17 ธันวาคม 2549 04:11 น.

ถ้าค่ำคืนหนึ่ง…...หลับด้วยความอิ่มเอม

SAENG


ถ้าค่ำคืนหนึ่ง...หลับด้วยความอิ่มเอม
(จินตนาการอย่างอ่อนโยน...และอ่อนหวาน...ชวนฝัน)
ถ้าค่ำคืนหนึ่ง... นึกฝัน...สักครั้งหนึ่ง
...ซึ่งนั่งคนเดียวในห้องกว้าง
ถ้าจะปิดไฟ...ที่สว่าง...แต่จืดจาง...กลางห้องนั้น
ครั้นความมืดปกคลุม...........
...ขยุ้มคว้า...หาเทียน...เริ่มบทเรียนในความไม่เห็น
ได้เทียนเล่มหนึ่ง...นึกได้ว่าเป็น...สีนวลขาว
บรรจงจุดเทียนดังกล่าว...แล้วนั่ง................
พลังแห่งการกำเนิดไฟ...ถ่ายทอดสู่ไส้เทียน....ดั่งเกวียนถูกวัวลาก
ดั่งจะพราก...หลอมละลายไขเบื้องล่าง...กลายเป็นไอ
เกิดเพลิงลุกไหม้...ไส้เทียน...ปลดปล่อยพลังงาน..............
นั่งตรงหน้าเทียนส่องแล้วนั่น...
พลันเห็น...เพลิงเริ่มแต่น้อย...เปรียบทารกบุตร
ที่สุด...แจ่มจรัส...ดุจปราชญ์...เดินดง
ก่อนปักลงบนเชิงเทียน...ดั่งตั้งรกราก
ฉากเปลวเทียน...วับวับแวมวาบวาว...ไหวเอน...ฉวัดเฉวียน
คล้ายทดสอบ...ยามลมรำเพย...รำพัน
ควันพวยพุง...ม้วนหมุน...บ้างพลุ่งพล่าน
ฐานเพลิงไต่ไส้เทียน...เหมือนเวียนหยอกล้อ...เหนือบ่อบึงไขหลอม...เฉกนาวา
เฉดเพลิงฟ้า...จรดน้ำเงิน...ส้มเหลือง...รุ่งโรจน์...จรุงส้ม...อมชมพูรวยริน
หลับตาสูดกลิ่น...ดังไอดิน...ประทินฝนแรกเดือนหก...ที่ตกปรอยปริบ
ฟังซิ...ฟังเสียงกระซิบ...พริบพราย...ที่ปลายเทียน...เลียนเสียงกระซิบจากทะเลโพ้น
โดนลมเหน็บหนาว...ยวนเย้ามา
ไม่ลังเลเลยหนา...ไส้เทียน...หรือนะ...สละตัวไม่กลัววายวอด...
นำทอดกระแสไข....ไปเป็นเชื้อไฟ
มอดไหม้ด้วยสันดาป...คงสภาพในวาริน...
สิ้นเป็นถ่าน...เมื่อผ่านไป...ดั่งใจถูกเคี่ยว
เหนี่ยวนำ...ปลายสุดลุกโชน...ด้วยอุณหภูมิ...ส้มเหลืองจรัส...สลัดอำพัน
มีบ้าง...บางเวลา...คล้ายทะเลบ้า...พายุฝน...ดั่งคนเสียจริต...
ทำนบทะเลไขถูกพิชิต...อับปาง
ครืนคราง...นาวาไขไหลพลั้งดังน้ำตก...ด้วยยก...แรงโน้มถ่วง
ล่วงเย็น...ทิ้งไว้เป็นรอยทาง
พลางเพลิง...ทวีโชติชั่ง...ดั่งจะสั่งลา.....
มิเนิ่นช้า...เวลา...นำพาพลวัติ....จักรสมดุล...หมุนผ่าน
โอ้...เปลวเทียนที่อ่อนหวาน...ละลานนุ่มนวล
ชวนสงบ...เด่นกระจ่าง...กลางความมืดมิด
มิผิด...สรรพสิ่งดิ่งไปตามวิถี...
ที่กลางคืน...กลืนความสว่าง...อย่างที่พบ
ที่เห็นสงบ...พบเคลื่อนไหวภายในภายนอก...อ้างบอก...เพื่อดำรง....
ฮือ...จงสงบ...เพื่อพบโลกนิพพาน
ฮือ...จินตนาการ...บรรเจิด

