9 สิงหาคม 2546 00:31 น.

" การที่จะมีรักให้ใครสักคน จะผิดไหมนะ "

moji_kawa

" การที่จะมีรักให้ใครสักคน จะผิดไหมนะ "
คำถามนี้ผุดขึ้นในจิตใจของฉันทันที
เมื่อฉันได้ไปพบเจอใครบางคนโดยบังเอิญ
คนคนนั้นคือแฟนของเพื่อนฉัน
จากนั้นเป็นต้นมา
ฉันก็พยายามที่จะหาคำตอบอยู่ตลอด
คืนแรก 
ฉันนอนไม่หลับทั้งคืน
แต่ก็
???? คิดไม่ออกว่า
ผิดหรือเปล่า ????
จนกระทั่งรุ่งเช้า 
ฉันใจลอยตลอดทั้งวัน
เรียนไม่รู้เรื่อง
เพื่อนฉันสังเกตเห็น @.@
เดินเข้ามาถามว่าฉันเป็นอะไร
ฉันตอบไม่ได้  /////\
เพราะใจฉัน
มันพะวง
มัวแต่เฝ้าคิดถึงเขาคนนั้นอยู่
จะมีใครเป็นอย่างฉันบ้างนะ ???
ผ่านไปหลายวันหลายคืน
ฉันคิดหาคำตอบ
แต่ก็หาไม่เจอสักที
เฮ้อ ! ฉันจะทำไงดีล่ะทีนี้
จนกระทั่งวันหนึ่ง
ฉันก็เดินไปชนเขาเข้า
ฉันเอ่ยคำว่า
ขอโทษค่ะ   _ / _
คำตอบที่ได้กลับมาก็คือ
ไม่เป็นไรครับ  //  //
พร้อมกับท่าทีที่พะวงเกี่ยวกับเสื้อนักเรียนที่เลอะนมอยู่ไม่วาย
ฉันรู้สึกว่า
คนนี้น่ารักดีเนอะ ถ้าได้มาเป็นแฟนคงจะดีไม่น้อย  \
แต่ก็คงได้แค่คิด
เพราะว่า...
** ฉันไม่กล้า **
จะบอกอะไรให้นะ
เพราะไอ้ความไม่กล้านี่แหละ
ที่ทำให้ฉันพลาดในความรักมาครั้งแล้วครั้งเล่า
อยากจะบอกกับทุกคนว่า
การที่ทุกคนจะมีความกล้านั้น
ไม่ใช่เรื่องที่ผิดเลย
ถ้าจะเป็นการกล้าเพื่อตัวเองแล้ว
ยิ่งไม่ผิดเข้าไปใหญ่
เมื่อคิดว่า
ความกล้าเป็นสิ่งที่สำคัญ
แล้ววันนั้น                           
ฉันจึงเดินไปหาเพื่อนของฉันทันที  /../../
และถามว่า { : [ [ >>>ฉันมันเต้นไม่เป็นระส่ำ
เขาจะรู้หรือเปล่านะ
แล้วก็พูดต่อว่า
น้องมีอะไรก็มาถามพี่สิ
ถามกับเจ้าตัวเองเลย
ไม่ต้องไปถามกับคนอื่น
นั่นสินะ 
ถ้าเราอยากรู้อะไรเกี่ยวกับใคร 
ทำไม ???
เราต้องไปสืบถามจากคนอื่น
ทั้งที่ก็ไม่ถามเจ้าตัวเองเลย
เฮ้อ !!!
ฉันรวบรวมความกล้า
แล้ว...
พูดออกไปว่า...
*_* ก็ไม่กล้านี่นา
โอย  ^_^!!!
เหมือนเวลานั้นแทบจะหยุดหายใจ
เวลาเหมือนหยุดอยู่กับที่
ทุกสิ่งล้วนแต่หยุดอยุ่กับที่
แต่ทำไม ???
ตัวฉัน 
ทุกคนที่ห้องพยาบาล
ไม่ว่าจะเป็น
คนป่วย
อาจารย์ห้องพยาบาล
ต่างวิ่งโร่เข้ามา
แล้วพูดพร้อมกันว่า  :[] []: :[] []:
  - + - ไม่ผิดหรอก - + -
พี่ที่นั่งเฝ้าฉันอยุ่ข้างๆ
เขายิ้มให้ฉัน  ; ]
แล้วพูดว่า :[]
พี่คงไม่ต้องตอบแล้วสินะ
พอพี่พูดจบ
ก็ทำท่าจะเดินจากไป
ช่วงนั้น
ฉันก็เกิดลังเลว่า
ฉันจะถามเขาดีไหมนะ
แต่...
ไม่เอาดีกว่า
ความลังเล สามารถเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ
และสามารถกำจัดความลังเลนี้ได้
โดย
ตัดสินใจให้ชัดๆไป
ไม่ว่าจะถูกหรือไม่ 
แต่ถ้าทำเพื่อตนเอง
ก็ไม่น่าที่จะผิดนี่
ดังนั้น ....
ฉันจึงตัดสินใจ
พูดขึ้นว่า --- > >
แล้วถ้าจะรักพี่ล่ะคะ
จะได้รักตอบรึเปล่า ???
+ ได้สิ +
คำตอบสั้นๆห้วนๆ
ทำให้ฉันยิ้มน้ำตานองหน้า  ; )
แต่ว่า...
พี่เขายังพูดไม่จบ
แต่จะได้แบบไหนนั้น
ก็ห้ามโกรธกันนะ
เพราะนั่นก็ถือเป็นความรัก
.........
...............
อ้อ !!! ฉันเพิ่งได้รู้ว่าความรักของเรามีหลายรูปแบบ
หลากหลายรสชาติ
- > - > - > 
ถึงว่าล่ะสิ
*** คนเราถึงอยากมีความรักกันนัก ***				
15 มิถุนายน 2546 01:00 น.

ยู แอนด์ ดิ ไอ

moji_kawa

ท่ามกลางสายฝนที่ตกโปรยปรายลงมาบนโลกใบเล็กๆใบนี้ คงจะทำให้หัวใจคนที่มีรักได้ชื่นฉ่ำหัวใจไม่มากก็น้อย ฉันก็เช่นกัน
            ซู่...ซู่...ฝนตกลงมาอย่างหนัก ในขณะที่ฉันกำลังจะกลับบ้าน ทำให้ฉันต้องรีบวิ่งหาที่หลบฝน โดยไม่ทันสังเกตว่าใคร จะวิ่งมาหรือว่าฉันจะวิ่งไปชนใครเข้า ทันใคนั้นเองก็มีคนฉุดแขนเขาไว้ให้ฉันหยุดท่ามกลางสายฝน
      " เธอ..เธอ.. " เขาคนนนั้นยังพูดไม่จบ
      " อะไรอีกล่ะ! ฝนตกอยู่เนี่ยเดี่ยวก็เปียกกันพอดี " ฉันพูดแซงเขาและฉุดเขาเข้าไปยืนในที่ ที่ พอจะหลบฝนกันสองคนได้
      " จะหลบทำไมเนี่ย เปียกมาได้ตั้งขนาดนี้แล้วนะ " เขาพูดให้ฉันสังเกตเห็น
             แล้วเราสองคนก็หัวเราะกัน
      " เมื่อกี๊มีคนมาสะกิดแขนฉัน ...ใช่นายรึเปล่า " หลังจากที่เราได้หัวเราะร่ากันแล้ว ฉันก็ตั้งคำถามทันที
      " เอ่อ..ใช่ เราสะกิดเองแหละ " เขาพูดจากับฉันเหมือนคนรุ้จักกันทั่วไป ทั้งๆที่ฉันก็ไม่รุ้จักเขาหรอก
      " มี'ไรอ่ะ..ว่ามาเลย " ฉันพูดกับเขาเหมือนรู้จักกันมานาน
      " ก็คือว่า..เรา..เอ่อ...เรา..." เขาอำอึ้ง เหมือนมีอะไรที่ติดปากทำให้ไม่สามารถพูดออกมาได้ ฉันเห็นแล้วก็รู้สึกรำคาญ
      " อะไรอ่ะ เราๆ อยู่นั่นแหละ มี'ไรว่ามาเลย " ฉันจึงชิงพูดตัดหน้าเขา ( อีกแล้ว )
      " เรา ชื่อ ไอนะ " เขาพูดแนะนำตัว
      " เอ๊ะ ! ไอ นี่ใช่ !ไอ เลิฟ ยู รึเปล่าอ่ะ ??? " ฉันแกล้งพูดเล่นแล้วก็หัวเราะคิกคัก คิกคัด แต่แล้ว....
      " ใช่... ไอ เลิฟ ยู เธอนี่เก่งนะ รู้ด้วยเหรอ ??? " จากที่เขาพูดมาจากที่ฉันหัวเราะอยู่กลับต้องอึ้งกับคำตอบของคำถามบ้าๆที่ฉันแกล้งถามเขาเล่นๆ แต่ฉันไม่คิดว่าเขาจะจิงจังอะไรขนาดนั้น
      " เฮ๊ย ! อะไรบ้าน่า เราแค่ถามเล่นๆเองนะ " ฉันรวบรวมสติให้มากกว่าการเขินอายเพื่อที่จะไม่ให้เขาจับได้ แล้วจึงแกล้งถามเขาต่อ
      " อ้าว ! รู้ว่าแกล้ง แล้วทำไมต้องอายขนาดนั้นด้วยล่ะ " เขาสังเกตเห็นความอายของฉันจนได้ แล้วก็แกล้งแซวฉันต่อ 
             เขาคงคิดไม่ถึงล่ะสินะว่าประโยคที่เขาแกล้งเอ่ยมาเล่นๆนั้น มันทำให้หัวใจที่พองโตของฉันกลับแฟ่บลงในทันที ขณะนั้นฝนเริ่มซาลง ฉันจึงขอตัวกลับบ้าน แล้วเดินจากเขามาเลยโดยไม่บอกกล่าวกันสักคำ
             ระหว่างทางนั้นเอง.........
      " ทำไมฉันจะต้องไปสนใจกับคำพูดของตาไอ อะไรนั่นด้วยนะ เจ้าใจนี่ก็เหมือนกัน จะเต้นไปทำไมก็น่าจะรู้อยู่แล้วนะ ว่าเขาคงไม่จริงจังกับเราอยู่แล้วนี่นา อ๊าย ...ใจบ้านี่ นี่แน่ะ " ฉันเดินรำพึงรำพันในใจ ไปเรื่อยๆ แล้วก็เผลอแสดงอาการ ออกมา 
      " อ้าว ! บ้าไปแล้วเหรอ...ยู " เสียงๆหนึ่งดังขึ้น ทำให้ฉันต้องหันไปมอง
      " แล้วจะมายุ่งอะไรกับฉันล่ะ " ฉันพูดออกไปโดยไม่ทันมองหน้าว่าเป็นใคร
      " เปล่าๆ เราแค่อยากจะไปส่งที่บ้านเท่านั้นอ่ะ...ไม่ได้รึไงครับ ??? " เสียงไอพูดขึ้นมา 
            ฉันหันหลังให้เขาทันทีแล้วพูดว่า...
      " ไม่จำเป็นย่ะ เดินกลับเองได้ แล้วว่างนักรึไง ถึงเที่ยวมาเดินส่งคนนุ้นที คนนี้ที " ฉันเดินไปเรื่อยๆแล้วพูดกับเขา
      " ก็ไม่ว่างนักหรอก แต่ะจะว่างก็กับเฉพาะบางคนเท่านั้นแหละ " เขายังคงใช้คำพูดที่ทำให้ใจฉันสั่นได้ตลอดสินะ 
            จากนั้นเขาวิ่งมาเดินคู่กับฉัน..
      " เอามานี่...เดี๋ยวถือให้ " เขาดึงกระเป๋าไปจากมือของฉัน 
      " เอ๊ะ ! เอามานี่ ถือเองได้ " ฉันดึงกระเป๋าของฉันกลับ พร้อมกับตีหลังเขาไปหนึ่งที
      " เธอนี่น้า ! ช่างเป้นผู้หญิงที่ไม่น่ารักเอาซะเล้ย ตั้งแต่เคยเจอมาเนี่ย " เขายียวนฉัน ทำให้ฉันเกิดน้ำโหขึ้นมา
      " ไม่น่ารัก...แล้วทำไม ฉันก็เป้นของแนอย่างนี้อ่ะ แล้ว็ขอโทษด้วยละกันนะที่ไม่น่ารักเท่าสาวๆคนอื่นๆของนายน่ะ อันที่จริงก้ไปหาเขาซะเลยสิ เขาน่ารักกว่าฉันอยู่แล้วนี่นา " ฉันตะคอกใส่เขา
             ในใจฉันมันก็รุสึกเหมือนกันนะว่าทำไมฉันถึงทำตัวไม่น่ารักอย่างนี้ คิดแล้วก็โมโหตัวเอง
      " เย้ ! เย้ ! " เขาทำท่าดีใจ
      " ดีใจอะไรนักหนา บ้ารึเปล่า ไม่เข้าใจภาษาไทยรึไง นี่ชั้นกำลังด่านายอยู่นะ ตาบ้านี่ " แล้วก็ทุบเขา แต่เขาหลบทัน
