อันชื่อเสียงเงินทองกองตรงหน้า แลกยศถาพาศักดิ์อันบาตรใหญ่ แยกชนชั้นสูงต่ำกลางร่ำไป เส้นกูใหญ่จะทำไมใครกล้าคาน แค่ไม้ซีกริจักงัดซุงต้น มึงแค่คนต่ำต้อยร้อยสังขาร ก็มีแบ๊คตัวโตอันโอฬาร ย่อมสำราญไร้ผิดลิขิตพาล อันลูกกูข่มขืนกำแหงข่ม อยากดอมดมเมียใครได้ผสาน ฤาลูกใครสวยสดกดกายนาน ผิดมิคร้านหลุดรอดไป่กลัวเกรง ยอมอยู่ใต้อำนาจอันบาตรเขื่อง ยอมขายเรื่องศักดิ์ศรีลี้ข่มเหง ให้กูรอดกูพ้นกูนักเลง กูได้เบ่งใครล้มช่างหัวมัน น่าอนาถความคิดสติอ่อน ศีลธรรมนอนถับถมดูขำขัน เอาตัวรอดกอดอำนาจยศถากัน ศักดิ์ศรีนั้นความเป็นคนเสื่อมถอยลง ยินคำพูดดูดสติได้สลด สังคมหดเสื่อมสิ้นน่าสารสง คุกมีไว้ ขังหมา ขี้เรื่อนปลง อีกหนึ่งบ่ง คนจน ไร้ทางเดิน อันกูรวยเงินทองอำนาจส่ง กฏหมายคงไร้หมายมิขัดเขิน ทุกวันนี้ตัวกูต้องเผชิญ ความเจริญเหยียบย่ำธรรมจรรยา พระท่านว่า "ต่อไป คนจะเห็นกงจักรเป็นดอกบัว ถูกเป็นผิด ผิดเป็นถูก ไร้ศีลธรรมจรรยา" ใครจะทำไม ??
ออฟเอ๋ย ออฟฟิศ มีความคิดมีความอ่านมีปัญหา มีวิพากษ์มีวิจารณ์มีปัญญา มีอิจฉามีเรื่องมีเคืองกัน มีวางเฉยมีมองจ้องจับผิด มีประดิษฐ์มีประจบมีขบขัน มีรอยยิ้มมีน้ำตาสารพัน มีเธอฉันมีพวกมันมีพวกเรา มีนินทากาเลมีเสแสร้ง มีอ่อนแข็งมีตลกมีโศกเศร้า มีปกป้องมีพ้องพรรคมีหนักเบา มีใหม่เก่ามีลูกรักมีลูกชัง มีมากมายหลายหลากมีปากเสียง มีอคติมีลำเอียงมีหน้าหลัง มีคลาดเคลื่อนมีเบือนบิดมีปิดบัง มีคำสั่งมีคำสอนคำติชม มีโต๊ะใหญ่มีโต๊ะเล็กมีเซคชั่น มีฝ่าฟันมีฝ่าฝืนมีขื่นขม มีเก็บกดมีระบายมีระบม มีประเมินมีผลักล้มมีผลักดัน “ที่ทำงาน” ก็คือที่ฉันทำงาน ฉันไม่พาลจับผิดคิดเดียดฉัน เธอดีมาฉันดีไปไม่ว่ากัน เล็กน้อยนั้นจงอภัยอย่าใหญ่โต ถึงแตกต่างอย่าแตกแยกให้แตกร้าว ช่วยบอกกล่าวเจรจาอย่าโมโห เบื่อรบราพวกขุดคุ้ยข่มคุยโว ใครทำโง่ก็ตาม ฉันทำงาน
