19 ตุลาคม 2546 02:27 น.

สายใยมหัศจรรย์แห่งมิตรภาพอันแท้จริง

tir

เพื่อนรักของฉัน

	แม้จะเนิ่นนานเกินนับนิ้ว  กับกาลเวลาที่หลนหายไป  นานแล้วที่ไม่ได้พบเห็นหน้า  ไม่ได้พูดจาประสาเพื่อนรักกันเหมือนเคยแต่เต่างก็รู้ดีว่า  สายใยแห่มิตรภาพที่เราร่วมถักสาน  นับตั้งแต่วันแรกที่สะกดคำว่า  เพื่อน  ด้วยกันมานั้น  ยังคงระโยงระยางเป็นเส้นใยเหนียวแน่นอยู่ในห้องของความทรงจำ


แมงมุมเพื่อนรัก แม้จะเป็นแค่หนังสือสำหับยาวชนชุดก่อนนิทรา  แต่มันเป็นหนังสือเล่มแก  ที่ทำให้เรามองเห็นเส้นใยแห่งมิตรภาพแท้จริงได้อย่างชัดเจน  ชีวิตไม่อาจเลือกเกิดได้  มันอยู่เหนือความสามารถของพระเจ้าที่มนุษย์เกิดมามีโชคเท่ากันทุกคน  แต่พระเจ้าก็มักจะเข้าข้างมนุษย์ที่บอบบาง  อ่อนแอให้มีโชคที่วิเศษยิ่งกว่าโชคใดๆ  คือการได้มี  เพื่อนแท้  เป็นเรื่องที่น่าคิดไม่น้อยว่าทำไมคนยากจน  มักจะมีเพื่อนรักที่ยอมตายแทนกันได้มากกว่าเศรษฐีมีเงิน  ทำไมประธานาธิบดี  จึงมีเพื่อนี่จริงใจไม่ได้เท่าที่กรรมกมี

เหมือนที่  วิลเบอร์  ลูกหมูใน  แมงมุมเพื่อนัก  ซึ่งเกิดมาอ่อนแอ  ตัวเล็กบอบบางจนเหมือนหนูมากกว่าหมู  เจ้าของจึงจะฆ่ามันทิ้งเพราะไม่อยากเป็นภาระเลี้ยงดู  โชคดีที  เฟิร์น  หนูน้อยวัย  8ขวบ  หยุดมือที่ถือขวานของพ่อไว้ด้วยค้ำองขอต่อชีวิตวิลเบอร์ว่า  ช่วยไม่ได้เลยที่มันบังเอิญเกิดมาตัวเล็ก  ถ้าหนูเกิดมาตัวเล็กอย่างมันล่ะ  พ่อจะฆ่าหนูไหมนะ  หนูน้อยเลือกหมูน้อยตัวเล็กและขี้โรคเป็นเพื่อน  และความเป็นเพื่อนนั่นเองที่ฉุดมันให้อดจากความตายเป็นครั้งแรก  สังคมแห่งกาแก่งแย่งชิงดีชิงเด่นเช่นทุกวันนี้พยายามสอนให้มนุษย์เชื่อและยึดในคำพูดที่ว่า  โลกนี้ไม่มี่ว่างเหลือให้คนอ่อนแอ  แต่ไม่มีใครเคยสอนว่า  สงครามมักจะเริ่มต้นจากคนที่เข้มแข็ง  ซึ่งทำให้โลกมีที่ว่างเหลือมากเกินไป  บางที่ในอนาคตอันใกล้  โลกอาจเหลือเพียงโลกเปล่าๆไม่มีผู้คนและไม่มีมิตรภาพใดๆเหลืออยู่  ถ้าปราศจากคนอ่อนแอที่ต้องการเพื่อน  และเข้มแข็งที่ต้องการเป็นเพื่อนกับคนอ่อนแอ


เพื่อนรัก  เธอเป็นผู้หญิงตัวเล็กผอมบาง  บางสวนของชีวิตเธอหายไป  นับตั้งแต่วันกี่เธอถูกทำให้เกิดมาในโลกนี้อย่างโดดเดี่ยว  ไม่มีแม่  เมื่อโตขึ้นบ้านก็ค่อยๆหายไปฉันจึงดีใจที่เธอบอกกับฉันเสมอว่า  เพื่อน  ช่วยทำให้ชีวิตบอบบางของเธอแข็งแรงขึ้น

อย่าหายใจแรง  เดี๋ยวชีวิตจะปลิวหาย  เพื่อนๆพูดหยอกล้อเธอเสมอ  เมื่อเห็นผู้หญิงร่างบางเล็กอย่างเธอเผลอถอนหายใจแรง  เธอจะมองหน้าเพื่อนแล้วถามกลับ  พวกแกกำลังสอนอะไรฉันอีก  เรื่องชีวิตนั้น  ฉันรู้ดีว่าฉันสอนไม่ได้หลอก  เพราะขณะที่ฉันเรียนรู้ชีวิตจากความคิด  แต่เธอเรียนรู้ชีวิตและด้วยชีวิตของตัวเอง  จะมีก็แต่มิตรภาพเท่านั้น  ที่เราจะใช้หัวใจเรียนรู้เพื่อนไปพร้อมๆกัน

