กลอนอกหัก

เพ้อ

ร้อยฝัน


ท่ามแสงเทียนวิบวับระยับแสง
มิอาจแข่งดวงดาวที่พราวใส
เย็นน้ำค้างพร่างพรมลมโชยไป
หนาวถึงใจดวงนี้ที่รอคอย
ลมหนาวพัด พัดผ่านสะท้านผิว
ใบไม้ปลิวลอยคว้างอย่างเหงาหงอย
ตามทำนองเพลงเศร้าเจ้าล่องลอย
ดั่งเรือน้อยล่องไปในสายชล
กระชับผ้าโอบอุ่นที่คุ้นชิน
หอมกรุ่นกลิ่นจางจางอย่างสับสน
เมื่อใดหนอคนไกลจะได้ยล
ฤาต้องทนทุกข์สิ้นกินน้ำตา
ขอวงแขนแข็งแรงแกร่งคู่นั้น
โอบกอดฉันเอาไว้ใกล้เถิดหนา
คงลืมสิ้นทุกข์ใดได้เจอมา
ขอเวลาเราอยู่เคียงคู่กัน
อย่าเป็นเพียงแค่เพ้อท่ามลมหนาว
ลืมตาตื่นร่วงกราวราวกับฝัน
ใช่เป็นเพียงแค่ถ้อยร้อยรำพัน
ไม่มีวันเป็นจริงได้ดั่งใจปอง

ลมหวน

อินสวน


ก่อกองฟืนผิงไฟไล่ลมหนาว
เล่าเรื่องราวผ่านเพลงบรรเลงหวาน
ท่องทำนองโศกเหงาแกมร้าวราน
ไหวสะท้านผ่านพรมลมรำเพย
ใกล้ยี่เป็งเร่งรอต่อเติมรัก
หวั่นใจนักสะทกสั่นอกเอ๋ย
ลมหนาวล่องท่องถามตามคุ้นเคย
ไม่คิดเลยจะลับกับวันเดือน
ปากรำพึงรำพันว่าฝันเฝ้า
ใจของเจ้าใหลหลงคงไม่เหมือน
ท่ามค่ำคืนดึกดื่นชื่นชมเดือน
คงมีเพื่อนเชยชิดสนิทใจ
สายลมหวนหอบข่าวร้าวรานบอก
ลุ่มเจ้าพระยาเขาหลอกรู้บ้างไหม
ยกคำอ้างช่องว่างความห่างไกล
แล้วปันใจเป็นอื่นในคืนลวง

อาภัพรัก

แป้งฝุ่น


เธอไม่รัก             ปักจิต               ไม่คิดโกรธ
ฉันขอโทษ               ตัวเธอ               ทนเศร้าฝืน
แม้จะเจ็บ                เท่าไหร่            ทั้งเฝ้ายืน
ยังทนฝืน                 ยิ้มให้เธอ          เจอทุกวัน
แม้เธอจะ                ไม่รัก                 สักเท่าไหร่
ขอเพียงให้              ได้พบ                มิหลบหนี
ว่าฉันนี้                   ยังรักเธอ           เสมอมา
(    ^ _ ^   )

"เงื่อนงำ"

แมงกุ๊ดจี่


ทุกถ้อยกล่าวราวกล่อมสู่อ้อมกอด
น้ำคำพรอด...อ่อนหวานผสานเสียง
เชื่อถือมั่น...นัยคำสื่อสำเนียง
พร้อมจักเคียงมอบหวังพลังใจ...
ศรัทธาในชาติภพประสพพักตร์
ตรึงจำหลักคล้องขวัญคงมั่นไว้
ยอมมีรัก...ทุกข์ทนแม้หม่นไหม้
แม้นร้างไร้อนาคตกำหนดวาง...
เกิดรักซ้อนซ่อนเงื่อนมาเคลื่อนคล้อง
ถูกจำจอง...ไร้สุข-ทุกข์มิสร่าง
หมายคือ "รัก" สุดท้ายที่ปลายทาง
แต่เปล่าว่าง...ทางตันสุดครรลอง
เป็นโทษทัณฑ์ทำไว้แต่ใดหนอ ?
หรือร่วมก่อกรรมเก่าเราทั้งสอง
ผูกปมเงื่อนบ่วงกรรมแล้วจำจอง
ผลสนองรักขมทุกข์ตรมทรวง...
หลบซ่อนช้ำข่มเศร้าในเงาหม่น
น้ำตาหล่นเกินกลั้นยามขวัญหวง
รักร่วมสร้างร้างลา...สิ้นค่าปวง
เหลือรอยบ่วงพ่วงทัณฑ์สุดบรรเทา...
มาให้รักแล้วลิดรอนอาวรณ์นัก
สุดจะหักสุดจะห้ามข่มความเหงา
หรือสิ้นแล้วหนทางระหว่างเรา
เหลือเพียงเงาเคล้าร่างตราบวางวาย...

