กลอนข้อคิด

นิพพาน

กวีปกรณ์


เกินกว่ากฎเกณฑ์ศาสน์ศีลธรรม
อำนาจแห่งถ้อยคำพิพากษา
ยิ่งกว่าการขันแข่งแห่งอัตตา
ต่างค้นหากล่าวอ้างอย่างชอบธรรม
โลกล้วนซึ่งความต่างกลับสร้างกรอบ
แบ่งชนชั้นตามชอบใครสูงต่ำ
ใช้ชีวิตเวียนว่ายไปตามกรรม
ให้ศรัทธาน้อมนำกำลังใจ
แดนใด...นรกหรือสวรรค์
ท่ามหมอกควันหมองหม่นหรือสดใส
ตื่นจากความทุกข์ทนที่พ้นไป
นรกไซร้เพียงน้ำตาความอาวรณ์
หนึ่งชีวิตลิขิตเองตามเพรงกรรม
อดีตจำจดต่างอย่างคำสอน
ผิดหรือถูกถามตนบนทางจร
ชั่งน้ำหนักดูก่อนย้อนทบทวน
บางครั้งผิดพลาดพลั้งหวังแก้ไข
อยากย้อนกาลกลับไปอย่างไห้หวน
เกิดด่างพร้อยรอยบาปกำซาบครวญ
ดุจโซ่ตรวนตรึงตรากว่าสิ้นลม
ตั้งสติเตือนตนบนทางเถื่อน
ทุกข์สุขอาจเยี่ยมเยือนตามเหมาะสม
ผ่านมาแล้วผ่านไปเพียงใจชม
อย่ายึดติดตรอมตรมจมอาจิณ
ไม่มีพิษใดร้ายทำลายขวัญ
ไหนนรก/สวรรค์ล้างให้สิ้น
ทั้งหมดล้วนสร้างกิเลสแก่ชีวิน
ประคองตนสู่แดนดินถิ่นนิพพาน

ด้วยรักจากพ่อ

รงค


๑.ตอนเจ้าเล็กเด็กน้อยคอยโย้เย้
ต้องไกว่เปลเห่กล่อมเหนื่อยหนักหนา
ต้องอดหลับอดนอนค้างคาตา
ด้วยลูกยาร้องกวนชวนปวดใจ
๒.คอยชงนมป้อนเจ้าเช้าบ่ายค่ำ
คอยอาบน้ำเปลี่ยนผ้าพาสดใส
คอยทาแป้งปัดยุงเหลือบริ้นไร
คอยห่วงใยอาทรทุกเวลา
๓.กว่าลูกโตพ่อนั้นแสนเหนื่อยหนัก
ด้วยฟูมฟักให้เจ้าเฝ้าศึกษา
สักวันหนึ่งหวังเจ้ามีวิชา
เป็นเครื่องกายาพ่อพอใจ
๔.คอยหล่อเลี้ยงลูกไว้ด้วยความรัก
เป็นที่พักพิงใจให้หลับใหล
ยามเจ้าเหนื่อยเมื่อยล้ามาครั้งใด
พ่อเหนื่อยใจหลายเท่าเฝ้าเมียงมอง
๕.ด้วยความรักยิ่งใหญ่พ่อมีให้
เมื่อยามใดเจ้าเศร้าเฝ้าหม่นหมอง
พ่อคนนี้เป็นหลักเข้าประคอง
ด้วยมือสองของพ่อคอยเยียวยา
๖.พ่อรักลูกเสมอเจ้ารู้ไหม
แม้เติบใหญ่ภายหน้ายังห่วงหา
ความหวังดีให้เจ้าทุกเวลา
ด้วยรักดั่งแก้วตาปานดวงใจ
๗.แม้วันคืนหมุนเวียนเปลี่ยนเท่าไร
แต่ดวงใจของพ่อยังสดใส
ด้วยความรักที่มอบแด่ลูกไป
สิ่งใดใดไร้ค่ามาทดแทน
๘.เพียงหวังลูกทำดีมีความหมาย
จงเป็นนายตัวเองสร้างแบบแผน
ให้คนรักนับถือทั่วดินแดน
รักหวงแหนดูลูกตราบชีพวาย
๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๔

