29 ธันวาคม 2547 03:58 น.
				
												
				
								nava
		
					
				
โอ..มหาทะเล
ร่ำเห่เพลงฆ่า-ครืนโศกศัลย์
ฉุดกระชากลากดวงวิญญาณพลัน
ดื่นซากศพทบทัน-มหันตภัยร้าย
เพื่อนถามถึงเพื่อน-พี่ร่ำหาน้อง
อกแม่ร้องก้องฟ้าสะท้อนหาย
คลื่นกลืนร่างวางไว้ในความตาย
มหาทะเลเห่กระหายทลายชีวิต
มิทันเสียงร้องแรกได้แตกพร่า
มิทันคำร่ำลาพลันพรากปลิด
มิทันมีคำรักฝากมวลมิตร
ดิ่งในความมืดมิดสู่วางวาย
โอมหาทะเล
ร้องเห่ระห่ำร่ำกระหาย
ฟังสิเสียงร่ำไห้ในผืนทราย
กลบวิญญาณสลายมิได้คืนเรือน..
.
แด่..ทุกหยาดน้ำตาแห่งมวลชีวิต/และดวงวิญญาณ
ณ ฝั่งมหาทะเลอันดามัน
				
			 
			
				19 ธันวาคม 2547 05:19 น.
				
												
				
								nava
		
					
				
วันเร่-ลอยล่องแรมใจ 
ลำนำแห่งห้วงใดฝากถึง 
ดินอ้าง-ว้างทาง ร้างคำนึง 
ในชั่วยามหนึ่งหนักอึ้งใจ 
ธันวาคมห่มลมคมหนาว 
ดื่นหมอก-ดอกดาวพราวไหว 
รูปเงานานา-มายาใจ 
ขณะความอุ่นร้างไร้จักไขว่คว้า 
กองไฟใต้แสงจันทร์สาด 
จอกแล้วจอกเล่าบาด-คอข้า 
พร่องแล้วเติมเพิ่มแล้วริน-สิ้นทุกครา 
ฟุ้งสรรพนานา-ภาระชีวิต 
สักน้อยหนึ่ง-ซึ่งพันธศรัทธา 
หวนถึงถ้อยวาจา-คราวิตกจริต 
เสี้ยวแดนที่วิถีร้อยเพียงน้อยนิด 
ล้วนแต่ห้วงชีวิตร้างทิศทาง..ฯ 
กาลได้เกลา 
กลับเพียงซากแหว่งเว้าที่เปล่าร้าง 
ค่าที่แท้แค่ที่ทำ-เพียงแผ่วบาง 
ลึกหรือหนาอีกด้านมืดคว้างลอย 
หรือเพียงผ่านนานก็แผ่วแล้วเงียบงัน 
ประพันธกร-โอฝัน-นั้นสุดสอย 
ฝันคือฝันย่อมเช่นนั้นหลงมั่นคอย 
แท้ฝันข้าทยอยย่อยยับไป 
เพียงชั่ววูบชั่ววับขับชัดช้อย 
บนผืนทรายได้ร้อย-ลบรอยใหม่ 
เรียกคืนกลับจับต้องร่องรอยใด 
คงร้างไร้รูปทรงตรงผืนทราย 
กี่มือหมายป้ายเขียนที่เพียรวาด 
กี่ธาตุใจใดวาดกลับขาดหาย 
มือที่คว้าตาที่หวังถั่งโปรยปราย 
ดั่งเลือนลับคลับคล้ายมิร้อน-เย็น 
เถิดส่ำเสียงเพียงเศร้าหรือเจ้าร้าง 
ร่องรอยทางห่างรู้เกินกู่เห็น 
โดยนิ่งสู่ความเงียบแสนเยียบเย็น 
โดยเจ้าเป็นหรือว่าข้าเฝ้าคิด 
โดยมิติด้านใดในลี้ลับ 
หยั่งทอทอดทางกลับลับ-ร่วงปลิด 
หนึ่งใบไม้พรูลงดั่งหลงทิศ 
ค้นก็หม่นชีวิตมืดมิดใจ 
แห่งห้วงใจหม่นใต้อนธการ 
ต่อมายาสามานย์-อสงไขย 
ได้รู้ซึ้งความบ้าเป็นเยี่ยงใด 
อึงอลกู่อยู่ภายในใจข้านี้ 
วันแล้วคืนเล่าเร้าเปล่าค่า 
หน่วงเถิดห้วงน้ำตามาท่วมปรี่ 
หนาวแสนหนาวร้าวหน่วง-ท่วงนาที 
ข้ามิอาจใยดีวิถีใด 
การจากพราก 
มีหรือ? รอยฝังฝากจากห้วงไหน? 
มีไหมการจากลาอย่างอุ่นไอ 
ที่สุดร้องก้องในหัวใจตน 
อาจคือสิ่งที่ไร้ในส่ำเสียง 
โดยถักร้อยค่อยเรียงเสียง-แห่งหน 
อาจเพียงถ้อยร้อยค่าความอับจน 
อย่าเลยความสับสนอันเฉยเมย 
ถึงไหน 
บทกวีเพลงใจเจ้าพึงเอ่ย 
ถั่งความเงียบปิดดาลดูผ่านเลย 
ท่วงทำนองก่อนเคยอย่าร้างรา 
ฟ้าผลิดอกดวงดาวผ่าวลมหนาว 
ข้าปริดอกน้ำตาวาวสิ พราวหน้า 
คลื่นความเหงาเข้าซัดกัดกร่อนตา 
แต่เวิ้งฟ้าเหมือนยิ้มร่า ดั่งท้าทาย 
ฟังสิ!-จิตวิญญาณ 
ร่ำแต่เสียงขับขานที่ผ่านหาย 
เร้าแต่ความหลังที่พังทลาย 
แด่การบุบสลายดอกไม้ใด. 
ข้านิ่งแล้ว.. 
นิ่งในความเงียบแผ่ว-ยุคสมัย 
นิ่งในกรอบกักขังของห้องใจ 
กู่ตะโกนอย่างไรคงไร้แรง 
ด้วยเจ้า 
ผู้ที่ทอ รูปเงาเกลากล้าแกร่ง 
ผู้ที่พาเรือฝันสรรค์เรี่ยวแรง 
ปล่อยลอยร้างอ้างแรมแห่งหนใด 
โอ มิ่งมิตร 
นิ่งในความเงียบสนิททิศทางไหน 
ท่องเวลาแสนดี ณ ที่ใด 
เถิดวิถีทางได้อุ่นอวลตา 
ข้าจักร้าว 
ณ ห้วงหุบแห่งหนาวอย่าเร้าหา 
ข้าไม่มีตัวตนในเวลา 
ปราศจากดวงตาของข้าแล้ว.. 
_____