นกไนติงเกล และ ดอกกุหลาบแดง

:+: ? ? ? :+:

นกไนติงเกล และ ดอกกุหลาบแดง 
            นกไนติงเกล และ ดอกกุหลาบแดง 
            บ่ายวันหนึ่ง ใต้ร่มเงาของต้นโอ๊คใหญ่... 
            เธอบอกว่าจะเต้นรำกับฉัน ถ้าฉันสามารถหาดอกกุหลาบสีแดงมาให้เธอได้ 
            เด็กหนุ่มนักศึกษาคนหนึ่งนั่งบ่นกับตัวเอง แต่จะทำยังไง 
            ในเมื่อสวนดอกไม้ที่บ้านฉันไม่มีดอกกุหลาบสีแดงเลย 
            บนต้นโอ๊คต้นเดียวกันนั้น 
            มีนกไนติงเกลตัวหนึ่งทำรังอยู่...เธอได้ยินทุกสิ่งที่เขาพูดและกำลังแอบมองเขาอยู่ด้วยความสงสัย 
            ไม่มีกุหลาบแดงในสวนดอกไม้ของฉัน! 
            เขาคร่ำครวญ...ดวงตาที่สวยงามคู่นั้นเต็มไปด้วยน้ำตาแห่งความโศกเศร้า โอ...ความสุขของฉันขึ้นอยู่กับสิ่งเล็กๆ 
            สิ่งเดียวเท่านั้นหรือ...ฉันได้อ่านตำรามากมายที่ผู้เชี่ยวชาญทั้งหลายได้เขียนไว้ 
            และล่วงรู้ถึงความลับต่างๆ 
            ในศาสตร์แห่งปรัชญา...แต่สิ่งที่ทำให้ชีวิตของฉันต้องยากลำบาก คือดอกกุหลาบแดงแค่ดอกเดียว 
            ฉันอยู่ที่นี่แล้วไง...คนรักที่แท้จริงของเธอ นกไนติงเกลรำพัน 
            คืนแล้วคืนเล่าที่ฉันเฝ้าร้องเพลงถึงเธอ ทั้งๆ ที่รู้ว่าเธอไม่ได้ยิน 
            คืนแล้วคืนเล่าที่ฉันเล่าเรื่องเธอให้ดวงดาวได้ฟัง...และในตอนนี้ฉันก็ได้พบเธออีกครั้ง...ผมของเธอสีเข้มเหมือนดอกไฮอะซิน1 
            ริมฝีปากของเธอเป็นสีแดงราวกับดอกกุหลาบแดงที่เธอต้องการ...แต่น่าเสียดายที่ความรักของเธอทำให้เธอดูซีดเซียว 
            และความเศร้าโศกก็ฉายมาจากใบหน้าของเธอ 
            เจ้าชายจะจัดงานเลี้ยงเต้นรำในคืนพรุ่งนี้ เด็กหนุ่มพูดเบาๆ 
            และคนที่ฉันรักจะยอมเต้นรำกับฉันถ้าฉันหาดอกกุหลาบแดงให้เธอได้...ฉันจะโอบกอดเธอไว้ในอ้อมแขน 
            และเธอก็ซบไหล่ฉัน 
            ในขณะที่เรากุมมือกันไว้...แต่ความจริงแล้วฉันไม่มีกุหลาบแดงในสวน ฉันต้องนั่งอยู่คนเดียว เฝ้ามองเธอที่ห่างออกไป 
            เธอคงไม่สนใจใยดีฉัน และใจฉันคงแหลกสลาย 
            คนรักที่แท้จริงของเธออยู่ที่นี่ นกไนติงเกลพูด 
            ฉันจะร้องเพลงอะไรให้เธอฟังดี...สิ่งที่ทำให้ฉันมีชีวิตชีวา 
            กลับเป็นสิ่งที่ทำให้เธอเจ็บปวด...แต่มันเป็นเรื่องจริงนะ ที่ว่าความรักเป็นสิ่งที่สวยงาม 
            มันมีค่ามากกว่ามรกต เป็นที่ต้องการมากกว่าเพชรพลอย ไข่มุกและทับทิมก็แลกไม่ได้ 
            มันไม่มีขายตามท้องตลาด แม้แต่ทองก็เทียบกันไม่ได้ 
            นักดนตรีคงจะนั่งในที่สำหรับพวกเขา เด็กหนุ่มพูดต่อ 
            พวกเขาจะเริ่มบรรเลงเพลง และคนที่ฉันรักก็จะเต้นตามเสียงไวโอลิน เธอจะเต้นอย่างช้าๆ 
