ประชาธิปไตยแบบไทยๆ.. ฟังยายเล่า เป็นเรื่องยาวเก่าก่อนยังอ่อนหัด สลับร่างนั่งเก้าอี้ มีปฏิวัติ เข้ากุมรัฐ เหมือนกันหมดประโยชน์ท่าน หญิงชรา.. ทำหน้าเศร้านั่งเล่าเรื่อง ถึงการบ้านการเมืองเรื่องพ้นผ่าน จากจุดเริ่ม ถึงจุดนี้ที่ยาวนาน มีเหตุการณ์ ผ่านดีร้ายให้ติดตาม เปลี่ยนระบอบ.. สมบูรณาญาสิทธิราชย์ มีประกาศปฏิวัติคณะราษฎร์สยาม สู่ระบอบประชาธิปไตยให้งดงาม เจริญตามอารยประเทศเหตุผลนั้น ๒๔ มิถุนา ๒๔๗๕ .... ปักต้นกล้าประชาธิปไตยให้ตั้งมั่น ร่างกฎหมายธรรมนูญหนุนรัฐบาล เข้าบริหารบ้านเมืองสืบเนื่องมา ยายได้รู้ได้เห็น..เรื่องหลายหลาก มีแบ่งพรรค มีแบ่งฝ่ายหลายปัญหา มีประท้วง มีล้มล้าง ต่างๆนาๆ เปลี่ยนไปมาเปลี่ยนกันเล่นเช่นละคร ยามเลือกตั้ง..ก็ยังเห็นอยู่เช่นนั้น ถ้าเลือกมันจะเจริญมีเงินฟ่อน พูดจาดี มีโค้งไหว้มือไม้อ่อน ซ้ำบทตอน ละครเก่าเน่านานมา ๘๐ ปี .. ยายเฝ้าดูจึงรู้เห็น ทุกสิ่งอย่างก็ยังเป็นเช่นนี้หนา ก่อนอย่างไรก็อย่างนั้นไม่พัฒนา เช่นต้นกล้าถูกรากินจนแคระแกร็น ก่อนจะตายยายจะบอกให้หลานรู้ เพราะต่างตู่ เอามาอ้างอย่างมีแผน เอาอัตตาประชาธิปไตยมาใส่แทน ชาติจึงคลอนง่อนแง่นไม่แน่นหนา หญิงชรา..นัยน์ตาเศร้ายังเล่าเรื่อง หมุดทองเหลืองพื้นถนนสนามเสือป่า สัญลักษณ์หมุดหมายชี้..เสรีประชา นับเวลาอายุยาว.. เท่ากับยาย ! .............................................................................. วันนั้น.
เปิดฟ้า...เพื่อปิดฟ้า นโยบาย บรรเจิด รัฐเปิดฟ้า เปิดการค้า สู่โลกกว้าง อย่างอาจหาญ เปิดสู่ความ ศิวิไลซ์ ในจักรวาล เปิดขยาย กิจการ ด้านอุตสาหกรรม มีทุกอย่าง ทุกสิ่ง ที่ยิ่งใหญ่ มีปล่องไฟ ปล่องควัน วันยังค่ำ มีค่าเงิน ฟูเฟื่อง เมืองชั้นนำ วัฒนธรรม นำเข้า สู่เยาวชน เกิดสังคม อมทุกข์ คลุกขี้เถ้า ไฟกามกร่อน ร้อนเร่า เข้าขุมขน แฟชั่นเปิด โชว์ร่าง ทั้งล่างบน สูบควันพ่น กลางแสงไฟ ในราตรี หมู่ชาวนา ยังทำนา ฝ่าแดดฝน เคยสู้ทน ก็ยังทน ทุกท้องที่ กำไรข้าว ไม่พอกิน เมื่อสิ้นปี ยังพอกหนี้ พูนเพิ่ม เติมทุกวัน ฟ้าเคยใส ป่าไม้สวย ด้วยฝนฉ่ำ บัดนี้คล้ำ หม่นมัว ทั่วเขตขัณฑ์ รองน้ำฝน ใส่ตุ่มใส ไว้แบ่งปัน บัดนี้นั้น เป็นฝนกรด หยดหลั่งริน รัฐเปิดฟ้า เศรษฐกิจ มาปิดฟ้า ปิดผืนหล้า แผ่ขยาย ไปทั่วถิ่น มลภาวะ เคล้าเมฆมัว ทั่วแดนดิน ใครจะดิ้น ชักตาย ไปก่อนกัน นายฐปกรณ์ โสธนะ (ลุงรอง)
