กลอนข้อคิด

แสงสว่างชีวิต

ยาแก้ปวด


อยู่บนดอยคอยฟ้ามาหุ้มห่ม
รอฟ้าลมสั่งมาพาถึงฝัน
ผีฟ้าเจ้าปัดเป่าหมู่เฮากัน
ผีฟ้านั้นสั่งสอนแต่ก่อนมา
ผูกวิญญานหมู่เฮากับต้นไม้
จะแตกหน่อก่อใบในภายหน้า
ทุกต้นไม้ที่เฮาปลูกฝังมา
คือวิญญาปลูกสร้างจากหัวใจ
หลับตาเถิดลองฟังเสียงของป่า
นกหริ่งหรีดแว่วมาได้ยินไหม
เสียงต้นไม้พัดหวิวปลิวลมไป
ได้ยินไหมธรรมชาติที่เราลืม
แสงเสียงสีเมืองกรุงรุ่งวิไล
นวัตกรรมไฉไลที่เขาปลื้ม
ความเจริญก้าวหน้าพากันลืม
มัวแต่ปลื้มสิ่งกรวงลวงหลอกมา
ไฟสว่างบางดวงอยู่บนดอย
เพียงต้นเดียวแม้น้อยก็มีค่า
เพราะอย่างน้อยส่องทางสว่างพา
แต่มีค่าส่องสว่างกลางฝูงชน
แล้วคุณหล่ะเจอไหมไฟสว่าง
ที่เปิดทางให้เห็นทุกแห่งหน
เปิดให้เห็นชีวิตค่าของคน
มีตัวตนบนโลก..เพื่ออะไร..!!
บทส่งใจ
" ความสำเร็จไม่ได้อยู่ที่การเรียนรู้
แต่มันอยู่ที่เรานำไปใช้ให้เกิดประโยชน์กับมวลมนุษย์ด้วยกัน"

จงสูจำ

ตราชู


จงสูจำ
“เปิบข้าวทุกคราวคำ
จงสูจำเป็นอาจิณ
เหงื่อกูที่สูกิน
จึงก่อเกิดมาเป็นคน”
อ่านคำทุกคราวคำ
จงสูจำซึ่งความจน-
ผองทาสผู้ทุกข์ทน
โศกขื่นถมสังคมไทย
“จิตร ภูมิศักดิ์” พ่อ
เจตน์จดจ่อจากจริงใจ
เกียรติเชิดหวังเกิดชัย
มวลชนชัดจำรัสฉาน
คำคิดท่านขีดเขียน
คือคำเธียรคงทนทาน
เตือนนามเป็นตำนาน
อันแตกหน่อในธรณิน
“ฟ้าลวกด้วยเปลวเลือด
ระอุเดือดทั้งแดนดิน
วอดวายทุกชีวิน
แต่คนยังจะหยัดยืน”
ปวงคนย่อมเปี่ยมค่า
ใช่สัตว์ป่าสังเวยปืน
เปลวไฟจากปวงฟืน
จักฟูมฟ้าเจิดเฟื่องฟู
แล้วคนก็ลุกขึ้น
ตระหนักตื่นขึ้นพันตู
ผองพาลอันพล่านภูว์
ต้องพ่ายแพ้ประชาพล
อ่านคำทุกคราวคำ
จงสูทำอย่างสู้ทน
เจนนำ อย่าจำนน
ต่อหนามไหน่ในธานี
“ฟ้ามืดเมื่อมีได้
ก็ฟ้าใหม่ย่อมคงมี”
คำ “จิตร” พิจิตรพจี
ตรูตราจิต ตรึงติดใจ
“แก้กฎที่เดือดดุ
ที่พังผุเป็นพิษภัย
ท่าวรื้อด้วยมือไทย
และสร้างกฎขึ้นทดแทน
กฎใหม่อำไพผ่อง
จะทาบทองแก่ด้าวแดน
สังคมที่คลอนแคลน
จะมั่นคงไร้วงทราม
แก้ชีพใช่ที่โชค
หากแก้โลกให้งดงาม
สังคมที่คุกคาม
ต้องมือคนสิกู้คืน
สังคมนี้กินคน
อย่าหลงกลให้กินกลืน
กำหมัดหยัดกายยืน
ยืนหยัดสู้...กู้โลกา”
(ร่างเดิม พ.ศ. ๒๕๔๘ เสริมแต่ง พ.ศ. ๒๕๕๒)
หมายเหตุ
๑.กาพย์ยานีในเครื่องหมายอัญประกาศนั้น ผมคัดตัดตอนบางช่วงจากบทกวีของ “ท่านจิตร ภูมิศักดิ์” มา ดังมีรายนามผลงานต่อไปนี้ครับ
ก.วิญญาณหนังสือพิมพ์ (คำเตือนจากเพื่อนเก่าอีกหน)
ข.โคลงสรรเสริญเกียรติก