เท่านั้น

ยังแคร์


มีค่า...แค่คนไกลห่าง
มาพบกันเมื่อว่างเมื่อเธอเหงา
มีความหมายแค่ฝุ่นบางเบา
ที่ไม่เคยเข้าไปอยู่ในใจ
มองกันเป็นเศษดอกหญ้า
จะสวยคุ้นตาได้เพียงเวลาไม่มีดอกไม้
ในยามที่เขาลืมเธอยามที่เธอไร้ใคร
นั่นเป็นโอกาสเดียวที่ฉันจะมีความหมายใดๆสำหรับเธอ

รักเขาข้างเดียว

love


เมื่อเจอหน้าเหมือนชะตาฟ้าลิขิต
ให้ชีวิตฉันพบเธอเพ้อหลงใหล
ผิดกับเธอไม่เผลอแม้แค่เศษใจ
แล้วเมื่อไหร่รักจะสมอารมณ์ปอง

ผ่านมาเพื่อผ่านไป

jojo24


กามเทพจับศรแผลงสำแดงฤทธิ์
ให้ดวงจิตตกหลุมรักสมัครหมาย
พิษไฟรักทุกข์ทนทุรนทุราย
เจ็บเจียนตายมากี่ครั้งยังไม่จำ
หยุดเถิดหนาอย่าชิดใกล้ให้ใจคิด
ไม่อยากผิดคิดไกลกลัวใจช้ำ
โชคชะตากลั่นแกล้งแฝงเวรกรรม
โหมกระหน่ำซ้ำแผลเก่าเข้าเต็มแรง
เดือนสิบสองน้ำนองเต็มตลิ่ง
พระจันทร์นิ่งลอยเด่นเพ็ญส่องแสง
ยังจดจำวันนั้นได้ไม่เปลี่ยนแปลง
เธอแสดงท่าทีเหมือนมีใจ
กระทงหนึ่งสุดซึ้งสองคนจับ
เธอขานนับให้สัญญาณข้างธารใส
กระทงน้อยถูกปล่อยลอยออกไป
ด้วยหัวใจที่มีหวังอีกครั้งครา
แต่พบกันไม่ทันไรจำใจจาก
ไม่อยากพรากห่างไกลใจห่วงหา
จะจดจำเธอเอาไว้ให้สัญญา
วันข้างหน้าฟ้าเป็นใจคงได้เจอ

หนาวมาแล้วแก้วใจจ๋าหนาวมาแล้ว วังเวงแว่ววิบว่อนวอนหวิวไหว

คืนแรมสามค่ำหน้าร้อน


  จำ  ..ความทรงจำเปียกฝน
เจ็บหมองจองหม่นจนถึงฝัน
ผ่านได้พบ จบตรงที่ไม่มีกัน
เหลือก็เพียงฝันแค่นั้น ..ฝันว่าเจอ
  กาลก่อนเก่าโน้นเนานาน ในกาลเก่า
ความทรงจำคงย้ำเศร้า ทรวงเสมอ
ละมุนแม้หลงละไม ในละเมอ
เพียงพากย์เพ้อ จึงพบแพ้แก่ดวงใจ
  หนาวมาแล้วแก้วใจจ๋า หนาวมาแล้ว
วังเวงแว่ว วิบว่อนวอนหวิวไหว
ครั้งคู่เคียงคราวค่อย คอยคู่ใคร
รั้งร่ำไรร่ำร้องเร่า รักเราราญ
         ...
  หมดแล้ว.. แรงแห่งใจไว้ต่อสู้
หมดแล้วผู้เคยพร่ำเขียนคำหวาน
ต่อนี้ใจจะนิ่งเนานานเท่านาน
กลัวอาการเหมือนก่อนกี้ จึงหนีไกล
  ก่อนทุกสิ่งจะยิ่งหนาวราวน้ำแข็ง
คงไม่แข่งแข็งขืนสู้ รู้ ..ไม่ไหว
ใจแพ้แล้ว ก็ยอมพับอับจนใจ
จองจำใว้ ให้จำศีลกินน้ำตา

ว้าเหว่า.......