            และพลิ้วไหวราวกับเธอกำลังล่องลอยอยู่เหนือพื้นดิน 
            ในขณะที่ผู้คนซึ่งอยู่ในชุดที่สวยงามต่างก็ห้อมล้อมเธอ...แต่สำหรับฉันเธอคงไม่ยอมเต้นรำด้วย 
            เพราะฉันไม่มีดอกกุหลาบแดงให้เธอ เขาเอนตัวลงบนพื้นหญ้า ซบหน้าลงกับแขนและร้องไห้ 
            กิ้งก่าสีเขียวตัวเล็กๆ วิ่งผ่านมาพร้อมกับชูหางขึ้นและถามว่า 
            เขาร้องไห้ทำไมน่ะ 
            จริงๆ ด้วย...ทำไมล่ะ ผีเสื้อถามต่อ ในขณะที่กำลังบินร่อนใต้แสงอาทิตย์ 
            จริงๆด้วย...ทำไมล่ะ ดอกเดซี่ที่อยู่ใกล้ๆ ก็ถามย้ำด้วยเสียงกระซิบเบาๆ 
            เขาร้องไห้เพราะดอกกุหลาบสีแดงน่ะซิ! นกไนติงเกลพูด 
            เพราะดอกกุหลาบสีแดง! กิ้งก่า ผีเสื้อ และดอกเดซี่อุทานพร้อมกัน 
            ช่างน่าขันอะไรเช่นนี้ กิ้งก่าพูดเยาะเย้ย 
            อย่างไรก็ตาม 
            นกไนติงเกลก็ยังเข้าใจความรู้สึกที่แท้จริงของเด็กหนุ่มคนนั้น 
            เจ้านกน้อยจึงได้แต่นั่งลงและเฝ้าครุ่นคิดเกี่ยวกับความเร้นลับของคำว่ารักต่อไป 
            ทันใดนั้นเอง เจ้านกไนติงเกลก็คิดได้ว่าควรจะทำอะไรต่อไป 
            เธอกางปีกสีน้ำตาลออก และบินขึ้นไปบนท้องฟ้า 
            บินร่อนผ่านทุ่งหญ้าอย่างรวดเร็วไปยังสวนดอกไม้ของเด็กหนุ่ม เมื่อพบแปลงดอกกุหลาบแสนสวย 
            เธอจึงร่อนลงไปที่ต้นกุหลาบกอหนึ่ง 
            ขอดอกกุหลาบแดงให้ฉันบ้างได้ไหม นกไนติงเกลถาม 
            แล้วฉันจะร้องเพลงเพราะๆ ให้เธอฟัง 
            ต้นกุหลาบส่ายหัว และตอบว่า 
            กุหลาบของฉันเป็นสีขาว...ขาวเหมือนฟองคลื่นในทะเล...ขาวยิ่งกว่าหิมะบนยอดเขา...แต่พี่ชายของฉันที่ยืนต้นอยู่ข้างนาฬิกาแดดโบราณนั่น 
            อาจจะให้ในสิ่งที่เธอขอได้นะ 
            นกไนติงเกลได้ยินดังนั้น 
            จึงบินไปยังต้นกุหลาบที่ขึ้นอยู่ข้างนาฬิกาแดดโบราณ 
            ขอดอกกุหลาบแดงให้ฉันบ้างได้ไหม นกไนติงเกลถาม 
            แล้วฉันจะร้องเพลงเพราะๆ ให้เธอฟัง 
            ต้นกุหลาบส่ายหัว และตอบว่า 
            กุหลาบของฉันเป็นสีเหลือง...เหมือนเส้นผมของนางเงือกที่นั่งอยู่บนบัลลังก์สีเหลืองอำพัน...เหลืองยิ่งกว่าดอกแดฟโฟดิล2 
            ที่เบ่งบานในทุ่งหญ้ากว้างใหญ่...แต่พี่ชายของฉันที่ยืนต้นอยู่ริมหน้าต่างนั่น 
            อาจจะให้ในสิ่งที่เธอขอได้นะ 
            นกไนติงเกลได้ยินดังนั้น 
            จึงบินไปยังต้นกุหลาบที่ขึ้นอยู่ริมหน้าต่างของเด็กหนุ่ม 
            ขอดอกกุหลาบแดงให้ฉันบ้างได้ไหม นกไนติงเกลถาม 
            แล้วฉันจะร้องเพลงเพราะๆ ให้เธอฟัง 