เส้นทางชีวิตที่ทอดยาว ผ่านเรื่องผ่านราวมามากมาย ความสุขความทุกข์อันหลากหลาย สุดท้ายก็ล่วงผ่านพ้นไป เส้นทางชีวิตที่ทอดยาว ยังมีเรื่องราวของวันใหม่ ตราบที่ยังมีลมหายใจ เรื่องราวใหม่ใหม่ยังมีมา เส้นทางชีวิตที่ทอดยาว สองเท้าย่างก้าวมุ่งเดินหน้า บทเรียนวันเก่าคือตำรา เตือนก้าวเดินหน้าอย่างระวัง ระวังการย่ำซ้ำรอยเดิม อย่าฮึกเหิมเกริมอย่าคลุ้มคลั่ง รู้ใช้สติคุมกำลัง กันการพลาดพลั้งอย่างตั้งใจ สุดท้ายจุดหมายเมื่อไปถึง ได้เป็นที่หนึ่งอย่างผ่องใส เชิดหน้าชูคอด้วยพอใจ ก้าวผ่านเส้นชัยอย่างทรนง
วัยรุ่น ดรุณเปลี่ยว ขาดเฉลียว ชอบเที่ยวเตร่ จับกลุ่ม สุมฮาเฮ ทำหมิ่นเหม่ ดื่มเมรัยสูบยา น่าละเหี่ย เดินคลอเคลีย เสียนิสัย ปล่อยตัว มิกลัวภัย ระเริงวัย ไป่ระวังหนูหนู ฟังปู่ก่อน ปู่อาทร จะสอนสั่ง หยุดรั้น ดันทุรัง แล้วจงฟัง อย่างตั้งใจหนุ่ม,สาว คราวคะนอง ปราศไตร่ตรอง ต้องแก้ไข ใช่เขลา ตามเขาไป ควรระไว ห่วงใยตนรู้ละ ปฏิเสธ รู้สังเกต เหตุและผล ทวนทบ เลือกคบคน อยู่ให้พ้น กลอุบายวัยหัว-เลี้ยวหัวต่อ เร่งจดจ่อ ก่อขวนขวาย สุขสันต์ รอบั้นปลาย คือจุดหมาย ในชีวินสองทาง ต่างสุดขั้ว อยากดี,ชั่ว ตัวถวิล กุศล กับมลทิน เห็นอาจิณ ตัดสินเอง
เจ้าของที่คนเก่าเขาไปไหน เจ้าของที่คนใหม่นั่นใครหว่า มาถมที่ห้วยหนองของชาวนา หุ่นพ่อค้าหน้าตาดียืนชี้มือ เจ้าของเดิมโดนปลดหมดความหมาย เพราะใจง่ายหลงลมเขาข่มซื้อ ขาดผู้มีเมตตาช่วยหารือ ความเซ่อเซ่อซื่อซื่อคือชาวนา มีปริศนามาเฉลยเอ่ยเรื่องเก่า จะขอนำมาเล่าเป็นปริศนา นิทานเศร้าเรื่องงูเห่ากับชาวนา เป็นปัญหาชวนพินิจสะกิดเกา เพียงประสบงูเห่านิ่งหนาวสั่น ก็กระสันเปลื้องทุกข์รีบคุกเข่า ประคองแขนอำนวยช่วยบรรเทา ด้วยความเขลาสุดท้ายวายชีวา ต้นอารีย์ต้นนี้ที่ปลูกไว้ ออกดอกเป็นภัยช่างไร้ค่า ต้นรักหักร้าวหนอชาวนา คงเหลือเพียงน้ำตาชโลมดิน เจ้างูเห่าก่อคดีที่ทุ่งนา พิพากษามิกล้ามาตัดสิน ฆาตกรงูเห่าเจ้าทมิฬ มันแลบลิ้นแผ่พังพานผลาญชาวนา ขอได้โปรดเถิดศาลอ่านสำนวน ให้ครบถ้วนกระทงความตามภาษา อย่าเพียงสรุปเพียงย่อรออาญา พิพากษารีบสะสางล้างมลทิน หากชักช้าชาวนาไทยไร้สงบ ต้องอพยพวุ่นวายต้องย้ายถิ่น ถูกฉ้อฉนป่นปี้ที่ทำกิน มันแลบลิ้นปลิ้นปล้อนบ่อนทำลาย
