สองสีกาพี่น้อง กวาดวัด
สองร่วมศีลธรรมวัตร ค่ำเช้า
สองศรีสู่สมบัติ บุญยิ่ง
สองมุ่งตัดโศกเศร้า โค่นเค้าตัณหา
นางชีบอกไม่ต้อง ทำหรอก
หลวงพี่เป็นเวรบอก แม่โล้น
ภาชนะนี่ถูออก สิ่งชั่ว
ดังว่าเราตัดต้น สี่ห้าตัณหา
หอมรินรินกลิ่นแก้ว บุปผา
ปลูกอยู่เทพกาญจนา ฝั่งหน้า
สีกาดั่งกฤษณา งามกลิ่น
ตัดบ่ขาดหลงบ้า ห่วงเจ้ามิจฉา
ชมผกาช่อแก้ว สีขาว
เปรียบแม่ชีสวยสาว ห่มผ้า
กายขาวแต่ใจหนาว ฤาหน่าย ใดนา
ไยไม่ผัดผิวหน้า เปล่งไว้หวังสวรรค์
19สค56
ปางฏิโมกข์ที่นี้ ปางหมอ ปวงเอย
สงฆ์หมู่รวมกันหนอ ทั่วห้อง
ภัณเตแ่ก่หลังขอ มาร่วม งามนา
พระทั่วเชียงแสนต้อง พรั่งพร้อมวินัย
อุปัชฌาย์ท่านรู้ บุคคล
แตกต่างปัญญายล แต่เค้า
พระใดใคร่ฝึกตน ผุดผ่อง
อีกอื่นนักเลงเล้า พ่อเฝ้าเมตตา
จงมาบวชเพื่อให้ พุทธงาม
ลาภอย่าคิดโลภความ ตื่นเต้น
ศรัทธาท่านทานตาม มีอยู่
โยมไม่รวยพระเว้น หื่นห้าวเงินคำ
มันระกำไม่น้อย นังหมา
ลูกแม่ถูกลักพา เสี่ยงเสี้ยง
อาตมาว่าดูรา ยายแก่
เขาช่วยเอาไปเลี้ยง ไม่ต้องอดตาย
มหาเพลินหนุ่มนี้ เปรียญหก
สึกช่วยธุระรก ใหญ่น้อย
เสียงดีแห่งโฆษก พูดเก่ง ธรรมนา
แปลแต่บาลีถ้อย กว่าร้อยคำฉันท์
บอกตาเจิมว่าให้ พุทโธ
เป็นห่วงแกพาโล บ่นร้าย
บุญกรรมช่วยอโห บาปเก่า แกนา
แกว่าพุทธโธได้ บ่บ้าโมหา
อุปัชฌาย์ท่านให้ นำมา
กินอยู่ในวัดวา แห่งนี้
ตาเติมใช่ใครหนา มิตรเก่า
เวียนว่ายสามภพกี้ เก่าเกื้อญาติกัน
มดตัวดำหมื่นนี้ มากนัก
มันแห่มาจักพัก ร่วมห้อง
ถึงเตียงไต่ยึกยัก เราแย่
ดึกต
พันดาวพันเดือนเลื่อนลาลับ พิลาศดับมอดแสงแรงอ่อนล้า ม้ามังกรดึงลากชากกระฉุดฟ้า พญาครุฑขี่เมฆาเกาะกินนรี เจ้ากิเลนเคราขาวยาวพาดบ่า ปากคาบปักษาเท้าเหยียบปักษี เลาะลัดตัดฟ้าย่างกายคำราม มันทั้งสามย่ำปฐพีตีไปทั่ว ไม่เกรงศักดิ์เกรงศรีมีใครกลัว สุดแสบชั่วมั่วหมดพลโลกา จะหาเพชรเม็ดงามมาปรามไว้ มาปราบใจเจ้าอหังการคร่า ซุกซ่อนกลเม็ดเด็ดย้อนรอย ส่งเจ้าพลอยรินมณีพลีร่างเชย กิเลนชิมรสพิษสวาทบ่เคย บ่วางบ่เว้นเลยจะปรนเปรอ ยิ่งลุ่มยิ่งหลงยิ่งรักใคร่ จวบตายใจใส่เสน่ห์พิฆาตธรรณ