คนเขียนกลอน

บุญพร้อม


  กลของกลอนยั่วเย้าเข้าถึงจิต
ขลังไม่ผิดมนตราพาลุ่มหลง
คนเขียนกลอนแทรกสร้างอย่างบรรจง
เพื่อเสริมส่ง  ครู ปราชญ์ ชาติกวี
 
   ต่างพื้นฐานร่วมสร้างชี้ทางให้
บ้างบอกใบ้ติชมสมน้องพี่
ผู้มาใหม่ใคร่ลองต้องยินดี
เพราะเขามีเพื่อนครูคอยดูแล
 
   อาจจะมีบางครูผู้เคร่งครัด
มองให้ชัดภายในใจท่านห่วง
พร้อมเคยเจอท่านเหน็บถึงเจ็บทรวง
เวลาล่วงจึงรู้ดูผิดไป
 
    กลของกลอนร้อนฉ่าอย่าร้อนจิต
อาจเป็นมิตรลองแหย่ให้แก้ไข
มีปัญญาแก้ได้ก็แก้ไป
ฝึกเอาไว้
ให้เชี่ยว เดี๋ยวก็ดี

หนึ่งทำ ! จากพันคำ

ศรีสมภพ


พูดพันคำ..พร่ำทั้งวันทำกันได้
แต่หนึ่งทำจากพันคำ..ทำได้ไหม ?
ฤดูกาลเคยหว่านคำ ทำเลือนไป
เชิดหน้าใหญ่ในสภา ..อย่าไปทำ !
...
แค่ลมปากถากหู ฤดูหาเสียง
ทุ่มไม่อั้นฉันไม่เกี่ยงเสียงอย่าต่ำ
ให้แปลงร่างสร้างฉาก สุดตรากตรำ
ก็จะทนก็จะทำ ในยามนี้..
พันคำ..ทำได้หนึ่ง ก็ถึงธรรม
พฤติกรรมย้ำเห็นเป็นศักดิ์ศรี
หนึ่งทำ..จากพร่ำเพรื่อ ยังเหลือดี
กว่าหลบลี้หนีหน้า..ไม่มาทำ !
ยังจำ..คำทุกคำที่พร่ำหวาน
หมดเทศกาลผ่านไป อย่าให้ย้ำ
ช่วยบอกกล่าว มาเล่าไขที่ได้ทำ
อย่าปล่อยให้ไปตามกรรม ..เหมือนทำมา !
กาให้แล้วหนา.. อย่าหายหน้า ต้องมาทำ !!
๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐
นายประพันธ์ นัยโกวิท กรรมการการเลือกตั้ง ด้านกิจการบริหารงานเลือกตั้ง เผยภาพรวมก่อนเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. คาดมีผู้มาใช้สิทธิ์เกิน60%ดูเพิ่มเติม