เมื่อวิลเบอร์โตขึ้น  กลายเป็นลูกหมี่อ้วนท้วนสมบูรณ์จากความรักเอาใจใส่ดูแลที่หนูน้อยมีให้มันเสมือนเพื่อนคนหนึ่งวิลเบอร์จึงจะถูกขายต่อพ่อค้า  พ่อของหนูน้อยบอกกับเธอว่า  ลูกเลี้ยงมันมา  สนุกกับมันมากพอสมควรแล้ว  เดี๋ยวนี้มันโตพอที่ควรจะขายเสียที  ฉันรู้สึกเศร้าใจ  เมื่อได้ยินผู้ใหญ่บังคับให้ลูกของตัวเองเลิกคบกับเพื่อนบางคน  ด้วยมองเห็นแค่มุมที่ลูกและเพื่อนชวนกันออกไปเที่ยวเตร่สนุกสนาน  โดยไม่ยอมมองมุมที่ลูกกับเพื่อนกอดคอกันร่วมทุกข์  การจะมอง  เพื่อนของใคร  ที่ไม่ใช่เพื่อนเ  จึงต้องใช้หัวใจที่ละเอียดมองแทนดวงตา  ซึ่งเคยชินกับการมองเห็นวัตถุเพียงไม่กี่ด้าน  แต่ไม่สามารถมองลึกเข้าไปข้างในได้แท้จิงแล้วฉันเชื่อว่ามี่ใครที่จะมีเพื่อนไว้แค่เล่นสนุกสนานเมื่อหมดสนุกก็ผลักเพื่อนออกจากชีวิต   แต่เพื่อนคือส่วนหนึ่งของชีวิต  มิใช่ครื่องเล่นในสวนสนุกแต่อย่างใด

โชคดีอีกครั้งของเจ้าหมูน้อยที่เฟิร์นไม่ได้คิดว่าเธอเป็นแค่หมู  แต่คิดว่ามันคือเพื่อน  หนูน้อยจึงขอให้พ่อเธอขายมันให้กับลุงของเธอเพื่อี่เธอจะได้ไปเยี่ยมเพื่อนคนนี้ดุ้กเวลาที่ต้องการ  และในโรงนาบ้านใหม่แห่งนั้นเอง  วิลเบอร์ได้พบเพื่อนใหม่มากมาย  ไม่ว่าจะเป็นห่านี่พูดติดอ่าง  รังเกียจจะเป็นเพื่อนกับหมู  เจ้าหนู  เมเปิลตัน  ซึ่งจะช่วยเพื่อนก็ต่อเมื่อมีสิ่งแลกเปลี่ยน  และเพื่อนใหม่ที่ชื่อ  ชาร์ลอตต์  หมูน้อยไม่คิดว่ายามี่มันแสนเหงาอยู่ในเวลานี้และต้องการเพื่อนมากที่สุด  มันจะได้เพื่อนเป็นแมงมุมวึ่งแฝงตัวจ้องมองวิลเบอร์อยู่บนเพดานโรงนา  และเฝ้าอคอยี่จะได้เป็นเพื่อนกับมันมาตั้งแต่วันแรกสำหรับคนสองคนที่ได้กลายเป็นเพื่อนรักของกันและกัน  ฉันเชื่อว่าเขาและเพื่อนจะต้องเคยคุยกันว่า  อะไรให้เมารู้จักและกลายเป็นพื่อนรักของกันและกันได้?

ถ้าเธอจำได้  ครั้งหนึ่งเธอเคยพูดถึงความเป็นเพื่อนี่เกิดขึ้นของเราว่า  แกอาจคิดว่าแกพลัดหลงเข้ามาในชีวิตฉันก็ได้แต่สำหรับฉันนั้น  ฉันตั้งใจที่จะเดินเข้ามาเป็นเพื่อนกับแก  ฉันรู้ดีว่าเธอพูดด้วยความน้อยใจในชีวิตที่ขาดหายไม่สมบรูณ์ของตัวเอง  แต่ขอให้เชื่อเถอะว่า  สำหรับความเป็นเพื่อน  ไม่มีใครที่จะเดินพลัดหลงเข้ามาในชีวิตของใครได้เพราะทุกคนมีสิทธิ์ที่จะปฏิเสธใครให้มาเป็นเพื่อน  และเลือกใครให้เป็นเพื่อนด้วยตัวเอง  เหมือนที่ชาร์ลอตต์ตั้งใจเดินเข้ามาเป็นเพื่อนของวิลเบอร์  และวิลเบอร์ที่เคยหวาดระแวงในมิตรภาพของเพื่อนใหมี่มีแดขา  มีขนตามตัวดูน่าขยะแขยง  แต่มันได้ให้โอกาสตัวเองี่จะเรียนรู้เพื่อนใหม่  จนสุด้ายมันพบว่า  แมงมุมอย่างชาร์ลอตต์นั้นเป็นเพื่อนี่มีน้ำใจงดงามเพียงใด

การเปิดใจให้ใครบางคนข้ามาเป็นเพื่อน  และเรียนรู้นิสัยของเขา  ก่อนที่จะตัดสินใจแค่ตี่เห็น  ฉันจึงถือว่ามันคือการ  ให้โอกาสตัวเอง  มากกว่าจะเป็นกา  ให้โอกาสคนอื่น  เพราะเมื่อเพบว่าเขาคือเพื่อนแท้  มันจะเป็นางวัลยิ่งใหญ่ของชีวิตี่ได้มาฟรีๆ  โดยไม่ต้องลงทุนอะไรเลย

วิลเบอร์เต็มไปด้วยความเศร้าโศก  เมื่อรู้ข่าว้ายที่มันจะถูกฆ่าเพื่อเอาเนื้อไปขาย  ชาร์ลอตต์ไต่เข้ามาอยู่ใกล้ๆ  มันปลอบโยนว่ามันจะช่วยไม่ให้วิลเบอร์ตาย  ทั้งที่มันยังนึกไม่ออกเลยว่าจะช่วยเพื่อนอย่างไร