๏..เหนือความทรงจำ

เรไร


หากเราใช้ความรู้สึกแล้วนึกย้อน
ความอาทรนาทีนี้มีบ้างไหม
ความโกรธแค้นชิงชัง ฤ ชั่งใจ
คือสิ่งใดหลงเหลือเพื่อจดจำเพียงแต่สิ่งดีงามความรู้สึก
ถูกซ่อนลึกเคยปลื้มเคยดื่มด่ำ
ความชิงชังดุจกรอบตามครอบงำ
เพื่อตอกย้ำ ฤ จิตทำบิดเบือน
ปล่อยคืนวันผ่านไปอย่างไร้ค่า
ใช้เวลาหลงละเมอเสมอเหมือน
เพราะชีวิตความฝันอาจฟั่นเฟือน
อาจลืมเลือนความเคยมี..ใช่จีรัง
และเหลือความว่างเปล่าใครเล่ารู้
ซากที่อยู่ระรวยรินอย่างสิ้นหวัง
แค่เศษเนื้อกับห้วงจินต์ที่ภินทร์พัง
จมอยู่กับความหลังฝังอุรา
เราต้องการสิ่งใด หรือ ชัยชนะ
สิ่งใดจะตัดสินให้สิ้นปัญหา
แล้วใครเล่าแพ้พ่ายวายชีวา
หรือจนกว่าร่างจะคืนสู่ผืนดิน
กล่องเก็บความทรงจำอาจนำสู่
บานประตูเปิดกว้างเห็นทางถวิล
อาจเป็นหวังคอยตามทวงจากห้วงจินต์
ยังไม่สิ้นความงามงดให้จดจำ
เราได้ลองคิดทบทวนหรือเปล่า
ว่าในกล่องเก็บความทรงจำเราได้จดจำสิ่งใดบ้าง
สิ่งดี ๆ ..ที่ผ่านมาด้วยกัน
หรือสิ่งเลวร้ายที่ต่างกระทำระหว่างกัน
เราได้ถามตัวเองหรือไม่ว่า...
วันนี้ เวลานี้ เรามีความสุข ในสิ่งที่ทำหรือเปล่า
หรือที่เราทำ เพราะต้องทำ หรือว่าเพราะอะไร
และเราได้ย้อนถามตัวเองอีกครั้งไหมว่า
สิ่งใดที่เป็นความสุขที่เราต้องการจริง ๆ
หรือเพียงสิ่งที่เราทำอยู่ทุกวันนี้
เพียงเพื่อเอาชนะเท่านั้น ... ใครกันจะพ่ายแพ้
หากเราสนทนากันด้วยเหตุผล
ไม่ใช่ด้วยความรู้สึก... เหมือนที่ผ่านมา
เราจะไม่รับรู้เลยหรือว่า สิ่งไห

เป็นหญิงครึ่งชายครึ่งควรพึงใจ

jojo24


สุนทรภู่ครูกวีมีคำกล่าว
ถึงเรื่องราวกิริยาอัชฌาสัย
“เป็นหญิงครึ่งชายครึ่งอย่าพึงใจ
ใครเขาไม่สรรเสริญเมินอารมณ์”
เป็นครึ่งหญิงครึ่งชายต้องอายหรือ
หากยึดถือสร้างความดีที่เหมาะสม
ใช้ชีวิตอย่างภูมิใจในสังคม
ไม่ต่ำตมชายหญิงครึ่งควรพึงใจ