ได้ยินถ้อยแม้น้อยคำชุ่มฉ่ำนัก หวานคำรักซึ้งสลักปักใจฉัน ฟังกี่ครั้งยังเพราะดีทุกวี่วัน หากเธอนั้นเอ่ยทุกวันฉันสุขใจ กลัวแต่ว่าวาจานั้นพาฉันเศร้า เพราะคงเขลาไม่เข้าใจถ้อยคำไหน คำพูดจริงคำพูดเท็จเด็ดจากใจ พูดอย่างไรพูดไปได้ไม่ต้องตรอง หากถ้อยคำหวานฉ่ำเลอล้ำนั้น ถูกกรองกลั่นคั้นจากใจมอบไว้สนอง ฉันยินดีมีสุขใจใคร่ใฝ่ปอง เฉลิมฉลองจองเธอไว้มิให้ใคร ถ้าถ้อยคำพลอดพร่ำจนฉ่ำหวาน ในวันวานวันนี้หรือวันไหน เป็นกลอนสดเธอเขียนบทเพื่อเล่นไป ฉันตัดใจลาจากไปให้ไกลเธอ ถ้อยคำนั้นสรรค์สร้างหนทางสวรรค์ ทุกคนนั้นต่างพากันใฝ่ฝันเสมอ หรือเสกสรรปั้นแต่งไว้ให้พร่ำเพ้อ เพียงแค่เผลอพาลงไปในอเวจี
บ้านเรือนบ้านเมืองยับพังพ่าย เด็กหญิงเด็กชายต่างโหยไห้ พ่อรบแม่อยู่ระวังภัย พ่อไปไม่กลับล่วงลับลา เด็กน้อยวัยเยาว์เจ้าพิสุทธิ์ โลกมนุษย์โหดร้ายเข่นฆ่า ภาพฝันภาพหวังพังลงมา ดินแดงเดือดกว่าจะด้นเดิน สายรุ้งแสงแดดจะหมองหม่น ดอกไม้กลีบหล่นมานานเนิ่น ผีเสื้อปีกสิ้นแรงเผชิญ เหนื่อยล้าเหนื่อยเกินจะก้าวไป เพลงแห่งสันติร้องแสนโศก เพลงรักชาวโลกอยากบอกให้ เลิกรบเลิกฆ่าเลิกก่อไฟ เพื่อเด็กเยาว์วัยใต้ตะวัน
แม้ไก่จะไม่ขัน ดวงตะวันก็โผล่มา สายน้ำที่ไหลลา ห่อนหวนหามาที่เดิม ปีเก่าไม่ส่งท้าย ก็ห่างหายไม่ต่อเติม ปีใหม่ไม่เฉลิม- ฉลองรับ ฉับฉับมา ฉะนี้ เพราะฉะนั้น ตระหนักกันใช้ปัญญา คืนวันล่วงเวลา คงคุณค่าคณามี อย่าปล่อยให้ล่วงเปล่า อยู่ที่เก่าไม่ใยดี วันเดือนเคลื่อนเป็นปี รู้หน้าที่ทำดีกัน วันนี้ดีที่สุด รีบเร่งรุดสุดสร้างสรรค์ อย่าริไปผลัดวัน- ประกันพรุ่งไม่รุ่งเรือง แม้ไก่จะไม่ขัน ดวงตะวันก็โผล่เนือง อย่าให้สิ้นเปล่าเปลือง ทำต่อเนื่องแต่วันนี้.
