อันชื่อเสียงเงินทองกองตรงหน้า แลกยศถาพาศักดิ์อันบาตรใหญ่ แยกชนชั้นสูงต่ำกลางร่ำไป เส้นกูใหญ่จะทำไมใครกล้าคาน แค่ไม้ซีกริจักงัดซุงต้น มึงแค่คนต่ำต้อยร้อยสังขาร ก็มีแบ๊คตัวโตอันโอฬาร ย่อมสำราญไร้ผิดลิขิตพาล อันลูกกูข่มขืนกำแหงข่ม อยากดอมดมเมียใครได้ผสาน ฤาลูกใครสวยสดกดกายนาน ผิดมิคร้านหลุดรอดไป่กลัวเกรง ยอมอยู่ใต้อำนาจอันบาตรเขื่อง ยอมขายเรื่องศักดิ์ศรีลี้ข่มเหง ให้กูรอดกูพ้นกูนักเลง กูได้เบ่งใครล้มช่างหัวมัน น่าอนาถความคิดสติอ่อน ศีลธรรมนอนถับถมดูขำขัน เอาตัวรอดกอดอำนาจยศถากัน ศักดิ์ศรีนั้นความเป็นคนเสื่อมถอยลง ยินคำพูดดูดสติได้สลด สังคมหดเสื่อมสิ้นน่าสารสง คุกมีไว้ ขังหมา ขี้เรื่อนปลง อีกหนึ่งบ่ง คนจน ไร้ทางเดิน อันกูรวยเงินทองอำนาจส่ง กฏหมายคงไร้หมายมิขัดเขิน ทุกวันนี้ตัวกูต้องเผชิญ ความเจริญเหยียบย่ำธรรมจรรยา พระท่านว่า "ต่อไป คนจะเห็นกงจักรเป็นดอกบัว ถูกเป็นผิด ผิดเป็นถูก ไร้ศีลธรรมจรรยา" ใครจะทำไม ??
โลกกว้างหนทางแคบ อาจปวดแปลบบางเวลา รอยยิ้มหรือน้ำตา ช่วยเติมค่าความเป็นคน อดทนและทนอด ท้อรันทดอย่าสับสน อ้างว้างกลางหมู่คน รู้ใจตนเป็นสำคัญ ชีวิตมีหลายหลาก มีลำบากมีสุขสันต์ เรียนรู้ให้เท่าทัน จะฝ่าฟันถึงดวงดาว หนทางยาวไกลนัก จงตระหนักสีดำ-ขาว หลากหลายแห่งเรื่องราว ล้วนที่เรา......ต้องเผชิญ
ถึงคราวโศก โลกจะหลับ ดับสลาย อีกกี่กาย จะหายพ้น คนรอดหนี จะเหลือรอด ปลอดภัย ไหมชีวี ถ้าโลกนี้ พิโรธ โกรธแค้นเรา เขาจะล้าง สร้างโลกใหม่ ให้แปรเปลี่ยน จะหมุนเวียน เขียนโลกไป ตามใจเขา สร้างสิ่งนั้น สรรค์สิ้งนี้ ที่อยากเอา ยกเว้นเรา เงามนุษย์ สุดเลวทราม ทำร้ายโลก ให้โศกแทบ จะแสบสัน ทนมานาน ผ่านกัปกัลป์ มันสุดหยาม เอาชีวิต จิตวิญญาณ สันดารทราม ไปสังเวย สวาปาม ตามพอใจ เมื่อโลกโกรธ จะมาโทษ โกรธเคืองโลก เขาต้องโศก โลกร้องไห้ ใครรู้ไหม มนุษย์ทำโลก โศกทุกข์ ลุกเป็นไฟ แล้วจะมา พิร่ำพิไร ทำไมกัน ตอนนี้ถึง ซึ่งเวลา โลกฆ่าคน เหตุและผล คนฆ่าโลก ให้โศกศัลย์ โลกเอาคืน ฝืนชะตา หาได้ทัน หนีทุกวัน มันไม่พ้น คนต้องตาย น้ำท่วมโลก โชคร้ายซัด พัดมาหา รู้ชะตา ว่าโลกพัง กำลังสลาย ช้าไปแล้ว แคล้วไม่พ้น ชนย์วางวาย ถึงคิดได้ ก็ต้องตาย กันอยู่ดี