            ต้นกุหลาบส่ายหัว และตอบว่า 
            กุหลาบของฉันเป็นสีแดง...มันแดงเหมือนเท้าของนกพิราบ...แดงยิ่งกว่ากอปะการังสีแดงสดที่พลิ้วไหวล้อคลื่นในทะเล 
            แต่ฤดูหนาวทำให้เส้นใยของฉันแข็งตัว มันปลิดดอกตูมของฉัน 
            และทำลายกิ่งก้านฉันด้วยพายุอันเหน็บหนาว...ฉันคงไม่สามารถออกดอกได้ในปีนี้แน่นอน 
            ฉันต้องการดอกกุหลาบแดง...แค่ดอกเดียวเท่านั้น 
            นกไนติงเกลร้องถามด้วยความสิ้นหวัง นี่ฉันไม่มีทางที่จะได้ดอกกุหลาบแดงจากเธอเลยหรือ 
            มันก็พอมีวิธีนะ ต้นกุหลาบพูด 
            แต่มันน่ากลัวเกินกว่าที่ฉันจะกล้าบอกเธอ 
            บอกมาเถอะ...ฉันไม่กลัวหรอก นกไนติงเกลตอบ 
            ถ้าเธอต้องการกุหลาบแดง... ต้นกุหลาบพูดต่อ 
            เธอต้องสร้างมันขึ้นมาจากเสียงเพลงภายใต้แสงจันทร์ 
            และแต้มสีมันด้วยเลือดจากหัวใจของเธอ...เธอต้องร้องเพลงให้ฉันฟัง 
            ในขณะที่หนามของฉันที่แทงไปที่อกของเธอ...เธอต้องร้องเพลงทั้งคืน โดยปล่อยให้หนามของฉันปักเข้าไปที่หัวใจของเธอ 
            และเลือดที่หล่อเลี้ยงชีวิตเธอก็จะไหลผ่านเส้นใย 
            และกลายมาเป็นของฉันในที่สุด...อย่าลืมว่าเธอต้องทำให้สำเร็จก่อนพระอาทิตย์ขึ้นด้วยนะ... 
            นี่ฉันต้องจ่ายค่าดอกกุหลาบด้วยชีวิตอย่างนั้นหรือ นกไนติงเกลรำพัน 
            ชีวิตเป็นสิ่งมีค่าสำหรับทุกคน...มันคือความสุขที่แท้จริงเมื่อเราได้นั่งอยู่บนต้นไม้ 
            เฝ้ามองดวงอาทิตย์สีทอง และดวงจันทร์ที่ส่องแสงนวลราวไข่มุก 
            สดชื่นกับกลิ่นของดอกฮอธอร์น3 ริมรั้วและดอกบลูเบล4 ตามหุบเขา 
            รวมถึงการได้บินร่อนรับลมร้อนที่พัดผ่านมาด้วย...แต่ถึงอย่างไร ความรักก็สำคัญกว่าชีวิต 
            ยิ่งความรักจากหัวใจของมนุษย์ด้วยแล้ว 
            มันคงจะยิ่งมีค่ามากกว่าความรักจากหัวใจของนกตัวเล็กๆ อย่างฉันแน่นอน 
            เมื่อคิดได้ดังนั้น เจ้านกไนติงเกลก็ได้บินกลับไปที่ต้นโอ๊คใหญ่อีกครั้ง 
            แสงอาทิตย์ยามเย็นดูอ่อนล้า 
            เจ้านกไนติงเกลมองไปที่เด็กหนุ่มซึ่งเผลอหลับไปพร้อมคราบน้ำตาบนดวงตาที่งดงามคู่นั้น 
            ดีใจด้วยจ๊ะ! นกไนติงเกลร้องบอกเด็กหนุ่ม 
            ดีใจด้วย...เธอจะได้กุหลาบแดงที่เธอต้องการแล้ว ฉันจะสร้างมันขึ้นมาจากบทเพลงภายใต้แสงจันทร์ 
            และแต้มสีมันด้วยเลือดจากหัวใจของฉัน เพราะเธอคือคนที่ฉันรัก 
            และฉันคือคนรักที่แท้จริงของเธอ...ความรักเป็นเรื่องที่ฉลาดมากกว่าวิชาปรัชญาที่เธอได้เรียนรู้มา 
            มันเปี่ยมไปด้วยอำนาจและพลัง... 
