กลอนข้อคิด

รวยแค่ไหน ตายอยู่ดี

บุญพร้อม


เอาผ้าขม้า   พาดบ่า ไปหน้าบ้าน
รอผู้ภิก      ขาจาร   ผ่านมาโปรด
หวังขัดเกลา ลดทัณฑ์ อันเป็นโทษ
หลงโลภโกรธ เกาะกินใจ  ให้คลายลง
ชีวิตที่ ผ่านไป   นั้นหน่ายหนัก
เวลาพัก เลิกหวัง ดังประสงค์
เพราะหลงโลภ นำใจ ไม่ให้ปลง
จึงยังคง อยากได้ แต่ฝ่ายเดียว
ลำบากกาย ลำบากใจ ฝืนไขว่คว้า
ใครก่นว่า  อย่างไร ไม่แลเหลียว
ยังย้อนเขา ว่าตุ่น  วุ่นนักเชียว
เพราะไม่เขี้ยว มัวเป็นสาก จึงยากจน
มาบัดนี้ เริ่มสาย ปลายชีวิต
จึงเห็นพิษ เห็นภัย ใช้เหตุผล
ทรัพย์สมบัติ กองไว้ ไช่ของตน
มีจนล้น  แค่ไหน  ตายอยู่ดี

ดาวดึงส์

ลักษมณ์


ดาวดึงส์
.
สวรรค์ทุกฝั่งฟ้า
ดังพยาน
.
นรกคือสุสาน
ป่าช้า
.
ดาวดึงส์ดั่งพิมาน
ความสุข
.
ความทุกข์ในใจข้า
ดุจห้วงอเวจี

เตโชวิปัสสนา... เปิดประตูนิพพาน

ลักษมณ์


Vorasak SagornMonday via mobile
"อาตาปี สัมปชาโณ สติมา"
พึงมีความเพียร และสติสัมปชัญญะ เผากิเลสให้เร่าร้อน
เตโชวิปัสสนา...
เปิดประตูนิพพาน
อัจฉราวดี วงศ์สกล
Unlike ·  · Share

NO DAM

ประภัสสุทธ


น้ำมาปลากินมด 
น้ำลดมดกินปลา
น้ำฝนล้นไหลบ่า
น้ำตานองหน้าใคร

น้ำมาทำเขื่อนกั้น
น้ำตาบั่นใครกั้นไหว
ความทุกข์คนทั่วไป เขื่อนแบบใดกันกั้นอยู่

นาิฬิกา ทางไกล และใจคน

สองตุลา


มีคำถามอยู่ในใจคิดไม่ออกจะมีใครช่วยบอกตอบได้ไหม
นาฬิกา ระยะทาง หรือหัวใจ
เพราะอะไรทำไมต้องร้างลา
ระยะทางที่ไกลใช่เหตุผล
หัวใจคนต่างหากคือปัญหา
หากมั่นคงแต่ไหนแต่ไรมา
ให้เวลาพิสูจน์ระยะใจ
มีคำถามเอาไว้เป็นข้อสอบ
ใครช่วยตอบให้หายคลายสงสัย
ว่าเหตุผลเพราะเวลาที่เปลี่ยนไป
หรือเหตุผลเป็นเพราะใจคนเปลี่ยนแปลง

...สนามนี้ ไม่มีหญ้า...

dark side of mind


...
เสียงตะเบ็งเซ็งแซ่ตั้งแต่เช้า
แดดไม่ทันแผดเผาก็เร่าร้อน
ปี่กลองเชิดเปิดตัวคู่ต่อกร
ค่ายงามงอนvsหล่อเชิญต่อรอง
ผู้ท้าชิงกระดูกอ่อนผู้ซ่อนเหลี่ยม
พี่เลี้ยงเยี่ยมภาพเด่นไม่เป็นสอง
ถึงเป็นเสาไฟฟ้าก็น่ามอง
ค่าเทียบทองหรือตะกั่วรู้ทั่วกัน
ข้างแชมป์เก่าเก๋ากว่าแต่ช้าเชื่อง
ไม่เป็นเรื่องเป็นราวถูกกล่าวหยัน
โดนเจาะยางจนรั่วแต่หัววัน
กลายเป็นหมูเขี้ยวตันต้องสู้ตาย
ศึกประลองขายฝันเร็วพลันนี้
วัดกันที่พลัง...ท่านทั้งหลาย
พ่นคารมคมคำศึกน้ำลาย
บ้วนมาขายเหมือนเก่าไม่เข้าตา
เสียงระฆังดังเริ่มต่างเหิมฮึก
สนามศึกแห่งนี้ไม่มีหญ้า
สูเส้นทางสร้างฝันด้วยปัญญา
เดิมพันด้วยศรัทธามหาชน