(ในความเป็นจริง...วันนี้...เรียบง่าย...บ้างเพ้อครวญ)
แต่ตรงหน้าเทียนนี้จะทบทวน...
หวนย้อยคิดมองกลับไปเมื่อเช้าตรู่วันนี้...จำได้ดี...มิจาง...มืดลางๆ
ตื่นขึ้นด้วยความชื่นสด...เหมือนมดได้น้ำตาล...ด้วยหลับสนิท
คู่ชีวิตทักทาย...ยิ้มหวาน...จูงมือ
เดินออก...นอกบ้าน...สัมผัส
อากาศเย็น...สดชื่น...ดังกุหลาบบานตอนเช้า...
ชุ่มฉ่ำ...ด้วยฝน...เมื่อคืนนี้
...เช้านี้...ท้องฟ้าครามสดใส...สรรพสิ่งเบิกบาน
สรรพสิ่งเคลื่อนไหว...
นั่งดื่ม...พร้อมคู่ชีวิต...สบายอารมณ์
อาบน้ำ...แต่งตัว...ทานข้าว...ที่เตรียมด้วยกันกับคู่ชีวิต...อิ่มหมี
อาทิตย์ส่อง...อบอุ่น
ออกนอกบ้าน...พร้อมจักรยานคู่ใจ...ที่รักยิ้มส่ง...ตรงหน้าประตู
นอกบ้าน...สรรพสิ่งเริ่มขวักไขว่
ถึงที่ทำงาน...เบิกบาน...ทายทักเพื่อน...ร่วมงาน
แปรเปลี่ยน...สับสน...วายวุ่น...ยุ่งเหยิง...
วูบหนึ่ง...อยากหลับพัก
กลับมา...ร่าเริง...ซาบซึ้ง...สิ่งใหม่
อบอ้าว...โทษอาทิตย์...รวมผู้คน...โมโห...หิว
...เที่ยงวัน...
ครั้นอิ่มท้อง...อิ่มใจ...
หลบนั่ง...ใต้ต้นไม้ใบหนา...หลบอาทิตย์จ้า
ลมโกรก...เคลิ้มเคลิบ...
ได้เวลา...กลับมา...ทำงาน...รับใช้ผู้คน...ผู้คนรับใช้...
รับทั้งผิด...พร้อมทั้งชอบ...ภาคภูมิ
บ้างแม้เหนื่อย...ผันแปร...แล้วแต่อารมณ์สัมผัส
และเวลา.......
เลิกงาน...เข็นจักรยานออกอย่างลิงโลด...ได้กลับบ้าน
พลันนึก...เมื่อวานเย็น...ลมเย็นเอื่อยๆ ...สดใส
รดน้ำต้นไม้...แมวนอนบนกำแพง...
จ้องมองแมลงปอ...เกาะอยู่บนดอกบานเย็น
หมาไล่จับตั๊กแตน...ในสนามหน้าบ้าน...แดดยามเย็นส่อง
แต่วันนี้...
ฝนตั้งเค้า...ฝนที่ตั้งเค้า...เทกระหน่ำ...กลางทางเสียแล้ว
...โอย...โอย..เปียก...ต้องหลบฝน...ดั่งเช่นผู้คน
แบ่งกัน...เสียดเบียด...ชายคา...หลบละอองฝน
บ้าง...อยากเปียก...ให้ฉ่ำใจ...
บ้างจำใจ...หลายเหตุผล
มีบ้างบางคน...กางร่ม...หลากสี
รอนาน...ฝนชา...แม้ยังปรอยๆ...
ต้องไปแล้วละ...แม้จะเปียกบ้าง...หนทางแฉะเฉอะ
นึกขำ...ยิ้มคนเดียว...จนคนเหลียวมอง...
เย็นนี้ไม่ต้องรดน้ำต้นไม้
ถึงบ้าน...
ชื่นใจ...ที่รักยิ้มรับ...
พร้อมกับผ้าขนหนู...เช็ดปอยผม
อาบน้ำแต่งตัว...นั่งมองละอองฝน...ริมหน้าต่าง...
เจ้าแมวขี้อ้อนมานอนอยู่ข้างๆ
ต่างกับเจ้าตูบหลบไปกินอาหาร
ไตร่ตรอง...วันนี้...ได้ทำหลาย...
ไม่ได้ทำ...ไม่เป็นไร...พรุ่งนี้ต้องพยายาม
....ค่ำแล้วนะ...
ทานอาหารเลิศรส...ด้วยกันที่รัก
พูดคุยเรื่องราว...วันนี้