๏ ผ่านมาสิบกว่าวัน เกินซึ้งนั่นความปรานี ประเคนชาวประชาชี รุนแรงเชือดกรีดเลือดเฉือน ๏ บอกรัฐยางพารา ว่าเดือดร้อนทุกครัวเรือน กลับมองชาวบ้านเหมือน ไร้ความหมายแสร้งทำเมิน ๏ เรียกพวกจึงรวมพล ปากท้องดลพากันเดิน ป่าเขาทุกโขดเขิน ออกมาขานเรื่องราคา ๏ อุ้มหน่อยโปรดช่วยหนอ เพียงเสี้ยวหนึ่งของชาวนา ขอหมูกลับให้หมา สักนิดไหม? จริงใจมี ทุกข์ยิ่ง..ชาวสวนยาง ๏ ทุกข์ยิ่งชาวสวนยาง เพียงคิดต่างเขาทุบตี หนึ่งทีเป็นหลายที เมื่อเกินทนอาจมีทอน ๏ คนใต้หัวใจเต็ม ยิ่งมาเติมยากขาดตอน พันเหลี่ยมรัฐบาลหลอน แหกตาหลอกคอยแต่แหล ๏ ปิดถนนเขาจัดหนัก บ้างถูกกักขังรังแก เปิดแผลหลายร้อยแผล คอยดูผลไม่นานเพียง ๏ ราชประสงค์คนปิดสุข ไกลห่างคุกอำมาตย์เคียง คือสองมาตรฐานเสียง คนแช่งสาปพร้อมความทราม ๏ เลือดหยดบนสวนยาง คนไร้ยางแล้วถึงยาม รอเธอตอบคำถาม กลับหนีเที่ยวหลีกไกลสถาน ๏ เมืองไหน? เอาควายนำ เวรของกรรมบูรณาการ ต้นน้ำกลางน้ำผลาญ ปลายน้ำผีอีแพงโกง ร่อนเพลินภาษีผลาญ ก่อนชาติพัง “ยิก”เถิดผอง ๚ะ๛ คอนพูทน
๏ ฉันเป็นนักศึกษาปัญญาชน ท่ามกลางทางสับสนคนแบ่งสี หลอมหล่อและล่อหลอกหลายคัมภีร์ ถูกบ่มในเบ้านี้ "มหาลัย" ๏ "มหาลัย มหาหลอก" กลอกกลับคำ จับจองจำกับตำราน่าสงสัย ครุ่นคำถามนิยามตามจิตใจ " เราเรียนไปเพื่ออะไรใครบอกที ? " ๏ เพื่อก้าวผ่านประสบการณ์กร้านความคิด เพื่อพ้นพรากจากชีวิตโง่งมนี้ เป็นนักปราชญ์ปราดเปรื่องปัญญาดี แหละกดขี่คนโง่โตต่อไป ๏ เพื่อสำเร็จเสร็จได้ใบกระดาษ ประกาศโชว์โอ่สังคมนิยมใหญ่ สมัครงานผ่านสบายหมายมั่นใจ มีรายได้ใช้จ่ายถ่ายชีวิต ๏ เพื่อประโยชน์โพดโผยผลผู้เกื้อ เพื่อเป็นเนื้อเชื้อเพลิงผู้ผลิต เป็นแถวทาสนายทุนตุ๋นความคิด สู่สายพานการผลิตติดกับดัก ๏ เพื่อรับใช้ไฟฝันฝั่งมวลชน สละตนติดดินสิ้นยศศักดิ์ สานฝันอุดมการณ์ด้วยความรัก ยืนปักหลักชัยใน "หมู่บ้าน" ๏ หรือเรียนเพียรเขียนอ่านตามระบอบ ท่องตำราบ้าสอบตอบโวหาร จดบันทึกทุกคำจำหลักการ จมปลักดักดานอ่านหนังสือ ๏ คำตอบมอบให้เธอบำเรอคิด ค้นหาทั้งชีวิตที่เธอถือ อีกทางคือวางปล่อยลอยตามสื่อ " คำตอบฉันชอบคือ จุด จุด จุด " 4 สิงหาคม 2556
เห็นชัดๆจับปลาสิบมือ แต่เธอก็ยังด้านดื้อไปเรื่อยๆ ให้ความห่วงใยกับใครอย่างฟุ่มเฟือย ขอโทษ ต้มไม่ทันเปื่อยฉันรู้ทัน หวานอย่างนี้สาวชอบนัก แต่ฉันที่คือคนรักใจชักสั่น ทนได้นานแค่ไหน ไม่รับประกัน ที่รู้ๆว่าสักวัน ฉันสู้ตาย ถ้าหยุดซะก่อนวันนี้ บางทีความรักดีๆอาจไม่โหดร้าย จะเลือกเอาใครข้างทางที่มีมากมาย หรือเลือกเลิกสันดานเสียดาย...แล้วได้ฉันคนเดียว...