ไม้เลื้อย

ไหมแก้วสีฟ้าคราม


เถาวัลย์พันกิ่งต้น......พึงยล
ปีนป่ายไม้เลื้อยวน.....สิ่งนั้น
คบหาแต่ปราชญ์ชน......อบร่ำ ..ปัญญา
เกลือกชั่วเกลอดื้อรั้น.......ต่ำช้า...กุมใจ

ความจริงมันมีอยู่

บุญพร้อม


     ความจริงมีอยู่รู้กันทั่ว
ก็ยังมั่วยืนยันนั่นไม่ใช่
ชักแม่น้ำทั้งห้าว่ากันไป
ตามแต่ใจท่านคิดประดิษฐ์เอา
 
    ให้มีเงื่อนมีแง่แล้วแต่คิด
เกิดพลั้งผิดจดจำนำไปเล่า
กว่าจะแก้ไขได้ให้เรื่องเบา
ก็ทำเอาเดือดร้อนไปค่อนเมือง
 
    หากถามใจทุกไทยใครก็ภักดิ์
แย่งกันรักชอบกลจนมีเรื่อง
ข้ารักมากกว่าใครในบ้านเมือง
ให้เขาเคืองหมั่นไส้ได้ทุกวัน

บนความแตกต่าง

ร้อยฝัน


กินขนมมั๊ย
มือป้อม ๆ ยื่นออกไปจากใจขาว
ไม่มีเสียงสำเนียงใดบอกเรื่องราว
ความทรงจำนานยาวไม่ลืมเลือน
เธอบอกว่าเราเหมือนกันฉันว่าไม่
เพียงหัวใจเราสองคล้องเป็นเพื่อน
ฉันคือจันทร์เธออาทิตย์มิบิดเบือน
จากวันเดือนเลื่อนเป็นปีที่จดจำ
เธอคิดต่างฉันคิดแยกช่างแปลกหนอ
หนึ่งคนรอ หนึ่งคนห่างช่างน่าขำ
คนหนึ่งทุกข์คนหนึ่งปลอบเราชอบทำ
ฉันคอยย้ำ เธอไม่สน จึงบ่นไป
เป็นเพียงความผูกพันธ์อันเก่าก่อน
หากนึกย้อนวันนี้จะมีไหม
ฤาฝังลึกอยู่ในห้วงแห่งดวงใจ
รอวันใดความสัมพันธ์นั้นกลับมา

มาร่วมปลูกดอกไม้แห่งความรัก

เปลวเพลิง


วันนี้โลกงดงามด้วยความรัก
พร้อมมอบตักตวงให้จากใจซื่อ
มอบดอกไม้แนบกมลวางบนมือ
จำหลักสื่อคุณค่าคำว่ารักใจส่งใจด้วยมาลาบุปผาชาติ
ออกประกาศความในใสสมัคร
ตาต่อตาหวั่นไหวฤทัยมัก-
แจ้งประจักษ์ด้านซึ่งไม่พึงเจอโอ้สาวสาวหน้าสวยตัวน้อยจ๋า
อย่าหลงคารมร่ำคำเสนอ
จากชายซึ่งประเสริฐ รักเลิศเลอ
เพียงปรนเปรอปรารถนากามารมณ์รักอาจเป็นสิ่งดีในชีวิต
ถ้ารักผิดทางจะระกำขม
ค่อยค่อยรักคบหาอาวรณ์ชม
จะไม่ตรม  กลืนกล้ำหยาดน้ำตาถ้ายินดีบ่มนิยามของความรัก
มันจะหนักและแน่นปานแผ่นผา
เรือนใจสุดสดชื่นรื่นอุรา
เรืองฤทธาอมฤตชิดชีวินหนุ่มหนุ่มเอ๋ยจงให้เกียรติอย่าเหยียดหยาม
อย่ารักตามกำหนัดครองปองถวิล
อย่ารักเพื่อสนองใคร่ให้ยลยิน
และอย่าหมิ่นสตรีหม่นป่นระยำแต่จงรักอย่างผู้รู้ค่ารัก
คอยฟูมฟักรักออกดอกชุ่มฉ่ำ
ตราบอนาคตพร้องร้องลำนำ
ล่วงฉนำยอดทองของชีวิตร่วมกันเถิดปลูกดอกไม้แห่งความรัก
มอบใจภักดิ์พันธุ์พฤกษาประกาศิต
ร่วมเรียนรู้กันและกันฉันมิ่งมิตร
อย่าเร่งปลิดพรหมจรรย์แค่นั้นเลย
.....................................................
ปล.สุขสันต์ในวันแห่งความรักที่กำลังใกล้เข้ามา
จงรักอย่างมีสตินะครับ
ด้วยรัก อิอิ