กลอนคำคม : เลือกฟังคำแนะนำ

พจนา


คำแนะนำใดๆ .. มิใช่จะไร้ค่าไปเสียทั้งหมด
๐ คำแนะนำ จากปากคน ผู้หวังดี
จากปากคน ผู้มี ความรู้กว่า
นั้นคือคำ แนะนำ มีคุณค่า
มีประโยชน์ จริงหนา อย่าละเลย
คำแนะนำจากคนเลว-คนโง่ นั้นไร้ค่าสิ้นดี

กว่าจะแกร่ง

วฤก


๏ กว่าจะแกร่งแข็งได้ในวันนี้
ก็หลายทีทำพลาดอาจถลา
แม้เจ็บจุกปลุกใจให้ลุกมา
อย่ายอมล้ารอนลดหมดแรงใจ
ผิดคือครูดูเห็นเป็นตัวอย่าง
คำกล่าวอ้างเอ่ยไว้ได้ยินไหม
ที่พลั้งพลาดพลาดแล้วแล้วเลยไป
เรียนรู้ไว้สังวรสั่งสอนตน
เยี่ยงอย่างดีมีไว้ให้เอาเยี่ยง
หนทางเพลี่ยงพล้ำเตือนเลื่อนหลงหน
ทนทำดีดีทรงอยู่คงทน
จงเป็นคนมีค่าพาเจตน์จง
เมื่อกล้าแกร่งแข็งได้ในวันนี้
ใช่ไม่มีมองผิดจิตเลอะหลง
ควรพินิจคิดบั่นปัญหาปลง
เพื่อธำรงความแข็งแกร่งปัญญา ๚

ปลาบู่.. ตู่หรือจริง !

ศรีสมภพ


ปลาบู่..น่าเบื่อเชื่อหรือ ?
เชื่อถือ ทื่อถ้อย ปล่อยข่าว
กุเก่งเปล่งเปรื่องเรื่องราว
ตู่เก่าเต้ายามสามตา
ได้ยินได้ฟัง ยังหวั่น !
หากมันนั้นแน่ แท้หนา
ปลาบู่ รู้ยิ่งจริงว่า
อวิชชา ท้าทายผายผล
ยังมีส่วนหนึ่ง คะนึงนี้
วิธี วิพากษ์มากล้น
รักตัวกลัวตายวายชนม์
หลงกลจนทุกข์ สุขไม่
พุทธะ.. จะแจ้ง คำสอน
จงนิ่งแน่นอนผ่อนไว้
ทุกสิ่งเห็นชัด ปัจจัย
เบ็ดเสร็จ เท็จไคล้ ..ในความ
กาลามสูตร ..หยุดได้
ตรัสไว้ ไตร่ตรอง มองข้าม
ควรเชื่อหรือไม่? ใช่ตาม
๑๐ ความ.. อย่าเชื่อ เมื่อเจอ !
@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@
ปลาบู่ถามผมว่าอีก 27 ปี พ.ศ.อะไร ? (2544) จะมีเครื่องบินชนตึก
อีก 30 ปี พ.ศ.อะไร ? (2547) จะเกิดคลื่นยักษ์คนจะตายกันมาก
อีก 35 ปี พ.ศ.อะไร? (2552) จะเกิดแผ่นดินไหวในต่างประเทศ
แต่อีก 38 ปี (2555) จะเกิดอาเพศรุนแรง แผ่นดินไหวรุนแรงเกือบทั่วโลก
จะโดนทั้งไทย พม่า ฯลฯ กรุงเทพฯจมดินจมน้ำ เขื่อนที่จังหวัดตากก็พัง
" ในเวลายามสองในคืนปีใหม่ คนไทยฉลองกันสนุกสนาน เกิดแผ่นดินไหว
มีคนตายมากมาย" (ยามสอง คือประมาณเวลา 22.00 –24.00 น.)
@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@
กาลามสูตร คือ พระสูตรที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงแก่ชาวกาลามะ
หมู่บ้านเกสปุตติยนิคม แคว้นโกศล (เรียกอีกอย่างว่า เกสปุตติยสูตร
หรือเกสปุตตสูตร ก็มี)  กาลามสูตรเป็นหลักแห่งความเชื่อที่พระพุทธองค์
ทรงวางไว้ให้แก่พุทธศาสนิกชน ไม่ให้เชื่อสิ่งใด ๆ  อย่างงมงายโดยไม่ใช้
ปั