รับฟังเหตุการณ์...บ้านเมือง...อ่านหนังสือ
ท้ายสุด...บอกเธอ...หุ้นส่วนชีวิต...ขอนั่งอีกสักพัก...ก่อนนอน
...ก่อนมานั่ง...
ตรงนี้ที่หน้าเทียน
จิตสงบ..นึกทบทวน...ถึงวันวาน...ผ่านมา
ผ่านคุณค่า...หลายหลาก...มากประสบการณ์
จินตนาการ..ผ่านการไตรตรอง...เมื่อมองหลากมุม
หลากซุ้ม...หลายทัศนา...ชักพา...ความคิดตกผลึก...
นึกวาดฝัน...ว่าวันนี้ที่ผ่านมา...
...ฝน...
...ที่ทำให้คน...เปียกปอน...แน่นอน..บ้างว่าไร้ค่า...เป็นอุปสรรคนานา...
สำหรับใครบ้างคน
ประโยชน์มากล้นสำหรับคนต้องการ
...มองเพียง..บางมุม...บางคน
...แต่ตอนนี้...มุมมองของฉัน...และฝันจินตนา...ว่า...เห็น
...เป็นสะสาร...คือน้ำในแอ่ง...และทะเล...ในที่ราบนั้น...
กว้างใหญ่แลไพศาล
มีคลื่นด้วยลม...กระแสขึ้นลง...โหมกระทบฝั่ง...เป็นนิจ
เป็นแหล่งที่อยู่...ของหมู่สรรพสิ่ง...และพึ่งพิงของ...ภูตพราย
เหือดหาย...กลายเป็นไอ...เบาหวิว...หาหลักไม่ได้...
คล้อยไปด้วยแรงลม...แรงกระทำ...กระแสคลื่นนานา...
เหตุเพราะว่าพลังของ...ของเจ้าแห่งสุริยะระบบ...คือ...อาทิตย์
แลบริวาร...เพื่อนบ้าน...ความดึงดูด...ของโลกและบริวาร...คือดวงจันทร์...เป็นสำคัญ
และสรรพสิ่ง ฯลฯ
ที่ปฐพีนี้...เคลื่อนไหว...เคลื่อนผ่าน
หมุนเวียน...เวียนหมุน...เปลี่ยนมุม
เกิดความแตกต่าง...อุณหภูมิ...ภูมิ...ฤดู...กาลเวลา...สรรพสิ่ง....สรรค์สร้าง
สมดุลยภาพ...ในอวกาศ...จักรวาล...จักรภพ
จากน้ำกลายเป็นไอ...แอบแฝงพลัง...มองไม่เห็น...
แต่สัมผัสได้
เกิดอันตรกิริยารวมกัน...กลายเป็นเมฆ..หลากพรรค์...หลายพรรณ...
เป็นพันชนิด
เคลื่อนคล้อย...ลอยเลื่อน...ไปตามกระแส...ความหนาแน่น
พลังแห่งการผลักดัน...ก่อเกิดความไม่เท่าเทียม...และกีดกัน
ผ่านท้องที่มากมาย...ทั้งที่อุดมสมบูรณ์...แม้แต่ท้องทุ่งแห้งแล้ง
ผ่านอารยธรรม...รุ่งเรือง...ถดถอย...ซากปรักหักพัง...
แตกต่างกัน...ทั้งในอารมณ์...วรรณะ...ชนชั้น
สู่ความอ่อนโยน...อ่อนละมุน...อ่อนเย็น
แห่งเทือกเขา...หุบผา..ตลอดจนทิวไม้
เกิดการแลกเปลี่ยน..ถ่ายทอด...ความเท่าเทียม...สมดุลยภาพ
สู่อากาศ...ดินแดน...แผ่นดิน...แวดล้อม
มีบ้างที่ครึกโครม...ด้วยเสียง...แปลบปลาบ...ด้วยสายฟ้า
กึกก้อง...ทั่วแผ่นฟ้า...ปฐพี...
บ้างทำลาย...
เป็นที่หวั่นเกรง...หวาดหวั่น...ของผู้ขวัญอ่อน...ในที่ราบ...และภูผา
แต่นั่นเป็นเพียงการสู่สมดุล...การเดินทาง...ในความคิดของผู้ไม่หวาดหวั่น
