กลอนห่วงใย

เพื่อน

จัน


ยามปวดหัวตัวร้อน
แค่มีเธอคอยอาทรก้อดีกว่ายาขนานไหน
ยามหนาวเหน็บเจ็บปวดกาย
แค่มีเธออยู่ใกล้กลับอุ่นใจ
แม้ยามร้องไห้น้ำตาคลอ ๆ
แค่มีเธอยืนรอเช็ดน้ำตาให้
อุปสรรคมากมายแค่ไหน
ฉัน....พร้อมรับได้จริง ๆ

เกินบรรยาย

นิติ


มากมายในสิ่งที่อยากบอก
นอกเหนือความจริงที่เคยฝัน
เริ่มเข้าใจความห่วงใยเวลาใกล้กัน
ความผูกผันเริ่มคลืบคลานเข้าสู่หัวใจ

ทำไมยังแคร์อยู่

ภพ


ไม่รู้ใจทำไมต้องคอยแคร์
คอยดูแลห่วงใยและห่วงหา
ทั้งที่เธอทำฉันเจ็บแทบทุกครา
กลับไม่ว่าแต่ยิ่งรักละมุนละไม
หรือเพราะการที่ฉันได้เคยรัก
เคยจมปักรักแท้ที่ฝันใฝ่
เคยทุ่มเททั้งตัวและหัวใจ
ให้เธอไปแม้ไม่ได้ตอบกลับมา
มาวันนี้ใจยอมรับว่าแต่เพื่อน
จิตก็เตือนแต่ใยยังห่วงหา
แถมกลับยิ่งมากขึ้นทุกทุกครา
ไม่เข้าใจใจนี้หนาเป็นอะไร

ขอบใจ

คนกรุงศรี


ใครคนหนึ่ง ซึ่งคอย จนหงอยเหงา
แอบนั่งเศร้า เฝ้ามอง คอยจ้องหา
มีเพียงหวัง ยังจำ คำวาจา
คงย้อนมา สักวัน ดั่งฉันคอย
คำสั้นสั้น วันนี้ ที่ได้รับ
เหมือนว่าซับ น้ำตา คราเหงาหงอย
ก็บ่อยครั้ง นั่งคิด จิตเหม่อลอย
จนค่อยค่อย เจียมใจ ไม่ลืมตน
อยากจะหัก ห้ามใจ มิให้คิด
รู้ไร้สิทธิ์ แต่ใน ใจสับสน
ใต้สำนึก ของฉัน นั้นกังวล
คิดถึงปน ห่วงใย ให้อาทร

หาบน้ำ - ตามฝัน (กาพย์สาวหาบน้ำ ๑๓)

สุริยันต์ จันทราทิตย์


๏ หาบน้ำ         จนคานแอ่น
ทั้งไหล่และแขน     เกร็งขึ้นเป็นสัน
๏ ย่างเหยาะ      เลาะคันนา
จากบ้านเฮือนมา    ตักน้ำท่ากัน
๏ หนองน้ำ        คือจุดหมาย
สาวเจ้าทั้งหลาย      พบปะสังสรรค์
๏ เว้าจา            ประสาสาว
เป็นเรื่องเป็นราว    บอกเล่าความฝัน
๏ แลกเปลี่ยน    ทุกข์และสุข
ที่เร้ารานรุก           อยู่ทุกคืนวัน
๏ ปลอบโยน      ยื่นน้ำใจ
พี่น้องมีให้              ห่วงใยแบ่งปัน
๏ รอยยิ้ม         พริ้มใบหน้า
ไมตรีเมตตา           ห่วงหาต่อกัน
๏ ภาระ          เต็ม ๒ ไหล่
เหนื่อยหนักแค่ไหน     บ่ย่านบ่ยั่น
๏ หาบน้ำ          เหยาะเยื้องย่าง
หัวใจอี่นาง            บ่ร้าง...ความฝัน๚๛

ความทรงจำ

แย้ม ไกลวันเกิน


ผลสุดท้ายคล้ายว่าเป็นยาพิษ
ขอรับผิดรับผลฉันคนเขียน
จักเผาไหม้ตัวเองเปล่งแสงเทียน
ส่องบทเรียน สู่ตระหนัก เพื่อนนักกลอน
เจตนาหรือไม่ ใช่ข้ออ้าง
เป็นผู้สร้าง ขอรับผิด รับพิษก่อน
นับแต่นี้ต่อไปไม่เขียนกลอน
จะจากจร เจ็บกลืน กลับคืนรัง
(เพลงเริ่มต้น-"เธออยู่ไหน")
เธออยู่ไหน,ใครคนนั้น,ฉันอยู่นี่
เป็นวลี ที่รำพัน กันลับหลัง
เนิ่นนานปี ไม่มีใคร เคยได้ฟัง
เพียงลำพัง รับรู้กัน กับจันทรา
ฝากบอกใครคนนั้นนะจันทร์ไสว
เธออยู่ไหนใช่ถามเพื่อตามหา
ฉันอยู่นี่ก็ใช่อยากให้มา
คล้ายเป็นคำอำลาด้วยอาวรณ์
คงจะไม่มีวันพบกันแล้ว
ขอบคุณแวว ความห่วงใย ในวันก่อน
เธออยู่ไหนไม่สำคัญนิรันดร
เพราะทับซ้อนฉันอยู่นี่อยู่ที่เดิม
เพลง "เธออยู่ไหน" ต้นฉบับ