แก้วรัดเกล้า


...ฉันว้าเหว่  เดียวดายอยู่ในเงามืด มุมอับของหัวใจ
ไม่มีใครได้ยินเสียงคร่ำครวญของฉัน
ไม่มีใครได้เห็นหยาดน้ำตาที่ไหลหยาดหยด
และไม่มีใคร  สนใจใยดี…………
ฉันเหมือนนกที่ปราศจากปีก
ได้แต่จับนิ่งอยู่กับคอน
เฝ้าคอยแต่หวังและ… รอคอย
...แล้ววันหนึ่งเธอก็มา
ด้วยแสงงามละมุนอ่อนหวาน
ด้วยยิ้มที่สว่างไสวราวแสงแห่งสวรรค์
สูงส่ง  บริสุทธิ์  และศักดิ์สิทธิ์
แทรกเร้นเข้ามาในความมืด
อบอุ่นปลอบประโลม
...เธอผู้เปรียบประดุจเทวดาประจำตัว
ของคนทุกข์ ไร้คนเหลียวแล … เช่นฉัน
เธอผู้เปรียบประดุจ พ่อ  พี่ชาย ผู้ให้ความอบอุ่น
กับคนที่มีหัวใจยะเยือก  ขาดรัก และความอบอุ่นเช่นฉัน
มอบให้แด่พี่ชายคนดี
น้องสาวที่รักพี่พตทั้งชีวิตและจิตวิญญาณที่มี
น้องหญิงเอ๋

ความรักไม่มีเหตุผล

สองตุลา


ถ้าวันนี้เธอคิดจะบอกลา....
เหตุผลเพราะที่ผ่านมาแค่สับสน
เหตุผลเพราะมันลำบากไม่อยากทน
เหตุผลเพราะมีอีกคนที่สนใจ
หรือเพราะฉันทำอะไรให้รำคาญ
หรือเพราะฉันพูดคำหวานมากไปไหม
หรือเพราะฉันไม่ดูดีเหมือนใครๆ
หรือเพราะฉันไม่ใส่ใจให้เวลา
ถ้าจะไปคงไม่ไหวที่จะรั้ง
ร้อยเหตุผล ไม่อยากฟัง ไม่ต้องหา
ไม่จำเป็นต้องพูดอะไรให้เสียเวลา
เพราะทุกเหตุผลที่พูดมา...ฉันแปลได้แค่ว่า"ไม่รักกัน"

อกหัก

เด็กเมืองยศ


เวิ้งฟ้านภากว้าง          เหม่อมองไปสุดปลายตา
คิดหมองหม่นอุรา        ที่พักอื่นนั้นไม่มี
เมื่อรักให้เขาหมด       แม้นว่ามันจะชั่วดี
มืดบอดในใจนี้           ความรักปิดไม่รับรู้
พอถึงคราวต้องจาก     จะวางวายแสนอดสู
ลืมเหลียวมามองดู       ภายในจิตที่ลุ่มหลง
ความยึดมั่น ถือมั่น      เพื่อให้ได้ดั่งใจจง
เมื่อไม่สมประสงค์        ทุกข์บังเกิดไฟเผาลน
ยืน เดิน จะนั่งนอน      โอ้ดวงจิตคิดสับสน
ใจเราผู้เป็นคน            จะทนได้สักเท่าใด
ต่อแต่ไปจากนี้             ชีวีมอบอุทิศให้
แด่องค์พระทรงชัย        พุทธเจ้าผู้เหนือกาล
รู้เช่นให้เห็นอยู่            ปัจจุบันทุกทวาร
รักชอบโกรธเกลียดกัน   ล้วนเป็นทุกข์ สุขระคน
ลดละเลิกเห็นผิด           ไม่น้อมนำมาปะปน
มั่งมีหรือยากจน             ถ้าเห็นโทษสุขเกษม
...............เด็กเมืองยศ........

