เธออยู่ไหน, ใครคนนั้น, ฉันอยู่นี่,.. เป็นวลีที่รำพันกันลับหลัง เนิ่นนานปีไม่มีใครเคยได้ฟัง เพียงลำพังรับรู้กันกับจันทรา ฝากบอกใครคนนั้นนะจันทร์ไสว เธออยู่ไหนใช่ถามเพื่อตามหา ฉันอยู่นี่ก็ใช่อยากให้มา คล้ายเป็นคำอำลาด้วยอาวรณ์ คงจะไม่มีวันพบกันแล้ว ขอบคุณแววห่วงใยในวันก่อน เธออยู่ไหนไม่สำคัญนิรันดร เพราะทับซ้อนฉันอยู่นี่อยู่ที่เดิม
คำกลอนของท่านพุทธทาสมีมากกว่า 100 บท แต่ละบทมีเนื้อหาสาระและมีความไพเราะเพราะพริ้งราวกวีรังสรรค์ ดังที่ผมคัดสรรมาสำหรับประกอบบทความในครั้งนี้เพียง 4 บท บทกลอนสอนใจบทแรก ท่านตั้งหัวข้อว่า มองแต่แง่ดีเถิด (บทกลอนบทนี้จัดว่าเป็นกลอนยอดฮิต คนทั่วไปมักรู้จักและท่องได้) เขามีส่วน เลวบ้าง ช่างหัวเขา จงเลือกเอา ส่วนที่ดี เขามีอยู่ เป็นประโยชน์ โลกบ้าง ยังน่าดู ส่วนที่ชั่ว อย่าไปรู้ ของเขาเลย จะหาคน มีดี โดยส่วนเดียว อย่ามัวเที่ยว ค้นหา สหายเอ๋ย เหมือนเที่ยวหา หนวดเต่า ตายเปล่าเลย ฝึกให้เคย มองแต่ดี มีคุณจริง บทกลอนที่ 2 ว่าด้วย เป็นอยู่ด้วยจิตว่าง จงทำงาน ทุกชนิด ด้วยจิตว่าง ยกผลงาน ให้ความว่าง ทุกอย่างสิ้น กินอาหาร ของความว่าง อย่างพระกิน ตายเสร็จสิ้น แล้วในตัว แต่หัวที ท่านผู้ใด ว่างได้ ดังว่ามา ไม่มีท่า ทุกข์ทน หม่นหมองศรี ศิลปะ ในชีวิต ชนิดนี้ เป็น เคล็ด ที่ ใครคิดได้ สบายเอย บทกลอนที่ 3 ว่าด้วย การงานคือการปฏิบัติธรรม อันการงาน คือคุณค่า ของมนุษย์ ของมีเกียรติ สูงสุด อย่าสงสัย ถ้าสนุก ด้วยการงาน เบิกบานใจ ไม่เท่าไร ได้รู้ธรรม ฉ่ำซึ่งจริง เพราะการงาน เป็นตัวการ ประพฤติธรรม กุศลกรรม กล้ำปนมา มีค่ายิ่ง ถ้าจะเปรียบ ก็เปรียบคน ฉลาดยิง นัดเดียววิ่ง เก็บนก หลายพวกมา คือการงาน นั้นต้องทำ ด้วยสติ มีสมาธิ ขันติ มีอุตสาห์ มีสัจจะ มีทมะ มีปัญญา มีศรัทธา และกล้าหาญ รักงานจริง สุดท้ายเป็น
