เศรษฐีคนหนึ่งถามคนตกปลา ทำไมท่านไม่หาเรือมาช่วย ถ้าคิดอยากจะเป็นคนร่ำรวย ท่านต้องหาเรือสวยสวยช่วยผ่อนแรง คนตกปลา ถามได้เรือมาแล้วเป็นไง เศรษฐีตอบ ออกเรือไปเผื่อขันแข่ง สู่ทะเลลึกเพื่อหาปลาแพงแพง คนตกปลา แย้งถ้าได้ปลาแล้วจะทำไม ท่านก็ต้องเอาปลานั้นไปหาขาย พอได้เงินมากมายก็เก็บไว้ พอท่านร่ำรวยขึ้นแล้วจะทำอะไร ก็มานั่งตกปลาไง...ไร้กังวล... คนตกปลา ขอโทษทีเถอะนะท่าน สาธยายเสียร้อยพันแบ่งโภคผล กะแค่เพิ่ม...คนตกปลา...อีกหนึ่งคน ข้าไม่เห็นต้องดิ้นรน...ก็ตกเป็น
สิ่งนั้นตรวนข้าขังยังคุกลับ สิ่งนั้นจับข้าปลิดอิสระ สิ่งนั้นช่างร่ำรวยด้วยราคะ โภชนะชั้นดีของปีศาจ รยางค์โยงแน่นตรึงถูกรึงรัด ศตวรรษบ่วงกรรมกระหน่ำสาด กรรมปางใดทวงมาขุ่นอาฆาต วิปลาตงันงงในวงกต ลมหายใจเลี้ยงซากกากชีวิต เสียจริตใบ้บ้าน่าสลด แผดเสียงร้องโหยหวนชวนระทด โพล่งสบถถ่อยต่ำคำอุบาทว์ อันความหวังไร้สิ้นดินแดนดิบ เขี้ยวคมกริบตรงหน้าดารดาษ พร้อมเข้ากัดคอเค้นเข่นพิฆาต ยุรยาตรเยื้องกรายหมายโลหิต จมดิ่งดำมืดมนต้องทนทุกข์ ใครช่วยปลุกจากฝันอันเบือนบิด สิ่งนั้นมีแสนยามหาฤทธิ์ ผลาญพิชิตตัวตนข้าป่นดับ ทรมานหนาวเหน็บแลเจ็บปวด เกร็งขมวดมัดกล้ามยามขยับ จำเนียรกาลผ่านมาข้าซึมซับ ก้มหัวรับทุกข์ท้อมรคา สิ่งนั้นตรวนข้าขังยังคุกลับ สิ่งนั้นจับข้าพันกับตัณหา สิ่งนั้นช่างมากพิษอวิชชา อนิจจาสิ่งนั้นเป็นฉันเอง
เส้นทางชีวิตที่ทอดยาว ผ่านเรื่องผ่านราวมามากมาย ความสุขความทุกข์อันหลากหลาย สุดท้ายก็ล่วงผ่านพ้นไป เส้นทางชีวิตที่ทอดยาว ยังมีเรื่องราวของวันใหม่ ตราบที่ยังมีลมหายใจ เรื่องราวใหม่ใหม่ยังมีมา เส้นทางชีวิตที่ทอดยาว สองเท้าย่างก้าวมุ่งเดินหน้า บทเรียนวันเก่าคือตำรา เตือนก้าวเดินหน้าอย่างระวัง ระวังการย่ำซ้ำรอยเดิม อย่าฮึกเหิมเกริมอย่าคลุ้มคลั่ง รู้ใช้สติคุมกำลัง กันการพลาดพลั้งอย่างตั้งใจ สุดท้ายจุดหมายเมื่อไปถึง ได้เป็นที่หนึ่งอย่างผ่องใส เชิดหน้าชูคอด้วยพอใจ ก้าวผ่านเส้นชัยอย่างทรนง
