5 พฤศจิกายน 2550 07:09 น.

คอมพิวเตอร์มรณะ - Devil computer 1

digimon_james

ที่มากล้องถ่ายรูป 

นที ชายหนุ่มผู้มีความฝันอันกว้างขวางและยาวไกลดังสายน้ำที่ทอดยาวไปทั่วทั้งผืนแผ่นดินที่กล้างใหญ่ไพศาลไม่รู้จบ หนุ่มน้อยนักล่าฝัน ที่พึ่งจบการศึกษาการตลาดมาหมาดๆ ด้วยคะแนนที่น่าพอใจทีเดียว แต่จริงๆ แล้วเขาต้องการเรียนคณะศิลปกรรมศาสตร์มากกว่า แต่ด้วยยุคสมัยที่การลงทุนทำธุรกิจมีเปอเซ็นสูงกว่าถ้าพูดถึงความก้าวหน้าทางการงาน เขาคิด แต่ด้วยเหตุผลใดก็ตาม เขามีความสนใจในการถ่ายภาพเป็นอย่างมาก หากคุณเห็นเจ้านทีที่ไหนแล้วพบว่าเขาไม่ได้พกกล้องถ่ายรูปติดตัวมาด้วยละก็วันนั้นคงเป็นวันที่ฝนตก หรือพายุเข้า หรือเกิดจลาจลกลางเมือง แต่ทุกกรณีที่ได้กล่าวมา เป็นเหตุการณ์ที่เขามักจะไม่พลาดที่จะบันทึกภาพนาทีแห่งความระทึกใจเก็บไว้เป็นผลงานชิ้นโบว์แดงของเขาหรอกนะครับ แม้แต่ภาพตอนไฟไหม้อพาตเม็น ที่อยู่ห่างจากที่พักเขาไป สี่ ห้า คูหาเขายังไม่วายที่จะไปเก็บภาพมาเลยครับ 

พรุ่งนี้ก็เป็นวันเกินครบ ๒๒ ปีของเขาแล้วซิ วันนี้เพื่อนๆ ของเขาเลยวุ่นๆ กับการเตรียมตัวแกล้งนายทวี ที่จะต้องจัดเป็นประเพณีการแกล้งสำหรับวันเกิดของเพื่อนๆทุกคนไปซะแล้ว ยังจำได้วันเกิดของน้องมิ้งค์เมื่อเดือนก่อนที่พวกเราแกล้งว่า คืนนี้เธอคงต้องเสียใจแน่ๆ ที่พวกเราไม่มีเค้กให้เธอเป่าฉลองวันเกิด วิธีการแกล้งนั้นไม่ยากเย็นอะไรเลย พวกเราทั้งหลายก็รวมหัวกัน บอกว่าวันนี้ไม่มีใครได้ซื้อเค้กมาจริงๆนะ เพราะว่าต่างคนต่างๆคิดว่าคงตกลงกันแล้วในเรื่องนี้ว่าใครจะซื้อมา แต่สุดท้าย ท้ายสุดก็หามีใครได้ซื้อเค้กมาไม่ ซึ่งเจ้าตัวก็ไม่ปักใจเชื่อซะทีเดียวว่าเพื่อนจะลืมซื้อเค้กวันเกิดกันได้ไง หนึงในสมาชิคผู้ที่แสนดีแต่ประสงค์ร้าย ก็เลยทำทีว่าไปเอาเค้กมาให้เธอได้เป่า แต่ที่ใหนได้วันเป็นแค่กล่องใส่ของที่แอบเทของทิ้งไว้บนเตียงห้องเพื่อนอีกคนจนกระจายอยู่เต็มเตียง ส่วนเทียนจอมปลอมเจ้ากรรมนั้นก็คือไฟแชคนั้นเอง แล้วเพื่อนๆ ท่านอื่นๆ ก็สมรู้ร่วมคิดด้วยการร้องเพลง แฮปปี้เบิร์ดเดย์ กันอย่างสมจริงสมจัง หลอกเป่าเค้ก ๓  ๔ รอบจนมิ้งตายใจ เพราะเล่นมอบของขวัญกันหมดทุกคนแล้วแต่เค้กยังไม่มา มิ้งเลยถอนหายใจยอมรับแล้วว่าคืนนั้นหล่อนต้องอดเป่าเค้กแน่เลย แต่แล้วในที่สุดเค้กที่ไม่มีทีท่าว่าจะมีนั้นก็ถูกยกมาพร้อมกับการร้องเพลงอวยพรวันเกิด ที่รอบนี้เป็นรอบที่ต้องจริงจังกันหน่อย