เมื่อปีติดีใจก็ซาบซ่า หยาดน้ำตาก็พาลจะหลั่งไหล รับของขวัญจากคนที่เรามีใจ มิอาจกลั้นน้ำตาไว้ก็หลั่งมา ยินคำบอกว่ารักจากคนรัก น้ำตาท้นทะลักออกเต็มหน้า เจอะเพื่อนเก่าเราจากมานานนา ก็สุขในอุราน้ำตานอง ได้เลื่อนยศเลื่อนขั้นชั้นเงินเดือน หยดน้ำตาไหลเปื้อนอาบแก้มสอง ครั้นเสื่อมยศหมดค่าราคาครอง มิวายต้องร้องให้เห็นน้ำตา ได้รับคำสรรเสริญก็เพลินยิ่ง ปลื้มใจจริงน้ำตาไหลทำไมหว่า ประสบคำติฉินคนนินทา เจ็บอุราน้ำตาตกในอกตน คนมีรักได้สมอารมณ์ฝัน มิอาจกลั้นน้ำตาพาสุขล้น ครั้นเสียหลักรักร้าวคราวทุกข์ทน น้ำตาหล่นหลากนองทั้งสองปรางค์ คนผิดหวังนั่งหงอยคอยความหวัง น้ำตาหลั่งหวังผิดคิดอ้างว้าง คนสมหวังสมสุขมิจืดจาง สุขอย่าได้เหินห่างน้ำตาริน ใครเสียตัวนัวเนียเป็นเมียน้อย น้ำตาย้อยตอกย้ำระกำสิ้น เป็นเมียหลวงหวงภัสดาเป็นอาจิณ กล้ำกลืนกินน้ำตาอุราตรม น้ำตาไหลใครจะรู้ผู้นั้นทุกข์ หรือว่าสุขสดใสใจสุขสม สัตว์โลกล้วนถูกกลืนคลื่นอารมณ์ ซัดจนล่มอับปาง...กลางน้ำตา....
หยาดน้ำค้าง รุ่งทิวาฟ้าสางสร้างสิ่งเหงา หยาดน้ำเฝ้าแระเล็มเต็มใบหญ้า แสงสีสรรกระจ่างสว่างนัยน์ตา เหมือนบอกว่าใกล้แล้วแนวหนทาง มองตะวันกลมแดงแฝงใสสว่าง งามกระจ่างแต่ใจใยหม่นหมาง อกเอ๋ยอกประดุจหยุดต้องวาง สิ่งที่สร้างใกล้แล้วแผ่วหัวใจ โอ้หยาดน้ำค้างล่วงลับกับใบไม้ แสงสีไล้แวววาวพราวสดใส หลากความงามต้องหายให้หวั่นไป หวานสดใสเคยกระจ่างสว่างอารมณ์ น้ำเจ้าเอยเหมือนใจในห้วงอก หวั่นวิตกมากมายใยมาประสม ทั้งนอกในไหวหวั่นพรั่นภิรมย์ กลับตรอมตรมเสียแล้วแผ่วดวงจินต์ แสงแดดเริ่มร้อนรุ่มเหมือนสุมข้า บอกเวลาใกล้แล้วแนวทั้งสิ้น ฝากแต่ใจมอบไว้ในทางดิน ดุจดั่งกวินเวียนวนปะปนครอง ยืนซึมเศร้าเฝ้าปลงตรงร่างน้อย ที่จะลอยละล่องท้องฟ้าสนอง แสงสว่างเรืองรองหมองสิ่งปอง ดุจละอองหยาดน้ำเลิศล้ำกราย อันชีวิตของคนปนเปนัก วุ่นวายจักยึดมั่นนั้นก็สาย ผ่านกาลห้วงล่วงย้ำเหมือนน้ำพราย ต้องละลายยามอาทิตย์ทรวงจิตใน หยาดน้ำค้างแสนสวยช่วยสร้างโลก ให้บริโภคความสุขปลุกสิ่งใส แต่ใยข้าละเหี่ยเพลียหัวใจ ต้องลอยไปไกลเพื่อนหยาดเปื้อนตรม. แก้วประเสริฐ.