      " นี่ ! แน่จริงเอาให้โดนสิ แล้วที่ฉัน ดีใจก็เพราะว่า เธอน่ะหันหน้ามาคุยกับฉันแล้วน่ะสิ เฮ้อ! ตกใจแทบตาย อยุ่ดีๆก็ขอตัวกลับ เนี่ย ! เราก็เลยว่าจะเอาหัวมาให้ กลัวจะมองไม่เห็นทางกลับบ้าน เดี๋ยวหลงทางแล้วร้องไห้ขี้มุกโป่ง จะไม่สวยเอา มะมานี่ เอากระเป๋ามา เดี๋ยวถือให้ " เขาพูด
      " อยากถือก็เอาไปเลยปะ " ฉันยื่นกระเป๋าให้เขา  
      " โอ๊ย ! นี่เธอ เอาหังสือไปเรียนรึว่าเอาหินไปเรียนเนี่ย " เขาพูดแกล้งฉันอีกแล้ว 
      " นี่ ! บ่นมาก จะถือก็ถือไป ห้ามบ่น บ่นเดี๋ยวเจอ " ฉันพุด พลางยกมือทำท่าจะตีเขาอีก 
      " คร๊าบ คร๊าบ ..ยอมแล้วครับ " เขายังคงยียวนฉัน มาตลอดทางแต่นั่นก็ช่วยทำให้ฉันหายเหงาปากได้มากเลยทีเดียว 
            หลังจากนั้นเขาก็เดินมาส่งฉันที่บ้านทุกวัน ทุกวัน แล้วก็กวนขึ้นทุกวัน ทุกวัน จนมีอยุ่วันหนึ่งเขาหายไป นั่นทำให้ฉันเป้นหว่งเขามาก (เขาจะรุ้ไหมนะ) แต่ก็ไม่รุ้จะไปหาเขาที่ไหนดี แล้ววันนั้นนั่นเองที่ฉันต้องเดินกลับบ้านคนเดียว นั่นมันทำให้ฉันรุ้สึกว่า ฉันเหงามากๆ เหงาอย่างที่ไม่เคยรุ้สึกมาก่อน 
            แอ๊ด...ด...ด..
      " ว่าไง หน้าบึ้งมาเชียว เหงาล่ะสิ " เสียงๆหนึ่งดังขึ้น ซึ่งก็ไม่ใช่เสียงพ่อ 
            เสียงที่คุ้นหูและใบหน้าที่คุ้นตา ทำให้ฉันเบิกตากว้าง 
      " อ้าว คนครับคน ไม่ใช่ผี " เขายียวนฉันอีกแล้ว
            ฉันจ้องไปที่เขา อย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง ว่าเขามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง
      " นาย...นายมาอยุ่นี่ได้ไงเนี่ย " ฉันถามอย่างแปลกใจ
      " ก็...พ่อเธอไง นั่นไง พ่อครับ ...ยูกลับมาแล้วครับพ่อ " เขาพูด
      " ฮะ พ่อฉันเนี่ยนะ พ่อ  พ่อคะ ไหนเรื่องมันเป็นยังไงคะบอกหนูหน่อยสิคะ " ฉันเดินเข้าไปหาคุณพ่อพร้อมกับถามความจริง
      " ก็เมื่อเช้าพ่อไปจ๊อกกิ้ง แล้วพ่อล้ม ก็ได้เจ้าเนี่ยน่ะแหละ ที่คอยช่วยดูและพ่อน่ะ " พ่อพูด พลางชี้นิ้วไปทางเขา เขายืดอกรับความดีด้วยความภูมิใจ
            แม้ฉันจะรุ้สึกแปลกใจสักเพียงใดแต่ก็รุ้สึกภูมิใจในตัวเขาอยุ่ไม่น้อย เพระา พ่อไม่เคยปล่อยให้ผู้ชายคนไหนเข้ามาในบ้านด้วยความยินดีของพ่อเลย จะมีก็แต่นายนี่นั่นแหละ 
      " พ่อคะ งั้นหนุขึ้นไปทำการบ้านก่อนนะ " ฉันพูดพลางเดินไปหยิบกระเป๋าเตรียมขึ้นไปบนห้อง
      " จะรีบไปไหนอ่ะ ยุ อยู่คุยกันก่อนดิ ไม่ได้เจอตั้งหนึ่งวันเต้ม คิดถึงอ่ะ เหงาด้วย " เขาเดินมาขวางหน้าฉันไว้ไม่ให้เดินขึ้นห้อง ต่อหน้าพ่อ 
            เอาอีกแล้วเขาพูดคำที่เปรียบเสมือนกับคำบอกรักอีกแล้ว ฉันจะทำยังไงดีล่ะเนี่ย
      " เหงาอ่ะไร เหงาปากล่ะสิ ไม่ได้กัดกันตั้ง 1 วันนี่นา " ฉันลองใจเขาดู
      " อ้าว ก็รุ้นี่นา แหม ! ซูฮก ซูฮก " เขามักจะตอบกลับมาอย่างนี้เสมอ
            เขาช่างไม่รุ้เลยรึไงนะว่าฉันคิด รุ้สึกอย่างไร กับเขา
      " ตาบ้านี่ " ฉันพูดพร้อมกับทำท่าจะตบหลังเขา แต่ยั้งเอาไว้ทัน
      " นี่ไม่ได้ไป โรงเรียน หนึ่งวันเต้มๆ มีการบ้านอะไรมั่งอ่ะ บอกกันหน่อยดิ " เขาไม่ได้สนใจกับการกระทำของฉันเลยสักนิด
      " เกี่ยวอะไรกับฉันล่ะ โรงเรียนก็อยุ๋คนละที่กัน แล้วจะรู้เรื่องกันเรอะเนี่ย " ฉันพูดไปตรงๆ
      " เฮ๊ย ! พ่อเธอบอกว่า เธอเก่งภาษาไทยนี่นา ติวให้เราหน่อยดิ นะ นะจ๊ะ " เขาไม่สนใจฉันจริงๆเหรอเนี่ย
            นี่เป้นครั้งแรกที่รุ้ประวัติเกี่ยวกับการเรียนแย่ๆ ของเขา เขาเป้นคนที่ค่อนข้างเก่ง แต่เสียตรงที่ภาษาไทยนี่แหละมั้งที่แย่หน่อย
      " ก็ได้ ก็ได้ จะได้ถือซะว่าเป้นการทบทวนไปด้วยในตัว " ฉันพูดเพื่อรักษาฟอร์มอีกแล้ว
            ความจริงฉันน่ะ อยากจะให้เขาช่วยติววิชาที่ฉันอ่อน และก็ฉันติววิชาที่เขาอ่อนให้ฉัน จะได้มีเรื่องคุยกันทุกๆวัน และเขาจะได้มาที่บ้านฉันด้วย
      " ครับรุ่นพี่ ศิษย์น้องฝากตัวด้วยครับ " เขาพูดแหย่ฉันอีกแล้ว
            แล้วเราก็มีข้อตกลงกัน ว่าจะติววิชาที่เราสองคนอ่อนให้กัน แล้วก็เรียนพิเศษที่เดียวกัน