วันนี้ดีที่สุด

ไม้เก็ด


แม้ไก่จะไม่ขัน            ดวงตะวันก็โผล่มา
สายน้ำที่ไหลลา               ห่อนหวนหามาที่เดิม
ปีเก่าไม่ส่งท้าย            ก็ห่างหายไม่ต่อเติม
ปีใหม่ไม่เฉลิม-               ฉลองรับ  ฉับฉับมา
ฉะนี้ เพราะฉะนั้น       ตระหนักกันใช้ปัญญา
คืนวันล่วงเวลา                คงคุณค่าคณามี
อย่าปล่อยให้ล่วงเปล่า  อยู่ที่เก่าไม่ใยดี
วันเดือนเคลื่อนเป็นปี      รู้หน้าที่ทำดีกัน
วันนี้ดีที่สุด                   รีบเร่งรุดสุดสร้างสรรค์
อย่าริไปผลัดวัน-               ประกันพรุ่งไม่รุ่งเรือง
แม้ไก่จะไม่ขัน              ดวงตะวันก็โผล่เนือง
อย่าให้สิ้นเปล่าเปลือง        ทำต่อเนื่องแต่วันนี้.

ยิ้มสู้คน

แค่ปลายปากกา


ยิ้ม ยิ้ม ยิ้ม กับรอยน้ำตา
ดูเหมือนไม่มีค่าเสียสุดแสน
ยิ้มบางๆ ให้คนที่ดูแคลน
อย่าไปแค้นโกรธเคืองให้เปลืองใจ
หากใจเราไม่สนไม่ได้แคร์
เค้าก็แค่ต้นไม้ที่พริ้วไหว
ไม่กระทบกระเทือนถึงทรวงใน
จะสนใจอะไรกับใจคน
อย่าเอาทุกข์มาเพิ่มทุกข์
หัดที่จะสุขบ้างในบางหน
อย่าลืมว่าเราเองแค่เป็นคน
เขาก็คนสนอะไรให้มากมาย
(ไม่ใช่คูโบต้า หรือสี อ่ะ ถึงทนได้อิๆๆ อย่าได้แคร์)

บ่วงสายกาล

แมงกุ๊ดจี่


ใช้ชีวิต เรียบง่าย ตามสายกาล
ก้าวข้ามผ่าน ทุกข์เข็ญ ทั้งเย็น-ร้อน
แปรไปตาม ช่วงจังหวะ แต่ละตอน
คอยโอนอ่อน เปลี่ยนผัน ผ่านวันคืน...
เพียรเรียนรู้ ทดสอบ กรอบชีวิน
ไม่เคยสิ้น เรี่ยวแรง กล้าแกร่งฝืน
เพิ่มแรงใจ ปลอบปลุก ล้มลุก-ยืน
ยิ้มหน้าชื่น อกตรม แม้นขมใจ...
ยามสุขสันต์ ราบรื่น ฉ่ำชื่นจิต
หว่างชีวิต  ปรากฏ  ความสดใส
ทุกย่างก้าว พุ่งเฟื่อง เรืองไสว
พร้อมสู้ไป  ตามเพรง  มิเกรงกลัว...
แต่เมื่อยาม ทุกข์โศก คล้ายโลกมืด
วัน-คืนยืด  เนิ่นช้า กว่าสลัว
เข้าข่มเหง  รุมเร้า คล้ายเมามัว
กว่ารู้ตัว  ดิ่งจม ระทมทรวง...
เป็นอย่างนี้ หนอชีวิต ลิขิตฟ้า
กำหนดมา บาป-บุญ ที่หนุนหน่วง
การกระทำ  หนหลัง เรื่องทั้งปวง
เปรียบดุจบ่วง พ่วงพัน ลงทัณฑ์เรา...