เธอเคยเป็นไหม  ที่เห็นเพื่อนรักร้องไห้จมอยู่กับปัญหาที่หนักอึ้ง  แม้รู้ดีว่ามือของไม่อาจแม้แต่จำให้ภูเขาที่เพื่อนแบกไว้ทั้งลูก  ขยับไหวได้แค่เพียงเล็กน้อย  แต่เราก็ยังพูดปลอบโยนเพื่อนด้วยความห่วงใย

แม้ว่าไม่อาจช่วยเพื่อนแก้ปัญหาบางปัญหาได้  ก็อย่าลังเลที่จะไปอยู่เป็นเพื่อนเขา  เพราะบางทีแค่การได้รู้ว่ายังมีเพื่อนยืนเคียงข้าง  ในยามที่ชีวิตต้องกาใครสักคน  นั้นก็เพียงพอที่จะลายภูเขาด้วยตัวเขาเอง

สำหรับชาร์ลอตต์  หลังจากี่มันรับปากว่าจะทำทุกอย่างเพื่อช่วยไมให้เพื่อนของมันต้องถูกฆ่า  มันได้แต่ครุ่นคิดหาหนทางที่จะช่วยเพื่อนให้ได้

คืนหนึ่งขณะที่ทุกชีวิตหลับใหลอย่างมีความสุข  ชาร์ลอตต์  ได้ทำสิ่งที่ตัวเองเคยคิดไม่ออก  และไม่คิดว่ามันจำได้    มันใช้เวลาทั้งคืน  ไม่ยอมหลับหรือหยุดพักแม้แต่วินาทีเดียว  เพื่อถักเส้นใยให้เกิดตัวหนังสือว่า  หมูวิเศษ  อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยและงดงามที่กลางใยแมงมุมใหญ่

มันทำให้เพื่อนของมันซึ่งเป็นหมูธรรมดาๆๆ  ตัวหนึ่ง  กลายเป็น  หมูวิเศษ  ในสายตาของคนทั่วไ  จนวิลเบอ์รอดพ้นจากการถูกฆ่า  ชาร์ลอตต์รู้ว่าไม่มีหมูตัวใดจะโชคดีเท่าตนที่ได้มีเพื่อนแท้  มันจึงรู้ถึงคุรค่าของมิตรภาพว่าเป็นสิ่งที่มันปารถนากว่าสิ่งใดในโลก

เพื่อนรัก  ความรักที่มีอยู่มากมายหลายประเภทในโลกนี้มีเพียงไม่กี่อย่างหลอกที่เจะเยกมันต็มปากว่าเป็น  ของจริง  นิทานเองแมงมุม  ใกล้จบลงแล้ว  ในสองบทสุดท้ายของเรื่องที่แสนสะเทือนใจ  และประทับใจจนทำให้เราร้องไห้อีกแล้วต่างจากี่แคยเสียน้ำตาให้กับมันเมื่ออ่านครั้งแรกๆ

ครั้งนั้นเราร้องไห้กับชาร์ลอตต์  ที่ตามไปช่วยถักใยให้วิลเบอร์ชนะเลิศในการปะกวดหมูประจำปี  ซึ่งจะทำให้วิลเบอร์มีชีวิตี่ยาวนานขึ้น  โดยมันไม่ยอมปริปากบอกเพื่อนของันเลยว่ามันกำลัง้องแก่และอ่อนแงเต็มที  แม้มันจะรู้ว่าหากใช้พละกำลังที่เหลืออยู่น้อย  ถักสายใยให้เพื่อนแล้วมันจะต้องตายลง  แต่มันก็ได้เลือกที่จำเพื่อเพื่อนของมัน  โดยไม่กลัวที่จะต้องแลกด้วยชีวิต  เส้นยี่มันมีโอกาสถักสานเป็นตัวหนังสือมอบให้เพื่อนของมันเนครั้งสุดท้ายคือคำว่า  อ่อนโยน  

ตั้งแต่นั้นชาร์ลอตต์ก้ขยับเขยื้อนไม่ได้อีกเลย  วันรุ่งขึ้นร้านรวงถูกรื้อถอนขนกลับไป  ชิงช้าสวรค์  ม้าแข่ง  สิ่งของต่างๆๆฯลฯ จนบริเวณงานโล่งกลายเป็นที่ว่างเปล่า  ชาร์ลอตต์ตายในวันนั้น  ทุกสิ่งเงียบสงัด  เหลือไว้แต่ขวดเปล่าและกองขยะกลาดเกลื่อน  ไม่มีใครสักคนจะรู้ว่าชาร์ลอตต์ผู้มีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในงานนี้  ต้องนอนตายอยู่เดียวดายในบริเวณงานนั่นเอง

เธอเคยสงสัยไหมว่า  ทำไมคนบางคนพร้อมจะทำทุกอย่างเพื่อเพื่อนโดยไม่คำนึงถึงว่าตัวองจะเดือดร้อนแค่ไหน  หรือว่าขำเพราะอยากให้เพื่อนักเขาทำเพาะว่ารักเพื่อน  เหมือนที่วิลเบอ์ถามชาร์ลอตต์ด้วยความตื้นตันว่า

ทำไมเธอช่างดีต่อฉันเสียเหลือเกิน
ดีจนไม่มีทางตอบแทนเธอได้เลย

เธอเป็นเพื่อนฉัน  ชาร์ลอตต์ตอบ

นั่นเป็นกาเพียงพอแล้ว  เราทำเพื่อเธอก็เพราะเรารักเธอมาก  อีกอย่างหนึ่งชีวิตมายถึงอะไร  เราเกิดมาในไม่ช้าเราก็ตาย  แมงมุมไม่เคยทำประโยชน์ให้ใครนอกจากชักใยให้รกโลก  การที่เราช่วยชีวิตเธอไว้  อาจทำให้ชีวิตของฉันมีค่าขึ้นบ้างกระมัง