ความจริงมีอยู่รู้กันทั่ว ก็ยังมั่วยืนยันนั่นไม่ใช่ ชักแม่น้ำทั้งห้าว่ากันไป ตามแต่ใจท่านคิดประดิษฐ์เอา ให้มีเงื่อนมีแง่แล้วแต่คิด เกิดพลั้งผิดจดจำนำไปเล่า กว่าจะแก้ไขได้ให้เรื่องเบา ก็ทำเอาเดือดร้อนไปค่อนเมือง หากถามใจทุกไทยใครก็ภักดิ์ แย่งกันรักชอบกลจนมีเรื่อง ข้ารักมากกว่าใครในบ้านเมือง ให้เขาเคืองหมั่นไส้ได้ทุกวัน
๏ สงบเย็นเห็นโลกโบกศานติ ชั่วขณะสมาธิสติตั้ง ละเลื่อมเงาเทาแสงแสดงพลัง ฉายมนต์ขลังหยั่งยอดหญ้าระย้างาม ๏ สดใหม่ใสกระจ่างสว่างจิต ความคิดดิ้นติดกับกับคำถาม จะหยุดยื้ออย่างไรไว้ในความงาม ทุกโมงยามยอดหญ้ายังงามอยู่ ๏ ลองหยุดย้อนความถามตนก่อน คำสอนเรื่องความงามตามความรู้ ถูกถกความตามสังคมชมเชิดชู ต่างตีความตาม "ตัวกู" รู้ว่างาม ๏ งามงดหมดจดจิตบรรเจิด พิเลิศเพลิดเพลินเกินมองข้าม ขาวใสไร้ริ้วรอยพลอยเพ้อตาม นี่คือความงดงามตาม "จิตกู" ๏ ลองหยุดย้อนความถามตนก่อน กาพย์กลอนสอนใจใยถึงรู้ ดั่งภาษิต " กูคิด จึงมีอยู่ " จิตจึ่งกระโจนสู่การยึดติด ๏ ชั่วขณะถนัดนึกตึกตรองชัด กระบวนทัศน์สลัดทิ้งพึ่งพิงจิต ปล่อยปลด ลด ละ วาง สางความคิด สิ่งใดใดใช่ถูกผิดจิตปล่อยวาง ๏ ปล่อยวางว่างห่างจากตัวตน เลิกหาล่าเหตุผลมาก่นอ้าง เผชิญพบทบทวนด่วนปล่อยวาง อย่าเก็บกักถักถ่างทางอารมณ์ ๏ แล้วโลกจะสงบพบสันติ ชั่วขณะสมาธิที่เหมาะสม ผลิโผล่โตเติบจากเปือกตม จักบานบ่มห่มโลกให้ร่มเย็น ๏ ยอดหญ้าอ้าบานเบ่งเร่งเหี่ยวเฉา สีสันบั่นบรรเทาทุกสายเส้น แตกตายสลายรวงร่วงกระเด็น ความงามที่แลเล่นล้วนลวงเรา ๏ จึงจับจิตจดจ่อปัจจุบัน สติสงบมั่นกลั่นความเขลา สว่างสัจธรรมนำร่มเงา เปิดม่านบ้านจิตเก่าเกิดสุขเย็น ๏ สงบเย็นเห็นโลกโบกศานติ ชั่วขณะสมาธิจิตชัดเด่น ละเลื่อมเงาเทาแสงแสดงเล่น ยอดหญ้าเบนเอนไหวในความว่าง !!!