แปดขา กับ พอเพียง

อ.วรศิลป์


หยากไย่ ไยแมงมุม ที่สนามหญ้า
ไม่ได้สวย สะดุดตา อย่างใครเขา
แต่นั่นคือ หนึ่งความจริง...ที่สอนเรา
แมงมุมเจ้า กับใยนี้ ที่ถักทอเจ้าแมงมุม ตัวน้อย...ค่อยค่อยถัก
ถักด้วยรัก ด้วยหัวใจ ยิ่งใหญ่หนอ
เจ้าแมงมุมไม่ดิ้นรน  ทนเฝ้ารอ
รู้เพียงพอ เพียงเหยื่อติด....ชีวิตดำรง

ของเหม็นแมลงชอบตอม

บุญพร้อม


ลมชวยระ รวยริน กลิ่นตุตุ
เหมือนจะยุ ให้กาย  คายของเก่า
ใครหนอสรร  มาฝาก  ก็ยากเดา
กลิ่นนั้นเร้า  จนแมลง  แย่งกันดม
   มีมนุษย์   คนใด   ที่ไหนหนอ
จะมาขอ    ปันกลิ่น  ประทินโฉม
แค่ได้กลิ่น ก็เห็น  จะเป็นลม
คิดจะชม เขาก็หน่าย  ย้ายก้นไป
   มนุษย์ชอบ  ของหอม  ตามตอมตื้อ
แล้วร่ำลือ ถือมั่น    เชียร์กันใหญ่
ต่อเมื่อกลิ่น  นั้นคลาย   ละลายไป
ก็เปลี่ยนใจ  เป็นอื่น    ไม่คืนคง
   ดังเขาว่า  เอาอะไร  กับใจคน
เช้านั่งบ่น   เย็นมา  ข้าเสริมส่ง
ปราชญ์จึงสอน เอาไว้ ให้เราปลง
สรรพสิ่ง ล้วนมิคง ตรงใจใคร

ท้อได้.. แต่อย่าถอย

พงษ์ศักดิ์


เส้นทาง ที่ยาวไกล     สู่จุดหมาย ปลายทางนั้น
ทุกก้าว ล้วนสำคัญ     อย่าไหวหวั่น ต่ออบาย
หากเจอ อุปสรรค       จงแน่นหนัก อย่าหวั่นไหว
ท้อบ้าง ไม่เป็นไร       อย่าถอดใจ ก็แล้วกัน
ถ้าถอย ก็คือแพ้         คนอ่อนแอ น่าขบขัน
ใคร ๆ  คงลือกัน        ว่าเรานั้น ไม่ได้ความ
ถ้าสู้ ก็ชนะ               จงอย่าละ พยายาม
รางวัล อันงดงาม       ก็คือความ มั่นคงเอย.

นับใจ

ลักษมณ์


กี่ไฟประลัยกัลป์ล้างโลก
จึงจะเผาไหม้ความทุกข์ใจของเราที่มี ให้ดับสิ้นลงไป
.
กี่อสงไขยความสุข
จึงจะเท่ากับหนึ่งความทุกข์ใจ
.
นับใจ
25/12/55

แท้จริง/ทิ้งแจ

บนข.