บิน

ฤทธิ์ ศรีดวง


จึงจำใจจับปีกบินอีกหน
เพื่อฝ่าฝนไปยังอีกฝั่งฝัน
มีเสบียงเลี้ยงกายได้หลายวัน
วางเดิมพันครั้งนี้ด้วยชีวิต
ข้ามมหาสมุทรครั้งสุดท้าย
เดียวดายอ้างว้างทุกทางทิศ
ขาดแคลนน้ำจืดและมืดมิด
หวั่นปลิดชีพคว้างลงกลางชล
ลมเห่เลโล่งสุดโค้งฟ้า
ทายท้าปีกแกร่งกับแผงขน
นกน้อยกบฏผู้อดทน
ยากใครสักคนจะเข้าใจ
จากรุ่งจวบแลงคอแห้งผาก
ถึงฟากฝั่งฝันจะวันไหน
ฟากฝั่งทั้งรู้ว่าอยู่ไกล
ปีกไหล่อิดโรยยังโบยบิน
ฝั่งโน้นคือฝันอันบรรเจิด
ไปเถิดหนอสัตว์ผู้พลัดถิ่น
ไปหาพืชพงและดงดิน
สูดกลิ่นกรุ่นหอมพยอมไม้
จวนสูรย์สูญแสงฟ้าแดงกล่ำ
ใกล้ค่ำฟ้าเรืองแลเหลืองใส
คลื่นขรมลมขับหนาวจับใจ
แลไฟลอยเรืออยู่เรื่อเรือง
ทะเลข้างหน้าซิข้าหวั่น
พรึงพรั่นอุกาฟ้าเหลือง
หากพายุโหดโกรธเคือง
เปล่าเปลืองแรงเจ้าจะเปล่าดาย
กลับมิวิตกแก่นกกล้า
วันหน้าไม่อาจจะคาดหมาย
ถ้าชะงักงันรอวันตาย
จักอายถ้ารู้ในหมู่นก
เมื่อกล้าก็ขืนไม่คืนกลับ
ขยับปีกแกร่งด้วยแผงอก
เห็นฝั่งรำไรแมกไม้รก
ถึงบกคงฟ้าอุษาจาง
ฉับพลัน!..ฟ้าโกรธและลมกราด
กัมปนาทแผดเสียงเปรี้ยงปร้าง
นกน้อยงุนงงหลงทาง
ปลิวกลางพายุราวธุลี
เรือล่มลมฉีกเป็นซีกชิ้น
กลืนกินอวนปลากลาสี
ขย้ำส่ำสัตว์เป็นบัตรพลี
แหลกในราตรีอันเลวร้าย
.........................................
แล้วแดดเช้าวาววับก็กลับหวน
ปูเสฉวนโผล่ปุ๊ปแล้วผลุบหาย
มีซากเรือเกลื่อนกลาดบนหาดทราย
กับซากนกนอนตายที่ชายเล….
๑ ธันวาคม ๒๕๕๒

สุขสันต์วันปีใหม่

สาบนรสิงห์


... หนี่งปีล่วงเลยกาลผ่านครบรอบ
จะขอมอบบทกลอนอักษรศิลป์
เพื่อให้ท่านทั้งหลายได้ยลยิน
ใช้เป็นดินปูทางได้ก้าวเดิน
หนึ่งปีนี้ทำสิ่งใดลงไปบ้าง
สิ่งที่ดี สิ่งพลาดพลั้ง สิ่งห่างเหิน
สิ่งบกพร่อง อีกสิ่ง ที่ขาดเกิน
อย่ามองเมินสิ่งเก่าที่เราทำ
การกระทำทั้งหลายนำมาคิด
เพ่งพินิจสิ่งดีสิ่งเลิศล้ำ
สิ่งไม่ดีที่พลาดผิดก็จดจำ
เป็นบทเรียนชี้นำทางก้าวเดิน
สุดท้ายนี้ขอให้สิ่งที่ท่านเคารพ
ให้ท่านได้พานพบสิ่งที่หวัง
ให้ท่านมีสุข-ให้ท่านมีพลัง
ขอสุขสันต์สุขศรีทั้งปี เทอญ
ขออวยพรก่อนล่วงหน้า ข้าน้อยมิบังอาจสอนสั่ง   เพียงแต่ฝากข้อคิดไว้
ให้ท่านทั้งหลายได้พิจารณา

