ฮาโลวีน วันฉลองของผีผี ตำนานมีที่เมืองนอกบอกเล่าขาน กุศโลบายเลิศล้ำ เพื่อสำราญ ปล่อยวิญญาณกลับบ้านเก่าเล่าต่อกัน แดร๊กคิวล่า แวมไพร์ ไอ้ครูเกอร์ ลองมาเจอผีไทยใครแน่นั่น ฝีฝรั่งผีจีนแขกแหกตากัน ผีไทยนั้นเล่ามันส์หลายในตำนาน ผีกระสือ.. คือผีหญิงหัวซิ่งได้ ลากตับไตใส้พุงมุ่งลอยผ่าน ผีกระหัง.. คือชายชู้อยู่ร่วมบ้าน ต่างชอบทานของคาวสดซดเลือดกิน ผีกองกอย.. ชอบกระโดดโปรดอยู่ป่า มีหน้าตาคล้ายลิงค่างต่างคนสิ้น ผีโขมด.. เป็นเขมรเล่นแลบลิ้น ทำตาปลิ้น เรียกผีโพงคงเข้าใจ กุมารทอง.. จากท้องกลมอาคมกล้า คนโหยหาเมตตาคุณหนุนโชดได้ ควายธนู.. ตะปูโลงป่าช้าไทย เสือสมิง.. วิ่งหลบหาย เจอควายธนู นางตะเคียน.. ผีพื้นบ้านตำนานเล่า เป็นหญิงสาวสะสวยยิ่งสิงไม้อยู่ นางตานี.. ผีต้นกล้วยสวยน่าดู ผีโบราณชาวบ้านรู้ ไม่หลู่นาง ผีแม่นากพระโขนง.. โด่งดังสุด วัดมหาบุศย์พระโขนง คงศาลสร้าง เป็นหนังผีที่ทำเงินเกินหมายวาง เป็นผีนางที่รักผัว แม้ตัวตาย ! ผีปอบ.. ชอบของสดปรากฏอีสาน ไร้ตัวตนสิงคนบ้านมานานหลาย แต่ผีเปรต..โปรดของทาน ต้นตาลอาย เปรียบคนตาย ไปอบายภูมิรุมขอกิน ผีตาโบ๋.. ผีตายโหง.. ผีตายห่า ผีเรือนผีป่า ผีเป้า เล่าไม่สิ้น ผีขนุน.. สนามหลวงลวงชายกิน ผีพนัน.. มันโกงสิ้นกินหมดตัว ! ผีหลากหลายในตำนานเล่าผ่านเล่น แยกให้เห็น เพื่อสนุกทุกถ้วนทั่ว แต่ผีหก.. ตกเป็นทาสอนาถชัวร์ เป็นผีชั่ว สิงคนเป็น เห็นนมนาน ผีที่หนึ่ง- "
เปิดฟ้า...เพื่อปิดฟ้า นโยบาย บรรเจิด รัฐเปิดฟ้า เปิดการค้า สู่โลกกว้าง อย่างอาจหาญ เปิดสู่ความ ศิวิไลซ์ ในจักรวาล เปิดขยาย กิจการ ด้านอุตสาหกรรม มีทุกอย่าง ทุกสิ่ง ที่ยิ่งใหญ่ มีปล่องไฟ ปล่องควัน วันยังค่ำ มีค่าเงิน ฟูเฟื่อง เมืองชั้นนำ วัฒนธรรม นำเข้า สู่เยาวชน เกิดสังคม อมทุกข์ คลุกขี้เถ้า ไฟกามกร่อน ร้อนเร่า เข้าขุมขน แฟชั่นเปิด โชว์ร่าง ทั้งล่างบน สูบควันพ่น กลางแสงไฟ ในราตรี หมู่ชาวนา ยังทำนา ฝ่าแดดฝน เคยสู้ทน ก็ยังทน ทุกท้องที่ กำไรข้าว ไม่พอกิน เมื่อสิ้นปี ยังพอกหนี้ พูนเพิ่ม เติมทุกวัน ฟ้าเคยใส ป่าไม้สวย ด้วยฝนฉ่ำ บัดนี้คล้ำ หม่นมัว ทั่วเขตขัณฑ์ รองน้ำฝน ใส่ตุ่มใส ไว้แบ่งปัน บัดนี้นั้น เป็นฝนกรด หยดหลั่งริน รัฐเปิดฟ้า เศรษฐกิจ มาปิดฟ้า ปิดผืนหล้า แผ่ขยาย ไปทั่วถิ่น มลภาวะ เคล้าเมฆมัว ทั่วแดนดิน ใครจะดิ้น ชักตาย ไปก่อนกัน นายฐปกรณ์ โสธนะ (ลุงรอง)
o ไม่เป็นไร สักหน่อย เรื่องแค่นี้ ก็แค่อยู่ ดีดี เธอหนีหาย ไม่เป็นไร ไม่มี แแผลทางกาย พักสักหน่อย ค่อยหาย อย่าเอ็นดู o ไม่เป็นไร สักหน่อย ไม่เป็นไร เจ็บเจียนตาย ก็ยัง หายใจอยู่ ไม่เป็นไร หรอกนะ จงรับรู้ ก็ยังหาย ใจอยู่ ยังไม่ตาย o ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร จริงจริงจ๊ะ ก็เจ็บนะ แต่ว่า ยังทนไหว คำสามคำ จำไว้ ไม่เป็นไร ไม่ต้องการ ให้ใคร เวทนา o ไม่เป็นไร บอกว่าไม่ เป็นไรเล่า ก็ใจเรา ยังอยู่ กับเราหนา แค่ใจเจ็บ ช้ำหน่อย ธรรมดา พลาสเตอร์ยา ปิดไว้ ก็หายเอง o ไม่เป็นไร จริงจริง เชื่อบ้างสิ แค่ตำหนิ ในใจ ไงคนเก่ง ไม่เป็นไร มั่นใจ ใจนักเลง มันเจ็บเอง ก็หายเอง “ไม่เป็นไร” .....19/11/12....
... มีแต่เจ๊ากับเจ๊งเซ็งไม๊เจ๊ เล่นแต่เล่ห์กับเหลี่ยมอันเหี้ยมโหด คอยปั้นเรื่องปั้นราวมากล่าวโทษ ปลุกให้โกรธให้เกลียดเบียดเบียนกัน เก่งทั้งโกงทั้งแก้แต๊แต๊เจ้า เรื่องพิพาทกลับงี่เง่าโง่เข้าขั้น เรื่องสอพลอจ้อถวายเป็นรายวัน เรื่องสร้างสรรค์กลับแบนแสนระกำ กล่าวถึงใครที่ไหนอย่างไรนี่ จะยุคโน้นยุคนี้มีซ้ำซ้ำ ใช่จะมาตอกลิ่มคอยทิ่มตำ แค่ตอกย้ำตำนานนักการเมือง
ประชาธิปัติร้องศาลให้ระงับ ศาลปกครองสำทับหยุดไว้ก่อน สามแสนห้าหมื่นล้านอย่าเพิ่งร้อน ปล่อยให้นอนรอไปอย่าใช้เลย รัฐบาลทำอะไรก็ไม่ได้ เตรียมโครงการเอาไว้ค้องทำเฉย ถ้าน้ำมาต้องให้ท่วมไปอย่างเคย พอปีนี้ผลลงเอยไต้ฝุ่นมา น้ำประดังท่วมท้นตะวันออก อยากจะบอกศาลปกครองคงเข้าท่า ศาลก็เป็นที่พึ่งปวงประชา สั่งดองเงินไว้ปีกว่าพอหรือยัง จะกั้นเขื่อนขุดคลองไม่สำเร็จ หลายโครงการไม่เสร็จตามที่หวัง น้ำท่วมมาประชาแทบบ้าคลั่ง ไม่รับฟังความเดือดร้อนหรืออย่างไร ผลงานของคุณหญิงประชาธิปัติ เขากำจัดความสุขลงเสียได้ ชาวบ้านจะเดือนร้อนช่างปะไร ขวางเอาไว้ทุกทางอ้าง...ทักษิน