การคิดถึงตนเองมากเกินไป....ไม่ดีแน่ พาให้แย่ไร้ผู้คนอยากคบหา คิดถึงแต่ตนเองตลอดเวลา ช่างไร้ค่าไร้งามความเป็นคน การคิดถึงตนเองนั้นธรรมดา ดุจทำไร่ไถนาย่อมหวังผล เพราะทุกผู้ล้วนแสวงหาประโยชน์ตน พร้อมดิ้นรนเพื่ออยู่รอดตลอดไป หากแต่การคิดถึงคนอื่นด้วย จะอำนวยผลดีที่ยิ่งใหญ่ เหตุความรักความอารีที่แบ่งไป สิ่งที่ได้กลับมานั้น...สันติธรรม สันติธรรม....งามงดหมดจดยิ่ง เป็นขวัญมิ่งคุ้มภัยไม่กรายกล้ำ เป็นความสุขความยินดีวิถีธรรม เลอค่าล้ำ....ค้ำจุนหนุนโลกเอย
โลกของเรายามนี้บอบช้ำแล้ว แผลเป็นแนวยากเกินจะรักษา แม้นพบพานกับหมอเทวดา ก็ยากจักเยียวยาโดยลำพัง น่าใจหายเมื่อเห็นโลกถูกเหวี่ยง แกนเอนเอียงแผ่นดินที่เคยหวัง มิอาจอยู่ยั่งยืนแลจีรัง จะมีใครยอมฟังดังก่อนเคย ใต้แผ่นฟ้ายังมีสิ่งงามงด สวยเกินพจน์ของคนจักเอื้อนเอ่ย โลกใบนี้เปราะบางเกินเปรียบเปรย โอ้ใจเอยคิดแล้วน่าเสียดาย ต่างคนต่างเกิดมาอยู่ร่วมโลก เผชิญโศกเศร้าสุขทุกความหมาย ก่อนจะลาจากกันด้วยความตาย หวังเพียงหยดสุดท้ายหยาด"น้ำใจ" ฉันและเธอ...เธอและฉันนับจากนี้ มาร่วมสร้างวันดีดีด้วยกันไหม พกพาความรู้สึกเดินทางไกล พร้อมรักษ์และห่วงใยโลกของเรา หันกลับไปมองหลังระวังบ้าง เว้นช่องว่างวันนี้กับวันเก่า ปล่อยให้ความทรงจำเป็นสีเทา ลางเลือนเบาบางไปกับสายลม เริ่มต้นใหม่แต้มความบริสุทธิ์ หยุดเถิดหยุดหยิบยื่นความปร่าขม โลกใบเล็กที่เห็นเป็นทรงกลม คงน่าชมรื่นรมย์ดุจดังจินต์ ช่วยส่งลูกหลานเราสู่โลกกว้าง ดั่งนกน้อยเริ่มกางปีกผกผิน ด้วยหัวใจฝันใฝ่อยากยลยิน พร้อมโผบินด้วยรักและศรัทธา โลกของเราใช่เป็นโลกของใคร อนาคตยาวไกลเถิดคนกล้า ปฐมพยาบาลโลกขื่นชื้นน้ำตา เพียงเอาใจใส่มาคนละดวง เพลงขาดอะไรในใจคน - เจี๊ยบ วรรธนา แผ่นฟ้าเบื้องบนเป็นผืนเดียวกัน แผ่นน้ำก็คงเป็นผืนเดียวกัน แผ่นดินรองรับเรื่องราวร้อยพัน กับคนบนโลกที่ต่างสีกัน ดอกไม้ดอกนี้จะบานเพื่อใคร นกตัวน้อยๆจะทำรังที่ใด ลมจะพัดพาสิ่งใดแกว่งไกว หากโลกใบนี้ไ
จากถิ่นฐานบ้านช่องท้องนาไร่ หวังติดไฟให้ฝันมันสวยหรู จากพ่อแม่ และพี่พี่ที่อุ้มชู ไว้คอยดูจะสู้โลกโชคชะตา อดีตเป็นเช่นไรฉันไม่สน ชีวิตคนต้องหวังวันข้างหน้า มีมืดมีสว่างดั่งจันทรา ต้องเสาะหาแสงไฟให้ตนเอง เกิดมาแล้วไม่นานหนอก็ตายหมด ถ้ามัวคดโกงใคร ไหนศักดิ์ศรี ถ้ามัวทำชั่วไซร้ ไหนความดี คิดดูซิค่าของคน อยู่หนใด....