เมตตาธรรมค้ำจุนโลก

สุนทรวิทย์


ยังมีคน  มากมาย  ในโลกนี้
ทนโศกี  คับแค้น  แสนสาหัส
ผจญกับ  ปัญหา  สารพัด
อัตคัด  ขัดสน  จนวันวายเด็กส่วนหนึ่ง  บอบช้ำ  แต่กำเนิด
ผู้ให้เกิด  ทิ้งขว้าง  หนีห่างหาย
ต้องกำพร้า  หน้าเซียว  อยู่เดียวดาย
ซังกะตาย  อับจน  สิ้นหนทางบ้างพิการ  ซ้ำซ้อน  นอนง่อยเปลี้ย
เจ็บละเหี่ย  เพลียใจ  ไม่ซาสร่าง
ชีวิตเจ็บ  ทุรน  บนเส้นฟาง
พร้อมอับปาง  จบเห่  ทุกเวลาอนิจจา  เพื่อนร่วมโลก  ผู้โชคร้าย
ชะตาคล้าย  ถูกสาป  มีบาปหนา
หวังเพียงใคร  ไยดี  ชุบชีวา
ช่วยเยียวยา  บาดแผล  มีแก่ใจคนร่ำรวย  เนียรทุกข์  สุขวิศิษฏ์
เคยแบ่งจิต  เอื้อเฟื้อ  เกื้อกูลไหม
กรุณา  สักนิด  คิดห่วงใย
ช่วยเขาให้  บรรเทา  จากเศร้าตรม
โปรดแสดง  น้ำใจ  อย่าได้ช้า
ซับน้ำตา  แก้ไข  คลายขื่นขม
ช่วยเหลือเด็ก  ด้อยโอกาส  ขาดรื่นรมย์
เท่าประเทือง  สังคม  สั่งสมคุณ
สร้างกุศล  จุนเจือ  เผื่อภพหน้า
ธรรมสัมมา  จะย้อน  อาทรหนุน
เกิดเป็นคน  มุทิตา  แผ่การุญ
ย่อมได้บุญ  เสริมชีวาตม์  ทุกชาติไป

ความต่าง - ความสุข

ภัคพล


ต่างความรู้ต่างความคิดต่างความฝัน
ต่างมุ่งมั่นต่างอดทนต่างฝึกฝน
ต่างแข่งขันต่างแกร่งแย่งต่างดิ้นรน
ต่างสับสนต่างครุ่นคิดต่างจิตใจ
มีสมองมีมือมีแข้งขา
มีเวลามีความหวังมีไกลใกล้
มีพลังมีดวงดาวมีทางไป
มีสายใยมีความรักมีผูกพัน
ก้าวต่อก้าวก้าวต่อไปถึงที่สุด
ก้าวเร่งรุดก้าวเร่งรีบก้าวล้มนั่น
ก้าวที่ดีก้าวรอบคอบก้าวฟ่าฟัน
ก้าวที่มั่นก้าวค่อยค่อยก้าวดีดี
พักผ่อนได้พักก่อนเถิดพักสักครู่
พักลองดูพักไตร่ตรองพักทุกที่
พักเก็บแรงพักเติมใจพักสักที
พักวันนี้พักวันไหนพักเพียงพอ
เพียงแค่คิดเพียงแค่ฝันเพียงเพื่อสร้าง
เพียงเดินทางเพียงศึกษาเพียงเติมต่อ
เพียงสามารถเพียงเคียงคู่เพียงอยากรอ
เพียงเกิดก่อเพียงสืบสานเพียงหวังเอง
วันข้างหน้าวันไหนวันนี้หรือ
วันนั้นคือวันสดใสวันเราเก่ง
วันแห่งฝันวันแห่งสุขวันครื้นเครง
วันที่เล็งวันที่ได้วันหมายปอง
สุขทั้งกายสุขทั้งใจสุขล้ำยิ่ง
สุขเสียจริงสุขสันต์สุขฉลอง
สุขเพราะรู้สุขเพราะคิดสุขเรืองรอง
สุขเป็นของสุขตัวเราสุขที่ดี.