มีอะไรซ่อนอยู่ในคำพูดของชารลอต์มากมาย  เพียงแต่ใครจะใช้หัวใจของความเป็นเพื่อนค้นพบ

ก่อนที่ชาร์ลอตจะตายไปจากโลกนี้อย่างเดียวดายวิลเบอร์ตอบแทนความเป็นเพื่อนให้มันเป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้ายด้วยการอบรังไข่ของชาร์ลอตต์ไว้ที่ปลายลิ้น  ขณะที่มันถูกต้อนเข้ากรงวิลเบอร์แหงนขึ้นไปหลิ่วตาให้ชาร์ลอตต์ ซึ่งชาร์ลอตต์ก็รู้ว่าวิลเบอร์ต้องการกล่าวคำอำลา  แต่ทำไม่ได้  ชาร์ลอตต์รู้และมั่นใจด้วยอีกว่าลูกๆ  ของตนจะปลอดภัย

ตลอดฤดูหนาว  วิลเบอร์เฝ้าระมัดระวังถุงไข่ของชาร์ลอตต์ราวกับลูกแมงมุมี่จะออกมั้งหมดนั้นเป็นลูกของตัวเองวิลเบอร์จะนอนอยู่ใกล้ๆเพื่อให้ลมหายใจของมันช่วยให้อบอุ่นขึ้นและเมื่อลูกๆของชาร์ลอตต์ออกมาเป็นตัว  แม้ลูกแมงมุมเหล่านั้นจะย้ายไปจากโงนาที่วิลเบอร์อยู่  แต่จะมีแมงมุมเหลือสองสามตัวที่อยู่เป็นเพื่อนกับวิลเบอร์และมันจะเล่าถึงตำนานความเป็นเพื่อนที่ชาร์ลอตต์มีต่อมันให้ลูกๆของชาร์ลอตต์ฟัง

ความเป็นเพื่อนของเรากับเธอ  ก็ไม่ต่างจาก  แมงมุมเพื่อนรัก  มันจะเป็นตำนานที่เราจะเล่าให้ลูกหลานฟังในวันข้างหน้าอย่างไม่มีบทอวสานของความเป็นเพื่อน  เป็นสายใยมหัศจรรย์ที่จะถูกโยงไว้ด้วยกันตลอดกาล				
17 สิงหาคม 2546 09:25 น.

ล้วนลวงหลอก ละเลย และลืมเลือน

tir

ความสัมพันธ์ระหว่างเรากระชับแน่นขึ้น  มิตรภาพจากโลกเสมือนผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ต่างๆกลายมาเป็นมิตรภาพที่งอกงามผ่านจิตใจ  บทสนทนาระหว่างเราเปลี่ยนแปลงจากเรื่องดินฟ้าอากาศ  มาเป็นเรื่องของความรู้สึกนึกคิดข้อมูลส่วนตัวที่เราเคยพิมพ์ถามกันบ่อยครั้งผ่านตัวหนังสือในระบบ  แชท  ก็จางหายไปจากหัวข้อสนทนา  เราเริ่มจดจำรายละเอียดในชีวิตระหว่างกันเราค่อยๆ เรียนรู้มันจากคำบอกเล่า  และความไว้ใจ  มิตรภาพระหว่างเราค่อยๆ  หยั่งรากลงทีละน้อย  และคำพูดหนึ่งของเธอที่เราจำได้แม่นยำก็ก้องดังอีกครั้งว่า  คนเราเมื่อมีครั้งแรกแล้วครั้งต่อไปก็จะตามมาเสมอ  เมื่อเราต่างแนะนำตัวได้รู้จักและคุ้นเคยรากของมิตรภาพเริ่มแผ่ยิ่งขึ่นยิ่งเราใกล้ชิดกัน  ต่างก็ซึมซับความรู้สึกนึกคิดและรับรู้เรื่องราวจากกันมากขึ้นจากความรู้สึกนึกคิดเรื่อยมาจนถึงความคิดฝันในอนาคต  และย้อนกลับสู่ห้วงอดีตอันฝังแน่นในความทรงจำยิ่งเปิดเผยต่อกันก็ยิ่งเห็นตัวตนที่แท้จริงมากขึ้น  เรามองเห็นบางอย่างในตัวเธอผ่านดวงตาของเธอ  ดวงตาที่หม่นเศร้า  และฉาบความเหงาไว้มันเหมือนกับดวงตาของเราหากแต่เธอไม่เคยแม้จะสังเกตเราจึงรู้ได้ว่าเธอไม่รู้สึกหรือรับรู้เช่นเราเป็นแน่ว่าเรามีชีวิตที่เปลี่ยวเหงาเหมือนกัน  และดำเนินชีวิตบนความเจ็บปวดที่คล้ายคลึงกัน
	
เวลาผันผ่านไปพร้อมกับความจริงข้อหนึ่งที่ว่า  ทั้งสุขและทุกข์มักอยู่กับเราไม่นานช่วงแห่งความสุขของเราก้าวสวนกับความทุกข์ที่กรายกล้ำเข้ามาความสุขพัดพารอยยิ้มและเสียงหัวเราะจากใบหน้าของเราไปพร้อมกับหยาดน้ำตาแห่งความทุกข์รินไหลลงมาดังสายธาร