ไม่มีคมมีดใดที่ไหนคง ถ้าจำนงค์ใช้มันไปฟันหิน ถึงเหล็กกลัาแค่ไหนก็ต้องบิ่น สุดท้ายสิ้นคมไปไร้คนมอง เพียงใช้หินลูบหน่อยค่อยขัดถู อย่าไปหลู่หินนั้นมันจะหมอง สติมี เอาไว้ ใช้ไตร่ตรอง อย่าไปมอง หินทราย ไร้ค่าเลย มีดจะคมอยู่ได้ใช้หินลับ ขืนไปสับไม่ยั้งพังเพื่อนเอ๋ย ถ้อยทีถ้อยอาศัยให้เหมือนเคย จะลงเอยเหมือนเก่าที่เรามี จะตัดฟันสิ่งใดครวญใคร่นิด เป็นชีวิต เว้นไว้ ก็ได้นี่ มองเขาเป็นของเล่นเห็นว่าดี มันบ่งชี้ ว่าวิปริต ผิดผู้คน
ตัวสูงใหญ่ใช้เวลามาเป็นโขลง เดินเล็มโป่งหญ้างามตามแนวไพร อยู่หากินแนวป่าคนทำไร่ ช้างหลงไปเก็บกินพืชพันธุ์ไม้ที่คนทำถางไร่ปลูกพืชพันธุ์ ทั้งสับปะรดอ้อยมันกล้วยเคลือใหญ่ ช้างเก็บกินอิ่มหนำเดินจากไป เข้าพงไพรในป่าพนาสันต์ช้างไม่เพิ่มจำนวนจวนลดลง ก็เพราะคงตายไปใช่อาถรรพ์ คนหวังงาไปขายต้องล้มมัน ตัดเอางาช้างพลันต้องสิ้นใจมีข่าวฆ่าแม่ช้างหวังเอาลูก ซุ่มยิงถูกกลางหัวแม่ช้างใหญ่ ค่อยๆซุดร้องสั่งก่อนล้มไป ให้หนีไกลคนชั่วก่อนตัวตายลูกช้างเห็นแม่ล้มเดินซมซาน พวกคนพาลใจชั่วยังมิวาย ตัดเอางาจับลูกช้างเดินรากหาย เอาไปขายนายทุนได้ราคา
ปรัชญาที่ชาวจีนถือว่าเป็นมนตรานำโชคมาสู่ชีวิต 1. จงให้มากกว่าที่ผู้รับต้องการ และทำอย่างหน้าชื่นตาบาน 2. จงพูดกับคนที่ถึงแม้จะอายุน้อยกว่า แต่เขาก็มีความสำคัญเท่ากัน 3. จงอย่าเชื่อทุกอย่างที่ได้ยิน ใช้ทั้งหมดที่มี และนอนเท่าที่อยากจะนอน 4. เมื่อกล่าวคำว่า ฉันรักเธอ จงหมายความตามนั้นจริง ๆ 5. เมื่อกล่าวคำว่า ขอโทษ จงสบตาเขาด้วย 6. ก่อนจะตัดสินใจแต่งงาน จงหมั้นเสียก่อนอย่างน้อย 6 เดือน 7. จงเชื่อในรักแรกพบ 8. อย่าหัวเราะเยาะความฝันของผู้อื่น คนที่ไม่มีฝันก็เหมือนไม่มีอะไร 9. เมื่อรักจงรักให้ลึกซึ้ง และ ร้อนแรง อาจจะต้องเจ็บปวดแต่นั่นคือหนทางเดียวที่ทำให้ชีวิตถูกเติมเต็ม 10. ในเหตุการณ์ขัดแย้ง โต้อย่างยุติธรรม ไม่มีการตะโกนใส่กัน 11. อย่าตัดสินคนเพียงเพราะญาติๆ ของเขา 12. จงพูดให้ช้า แต่ต้องคิดให้เร็ว 13. ถ้าถูกถามด้วยคำถามที่ไม่อยากตอบ จงยิ้มแล้วถามกลับว่า จะรู้ไปทำไม 14. จงจำไว้ว่า สองสิ่งที่ยิ่งใหญ่ คือความรัก และความสำเร็จ ล้วนต้องมีการเสี่ยง 15. พูดว่า ขอพระคุ้มครอง เมื่อได้ยินใครจาม 16. เมื่อพ่ายแพ้ จงอย่าสูญเสียบทเรียนไปด้วย 17. จงจำ 3 R :- นับถือผู้อื่น นับถือตนเอง รับผิดชอบในสิ่งที่ตัวเองทำ 18. จงอย่าให้ความขัดแย้งเล็กๆ น้อยๆ มาทำลายมิตรภาพที่ยิ่งใหญ่ 19. ทันทีที่รู้ตัวว่าทำผิด ลงมือแก้ไขทันที 20. จงยิ้มเวลารับโทรศัพท์ ผู้ฟังจะเห็นได้จากน้ำเสียงของเรา 21. จงหาโอกาสอยู่กับตัวเ
พนมมือ ก้มลง ตรงตักอุ่น
กลิ่นละมุน ผ้าผวย ช่วยปลูกฝัง
เสื้อตัวเก่า เนานาน กาลรุงรัง
ขาดหน้าหลัง เห็นท้อง มองเมียงเมิน ... ...พูดเสียงแข็ง แรงน้อย ค่อยค่อยบ่น คนจนจน อย่างเรา เฝ้าขัดเขิน มีแค่ไหน ใช้แค่นั้น เดี๋ยวมันเกิน อย่าหลงเพลิน สิ่งใด ไม่เข้าที. .. .. เสื้อเก่าขาด ขนาดไหน แม่ใส่ได้ เงินที่ให้ เก็บไว้ เอาใช้หนี้ ลูกเหนื่อยยาก เข้าใจ ใช้แค่มี สิ่งดีดี ที่ทำ พร่ำภูมิใจ.. ... ..หมู เป็ด ไ่ก่ แพงลิ่ว หยุดหิ้วหาอย่าซื้อมา นักเลย แม่เอ่ยไว้
ปลาทูเค็ม ที่มี ขยี้ไป....