๏ เยื่อใย๚ะ๛

บินเดี่ยวหมื่นลี้


๏ ฟากสรวงแดนแสนห่างจากกลางเถื่อน
มองดาวเดือนโพ้นฟ้าสุดตาเหลียว
ฤๅโทษแถนปางบรรพ์ยังฝั้นเกลียว
เกินโน้มเกี่ยวเถื่อน-สรวงคล้องพ่วงกัน
เพียงสายใยอาทรแทรกซอนอยู่
ทุกอณูดวงแดมิแปรผัน
เกลียวฝั้นสองดวงมานนานนิรันดร์
ป้องปกขวัญดวงใจด้วยไมตรี
ช่วงคาบแห่งหนาวลมใกล้ล่มแล้ว
ต้นดอกแก้วรานงามจนทรามสี
ยามดอกใบหล่นร่วง..ห้วงฤดี
หวั่นในที..กลัวรักจะหักราน
ครายามยลพจน์ถ้อยที่ร้อยพากย์
เจ้าจารฝากความคำลำนำสาส์น
ที่ไหวหวั่นกลางห้วงของดวงมาน
ก็พ้นผ่านลับล่วงจากทรวงใน
แม้มีบ้างบางคืนสะอื้นอั้น
จำกลืนกลั้นน้ำตามิบ่าไหล
เฝ้านับคืนนับวันที่ผันไป
หวังถอนไถ่ปลดเปลื้องทัณฑ์เบื้องบน
**ขอฝากสายลมร่ำแห่งค่ำนี้
พาไมตรีเคลื่อนผ่านข้ามลานหน
หอบหวานชื่นแผ่ระนาบโอบทาบมน
จากอกคนกรุงไกรสู่ไพรวัน**
ระลอกลมพลบค่ำพลิ้วรำร่าย
กิ่งแก้วส่ายก้านใบดูไหวสั่น
ดอกสุดท้ายเบ่งบานบนลานจันทร์
ก่อนถึงวันรุ่งเช้าจักเฉางาม
แต่ดอกรักเบ่งบานเต็มลานป่า
ด้วยลมพาห่วงใยคอยไถ่ถาม
จากกรุงไกรข้ามฝั่งมารั้งความ
ทุกโมงยามอาทร ร้อน ฤๅ เย็น
ผ่านช่วงกาลลมหนาวอีกคราวหนึ่ง
แต่หวานซึ้งอักษราทุกคราเห็น
ยังบ่งบอกความเผยดั่งเคยเป็น
มิซ่อนเร้นเงื่อนงำแม้นคำใด
เช้าเคยฉ่ำย่ำกรายด้วยสายหมอก
น้ำค้างหยอกยอดแก้ววาวแววใส
นับจากนี้คงผ่านล่วงกาลไกล
หมุนเวียนไปตามห้วงของช่วงกาล
ที่รักของคนไกล
นานเพียงไหนคงยังรั้งประสาน
เยื่อใยแห่งสองเราให้ยาวนาน
แม้จบปราณวางวาย..ยังหม

ห่างเหิน

jew


โอ้อนิจาชีวิตนี้ชั่งร้ายนัก
อาจจมีห่วงใยบ้างในบางครา
แต่ทำไมวันนี้ดูห่างเหินนัก
โกรธอะไรใยไม่บอกกล่าว
วันนี้อาจจะมองหาดาวสักดวงไม่มี
แต่มีฝนที่ตกโปรยปราย
แต่ก็ทำให้สดชื่นและสดใส
อาจจะมีทำให้ใจดวงนี้เศร้าบ้าง
แต่ยังไงเป็นหัวใจที่ชินชา
อาจมีน้อยใจบ้างแต่อย่าใส่ใจ
คนนี้อาจไม่มีค่าในสายตาคุณ
ขอแค่ได้ห่วงใยทุกเวลา