บ้างกลั่นกลายเป็นผลึก...ราวอัญมณี...ของราชินีผู้ยิ่งใหญ่
บริสุทธิ์...ยากจะบรรยายให้เห็น
แล้วแปรสภาพ...เป็นหยดหยาด..ใสเย็น...
ไร้สี...คงไอความสดชื่น...ปลอดโปร่ง...ชื่นฉ่ำ...
หยาดฝนเม็ดน้อย...รวมกัน...เป็นแหล่งน้ำ..เป็นที่อาศัย...แฝง...ของสรรพสิ่ง...ชั่วดี
ที่เป็นห้วย...คลอง...ครอบครอง...ไหลรวมกันกลายเป็นกระแสสินธุ...เล็ก...ใหญ่
ทั้งบนดินแดนและใต้แผ่นดิน
...ไหลสู่เบื้องล่างหุบเขา...ที่ราบ
และย่อมกัดเซาะ...และทำลาย...
นำความร่มเย็น...ชักนำความอุดมสมบูรณ์...พูนสุข...สู่เบื้องล่าง...อันเป็นที่ลุ่ม
สัตว์น้อยใหญ่...ทั้งที่ดุร้าย...และน่าเอ็นดู
พืชพรรณ...พันธุ์หลาก...ดูดซับ...
แก่งแย่ง...นำพาความเจริญงอกงาม...หรือทำลาย
ผ่านท้องทุ่งน้อยใหญ่...ที่สรรค์สร้าง...
ที่ต้องการ...นิ่งเฉย..หรือบ้าง...ดูเป็นสิ่งไร้ค่า
บ้างครั้งนำพา..หยาดน้ำตาแห่งความปิติ
ความหวัง...สิ้นหวัง...
รอยยิ้มด้วยจริงใจ...ใจจริง...บ้างประสงค์ร้าย
ทั้งที่ยากไร้..ขื่นขม...ทุกข์ตรม...และเหล่ามั่งมี
เพิ่มชีวิตให้ถิ่นแห้งแล้ง...แม้ทะเลทราย
ให้ชีวิตได้ทางออก...
ผ่านศิวิไล...แหล่งวัฒนธรรม...
...และปนเปื้อน...แหล่งเสื่อมโทรม...โซมกาย...
กลับสู่แหล่งเดิม...
ทิ้งความอุดม...สรรค์สร้าง...เลือกสรร...ทำลาย...ไว้เบื้องหลัง
และบ่อเกิดสรรพสิ่งใหม่...เป็นอนุสรณ์...
ก่อนกลับสู่อ้อมกอดจากบ้าน...คือทะเล..ที่จากไป
ดั่งเด็กน้อย...ได้อ้อมกอดแม่ยามหิวนม...
นี่เป็นพลวัติ...วัฏจักร...เป็นความจริง..
ถ้ามีพันธะ...ย่อมมีกรรม...ย่อมสู่...วัฏ
ความจริง...เป็นปรัชญา...โกหก...หลอกลวง...ไม่จริง...ก็เป็นปรัชญา
แท้จริงทุกอย่าง...ไม่ปราชัย
ความจริง...คือความไม่เที่ยง....มีแปลเปลี่ยน...พลวัติ
................................ฯลฯ.........................................
ความจริง...ที่มหาบุรุษโคดม...ค้นพบ
ในบรรดาความจริงนับไม่ถ้วน
ประดุจ...ใบไม้ในป่าใหญ่
เป็นความจริง...ที่ยิ่งใหญ่
เป็นคู่มือเดินทาง...เพื่อหยุดทางเดิน
................................................................................
...ค่ำนี้เหมาะที่เริ่มเรียนรู้...นั่งคิด...ทบทวน...ตกผลึก...
...ค่ำนี้จะเรียนรู้ความจริง...ปรัชญา...ที่ง่ายก่อน
...เพราะความสงบที่ได้สัมผัส...รู้แล้วว่าสว่าง...ได้สมาธิ
...พรุ่งนี้...คงได้เรียนรู้...มากขึ้น................
...วันต่อๆ ไป...คงได้สะสม...
...แม้ไม่มุ่งนิพพาน...แต่จะสะสม...