เมื่อก่อนเป็นประชาชนคนเล็ก-เล็ก ไม่ขี้เก็กไม่หยิ่ง..ไม่ยโส แต่พอเป็นนายกฯ ทำตัวโต... หยิ่งยโสไม่เคยมีกลับมีมา ประชาชนเลือกมาเป็นนายกฯ ทำยืดอกกูใหญ่กว่าใครเขา มีลูกน้องตามติดมาเป็นเงา มาคอยเฝ้าประจบหวังเป็นคนใหญ่โต วัน- วันเอาแต่วางก้าม ไม่ทำตามสัญญาประชาไว้ หาแต่ประโยชน์ส่วนตนไม่สนใคร ไม่ใส่ใจประชาชนคนเดินดิน นโยบายชั่วช้าประชาห้ามกูไม่ฟัง ใครจะพังพินาศยับกูไม่สน กูจะรวยใครจะเป็นคนยากจน กูไม่สนถ้ากูได้กูจะทำ... เมื่อนายกฯ ขึ้นไปนั่งอยู่บนวอ คนโง่เรียกมันว่าพ่อ...เลียแข้งขา ประจบประแจง..โดนความโลภปิดหูตา มองไม่เห็นความชั่วช้าที่มันมี นายกฯ ลืมตนเคยเป็นคนเล็ก-เล็ก ตัวเองไร้เดียงสากว่าเด็กยังไม่รู้ หยิบคำว่านายกฯมาแปะหน้าแล้วเชิดชู หวังจะอยู่ค้ำฟ้าทัดเทียมบิดาไทย สุดท้ายนายกฯ นึกว่าตัวเองใหญ่ เป็นเจ้าของประเทศไทยทั้งหมดสิ้น มองไม่เห็นแม้ความสูงส่งของประมุขของแผ่นดิน ลืมหมดสิ้นความนบน้อมและถ่อมตน...
จะรายร่ำกล่ำกลอนสอนตัว แม้มึงมัวตัวช้ำระกำเศร้า ปีใหม่ไหลเวียนมาระอาเมา ยังหยิบเอาเรื่องเก่ามาเข้าตัว ช่างฉ่ำฉ่องลองรักให้หักอก แหม่จะกกความเศร้าเฝ้ายั่ว เห็นสิ่งนี้เป็นดีมิหมองมัว พอจวนตัวก็กลัวเสียทุกที ถ้าเรื่องเรียนเพียรเข้าเอาไว้ก่อน ถ้าเรื่องจรไม่นอนนี่งจะวิ่งหนี ไปหัวเราะเกาะเหล้าเคล้านารี ช่างมั่งมีเงินทอง..เอ๊ะ..ของใคร ไม่เป็นไรได้มา ก็ แบ่ง แบ่ง ไปลงแข้งลงขวด ซวด ซวด ใช้ พอกลางเดือนเตือนตนคนจัญไร เงินก้อนใหม่จะใช้ลงตรง ยา จะสุขสันต์ปานสวรรค์ชั้นดินปก ปานนรกมกอยู่บนตรงก้นฟ้า มันสนุก มันลุกเต้น เป็นเทวดา มันเป็นหมาเพราะฤทธิ์ยาชะล่าวิน พ่อแม่ท่านเงินหนาและฝาคั่ง มีเงินถังบ้านเป็นวังนั่งเรือบิน ท่านจึงกินดิ้นในบาร์น่าอาจิณ จึงเคยชินเลยดูหมิ่นสินเงินตรา
ชาติ ไม่เคยขึ้นวอหนอคางคก ทำผงกหัวหางวางท่าห่าม หัวมงกุฎท้ายมังกรห่อนรู้ความ ราศีทรามฤาสมพอกับวอทอง ด้วยจับพลัดจับผลูดูไม่จืด มายืนยืดกินรุ้งจนพุงป่อง จมูกบานหนังหนานัยน์ตาพอง สำรากร้องทระนงหลงตัวเอง หากคางคกอยู่ตมคงสมเหมาะ เที่ยวลัดเลาะบึงหนองจนท้องเป่ง นี่สวมหมวกสวมชฎายิ่งพาเซ็ง อวดตะเบ็งอึงอลจนคับวอ วาสนาใครบ้างเหมือนอย่างเจ้า ลิ่วล้อเขาชมว่าแก่แต่ยังหล่อ มันโดนใจคางคกคำยกยอ นั่งหัวร่อจมูกทู่เหมือนหมูตอน พวกสิงสาราสัตว์สะบัดหาง อยู่เคียงข้างหมอบราบราวภาพหลอน ล้วนน่าเกลียดน่ากลัวจนหัวคลอน ต้องหน้ายุ่งพุงขย้อนอยากอาเจียน ชอบสำรอกปนสำรากฝีปากกล้า เที่ยวตีด่ากับคนอื่นน่าคลื่นเหียน หลงนึกว่ากูแน่คงแก่เรียน ทำกระเหี้ยนกระหือรือเขาซื้อมา(หนอย..) เถิด..วันหนึ่งมวลชน..ทนไม่ได้ คงสิ้นลายน่าวิตก..คางคกจ๋า... รอถึงวันฟ้าสว่างกระจ่างตา... (อะแฮ่ม...กรุณาเลือกข้อที่ท่านชอบวรรคจบ....) ก.) ปวงประชาถีบคางคก..จนตกวอ... ข.) เชิญประชาถีบคางคก..ให้ตกวอ... ค.) มาเรามาถีบคางคก..ให้ตกวอ... ง.) ตีนประชาถีบคางคก..จนตกวอ... จ.) รวมบาทาถีบคางคก..ให้ตกวอ..... ฉ.) และอื่นๆตามใจชอบ................. ปล.ส่วนตัวผมเลือกข้อ..ก.ครับ.. จริงๆแอบชอบข้อ...งองู.อิ..อิ... อ้อ..แอบมาเติมข้อจ.อีก เพิ่งนึกได้เมื่อคืน...รุ้สึกจะเวิร์คเหมือนกัน...อิ..อิ.. แมวคราว.... 9 กค.51 เขียนให้..คางคกที่ขึ้นวอแล้วลืมตัวทุกๆตัว
เลือกไปก็เท่านั้น คนหน้าเดิมมันบงการ วางแผนตราบเท่านาน มีสายป่านอันยาวไกล เลือกไปก็เท่านั้น ไม่ว่าฉันหรือใครใคร ได้พวกหน้าเดิมไง ทั้งเสือกไสทั้งมาเอง เลือกไปก็เท่านั้น บทเรียนเก่ามันครื้นเครง กินกันไม่ยำเกรง ช่างข่มเหงน้ำใจกัน เลือกไปก็เท่านั้น รู้ทันมันสู้อดกลั้น ก่อกรรมอย่างล่ำสัน หวังโทษทัณฑ์สักวันเยือน เลือกไปก็เท่านั้น วาดสวรรค์ฝันสะเทือน ตื่นมาต้องย้ำเตือน ระอาเอือมเบือนหน้าหนี เลือกไปก็เท่านั้น ใครเพื่อนกันมันบายศรี ใครศัตรูสู้ราวี หาคนดีจากที่ใด เลือกไปก็เท่านั้น ไม่หมดยุคทุกข์แบบไทย การเมืองแบบสาไถย ไร้จริงใจใครศรัทธา เลือกไปก็เท่านั้น อย่าหุนหันมันอุตส่าห์ กับดักเลือกเฟ้นมา หมายสวา-ปามทั้งเมือง