หมาเห่าใบตองแห้ง อาทิตย์อัสดงลงเหลื่ยมเขา เสียงหมาเห่ากลางลานม่านไม้ไหว แกรกแกรกแกรกแหวกหาว่าอะไร .สัญชาตญานสั่งให้ไล่ล่าตาม ก็แค่เห่าใบตองจ้องจ้องขู่ ที่รู้รู้ใครใครไม่เกรงขาม ที่ป่าวร้องเสียงแหบหลายโมงยาม เขาประณามหมาเห่าเขารำคาญ เห่าประกาศศักดาบ้าอำนาจ นี่แหละชาติสันดานเดรัจฉาน หวงลาภยศหวงของเขตภิบาล ใครอาจหาญบุกมาข้าเอาตาย ต่างระแวงเกรงกริ่งชิงแข่งขัน เข้าประจัญรุกรบจนเสียหาย จิตอิจฉาจึงกล้าและท้าทาย ลืมความหมายชีวิตลืมคิดตรอง หมาเห่าใบตองแห้ง เป็นสำนวนที่เปรียบเทียบกับสุนัขที่ชอบเห่าใบตองแห้ง คือเห่าใบกล้วยที่แห้งติดอยู่กับต้น เวลาลมพัดใบกล้วยแห้งจะแกว่งหรือเสียดสีกัน มีเสียงแกรกกราก สุนัขเห็นอะไรไหว ๆ หรือได้ยินเสียงแกรกกรากก็จะเห่าขึ้น แต่ก็เห่าไปอย่างนั้นเอง ไม่กล้าไปกัดใบตองแห้ง กิริยาของสุนัขนี้จึงนำมาเปรียบกับคนที่ชอบพูดจาเอะอะในลักษณะที่อวดตัวว่าเก่งกล้า แต่ที่จริงแล้วก็ไม่ได้กล้าสมกับคำพูด แต่ปกติถ้าเป็นสุนัขที่ได้รับการฝึกมาก่อนนะ เช่นสุนัขตำรวจ หมานายพรานมักใช้จมูกได้ไว และแม่นมาก ถ้าเห่าแล้วก็แสดงว่าเจองู แย้ กระต่าย หรืออะไรสักอย่างแน่ๆ แล้วแต่สายพันธุ์
สัตว์สภา กลอนกลบท ฉัตรสามชั้น สัตว์หน้าเปื้อนเกลื่อนสภา เปื้อนหน้าสัตว์ เสียงส่ำซัดชัดคำซัดส่ำเสียง เรียงรายนั่งพรั่งหลายนั่งรายเรียง อึงถ้อยเถียงเยี่ยงถ่อยเถียงถ้อยอึง โลดลอยเริงเหลิงพลอยเริงลอยโลด ขึ้งเกลียดโกรธโคตรเสนียดโกรธเกลียดขึ้ง รึงรุมพิษผิดสุมพิษรุมรึง วนเวียนทึ้งทะลึ่งเพี้ยนทึ้งเวียนวน ทุกข์คนปรี่มีล้นปรี่คนทุกข์ ข้นแค้นขุกกระอุกแน่นขุกแค้นข้น ชลชุ่มโชกโศกสุมโชกชุ่มชล มัวหมองหม่นทนครองหม่นหมองมัว สัตว์ผองไยใคร่ผยอง