คืนนี้จะหลับสบายด้วยอิ่มเอมปัญญาดีของตัวเอง

แด่ลุงจิรพัฒน์ จันทร์ ช่วง 
หน่วยกิจกรรมนักศึกษา คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่ ผู้เป็นส่วนหนึ่งของประสบการณ์ ในวันเกษียณ 31 ตุลาคม 2548
แด่พ่อช่อย แม่บุญชู ทองสีนุช
ผู้ที่ทดแทนพระคุณไม่หมดในชาตินี้
แด่ย่ากัน ภักดีสุวรรณ ยายชุม และตาหว่าง ปานสีนุ่น 
ผู้ล่วงสำหรับความทรงจำที่ดีในวัยเด็ก
แด่พี่ยินดี จันทร์ทัง บ่าวปรีชา ทองสีนุช บ่าวฑาชาย ทองสีนุช พี่สายเชียง เต็งมีศรี และน้องจันทร์เพ็ญ อินสุวรรณ พี่ศิริญญา ภักดีสุวรรณ และญาติพี่น้อง
	ผู้พี่น้องที่เป็นพี่น้อง
แด่สาวิตรี ทองสีนุช (โมลี) และครอบครัวของเธอ
	ผู้อันเป็นที่รักและรัก
แด่ครูอาจารย์ ที่เคารพ
แด่ผองเพื่อน
แด่พระวัดโคกนาว อรรถกระวีสุนทร ทีมีพระคุณทุกรูป
แด่เธอคนนั้นที่อยากจะเอ่ยนาม
แด่เจ้าสีนิล แมวขี้อ้อนผู้ล่วงลับ เจ้าสีนวล แมวชรา
แด่สุนัขที่เราเลี้ยง
แด่นางลางสาด ควายผู้ขยันไถนา ให้ทายาท นึกถึงทีใดน้ำตาตก ผู้เดินสุดทางแล้ว 
ไม่มอบแด่ศัตรูเพราะไม่มีศัตรูให้มอบ
				
1 กันยายน 2549 21:55 น.

ความรู้สึกแง่ลบ

SAENG


ความรู้สึกแง่ลบ......จากกรุงเทพฯ
เปลี่ยนฉันจากจิตอ่อนโยนแบบอ่อนเยาว์...เอื้อเฟื้อ
เป็นจิตกระด้างแบบอ่อนแอ...เห็นแก่ตัว
รู้สึกได้เมื่อกลับบ้าน....บ้านที่เคยอยู่...ตอนเยาว์
ไม่ใช่เพราะอายุมากขึ้น...
แต่สังคมที่นั้นสอน...จนฉันแตกต่าง...
แปลกแยก...จากบ้านฉัน
ต่อนี้ฉันต้องเป็นเหมือนเก่า...เช่นเยาว์วัย
อยู่บ้าน...บ้านที่เยาว์วัย
				
27 กุมภาพันธ์ 2546 01:15 น.

หวาม

SAENG


ในมโนภาพปราบปลื้มจนลืมทุกข์
แม้เจ้าของสุขซ่อนซุกเร้นอยู่
แว่นแผ่นฟ้าใต้เงาจันทร์วรัญญู
พราววาวดาวหมู่เฝ้าดูเชยมอง
นวนเอ๋ยจันทร์คืนแจ่มแฉล้มหวาน
แผ่วทิวาวานดวงมาลย์ใสผ่อง
แพรวระยิบระยับขาววับต้อง
หวิวหวามหวาบจ้องนวลน้องนางเอย
				
19 กันยายน 2545 22:51 น.