สัตว์สภา กลอนกลบท ฉัตรสามชั้น สัตว์หน้าเปื้อนเกลื่อนสภา เปื้อนหน้าสัตว์ เสียงส่ำซัดชัดคำซัดส่ำเสียง เรียงรายนั่งพรั่งหลายนั่งรายเรียง อึงถ้อยเถียงเยี่ยงถ่อยเถียงถ้อยอึง โลดลอยเริงเหลิงพลอยเริงลอยโลด ขึ้งเกลียดโกรธโคตรเสนียดโกรธเกลียดขึ้ง รึงรุมพิษผิดสุมพิษรุมรึง วนเวียนทึ้งทะลึ่งเพี้ยนทึ้งเวียนวน ทุกข์คนปรี่มีล้นปรี่คนทุกข์ ข้นแค้นขุกกระอุกแน่นขุกแค้นข้น ชลชุ่มโชกโศกสุมโชกชุ่มชล มัวหมองหม่นทนครองหม่นหมองมัว สัตว์ผองไยใคร่ผยอง ไยผองสัตว์ มั่วแว้งกัดขัดแย้งกัดแว้งมั่ว ตัวพ้นผิดบิดยุบลผิดพ้นตัว ฮาเฮชั่วโฉเกชั่วเฮฮา เน้นแดกย้ำขย้ำแหลกย้ำแดกเน้น พร่าผลาญเผ่นเล่นร่านเผ่นผลาญพร่า พาพวกฉลปล้นสะดวกฉลพวกพา มันฆ่ายากอยากจะบ้า ยากฆ่ามัน (ร่างเดิม ๑๒ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๔ แก้ไขครั้งล่าสุด ๒๓ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๔ ครับผม) หมายเหตุ: ๑.กลบท ฉัตรสามชั้น มีปรากฏอยู่ทั้งในวรรณคดีไทยเรื่อง สิริวิบูลกิตติ์ นิพนธ์โดยท่านหลวงศรีปรีชา (เส้ง) และประชุมจารึกวัดพระเชตุพน น่าสังเกตตรงที่ รูปลักษณ์ของกลนี้ เหมือนกับกลอักษรชื่อ ม้าลำพอง (ดังที่กลบท ม้าเทียมรถ มีรูปแบบเหมือนกลอักษร เมขลาโยนแก้ว กระนั้น) ผมศึกษากลดังกล่าว จากหนังสือกวีนิพนธ์ รอยทราย ของท่านอาจารย์วันเนาว์ ยูเด็น แหละหนังสือกฎบนกลบท ของท่านอาจารย์คมทวน คันธนู ครับ ๒.ยินข่าวนักการเมืองทะเลาะกันในสภาขณะประชาชนส่วนมากเดือดร้อนแล้ว ผมทนไม่ไหวจริง
อนิจจาหน้าหนาวเราตากแดด ที่เผาแผดหนังหน้าบ้าฉิบหาย หนังตีนห่อหน้าเน่าเรายังอาย แต่ตลกหน้าตายมันร้ายเกิน หลอกนายโรงนายรับจับผิดถูก คล้องจมูกคนใหญ่ไม่ขวยเขิน เพลงลิเกเห่ขลังยิ่งฟังเพลิน พระเอกตดยิ่งจำเริญหอมเกินดม ตดทางปากลากแถแต่คราวก่อน ครกสากว่อนใส่เวทีพี่แทบถล่ม ไอ้ตราชั่งชักตราชูหลอกผู้ชม พจนานุกรมเปิดข่มกัน ข้อประมวลกฎหมายไม่มีหรอก พวกหน้าวอกหน้าลิงวิ่งวุ่นสนั่น เจอตลกหลวงเก่าป่วนเอามัน ตลกแดกแดกสะบั้นยังรั้นเชียร์ ฝูงตลกแดกหลวงทั้งปวงหมด ตั้งแต่บทแรกมายิ่งน่าละเหี่ย ตอนบทยักษ์ประชันลิงกูยิ่งเพลีย บทได้เสียยิ่งกอดรัดอัศจรรย์ ป่วนตราชั่งตราชูคู่หูฉุด ตลกผุดมุขพร่ำให้ขำขัน ระหว่างคนดูเพลินสรรเสริญกัน ตลกแดกจะแอบ ฉัน ท่านหลวงเอง