ไยผองสัตว์ มั่วแว้งกัดขัดแย้งกัดแว้งมั่ว ตัวพ้นผิดบิดยุบลผิดพ้นตัว ฮาเฮชั่วโฉเกชั่วเฮฮา เน้นแดกย้ำขย้ำแหลกย้ำแดกเน้น พร่าผลาญเผ่นเล่นร่านเผ่นผลาญพร่า พาพวกฉลปล้นสะดวกฉลพวกพา มันฆ่ายากอยากจะบ้า ยากฆ่ามัน (ร่างเดิม ๑๒ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๔ แก้ไขครั้งล่าสุด ๒๓ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๔ ครับผม) หมายเหตุ: ๑.กลบท ฉัตรสามชั้น มีปรากฏอยู่ทั้งในวรรณคดีไทยเรื่อง สิริวิบูลกิตติ์ นิพนธ์โดยท่านหลวงศรีปรีชา (เส้ง) และประชุมจารึกวัดพระเชตุพน น่าสังเกตตรงที่ รูปลักษณ์ของกลนี้ เหมือนกับกลอักษรชื่อ ม้าลำพอง (ดังที่กลบท ม้าเทียมรถ มีรูปแบบเหมือนกลอักษร เมขลาโยนแก้ว กระนั้น) ผมศึกษากลดังกล่าว จากหนังสือกวีนิพนธ์ รอยทราย ของท่านอาจารย์วันเนาว์ ยูเด็น แหละหนังสือกฎบนกลบท ของท่านอาจารย์คมทวน คันธนู ครับ ๒.ยินข่าวนักการเมืองทะเลาะกันในสภาขณะประชาชนส่วนมากเดือดร้อนแล้ว ผมทนไม่ไหวจริง
เมื่อก่อนเป็นประชาชนคนเล็ก-เล็ก ไม่ขี้เก็กไม่หยิ่ง..ไม่ยโส แต่พอเป็นนายกฯ ทำตัวโต... หยิ่งยโสไม่เคยมีกลับมีมา ประชาชนเลือกมาเป็นนายกฯ ทำยืดอกกูใหญ่กว่าใครเขา มีลูกน้องตามติดมาเป็นเงา มาคอยเฝ้าประจบหวังเป็นคนใหญ่โต วัน- วันเอาแต่วางก้าม ไม่ทำตามสัญญาประชาไว้ หาแต่ประโยชน์ส่วนตนไม่สนใคร ไม่ใส่ใจประชาชนคนเดินดิน นโยบายชั่วช้าประชาห้ามกูไม่ฟัง ใครจะพังพินาศยับกูไม่สน กูจะรวยใครจะเป็นคนยากจน กูไม่สนถ้ากูได้กูจะทำ... เมื่อนายกฯ ขึ้นไปนั่งอยู่บนวอ คนโง่เรียกมันว่าพ่อ...เลียแข้งขา ประจบประแจง..โดนความโลภปิดหูตา มองไม่เห็นความชั่วช้าที่มันมี นายกฯ ลืมตนเคยเป็นคนเล็ก-เล็ก ตัวเองไร้เดียงสากว่าเด็กยังไม่รู้ หยิบคำว่านายกฯมาแปะหน้าแล้วเชิดชู หวังจะอยู่ค้ำฟ้าทัดเทียมบิดาไทย สุดท้ายนายกฯ นึกว่าตัวเองใหญ่ เป็นเจ้าของประเทศไทยทั้งหมดสิ้น มองไม่เห็นแม้ความสูงส่งของประมุขของแผ่นดิน ลืมหมดสิ้นความนบน้อมและถ่อมตน...