ปฏิทินสิ้นปี...อีกปีแล้ว ยินเสียงแจ้วสวัสดีวันปีใหม่ รู้ดีรู้เห็นความเป็นไป ว่าจะปีไหนไหน...ไม่ต่างกัน แค่เข็มของเวลาวนมาครบ บรรจบรอบปีเข็มยาวสั้น ก็เริ่มรอบใหม่ในรุ่งวัน ก็แค่นั้นคิดอะไรให้มากมาย อย่าสนใจเรื่องปีที่เปลี่ยนหมุน จงสนใจตัวคุณ...ไหนเป้าหมาย ชีวิตที่เคลื่อนไหวยังไม่ตาย พร้อมเวลาเวียนว่าย...ครบรอบปี ถึงเวลามองตนค้นให้ทั่ว ทั้งตัวหัวใจไหนศักดิ์ศรี มองเวลาข้างหน้าอย่ารอรี เร่งสร้างความดี...เพื่อชีวิต
เจ้าของที่คนเก่าเขาไปไหน เจ้าของที่คนใหม่นั่นใครหว่า มาถมที่ห้วยหนองของชาวนา หุ่นพ่อค้าหน้าตาดียืนชี้มือ เจ้าของเดิมโดนปลดหมดความหมาย เพราะใจง่ายหลงลมเขาข่มซื้อ ขาดผู้มีเมตตาช่วยหารือ ความเซ่อเซ่อซื่อซื่อคือชาวนา มีปริศนามาเฉลยเอ่ยเรื่องเก่า จะขอนำมาเล่าเป็นปริศนา นิทานเศร้าเรื่องงูเห่ากับชาวนา เป็นปัญหาชวนพินิจสะกิดเกา เพียงประสบงูเห่านิ่งหนาวสั่น ก็กระสันเปลื้องทุกข์รีบคุกเข่า ประคองแขนอำนวยช่วยบรรเทา ด้วยความเขลาสุดท้ายวายชีวา ต้นอารีย์ต้นนี้ที่ปลูกไว้ ออกดอกเป็นภัยช่างไร้ค่า ต้นรักหักร้าวหนอชาวนา คงเหลือเพียงน้ำตาชโลมดิน เจ้างูเห่าก่อคดีที่ทุ่งนา พิพากษามิกล้ามาตัดสิน ฆาตกรงูเห่าเจ้าทมิฬ มันแลบลิ้นแผ่พังพานผลาญชาวนา ขอได้โปรดเถิดศาลอ่านสำนวน ให้ครบถ้วนกระทงความตามภาษา อย่าเพียงสรุปเพียงย่อรออาญา พิพากษารีบสะสางล้างมลทิน หากชักช้าชาวนาไทยไร้สงบ ต้องอพยพวุ่นวายต้องย้ายถิ่น ถูกฉ้อฉนป่นปี้ที่ทำกิน มันแลบลิ้นปลิ้นปล้อนบ่อนทำลาย
โอกาศสูงยิ่งล้ำ เกินใคร รองบาทฝ่ายนอกใน จ่ายเบี้ย เกิดเรื่องดุจสุมไฟ คุกรุ่น ทำตนต่ำตกเตี้ย รุ่มร้อนสถาบัน ยึดครองตัดป่าไม้ ยอดเขา ความแตกกลัวอับเฉา รีบรื้อ ทนด้านเกินคาดเดา ทำเก่ง วางท่าเหมือนคนบื้อ ต่อหน้าหมดอาย ครองยศสูงเยี่ยมฟ้า คนชม โลภมากผลักตกตม แอ่งน้ำ เลอะเทอะไม่เหมาะสม ควรอยู่ ต่อเฮย มุดซ่อนไปรีบจ้ำ เพื่อล้างเลวทราม ยศศักดิ์ครองอยู่แล้ว สูงสุด เป็นคนที่บริสุทธิ์ จึ่งได้ ความชั่วถูกเขาขุด ตีแผ่ ควรอยู่หรือกราบไท้ ล่วงแล้วลาไกล ควรอายใจหนึ่งบ้าง เพียงนิด ออกงานมุ่งแนบชิด ไพร่ฟ้า ประชาไม่ยอมสนิท คนต่ำ จิตเฮย เห็นตัวสั่นปากอ้า เอ่ยไหว้ฝืนใจ
ขิงกะข่า ข้ากะเอ็ง !