พิสุทธิ์นี้

แมงกุ๊ดจี่


มิรู้หรอก...
คำที่บอกจะลวงมิท้วงติง
อาจดูเพ้อฝันเฟื่องใช่เรื่องจริง
ข่มอกหญิง...นิ่งรับสดับฟัง...
มิรู้หรอก...
จะเจ็บยอกดวงจินต์เมื่อสิ้นหวัง
อนาคตร่วมวาดหากพลาดพลั้ง
อาจเซซัง...ดิ่งเหวแห่งเปลวไฟ...
มิรู้หรอก...
หากซ้ำซอกจะเยียวยารักษาไหน?
หากหนทางเบื้องหน้าเกินคว้าไขว่
จะเดินไหว...และทนอยู่ไม่รู้เลย...
มิรู้หรอก...
ในและนอกหัวใจ...บางใครเฉย
ถูกปล่อยไว้ลำพังเหมือนดังเคย
เกินจะเอ่ย"เจ็บยอก"หากบอกคำ...
มิรู้หรอก...
รักจะงอกงามงดปรากฎจำ
หรือลวงเล่ห์เสน่หาพาถลำ
มีเงื่อนงำในบ่วงอันพ่วงทันฑ์...
มิรู้หรอก...
คำที่บอกเราจะมี "กันและกัน"
จะเนิ่นนานเท่าไหร่ยังไหวหวั่น
อีกกี่วัน...ไม่เคยรู้  จะอยู่นาน...
แต่วันนี้...ที่เห็นและเป็นอยู่
ต่างเรียนรู้บรรจบเพียงพบผ่าน
ร่วมสร้างเหตุนานับเพื่อขับขาน
วัฏฏสงสารกุศลกรรมน้อมทำดี...
ตั้งจิตมั่นน้อมภักดิ์ประจักษ์เถิด
สวยพริ้งเพริศงดงามตามวิถี
เพียงหนึ่งผู้ทุกชาติปรารถนามี
พิสุทธิ์นี้...อธิษฐานทุกกาลไป...
พรุ่งนี้ไปทำบุญตักบาตร
ถวายผ้าอาบน้ำฝน และไปกราบหลวงปู่ฯ
ร่วมอนุโมทนาบุญด้วยกันนะคะ

นิทานเซ็น ตอน พระคุณแม่

กระบี่ใบไม้


พระ “โซจุน” ปฏิบัติธรรมอย่างสิ้นหวัง
ขณะไร้สิ้นกำลังแห่งมรรคผล
คิดกระโดดน้ำตายอย่างมืดมน
เพื่อดับความสับสนในหัวใจ
“...อธิษฐานแห่งหัวใจต่อสายน้ำ
ขอทิ้งร่างนี้ลงตามห้วยน้ำไหล
หากชีพนี้มีความหมายต่อใครใคร
โพธิสัตว์จงช่วยไว้มิให้ตาย
หากชั่วชาติชีวิตนี้ต้องมัวหม่น
จงสูบข้าใต้วังวนสิ้นสลาย...”
ขณะที่สำลักน้ำอย่างงมงาย
จิตประวัตินึกขึ้นได้ถึงมารดา
“เกิดเป็นลูกผู้ชายใดใจท้อแท้
คนที่เจ็บปวดแท้คือแม่ข้า
ร่างนี้ไม่ควรเป็นสิทธิ์ของหมู่ปลา
พระคุณแม่เหนือคงคาและสายธาร”
อาศัย“พระคุณ”ผู้กำเนิดเชิดหน้าสู้
พร้อมดำรงชีวิตอยู่อย่างกล้าหาญ
ก่อเกิดเป็น “พระอิคคิว” ในตำนาน
ย้ำเตือนถึง “พระในบ้าน” รีบแทนคุณ
พระโซจุน เป็นนามเดิมของพระอิคคิว(อิคคิวซัง) ขณะที่บวชที่วัดไซกอนจิ เมื่อครั้งหลวงพ่อเคนโอมรณภาพ ด้วยความกตัญญู โซจุนจึงออกจากวัดไซกอนจิไปพักที่วัดอิชิยามา เพื่ออดอาหารเป็นเวลา 7 วัน 7 คืน สวดมนต์อุทิศส่วนกุศลให้หลวงพ่อเคนโอพระอาจารย์ของตนเองต่อหน้าพระโพธิสัตว์ แต่ก็ยังไม่สามารถคลี่คลายความสับสนในจิตใจได้ จึงบังเกิดความเศร้าหมองและสิ้นหวัง ไม่รู้ว่าจะมีชีวิต ต่อไปอย่างไรและเพื่ออะไร ความสิ้นหวังนี้เกิดขึ้นรุนแรงจนทำให้โซจุนตัดสินใจกระโดดน้ำตายที่แม่น้ำเซตะ ทางตอนใต้ของทะเลสาบบิวาโกะ แต่เพราะคำว่า “แม่”คำเดียวที่ทำให้เขาระลึกขึ้นได้ และตัดสินใจดำเนินชีวิตอยู่อย่างกล้าหาญ โลกจึงได้รู้จักพระอิคคิวได้จนถึงป