กริ๊งๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ แล้ววันเกิดครบ 22 ปีของนทีก็มาถึง   !! เสียงนาฬิกาปลุกตัวกวนใจดังขึ้นเพื่อให้นทีตื่นลืมตาขึ้นมาต้อนรับเช้าวันใหม่ที่เขาไม่อยากจะเจอซักเท่าไหร่ แต่ลึกๆ แล้วเขาก็รอคอยวันนี้มานานแล้ว หลังจากอาบน้ำและแต่งตัวเสร็จ เขาก็ลงบันไดเพื่อออกจากที่พัก 
-สวัสดีครับป้าสมศรี นทีกล่าว
-หวัดดีลูกที ป้าสมศรีตอบ 
-วันนี้มาทำงานเร็วเป็นพิเศษเลยนะป้า
-วันนี้หลานป้าจะมาเยี่ยมจากต่างจังหวัดนะลูกเอ๋ย ป้าเลยจะมาทำงานให้เสร็จไวๆ จะได้ไปรับมันทันเวลานะ
-ครับผม งั้นผมไปแล้วนะครับป้า สวัสดีครับ
-ไปดีมาดีนะลูกเอ๋ย
ป้าสมศรีแม่บ้านประจำที่พักที่ผมอาศัยอยู่ แกจะมาทำงานแต่เช้าทุกวัน ดูแกช่างเป็นคนขยันซะจริงๆ 
นทีมาถึงที่ฝึกงาน ที่ที่เขาฝึกมาได้ 2 เดือนแล้วตอนนี้ ซึ่งที่นี่เป็นที่เดียวกันกับที่เขาได้ผ่านการฝึกงานเพื่อสอบผ่านปีสุดท้ายของมหาลัย หน้าที่ของเขาที่นี้ก็คือผู้ช่วยฝ่ายการตลาด ของบริษัทผลิดสื่อโฆษณานั้นเอง

วันนี้มีจดหมายวางบนโต๊ะของเขาเยอะเป็นพิเศษ คุณก็พอจะเดาออกใช่ไหม่ครับว่าทำไม ถ้านึกไม่ออกผมจะบอกให้ก็ได้ว่าวันนี้วันเกิดของเขาไงครับ ฉบับแรกจากเพื่อนที่เรียนอยู่ ม.เชียงใหม่ ยายอ้อ สาวสวยประจำห้องตอนมอปลาย ที่กระบี่ด้วยกันนั้นเอง ตอนนี้เธอเรียนหมอปีสุดท้ายแล้วละ ส่วนอีกฉบับมาจากคุณแม่ของนที ที่ตอนนี้เป็นเจ้าของกิจการโรงแรมอยู่ที่ปักษ์ใต้ กระบี่บ้านนทีนั้นเอง
-รักษาสุขภาพนะลูก ดูแลตัวเองให้ดี แล้วเจอกัน
รักลูกเสมอ แม่

นทีเปิดอ่านจดหมาย 4-5 ฉบับที่เหลือ จนมาถึงอันสุดท้าย เป็นโปสการ์ด รูปสิ่งก่อสร้างแปลกๆ ที่เขาเคยเห็นในหนังสือท่องเที่ยว เป็นโปสการ์ดที่ส่งมาจากแดนน้ำหอนนั้นเอง รูปที่อยู่บนโปสการ์ดนั้นก็คือรูปหอไอเฟลสื่งก่อสร้างกลางเมือง เมืองที่ถูกยกย่องให้เป็นเมืองแห่งความโรแมนติก เมืองปารีสนั้นเอง เขารู้ได้ทันทีว่าผู้ส่งมานั้นเป็นใคร และเป็นคนอื่นคนไกลไปเสียมิได้นอกจากพ่อของเรานั้นเอง พ่อไปอยู่ที่โน้นตั้งแต่แยกกันอยู่กับแม่เมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา ท่านทั้ง 2 คนยังไม่ได้จดทะเบียนหย่ากันอย่างเป็นเรื่องเป็นราว เป็นเพราะนทีขอร้องไว้นั้นเอง เขาปลิกอ่านดูข้อความที่พ่อของเขาเขียนมา 