ยังไม่ลืม

ก่องกิก


ยังไม่ลืมดวงแดแม้ไกลกัน
สายสัมพันธ์แสนซึ้งตรึงใจข้า 
เคยรักกันแน่นเหนียวครั้งเกี้ยวพา
ที่ทักมาจากใจใช่หลอกลวง **
พี่แต่งกลอนบางครั้งยังนั่งเศร้า 
เป็นเพราะเจ้าคนดีที่ชอบหวง
มีคนรักทีไรเจ็บในทรวง 
ดูไม่ห่วงไม่รักไม่ทักทาย **
พี่ไม่ลืมคำกลอนเคยอ้อนรัก 
เคยสมัครชื่นชมสมใจหมาย
มาเดี๋ยวนี้แก้วตามากลับกลาย
ทิ้งให้ชายเงียบเหงาเศร้าระทม **
เมื่อไม่พบคนดีพี่จึงรู้ 
ว่ายอดชู้หลบไปใจขื่นขม
ปล่อยให้พี่ร้าวรวดปวดระบม
แม้ตรอมตรมเพียงไหนไม่เคยลืม

พลายแก้วกลับมา

พลายแก้ว เมืองกาญจน์


กลับจากดง พงไพร ไกลเขตขันธ์
ที่ด้นดั้น ฟันฝ่า หามรรคผล
อยากสงบ หลบทุกข์ ที่รุกรน
เพราะสุดทน ขมขื่น จำฝืนใจสิ่งที่หวัง พลั้งพลาด มลาศสิ้น
วางชีวิน อนาคต ต้องสดใส
ด้วยมุ่งมั่น ปณิธาน มองการณ์ไกล
กับทรามวัย คนรัก จักมิคลายเหตุเธอลา พาให้ ใจหมองหม่น
เจ็บกมล เกินกว่า รักษาหาย
ลองหลบหลีก สังคมเมือง เรื่องวุ่นวาย
ขอท้าทาย เข้าป่า รักษามานเอาพฤกษ์ไพร ขุนเขา เข้ามาช่วย
สงบด้วย ธรรมะ มาประสาน
ธรรมชาติ สดใส ใจเบิกบาน
เวลาผ่าน หลายปี มีความจริงย้อนกลับมา นาไร่ เป็นไงหนอ
ไร้คนรอ ท้อทด สลดยิ่ง
เห็นนารก ไร่ร้าง น่าชังชิง
เพิงเคยพิง พักอาศัย ไร้คนแล
ใต้เงาแจ่ม แสงจันทร์ คืนวันนี้
กับใจที่ มุ่งหวัง อย่างแน่วแน่
เธอยังอยู่ ในใจ ไม่เปลี่ยนแปร
มีก็แต่ ที่เรา ยังเศร้าตรม
พลายแก้ว

ความรู้สึกของคนที่เทอไม่สนใจ

แอบซึ้ง


แรกเริ่มที่ฉันแอบชอบเทอ
มันเป็นเวลาที่ฉันมีความสุข
แต่มันผ่านไปได้ไม่นานฉันก็ได้รู้
เธอมีคนที่เธอรักอยู่แล้วฉันผิดเองที่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเทอ
ฉันขอโทษ ที่ฉันทำเพราะฉันไม่เคยรู้
ว่าเธอเป็นของเขา ฉันไม่ได้ตั้งใจจริงๆ
ฉันอยากให้เธอใจ
ขอบคุณที่เธอที่ทำให้ฉันมีบทเรียน

โยนมันทิ้งไป

มะปรางจี๊ด


โอ้ชีวิตที่ผ่านแสนเศร้านัก
แม้มีรักก็ต้องพรากห่างไกลแสน
พรากจากเธอที่ฉันรักดั่งดวงแดน
แลหวงแหเธอยิ่งกว่าชีวีตน
คนเขาว่าละครเน่ากว่าชีวิต
คนเขาคิดละครเวอร์ชวนสับสน
แต่ละครก็เลียนจากชีวิตคน
ที่เล่นกลจนทำเราเสียน้ำตา
ใครจะรู้ว่าฉันต้องพรากจากรัก
ต้องอกหักเพราะปัจจัยอย่างที่ห้า
ต้องยอมพ่ายสิ่งที่เรียกว่าเงินตรา
ต้องจากลาเธอที่ฉันรักหมดใจ
ช่วงเวลาสามปีที่พ้นผ่าน
ฉันเฝ้าสานต่อความรักจนสดใส
แต่วันนี้เธอต้องพรากจากกันไกล
เธอรู้ไหมฉันทั้งเจ็บและทรมาน
ทำให้เกิดเป็นรอยแผลแสนสาหัส
มันถูกกัดกร่อนจนเกินจะผสาน
เป็นแผลเป็นในดวงใจที่ร้าวราน
เกินประมาณความเจ็บปวดที่ฉันมี
ยิ่งเธอบอกไม่ต้องรอหรอกที่รัก
ยิ่งช้ำหนักจนตัวฉันอยากจะหนี
ไปให้ไกลที่ที่ผู้คนไม่มี
ไปรักษาดวงฤดีก่อนกลับมา
แต่อย่างไรชีวิตนี้ต้องเดินต่อ
ไม่ย้อท้อแม้เจ็บปวดเกินรักษา
ขอบคุณเธอกับทุกสิ่งที่ให้มา
ขอบคุณฟ้าที่ให้เราได้รักกัน
ขอให้เขารักเธอกว่าที่ฉันรัก
ให้ทอถักดูแลเธออย่างสุขสันต์
เอาใจใส่ปกป้องเธอทุกคืนวัน
ให้รักกันเนิ่นนานกว่าที่เคยมา
ส่วนชีวิตของฉันต่อจากนี้
ขอแค่มีคนที่ดีเข้ามาหา
คนจริงใจที่มาช่วยฉันเยียวยา
ช่วยรักษาใจที่เจ็บให้หายพลัน
เราต่างต้องเดินหน้าไปกับชีวิต
อย่ายึดติดสิ่งที่ทำให้โศกศัลย์
ขออวยพรให้เธอสุขทุกคืนวัน
ขอให้ฉันพ้นความเจ็บทุกวันคืน