แก่หนึ่งปีสั้นหนึ่งปี

สุนทรวิทย์


อีกหนึ่งปี  ล่วงไป  นึกใจหาย
ปีกลายคล้าย  พริบตา  พึ่งลาผ่าน
วัน,เวลา  ผาดผัง  ดังสายธาร
อายุกาล  ชรา  มาอีกปี
เด็กรุ่นเยาว์  เข้มแข็ง  แกร่งกว่าเก่า
ส่วนผู้เฒ่า  กลับร่วงโรย  โหยแทนที่
สังขารคน  เราหนอ  ก็เท่านี้
ทุกนาที  เปลี่ยนไป  ไม่คงทน
แก่หนึ่งปี  สั้นหนึ่งปี  ผองชีวิต
มิมีสิทธิ์  อุทธรณ์  วอนเหตุผล
เมื่อยังอยู่  กาลัญญู  รู้ผ่อนปรน
อย่าจำนน  พ่ายแพ้  แก่อามิส
ปีเก่าสร้าง  ประโยชน์  หรือโทษไว้
ลองถามใจ  ใคร่ครวญ  ทวนจริต
สิ่งใดพึง  แก้ไข  ใช่เพียงคิด
เร่งพินิจ  ขยับ  ปรับปรุงตน
ทำปีใหม่  ให้ดี  เหนือปีก่อน
บุญจะย้อน  ทำนุ  เกิดกุศล
ขอพรเทพ  เทวา  เมตตาดล
มอบปวงชน  พูนสุข  ทุกปีเทอญ

แม่ ในความทรงจำ

ฤกษ์ ชัยพฤกษ์


เจ้าพุ่มพวงร้องดังไปแปดบ้าน
ญาติเผ่าพงษ์วงศ์วานนั่งห้อมล้อม
มีของกินกล้วยอ้อยหลายชะลอม
มารับขวัญเห่กล่อมโกนผมไฟ
ผู้เฒ่าแก่ทำนายและทายทัก
เจ้าหลานรักภายหน้าจะยิ่งใหญ่
ทำการงานจะสำเร็จโดยเร็วไว
มีโชคชัยเป็นเจ้าเป็นนายคน
โอ้ลูกจ๋าแม่ถนอมเฝ้ากล่อมเกลี้ยง
หวังแค่เพียงแก่เฒ่าพึ่งสักหน
มุ่งอบรมสอนสั่งอย่างอดทน
การศึกษาเสาะค้นให้อย่างดี
หวังให้ลูกเติบใหญ่ไปภาคหน้า
ได้เก่งกล้าเป็นหลักมีศักดิ์ศรี
เพราะกำลังแม่ทำได้แค่นี้
อนาคตอยู่ที่ตัวลูกแล้ว...

สร้างฝัน

คนกรุงศรี


เฝ้าสร้างฝัน วันข้างหน้า อนาคต
กะกำหนด แนวทาง วางรากฐาน
ไม่ต้องรอ พรหมลิขิต ผิดหลักการ
เพราะร้าวราญ มามาก จึงอยากลอง
ถือหางเสือ เรือชีวิต ตามคิดหวัง
รวมพลัง หลายหลาก จากสมอง
ใช้สติ ปัญญา มาปกครอง
แล้วลอยล่อง นาวา ท้าคลื่นลม
จะเนิ่นนาน กาลใด ก็ไม่หวั่น
ฤทัยมั่น ก้าวย่าง อย่างเหมาะสม
ถึงจุดหมาย เมื่อไร ใคร่ชื่นชม
เคยช้ำตรม คงคลาย ที่ปลายทาง
มินอนรอ วาสนา ให้มาถึง
มิต้องพึ่ง ใบบุญ เกื้อหนุนสร้าง
มิเคยท้อ ว่าเวรกรรม จะอำพราง
มิเคยอ้าง กุศล ที่ตนทำ
อาจทุกข์บ้าง สุขบ้าง ก็ช่างเถิด
เมื่อได้เกิด เป็นคน อย่าบ่นพร่ำ
แล้ววันนี้ จะให้ ใครเขานำ
มิเลิศล้ำ แล้วก็ อย่าท้อใจ
เพียรสร้างฝัน วันหน้า อนาคต
จะสวยสด สมปอง หรือหมองไหม้
แม้เหนื่อยยาก ตรากตรำ ทนทำไป
อย่างน้อยได้ ความดี …ที่ติดตน