กาลเวลาล่วงเลยผ่านพ้น ใครบางคนที่เคยหม่นหมอง ลองนึกใคร่ครวญและไตร่ตรอง ว่าที่หม่นหมองนั้นเป็นเพราะอะไร มีประโยชน์อะไรไหมที่เป็นอย่างนี้ เพราะลองดูกี่ที กี่ที ก็ยังไม่เห็นมีอะไรดีขึ้น ทำตัวเป็นคนล้มแล้วยังไม่กล้ายืนขึ้น สักวันหนึ่งเขากลับมาก็คงจะบอกว่าดีแล้วที่ฉันจากไป ลองทำตัวเองเสียใหม่ดีกว่าไหม อย่ารอให้ใครยื่นมือมาดึงขึ้น จงลุกยืนด้วยตัวคุณที่เป็นคุณ แล้วประกาศว่าฉันอยู่ได้โดยไม่มีเธอ จงนำบทเรียนที่ได้รับ กลับมาเป็นครูไว้คอยสั่งสอน ให้ต่อไปในทุก ๆ ตอน ฉันมีสิ่งที่สอนแล้วว่ามันเป็นอย่างไร
เอาผ้าขม้า พาดบ่า ไปหน้าบ้าน รอผู้ภิก ขาจาร ผ่านมาโปรด หวังขัดเกลา ลดทัณฑ์ อันเป็นโทษ หลงโลภโกรธ เกาะกินใจ ให้คลายลง ชีวิตที่ ผ่านไป นั้นหน่ายหนัก เวลาพัก เลิกหวัง ดังประสงค์ เพราะหลงโลภ นำใจ ไม่ให้ปลง จึงยังคง อยากได้ แต่ฝ่ายเดียว ลำบากกาย ลำบากใจ ฝืนไขว่คว้า ใครก่นว่า อย่างไร ไม่แลเหลียว ยังย้อนเขา ว่าตุ่น วุ่นนักเชียว เพราะไม่เขี้ยว มัวเป็นสาก จึงยากจน มาบัดนี้ เริ่มสาย ปลายชีวิต จึงเห็นพิษ เห็นภัย ใช้เหตุผล ทรัพย์สมบัติ กองไว้ ไช่ของตน มีจนล้น แค่ไหน ตายอยู่ดี
เห็นครอบครัวซาเล้งข้างถนน พ่อแม่ลูกเวียนวนกันค้นหา เก็บขยะไปขายได้เงินมา แค่พอเลี้ยงชีวาไปวันวัน แล้วทำไมตัวฉันต้องท้อถอย มีคนอีกไม่น้อยด้อยกว่าฉัน คนที่มีปัญหาสารพัน มีมากมายใช่ฉันเพียงคนเดียว.
ชายชรา ผมขาว แก่คราวปู่ นั่งพักอยู่ โคนฉำฉา พฤกษาใหญ่ เล่าอดีต ก่อนเก่า ตอนเยาว์วัย จาระไน เหตุการณ์ สิ่งพานพบ เด็กหลายคน ห้อมล้อม น้อมสดับ มุ่งซึมซับ สาระ โดยสงบ เสียงผู้เฒ่า จำนรรจ์ กล่าวครันครบ ย้อนทวนทบ ประสบการณ์ อันผ่านตา สมัยปู่ ยังเด็ก เล็กอยู่นั้น พนาสัณฑ์ คือแหล่ง แห่งภักษา มีส่ำสัตว์ พืชพันธุ์ ยันหยูกยา คนกับป่า ผูกพัน เหมือนกันชน ไม่วิตก ขัดเคือง เรื่องดินฟ้า อยากทำนา ทำไร่ ล้วนได้ผล ฤดู รู้กำหนด หมดกังวล ใช่วิกล เบี่ยงเบน เช่นยุคนี้ ห้วย,หนอง,คลอง สะอาด ปราศมลพิษ ปลาสลิด ช่อน,ดุก มีทุกที่ กุ้ง,หอย,ปู อุดม สมบูรณ์ดี สายนที เลี้ยงหล่อ ก่อชีวิน มองท้องทุ่ง ยามเย็น เห็นกระสา ฝูงอีกา โพระดก นกขมิ้น เอี้ยง,ขุนทอง สาลิกา ลงหากิน นกท้องถิ่น อีกมาก ที่จากจร ปัจจุบัน มิเป็น เช่นนั้นแล้ว ไร้วี่แวว เกษมศานต์ เยี่ยงกาลก่อน