และแล้วน้ำตาแห่งความอ่อนไหว ก็ย่ำเท้าทิ้งตัวเป็นสายบนใบหน้า ลบความเข้มแข็งสุดท้ายที่ฉันมีชั่วพริบตา มันเป็นเกมส์แห่งความปวดปร่า ที่สั่นคลอนน้ำตา จนท่วมใจ หมากตัวหนึ่ง .. . บนกระดานแห่งความอ้างว้าง ร่ำไห้กับการถูกทิ้งขว้าง . .. อย่างหวั่นไหว ช่วยตอบโจทย์ให้กระจ่างสักนิด ความจริงแล้วฉันทำผิดเรื่องใด จึงถูกพันธนาการความเหงาไว้ .. . เข่นฆ่ากัน หรือว่าที่แท้ ~ ฉันเป็น แค่ คน ไม่เคยถูกรัก คนแสนดีอย่างเธอ จึงไม่อาจจมปลัก . .. เดินร่วมฝัน ไม่มีสิทธิ์ .. เลือกเอาความรักทั้งชีวิตไปผูกพัน ควรต้องยอมรับคำพิพากษาลงทัณฑ์ .. . ด้วยความเต็มใจ ฉันยอมจำนนแล้วล่ะ . .. ที่รัก ช่วยอยู่ปลอบโยนอีกสักพัก ~ แล้วค่อยแยกย้ายได้ไหม? แลกกับรอยยิ้มของคนตรงหน้าที่กำลังหมดไป พร้อมกับการมาเยือนของความเสียใจ . .. ชั่วนิรันดร์
ก็รู้ว่าไม่สมควร ที่ใจตัวเองต้องมาเรรวนเช่นนี้ ไปแอบชอบคนที่เจ้าของเค้ามี ไปแอบทำอะไรที่เหมือนมีใจ ตัวเราเองก็รู้อยู่เต็มอก ว่านรกมันร้อนรุ่มดั่งไฟเผา เคยเรียนรู้มาแล้ว ก็ไม่ใช่เบา ยังอยากเอาตัวเราไปเล่นกับไฟ เขาจะรู้บ้างหรือเปล่านะ ว่าฉันก็ห้ามใจตัวเองแทบไม่ไหว กับการไปแอบชอบของของใคร มันเกิดจากหัวใจ ที่สมองไม่ได้สั่งการ แต่เขาดันห้ามใจเก่งกว่า เลยบอกกับฉันว่า หยุดก่อนดีไหม ความสัมพันธ์นี้ มันผิดเกินไป หยุดกันไว้ เพียงแค่มองตา และแล้วหัวใจก็ร่วงหล่นอีกหน เหมือนกระดาษถูก ขยำ ยับย่น ให้สั่นไหว อาการแบบนี้ อกหัก อีกหรือไร ทำไมหัวใจมันชาๆ
ท้องฟ้าคลื้มซึมเซาเปล่าเปลี่ยวจิต ทั่วทุกทิศเมฆมัวมืดสลัว สายฟ้าแลบแปบปรายมองน่ากลัว ทรงกายตัวมองหน้าต่างที่ห่างไกล ยืนเม่อลอยเงียบเหงาเศร้าลึกๆ ทำไมนึกถึงเขาเหตุไฉน เป็นแค่เพื่อนย้ำเตือนกับหัวใจ อย่าเหลวไหลนะเจ้าเราเว้าวอน เขาเป็นเพื่อน..เพื่อนๆแล้วก็..เพื่อน ต้องคอยเตือนหัวใจเกินไถ่ถอน ยิ่งบอกห้ามเหมือนตอกย้ำให้ร้าวรอน แม้ยามนอนยังเพ้อรักเธอจัง เพียงแค่นี้ยังเจ็บไม่พอหรือ ยังดึงดื้อครุ่นคิดจนคลุ้มคลั่ง เธอเพียงหลอกให้รักไม่จริงจัง หลอกให้หวังให้รักแล้วจากลา สายฝนสาดเข้ามาน้ำตาเอ่อ ยืนละเมอเผลอใจคิดครวญหา ขอสายฝนพร่างโพมโลมวิญญา ล้างน้ำตาเป็นน้ำฝนปะปนกัน พรุ่งนี้หนาฟ้าหลังฝนเป็นคนใหม่ จะไม่สนใครๆให้โศกสันต์ จะไม่เพ้อไม่รักเธอชั่วชีวัน จะไม่ฝันไม่ครวญหาให้อาวรณ์../