คือเรื่องจริงขิงก็รา.. ข่ายังแรง
ต่างตะแบงแย่งยื้อถือตนเหนือ
พริกแกงที่กลมกล่อมพร้อมจะเชื่อ
รสคงเบื่อ เมื่อขิงข่ากล้าหักหาญ
รสขิงแรง ..แข่งกะข่า ข้าต่างแน่ ไม่ยอมแพ้ปล่อยวางรสต่างต้าน แย่งกันแรงแข่งขันกันสะท้าน แย้งขนาน ไม่คลุกเคล้าเข้าเนื้อใน หากขิงข่า..สามัคคี ไม่มีแฝง พร้องสำแดง รสชาติไม่ขาดไข คงถูกปาก ถูกลิ้นคนกินได้ รสชาติใหม่คงปรากฎ..ได้รสแกง ขิงเจ้าข้า ! ข่าเจ้าเอ๋ย เคยเคียงข้าง แกงหลายอย่าง ไม่ห่างกันร่วมปันแบ่ง หากขิงข่าไม่แตกกันตะบันตะแบง คงเป็นแกงอร่อยเลิศประเสริฐศรี.. แกงเขียวหวาน แกงเผ็ดผัด รสจัดจ้าน มีขิงข่า มาเสริมสานผ่านวิถี หากสองฝ่ายไร้คุณค่าสามัคคี แกงรสดี จะมีได้ อย่างไรกัน !! คือเรื่องจริง.. อาจไม่จริงที่นิ่งอยู่ ต่างรวมหมู่ กู่ความชอบก่อม็อบปั่น ขิงไม่ราข่ายังแรงตะแบงตะบัน โศกนิรันดร์ มันยังรอ ..นะพ่อเอย.. ! ขิงกะข่า ข้ากะเอ็ง ..ต่างเร่งรุก ประเทศทุกข์ สนุกกันมันส์จริงเหวย เอาชนะคะคานกันอย่างเคย บทลงเอย..น่าสังเวช ประเทศไทย !!
แล้วปีเก่า ก็แปรผัน สิ้นวันเก่า สุขทุกข์เคล้า วนเวียน เปลี่ยนสับสน มีเกิดแก่ เจ็บตาย ว่ายเวียนวน หัวใจคน วุ่นวาย ว่ายวนเวียน จะเอา อะไรแน่ แก่ชีวิต ถูกหรือผิด ยากแก้ เหตุแปรเปลี่ยน อดีตคือ ข้อกำหนด เป็นบทเรียน ความพากเพียร คือรอยต่อ ความพอดีชีวิตซึ่ง จะก้าวไป ในวันหน้า สร้างศรัทธา ด้วยรัก ด้วยศักดิ์ศรี อนาคต คือความหวัง ที่ยังมี ชีวิตนี้ มิย่อท้อ สู้ต่อไปถึงปีใหม่ จะเปลี่ยนใหม่ อีกหลายหน ถึงใจคน จะหมุนเวียน เปลี่ยนคนใหม่ ถึงน้ำตา จะไหลพร่าง อยู่ข้างใน ก็พอใจ ให้เป็น เหมือนเช่นเคย จะอยู่สร้าง ภาพฝัน รอวันดับ จะทนกับ สำเนียง เสียงเยาะเย้ย ซื่อบื้อบ้าง หยิ่งบ้าง อย่างเชยเชย มิขอเอ่ย คำพ้อ ต่อผู้ใดมอบความปรารถนาดี ให้ชีวิต โดยถือสิทธิ์ ฤกษ์ดี ขึ้นปีใหม่ ด้วยความรัก ความหวัง กำลังใจ พร้อมจุดไฟ ความฝัน วันนี้แล้ว ฯ สมยศ เปียสนิท
ใครหนอ แสนประเสริฐ สร้างเราเกิด กำเนิดมา โอบอุ้ม คุ้มชีวา เปี่ยมเมตตา เป็นอาจิณ ใครหนอ เฝ้าห่วงใย เอาใจใส่ ไม่จบสิ้น ปัดป้อง ผองมลทิน เหงื่อไหลริน ก็ยินดี ใครหนอ ทุกข์แทนเรา คราวโศกเศร้า เขาขวัญหนี เจ็บป่วย ช่วยพัดวี มิหลีกลี้ มีน้ำใจ จะใคร ที่ไหนหนอ คือแม่,พ่อ ท่านก่อให้ การุณย์ บุญเกริกไกร ดุจเทพไท ไท้เทวัญ สำนึก ระลึกถึง จิตซาบซึ้ง จึ่งยึดมั่น รักพ่อ แม่พอกัน เท่าชีวัน ฉันพึงมี กตัญญู บูชาไซร้ จดจำไว้ ในเกศี พระคุณล้น ชลธี ตัวลูกนี้ ไม่มีลืม
