยบอกกล่าวเจรจาอย่าโมโห เบื่อรบราพวกขุดคุ้ยข่มคุยโว ใครทำโง่ก็ตาม ฉันทำงาน
น้ำมาปลากินมด
น้ำลดมดกินปลา
น้ำฝนล้นไหลบ่า
น้ำตานองหน้าใคร
น้ำมาทำเขื่อนกั้น
น้ำตาบั่นใครกั้นไหว
ความทุกข์คนทั่วไป เขื่อนแบบใดกันกั้นอยู่
เมื่อชีวิตเป็นสุขมีทุกอย่าง มีรถขี่มีสตางค์ใช้เต็มที่ อยากจะเที่ยวประเทศไหนได้ทันที แต่ก็มีคนห้ามปรามทุกวัน อย่านะอย่ากินเหล้าเคล้านารี ยาเสพติดไม่ดีอย่าสังสรรค์ อยากเล่นม้าเล่นไพ่เอาให้มัน ต่างกีดกันไม่สมควรอย่าด่วนทำ พอวางวายบอกให้ไปสู่ที่ชอบ แล้วที่เคยวางกรอบห้ามเหยียบย่ำ อนุญาติตอนตายใจเจ็บช้ำ ที่อยากทำไม่ได้ทำช้ำใจจริง พี่ดอกแก้วเคยบอก"ตายแล้วไปไหน" แล้วแต่กรรมทำไว้ได้ทุกสิ่ง ทำกรรมชั่วไปเกิดเป็นหมาเป็นลิง หากกรรมดีปรี่ชิงเป็นเทวดา หากฉันตายขอไปเกิดเป็นทายก ละการชั่วกลัวนรกในชาติหน้า เกิดใกล้วัดได้สมบัติเป็นทายิกา บำเพ็ญเพียรภาวนาอยู่ด้วยกัน อิอิ
ฉันเป็นปุถุชน ยังคงว่ายเวียนวนวัฏฏ์สงสาร สุขทุกข์คลุกเคล้าเนานาน วันเดือนปีผ่านได้อดทน รักโลภโกรธหลงคงมีบ้าง จะหลบหลีกไกลห่างคงมิพ้น สมนามนิยามคำคน มนุษย์ปุถุชน...ธรรมดา คุณเป็นมนุษย์ปุถุชน ยิ่งดิ้นรนร้อนแรงแสวงหา มือยาวสาวได้สบายกว่า มือสั้นเสียท่า...จะคว้าใด หาเช้ากินค่ำหน้าคร่ำเครียด ยัด เยียด เบียด บุก รุกไล่ ผิดหวังสมหวังประดังไป กินกามเกียรติใคร...ไม่ต้องการ โลกนี้เป็นของปุถุชน โลกที่ร้อนรนพลุ่งพล่าน ตกอับยับเยินแล้ววิญญาณ เศร้าหมองดักดานปุถุชน เหมือนสัตว์ถูกยัดขังกรง แม้ประสงค์หลบหนีไม่มีผล เวรกรรมซ้ำรุกทุกข์ทน เขี้ยวเล็บติดตนทำร้ายกัน สัตว์โลกทั้งมวลล้วนกำเนิด เวียนว่ายตายเกิดน่าหวาดหวั่น วัฏจักรขับเคลื่อนเดือนปีวัน สัตว์โลกทั้งนั้นหลงยินดี เมื่อไม่เห็นภัยในวัฏฏะ ใครหรือจะตัดวัฏฏะหนี แมลงเม่าหลงไฟว่าไมตรี ปุถุชนเช่นนี้ ก็ดุจกัน....