ฟูกดำเก่า แค่ไหน สุขใจแล้ว.
....
.....บ้านผุพัง หลังนี้ ที่แม่อยู่
พ่อและปู่ ช่วยสร้าง อย่างผ่องแผ้ว
อนุสรณ์ แห่งใจ ใสพราวแพรว
ฉะนั้นแล้ว ยอมตาย กายมุ่งมั่น.
....
...ขอแค่เจ้า เฝ้าจำ คำสั่งสอน
อย่านิ่งนอน อ่อนเอ แปร..เปลี่ยนผัน
อนาคต สดใส ใจตื้นตัน
ถึงวันนั้น จริงจริง ยิ่งภูมิใจ.
...
.....มิต้องการ สิ่งใด ในโลก..หล้า
ขอแผ่นฟ้า คุ้มครอง ป้องปกได้
ลูกกินอิ่ม เป็นคนดี ต่อนี้ไป
แม่นอนตาย ตาหลับ มิอับจน. ...
.....สิ่งที่แม่ ตอกย้ำ จำเสมอ
มิเผลอเรอ ทุกสิ่ง อิงเหตุผล
คนเรานี้ เลว ดี มีหรือจน
บาปเวียนวน ติดตัว ชั่วชีวี...
.
....ทุกถ้อยคำ พร่ำเอ่ย มิเคยลบ
ขอเคารพ บุญคุณ กรุ่นศักดิ์ศรี
ดูแลท่าน ตลอดกาล นานเนาปี
เป็นคนดี ของแม่ มิแชเชือน....
.
.....น้ำนมท่าน ทุกหยด สดจาก อก
ไหลรินปรก กายี ดีเสมือน
ดุจน้ำทิพย์ จากฟ้า หาลืมเลือน
ดั่งดาวเดือน เกลื่อนนภา ฟ้าพร่างพร
ฝนพรำ.. พรำลงมาผืนฟ้าเปียก นิ่งสำเหนียกในเพรียกร้องปองคิดถึง ฟังเสียงฝน เพียงลำพังนั่งรำพึง ไม่โศกซึ้ง แค่หลงทางระหว่างใจ หลงอยู่ในความทรงจำแห่งคำเขียน หลงวนเวียน อาขยานที่ขานไข อ่านแล้วเหงาเรายิ่งอ่านไม่ผ่านไป ยิ่งซึ้งในทุกถ้อยคำที่ขำคม อ่านกลอนเก่า.. แกล้มกับกาแฟดำ ดื่มขม-อ่านคำ ยิ่งย้ำขม ความเหงางามหลามไหลในอารมณ์ ..สู่ภวังค์จ่อมจม ในห้วงใจ ความเหงามีความงามในความเหงา อยู่ที่เราจะมองเห็นมันหรือไม่ มองให้เป็น ก็จะเห็นความเป็นไป ถ้าทนไหวมันจะงามตามเวลา ..ดื่มด่ำ ค่ำคืนเหงาให้เข้าถึง ..ลึกซึ้ง ดื่มความเหงาให้เข้าท่า มองความเหงาให้แจ่มชัดถนัดตา จะเห็นว่าก็แค่เหงา เราเลือกมัน และเราเลือกใช้ใจได้หลายอย่าง เลือกจะวาง หรือยึดยื้อถือไว้มั่น กาแฟดำที่รินรอก็เหมือนกัน รู้เท่าทันความขมพอ ..ก็หวานใจ
เกินกว่ากฎเกณฑ์ศาสน์ศีลธรรม อำนาจแห่งถ้อยคำพิพากษา ยิ่งกว่าการขันแข่งแห่งอัตตา ต่างค้นหากล่าวอ้างอย่างชอบธรรม โลกล้วนซึ่งความต่างกลับสร้างกรอบ แบ่งชนชั้นตามชอบใครสูงต่ำ ใช้ชีวิตเวียนว่ายไปตามกรรม ให้ศรัทธาน้อมนำกำลังใจ แดนใด...