สองวาระ เดือนเหตุเภทสองพ้องพาน ผองไทยไล่ผลาญ พร่าไทยไหวทั้งพสุธา คือสองทศพรรษพฤษภา พึงตรึกศึกษา สองห้าสามห้าสากรรจ์ ร่วมสองปีผ่านวารวัน เวียงผวนป่วนผัน พฤษภาสองห้าห้าสาม ใครย่ำกำราบปราบปราม เปรมปรีดียาม ยลศพซบก่าย กายกอง แล้วใครไต่ขั้นครรลอง โลดเหลิงเริงฉลอง เล็งแลแน่ครัน นั้นใคร ลึกลับซับซ้อนซ่อนนัย แน่วจิตวินิจฉัย ใช่เชื่อเมื่อเขากล่าวชวน คั้นเค้นเห็นไคล้ ใคร่ครวญ ครันครบทบทวน ถึงทางสร้างฐานศานติธรรม หยุดกรุ่นขุ่นแน่นแค้นนำ เคียดนักมักถลำ หล่มล้อมห้อมคลุมหลุมพราง ด้วยแรงแห่งรักรางชาง เรืองโชติโรจน์ถาง- ทางทอง ถ่องรุ้งรุ่งพราว พฤษภาคราเคืองเรื่องราว เลือดราดสาดคาว สองครั้งจุ่งสร่างลางเข็ญ แคล้วคลาดขาดกรรมลำเค็ญ ขอพฤษภาเพ็ญ ไพบูลย์บุญนันธน์นิรันดร (๑๙ ถึง ๒๐ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๕)
โรคระบาดความคิดเกิดผิดเพี้ยน ดินฟ้าเปลี่ยนแปลกไปหรือไรนี่ หรือมีคนไปย้ำทำไม่ดี จึงเกิดมีโรคาพาเพี้ยนไป กิริยาท่าทางดูขวางโลก ชื่นชมการสับโขกให้โยกไหว ลุกลามทั่วตกออกทั้งนอกใน จึงเป็นไปทั่วทิศผิดครรลอง สาเหตุโรคนั้นหนอพออ่านออก ใจถูกพอกหมดงามเพราะความหลง เห็นอำนาจวาสนาว่ายืนยง ไม่คิดปลงคิดปลดเลยหมดงาม
กระแสเห่อ หลินฮุ่ย ขอคุยหน่อย กลบกระแส หลินห้อย คอยหักเห เกือบใจหาย ใจคว่ำ ทำฮาเฮ เห็นแม่เห่ แหนหวง ลูกดวงเฮง เจ้าหลินฮุ่ย แสนรู้ คู่ ช่วงช่วง มันเลยล่วง ตกลูก ได้ถูกเผง แต่หลินห้อย นั้นคอยคู่ อยู่วังเวง ขับซาเล้ง ชื่อ เช่าเช่า เฝ้าชอนไช หลินฮุ่ยเป็น หมีแพนด้า ช่างน่ารัก เฝ้าฟูมฟัก ลูกยา พาสดใส ลงทุนตั้ง หลายล้าน บานตะไท จากเมืองจีน แผ่นดินใหญ่ ไทยชื่นชม แต่ เช่าเช่า เจ้าหลินห้อย มิน้อยหน้า ดังยิ่งกว่า แพนด้ายักษ์ คู่หมักหมม จากเมืองจีน เหมือนกัน เช่ากันจม แย่งเงินถม เงินถัง เกือบพังครืน หลินฮุ่ยและ ช่วงช่วง นั้นดวงเด่น ใครได้เห็น คนรักสัตว์ มิขัดขืน ส่วนเช่าเช่า กับหลินห้อย คอยกล้ำกลืน ใครจะชื่น เลวขึ้นชื่อ ระบือนาม คนไทยจัด เฉลิมฉลอง น้องแพนด้า ต่างชาติมา พากระหยิ่ม ยิ้มสยาม ส่วน เช่าเช่า กลับลิ้นห้อย เขาคอยตาม คนไทยถาม ความโปร่งใส เจ้าไม่มี หลินห้อย และเช่าเช่า เฝ้าหดหู่ ลากรถเมล์ เข้าอู่ หารูหนี แม่หลินฮุ่ย พ่อช่วงช่วง ควงคู่ดี ผิดกับยี้ ลิ้นหมีห้อย ต้องถอยครับ..