มุ่งเสาะหาความรักไกลแสนไกล หวังจะได้พบปะร่วมสุขสอง ทางข้างหน้ายาวไกลถ้าใจปอง ยังคงต้องก้าวไปให้ได้มา... กี่ลมฝนพายุซัดกระหน่ำ กี่ความช้ำพบปะกี่ความหนาว กี่แสงแดดเจ็บปวดสุดรวดร้าว อีกกี่ก้าวก็จะไปหวังจะเจอ... เคยหยุดคิดหยุดพักกันบ้างไหม ว่าเสียไปเท่าไรคุ้มไหมหนอ รักตัวเองดีกว่ายามเราท้อ มีแม่พ่ออยู่ข้างหลังกำลังใจ
วันนี้โลกงดงามด้วยความรัก พร้อมมอบตักตวงให้จากใจซื่อ มอบดอกไม้แนบกมลวางบนมือ จำหลักสื่อคุณค่าคำว่ารักใจส่งใจด้วยมาลาบุปผาชาติ ออกประกาศความในใสสมัคร ตาต่อตาหวั่นไหวฤทัยมัก- แจ้งประจักษ์ด้านซึ่งไม่พึงเจอโอ้สาวสาวหน้าสวยตัวน้อยจ๋า อย่าหลงคารมร่ำคำเสนอ จากชายซึ่งประเสริฐ รักเลิศเลอ เพียงปรนเปรอปรารถนากามารมณ์รักอาจเป็นสิ่งดีในชีวิต ถ้ารักผิดทางจะระกำขม ค่อยค่อยรักคบหาอาวรณ์ชม จะไม่ตรม กลืนกล้ำหยาดน้ำตาถ้ายินดีบ่มนิยามของความรัก มันจะหนักและแน่นปานแผ่นผา เรือนใจสุดสดชื่นรื่นอุรา เรืองฤทธาอมฤตชิดชีวินหนุ่มหนุ่มเอ๋ยจงให้เกียรติอย่าเหยียดหยาม อย่ารักตามกำหนัดครองปองถวิล อย่ารักเพื่อสนองใคร่ให้ยลยิน และอย่าหมิ่นสตรีหม่นป่นระยำแต่จงรักอย่างผู้รู้ค่ารัก คอยฟูมฟักรักออกดอกชุ่มฉ่ำ ตราบอนาคตพร้องร้องลำนำ ล่วงฉนำยอดทองของชีวิตร่วมกันเถิดปลูกดอกไม้แห่งความรัก มอบใจภักดิ์พันธุ์พฤกษาประกาศิต ร่วมเรียนรู้กันและกันฉันมิ่งมิตร อย่าเร่งปลิดพรหมจรรย์แค่นั้นเลย ..................................................... ปล.สุขสันต์ในวันแห่งความรักที่กำลังใกล้เข้ามา จงรักอย่างมีสตินะครับ ด้วยรัก อิอิ
เห็นเอ็งหันมองขวา ซ้าย หน้า หลัง เอ็งกำลังหาอะไรหรือไม่หนอ? บอกข้าหน่อย ข้านี้ยินดีพอ ไม่ต้องง้อ ข้าช่วยด้วยเต็มใจเอ็งยิ้มแล้วพูดตอบ ขอบใจ-เพื่อน ก่อนเอ่ยเอื้อนจนแจ้งแถลงไข ข้ากำลังหาคนบนโลกัย ที่นอก-ในสะอาดปราศมลทินฟังเอ็งกล่าว ตรองตรึก ข้านึกหัว คนไร้ชั่ว ทราม ชัง หมดกังฉิน คิดเสาะหาจวบวารลาญชีวิน คงไม่ผินพบหน้าสบตากันจึงบอกว่า หยุดหาเถิดสหาย สิ่งที่หมายจะได้ยลบนสวรรค์ เหนือพิภพโลกมนุษย์ที่สุดนั้น ไม่มีวันรู้จักสักชีวีไม่มีใครเลิศเลอดอกเหนอเพื่อน ชีวิตเปื้อนดีร้ายหลากหลายสี จะหาคนสะอาดสรรพไร้อัปรีย์ ยากกว่ามีลูกเป็นควายหลายเท่าตัวที่กล่าวมาหมดนั้นมันจริงหรือ หรือว่าคือเรื่องขันอันน่าหัว เหอะ! ลองสืบค้นไปจะได้ชัวร์ ว่ามันมั่วหรือว่าจริงกว่าใครเอ็งจะหันซ้าย ขวา หน้าหรือหลัง อดีตยังอนาคตอันสดใส เชื่อเถอะว่าสัจธรรมยังอำไพ มีผู้ใดดีเต็มตัว-ชั่วเต็มตน? .....................................................