            มีอยุ๋วันหนึ่ง......เขาบอกว่าแม่เขาชวนฉันไปกินข้าวที่บ้าน แต่ฉัน.....
      " เนี่ย ! แม่เราอยากรู้จักเธออ่ะ เขาบอกให้เราชวนเธอไป จะไปไหม เราจะได้บอกแม่เราถูก " เขาพูดกับฉัน
      " ไม่รุ้ว่าติดเรียนรึเปล่าอ่ะ วันไหนอ่ะ " ฉันถาม
      " เสาร์ - อาทิตย์ เลือกเอา วันไหน แม่เราจะได้เตรียมต้อนรับลุกสะใภ้ " เขาพูดเล่นแล้วก็หัวเราะ
            แต่ฉันหัวเราะไม่ออก ได้แต่ยิ้มแหยๆ
      " ไม่แน่ใจอ่ะ....." ฉันยังพุดไม่จบ
            เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ขั้นบทสนทนาของเราทั้งคู่ 
            อันที่จริงแล้ว ฉันอยากไปกินข้าวที่บ้านเขาทุกวันนั่นแหละ เหมือนที่ตานี่มาฝากท้องไว้กับบ้านฉัน จนจะเป้นลุกของอีกคนของพ่อแม่ ไปซะแล้ว แต่จริงๆฉันก็อยากให้เขาเป้นนะ ฮิฮิ 
      " แม่เราบอกว่า เดี๋ยวแกจะมารับให้รออยุ่ที่นี่ก่อน อย่าเพิ่งกลับบ้าน หรือไปเที่ยวไหน " เขาบอกฉัน
            แม่ของเขามักเป็นคนรีบร้อนเสมอ
      " เฮ๊ย ! อะไรอ่ะ ยังไม่ได้บอกพ่อกับแม่เลย " ฉันพยายามปฏิเสธ
      " เอาน่า เรื่องนี้ใช่ไหมอ่ะ ที่ไม่อยากไป ไม่ต้องห่วง ไม่ต้องห่วง ไอ้น้อง ทั้งหมดนี้แม่พี่จัดการเรียบร้อยหมดแล้ว ฉะนั้น วันนี้ตามซำบาย "เขาพูดพลางเอื้มมือมาตบหลังฉันเบาๆ 
            ฉันรุ้สึกอุ่นใจอย่างไรบอกไม่ถูก อันที่จริงแล้ว ฉันก้รุ้สึกดีใจที่เขาเอาฉันไปพูดให้แม่เขาฟัง แล้วนี่ก้เป็นครั้งแรกที่ฉันได้ไปทานข้าวกับครอบครัวของเขา ที่ถึงแม้ว่าครอบครัวเขาจะขาดเสาหลักไปแล้ว แต่ฉันก็รู้สึกได้ถึงความอบอุ่น อ่อนโยน ของครอบครัวเขาที่ส่งผ่านตัวเขา มาถึงตัวฉัน
            ณ.... ร้าน KaRaSHi
      " เอาเลยลูกสะใภ้ อยากกินอะไรสั่งเลย มื้อนี้ แม่เลี้ยงเอง แต่ให้เจ้าไปมันจ่าย " แม่พุดเล่นทำให้ฉันอุ่นใจ
            แม่ของเขาเรียกฉันว่า "ลูกสะใภ้" มาตลอดทาง ซึ่งนั่นก้ทำให้ฉันรุ้สึกว่าเป้นส่วนหนึ่งของครอบครัวนี้ไปซะแล้ว ก็คงจะเหมือนกับความรุ้สึกของเขาที่มีต่อครอบครัวฉัน ละมั้ง
      " ค่ะแม่ หนุเตรียมล้างท้องมาเรียบร้อยแล้วค่ะ " ด้วยความเป้นกันเองของคุณแม่ของเขา ทำให้ฉัน กล้าพุดเล่นกับแม่ได้อย่างสบายปาก 
      " อ้าว! พูดงี๊เรอะ เดี๋ยวเจ้ามือหนีแล้วต้องมานั่งล้างจานไม่รุ้ด้วยนะ " เขาพุด