ซ้ายยกซ้ายด่าขวาว่าขูดรีด ซ้ายจึงกรีดถ้อยคำย่ำเหยียบหยัน ซ้ายปลุกซ้ายให้ล้มขวาสารพัน ซ้ายด้นดั้นต้านสมุนทุนนิยม ซ้ายขวาซ้ายสลับท่าขวาซ้ายขวา ซ้ายวางท่ากรรมกรถือค้อนข่ม ซ้ายหาเคียวเกี่ยวข้าวเรื่องราวระดม ซ้ายเล่าเรื่องเก่าล้มขย่มทุน ซ้ายขายเรื่องเล่าเก่าเอาทอดตลาด ซ้ายกราบขวาบ้าอำนาจเป็นทาสสมุน ซ้ายเป็นขวาขวาเดินห้างช่างชุลมุน ซ้ายโกยเงินว้าวุ่นลุ้นเหนื่อยจริง ซ้ายไม่อาจแยกขวาว่าเด็ดขาด ซ้ายก็พลาดโดนนายทุนจุ้นจ้านสิง ซ้ายตั้งตนเป็นเจ้าเข้าช่วงชิง ซ้ายก็ยิ่งกลายเป็นขวามากกว่าใคร
เขาบอกเราว่าซื่อบริสุทธิ์ เปรียบประดุจดังสีกุหลาบขาว เรียวปากสวยได้รูป เสน่ห์พราว มองดวงตา ระยับวาว ดังต้องมนต์ เขาบอกว่าเอวองค์ช่างสมส่วน ตลอดกาย นั้นล้วน เพิ่มพูนผล ยามเคลื่อนไหว งดงาม ยามเยือนยล ดั่งนางฟ้าไม่ใช่คนที่เดินดิน ฉันลุ่มหลง คำหวานดังตาลเชื่อม ฉันเต็มอิ่ม ยิ้มกระเพื่อมครวญถวิล หลงคารม หนุ่มหล่อชม แทบจมดิน ลืมหมดสิ้น เมื่อชายมอง จ้องสายตา เธอสวย แสนสวย เธอแสนสวย ร่างระทวย อ่อนไหว สิเน่หา ให้ชมชื่น อิ่มเอิบจิต ฤทธิ์กามา ฉลองวัน เดือนกุมภา วาเลนไทน์ กุหลาบขาว เหยี่ยวช้ำ มาย้ำคิด หลังหลงลม พลั้งผิด นั่งคิดใหม่ เมื่อชายหนุ่มชื่นชมแล้วจากไป พร้อมคำกล่าว ทิ่มแทงใจ ไวไฟเธอ กุหลาบขาวเปลี่ยนสีจนดำคล้ำ ไร้เงาหนุ่ม คนทำ จนพลั้งเผลอ ด้วยหลบหน้า หนีหาย หาไม่เจอ เก็บกายซุก นอนเหม่อ ร้องระงม
ฉันก้าวเดินผ่านบันไดมาหลายขั้น กว่าจะสูงตระหง่านเช่นวันนี้ ผ่านความรักความอาทรความอารี ผ่านห่วงใยและหวังดีมามากมาย ครูบังคับจับมือเขียนและเคี่ยวเข็ญ เช้าจรดเย็นพร่ำสอนโดยมิหน่าย ครูเหนื่อยยากลำบากทั้งใจกาย เพียงมุ่งหมายกูลเกื้อเพื่อศิษย์ดี ครูทั้งหลายเปรียบบันไดให้ศิษย์ก้าว ศิษย์รุ่นแล้วรุ่นเล่าครูไม่หนี ครูพากเพียรด้วยหัวใจอุทิศพลี สร้างคนดีคนมีธรรมให้สังคม หวนระลึกนึกย้อนเมื่อตอนหลัง มีหลายครั้งที่ครูต้องขื่นขม ความพลาดผิดศิษย์ทำให้ครูระทม ทั้งที่ครูเฝ้าอบรมเพาะบ่มมา อยากกลับไปกราบครูอีกสักครั้ง อยากย้อนหลังไปบอกครูให้รู้ว่า เส้นทางดีวิถีธรรมที่สอนมา ศิษย์สัญญาจะรักษา....บูชาครู "" สุขสันต์วันครูแด่บูรพาจารย์ทุกท่านด้วยความเคารพยิ่ง ** เนื่องในโอกาสวันครู (16 มกราคม 2556)