นรกหรือสวรรค์ ท่ามหมอกควันหมองหม่นหรือสดใส ตื่นจากความทุกข์ทนที่พ้นไป นรกไซร้เพียงน้ำตาความอาวรณ์ หนึ่งชีวิตลิขิตเองตามเพรงกรรม อดีตจำจดต่างอย่างคำสอน ผิดหรือถูกถามตนบนทางจร ชั่งน้ำหนักดูก่อนย้อนทบทวน บางครั้งผิดพลาดพลั้งหวังแก้ไข อยากย้อนกาลกลับไปอย่างไห้หวน เกิดด่างพร้อยรอยบาปกำซาบครวญ ดุจโซ่ตรวนตรึงตรากว่าสิ้นลม ตั้งสติเตือนตนบนทางเถื่อน ทุกข์สุขอาจเยี่ยมเยือนตามเหมาะสม ผ่านมาแล้วผ่านไปเพียงใจชม อย่ายึดติดตรอมตรมจมอาจิณ ไม่มีพิษใดร้ายทำลายขวัญ ไหนนรก/สวรรค์ล้างให้สิ้น ทั้งหมดล้วนสร้างกิเลสแก่ชีวิน ประคองตนสู่แดนดินถิ่นนิพพาน
๑. จะกล่าวถึงกรุงเทพมหานคร ราชรัฐแห่งสยามานุสรณ์ เมืองอมรมิ่งโกสินทร์มหินทรา ๒. นับสองศตวรรษหมุนผลัดผ่าน ประวัติศาสตร์สืบสานการศึกษา โลกแซ่ซร้องสรรพกิจวิทยา งามวัดวาเหมือนวาดราชมณเฑียร ๓. กว่าห้าสิบเชื้อชาติคือญาติมิตร ล้วนพึ่งพิงใกล้ชิดสถิตเสถียร บนผืนดินถิ่นสยามตามแบบเรียน สัญชาติไทยอ่านเขียนเพียรอ้างอิง ๔. พระมหาประมุขแห่งยุคสมัย รุ่งเรืองไกรเกริกเกียรติยศยิ่ง สัตว์มนุษย์เทวดามาพึ่งพิง สรรพสิ่งกลืนกลมตามสมดุลย์ ๕. ประชาราษฏร์ทั้งดี-บ้า มหาฤาษี ประชาชีไพร่ทาสอำมาตย์หนุน พระ-พราหมณ์อำนาจเก่าเจ้าประคุณ ทั้งนายทุนทั้งกุลีล้วนปรีดา ๖. ฝนตกต้องตามฤดูกาล ธรรมชาติบันดาลสุขทั่วหน้า จะลงน้ำในน้ำก็มีปลา จะลงนาก็มีข้าวให้ชาวเรา ๗. ทศพิธราชธรรมคอยค้ำโลก ดับอุปัทวิโยคทุกข์โศกเศร้า ภัยหนักก็กลับเห็นผ่อนเป็นเบา มีทุกข์ก็บรรเทารู้เท่าทัน ๘. เมื่อถึงปีที่สองร้อยสิบเก้า คือแรกเริ่มเรื่องราวคราวคับขัน ประชาราษฏร์มีสิทธิ์เสียงเท่ากัน คล้ายคล้ายจะหฤหรรษ์สันติ์สุขดี ๙. ด้วยเกิดความนึกคิดริษยา สมดุลย์สูญค่าสิ้นราศี จึงเกิดความเมืองเรื่องกาลี ในยุคเทคโนโลยีรุกตีเมือง ๑๐. ประชาชนหมดสิ้นศีลธรรม ความตกต่ำขู่ฟ่ออย่างต่อเนื่อง ที่ยากจนยิ่งสุดแสนจะแค้นเคือง ที่รุ่งเรืองก็ยิ่งอยากมากกว่าใคร ๑๑. ฝูงสัตว์จึงเกรียวกรูสมสู่คน ทุกแห่งหนเพลิงมารเผาผลาญไหม้ คึกคะนองร้องโหมโถมทุกข์ภัย จนเกิดเรื่องแปลกใหม่ยี่สิบประการ