ผู้หญิงทุกคนมีค่าและน่ารัก หากรู้จักตัวเองกันมันย่อมใช่ ความ "สวย" ย่อมเปิดทางจากข้างใน เริ่มจากใจ เธอทุกคนดลบันดาล ยิ่งเธองอนขึ้นมายิ่งน่ารัก แรกแรกทำไม่ทัก --เรียกไม่ขาน แล้วที่เก๊กปั้นหน้ามาตั้งนาน มียิ้มหวานหลุดออกมาไหนว่าเคือง เธอไม่ได้อ่อนแอแพ้ผู้ชาย แค่ร่างกายแตกต่างในบางเรื่อง หลายครั้งมีให้ดูอยู่เนืองเนือง หญิงปราดเปรืองเข้มแข็งแกร่งด้วยใจ ยิ่งผู้หญิงโรแมนติกอีกกี่ครั้ง ยิ่งพลังความเป็นหญิงยิ่งยิ่งใหญ่ ยิ่งงดงามหากสรรค์สร้างจากข้างใน ซึ่งโลกให้เป็นของขวัญกำนัลมา คือศิลปะที่งามล้ำจากธรรมชาติ พระเจ้าวาดให้สมดุลสร้างคุณค่า ให้ผมมีความสุขทุกเวลา เมื่อคุณยืนอยู่ตรงหน้าเวลานี้ ไม่ต้องหาเหตุผลขนมาเล่า ไม่ต้องเอาตรรกะมาถามจี้ ยิ่งเสื้อผ้าหน้าผม กลมกลืนดี จะกี่ปีใครก็สนคนก็มอง คือสไตล์จากข้างในใช้มาสู้ ความคิดหรูผลิตรับให้จับต้อง ยิ่งคิดดีรู้จักใจรู้ไตร่ตรอง มันยิ่งฟ้องว่าผู้หญิงยิ่งใหญ่เอย
พิรุณสายฉ่ำฟ้า คำราม ผาดผ่าเมฆาคราม กึกก้อง ธุลีร่อนกลิ่นลาม คุโชย หมาในผ้าห่มร้อง ระง่ำโอดครวญ เจ้าตัวเมียแม่ป้อน ลูกซุก แอบกัดแย่งดูดจุก เต้านม เมฆกระชั้นชากลุก คืบคลาน กระหน่ำซัดน้ำลม หลากนอง เต็มตัว ตรงแคร่ผุเก่าใกล้ ทางเดิน ข้างลังกล่องเก็บเงิน วางทิ้ง มันวิ่งซบหลบเนิน แนบแม่ ปากสั่นใจประวิง รอดตาย ยังตู
พ่อตื่นก่อนไก่ขันประชันเสียง ก่อนนกบินเรื่อยเรียงเป็นทิวแถว พ่อตื่นก่อนอาทิตย์เคลื่อนพ้นแนว พ้นทิวแถวต้นไม้ไล่มืดมน ฉันเดินตามรอยเท้าพ่อเมื่อตอนสาย เพื่อจะไปยังทุ่งมุ่งฝึกฝน ทำไร่นาตามประสาผู้ทุกข์ทน กรำแดดฝนเหนื่อยยากลำบากกาย พ่อจ๋า ..ลูกไส้กิ่วหิวข้าว เลือดไหลยาวเป็นทางเจ็บเหลือหลาย โดนหญ้าบาดปานจะขาดใจตาย กลัวเหลือหลาย งูเงี้ยวเขี้ยวขบเอา ลูกเอ๋ย..ในโลกนี้ไม่มีที่ไหนดอก พ่อจะบอกความสบายให้กับเจ้า ความรื่นรมย์สุดสวยสำหรับเรา มิได้เอาดอกไม้มาปูทาง แม้ว่ามันบีบคั้นหัวใจเจ้า หนามทิ่มเอาที่เท้าต้องถากถาง เลือดของเจ้าที่ไหลมาเป็นทาง เปรียบเป็นดั่งทับทิมบนหญ้างาม น้ำตาเจ้าที่ไหลลงใบไม้ เปรียบได้ดั่งหยาดเพชรน่าเกรงขาม เพื่อมนุษยชาติจงเด่นงาม อย่าละความกล้าหาญและอดทน เมื่อจะต้องเผชิญกับความทุกข์ จงสุขในอุดมอารณ์ที่ฝึกฝน จะไม่เสียทีที่เกิดมาเป็นคน ขอจงเดินดั้นด้นตาม..พ่อ..มา ......เด็กเมืองยศ....