ปฏิทินสิ้นปี...อีกปีแล้ว ยินเสียงแจ้วสวัสดีวันปีใหม่ รู้ดีรู้เห็นความเป็นไป ว่าจะปีไหนไหน...ไม่ต่างกัน แค่เข็มของเวลาวนมาครบ บรรจบรอบปีเข็มยาวสั้น ก็เริ่มรอบใหม่ในรุ่งวัน ก็แค่นั้นคิดอะไรให้มากมาย อย่าสนใจเรื่องปีที่เปลี่ยนหมุน จงสนใจตัวคุณ...ไหนเป้าหมาย ชีวิตที่เคลื่อนไหวยังไม่ตาย พร้อมเวลาเวียนว่าย...ครบรอบปี ถึงเวลามองตนค้นให้ทั่ว ทั้งตัวหัวใจไหนศักดิ์ศรี มองเวลาข้างหน้าอย่ารอรี เร่งสร้างความดี...เพื่อชีวิต
อยากประดิษฐ์ คิดคำ อันฉ่ำหวาน เรียงร้อยกานท์ งานดื่น ให้ลื่นไหล งามกวิน ภิญโญ เยี่ยงโมไนย เสียดายไร้ เชิงชั้น เชาว์ปัญญา ฝีมือหย่อน อ่อนด้อย น้อยทักษะ สัพเพเหระ งุ่มง่าม ตามประสา ไร้หนทาง สร้างศิลป์ จินตนา แม้อุตส่าห์ ทู่ซี้ ทุกวี่วัน ขาดแต้มคู รู้ตัว ว่าหัวทื่อ ฝืนฝึกปรือ ยื้อตน ทนแข็งขัน ก็ได้เพียง งูกับปลา หาเท่าทัน ห่างไกลฝัน อีกมาก เกินลากจูง สารภาพ ออกหน้า อย่างผ่าเผย อดีตเคย ตั้งเป้า เอาไว้สูง ทั้งที่ตน เป็นกา หาใช่ยูง หมายจรูง กวีพจน์ นั้นหมดทาง วัยถอยหลัง เข้าคลอง สมองฝ่อ เขียนแค่พอ หรรษา เฮฮาบ้าง ผลงานจะ ดี,ด้อย ขอปล่อยวาง ใครถากถาง ช่างเขา เราพึงใจ
ถึงฉัน... ดอกไม้กับแจกัน ดอกไม้ที่มันดูสวยมาใส่แจกัน ได้ถามมันไหมว่าโดนบังคับ หรือสมัครใจ มีคนพรากมันมา อำลากิ่งก้านใบแหละสุดท้าย มาร้องไห้บนแจกัน แหละฉันก็รู้ว่าเธอก็รักก็ห่วงเท่าไรจะไปทางไหน ก็มีเธอเคยบอกกับฉัน ใจจริงก็รักเธอ ทั้งรักและผูกพัน แต่มันทน ทำตามต่อไปไม่ไหว แค่อยากเป็นตัวเอง อยากเป็นตัวฉันคนเดิม อย่าเติมอะไรลงไป ฉันเคยเหนื่อยใช้ชีวิตหนักๆ มีรักก็อยากให้ผ่อนคลาย อยากให้รักฉันอย่างที่เป็นฉันจริงๆอย่าทำให้เป็นใครๆ รักเธอมากที่สุด แต่มันก็ต้องจากไป วันนี้ฉันขอจากไป ฉันขอไปเป็นตัวเอง อย่าคิดว่า ฉันไม่รักไม่ห่วงใยใคร แค่ขอไปใช้ชีวิตคนเดียว ในแบบลำพัง วันหนึ่งหากพบตัวเองวังเวงหมดหนทาง และสุดท้ายดอกไม้จะกลับมาหาแจกัน จากเธอ จากแจกันถึงดอกไม้ ฉันก็แค่แจกันที่อ่อนไหว เพียงอยากให้ใครดูแลบ้าง ไม่ต้องสบตา ไม่ต้องร่วมทาง ขอเพียงไอบางความอุ่น ..