เชิญมาฟังปรัชญาแฝงแห่งวงเล่า ว่าด้วยเรื่องความเมา และความรัก ประสบการณ์ผ่านประสบ พบประจักษ์ หน่วงใจนักไม่พักเก็บ เจ็บไว้จำ ค่ำคืนคลื่นความจำคว่ำเรือใจ ใครนะใคร บอกรักเราทุกเช้าค่ำ เหมือนแสงวับแล้วกลับวาย กลายกลับคำ ปล่อยคนช้ำร่ำสุราน้ำตาริน .. เราร่ำดื่มให้ลืมค่ำที่ร่ำดื่ม เศร้าเพื่อลืม ดื่มให้คล้ายลืมได้สิ้น แต่ยังย้ำคำที่เอ่ยให้เคยชิน ยังได้ยินที่ตอกตำย้ำตัวตน เป็นคนเมาก็อยู่ส่วนที่ล้วนเมา เป็นคนเศร้าก็จงเศร้าอย่าสับสน หากข้ามเส้นจะผิดหวังในวังวน อย่าหวังพ้นจากพ่ายแพ้แม้เมามาย คนไหนเมา.. เขาคนไหน.. ใครคนเมา.. ดื่มความเศร้าเคล้าสุราคว้าความหมาย คงความจำย้ำเย้ยหยันอันตราย เจ็บเจียนตายแต่คล้ายเหมือนจะเตือนตน ว่าถ้าอยากลืมรักสิ้นอย่ารินเหล้า เมื่อใดเมา อาจลืมรักได้สักหน แต่เมื่อตื่นลืมตามาพบตน คงไม่พ้น เห็นคนเศร้าเข้าเต็มตา เมื่ออยากจำกลับลืมไปไม่อาจจำ แต่เรื่องช้ำเหมือนย้ำใจไปชาติหน้า ยิ่งอยากลืมเธอเท่าไหร่ในอุรา ยิ่งชัดว่า ..หัวใจมันไม่ลืม
อันคำว่า กวนกวน ชวนให้คิด เราจึงติด ตามไป ด้วยใจสน ของที่กวน มากมาย หลายอย่างปน จะมัวคน ไม่ไหว ต้องใช้กวน กระยาสาด กาละแม แบบนถาด ถ้ามันขาด งาไป ไม่ถูกส่วน จะยิ่งดู ประหลาด ถ้าขาดกวน เหล่านี้ล้วน หมดท่า ไม่น่ากิน กวนกวนกวน กันไป ให้ได้ที่ ขนมดี ย่อมขาย ไปได้สิ้น ไม่มีเหลือ บูดเน่า เอาทิ้งดิน คนที่กิน ย่อมเรียกร้อง ตามต้องการ กวนอีกอย่าง เขาว่า ไม่น่าคบ คนเขาหลบ หนีไป จนไกลร้าน จะค้าขาย มัวพล่าม เขารำคาญ ของเหลือบาน เลยละท่าน น่านแหละกวน
ล้างไพ่..เล่นกันใหม่ หยุดก่อน ! อย่าร้อนเรื่อ ..เสื้อสีทั้งหลาย เปลี่ยนข้างเล่น เห็นกันใหม่ ในวิถี ดูพฤติกรรม ทำตัว ชั่วหรือดี ลืมเรื่องสี มีความหลัง .. ควรยั้งพอ หยุดขัดแย้ง แบ่งฝ่าย ไร้สติ ควรเริ่มริ ร่วมกัน สร้างสรรค์ต่อ หากโกรธเคือง เรื่องใด ให้รีรอ ชาติเจ็บพอ ท้อรันทด ..หมดกำลัง ! ให้โอกาส อีกขั้วบ้าง ..สู่ฝั่งฝัน มัวกัดกัน เพื่อนบ้านแรง แซงขึ้นฝั่ง ไทยคือเสือ เมื่อก่อน อย่าอ่อนพลัง ต้องหยุดยั้ง ฟังอีกข้าง..อย่างเป็นกลาง ลืมเสื้อสี ! ที่ใส่มัน ในวันก่อน เลิกคิดย้อน ผลัดผ่อนคลาย ไฟบ้าคลั่ง ! เห็นทางออก บอกกันต่อ พอมีทาง เปลี่ยนรัฐบาล กันซะบ้าง .หวังกันไป สัญญานะ ? จะหยุดกัน เริ่มวันนี้ อาจจะมี ผู้บริหาร รัฐบาลใหม่ หากไม่ดี เป็นที่หวัง อย่างตั้งใจ ล้มกันได้ เลือกกันใหม่ ..จนได้ดี ! เตรียมล้างไพ่ ! แล้วเล่นใหม่ไม่สายแน่ มองธาตุแท้ อุดมการณ์..มั่นวิถี ความคิดเห็นประเด็นเก่าไม่เข้าที เปลียนวิธี สู่วิถี..ประชาธิปไตย !