หยุดพักสักหน่อย

หยดหมึก


มุ่งเสาะหาความรักไกลแสนไกล
หวังจะได้พบปะร่วมสุขสอง
ทางข้างหน้ายาวไกลถ้าใจปอง
ยังคงต้องก้าวไปให้ได้มา...
กี่ลมฝนพายุซัดกระหน่ำ
กี่ความช้ำพบปะกี่ความหนาว
กี่แสงแดดเจ็บปวดสุดรวดร้าว
อีกกี่ก้าวก็จะไปหวังจะเจอ...
เคยหยุดคิดหยุดพักกันบ้างไหม
ว่าเสียไปเท่าไรคุ้มไหมหนอ
รักตัวเองดีกว่ายามเราท้อ
มีแม่พ่ออยู่ข้างหลังกำลังใจ

อวดชีวิต

เชษฐภัทร วิสัยจร


ชีวิตเพื่ออวดโอ้........ชีวิต
ความสุขอันสุจริต........จับต้อง
ยุคสมัยสมัครสมานมิตร..........มุมใหม่
อินสะตาแกรมร้อง.......เรตติ้งตามกระแส

แท้ใช้ชีวิตแล้ว........หลากหลาย ทางเลือกใหม่มากมาย........เมคด้วย การอวดหนึ่งไลฟ์สไตล์........ทางหนึ่ง ชอบก็ดูก่อนม้วย............หมดสิ้นชีวา

เป็นหญิงครึ่งชายครึ่งควรพึงใจ

jojo24


สุนทรภู่ครูกวีมีคำกล่าว
ถึงเรื่องราวกิริยาอัชฌาสัย
“เป็นหญิงครึ่งชายครึ่งอย่าพึงใจ
ใครเขาไม่สรรเสริญเมินอารมณ์”
เป็นครึ่งหญิงครึ่งชายต้องอายหรือ
หากยึดถือสร้างความดีที่เหมาะสม
ใช้ชีวิตอย่างภูมิใจในสังคม
ไม่ต่ำตมชายหญิงครึ่งควรพึงใจ

เปิด

เปลวเพลิง


เปิดหน้าต่างบานใหญ่ออกให้กว้าง
รับแดดจางย่างเยือนสู่เรือนเหย้า
กวักลมโกรกโบกผ่านม่านสีเทา
คลอเสียงเร้านกร้องทำนองฟ้าปัดฝุ่นฝ้าหนาเขลอะที่เปรอะเปื้อน
อยู่เนิ่นเดือนปีให้ลี้หายหน้า
จัดแจกันดอกไม้ใหม่งามตา
ในบ้านน่าพำนักพักอาศัยเปิดหน้าต่างรับวิชานานาแขนง
สาดเจิดแจ้งอยู่ยงอสงไขย
เพาะปัญญามาลีศิวิไลซ์
ประดับไว้พรายพริ้มริมระเบียงเปิดหน้าต่างหัวใจออกให้สุด
รับแสงใจเพื่อนมนุษย์ทุกเช้าเที่ยง
ปลูกต้นรักสักกอเพื่อหล่อเลี้ยง
ให้พอเพียงชุ่มฤทัยไปทุกวันเมื่อเราเปิดหน้าต่างออกอย่างนี้
ล้วนแต่มีความสว่างพร่างเฉิดฉัน
รับสรรพแสงแรงกล้าสารพัน
มองสิ่งอันมีค่าน่ายลยินเปิดเถิดเปิดเพื่อรับกับสิ่งใหม่
เปิดตามแต่หัวใจใคร่ถวิล
เปิดความคิดอิสระเราระริน
อย่าให้สิ้นรสจินตนาการ

มายากระจก...