เราเริ่มเรียนรู้ความสัมพันธ์ระหว่างเราว่าแท้จริงแล้วในความเหมือนของเรามันเป็นความเหมือนที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง  เราเกิดความสงสัยในความสัมพันธ์และมิตรภาพระหว่างเราจึงเริ่มศึกษามันสียใหม่
ในขณะเดียวกันเธอเริ่มปล่อยตัวและจิตใจให้จมดิ่งไปกับอดีตขื่นขมอีกครั้งทั้งที่เธอเองก็รู้ว่ามันเจ็บปวดแต่เธอก็ไม่ฝืนมันคงปล่อยให้มันกัดกิน  ด้วยความเต็มใจที่ตกลงไปเป็นทาสของอดีตที่ขื่นขม

เราเต็มใจที่จะเจ็บปวดกับอดีตและการรอคอยอย่างสิ้นหวัง  และมีความสุขกับความเจ็บปวดนั้นเธอพูดกับเรา  และยิ่งสั่นคลอนความรู้สึกของเรามากขึ้นเมื่อครั้งที่เราเล่าเรื่องต่างให้เธอฟัง
ต้นไม้ที่ยืนตระหง่าอย่างเข้มแข็งและแพร่กิ่งก้านสาขาร่มครึ้มอยู่ชั่วนาตาปี  เพราะรากที่หยั่งลึกลงเกาะเกี่ยวดินอย่างเหนียวแน่น  มั่นคง  แต่ถึงจะอยู่ที่เดิมอย่างมั่นคง  ก็ย่อมมีซักวันที่ต้นไม้อาจล้มลงด้วยพายุที่พัดกระหน่ำหรือสายน้ำที่บ่าไหลอย่างรุนแรง
เธอรับฟังแต่กลับไม่เข้าใจในสิ่งที่เราบอกเล่าแก่เธอ  เธอโต้ตอบเรากลับว่า
ฉันไม่ใช่ดอกกุหลาบที่เฝ้าคอยเจ้าชายน้อยคนนั้นแต่ตัวของฉันค่อนๆคลายเป็นต้นไม้มีหนามแหลมที่งอกเงยออกมาเพื่อกางกั่นร่างกายในที่กำลังเหี่ยวเฉาลงทุกวันนับวันต้นหนามก็ยิ่งงอกโตขึ้นใหญ่ขึ้นจนบดบังความอ่อนไหวของตัวฉัน  แต่มันก็ส่งผลให้คนภายนอก  เสียงเธอเริ่มขาดหายเป็นห้วงๆ
คนภายนอกทำไมเหรอ  ว่าแต่เป็นอะไรหรือเปล่าเปลี่ยนเรื่องคุยดีมัย  เราซักถามด้วยความอยากรู้และคนห่วงใย  แต่เธอก็ปฎิเสธว่าไม่เป็นอะไร  แล้วพูดต่อว่า
แต่มันก็ส่งผลให้คนภายนอกไม่สามารถเข้ามาใกล้  พบเห็น  และสัมผัสได้  จนบางครั้งคนเหล่านั้นจะมองกอหนามเหล่านี้ว่าเป็นตัวอันตราย  บ้าบอ  ไร้สาระน่าเบื่อ  ไม่ควรเข้ามาสัมผัส  เพราะว่ามันอาจทำให้ขาเจ็บปวดได้แล้วใครล่ะจะกล้าเข้ามาสัมผัสด้วยใจ  เมื่อเขาก็เห็นอยู่ว่ากอหนามนี้มันอันตรายจะมีใครรักที่จะสัมผัสหนาม  สัมผัสฉัน  สัมผัสความเจ็บปวดเพื่อที่จะได้เห็นตัวตนที่แท้จริงของสิ่งที่อยู่ในความอันตรายนั้นและแล้วกอหนามเหล่านี้ก็จะยังคงเบ่งบานขึ้นเรื่อยๆ  ด้วยความระแวงความสิ้นหวังในโชคชะตาจวบจนจะมีใครซักคนเข้ามาสัมผัสความเจ็บปวดของฉันได้อย่างจริงใจและบริสุทธิ์ใจในความหมายของความรักและการช่วยเหลือ  จะมีซักคนไหม

เพราะไม่มีใครฉันจึงยังเป็นกอหนามยังเป็นตัวอันตราย  ยังเป็นท	จมกับความสิ้นหวังฉันจึงเป็นคนที่มีความหวังอยู่ที่  ชีวิตของฉันเองเพียงลำพังแต่ผู้เดียว

เธอพูดจบก็นิ่งเงียบ  ส่วนเราเริ่มสับสนในตัวเธอและเริ่มสับสนในตัวเอง
แล้วความเจ็บปวดก็เกิดกับเราเอง  เมื่อเราบังเอิญไปล่วงรู้คำพุดหนึ่งของเธอว่า  รู้มัยว่าฉันแชทเพื่ออะไร  เพื่ออยากค้นหาใครบางคนที่รู้จักหรือไม่รู้จักมาพูดคุยและห่วงใยกัน  เพราะในโลกความเป็นจริงมันหลอกลวง  และเป็นสีดำ  ฉันอยากพุดคุยกับใครบางคน  พื่อห่วงใยขา  และดุแลเราอย่างจริงใจ  แต่ก็ยังหาคนจริงใจไม่ได้แม้ซักคน

เรารับรู้มันแล้วรู้สึกชาไปทั้งตัว  ความเปลี่ยวเหงา  เกาะกินความรู้สึกจนเย็นยะเยือก  เจ็บร้าวและปวดปร่าในหัวใจ  เราปล่อยให้น้ำตาที่เอ่อกลบดวงตาไหลรินออกมาจนนองหน้าด้วยความรู้สึกที่ยากจะบรรยายให้เข้าใจได้