            เราสามคนกินข้าวกันไปคุยกันไป อย่างสนุกสนาน ผลัดกันปล่อยมุขบ้าง แหย่กันบ้าง ไม่มีเบื่อ ฉันชักจะรักครอบครัวนี้เข้าแล้วล่ะสิ
      " นี่! แม่ว่านะ พวกเราอย่าเพิ่งกลับเลยนะ ไหนๆก็มาแล้วนี่ มาถ่าย....ถ่ายอ่ะไรนะ ที่เขากำลังฮิตกันน่ะ " แม่ชวนพวกเรา
      " อ๋อ ! ถ่ายสตูดิโอ ค่ะแม่ " ฉันพูด
      " เอ้อ นั่นแหละ ถ่ายเก็บไว้ดูเล่นๆ ภาพลุกชาย ลูกสะใภ้แล้วก็แม่ ออกมาคงสวยน่าดูเลยเนอะ แม่สวย ลุกชายหล่อ สะใภ้น่ารักอีกคน ฮิฮิ " แม่พุด
            พวกเราไม่รอช้า รีบเดินเข้าไปยังสตูดิโอ 
      " นี่ถ้าแม่สวยกว่าอย่าว่าแม่นะจ๊ะ ลูกสะใภ้ " แม่พุดเล่นกับฉัน
      " โห ! แม่ อย่างแม่นี่คงหมดสวยไปตั้งนานแล้ว จะสุ้ ลูกสะใภ้ไม่ได้หรอกครับ " เขาแหย่แม่
      " เอ้อ ! นี่แน่ะ " แม่ตีหัวเขาไปหนึ่งที 

           หลังจากได้รุปมาแล้ว
      " แม่เอารุปนี้นะ เหมือนครอบครัวเลย " แม่พูดแล้วหยิบรูปไป 
      " อ้าวแม่ไม่เอารุปหมู่ไปหล่ะ เอารุปคุ่ของผมกับยุไปได้ไง เอามานี่ " เขาพูดกับแม่
      " นี่ ! นี่ไงรูปคุ่ยังเหลืออีกรุปนั่นไง มาแย่งอะไรที่แม่หล่ะ " แม่ลูกคุ่นี้ทะลาะกันเพราะรุปคู่ของเรา
      " ได้ไงล่ะ แม่ อีกรุปนั่น ต้องเอาให้ยู เนอะยูเนอะ " เขาพูดกับฉัน แต่ทั้งคู่ยังคงแย่งยังคงแย่ง รูปกันต่อไป 
      " ไม่เป้นไรหรอก เราเอารุปหมู่สามคนไปก็ได้ รูปคู่นายเอาไปเหอะ " ฉันหยิบรุปคุ่ยื่อนให้เขา และหยิบรูปหมุ่ใส่ในกระเป่าสตังของฉัน และในใจก้อยากให้เขาพูดอะไรออกมาสักคำเพื่อแสดงถึงความเสียสละออกมา แต่ว่า....
      " อืม ! ขอบใจมาก ขอบใจมาก งั้นเราเอาไปล่ะนะ " เขาพูดแล้วหยิบรุปลงกระเป๋า 
            เขาเป้นคนที่ไม่ได้มองหรือรู้ถึงความรุ้สึกของฉันเล้ย แม้สักนิดเดียว