เขาบอกว่าความรักสร้างโลก ความโกรธที่ใด้จากความรักหล่ะ.....เคยคิดถึงหรือเปล่า คิดอะไรที่มันง่ายเกินไปมันไม่เกิดผลดีในอนาคตหรอกน่ะ จิตใจเราคิดว่าทำถูกเสมอ....ทั้งๆที่คนส่วนใหญ่..พ่อแม่พี่น้องบอกว่าไม่ถูก แต่ไม่รับฟังเจตนาดีของเขาน่ะ.....นี้แหละเขาจึงว่าความรักทำให้คนตาบอด สร้างโลกให้วุ่นวาย ...จริงไหม..คุณว่า
โบราณสอน วอนเรา เฝ้าศึกษา บอกชีวา ไม่แน่ อย่าแส่ส่าย อย่าได้หลง มายา จนบ้าตาย จะวอดวาย เสียที ที่เป็นคน หมั่นเตือนตน บนทาง ที่ย่างก้าว ฝนร้อนหนาว เปลี่ยนไป ให้ฝึกฝน อย่าประมาท พลาดพลั้ง ตั้งกมล หมั่นเตือนตน เสมอ อย่าเผลอใจ "เมื่อเจ้ามา มีอะไร มาด้วยเจ้า เจ้าจะเอา แต่สุข สนุกไฉน เมื่อเจ้ามา ตัวเปล่า จะเอาอะไร เจ้าก็ไป ตัวเปล่า เหมือนเจ้ามา" อันเงินตรา หาได้ ใช้เหมาะสม หมั่นอบรม กายใจ ในคุณค่า มนุษย์นั้น สติดี มีปัญญา จึงชื่อว่า มนุษย์ อย่าหลุดซีน! บ้านวรรณกรรมคนตัวเล็ก ๑๔ มีนาคม ๒๕๕๖
๑. จะกล่าวถึงกรุงเทพมหานคร ราชรัฐแห่งสยามานุสรณ์ เมืองอมรมิ่งโกสินทร์มหินทรา ๒. นับสองศตวรรษหมุนผลัดผ่าน ประวัติศาสตร์สืบสานการศึกษา โลกแซ่ซร้องสรรพกิจวิทยา งามวัดวาเหมือนวาดราชมณเฑียร ๓. กว่าห้าสิบเชื้อชาติคือญาติมิตร ล้วนพึ่งพิงใกล้ชิดสถิตเสถียร บนผืนดินถิ่นสยามตามแบบเรียน สัญชาติไทยอ่านเขียนเพียรอ้างอิง ๔. พระมหาประมุขแห่งยุคสมัย รุ่งเรืองไกรเกริกเกียรติยศยิ่ง สัตว์มนุษย์เทวดามาพึ่งพิง สรรพสิ่งกลืนกลมตามสมดุลย์ ๕. ประชาราษฏร์ทั้งดี-บ้า มหาฤาษี ประชาชีไพร่ทาสอำมาตย์หนุน พระ-พราหมณ์อำนาจเก่าเจ้าประคุณ ทั้งนายทุนทั้งกุลีล้วนปรีดา ๖. ฝนตกต้องตามฤดูกาล ธรรมชาติบันดาลสุขทั่วหน้า จะลงน้ำในน้ำก็มีปลา จะลงนาก็มีข้าวให้ชาวเรา ๗. ทศพิธราชธรรมคอยค้ำโลก ดับอุปัทวิโยคทุกข์โศกเศร้า ภัยหนักก็กลับเห็นผ่อนเป็นเบา มีทุกข์ก็บรรเทารู้เท่าทัน ๘. เมื่อถึงปีที่สองร้อยสิบเก้า คือแรกเริ่มเรื่องราวคราวคับขัน ประชาราษฏร์มีสิทธิ์เสียงเท่ากัน คล้ายคล้ายจะหฤหรรษ์สันติ์สุขดี ๙. ด้วยเกิดความนึกคิดริษยา สมดุลย์สูญค่าสิ้นราศี จึงเกิดความเมืองเรื่องกาลี ในยุคเทคโนโลยีรุกตีเมือง ๑๐. ประชาชนหมดสิ้นศีลธรรม ความตกต่ำขู่ฟ่ออย่างต่อเนื่อง ที่ยากจนยิ่งสุดแสนจะแค้นเคือง ที่รุ่งเรืองก็ยิ่งอยากมากกว่าใคร ๑๑. ฝูงสัตว์จึงเกรียวกรูสมสู่คน ทุกแห่งหนเพลิงมารเผาผลาญไหม้ คึกคะนองร้องโหมโถมทุกข์ภัย จนเกิดเรื่องแปลกใหม่ยี่สิบประการ