เธอหายไปอย่างกระทันหันนานนับอาทิตย์  เรารู้ความเปลี่ยนแปลงนี้ด้วยความปวดร้าว  แต่ยังคงฝืนทนเก็บงำความรู้สึกไว้โดยไม่ปริปาก  บอกใครที่สุดแล้วเราก้เป็นฝ่ายติดต่อไปเพื่อไถ่ถามสารทุกข์สุขดิบ  คำตอบที่ได้รับเป็นคำยอกฮิตติดปากใครต่อใครว่า  งานยุ่ง  หากแต่ความหมายที่แฝงนั้น  อยากอยู่เงียบๆ  โดยปราศจากมึงน่ะแหละเลิกกวนใจกูซักที่ได้มัย  รำคาญวะ

เราเข้าใจความหมายแฝงนั้น  แต่คำพุดหนึ่งของเธอที่ฉันจำได้แม่นยำก็คือ  คนเราเมื่อมีครั้งแรก  แล้วครั้งต่อไปก็จะตามมาเสมอ  เราต้องการพิสูจน์คำพูดนี้อีกสักครั้งว่ามันล้วนลวงหลอกเราหรือไม่  แล้วเราก้ได้พิสูจน์มันอีกครั้งในอาทิตย์ถัดมา
เป็นไงบ้างล่ะ  ไม่ได้คุยกันนานเลยนะ  เราเปิดปรเด็นก่อน
อืม  งานยุ่งน่ะ  เธอตอบเรียบๆแต่น้ำเสียงแฝงความรู้สึกเย็นชา
เหรอเราโทรมากวนหรือเปล่า  เราถามด้วยเสียงสั่นเครือไม่หลอกกำลังจะกินข้าว  เช้านี้แปลกไม่รู้ทำไมหิวแต่เช้าว่าแต่เธอเถอะนึกยังไงโทรมาแต่เช้า  เธอตอบด้วยน้ำเสียงที่ดูสดชื่นนิดหน่อยฉันไม่รู้ว่าเธอรู้สึกได้หรือไม่ว่าน้ำเสียงของเราเริ่มสั่นและขาดหาย  ความเงียบเข้ามาครอบคลุมเราทั้งสอง  แล้วเธอก็เป็นผู้ทลายกำแพงแห่งความเงียบนั้นลงว่า
นี้ๆ  นี้ๆ  ดูนั้นสิ  เสียงร่าเริงของเธอยังไม่ทันขาดหายก็มีเสียงแหลมๆ  แทรกขึ้นมาทันทีว่าว้าย   น่ารักจังเลยนะ

มีอะไรกันเหรอ  เราถามด้วยความงุมงง  เพราะความร่าเริงของเขาบอกกับเสียงเล็กแหลมที่แทรกขึ้นมา  อ๋อ  อยู่กับเพื่อนน่ะ  ว่าแต่มีอะไรหรือเปล่าถ้าไม่มีฉันจะกินข้าวต่อเดี๋ยวต้องรีบไปทำงานแล้วช่วงนี้งานยุ่งมาก
เหรองั้นเราไม่กวนเธอดีกว่า  น้ำเสียงเราสั่นยิ่งกว่าเดิม  หลังจากวางโทรศัพท์เราครุ่มคิดถึงความหมายของคำว่า  งานยุ่ง  อีกครั้ง  แล้วนึกย้อนไปถึงคำพูดคำหนึ่งของเธอที่เราจำได้แม่นยำคือคนเราเมื่อมีครั้งแรกแล้วครั้งต่อไปก็จะตามมาเสมอนี่เป็นอีกครั้งที่เราได้พิสูจน์ความจริงจากคำพูดนี้

ถึงแม้เราพยายามที่จะถนอมดวงใจของคนทุกคนที่เรารักไว้อย่างดีที่สุดและให้อยู่กับเราเนิ่นนานที่สุด  แต่ก้น่าเศร้าใจเหลือเกินที่ความรักของคนรอบข้างที่มอบให้กับเรากลับน้อยกว่าความรักที่เรามอบให้กับทุกคนเมื่อเธอลวงหลอกละเลย  และลืมเลือนเรา  เราก็คงต้องเริ่มทำในสิ่งที่เอต้องการคือเลิกกวนใจเธอ  แต่  แต่ตราบใดที่เธอยังคงมองเห็นคุณค่าของความรักและมิตรภาพระหว่างเรามันก็ตราตรึงอยู่ในใจไม่จางหาย  แต่หากเธอมองข้ามและละเลยคุณค่ามันไป  ไม่ว่ามิตรภาพและความรู้สึกใดใดก้ไม่หลงเหลือไว้ในความทรงจำ				
4 เมษายน 2546 15:29 น.