เหน็บหนาว

Prayad


เหมันต์หวนครวญหาคนน่ารัก
ได้รู้จักแล้วจากเพียงฝากฝัน
ลมหนาวโหมโถมมายิ่งจาบัลย์
ความโศกศัลย์ระคนปนหนาวใจ
เก็บเอาความอาภัพไว้คับอก
ถึงเข็นครกขึ้นเขาเรายังไหว
สุดยากเย็นเข็นรักหนักทรวงใน
เข็นเท่าไหร่ไม่พ้นวังวนลวง
เสียดายความรู้สึกที่นึกรัก
เสียดายที่สมัครปักใจหวง
สงสารความจริงแท้ในแดดวง
ที่เซ่นสรวงให้แด่ความแปรปรวน
พบกับความผิดหวังครั้งที่ร้อย
คิดแล้วน้อยใจช้ำสุดกำสรวล
เหมันตกาลผ่านผันยิ่งรัญจวน
ได้แต่ครวญเพลงเศร้าเคล้าสายลม
นี่ก็อีกราตรีที่หนาวเหน็บ
ทนปวดเจ็บอีกคราให้สาสม
เป็นทาสรักปักจิตคิดระทม
ร้าวระบมไร้คู่อดสูใจ
เหมันต์หวนครวญหาสุดว้าวุ่น
ได้พบคุณเพียงฝันยิ่งหวั่นไหว
หนาวลมโชยโหยหาห่วงอาลัย
ป่านนี้ใครเค้าหนอเคลียคลอคุณ
(เหมันตฤดู ๒๕๓๕)

ขอบฟ้า

อันดามัน


ต่อให้ขอบฟ้ากว้าง...กว้างแค่ไหน
ขอให้มั้นใจว่าจะไม่แปรผัน
ต้อให้ระยะทางจะไกลสุดฟ้ากั้น
ความผูกพันที่มีต่อกันจคงมั่นตลอดไป
แล้วเธอล่ะ...คนดี
รู้สึกแบบนั้น...รู้สึกดีๆกับฉันบ้างไหม
ถ้าไม่...ก็ไม่เป็นไร
แค่รับความรู้สึกห่วงใยเอาไว้ก็พอ

สู่คนไกล

ไผ่ลู่ลมม


ไผ่ลู่ลม ร้อยเรียง สำเนียงอ้อน
สื่ออักษร อารมณ์ ผสมศิลป์
จากไพรพง บรรจง ถึงบุรินทร์
ฟ้าสีนิล จารจด บทกวี
รังสิมันต์ เลื่อนหลบ สงบแสง
ดาราแจ้ง ดื่นดาษ ประกาศศรี
วาโยผ่าน พร่างพรม ห่มฤดี
ณ ราตรี คิดถึง ซึ่งคนไกล
ร้อยกำมือ เม็ดทราย มากมายนัก
น้อยกว่ารัก จากดิน ได้ยินไหม
ล้านดวงดาว ไม่เท่า ความห่วงใย
ของหนึ่งใจ ที่ให้ นิรมล
ระหว่างทาง พร่างพราย ประกายฝัน
ใต้เงาจันทร์ เยื่อใจ อย่าคลายหม่น
ฤดูผ่าน นานไป ให้อดทน
คงได้วน มากอด ยอดหทัย
ร่ายรำพันธ์ กลั่นฝาก จากห้วงจิต
เผยความคิด กลอนกานท์ นำขานไข
อยู่ขุนเขา เขตเขื่อง ส่งเมืองใหญ่
ใช่ร่ำไร หมายปอง กรองแก้วตา
ปากกาหยด หมดหมึก เกินนึกเขียน
คอยแวะเวียน ใจริน ถวิลหา
จะหลับตื่น ซึมทราบ คราบน้ำตา
มารุตพา รับรู้ สู่คนไกล
ไผ่ลู่ลม

รักเธอคนเดียว

ก่องกิก


ดวงฤดีพี่พร้อมยอมมอบให้
ด้วยดวงใจของพี่ที่เคยฝัน
จะถนอมรักเราเท่าชีวัน
เป็นคำมั่นสัญญานะคนดี
ค่ำคืนนี้ที่รักจงพักผ่อน
ก่อนจะนอนพี่มาหาที่นี่
ที่บ้านกลอนถักถ้อยร้อยวจี
จากใจพี่สื่อสารผ่านเว็บมา
ด้วยความรักห่วงใยมีให้น้อง
อย่าหม่นหมองเชื่อพี่นี้เถิดหนา
พี่รักน้องจริงจังดังแก้วตา
รักเท่าฟ้าอยากเคียงเพียงแต่เธอ
พี่ห่างหายไปนั้นหวั่นเจ้าลืม
เราเคยปลื้มต่อกลอนก่อนเสมอ
มาวันนี้เงียบเหงาเศร้านะเออ
ปล่อยพี่เพ้อเผลอบ่นบนลานกลอน
ตรวจสอบเพลงให้ด้วยนะครับ
ผู้ดูแลระบบ
แล้วบอกวิธีลงเพลงไว้ด้วยนะครับ
เพื่อความครื้นเครงครับ...