สรรพสัตว์ มากมาย วายม้วยมรณ์ ความเดือดร้อน ดาหน้า มาก่อกวน เพราะมนุษย์ โค่นไม้ ไม่เกรงโทษ หิวประโยชน์ บีฑา ป่าสงวน ฝนฟ้าจึง วิปริต ผิดแปรปรวน ทุกสิ่งล้วน วอดวาย ในมือคน เสียงปู่เฒ่า สะเทือน เหมือนปวดร้าว แจงเรื่องราว สาธก ยกเหตุผล จนตะวัน ลับตา ฟ้ามืดมน จึงจำนน หลับไป ใต้ร่มไม้ กลุ่มเด็กน้อย หันหน้า ปรึกษากัน รออีกวัน รุ่งทิวา จะมาใหม่ แม้ตะขิด-ตะขวง คิดห่วงใย แต่หักใจ ใกล้ค่ำ จำกลับ
สะสมทรัพย์เพิ่มค่าจะพาสุข
สะสมทุกข์ทุกวันมันเสียหาย
คนฉลาดเ้ก็บเพชรนิลสินมากมาย
คนใจร้ายสะสมเกลียดและเครียดตึง
เลือกเอาเถิดสิ่งใดที่ใจชอบ จะเก็บกอบเงินตราค่าสลึง หรือเก็บกอบเกลียดโกรธโปรดคำนึง สะสมซึ่งปัญญาดีกว่าเอย ----แก้วประภัสสร----
๏ กว่าจะแกร่งแข็งได้ในวันนี้ ก็หลายทีทำพลาดอาจถลา แม้เจ็บจุกปลุกใจให้ลุกมา อย่ายอมล้ารอนลดหมดแรงใจ ผิดคือครูดูเห็นเป็นตัวอย่าง คำกล่าวอ้างเอ่ยไว้ได้ยินไหม ที่พลั้งพลาดพลาดแล้วแล้วเลยไป เรียนรู้ไว้สังวรสั่งสอนตน เยี่ยงอย่างดีมีไว้ให้เอาเยี่ยง หนทางเพลี่ยงพล้ำเตือนเลื่อนหลงหน ทนทำดีดีทรงอยู่คงทน จงเป็นคนมีค่าพาเจตน์จง เมื่อกล้าแกร่งแข็งได้ในวันนี้ ใช่ไม่มีมองผิดจิตเลอะหลง ควรพินิจคิดบั่นปัญหาปลง เพื่อธำรงความแข็งแกร่งปัญญา ๚
ฉันไม่รู้ตัวฉันมีสองเพศ ถูกอาเพศเป็นชายให้อ่อนหวาน เกิดมาหล่อและสวยดั่งวิมาน ในร่างกายชายชาญของฉันเอง ฉันยอ่อนโยนเกินกว่าชายแท้ๆ ฉันอ่อนแอไม่ชอบการข่มเหง ฉันไม่ชอบแสดงออกดั่งนักเลง ที่จะเป็นจุดเด่นในสั่งคม มีคำถามจากเพื่่อนที่สงสัย เหตุไฉนเกิดเป็นชายไม่อวดเก่ง ฉันเป็นตัวตัวของตัวฉันเอง ไม่จำเป็นต้องเด่นเหมือนใครๆ ฉันเป็นชายที่รักความอ่อนหวาน ถูกกล่าวขานผิดธรรมเนียมเป็นไหนๆ จะชายแท้หญิงเทียมแล้วอย่างไร อยู่ที่ใจใช้เพศเป็นสำคัญ ถ้าเลือกได้ใครจะเลือกเกิดผิดเพศ อณาเขตจำกัดขนาดไหน ถูกสังคมดูถูกก่าวใครๆ ลองเปิดใจมองเราให้เข้าที เรานี้หรือเขาว่าวิปริต เป็นโรคจิตไม่มีอะไรดี อยากถามว่าใครกันที่แสนดี หรือเศรษฐีมั่งมีด้วยเงินตรา จงมองที่คุณค่าก่าวที่เห็น ที่ผมเป็นอย่างนั้นอย่าสงสัย อันความรักความชอบเกิดจากใจ ใช้อยู่ที่เพศกายใคร่ควรมอง จะเพศไหนอย่างไรก็น่ารัก ถ้ารู้จักทำตัวไม่หม่นหมอง จำเป็นหรือต้องแคร์สายตามอง เป็นครรลองปิดกั้นตัวตนเรา