เมื่ออิจฉา ก็พา ขอบตาร้อน จะกินนอน นั่งลุก สุขมันหนี ให้ร้อนรุม กลุ้มใจ ไปทั้งปี เห็นเขามี ยิ่งอยากได้ให้เท่าทัน เขามีรถ ก็อยากมี ให้ดีกว่า ของเธอต้อง ด้อยค่า กว่าของฉัน ใครทำเด่น เกินหน้าข้าต้องกัน จะโรมรัน ทุกทาง ถ้าขวางตู อะไรที่ สังคม นิยมเล่า เชื่อว่าเรา รู้ดีกัน มันต้องหรู คนที่ปลง ยากยิ่ง หรือนิ่งดู มาคิดหลู่ ทับกัน ฉันไม่ยอม ความอิจฉา ริษยา จึงมาเกิด ผิดที่เปิด รับกัน มันจึงพร้อม บุกทำลาย กายใจ ให้ตรมตรอม เพราะตัวยอม เป็นทาส เลยพลาดไป
วันนี้โลกงดงามด้วยความรัก พร้อมมอบตักตวงให้จากใจซื่อ มอบดอกไม้แนบกมลวางบนมือ จำหลักสื่อคุณค่าคำว่ารักใจส่งใจด้วยมาลาบุปผาชาติ ออกประกาศความในใสสมัคร ตาต่อตาหวั่นไหวฤทัยมัก- แจ้งประจักษ์ด้านซึ่งไม่พึงเจอโอ้สาวสาวหน้าสวยตัวน้อยจ๋า อย่าหลงคารมร่ำคำเสนอ จากชายซึ่งประเสริฐ รักเลิศเลอ เพียงปรนเปรอปรารถนากามารมณ์รักอาจเป็นสิ่งดีในชีวิต ถ้ารักผิดทางจะระกำขม ค่อยค่อยรักคบหาอาวรณ์ชม จะไม่ตรม กลืนกล้ำหยาดน้ำตาถ้ายินดีบ่มนิยามของความรัก มันจะหนักและแน่นปานแผ่นผา เรือนใจสุดสดชื่นรื่นอุรา เรืองฤทธาอมฤตชิดชีวินหนุ่มหนุ่มเอ๋ยจงให้เกียรติอย่าเหยียดหยาม อย่ารักตามกำหนัดครองปองถวิล อย่ารักเพื่อสนองใคร่ให้ยลยิน และอย่าหมิ่นสตรีหม่นป่นระยำแต่จงรักอย่างผู้รู้ค่ารัก คอยฟูมฟักรักออกดอกชุ่มฉ่ำ ตราบอนาคตพร้องร้องลำนำ ล่วงฉนำยอดทองของชีวิตร่วมกันเถิดปลูกดอกไม้แห่งความรัก มอบใจภักดิ์พันธุ์พฤกษาประกาศิต ร่วมเรียนรู้กันและกันฉันมิ่งมิตร อย่าเร่งปลิดพรหมจรรย์แค่นั้นเลย ..................................................... ปล.สุขสันต์ในวันแห่งความรักที่กำลังใกล้เข้ามา จงรักอย่างมีสตินะครับ ด้วยรัก อิอิ
คอเดียวกันคุยกันนั้นสนุก ต่างเสริมมุขกันไปได้สรวลเส เรื่องจิ้งจกตุ๊กแกก็ฮาเฮ คลายว้าเหว่ ชื่นชมนิยมกัน เรื่องจริงจังไม่เอาเขากลัวคุก ไม่สนุกควรวางไม่สร้างสรร ใครจะเป็นจะตายช่างหัวมัน คนหัวรั้นไม่พุทโธว่าโง่เอง คนละคอคนละอย่างต่างความคิด จะถูกผิดครวญใคร่ให้เหมาะสม อย่าเพิ่งด่วนว่าความตามนิยม จะเป็นปม คอยรั้ง ครั้งต่อไป