รักกันใหม่ๆอะไรก็ดี
เชิญชมชวนชี้วจีขับขาน
โลกช่างสดใสหัวใจเบิกบาน
สุขสมสำราญทุกาลเวลาหญิงชี้ดูนกวิหคผกผิน
ชายว่านกบินหมดสิ้นกังขา
หญิงชี้นกพลัน  อุ๊ย  นั่นคือปลา
ชายตามกานดาอ๋อปลาจริงๆ
เพราะรักจึงยอมจึงพร้อมทุกอย่าง
ความรักจัดวางเข้าข้างชายหญิง
แม้นน้ำต้มผักพอรักแอบอิง
ก็หวานเสียยิ่งหยดน้ำตาลใด
ฝ่ายใดเคืองขุ่นทำวุ่นทำงอน
อีกฝ่ายเว้าวอนมางอนง้อได้
กระเซ้าเย้ายิ้มถึงปริ่มหัวใจ
ข้าวมันปลาใหม่สดใสร่าเริง
แต่พอรักจางทุกอย่างก็แย่
รักที่ว่าแน่กลับแปรยุ่งเหยิง
โลกที่สดใสเป็นไฟลุกเพลิง
กระเจิดกระเจิงกระจัดพลัดพราย
ถ้อยคำอ่อนหวานมิคลานเข้าหู
ไอ้ อี มึง กู  พรั่งพรูหลากหลาย
ซากรักหักพังอยู่ซังกะตาย
น้ำตาลกลับกลายจืดชืดฝืดคอ
....รักกันใหม่ๆอะไรก็ดี
แม้นผ่านหลายปีรักนี้ยังก่อ
ผลิดอกออกใบสดใสลออ
รักยังแตกกอมิง้อวันวัย
อย่าปล่อยให้รักถูกหักถูกผลาญ
เป็นรักพิการผ่านอายุขัย
หวานอมขมขื่นกล้ำกลืนกันไป
นอนกอดกองไฟ...ผลาญใจร้อนรน....

ดีและร้าย

แก้วประภัสสร


เก็บอักษรทุกคำเรียงลำดับ
มานั่งนับเล่นเล่นเน้นความหมาย
ว่าคิดถึงซึ้งกันมันมากมาย
เป็นสหายมิตรรักของนักกลอน
มีข้อความแปะวางอย่างห่วงห่วง
หมดคำลวงอ่านได้ในอักษร
มีภาพกอดกันกลมพร้อมชมกลอน
บ้างอวยพรสุขขีจงมีชัย
มีรอยยิ้มเหยอกเย้ากระเซ้าแหย่
มีรักแท้ให้กันไม่หวั่นไหว
เหมือนหยุดโลกโศกห่างอย่างวางใจ
เกิดขึ้นในทุกครั้งที่นั่งมอง
แต่ละวันแสนดีเป็นที่สุด
ไม่อยากหยุดร่วมทางหรือห่างผอง
อยากเลือกลมหายใจตามใฝ่ปอง
เห็นเพื่อนพ้องพร้อมหน้าเฮฮากัน
เราไม่อาจเลือกได้แต่วันดี
กระโดดข้ามวันที่เลวร้ายนั้น
ลมหายใจเข้า้ออกแต่ละวัน
ดีไม่ดีปนกันเช่นนั้นไป
เมื่อไม่อาจเปลี่่ยนร้ายกลายเป็นดี
เราปรับตัวเปลี่ยนวิธีคิดกันใหม่
มองทุกอย่างง่ายง่ายสบายใจ
มีสติตั้งไว้เพื่อใช้งาน
แก้วประภัสสร

เผา

ปติ ตันขุนทด


เผาขุนเขาป่าไม้         ควันขรม
ลมขุ่นคนเอาดม         ป่วยไข้
ใจคนครุ่นบาปสม        วันค่ำ
เกลศหื่นเผาตนให้      รุ่มร้อนจนตาย

ปูตินกับปูนา

แก้วประภัสสร


vs
ปูตินปาดน้ำตา ปลื้มเพราะว่าคะแนนนำ
ชนะจนลอยลำ   สามสมัยได้ใจชน
จากนายกรัฐมนตรี เป็นประธานาธิบดีก้าวด้วยตน
ปรีชาสามารถล้น   ผ่านวิกฤติพิชิตภัย
ปูตินรู้คุณค่า   คำสัญญามาด้วยใจ
ปูนาขาดีไซร้   มาเพราะใครไม่สนที
ปูตินใสสะอาด   ครองอำนาจไม่มีสี
ปูนาก็ทำดี        หากปราศเชื้อเอื้อพวกตน