ขอทานรัก

Prayad


ณ ซอกตึกแห่งนี้มีที่ว่าง
สำหรับวางหัวใจอันไร้ค่า
คนมอซอรอเศษความเมตตา
นั่งก้มหน้าคอตกอกขอทาน
ความเจ็บปวดรวดร้าวคราวแรกรัก
สะท้อนทรวงฮักฮักคอยหักหาญ
ดวงฤทัยรักแรกเหลวแหลกลาญ
จนพิการเช่นนี้ฤดีตรม
จึงกลายเป็นยาจกที่อกหัก
ขอเศษรักคนอื่นอย่างขื่นขม
พิการใจไร้หญิงอิงแอบชม
นั่งซานซมหน้าด้านขอทานรัก
ไม่เกินวันพรุ่งนี้หรอกชีวิต
คงปลดปลิดลงด้วยใจป่วยหนัก
ดุจไร้ญาติขาดหญิงไว้พิงพัก
โถ...ใครจักต่อชีพจงรีบไว
โปรดให้ทานรักล้นแด่คนยาก
ผู้ฝันฝากใฝ่รักเจียนตักษัย
มิเคยเกี่ยงเลี่ยงเว้นว่าเป็นใคร
ขอเพียงใจมีรักจักสมปอง
มัวชักช้าร่ำไรอาจใจร้าว
หากได้ข่าวยาจกอกกลัดหนอง
สิ้นชีวาตม์ขาดคนมาสนมอง
เมื่อนั้นน้องอาจช้ำนอนคร่ำครวญ
(ธันวาคม ๒๕๒๘)

เหน็บหนาว

Prayad


เหมันต์หวนครวญหาคนน่ารัก
ได้รู้จักแล้วจากเพียงฝากฝัน
ลมหนาวโหมโถมมายิ่งจาบัลย์
ความโศกศัลย์ระคนปนหนาวใจ
เก็บเอาความอาภัพไว้คับอก
ถึงเข็นครกขึ้นเขาเรายังไหว
สุดยากเย็นเข็นรักหนักทรวงใน
เข็นเท่าไหร่ไม่พ้นวังวนลวง
เสียดายความรู้สึกที่นึกรัก
เสียดายที่สมัครปักใจหวง
สงสารความจริงแท้ในแดดวง
ที่เซ่นสรวงให้แด่ความแปรปรวน
พบกับความผิดหวังครั้งที่ร้อย
คิดแล้วน้อยใจช้ำสุดกำสรวล
เหมันตกาลผ่านผันยิ่งรัญจวน
ได้แต่ครวญเพลงเศร้าเคล้าสายลม
นี่ก็อีกราตรีที่หนาวเหน็บ
ทนปวดเจ็บอีกคราให้สาสม
เป็นทาสรักปักจิตคิดระทม
ร้าวระบมไร้คู่อดสูใจ
เหมันต์หวนครวญหาสุดว้าวุ่น
ได้พบคุณเพียงฝันยิ่งหวั่นไหว
หนาวลมโชยโหยหาห่วงอาลัย
ป่านนี้ใครเค้าหนอเคลียคลอคุณ
(เหมันตฤดู ๒๕๓๕)