รอจันทร์

ไผ่ลู่ลมม


เปรียบกระต่ายหมายดมชมดวงแข
จ้องตาแลเพียงเงาเฝ้าว่าเหมือน
หากคืนไหนฟ้าดับลับดาวเดือน
ใจสะเทือนเหม่อคอยละห้อยรอ...
แม้นจันทร์เสี้ยวเกี่ยวฟ้ามาเพียงครึ่ง
ข้ารำพึงในทรวงห่วงจริงหนอ
เจ้าคงเหนื่อยอ่อนเเรงแสงไม่พอ
หรือจันทร์ท้อ...จึงหม่นบนราตรี
ไผ่ลู่ลม
ภาพจากเน็ต

เออ...

Jeminine


กับทุกสิ่งที่ฉันทำลงไป...
เนิ่นนานแค่ไหนที่ทำให้เธอ
อยากรับรู้เรื่องราวของเธอเสมอ
คอยแคร์ความรู้สึกของเธอมากกว่าใคร
กับข้อความห่วงใย ในจดหมายสั้นสั้น
กับของขวัญชิ้นเล็กเล็กในวันปีใหม่
กับการ์ดที่ทำให้ ตอนวาเลนไทน์
และคอยเป็นห่วงเป็นใย เสมอมา
เธอไม่เคยรู้บ้างหรือ...ว่าคืออะไร
ว่าคือความนัยจากหัวใจที่ส่งมาหา
ทุกความรู้สึกที่แสดงออกทั้งหมดในแววตา
เธอถามฉันว่า...มันคืออะไร
หากจะถามว่าฉันคิดถึงเธอหรือเปล่า
เวลาไม่เจอกัน ฉันรู้สึกเหงาบ้างใหม
หากจะถาม...ว่าใช่ความรักหรือเปล่า..ที่ฉันทำไป
เอียงหูมาสิคนดีจะบอกให้...ได้ยินมั๊ย..ว่า..เออ!

สายลมแห่งความรัก

ใบรัก


ฝากสายลมหมุน
หอบความคิดถึงอ่อนอุ่นไปให้
แล้วเก็บความรู้สึก...ห่วงใย
เป็นลมสายพลิ้วตามไปให้ที
ไม่ว่าเธอจะอยู่ตรงไหน
วอนลมหอบนำไปให้ถึงที่
ให้เธอรับรู้ความรู้สึกที่มี
และไม่หวังได้รับความรู้สึกดีดีกลับมา.

ฝาก-ใจ-ไป กับ ลม

ลูกหว้า


แว่วสายลม พรมพัด สะบัดพลิ้ว
ส่งใจลิ่ว ปลิวไป ไกลหนักหนา
ฝากลมหวน ทวนไป ในนภา
ผ่านฟากฟ้า พาใจ ไปถึงเธอ
เป็นห่วงถึง คะนึงหา อุราหมอง
ได้แด่มอง จ้องดาว พราวเสมอ
ยามห่างไกล ใจเหงา เฝ้าละเมอ
นั่งมองเหม่อ เผลอคิด จิตวกวน
อยากฝากลม ห่มรัก ถักถ้อยคำ
ร้อยลำนำ พร่ำวอน อ้อนสายฝน
ส่งความรัก ภักดีไป ในสกล
ส่งถึงคน บนทางรัก ภักดิ์ผูกพัน
ส่งความรัก ภักดี นี้ไปให้
ไว้ห่มใจ คลายเหงา เศร้าโศกศัลย์
ให้หายเหงา เศร้าใจ ในทุกวัน
อย่าไหวหวั่น ฉันรักเธอ เสมอไป

ปีใหม่ หัวใจเก่า

แดดเช้า


ปีใหม่ หัวใจเก่าไม่เศร้าหมอง
หัวใจนี้ยังครองรักคงมั่น
เป็นหัวใจใสสะอาดวาดสัมพันธ์
หวังเพียงฉันกับเธอรักกันนาน
หัวใจนี้ยังมีเธอเสมอใจ
และจะไม่มีนาทีที่เลยผ่าน
เก็บความรักทุกห้วงของดวงมาลย์
จะประสานความผูกพันให้มั่นคง
ปีใหม่ หัวใจเก่า ยังเล่าขาน
เป็นนิทานความห่วงใยไม่ลืมหลง
ถึงปีใหม่ ผ่านไปใจบรรจง
เขียนบันทึกความรักลง ณ ห้วงใจ.
แดดเช้า: ๑ มกราคม ๒๕๕๕