เกิ้อหนุนกัน รักฉันไม่จำเป็นต้องเลิศหรู ไม่ต้องหวานทุกอณูอย่างในฝัน แค่เรามีกันและกัน..สัญญานะ.. จะไม่ไหวหวั่น หากเธอมั่นคง เธอเป็นดอกไม้ ฉันเป็นแจกัน ชีวิตในบางวันอาจไม่ดังประสงค์ เพียงดอกไม้ยังอยู่ ยามแจกันล้มลง คอยเก็บเศษผงเพื่อ.. ต่อเติม..... ฉันมิอาจจะบังคับใคร ใคร หวังเพียงแค่บางหัวใจมาใส่เสริม เพิ่มความหวามไหวให้กับใจดวงเดิม เพื่อเต็มเติมบนทางเดิน... ที่เดียวดาย หากดอกไม้ไม่อยู่คู่แจกัน ชีวิตในบางวัน อาจหมดความหมาย คงมีเพียง เหงา เศร้า
หลากหลายร้อยบทโหดเหี้ยม จากฟ้า โหมเข้ามา จนฟันฝ่า ล่าจุดหมาย หลายร้อยครั้งเกือบพลาด ชีพเกือบวาย ตะเกียกตะกาย ต่อสู้ จึงเป็นคน คำว่าคน คำนี้ ยากเกินที่จะนิยาม จึงขวายขวน หรือนิยาม คือการต่อสู้ดิ้นรน หรือว่าคน คือการแย่งชิงกัน เราเป็นคน คนหนึงที่แข่งฟ้า หลอกชะตา ที่เล่นกลย์ จนน่าขำ ชะตาฟ้า ขีดเส้นร่าง ข้างกายนั้น ไม่ใช่กัลย์ สุ่มร่าง โปรดก้าวเดิน อย่ายอมให้ฟ้าลิขิตชีวิตนี้ ทุกนาที ต่อสู่น่าสรรเสริญ หากพลาดพลั้ง อย่ารั้งจงเผชิญ ก้าวย่างเดิน ต่อสู่ ให้รู้กัน จริงแท้แล้วฟ้าไม่ได้ลิขิตเขียน แต่คอยเตือนให้รู้ผล ของขันธ์ ความร้อนรุ่มสุ่มร่างเป็นไฟกัลย์ ก็เพราะนั้น ตัวเราสร้างกรรมขึ้นมา ตนคิดก่อ อย่ารอผลกรรมที่สร้าง โปรดจงวางแนวทาง ให้คิดหา กรรมใดทำ กรรมใดสร้างมันขึ้นมา สติปัญญา ฟ้าให้ มาแก้ไขดู หากเรายอมอ่อนตามกรรมลิขิต ทั้งชีวิตมีสิ่งใด น่าอดสู อย่าให้ฟ้า มาขีดเส้นให้คิดดู ก็เพราะรู้ ตัวเราลิขิต เรา กลอนนี้มอบให้เพื่อนคนหนึ่งที่เข้ามาอ่านกลอนของกวีบ้านไร่ และขอโทษด้วยที่ไม่ได้เขียนกลอนให้ เพราะช่วงนี้ ว ๔ หนาแน่นมาก
เส้นทางชีวิตที่ทอดยาว ผ่านเรื่องผ่านราวมามากมาย ความสุขความทุกข์อันหลากหลาย สุดท้ายก็ล่วงผ่านพ้นไป เส้นทางชีวิตที่ทอดยาว ยังมีเรื่องราวของวันใหม่ ตราบที่ยังมีลมหายใจ เรื่องราวใหม่ใหม่ยังมีมา เส้นทางชีวิตที่ทอดยาว สองเท้าย่างก้าวมุ่งเดินหน้า บทเรียนวันเก่าคือตำรา เตือนก้าวเดินหน้าอย่างระวัง ระวังการย่ำซ้ำรอยเดิม อย่าฮึกเหิมเกริมอย่าคลุ้มคลั่ง รู้ใช้สติคุมกำลัง กันการพลาดพลั้งอย่างตั้งใจ สุดท้ายจุดหมายเมื่อไปถึง ได้เป็นที่หนึ่งอย่างผ่องใส เชิดหน้าชูคอด้วยพอใจ ก้าวผ่านเส้นชัยอย่างทรนง