            แล้วเราสามคนก้เดินเที่ยวกันต่อ ......อยุ่ๆก็มีเสียงโทรสัพท์ดังขึ้น               
      " ค่ะ เดี๋ยวจะไปนะคะ " แม่จบการสนทนาลงอย่างสั้นๆ แล้วหันมาพุดกับพวกเรา 
      " ยูกับไอ เดินเที่ยวกันต่อนะ แล้วก็ยูถ้าอยากได้อะไรก็บอกเจ้าไอมันนะ แม่มีธุระด่วน เดี๋ยวแม่ต้องไปแล้ว เจ้าไออยาดได้อะไรซื้อเอานะ อ้อ ซื้อให้ลุกสะใภ้แม่ด้วยนะ แม่ไปละ ข้าวเย็นแม่คงไม่ได้กลับไปกินนะลุก ยู แม่ฝากลูกแม่ด้วยนะลุก " แม่พูดด้วยท่าทีที่รีบร้อน แล้วก้เดินจากไป ทิ้งให้พวดเราสองคนอยุ่ด้วยกันอีกครั้ง
            ฉันสังเกตเห็oท่าทีที่เหงาหงอยของเขา เมื่อแม่เดินจากไป ฉันรุ้สึกไม่สบายใจอย่างมาก ที่เห็นเขาเป้นอย่างนี้ แต่ก็ไม่รุ้จะทำไงดี 
      " นี่ ! นายคิดถึงแม่ขนาดนั้นแลยเหรอ " ฉันพยายามจะทำให้เขาหัวเราะ จึงลองแหย่เขา แต่แล้ว...
      " ทำไมล่ะ ! เราผิดเหรอ จะว่าเราเป้นลุหแหง่ก็บอกมาสิ " เขาพูดด้วยน้ำเสียงและหน้าตาที่จริงจังและเดินจากฉันไป ดดดยไม่หันกลับมา ปล่อยให้ฉันเดินคนเดียว ซึ่งนี่ก็เป้นครั้งแรกที่เขาโกรธฉันมากขนาดนี้ ฉันไม่สบายใจเลย

            ตั้งแต่วันนั้น เขาก็ไม่ติดต่อมาอีกเลย เขาจะรุ้ไหมนะว่าฉันเหงา รุ้สึกผิดมากๆ แล้วก็อยากจะขอโทษเขา จนกว่าเขาจะหายโกรธ 

            จนปัจจุบันนี้ ฉันเรียนอยุ่ที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งใน ก.ท.ม. ชั้นปี 4 ฉันต้องไปฝึกงานที่บริษัท แห่งหนึ่ง ซึ่งก็เป้นเรื่องบังเอิญ บังเอิญที่ว่าฉันได้ไปเจอกับใครคนหนึ่งเข้า
      " อุ๊ย ! ขอโทษค่ะ ช่วยเก็บนะคะ " ฉันเดินไปอย่างไม่ทันระวัง จนไปชนกับคนๆนึงเข้า
      " ไม่เป็นไรจ๊ะลูก !  ขอบใจมาก แม่เก็บเองได้ " เธอคนนั้นมีอายุแก่กว่าฉัน แต่ยังสวยเช้ง เหมือนวัยรุ่น อยุ๋เลย ด้วยท่าทางที่รีบร้อน และน้ำเสียงของเธอมันทำให้ฉันรุ้สึกถึงบรรยากาศ บรรยากาศหนึ่งที่ฉันคุ้นเคย แล้วเธอก็เดินจากไปอย่างรวดเร็ว
            ฉันเดินไปเรื่อยๆเพื่อที่จะขึ้นไปพบ บ.ก. ของสำนักพิมพ์นี้ เพื่อรายงานตัว
      " น้องฝากชื่อเอาไว้ได้ไหมคะ เพระาคุณแม่ เอ๊ย บ.ก. เพิ่งออกไปเมื่อกี๊นี่เองจ๊ะ " พี่เลขาฯสุดสวยพุดกับฉัน
      " แล้วเมื่อไหร่ บ.ก. จะมาคะพี่ " ฉันยังไม่วายถามต่อ
      " พี่ก็ไม่รุ้นะ ว่าเมื่อไหร่ท่านจะกลับ น้องจะรอเหรอ คงนานหน่อยนะคะ " พี่เลขาฯพูด
      " ค่ะ ไม่เป้นไรค่ะ หนุรอได้ " ฉับตอบรับ
      " งั้นก็เข้าไปนั่งรอที่ห้อง คุณแม่ เอ๊ย..บ.ก. ก่อนก็ได้นะคะ ทางนี้เลย " พี่เลขาฯ บอกฉัน
            ฉันรุ้สึกแปลกๆกับบริษัทนี้ แต่ในความแปลกนี้ก้ทำให้ฉันรุ้สึกว่าจะเข้ากับทุกคนที่อยุ่ในบริษัทนี้ได้อย่างง่ายดาย