เศษข้าว

โคลอน


  เก็บข้าวหล่นบนพื้นกลืนลงท้อง
  เติมเต็มห้องหัวใจที่ไห้โหย
  กินแก้มตุ่ยตุ้ยเคี้ยวรีบเกี่ยวโกย
  อยู่ได้โดยโดดเดี่ยวแม้เดียวดาย
 ไร้บ้านพักรักพิงจะอิงอุ่น
 มีไม้หนุนแทนหมอนนอนท่ามสาย
 ลมพัดผ่านพล่านพลิ้วถึงผิวกาย
 หนาวปางตายแต่ต้องมิร้องครวญ
 บางคืนฝนกระหน่ำจำฝังจิต
 เดือนมืดมิดมัวหม่นทนกำสรวล
 ปลุกปลอบขวัญวันล้าฟ้าแปรปรวน
 ดั่งโซ่ตรวนตอกตรึงขึงชะตา
 แม้ตกกรรมต่ำเตี้ยติดเรื่ยพื้น
 ต้องฝึกฝืนขืนแรงให้แกร่งกล้า
 รอดคือหวังฝั่งหนผลนำพา
 ขอสู้ฟ้าพาตน พ้นโพยภัย
 จะเติบตนบนทางที่ร้างสิทธิ์
 มุ่งลิขิตหนทางสว่างใส
 เศษข้าวน้อยคอยย้ำกำลังใจ
 ไม่ให้ใครมองเห็นเป็นเศษคน

มายากระจก...

คีตากะ


อาณาเขตโรงงานโอฬารล้ำ
ถนนทำเลียบตึกลึกสุดแสน
ด้านหนึ่งเป็นกระจกป้องปกแทน
ล้วนหนาแน่นลำบากยากกล้ำกราย
ทางคดเคี้ยวยิ่งนักสุดจักหยั่ง
มีผนังหลังคามาสุดสาย
หน้าประตูสู่ตึกลึกเบื้องปลาย
คือจุดหมายปลายทางต่างรุดไป
ถึงประตูเข้าตึกผนึกแน่น
กระจกแผ่นบานหนึ่งซึ่งสวยใส
คนภายนอกห้ามผ่านทำการใด
คนภายในรู้รหัสสลัดกลอน
บานประตูจะเปิดเกิดเพียงครู่
เพียงพอผู้หนึ่งผ่านดาลไถ่ถอน
วันหนึ่งนกหลงทางหว่างสัญจร
มันบินร่อนพลัดมาฝ่าเผชิญ
นกคู่สองลืมตัวมัวพร่ำพรอด
หมายหลุดรอดทางกระจกระหกระเหิน
พบประตูทางเข้าที่เขาเดิน
มันบินเพลินชนกระจกตกมาตาย
คู่รักมันตามมาหาจนพบ
เห็นซากศพนอนนิ่งยิ่งใจหาย
พลันร้องเรียกฉุดดึงตัวพึ่งตาย
แต่ร่างกายแน่นิ่งยิ่งร้อนรน
คนผ่านมาพอดีที่เกิดเหตุ
สุดสังเวชเหตุการณ์พานฉงน
กระจกใสลวงตาพานกชน
ส่วนอีกตนบินหายกับสายตา
เปรียบโลกนี้มีชีวิตให้คิดนัก
ชนจมปลักภาพลวงล่วงสังขาร์
ล้วนวุ่นวายหลายหลากมากมายา
จนชีวาล่วงลับอัประมาณ
เห็นกงจักรเป็นบัวมัวคว้าไขว่
แต่สิ่งใดได้ไปในสงสาร
ตกบ่วงบุญบ่วงบาปตราบเท่านาน
ยากก้าวผ่านเวรกรรมที่ทำมา
พระสุคตศรีมุนีพลีชีวิต
ทรงอุทิศเทิดธรรมย่ำตัณหา
แหวกข้ามพ้นสงสารด่านกามา
ด้วยปัญญารู้แจ้งสำแดงองค์
เผยนิพพานพ้นทุกข์คือสุขเลิศ
หยุดการเกิดการตายมากมายหลง
สุขอื่นใดไม่เที่ยงเพียงปลดปลง
อย่างายงงไตรภพเป็นศพนอง.
..