เขาบอกว่าความรักสร้างโลก ความโกรธที่ใด้จากความรักหล่ะ.....เคยคิดถึงหรือเปล่า คิดอะไรที่มันง่ายเกินไปมันไม่เกิดผลดีในอนาคตหรอกน่ะ จิตใจเราคิดว่าทำถูกเสมอ....ทั้งๆที่คนส่วนใหญ่..พ่อแม่พี่น้องบอกว่าไม่ถูก แต่ไม่รับฟังเจตนาดีของเขาน่ะ.....นี้แหละเขาจึงว่าความรักทำให้คนตาบอด สร้างโลกให้วุ่นวาย ...จริงไหม..คุณว่า
อีกาดำ ธรรมดา ตามองเห็น สิ่งนั้นเป็น ปกติ มิผิดเพี้ยน กาลสมัย บรรจบ ครบรอบเวียน สมเด็จฯ เขียน จารึกร้อย ฝากถ้อยความ ช่วงเวลา ถิ่นกาขาว ในราวนี้ ผู้คนมี ความเห็นผิด น่าคิดถาม มองอีกา ตัวมืดคล้ำ ดำวับวาม พิศว่างาม ขาวดังหงส์ น่าปลงใจ เห็นสีดำ เป็นขาว ราวสวรรค์ หมื่นร้อยพัน อวิชชา มาครอบไว้ กระเบื้องแผ่น ฟูฟ่อง ล่องลอยไป น้ำเต้าไหล ถอยจมลง ในคงคา ผีโขมด จากป่าวิ่ง สิงสู่เมือง คนเล็กเขื่อง ทำโตใหญ่ ได้พรรษา ปราชญ์บัณฑิต เดินถอยร้าง ห่างเมืองมา มุ่งเข้าป่า หาธรรมะ ประดับตน
ทิวาทาบ อาบพราย ปรายน้ำค้าง ก่อนลาร้าง แห้งหาย ระเหยริน กรุ่นไอหมอก เลื่อนหลบ ซบผืนดิน ภูผาหิน ตระหง่าน ต้านพระพาย วิภากร เคลื่อนแสง เเสดงศรี ถึงนาที ก้าวย่ำ ไปตามสาย ด้วยสองมือ ฝันฝ่า หาเลี้ยงกาย แค่จุดหมาย ดำรง คงชีวี จากกลางวัน หมุนเวียน เปลี่ยนค่ำคืน บ้างหยัดยืน บนทาง ต่างวิถี สิ่งรายรอบ สุขเศร้า คละเคล้ามี ทั้งชั่วดี เพียงจิต คิดกระทำ
สำเภาทอง ล่องนาวาฟ้าพาณิชย์ คือบัณฑิตวิชชาชาญบริหาร รู้ธรรมะนำชีวิตพิชิตงาน รู้แตกฉานชาญวิทยาล้ำค่าคม โบกสะบัดศตวรรษพัดสนปก อร่ามกนกหกทิศวิจิตรสม เสด็จพ่อคือศูนย์กลางพร่างพรายพรหม ชนชื่นชมสมสมญา...พระนคร