ในวันที่เหงากับฝนที่หล่นพรำ.. วันที่นกยักษ์บินไม่ได้.. วันที่ชีวิตเป็นของเรา.. ไม่ได้อยู่บนนิ้วไกปืนของศัตรู นอนบนเปลญวน เหงาจับหัวใจ.. ก่อนเคยมีเธอให้คิดถึง.. พอทำให้ชีวิตพอมีความหมายบ้าง แต่วันนี้..ทุกสิ่งก็เปลี่ยนไปตามวิถี ทางสายเก่า...จึงโดดเดี่ยวอ้างว้าง ในหัวใจ คงเหลือแต่ผู้หญิงคนเดียว.. ภาพความหลัง ครั้งเยาว์วัยฉาบผ่านเข้ามา ................ เพราะต้องการให้ฉันแข็งแกร่ง แม่จึงเฝ้าดูอยู่ห่างๆอย่างห่วงใยในบางครา แม่ทำโทษยามที่ฉันทำผิด แต่ฉันเห็นแม่เสียน้ำตาทุกครั้ง รอยหม่นหมองบนใบหน้า เสียงร้อง..หยาดน้ำตาของฉัน บาดหัวใจแม่ให้เจ็บปวด รอยยิ้มของแม่มีน้อยนัก ที่จะปรากฏให้ฉันเห็น ด้วยทุกข์ท้นแห่งภาระอันหนักอึ้ง หาใช่เพราะเบื่อหน่ายเกลียดชังแต่อย่างใด แม่จึงเป็นดั่งแสงสว่าง... คอยชี้ทางให้ฉันเดินไปอย่างเชื่อมั่น และเป็นราตรีกาล ให้ฉันได้พักนิ่งชั่วขณะ เพื่อที่จะให้มีพลังก้าวเดินต่อไป ไม่ว่าวันนี้หรือวันไหน ในสนามรบหรือยามสงบเงียบงันเช่นนี้ คงมีแต่แม่ที่เป็นดั่งความรัก หนึ่งเดียวหนึ่งหญิงที่มีอยู่บนโลกใบนี้ และเป็นชีวิตแห่งฉัน.. .............. สายฝนที่หล่นพรำ.. เป็นน้ำตาของแม่หรือเปล่านะ.. แม่ครับ..วันนี้ผมเป็นลุกชายที่แข็งแกร่งของแม่แล้ว เป็นรั้วที่คอยป้องอริราชศัตรูของแผ่นดิน เป็นผู้พิทักษ์สันติแห่งราษฏร์ด้วยเกียรติ ชีวิตและศักดิ์ศรี ถึงไม่มีคนรักเพศเดียวกับแม่สักคน แต่ผมมีอ้อมกอดแ
ดวงตาอันว่างเปล่าเฝ้าจับจ้อง ยังเหม่อมองเพียงเธอเอ่อความหมาย แต่ภาพเบลอแห่งฝันพรรณราย รั้งใจกายเธอสิ้นทั้งอินทรีย์ มืออันอ่อนแรงล้ายังคว้าไขว่ กุมเธอไว้ยามเศร้าเฝ้าถอยหนี แต่วัตถุฉุดกระชากลากคนดี จนไม่มีแม้เวลาชายตามอง บทเพลงซึ้งปนเศร้าเฝ้าขับขาน เพียงมอบแด่ดวงมาลย์วารหม่นหมอง แต่เสียงแห่งภูตพรายหมายจับจอง คงครอบครองโสตเธอจนเพ้อเลือน หัวใจรักหนึ่งดวงอันห่วงหา แทรกลมมามอบเธอเสมอเหมือน แต่รักลวงรุมเร้าเฝ้าบิดเบือน เธอจึงเชือนแชฉัน...ไม่หันมา...