แม้ไม่อาจทำดีได้ทั้งหมด แต่ใจยังกำหนดบทบาทได้ ไม่อาจเปลี่ยนโลกนี้ได้ตามใจ ใช่ข้ออ้างเพื่อปราชัยในความเลว บางที ชีวิตก็เจ็บปวด เหมือนถูกหวดด้วยลวดหนามยามล้มเหลว ในฝุ่นควันของกองไฟยังมีเปลว ในสังคมแสนเลวต้องมีดี ในความคิดมีสิทธิ์ทำผิดบาป เธอควรทราบความจริงคือสิ่งที่ ละเอียดอ่อน เกินปล่อยให้ใครย่ำยี ผลกระทบนั้นมากมีทุกทีทำ เราอาจไม่ทำดีได้ทั้งหมด ไม่มีใครหมดจดฉันขอย้ำ ก่อนเธอปล่อยให้เขามาเนาว์นำ เธอควรทำให้เต็มสิทธิ์ชีวิตเธอ ก่อนเรียกร้องให้ใครเสียสละ เธอควรจะเสียสละอยู่เสมอ ก่อนมองหาความดีที่อยากเจอ ขอเพียงเธอทำบ้างอย่างนั้นพอ เหมือนที่เธอสอนฉันในวันเก่า โลกสวยเริ่มที่เราเท่านั้นหนอ และจะค่อย ขยายแยกก่อนแตกกอ ผลิดอก ออกช่อ เป็นความดี ถึงไม่อาจทำดีได้ทั้งหมด และเมื่อคิดเป็นขบถ ต่อหน้าที่ ขอให้ได้ใช้ชีวิตตั้งจิตพลี ศิโรราบ แด่ความดี เท่านั้นนะ บทส่งใจ.. การปรับดุลภาพทางความคิด ให้สมดุล เมื่อจุดศูนย์ถ่วงของความดี ถูกย่ำยี การแหกปากเรียกร้อง หรือการตะโกนฟ้อง ไม่อาจทำให้คุณเป็นคนที่เข้มแข็งขึ้นได้ ขอให้เธอทั้งหลาย ยึดมั่นในความดีที่แท้ โดยไม่จำเป็นว่าเป็นความดีที่มีรางวัลหรือไม่ ด้วยรัก / แทนคุณแทนไท
ตัวสูงใหญ่ใช้เวลามาเป็นโขลง เดินเล็มโป่งหญ้างามตามแนวไพร อยู่หากินแนวป่าคนทำไร่ ช้างหลงไปเก็บกินพืชพันธุ์ไม้ที่คนทำถางไร่ปลูกพืชพันธุ์ ทั้งสับปะรดอ้อยมันกล้วยเคลือใหญ่ ช้างเก็บกินอิ่มหนำเดินจากไป เข้าพงไพรในป่าพนาสันต์ช้างไม่เพิ่มจำนวนจวนลดลง ก็เพราะคงตายไปใช่อาถรรพ์ คนหวังงาไปขายต้องล้มมัน ตัดเอางาช้างพลันต้องสิ้นใจมีข่าวฆ่าแม่ช้างหวังเอาลูก ซุ่มยิงถูกกลางหัวแม่ช้างใหญ่ ค่อยๆซุดร้องสั่งก่อนล้มไป ให้หนีไกลคนชั่วก่อนตัวตายลูกช้างเห็นแม่ล้มเดินซมซาน พวกคนพาลใจชั่วยังมิวาย ตัดเอางาจับลูกช้างเดินรากหาย เอาไปขายนายทุนได้ราคา