มันมีค่ามากกว่าฉันแค่ไหน เธอถึงเอาแต่ใส่ใจอยู่แค่นั้น ขอโทษเถอะครับ....ที่เธอซับหน้ามัน เห็นแล้วมันคันไปถึงหัวใจ หน้าอย่างฉันเธอไม่มาซับ เธอกลับหยามว่ารับไม่ได้ หน้าอย่างฉันเธอให้ซันไลต์ แถมอีกสกอตไบร์ท์ให้ฟรี จริงสิ....ก็หน้าอย่างฉัน ไม่อาจสู้หน้ามันได้นี่ เดี๋ยวก็ซับเดี๋ยวก็ซับทีสองที ปล่อยให้หน้าฉันนี้แห้งเหี่ยวตาย เกลียดนักไอ้กระดาษซับมัน ซับได้ทั้งวัน...มันใจง่าย สักวันนะ...คอยดูจะเอาให้ตาย สาดน้ำกรดให้วอดวายไอ้หน้ามัน เวลาแฟนไปซับหน้าให้แฟนใหม่ เห็นแล้วอยากจะบ้า ผมมันคนหน้าแห้ง ไม่มีอะไรให้ซับเหมือนมันนี่ ไอ้หน้ามัน
หัวใจผู้ชายซนเหมือนลูกลิง ทั้งกลม ทั้งกลิ้ง ไม่เคยอยู่เฉย เจอใครทีไร ใจละลายทุกทีเลย ละลายง่ายจริงนะ พ่อคุณเอ๋ย...ไม่รู้เป็นไง ทั้งที่อุตส่าห์ทำใจไว้แล้วก่อนนี้ แต่เห็นทุกที...ก็อดจะหมั่นไส้ไม่ได้ อย่าซนนักเลยนะเจ้าลิงน้อยในหัวใจ ประเดี๋ยวฉันทนไม่ได้ จะหยิกให้ลายไปทั้งตัว
เหม็นกลิ่นดอกหลอกลวง..เจ้าพวงเหม็น กลิ่นเยือกเย็นจนหนาว..เจ้าชาเฉย เจ้าโรยกลิ่นโชยกรุ่นอย่างคุ้นเคย คล้ายจะเย้ยมวลหมู่ ผู้ดมดอม เหม็นกลิ่นดอกรักเร่เจ้าเหหัน รักผกผันหลายใจ..ไม่ถนอม ผลิกิ่งก้านกลิ้งกลอกหนอดอกพยอม ยามเขาพร้อม เจ้าผละ..ละจากไป เหม็นกลิ่นดอกคำสร้อย..คนร้อยเล่ห์ พร่ำถ่ายเท..ยากนัก จักฝันใฝ่ เจ้าหว่านเมล็ดผลิกอแตกหน่อใจ แล้วผลักไสคืนคำ..ลำนำลวง เหม็นซะจัง น้ำใจ..ใครช่างเหม็น เปิดประเด็นนุ่มนวล..ชวนห่วงหวง ขึ้นต้นเป็นมะลิซ้อนฉะอ้อนทรวง ปลายกลับร่วงโรยรา..เหม็นหน้าจัง !!
ฆ่าตัดตอนละครสามตอนจบ แล้วสยบข่าวลือมือสังหาร ยกเรื่องราวทายท้าบรรณาการ เสียงวิจารณ์ลุกลามจนข้ามแดน เสรีภาพเข้าปิ้งสิ้นติงไหว สวนประชาธิปไตยที่แห่แหน ลดศรัทธาบั่นทอนจนคลอนแคลน เข้าใจแก่นจริงแท้ฤาแค่เงา เชือดไก่ให้ลิงดูต่างรู้สึก ยึดขวดหมึกเปิดสาดกระดาษเผา ปากกาด้ามสุดท้ายข้างกายเรา จะโยนเข้ากองไฟหรือใช้งาน อยู่กันอย่างหลอนหลอกถูกฟอกขาว ต่อปรองดองชั่วคราวใต้ร้าวฉาน เมื่อสงบภาคบังคับขยับลาน ความจริงย่อมคืบคลานประสานเฟือง!!! ..