ยิ่งอยากลืมทำไมใจยิ่งรัก เจ็บช้ำหนักเพราะความรักไม่ไปไหน ยังไม่พร้อมที่จะลองมองใครๆ ทำอย่างไรเมื่อในใจมีแค่เธอ ลองหยุดคิดเรื่องของเธอกับฉัน แต่ทุกวันยังอยากเจอเธอเสมอ ฉันยิ่งฝันไปไกลใจละเมอ เพราะยังมีแต่เธออยู่ในใจ ก็จะรักต่อไปไม่หยุดพัก แต่แค่รักอย่างเดียวคงไม่ไหว เพราะความต่างที่เรามีมากเกินไป ต่อให้รักล้นใจคงไม่พอ
ฉันนั่งอยู่ตรงนี้นะที่รัก ด้วยดวงพักตร์ขื่นขมและตรมหมอง เมื่อที่รัก-เธอไม่ชายตามอง ฉันจึงครองเหงาจิตชิดมิวาย เช้าแรกเหมือนแดดอุ่นละมุนละม่อม ทอมาย้อมหนาวเย็นให้เร้นหาย ปลุกดอกไม้ผลิบานตระการราย เปล่งประกายเหมือนสรวงพร่างดวงดาว ใจฉันจากหินผาศิลาแกร่ง ที่ทรงแห่งวิญญาณอันกร้านกร้าว เริ่มอ่อนโยนอ่อนไหวขึ้นหลายคราว ยิ่งนานยาวยิ่งกร่อนยิ่งอ่อนใจ ด้วยเธอพรมหยาดน้ำฉ่ำชื่นแช่ม หยดลงแต้มทุกวันจนหวั่นไหว ฉันเริ่มมีรอยร้าวพราวภายใน แล้วต้นรักก็ผลิใบขึ้นไม่ช้า แต่เมื่อสูรย์โคจรถึงตอนบ่าย น้ำก็หายโดยระเหยไปต่อหน้า เธอเคลื่อนกายดั้นด้นขึ้นบนฟ้า แล้วไม่มาไยดีเหมือนที่เคย ฉันนั่งอยู่ตรงนี้นะที่รัก มันเจ็บนักเจ็บกมลจนเกินเอ่ย ยามหยาดเพชรจากตามาสังเวย ฉันจะเย้ย "ที่รักจ๋า" ให้สาใจ เมื่อเธอเป็นแสงอุ่นทอก่อความช้ำ ฉันจะนำความเหน็บหนาวเข้าโถมใส่ ถ้าเธอเป็นน้ำหยดรดหทัย ฉันก็จะเป็นไฟเผาไหม้เธอ
คงไม่สิ..ไม่ได้ยินเสียงใจฉัน ไม่เห็นค่าความสำคัญก็เท่านั้น คงไม่เห็นแลค่าความสำคัญ มองแค่ฉันตัวตลกที่ผ่านมา ฉันรับรู้หัวใจเธอบอกอะไร เธอรักใคร..ใจรู้เธอปรารถนา คงมีแค่น้ำที่ไหลรินจากตา ไม่มีค่าให้เธอคิดคำนึง มีแต่เสียงหัวใจของฉันเอง ที่บรรเลงเพลงรักเธอไม่ซึ้ง ไม่แลเห็นความรักของคนหนึ่ง ที่ส่งเพลงความคิดถึงฝากลมไป กลับมายืนที่เดิมที่คุ้นเคย หยุดอย่าเผยรักนั้นให้หวั่นไหว กลับมาที่คุ้นชินกับหัวใจ ที่ที่ไม่มีใครให้คุ้นชิน
คืออะไร คือใคร ก็ไม่รู้ แล้วจู่จู่ แฝงเข้ามา ไม่ทันเห็น ปรากฎตัว ในหัวใจ อย่างที่เป็น จนโดดเด่น ออกมา ว่าความรัก อยากร้องถาม กลับนิ่งเงียบ เรียบสนิท ไม่อยากคิด กลับคิด จิตสุดหัก เพิ่งรู้ตัว หัวใจเรา เฝ้าแฝงรัก กลัวอกหัก จึงเก็บไว้ในใจเรา
.. ดาวหม่น คนเริ่มเมา เหล้ายังมี ณ คืนนี้ถ้าไม่เมาเราไม่หยุด เหตุด้วยเรื่องเปลืองใจคิด ..จิตมนุษย์ ที่มันสุดลึกล้ำเหลือรำพัน เมื่อรักเขา เขาไม่รักหนักอกเธอ เลยรักเก้อเพ้อพกตกสวรรค์ เศร้าแสนเศร้าเพียงแค่ไหน รู้ใจกัน เธอกับฉันมันเพื่อนเก่า ฉันเข้าใจ ... ดาวก็หม่น คนก็เมา เหล้าเกือบหมด เพื่อนยกซด ราวเป็นน้ำหลามรินไหล รับสภาพ ตราบนี้หนอ ต่อนี้ไป คงสิ้นไร้สุขแล้วในแววตา เมื่อรักเขา เขาไม่รักหนักแดเดียว เปล่าใจเปลี่ยวแสนอนาถวาสนา มองยังเห็นเป็นความรักประจักษ์ตา แต่ไร้ค่าเมื่อสิ้นรักประจักษ์ใจ ... ดาวก็หม่น คนก็เมา เหล้าก็หมด ราดรันทดรดดวงแดแก้หมองไหม้ คนเมาเหล้าคงหลับลงปลงใจไป คนเมาใจยังตาค้างอ้างว้างจินต์ น้ำตาคนแอบรักมันหนักหนา หนักเกินกว่ากำลังใจยกได้สิ้น ..