            แอ๊ด..ด..
            ฉันเดินเข้าไปนั่งที่มุมห้องรับแขกของห้องทำงาน 
      " เข้ามาทำไมไม่เคาะประตูก่อนละครับคุณ...ไม่มีมารยาทเอาซะเลยนะ " 
            อยุ่ดีๆก้มีเสียงทำให้ฉันตกใจแทบตาย ก่อนที่จะเถียง
      " อ้าว ! ก็ดิฉันจะไปรู้เหรอคะว่ามีมนุษย์นั่งอยู่ในนี้ด้วยอ่ะ " 
      " คือ...ผมผิดใช่ไหม เนี่ย ที่อยุ่ในห้องนี้ และทำให้คุณตกใจเนี่ย " เขาพูด
      " จะว่าอย่างนั้นก็ได้ค่ะ " ฉันท้าทายเขา 
      " แล้วคุณมาทำไมล่ะเนี่ย " เขาถามฉัน
      " แล้วมันเกี่ยวอะไรกับคุณไม่ทราบคะ " ฉันยังคงโมโหและแกล้งกวนเขาไปงั้น
             ระหว่างนี้ เขาก็กดโทรศัพท์ 
      " แม่ครับ มีใครไม่รู้ครับเข้ามาในห้องแม่ ไม่รุ้ว่าจะเป็นพวก 18 มงกุฏรึเปล่า " เขาพุดกับใครก็ไม่รุ้ ทำให้ฉันโมโหทันที
      " นี่ ! ฉันไม่ใช่พวก 18 มงกุฎ อะไรอย่างที่คุณพูดเลยนะยะ อย่ากล่าวหากันลอยๆอย่านี้สิ " 
      " ครับๆ ให้ผมคัดเองนะครับ ได้ครับ ได้ๆ สวัสดีครับ "
             เขาจบการสนทนาสั้นๆ ห้วนๆ แล้วก็หันมาพุดกับฉัน ทันที
      " คุณคือ..... " เขาพูดด้วยสีหน้าที่จริงจัง 
      " ยู ค่ะ ...น.ส. นริทิรา สมภูมี ค่ะ " ฉันพูดด้วยความมั่นใจ
            เขานิ่งเงียบอ่านประวัติของฉันสักพัก แล้วอมยิ้ม ก่อนที่จะพุดขึ้นมาว่า 
      " เดี๋ยวคุณตามผมออกมานะ " เขาพูดแล้วเดินออกไปข้างนอกห้อง โดยที่ไม่บอกเหตุผล

     "  พี่ตี๊ครับ ต่อโทรศัพท์ถึงแม่ให้หน่อยครับ " เขาพูดกับพี่เลขาให้ต่อโทรศัพท์ถึง แม่ 
     " แม่เหรอ ครับ เดี๋ยวเจอกันที่ร้านเดิมนะครับ ผมกำลังจะออกไป คราวนี้อย่าให้ผมไปรอนะครับแม่ แค่นี้ก่อนนะครับ สวัสดีครับ " เขาพุด
     " เธอตามฉันมา พี่ตี้ครับผมไปก่อนนะครับ อ้อ ! พี่ถ้าไม่มีงานอะไรก็บอกให้พี่ๆเขากลับบ้านกันได้เลยนะครับ ผมไปละ " เขาพูดกับฉันแล้วหันไปพุดกับพี่ตี้ เลขาสุดสวย
     " ไปแล้วค่ะ พี่ตี้ " ฉันกล่าวลาบ้าง
     " จ๊ะ เจอกันพรุ่งนี้นะ " พี่ตี้ พูดอย่างยิ้มๆเหมือนมีเลสนัย 

          ฉันนั่งรถไปกับเขาตามทางที่รู้สึกคุ้นเคย 
      " คุณจะพาฉันไปไหนเนี่ย " ฉันถามเขา
      " เอาน่า ! เดี๋ยวก็รู้ครับ " เขาบอก 
      " คุณมีแฟนรึยังเนี่ย " เขาถามฉันต่อ
      " แล้วจะรู้ไปทำไมล่ะคะ " ฉันแกล้งกวนดู
      " เอาไปแทงหวยมั้งครับคุณ " เขาแกล้งพูด    
      " อ๋อ แล้วก็ไม่บอก 53 ค่ะ " ฉันแกล้งตอบเขาไป
      " ฮะ อายุคุณเนี่ยนะ โหแก่นี่หว่า งี๊จะให้งานดีไหมเนี่ย ไม่อยากใช้งานคนแก่เล้ย เอาจิงๆสิคุณ " เขากวนฉันกลับ
      " เอ ก็ไม่มีอ่ะคะ จะจีบฉันเหรอคะ อิอิ " ฉันแกล้งยิงคำถามโดนๆไปถึงเขา  
      " เฮ้อ เซ็งเลย เจอคนรุ้แกว " เขาส่ายหัวไปมา 
      " ฮะฮะ คุณยังไม่มีแฟนเหรอเนี่ย " ฉันถามเขาดู
      " ไม่อ่ะ ผมเป้นเกย์ เอ๊ย ! ไม่ใช่ ๆ ๆ ๆ ผมรอผู้หญิงคนหนึ่งอยู่ " เขาพูดมา 
            ทำให้ฉันนึกถึง"ไอ" ขึ้นมาทันที เขาจะรู้ไหมนะว่าฉันคิดถึงเขามากๆเลย 
      " ดีเนอะ มีคนให้คิดถึงด้วย อิจฉา อิจฉา " ฉันฝืนใจพูด
      
            สักครู่ก็มาถึงร้านอาหาร...hiTo HitO
            ฉันรุ้สึกคุ้นเคยกับร้านนี้มากๆ เพราะว่ามันเคยเป็นร้าน KaRaSHi มาก่อนน่ะสิ ฉันไม่ได้มานานแล้วแต่ร้านนี้ก็ทำให้ฉันรุ้สึกถึงวันคืนเก่าๆขึ้นมาจับใจ
      " อ้าว ! คุณจะให้ผมอุ้มเข้าไปเหรอ ไม่เดินเข้าไปหล่ะครับ หรือว่านึกถึงอะไรอยุ่ " เขาพูดเหมือนจะรู้อะไรสักอย่าง
      " ค่ะ ค่ะ จะเดินไปเดี๋ยวนี้แหละค่ะ ว่าทีคุณบอสของดิฉัน " ฉันพุด
      " ดีมาก ดีมาก " เขาพูด ฉันเดินเข้าไป แต่รุ้สึกว่าเดินไม่ค่อยสะดวกสักเท่าไหร่ ขามันก้าวไม่ค่อยออก ใจมันสั่นๆ หวิว ยังไงไม่รู้ บอกไม่ถูกเหมือนกัน
     