ชีวิตที่คิดปล่อยวาง

อนงค์...นาง


ชีวิตต้องสู้ รู้ปล่อยวาง
สาวร้อยเอ็ดสำเร็จการศึกษา(ปี 2526)
ปริญญาตรีอังกฤษจิตแจ่มใส
สอบบรรจุเป็นครูอยู่พนมไพร (โรงเรียนพนมไพรวิทยาคาร ร้อยเอ็ด)
โรงเรียนในบ้านเกิดเทิดแทนคุณ
พี่ชายชวนไปนอกนิวยอร์คดู
ได้เรียนรู้โลกกว้างทางเกื้อหนุน
จากอายุยี่สิบห้าหน้าละมุน
เก้าปีหมุนทางสู่คู่เมืองไทย
ใช้เวลาสิบปีที่รักษา
เทิดมารดาด้วยรักไม่ผลักไส
มะเร็งร้ายพ่ายแพ้จากแม่ไป
ครอบครัวให้เดินต่อขอลูกเรียน
รอบที่สองกลับมาหานิวยอร์ค
งานเมืองนอกลำบากหากผันเปลี่ยน
อดทนสู้เพื่อลูกปลูกพากเพียร
เก้าปีเรียนไม่หยุดรุดเร่งไป
จากม.สองลูกเรียนเพียรศึกษา
จบปริญญาสาวน้อยพลอยสดใส
ได้ทุนเรียนต่อโทโอ้ดีใจ
ทำงานไปเรียนให้ได้วิชา
อยากเรียนแพทย์สอบต่อรอฟังผล
ขออดทนต่อไปไม่หยุดหนา
นำความรู้กลับบ้านงานพัฒนา
ขอลูกยาก้าวไปใฝ่กรรมดี
สิบแปดปีมีทุกข์สุขไม่ท้อ
นิวยอร์คหนอชะตามารศรี
มีงานทำมั่นคงทรงความดี
พรุ่งนี้มีอะไรไม่หวั่นครวญ
คู่ชีวิตไปไหนขอไปด้วย
หน้าที่ช่วยกันไปไม่กำสรวล
เกิดแก่เจ็บตายไปไม่รัญจวน
ชีวิตล้วนกฏแห่งกรรมทำกันมา
ชีวิตนี้ลิขิตเองไม่โทษใครหรือสิ่งใด
ถ้าไม่ลาออกจากครูที่ได้บรรจุครั้งแรกตอนอายุ 24 ป่านนี้คงได้ดีเหมือนเพื่อนรุ่นเดียวกัน
ถ้าไม่ลาออกจากกสท. ป่านนี้คงอยู่ในกทม. มีบ้านในซอยวัชรพล
ถ้าไม่ลาออกจากชีวิตครูรอบสอง ป่านนี้คงได้เป็นแม่บ้านปลัดอบต.กับเป็นข้าราชการครู
เพราะเป็นคนที่เบื่อง่าย ไม่อดทน หรือเพราะคงมีกร

งานวันเกิด ( คุณทำอะไรให้พ่อแม่)

ต่อง (ต้อง) ksg


บทประพันธ์นี้เป็นบทประพันธ์ของ
อาจารย์นภาลัย  (ฤกษ์ชนะ)  สุวรรณธาดา
งานวันเกิดยิ่งใหญ่ใครคนนั้น
ฉลองกันในกลุ่มผู้ลุ่มหลง
หลงลาภยศสรรเสริญเพลินทะนง
วันเกิดส่งชีพสั้นเร่งวันตาย
อีกมุมหนึ่งซึ่งเหงาน่าเศร้าแท้
หญิงแก่แก่นั่งหงอยและคอยหาย
โอ้วันนี้ในวันนั้นอันตราย
แม่คลอดสายโลหิตแทบปลิดชนม์
วันเกิดลูกเกือบคล้ายวันตายแม่
เจ็บท้องแท้เท่าไรก็ไม่บ่น
กว่าอุ้มท้องกว่าคลอดรอดเป็นคน
เติบโตจนบัดนี้นี่เพราะใคร
แม่เจ็บเจียนขาดขาดใจในวันนั้น
กลับเป็นวันลูกฉลองกันผ่องใส
ได้ชีวิตแล้วก็เหลิงระเริงใจ
ลืมผู้ให้ชีวิตอนิจจา
ไฉนเราเรียกกันว่า วันเกิด
วันผู้ให้กำเนิดจะถูกกว่า
คำอวยพรที่เขียนควรเปลี่ยนมา
ให้มารดาคุณเป็นสุขจึงถูกแท้
เลิกจัดงานวันเกิดกันเถิดนะ
ควรแต่จะคุกเข่ากราบเท้าแม่
รำลึกถึงพระคุณอบอุ่นแด
อย่ามัวแต่จัดงานประจานตัว
ผมเคยนำเสนอแล้วครั้งหนึ่งแต่นานแล้วครับ
ตั้งแต่ผมยังไม่ได้สมัครเป็นสมาชิกน่ะครับ
ด้วยความหวังดี
ก.ประแสร์  (  ศิษยาพร  )