ต้องคอยรับซับน้ำตาที่บ่าริน จากใจวิ่นแหว่งเว้า รักเขาข้างเดียว.. ฉบับนี้ เรียบเรียงเรื่องใหม่ ให้สมบูรณ์กว่าเดิม แต่ไม่รู้ว่า มันเผยตัวมากเกินไปกว่าฉบับก่อน หรือเปล่า จนทำให้วรรคจบอ่อนแรงกว่าฉบับที่แล้ว
ตอนเป็นเด็กตัวเบากระเป๋าแห้ง สติ๊กเกอร์สีแดงเด็กแผลงศร รูปหัวใจแทนค่าความอาทร มอบบังอรรับขวัญวาเลนไทน์ เธอไม่เคยคิดหลอกหรือบอกปัด แค่อยากจัดลอกติดและคิดใหม่ จากอกเสื้อด้านซ้ายขอย้ายไป กระเป๋าใส่หนังสือ..ถือให้น่ะ ดอกกุหลาบเธอรับจากคนอื่น ส่วนดวงตราเปียกชื้นกลับปล่อยปละ คงความเชื่อเงินตราแพ้มานะ วิริยะตามตื้อซื้อเวลา เข้าสู่วัยทำงานทำการแล้ว ยังไม่แคล้วย้อนรอยเขาคอยท่า แหวนต่างวงต่างหน้าต่างราคา เสนอมาให้รับพร้อมจับจอง คุณค่าแห่งความหลังกับมั่งคั่ง ไหนพรูพรั่งกว่ากันฝันผุดผ่อง อาจผลลัพธ์คือฉันที่ฝันกอง เหมือนเธอมองสติ๊กเกอร์ที่เลอะเลือน.. ..
ยังไม่ลืมดวงแดแม้ไกลกัน
สายสัมพันธ์แสนซึ้งตรึงใจข้า
เคยรักกันแน่นเหนียวครั้งเกี้ยวพา
ที่ทักมาจากใจใช่หลอกลวง **
พี่แต่งกลอนบางครั้งยังนั่งเศร้า
เป็นเพราะเจ้าคนดีที่ชอบหวง
มีคนรักทีไรเจ็บในทรวง
ดูไม่ห่วงไม่รักไม่ทักทาย **
พี่ไม่ลืมคำกลอนเคยอ้อนรัก
เคยสมัครชื่นชมสมใจหมาย
มาเดี๋ยวนี้แก้วตามากลับกลาย
ทิ้งให้ชายเงียบเหงาเศร้าระทม **
เมื่อไม่พบคนดีพี่จึงรู้
ว่ายอดชู้หลบไปใจขื่นขม
ปล่อยให้พี่ร้าวรวดปวดระบม
แม้ตรอมตรมเพียงไหนไม่เคยลืม
ท่ามแสงเทียนวิบวับระยับแสง มิอาจแข่งดวงดาวที่พราวใส เย็นน้ำค้างพร่างพรมลมโชยไป หนาวถึงใจดวงนี้ที่รอคอย ลมหนาวพัด พัดผ่านสะท้านผิว ใบไม้ปลิวลอยคว้างอย่างเหงาหงอย ตามทำนองเพลงเศร้าเจ้าล่องลอย ดั่งเรือน้อยล่องไปในสายชล กระชับผ้าโอบอุ่นที่คุ้นชิน หอมกรุ่นกลิ่นจางจางอย่างสับสน เมื่อใดหนอคนไกลจะได้ยล ฤาต้องทนทุกข์สิ้นกินน้ำตา ขอวงแขนแข็งแรงแกร่งคู่นั้น โอบกอดฉันเอาไว้ใกล้เถิดหนา คงลืมสิ้นทุกข์ใดได้เจอมา ขอเวลาเราอยู่เคียงคู่กัน อย่าเป็นเพียงแค่เพ้อท่ามลมหนาว ลืมตาตื่นร่วงกราวราวกับฝัน ใช่เป็นเพียงแค่ถ้อยร้อยรำพัน ไม่มีวันเป็นจริงได้ดั่งใจปอง
บอกไม่ได้หรอก ว่าเจ็บแค่ไหน รู้แต่เพียงหัวใจมันอ่อนล้า สิ่งที่บอกเธอได้คงเป็นน้ำตา ที่ไหลออกมาซะมากมาย ขอโทษนะที่ต้องเป็นอย่างนี้ ก็ไม่ได้อยากมีน้ำตาเป็นสาย บังคับใจแล้วแต่มันดื้อไม่หาย และฉันก็อายที่ร้องไห้ให้เธอเห็น เธอไม่ผิดหรอกกับการจากลา แต่ถ้าไม่ให้เจ็บคงทำได้ยากเย็น ขอโทษที่ทำให้เธอต้องมาเห็น ไม่ต้องกลัวพรุ่งนี้จะเป็นคนใหม่ที่ไม่มีน้ำตา และจะบอกลาให้เธออย่างดีใจ