            เด็กหนุ่มมองตรงมาที่นกไนติงเกลและตั้งใจฟัง 
            แต่เขาไม่เข้าใจว่าเจ้านกน้อยพูดอะไร 
            และพูดกับใคร...เขารู้เพียงแต่ว่าจะต้องเขียนบันทึกอะไรลงในสมุดของเขาเท่านั้น ต้นโอ๊คต้นใหญ่เป็นผู้เห็นเหตุการณ์ทั้งหมด 
            เขาเข้าใจที่นกไนติงเกลพูด...เขารู้สึกซาบซึ้งในกับสิ่งที่เจ้านกน้อยพยายามทำ 
            ต้นโอ๊คพูดด้วยเสียงแผ่วเบาว่า 
            ร้องเพลงให้ฉันฟังเป็นเพลงสุดท้ายได้ไหม...เพราะฉันคงจะเหงามากถ้าไม่มีเธอ... 
            นกไนติงเกลจึงร้องเพลงให้ต้นโอ๊คฟังเป็นเพลงสุดท้ายด้วยน้ำเสียงที่ไพเราะจับใจ...เมื่อร้องเพลงจบ 
            เด็กหนุ่มก็เตรียมตัวเก็บสมุดบันทึกและดินสอใส่กระเป๋า 
            เธออาจจะรู้จักวางตัว เด็กหนุ่มพูดปลอบใจตัวเอง 
            แต่นั่นก็ไม่ทำให้ฉันเลิกรักเธอหรอก...อันที่จริง เธออาจจะมีอารมณ์ศิลปินที่ยากจะเข้าใจ 
            เธอดูมีเอกลักษณ์ ซึ่งบางครั้งอาจดูเหมือนเย่อหยิ่งและเห็นแก่ตัว 
            แต่ฉันรู้ว่าจริงๆ 
            แล้วเธอไม่ใช่...ฉันสัมผัสได้จากน้ำเสียงของเธอ...ฉันถือว่ามันเป็นแบบทดสอบที่ดีสำหรับฉัน เมื่อกลับถึงห้อง เด็กหนุ่มก็ล้มตัวลงนอน 
            และเฝ้าคิดถึงคนที่เขารักจนเผลอหลับไป 
            เมื่อแสงจันทร์สาดส่องลงมาจากท้องฟ้ายามค่ำคืน 
            นกไนติงเกลจึงบินไปที่แปลงดอกไม้นั่นอีกครั้ง เธอหยุดที่ต้นกุหลาบแดงและจับหนามกุหลาบมาทาบไว้ที่อก 
            เธอเริ่มร้องเพลงแรก 
            ดวงจันทร์สาดแสงสีเงินอันหนาวเหน็บพร้อมกับตั้งใจฟังเสียงเพลง ในขณะที่หนามกุหลาบก็ทิ่มแทงลึกเข้าไปทุกทีๆ 
            เลือดที่หล่อเลี้ยงชีวิตเธอเริ่มเหือดหายไปทีละน้อย 
            เพลงแรกที่เธอร้องมีเนื้อหาเกี่ยวกับจุดเริ่มต้นและการก่อเกิดของความรักในใจชายหนุ่มและหญิงสาว ทันใดนั้นเอง สิ่งอัศจรรย์ได้เกิดขึ้น 
            ช่อสูงสุดของต้นกุหลาบเริ่มผลิดอก เธอร้องเพลงต่อไปเรื่อยๆ 
            ท่ามกลางกลุ่มหมอกที่หนาวเหน็บรอบกายเธอ 
            แม้จะได้ผลบ้าง แต่ก็ยังไม่น่าพอใจ เข้ามาอีกสิ...เจ้านกน้อย 