เอาแชมป์ไปเลยดีฝ่า!!! เป็นเจ้าภาพบังหน้าเค้าได้ ไม่รู้ซื้อกรรมการไปเท่าไร เห็นชนะใครใครมาหลายที โปรตุเกสอิตาลีสเปน ตัดสินเอียงเอนอออกอย่างนี้ ลูกมันเข้าประตูไปกี่ที ไม่เห็นเลยจะมียุติธรรม ประชาชนเป็นล้านเฉลิมฉลอง ชัยชนะที่มัวหมองตอกย้ำ เป็นคนไทยไม่ดีใจซักคำ หากชนะมาด้วยทำลับหลังใคร ทีมใหญ่ๆส่ายหัวกลัวเอเชีย จิตใจละเหี่ยเกินทนไหว ใช่ว่าแพ้เพราะมันเก่งซะเมื่อไร นี่มันแพ้เพราะใจมันเลวทราม ลูกไปนอนก้นตาข่ายใช่ชนะ ก็นี่ล่ะ...ที่ว่าน่าเกรงขาม กรรมการมันร่วมโกงอยู่ทุกยาม จึงแพ้ความเลวทรามน่าไม่อาย วันนี้....เกาหลีเจอเยอรมัน ดูซิดู...ดูมันโกงได้ไหม เจ้าประคู้น....ขอให้มันต้องเจ็บใจ แพ้ 5-0 เลยได้ไหม....ช่วยผมที!!! เราคนไทย ไม่ชอบโกงใครเนาะ แพ้ก็แพ้สิ ถ้าชนะแบบโกงเค้ามาตลอด มันหน้าตัวเมียเกินไป!
อาซิ้มคนหนึ่ง เดินข้ามถนนในช่วงเวลาพลุกพล่านใจกลางเมืองกรุงเทพฯราชธานีของประเทศไทย ตำรวจนายหนึ่งจึงรีบวิ่งเข้ามาคว้าตัวอาซิ้มนั้น พลางตะคอกว่า "นี่อาซิ้ม ลื้อไม่รู้หรือว่าเขาห้ามข้ามถนนตรงนี้ จะข้ามต้องไปข้ามทางม้าลาย เขากำลังฝึกให้คนไทยมีวินัยข้ามถนนให้ถูกวิธี "ก็อั๊วไม่รู้นี่!" "รู้ไม่รู้ก็ต้องปรับ เขาประกาศกันล่วงหน้าแล้ว!" "แล้วลื้อจะปรับอั๊วเท่าไหร่ล่ะ!" หญิงชราถามขึ้นด้วยความอยากรู้ "ปรับลื้อ 50 บาทแล้วทีหลังอย่าทำอีกนะ!" หญิงชราก้มหน้าอันยู่ยี่คิดอะไรอยู่ครู่หนึ่ง มือล้วงกระเป๋าหยิบธนบัตรใบละ 100 บาทขึ้นมาใบหนึ่ง ยื่นให้ตำรวจหนุ่มผู้นั้น พลางกล่าวว่า "ลื้อเอาไป แล้วไม่ต้องทอนนะ เดี๋ยวอั๊วจะต้องเดินข้ามกลับมาอีกทีหนึ่ง!"?????
คำถามโง่-โง่ของชายคนหนึ่ง กับคำตอบซึ้ง-ซึ้งของหญิงไม่จริงใจ กับคำว่ารักที่ลวงหลอกไว้ กับคำว่าไปทั้งที่บอกรักกัน บอกฉันให้ลืมฝันครั้งนี้ ส่วนเธอไปมีวันใหม่กับคนนั้น ทิ้งขออ้างเดิม-เดิมที่เธอเคยใช้มัน กับคำพูดสั้น-สั้นว่าฉันดีเกินไป ขอบคุณสำหรับคำชม แต่ฉันคงไม่เหมาะสมเท่าไหร่ ฉันเองก็ไม่ได้ดีมากมายอะไร คงเลวพอใช้ได้กับหญิงมากชายอย่างเธอ