เรื่องน้ำตาแม่ตก

tir

เราจะขอเล่าเรื่องต่อไปนี้เพราะนี้คือเรื่องจริง  ที่เขาเล่าต่อๆกันมา  มีเพื่อนร่วมโรงเรียนจบพร้อมกันและอายุเท่ากัน  ปีเดียวกันแต่ทำงานคนละแผนกในอำเภอเดียวกัน  วันหนึ่งในเวลาราชการ  เราออกจากแผนกที่ดินเพื่อนำหนังสือมาเสนอให้นายอำเภอลงนาม  
             ก่อนที่จะเข้าห้องนายอำเภอ  ต้องผ่านหน้าห้องมีโต๊ะปลัดอำเภอตั้งอยู่เห็นแม่ของเพื่อนยืนร้องให้อยู่ที่ข้างโต๊ะปลัด  เห็นเพื่อนผู้เป็นลูกยืนแสดงสีหน้าเครียดกำลังอารมณ์เสีย  ขึ้นเสียงดังด้วยความโกรธ  เรามายืนนิ่งฟังอยู่ห่างๆ  เพราะยังไม่รู้เรื่องต้นสายปลายเหตุ  ที่สุดก็จับใจความได้ว่าเพื่อนผู้นี้กำลังจะไล่แม่ให้ออกจากบ้านไม่สนใจว่าแม่จะไปอาศัยอยู่ที่ไหน
           เราฟังแล้วต้องชะงักยืนงง  ไม่นึกไม่ฝันเลยว่าเพื่อนจะใจเหี้ยมโหดรุนแรงถึงเพียงนี้  เราคิดแล้วก็เศร้าใจเพราะเพื่อนผู้นี้เคยจบพร้อมกันและเวลานั้นเพื่อนก็มีภรรยาแล้วแต่ยังไม่มีบุตรด้วยกัน  เมื่อมาพิจารณาดูตั้งแต่เพื่อนได้ภรรยาแล้วก็เปลี่ยนนิสัยไป  ก่อนอยู่สองคนกับแม่ก็เป็นคนดี  เราได้ยินปลัดอำเภอได้พยายามไกล่เกลี่ยเปรียบเทียบชี้ให้เห็นบุญบาปที่ทำให้แม่เสียอกเสียใจถึงกับน้ำตาตกร้องให้สะอึกสะอื้นแล้วพูดด้วยสั่นๆไม่หยาบคาย  เหมือนไม่โกรธตอบลูก  แต่พูดให้ลูกเห็นใจ  มิได้ใช้วาจาหยาบคายตามอารมณ์  ฟังแล้วก็คิดสงสาร  เสียงผู้เป็นแม่พูดว่า
             แม่ได้ยกบ้านให้ลูกแล้วเพียงแต่แม่อาศัยไปวันหนึ่งๆเท่านั้น  แม่ไม่ต้องการอะไรทั้งหมดและแม่ก้ไม่โกรธลูกที่ว่าแม่  ลูกไม่ควรจะไล่แม่ไปอยู่ที่อื่น  แล้วแม่ไปอยู่ที่ไหนล่ะ  ไปอาศัยใครเขาก็คงรังเกียจคนแก่  ช่วยทำงานอะไรให้เขาก็ไม่ไหว  เห็นแก่แม่ที่เลี้ยงลูกจนโตเถิด  แม่แก่แล้วจะอยู่กับลูกไม่นานก็ตาย
            เรายืนฟังด้วยความสลดใจ  น้ำตามันจะไหลออกมา  ข้าราชการบนอำเภอนั้นต่างก้หน้าเศร้าเหมือนจะร้องให้เพราะความสงสารผู้เป็นแม่  คำพูดของแม่แต่ละคำมิได้พูดให้กระเทือนใจลูกเลย  มีแต่คำอ้อนวอนให้ลูกมีความสงสารแม่เท่านั้น  แต่ลูกกลับมีกิริยาทั้งขู่ทั้งตวาดใช้วาจาหยาบคายต่อแม่บังเกิดเกล้า  เสียงตวาดว่า
            ต้องออกจาบ้านเพราะบ้านเป็นของฉัน  แม่ยกให้ฉัน  ไม่ใช่ของแม่แล้วแม่ไม่มีสิทธิจะอยู่ต่อไป  แม่ไม่มีที่อยู่ไปอยู่วัดก็ได้  ขอให้ไปพ้นบ้านฉัน!
           เรามาฟังแล้วมีความแค้นและเจ็บใจแทนผู้เป็นโยมแม่ของเพื่อน  ไม่นึกว่าเพื่อนจะมีจิตใจร้ายกาจเยี่ยงสัตว์เช่นนี้  พวกข้าราชการบนอำเภอต่างก็มีความรู้สึกเช่นเดียวกับเรา  มีแต่คนแช่งคนด่าชังน้ำหน้า  ไม่มีใครยกย่องว่าเป็นคนดี
     เรารู้สึกหูหน้าร้อนชา  เลือดฉีดแรงขึ้นหน้าเพราะโกรธแทนแม่ของเพื่อน  สงสารและเห็นใจนึกในใจเพื่อนอย่างนี้เลิกคบค้าสมาคมนับแต่บัดนี้เป็นต้นไปเรารู้ตัวดีจึงรีบเดินออกจากที่นั้นก่อนที่จะระงับอารมณ์ไม่อยู่  ทนดูเพื่อนเป็นไอ้ลูกอกตัญญูไม่ไหว
      ต่อจากนั้นเราก็ไม่อยากทราบเรื่องให้เกิดความขุ่นใจเปล่าๆ  เพราะเราตัดการเป็นเพื่อนฝูงสิ้นสุดกันแล้ว  เราคิดว่าเพื่อนคนนี้ต่อไปจะไม่มีความเจริญ  มีแต่จะเสื่อมลง  กรรมจะต้องตามสนองในวันหนึ่งข้างหน้า