* อธิปไตยไร้เสรีภาพ * อยุติธรรมนำหน้าเสรีภาพ เหม็นโฉ่ฉาบตุลาการผ่านรักษา สร้างความดีได้ชั่วมั่วทุกครา ยากจะหายุติธรรมนำปกครอง สิ้นนับถืออันธพาลผ่านครานี้ ไร้ศักดิ์ศรีความชั่วกลั้วเกิดสนอง ฝากความหวังครั้งใดคล้ายละออง สร้างหม่นหมองแบ่งชั้นกลั้นน้ำตา ประชาธิปไตยไหนใคร่มองเห็น ทุกประเด็นสร้างไว้ไร้สิ่งหา อันความหวังผ่านไปไร้ราคา สิ้นศรัทธาเหลือทนของคนดี ความโป้ปดมดเท็จดั่งเห็ดสล้าง งามกระจ่างดังเดือนเหมือนสุรสีย์ แผ่กระจายทั่วไทยกระจายมี มองทุกที่ประหลาดดารดาษตา คนทำดีเหมือนได้คล้ายสิ่งชั่ว ถูกเขามั่วเหลือเกินเมินรักษา เกลื่อนไปด้วยหมู่มารผ่านอหังกา อดทนฝ่าเพื่อหวังสร้างธิปไตย เสรีภาพฉาบไว้คล้ายน้ำตาล แต่ไม่หวานคนชั่วมั่วหวั่นไหว ทุกวันนี้เขย่าบ้านผ่านแกว่งไกว ยากหวังได้อิสระมาครอบครอง ล้วนแต่พวกมารเหล่าเฝ้าครอบงำ สร้างสิ่งช้ำทำลายให้มาสนอง เฝ้าปั่นหัวพวกไว้ให้คึกคนอง ต่างยกย่องเป็นพ่อแม่แท้จริง ประชาธิปไตยอิสระชนปนอนาถ แค่ภาพวาดให้งามหยามทุกสิ่ง ประหลาดหนอเมืองไทยไร้ที่อิง มีพวกปลิงเสรีภาพฉาบล่อลวง. * แก้วประเสริฐ. *
ปิ๊ดปี้ปิ๊ด โปลิศ มาจับขะโมย พวกเด็กรีบวิ่งโกยขะโมยหนีโปลิศ แต่คราวนี้ได้ยินเสียงนกหวีด มิใช่โปลิศกลับเป็นประชาธิปัติย์ ประชาชนไม่เคยนึกสงสัย เพราะรู้ไส้เป็นเรื่องที่เขาถนัด ความเสียหายเตยทำสารพัด เพียงจะขจัดศัตรูทางการเมือง สุวรรณภูมิเสียหายหลายแสนล้าน ปิดเพชรเกษมห้ามผ่านให้เป็นเรื่อง คราวนี้เหิม เริ่มประกาศขนาดเขื่อง วันพรุ่งนี้เดินเครื่องระดมพล สู้ทั้งในรัฐสภาอย่างบ้าบิ่น สมาชิกทุกถิ่นให้ออกสู้ท้องถนน ทั้งกรุงเทพฯคงเดือดร้อนประชาชน โกลาหลยึดทำเนียบสถานีรถไฟ เป้าหมายแรกชุมทางรถไฟสามเสน นักรบศรีวิชัยถูกเกณท์เอามาใช้ หยุดการเดินทางขึ้นเหนือและล่องใต้ ทั้งอิสานไม่ให้ไปดูสักที เป้าต่อไปสถานีขนส่งหมอชิต การเดินทางหยุดสนิทยุ่งเต็มที่ ดองกฏหมายปรองดองอีกหลายปี ล้มรัฐบาลครั้งนี้หวังรอดคุก อัยการสูงสุดฟ้องได้ก็ฟ้องไป เดินขบวนป่วนไทยให้สนุก ไม่รับรู้ชาวบ้านจะได้ทุกข์ นี่คือยุคเดนนรกอหังการ์ ถ้าชุมนุมในกรอบของกฏหมาย ย่อมมีสิทธิ์ทำได้ซึ่งเข้าท่า ไม่ต้องสร้างเดือดร้อนชาวประชา ปิดคมนาคมนี่คนบ้าหรือไรกัน...