คีตากะ


อาณาเขตโรงงานโอฬารล้ำ
ถนนทำเลียบตึกลึกสุดแสน
ด้านหนึ่งเป็นกระจกป้องปกแทน
ล้วนหนาแน่นลำบากยากกล้ำกราย
ทางคดเคี้ยวยิ่งนักสุดจักหยั่ง
มีผนังหลังคามาสุดสาย
หน้าประตูสู่ตึกลึกเบื้องปลาย
คือจุดหมายปลายทางต่างรุดไป
ถึงประตูเข้าตึกผนึกแน่น
กระจกแผ่นบานหนึ่งซึ่งสวยใส
คนภายนอกห้ามผ่านทำการใด
คนภายในรู้รหัสสลัดกลอน
บานประตูจะเปิดเกิดเพียงครู่
เพียงพอผู้หนึ่งผ่านดาลไถ่ถอน
วันหนึ่งนกหลงทางหว่างสัญจร
มันบินร่อนพลัดมาฝ่าเผชิญ
นกคู่สองลืมตัวมัวพร่ำพรอด
หมายหลุดรอดทางกระจกระหกระเหิน
พบประตูทางเข้าที่เขาเดิน
มันบินเพลินชนกระจกตกมาตาย
คู่รักมันตามมาหาจนพบ
เห็นซากศพนอนนิ่งยิ่งใจหาย
พลันร้องเรียกฉุดดึงตัวพึ่งตาย
แต่ร่างกายแน่นิ่งยิ่งร้อนรน
คนผ่านมาพอดีที่เกิดเหตุ
สุดสังเวชเหตุการณ์พานฉงน
กระจกใสลวงตาพานกชน
ส่วนอีกตนบินหายกับสายตา
เปรียบโลกนี้มีชีวิตให้คิดนัก
ชนจมปลักภาพลวงล่วงสังขาร์
ล้วนวุ่นวายหลายหลากมากมายา
จนชีวาล่วงลับอัประมาณ
เห็นกงจักรเป็นบัวมัวคว้าไขว่
แต่สิ่งใดได้ไปในสงสาร
ตกบ่วงบุญบ่วงบาปตราบเท่านาน
ยากก้าวผ่านเวรกรรมที่ทำมา
พระสุคตศรีมุนีพลีชีวิต
ทรงอุทิศเทิดธรรมย่ำตัณหา
แหวกข้ามพ้นสงสารด่านกามา
ด้วยปัญญารู้แจ้งสำแดงองค์
เผยนิพพานพ้นทุกข์คือสุขเลิศ
หยุดการเกิดการตายมากมายหลง
สุขอื่นใดไม่เที่ยงเพียงปลดปลง
อย่างายงงไตรภพเป็นศพนอง.
..

เวลาชีวิต...

นครา ประไพพงศ์


ปฏิทินสิ้นปี...อีกปีแล้ว
ยินเสียงแจ้วสวัสดีวันปีใหม่
รู้ดีรู้เห็นความเป็นไป
ว่าจะปีไหนไหน...ไม่ต่างกัน
แค่เข็มของเวลาวนมาครบ
บรรจบรอบปีเข็มยาวสั้น
ก็เริ่มรอบใหม่ในรุ่งวัน
ก็แค่นั้นคิดอะไรให้มากมาย
อย่าสนใจเรื่องปีที่เปลี่ยนหมุน
จงสนใจตัวคุณ...ไหนเป้าหมาย
ชีวิตที่เคลื่อนไหวยังไม่ตาย
พร้อมเวลาเวียนว่าย...ครบรอบปี
ถึงเวลามองตนค้นให้ทั่ว
ทั้งตัวหัวใจไหนศักดิ์ศรี
มองเวลาข้างหน้าอย่ารอรี
เร่งสร้างความดี...เพื่อชีวิต