-หวังว่าลูกคงจะสบายดีนะ พ่อส่งของมาให้พร้อม กับการ์ดไปนี้เป็นของขวัญวันเกิด ตอนที่ลูกได้รับการ์ดนี้พ่อหวังว่าของขวัญที่พ่อส่งไปให้คงจะไปถึงเมืองไทยแล้วเช่นกัน 
รักและห่วงใยลูกเสมอ พ่อ

จากวันนั้นวันที่พ่อจากพวกเราไป ทิ้งแม่ให้อยู่คนเดียว นทีไม่เข้าใจว่าทำไมท่านทั้ง 2 ต้องแยกกันอยู่ แล้วทำไมพ่อต้องจากพวกเราไปไกลถึงฝรั่งเศส แต่เขาก็คิดในใจว่า ท่านทั้งสองคงมีเหตุผลเพียงพอที่ทำให้ท่านทั้งสองต้องแยกทางกัน 

12.00 น ถึงเวลาพักเที่ยงแล้ว
-เอ้ย นทีไปทานข้าวกันเหอะ ปราโมทย์ เพื่อนที่ทำงานชักชวน
-ไปกับพวกเรานะ วันนี้ว่าจะไปทาน ที่ร้านอาหารญี่ปุ่นกันเปลี่ยนบรรยากาศนะ มิ้งเพื่อนที่ชั้นเรียนที่มหาลัย สาวน้อยที่จบการตลาดมาพร้อมกันและมาฝึกงานที่เดียวกันกับนที และเป็นคนที่โดนแกล้งไปเมื่อเดือนที่แล้วในงานวันเกิดของเธอนั้นเอง 
-อื่ม น่าสน ๆ พรพันธ์ รุ่นพี่ที่ทำงานอีกคนเห็นด้วยกันความคิดนี้
-ครับผมไปก็ไป เดี๋ยวผมขอเคลียร์โต๊ะแป๊ปนะครับ นทีกล่าว
-อืมได้ๆ แล้วพวกนายเห็น สงกรานต์ปะ มันหายไปไหนของมันนะ เห็นบอกว่าจะไปกันพวกเราด้วย รายนี้สายตลอด ปราโมทย์ พูดพร้อมอาการโมโหหิว 
-โน้นไงมาโน้นแล้ว มิ้งบอกพลางชี้ให้พวกเราดู
-โทษที พอดีว่าท้องเสียนะเข้าห้องน้ำนานไปหน่อย สงกรานต์กล่าวขอโทษเพื่อนๆ
-ไปกันเลย พร้อมแล้ว    !

หลังจากทานอาหารกันจนเสร็จ ก็สั่งของหวานมาทานกันต่อ 
-นทีไม่ทานขนมหวานเหรอ มิ้งถาม
-ไม่ละ ผมทานจนแน่นท้องแล้วละครับ นทีกล่าว
-ผมขอตัวไปห้องน้ำก่อนนะครับ เดี๋ยวกลับมา แล้วนทีเดินไป
-ไอ้นี้ มันบ้าถ่ายรูปจริงๆ เลยนะ ดูซิขนานไปเข้าห้องน้ำยังไม่ยอมวางกล้องไว้ที่โต๊ะเลย พรพันธ์แสดงความเห็นในอาการบ้าเกินเหตุของนที

หลังจากปลดทุกข์ในห้องน้ำเสร็จแล้ว นทีก็ออกมาล้างมือที่อ่าง เขาวางกล้องถ่ายรูปของเขาไว้ข้างๆ เพราะไม่อยากห้อยคอไว้เพราะอาจจะทำให้มันกระทบกับอ่างได้ ระหว่างที่เขาล้างมืออยู่นั้นก็มีผู้ชายอีกคน มาล้างมือที่อ่างข้างๆ เขา ชายคนนั้นวางกล้องถ่ายรูปไว้ข้างๆ อ่างเหมือนกัน คงจะด้วยเหตุผลเดียวกันนทีนั้นละ เมื่อนทีล้างมือเสร็จเขาก็หยิบกล้องแล้วเดินออกมา ที่เครื่องเป่าแห้งมือ แล้วเขาก็เดินออกไปจากห้องน้ำโดยที่เขาไม่รู้ตัวเลยว่าเขาได้หยิบกล้องถ่ายรูปผิดมา ซึ่งเขาได้สลับกล้องถ่ายรูปกับชายที่อยู่ในห้องน้ำคนเมื่อครู่ซะแล้ว				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟdigimon_james
Lovings  digimon_james เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟdigimon_james
Lovings  digimon_james เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟdigimon_james
Lovings  digimon_james เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงdigimon_james