     หลังจากนั้นต่อมาประมาณเดือนเศษหรือสองเดือนเราก็จำไม่ได้  ในปีเดียวกันเพื่อนผู้นี้ได้ขี่จักรยานยนต์มาทำงานหรือเรียนวิทยาลัยประจำ  เช้าวันนั้นประมาณ  8.00 น.  เพื่อนได้ขี่รถออกจากบ้านซึ่งอยู่ห่างจากที่ว่าการอำเภอประมาณ 6 ก.ม.  เมื่อขี่จักรยายนต์ผ่านมาถึงศาลากลางจังหวัดเหตุการณ์ที่ไม่เคยนึกเคยฝันก็เกิดขึ้น  รถที่เพื่อนขี่มานั้นวิ่งตรงเข้าชนท้ายรถเมล์จอดอยู่ข้างถนนเหมือนมีอาถรรพณ์  เป็นเหตุให้รถแหลก  ตัวเองก้บาดเจ็บสาหัส  มีผู้เห็นเหตุการณ์ในครั้งนั้นเล่าว่า  เมื่อเข้าช่วยพยุงร่างที่ไม่ได้สติออกมาเพื่อจะรีบนำตัวคนเจ็บไปส่งโรงพยาบาล  แต่พอรู้สึกตัวฟื้นขึ้นมาก็ร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวด  สุดท้ายก่อนที่เพื่อนของเราจะสิ้นลมหายใจก็ร้องไห้ออกมาเหมือนทารกแล้วรำพันเป็นครั้งสุดท้ายว่า
         แม่จ๋า  ลูกรู้ตัวว่าลูกผิดไปแล้ว  แม่จ๋า  อภัยให้ลูกด้วย  แม่อยู่ไหนพอสิ้นเสียงก็สิ้นใจ
   เมื่อรู้ถึงผู้เป็นแม่ว่า  ลูกชายเกิดอุบัติเหตุก็ตกใจลืมเรื่องที่ลูกเคยไล่ให้แม่ออกจากบ้าน  เหลือแต่ความรักความอาลัยที่มีต่อลูก  เมื่อรู้ข่าวว่าลูกตายก็เหมือนใครมาควักเอาดวงใจออกจากร่าง  ร้องออกมาว่า
          โธ่  ลูกรัก  เจ้าหนีแม่ไปแล้วก็ร่ำไห้รำพันถึงความรักที่มีต่อลูกชายคนเดียวจนสิ้นสติสมประดี  หมดอาลัยในชีวิตที่จะอยู่ในโลกมนุษย์ต่อไป
   นี่ก็ชี้ให้เห็นว่า  ความรักในโลกนี้ไม่มีใครรักลูกเกินกว่าแม่บังเกิดเกล้า  แม้ลูกจะชั่วร้ายอกตัญญู  ไม่รู้คุณทั้งยังทำให้แม่น้ำตาตกแม่ก็ยังรักและยังให้อภัยลูกเสมอ  แม่ฆ่าลูกไม่ได้  ขายลูกไม่ขาด
     เราอยากจะบอกว่า  ลูกคนใดมีความเคารพกตัญญูต่อพ่อแม่บังเกิดเกล้า  กรรมดีจะเป็นศิริมงคลมีความเจริญรุ่งเรืองในชีวิตของผู้นั้น  ตรงข้ามผู้ใดอกตัญญูต่อผู้มีพ่ะคุณ  กรรมชั่วนั้นจะตามสนองเพราะไม่มีใครหนีกฎแห่งกรรมไปได้  อยู่ที่เวลาจะช้าหรือเร็วเท่านั้น
          วันนั้นเป็นวันเกิดผม  เวลาค่ำคืนนั้นได้เกิดเรื่องที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นในวันเกิดผมคือ  ไฟฟ้าดับทั้งหมู่บ้าน  และผมกับพ่อและแม่นั้นนอนคุยถึงเรื่องต่าง  ผมก็คิดขึ้นได้ว่าเอาหละวันนี้จะต้องทำให้พ่อกับแม่ดีใจให้ได้  ผมเลยบอกพ่อกับแต่ว่าพ่อครับแม่ครับ  ให้เวลาผมซัก 5 นาทีน่ะครับ พ่อกับแม่ก็สงสัยถามว่ามีอารายหรือให้พ่อกับแม่นั่งทำไม   พ่อแม่ของผมก็ลุกมานั่นเรียบร้อย     ผมก็คุกเข่าและคลานเข้าไปกราบท่านทั้งสอง  ด้วยความปราบปลื้ม  และกราบท่านทั้งสองคนเสร็จแล้วบอกท่านว่าผมรักพ่อกับแม่มากน่ะครับ  และพ่อกับแม่ก็โผเข้ากอดผมและบอกกับผมว่าพ่อกับแม่ก็รักเจ้ามากน่ะเจ้าจงตั้งใจเรียนน่ะลูกหมาน้อยของแม่และพ่อ และพ่อกับแม่ผมจะไปไหนออกจากบ้านไม่ถึงกิโลผมก็จะโทรศัพท์บอกท่านทั้งสองทุกครั้งว่า  คิดถึงพ่อแม่มากเลยครับ  และแม่กับพ่อจะบอกผมเสมอว่าไอ้ลูกชายของเราเอาอีกแล้วติดพ่อกับแม่จังเลยน่ะไม่รู้จักโตซะทีเลย  และพ่อกับแม่ของผมก็บอกว่าพ่อกับแม่ก็รักเจ้าเสมอน่ะ   ผมขอท้าทุกคนใครบ้างจะมาแข่งเรื่องทำความดีที่มีให้พ่อกับแม่บ้าง  ผมรู้น่ะทุกคนคงจะถ้อสู้ผมไม่ได้จริงไหมครับ
( เอก  สิ่งดีๆๆ   )				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟtir
Lovings  tir เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟtir
Lovings  tir เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟtir
Lovings  tir เลิฟ 0 คน
  tir
ไม่มีข้อความส่งถึงtir