             เขาดึงเก้าอี้ให้ฉันนั่ง ช่างเป็นสุภาพบุรุษจิงๆเลย ไม่เห็นเหมือนกับ......ไม่เอาสิอย่าคิดอย่างนั้น คนเราไม่เหมือนกันนะ 
      " สวัสดีครับแม่ " เขาทักทาย
      " เจ้าไอ แม่มารอนานแล้วนะจ๊ะ คราวนี้แกต้องเลี้ยงแม่นะ " หล่อนที่เรียกตนว่าแม่ พูดกับเขา 
             เขา .....เขา....เขา ชื่อ "ไอ" หรือนี่ ฉันหันไปจ้องหน้าเขาทันที 
      " แม่ ไม่เอาน่า จุ๊ จุ๊ " เขาทำมือทำไม้ ให้แม่เงียบๆ
      " ทำไมล่ะ ก็แกน่ะแหละ เจ้าไอ  นาย ยาศะ ไทรราช ทำไม มีอะไร สั่งให้ฉันเงียบทำไม " คนชื่อแม่พูด
      " แม่ ผมอุตส่าปิดเอาไว้ เขารู้หมด แม่ทำเสียแผนหมดเลย อ่ะ " เขาพูด
             ฮะ แผน แผน อะไรกันเนี่ย ฉันงงไปหมดแล้ว
      " แผนอะไรของแก เจ้าไอ ไม่บอกแม่สักคำ " แม่ของเขาพูด
      " แม่ เนี่ย ยู แม่จำได้ไหมครับ " เขาแนะนำฉันกับแม่ของเขา
      " อ้อ หนุยูนี่เอง ลุกสะใภ้แม่นี่เอง " แม่พูดพร้อมกับเดินมาหอมแก้ม
           อะไรกันเนี่ย ฉันงงไปหมดแล้ว เชา คือ "ไอ" คนที่จากฉันไปจริงๆเหรอเนี่ย ไม่อยากจะเชื่อเลย แม่จริงๆเหรอเนี่ย แม่ไม่เปลี่ยนไปเลย
      " ยุ ยูเป็นอะไร ทำไมถึงเงียบไปล่ะ " เขาพูด
      " นาย...นาย...นายคือ ไอ เหรอ " ฉันถาม
      " อืม ใช่ ... ผมชื่อ นาย ยาศะ ไทรราช ชื่อเล่นว่าไอ แล้วนี่ก็แม่ผม " เขาพุด 
          ฉันร้องไห้ออกมาโดยไม่รุ้ตัว เขารีบเอาผ้าเช็ดหน้ามาซับน้ำตาให้ 
      " ทำไมนายถึงทำแบบนี้ นายรุ้ไหมว่าเราคิดถึงนายจะแย่ เราเหงามากๆ ไม่มีใครมาส่งเราเลย ทำไม ทำไม " ฉันพูดไม่ค่อยรุ้เรื่อง
      " นี่ไง เราก็อยุ่นี่แล้วไง ไม่ต้องห่วงนะ เรามาอยุ่กับยูแล้ว อย่าร้องเลยนะ " เขาพูด พร้อมกับโอบกอดฉันเอาไว้ในอ้อมแขนของเขา  
     
            ฉันรู้สึกดีใจและเสียใจไปด้วยในตัว ดีใจที่ได้มาเจอกับเขาอีกครั้ง จะมีใครไหมที่ได้เจอะเจอกับคนที่พลัดพราก อย่างฉันคนนี้ และเสียใจที่ตอนนั้นเขาจากฉันไปโดยที่ไม่บอกกล่าวและฉันก้ไม่ได้ทำอะไรดีๆให้กับเขาเลย
      "  ไอ...เธอคงจะไม่ไปจากฉันอย่างคราวก่อนอีกแล้วไช่ไหม " ฉันเช็ดน้ำตา แล้วพูดกับเขา 
      " อืม...เราขอโทษด้วยที่ไม่ได้ติดต่อเธอมาตลอดเวลา 5 - 6 ปี เพราะว่าเรารีบไปเรียนและ เรามีสัญญากับพ่อกับแม่ของเธอด้วย " เขาพูด
      " สัญญาอะไร ทำไมฉันไม่รู้เลยล่ะ " ฉันรู้สึกงง 
      " มันเป็นความลับ "  เขาพูด  นั่นยิ่งทำให้ฉันอยากรุ้เข้าไปอีก ว่ามันเป็นสัญญาอะไร  
      " ????? " หน้าฉันงงจนเครื่องหมายคำถามขึ้นมาอยุ่บนใบหน้าหมดแล้ว
      " อยากรุ้จิงๆเหรอ " เขาถาม
             ฉันได้แต่พยักหน้า 
      " เอาหูมานี่ " เขาบอก

            แล้วเขาก็....กระซิบคำหวานๆที่ข้างหูของฉัน  ทำให้น้ำตาฉันไหลรินลงมาอีกทีด้วยความปลาบปลื้ม ดีใจ อย่างที่ไม่เคยดีใจมาก่อน แล้วฉันก็กอดเขาเอาไว้เพื่อไม่ให้เขาหนีจากฉันไปอีก				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟmoji_kawa
Lovings  moji_kawa เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟmoji_kawa
Lovings  moji_kawa เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟmoji_kawa
Lovings  moji_kawa เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงmoji_kawa