เหตุไฉนอังคารจึงเป็นสีเลือด ดาวนี้เดือดอาเพทด้วยเหตุไหน หรือบอกให้มนุษย์รู้ความนัย ถึงมหันตภัยน้ำมือคุณ ได้เวลาธรรมชาติมาเอาคืน ไม่ว่าหลับหรือตื่นโลกหยุดหมุน หฤโหด ผลาญผล่า โหดทารุณ ล้วนเป็นผล นำหนุน ผนวกกัน ดาวอังคาร จึงแดงช้ำ เพราะกำสรวล เตือนบอกให้ ทบทวน ก่อนโศกศัลย์ เพื่อทุกคนในโลก รู้โดยพลัน ถึงคุณไม่ฆ่ากัน เตรียมตัวตาย ด้วยโลกช้ำ หนักหนา แสนสาหัส สารพัดโหมรุกให้โลกสลาย เห็นแก่ตัว จึงมุ่งมั่น บั่นทำลาย รู้หรือไม่คุณได้ทำลายตน ดาวอังคารร้องไห้เป็นสายเลือด อีกไม่นานโลกเดือด คงปี้ป่น ไร้พืชผัก อาหาร บันดาลดล อากาศพิษ ครอบบน ถิ่นโลกา เมื่อวันนั้นมาถึงโลกสีช้ำ อันเป็นผลกระทำใครเล่าหนา มองที่ตนมองรอบข้างทั่วพารา ล้วนสร้างสมความชั่วช้าให้โลกตน
เกลียดบางคำ... ที่ตอกย้ำทำให้รู้สึกนึกเจ็บ เกลียดบางคำ... ที่ทำให้เก็บความอดกลั้นมันไว้ไม่ได้ เกลียดบางคำ... แต่ไยต้องทำเป็นเหมือนเห็นแล้วไม่ใส่ใจ เกลียดบางคำ... แต่ก็ฟังไว้แก้ไขตัวเอง ทั้งที่เกลียด...ไม่อยากฟังอีกครั้งทั้งที่เจ็บ ทั้งที่เกลียด...แต่ต้องเก็บเจ็บใจคล้ายใครข่มเหง ทั้งที่เกลียด...แต่ยิ้มร่าเฮฮาครื้นเครง ทั้งที่เกลียด...ยังร้องเพลงกลบอารมณ์ข่มใจ พยาม...ไม่ใส่ใจจะได้ไม่เจ็บ พยาม...ที่เก็บอารมณ์ข่มมันเอาไว้ พยาม...ที่จะไม่ไปสนใจ พยาม...ได้ยินแล้วผ่านไป...ช่างมัน!!!
มีชายหนุ่มรูปหล่อขอทำงาน ผู้จัดการสัมภาษณ์ตามเงือนไข มีคะแนนสะสมมากเท่าใด หรือเคยได้ทุนศึกษาเด็กเรียนดี ชายหนุ่มนั่งยืดตรงสง่างาม ตอบคำถามมั่นใจสมศักดิ์ศรี คะแนนเต็มทุกวิชาบรรดามี ไม่เคยที่สอบตกจนอับอาย ทุนศึกษาไม่เคยขอใครเขา ตั้งแต่เยาว์มีแม่ให้จับจ่าย งานซักผ้าแม่ทำไม่เว้นวาย ชายหนุ่มเพียรบรรยายให้รับฟัง คุณเคยช่วยทำงานกับแม่ไหม ต้องตั้งใจเล่าเรียนตามแม่สั่ง ผู้จัดการจึงบอกด้วยเสียงดัง คืนนี้นั่งล้างมือแม่ก่อนเข้านอน ถึงเวลามานั่งตรงข้างแม่ ดึงมือแผ่ลูบไล้ใจไหวอ่อน แสนหยาบกร้านนั้นหรือมือมารดร จิตเร่าร้อนน้ำตาไหลใจรำพัน ขอบคุณท่านผู้จัดการแนะให้รู้ เหมือนเป็นผู้อกตัญญูมือไม้สั่น แม่ทนเหนื่อยให้ลูกสุขชีวัน ยอมกัดฟันทำงานหนักรักล้นทรวง จงรู้จักคุณค่าของผู้มีค่า คือมารดาของเจ้าเฝ้าห่วงหวง พระคุณแม่มากค่าสิ่งทั้งปวง จวบชีพล่วงทดแทนพระคุณไม่พอ
วิหค ยามกกไข่ มันระไว ไม่ยอมห่าง ปีกสอง ป้องอำพราง ไข่บอบบาง ต่างชีวันลูกรัก ฟักเป็นตัว ยิ่งพันพัว เหนื่อยหัวปั่น หาเหยื่อ เอื้อแบ่งปัน ให้ลูกนั้น อิ่มทันใจลูกโต ก็โผจาก ไปถางถาก รกรากใหม่ ทิ้งพ่อ แม่ทันใด ความห่วงใย ไม่เคยมีคนเรา เหล่าหญิงชาย เห็นมากมาย คล้ายปักษี ปล่อยปละ บุพการี มิไยดี หน้าที่ตนบ้างยัง ชังเกรี้ยวกราด หินชาติ ขาดเหตุผล จริต ผิดผู้คน เพราะกมล ขัดสนธรรม ถึงครา ฟ้าลงโทษ กลับถือโกรธ โอดครวญคร่ำ ไม่ตรอง มองเงื่อนงำ ว่าเวรกรรม ล้วนทำเอง