            ต้นกุหลาบร้องบอกให้เธอดันหนามให้ลึกเข้าไป หรือจะรอให้อาทิตย์ขึ้นก่อนจะทำสำเร็จ 
            ได้ยินดังนั้น 
            เจ้านกไนติงเกลก็ขยับเข้าใกล้ต้นกุหลาบเข้าไปอีกและร้องเพลงให้ดังยิ่งขึ้น ทันใดนั้น...ประกายสีชมพูระเรื่อได้ไหลผ่านกลีบดอก 
            ทำให้มองเห็นเป็นสีชมพู...ชมพูเหมือนแก้มเจ้าสาวที่เขินอายเมื่อเจ้าบ่าวประทับรอยจูบ 
            แต่จนบัดนี้ หนามของต้นกุหลาบก็ยังแทงเข้าไปไม่ถึงหัวใจของนกไนติงเกล 
            ทำให้หัวใจของดอกกุหลาบยังคงเป็นสีขาวอยู่ 
            เพราะสิ่งที่จะทำให้ดอกกุหลาบเป็นสีแดงสดคือ เลือดจากหัวใจของเจ้านกน้อยนั่นเอง 
            เข้ามาอีกสิ...เจ้านกน้อย ต้นกุหลาบร้องเตือนเธออีกครั้ง 
            หรือจะรอให้อาทิตย์ขึ้นก่อนที่จะทำสำเร็จ 
            ได้ยินดังนั้น นกไนติงเกลจึงขยับเข้ามาและดันหนามเข้าไปยังหัวใจของเธอ 
            ความเจ็บปวดแล่นผ่านเข้าสู่หัวใจ 
            ยิ่งเจ็บเท่าไหร่ก็ยิ่งต้องร้องเพลงให้ดังยิ่งขึ้น 
            เนื้อเพลงที่เธอร้องอยู่ตอนนี้มีความหมายเกี่ยวกับความรักอันสมบูรณ์แบบที่ได้จากการสละชีวิต 
            สิ่งมหัศจรรย์ได้เกิดขึ้นแล้ว 
            ดอกกุหลาบกลายเป็นสีแดงสด...แดงเหมือนดวงอาทิตย์ทางทิศตะวันออก...สีแดงเหมือนทับทิมที่แพร่กระจายไปทั่วกลีบดอกนั้นเป็นสีจากเลือดในหัวใจของเจ้านกไนติงเกลนั่นเอง 
            เสียงของนกในติงเกลดูอ่อนล้าและปีกก็ขยับได้ช้าลง 
            ตาของเธอพร่ามัวและรู้สึกคอแห้ง...เธอหายใจไม่ค่อยสะดวก 
            นกไนติงเกลพยายามเปล่งเสียงร้องถึงเพลงสุดท้าย 
            ดวงจันทร์สีนวลที่ตั้งใจฟังก็รู้สึกเคลิบเคลิ้มจนเคลื่อนตัวช้าลง ทำให้เธอมีเวลาเพิ่มขึ้น 
            ดอกกุหลาบสีแดงได้ยินเสียงเพลงก็รู้สึกอบอุ่น ตื้นตันใจ 
            และแย้มกลีบดอกออกมารับอากาศยามเช้า เสียงเพลงของเจ้านกน้อยดังก้องไปทั่วหุบเขา 
            มันลอยผ่านต้นอ้อสีขาวที่พลิ้วไหวล้อลมอยู่ริมน้ำคล้ายจะฝากความรู้สึกเหล่านี้ออกสู่ทะเลกว้าง 
            ดูนั่นซิ...ดูซิ! เหล่าต้นไม้ตะโกนบอก 
            เธอทำสำเร็จแล้ว...มันเป็นกุหลาบแดงที่สวยที่สุดเลย! 