หรือจะกลับสู่ที่เดิม......เป็นวัฏจักร

SAENG

ฉันจินตนาการว่า...........
ฉันเห็นสสาร คือน้ำในแอ่งและทะเลที่ราบนั้น  เหือดหายกลายเป็นไอเบาหวิวหาหลักไม่ได้  ด้วยแรงลมและกระแสนานา  ด้วยเหตุแห่งพลังของเจ้าจักรวาลนี้ (คือดวงอาทิตย์) กลายเป็นเมฆหลายชนิด  เคลื่อนคล้อยลอยไปตามกระแสแห่งความแตกต่างของความหนาแน่น  และความแตกต่างของความผลักดัน ที่ก่อเกิดจากความไม่เท่าเทียมกันของอุณหภูมิ
	ผ่านท้องที่มากมาย  ทั้งที่อุดมแม้แต่ท้องทุ่งแห้งแล้ง ผ่านอารยะรุ่งเรื่องและถดถอย  แตกต่างกันทั้งในอารมณ์และวรรณะ  สู่ความอ่อนโยน  อ่อนเย็นแห่งเทือกเขา หุบผา แม้แต่.....ทิวไม้ เกิดการแลกเปลี่ยนแห่งสมดุลยภาพ บ้างกลายเป็นผลึกหนาแน่นราวอัญมณี  แล้วรวมตัวกันเป็นสีแห่งความบริสุทธิ์  และแปลงสภาพเป็นหยดไหล.......บ้างก็กลั่นตัวเป็นหยดใสตั้งแต่ต้น ไร้ซึ้งสี สดชื่น ชื่นฉ่ำ และปลอดโปร่ง.... แล้วรวมกันเป็นกระแสธาร......ไหลสู่เบื้องที่ต่ำ  คือหุบเขา   นำพาความร่มเย็น  สายธารบ้างอาจย่อมเซาะและทำลาย   แต่......ชักนำความสมบูรณ์สู่เบื้องล่าง......อันเป็นที่ราบ   สัตว์น้อยใหญ่ดูดซับและแก่งแย่ง นำพาความเจริญและอาจทำลาย......... ผ่านท้องทุ่งน้อยใหญ่ที่สรรสร้าง มีทั้งทีต้องการ นิ่งเฉยและไร้ค่า....... บางครั้งนำพาหยาดเหงื่อ หยาดน้ำตา ความหวัง ความหลังและสิ้นหวัง........หรืออาจมีรอยยิ้มเปื้อนน้ำตาแห่งความปิติของผู้ที่ยากไร้ขื่นขม สิ้นหวัง  และเหล่าผู้มั่งมี....... เพิ่มชีวิตให้ถิ่นแห้งแล้ง  แม้ทะเลทราย ผ่านศิวิไลแห่งวัฒนธรรมและปนเปื้อนแหล่งเสื่อมโทรม...... กลับสู่แห่งเดิม............ คือแอ่งและทะเล ทิ้งความอุดมและทำลายไว้เบื้องหลัง และบ่อเกิดแห่งสรรพสิ่งใหม่ ตรงทางเข้าแหล่ง......คือแอ่งและทะเล
	เหตุเกิดเพราะสิ่งเดียว.....คือน้ำหนัก....ถ้าเธอมีสิ่งพันธนาการ เธอย่อมเข้าสู่วัฏจักร.........
	ฉันหวัง........ฉันจะไปจากวัฏจักร...........ฉันจินตนาการ				
19 กันยายน 2545 22:47 น.

..............ถ้าแหงนมอง...........ก็จะเห็นความหวัง

SAENG

น้ำที่ไหลเซาะผ่านหุบเขา.....ย่อมร่มเย็น
สายธารชักนำความอุดม....ย่อมสู่ที่ราบลุ่ม...และอาจตื้นเขิน
พืชสัตว์พันธ์ดูดซับ....ย่อมเจริญงอกงาม
วิทยาการ....ย่อมสะสม...และถ่ายทอด
ก้าวหนึ่ง....ย่อมคือประการณ์
หนึ่งกาลเวลา....ย่อมสู่ความแตกฉาน
เบื้องบนคือฟ้ามืด.....มิมีเมฆ...แต่ย่อมเป็นความแพรวแสงแห่งดาวน้อยใหญ่
คือ....ความถวิลของเธอ
แล้วแต่จะใฝ่คว้า				
Lovers  0 คน เลิฟSAENG
Lovings  SAENG เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟSAENG
Lovings  SAENG เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟSAENG
Lovings  SAENG เลิฟ 0 คน
  SAENG
ไม่มีข้อความส่งถึงSAENG