ได้ยินข่าว ครูจากไป ใจหายวาบ เพื่อนโทรฯ แจ้ง ให้ทราบ เมื่อเช้านี้ หมดเรี่ยวแรง แข้งขาอ่อน ลงทันที โศกทวี น้ำตานอง ปริ่มสองตา ข้ายกมือ ประนม เสมออก หมายจะยก ใจไปสู่ ครูนั้นหนา ครูผู้เป็น เช่นบิดร และมารดา ทั้งชีวา ข้าได้ดี ก็ที่ครู รอยไม้เรียว วันเก่า ยังจำได้ คำสอนใจ ครูพร่ำบอก คอยกรอกหู ให้อดทน และตรงเที่ยง เยี่ยงตราชู รู้อดสู ละอายใจ ไม่ทำเลว ชีวิตข้า เคยตกต่ำ ถลำลึก ใคร่ครวญนึก วันที่ตน พ้นปากเหว แม้ใครใคร จะตราหน้า ข้าคนเลว ครูเปรียบเปลว แสงธรรม นำพ้นมา ครูฉุดข้า ขึ้นมา จากกองขยะ เศษสวะ ขยะสังคม คนหยามหน้า ครูใส่ใจ ครูให้รัก ให้เมตตา จนวันนี้ ข้าเชิดหน้า สู้ตาคน ตั้งใจไว้ ปีใหม่ ได้หันกลับ เพื่อไปกราบ เท้าครู อีกสักหน วันคืนเดือน เคลื่อนไป ใจร้อนรน ได้ยินเสียง ครูอีกหน เมื่อไม่กี่วัน ***************** อนิจจา ครูของข้า ไม่อยู่แล้ว จิตแน่แน่ว ขอส่งครู สู่สวรรค์ ชาติหน้ามี ศิษย์คนนี้ ขอพบกัน สัญญามั่น " ชีวิตนี้....ดีเพื่อครู "
ขณะเรา ร้องไห้ ใครโอ๋อุ้ม ยามร้อนรุ่ม ใครจัด พัดวีให้ มีใครบ้าง สรรสร้าง อย่างห่วงใย ทุ่มเทใจ ฟูมฟัก ให้ตักนอน โอ้ละเห่ โอละหึก จนดึกดื่น รอวันคืน หวังไว้ ได้พักผ่อน เจ้าเติบใหญ่ พอได้ อาศัยนอน ก่อนต้องจร จากกัน วันสิ้นใจ ถึงวันนั้น คงเข้าใจ ในหน้าที่ เป็นแม่นี้ ลำบาก ยากแค่ไหน เว้นแต่เจ้า ใจดำ จึงทำไป ผิดวิสัย แม่ลูก ไม่ถูกเลย
น้ำลด...แล้วตอผุด สัจธรรมมนุษย์...พึงใคร่ครวญ ใดใด....ในโลกล้วน สักวันหนึ่ง....ถูกเปิดเผย น้ำสูง....ซ่อนตอไว้ กาลล่วงไป....ไม่เหมือนเคย น้ำลด....ตอโผล่เลย ทุกคนเห็น.....ความเป็นจริง คงจะดี....มิใช่น้อย ไร้ด่างพร้อย.....ในทุกสิ่ง ดีที่เห็น....เป็นเรื่องจริง ทั้งเหนือน้ำ....ทั้งใต้น้ำ น้ำลด....แล้วตอผุด เตือนมนุษย์....อย่าเลวทราม ดีชั่ว....ตัวกระทำ สักวันหนึ่ง....ถูกเปิดเผย ครวญใคร่....กันให้ดี ขออย่ามี....วันนั้นเลย วันใด....ตอถูกเผย ขอให้เห็น....เป็น " ตอดี "
เป็นดอกไม้..สายสวาทมิขาดสิ้นแม้จะบิ่นไปบ้างบางดอกหนอ หากแลดูรู้ค่ามาเป็นกอ ก็ยังพอมองเห็นเช่นไม้งาม เห็นสองนิ้วชูไว้คือใบ้หวย...อะจื๋ย...บ่แม่น...แต่งใหม่ๆ...555 เห็นสองนิ้วชูไว้คือใบ้บอก รักจะพอกพูนเพิ่มเสริมหลากหลาม เป็นน้ำเลี้ยงจรรโลงทุกโมงยาม คือความงามพร้อมพรักประจักษ์ใจ อะจร้า้...ตามนี้ค่ะ เชื่อหัวไอ้เรืองเต๊อะ...ฮ่า.. ถึงอ่อนด้อยเชิงรักหักสวาท หากอย่าขาดศีลธรรมนำนิสัย เป็นเหมือนโล่ปกป้องคุ้มครองใจ แม้ผู้ใดพบเห็นเป็นยินดี ทั้งเสื้อผ้าอาภรณ์ที่สวมใส่ ควรสดใสขาวผ่องอย่าหมองสี ทั้งเจ็ดวันเจ็ดสีสิยิ่งดี จะเกิดศรีสวัสดิ์ขจัดจน อิอิ... เหมือนแม่แก้วแววหวานน้ำตาลรั่ว ไม่ต้องจั่วต้องจับรับเห็นผล เมื่อวันก่อนนอนตื่นชื่นกมล เห็นหน้าตนใสผ่องต้องตะลึง ชมตัวเอง....55555 อันทีจริงเขียนเล่นเป็นสนุก อย่าไปทุกข์หลากเรื่องเฟื้องสลึง เป็นยาจกไม่ท้อก็พอพึง ขอก้นบึ้งจิตใจให้งดงาม -------สุขสวัสดิ์วันหยุดกันทุกท่านค่ะ................... @ แก้วประัภัสสร @ 14 กรกฏาคม 2556
หมาเห่าใบตองแห้ง อาทิตย์อัสดงลงเหลื่ยมเขา เสียงหมาเห่ากลางลานม่านไม้ไหว แกรกแกรกแกรกแหวกหาว่าอะไร .สัญชาตญานสั่งให้ไล่ล่าตาม ก็แค่เห่าใบตองจ้องจ้องขู่ ที่รู้รู้ใครใครไม่เกรงขาม ที่ป่าวร้องเสียงแหบหลายโมงยาม เขาประณามหมาเห่าเขารำคาญ เห่าประกาศศักดาบ้าอำนาจ นี่แหละชาติสันดานเดรัจฉาน หวงลาภยศหวงของเขตภิบาล ใครอาจหาญบุกมาข้าเอาตาย ต่างระแวงเกรงกริ่งชิงแข่งขัน เข้าประจัญรุกรบจนเสียหาย จิตอิจฉาจึงกล้าและท้าทาย ลืมความหมายชีวิตลืมคิดตรอง หมาเห่าใบตองแห้ง เป็นสำนวนที่เปรียบเทียบกับสุนัขที่ชอบเห่าใบตองแห้ง คือเห่าใบกล้วยที่แห้งติดอยู่กับต้น เวลาลมพัดใบกล้วยแห้งจะแกว่งหรือเสียดสีกัน มีเสียงแกรกกราก สุนัขเห็นอะไรไหว ๆ หรือได้ยินเสียงแกรกกรากก็จะเห่าขึ้น แต่ก็เห่าไปอย่างนั้นเอง ไม่กล้าไปกัดใบตองแห้ง กิริยาของสุนัขนี้จึงนำมาเปรียบกับคนที่ชอบพูดจาเอะอะในลักษณะที่อวดตัวว่าเก่งกล้า แต่ที่จริงแล้วก็ไม่ได้กล้าสมกับคำพูด แต่ปกติถ้าเป็นสุนัขที่ได้รับการฝึกมาก่อนนะ เช่นสุนัขตำรวจ หมานายพรานมักใช้จมูกได้ไว และแม่นมาก ถ้าเห่าแล้วก็แสดงว่าเจองู แย้ กระต่าย หรืออะไรสักอย่างแน่ๆ แล้วแต่สายพันธุ์
พุทธองค์สอนสั่งยังจำมั่นใครสร้างกรรมคนนั้นย่อมรับผล การทำงานกระทบระหว่างคน ย่อมไม่พ้นเกิดกรรมที่ตามมา ต้องยอมรับผลกรรมที่บังเกิด ใช่ดีเลิศปุถุชนล้นคุณค่า ความถูกต้องยึดก่อนมานานช้า จึงต้องกล้าพินิจตัดสินใจ เมื่อกรรมชั่วทำไว้ไม่ยอมรับ สร้างเล่ห์กลสับปลับให้จับได้ มากโทสะโมหะนำมาใช้ ความรุนแรงมิใช่เป็นสิ่งดี ผลของกรรมทำเอาต้องเศร้าหมอง ผู้เกี่ยวข้องเกือบตายกลายเป็นผี เมื่อสร้างกรรมเป็นทุกข์ติืดคุกฟรี อนาคตไม่มีความรุ่งเรือง เมื่อฟ้าใหม่ชีวิตใหม่ได้บรรเจิด สิ่งที่เกิดปล่อยหายไปทุกเรื่อง เมื่อกรรมดีมีผลล้นประเทือง คงฟูเฟื่องงดงามตามเพรงกรรม