            ...ไม่มีเสียงขานตอบ......มีเพียงร่างของเจ้านกไนติงเกลที่นอนตายอยู่บนพื้นหญ้าที่ทอดยาว โดยมีหนามปักอยู่ที่หัวใจของเธอ 
            เที่ยงของวันใหม่ เด็กหนุ่มเปิดหน้าต่างห้องออกมา 
            เขาตื่นเต้นมากเมื่อได้พบบางสิ่ง 
            โอ!...ช่างโชคดีอะไรอย่างนี้ 
            นี่เป็นดอกกุหลาบแดงแบบที่ฉันไม่เคยพบมาก่อนเลยในชีวิต มันช่างสวยเหลือเกิน อาจจะเป็นพันธุ์ละตินก็ได้ 
            เขาพูดพลางเอื้อมมือไปเด็ดดอกกุหลาบ 
            เขารีบสวมหมวกและวิ่งไปบ้านศาสตราจารย์พร้อมดอกกุหลาบในมือ 
            ที่บ้านศาสตราจารย์...ลูกสาวของเขานั่งอยู่ที่ระเบียงบ้านพร้อมด้วยลูกสุนัขตัวเล็กๆที่นอนอยู่แทบเท้าของเธอ...เธอคือคนที่เด็กหนุ่มหลงรักนั่นเอง 
            เธอจำได้ไหม ที่บอกว่าจะยอมไปงานเต้นรำกับฉัน 
            ถ้าฉันหาดอกกุหลาบแดงมาให้เธอได้ เด็กหนุ่มถามพร้อมถือดอกกุหลาบอยู่ในมือ 
            นี่คือกุหลาบที่แดงที่สุดในโลก เธอสามารถนำมันไปประดับที่อกเสื้อ และเราก็จะได้เต้นรำด้วยกัน 
            เขาคิดจะบอกรักเธอต่อจากนั้นด้วย 
            เสียใจ...มันคงเป็นเครื่องประดับให้ฉันไม่ได้แล้วล่ะ เด็กสาวปฏิเสธ 
            หลานชายของท่านมหาดเล็กได้ส่งอัญมณีแท้มาให้ฉัน และทุกคนต่างก็รู้ดีว่า 
            มันมีค่ากว่าดอกไม้มาก 
            เอาล่ะ! ฟังฉันนะ...เธอมันคนไม่มีสัจจะ เด็กหนุ่มโกรธมาก 
            เขาเขวี้ยงดอกกุหลาบแดงไปที่พื้น มันตกลงไปริมฟุตบาธ และถูกรถทับซ้ำอีกที 
            ไม่มีสัจจะหรือ เด็กสาวพูด เธอหยาบคายมาก และอีกอย่าง 
            เธอมันก็แค่เด็กหนุ่มนักศึกษาคนนึง 
            ฉันเชื่อว่าเธอไม่สามารถให้ในสิ่งที่ฉันต้องการได้เหมือนกับหลานชายท่านมหาดเล็กหรอก เธอลุกขึ้นอย่างไม่พอใจและเดินเข้าบ้านไป 
            ความรักช่างเป็นสิ่งที่โง่เขลาสิ้นดี เด็กหนุ่มพูดพร้อมเดินจากไป 
            มันไม่มีประโยชน์ ไม่มีการพัฒนา 
            ไม่เหมือนวิชาตรรกศาสตร์ที่ทุกอย่างต้องมีเหตุผล 
            ฉันควรจะกลับไปอ่านหนังสือปรัชญาและศึกษาเรื่องอภิปรัชญาดีกว่าจะมาเสียเวลากับเรื่องไร้สาระพวกนี้ 
            เด็กหนุ่มกลับไปที่ห้องของเขาและเริ่มอ่านหนังสือต่อไป.................... 
            #####The End##### 
        1 ไฮอะซิน (Hyacinth) n.c. ไม้ดอกชนิดหนึ่ง ดอกสีน้ำเงิน ม่วง มีกลิ่นหอม 
        2 แดฟโฟดิล (Daffoodil) n.c. ไม้ดอกชนิดหนึ่ง มีดอกสีเหลือง 
            บานในฤดูใบไม้ผลิ 
       3 ฮอธอร์น (Hawthorn) n.c. ต้นไม้ชนิดหนึ่ง มีดอกสีขาวและชมพู 
            มักปลูกไว้เป็นรั้ว 
       4 บลูเบล (Bluebell) n.c. พืชที่มีดอกสีฟ้าคล้ายระฆัง 
            #####@#####				
comments powered by Disqus
  • mono

    18 พฤษภาคม 2545 18:52 น. - comment id 50377

    เศร้ามาก.....สงสารนกไนติงเกลจังเลย  T_T
  • ข้าวปล้อง

    18 พฤษภาคม 2545 20:56 น. - comment id 50407

    อืมนั่นสิ

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน