12 ตุลาคม 2551 07:40 น.

จุบจบของคนโง่

กิตติเวทย์

ชายคนหนึ่งลงแรงแสวงหา
เพื่อตามล่าคว้าเหตุแห่งความสุข
ยิ่งตามหายิ่งพบประสบทุกข์
โอ้ความสุขเจ้าอยู่ที่ไหนกัน

ที่ดินกว้างบ้านใหญ่ยังไม่พอ
เงินทองก็มั่งคั่งยังโศกศัลย์
เมียหลายคนคิดว่าสุขอนันต์
กลับสุขสั้นพลันถูกทุกข์เบี่ยงเบน

เขาค้นคว้าหาต่อไม่ท้อใจ
สิ่งไหนไหนฝันใฝ่อยากได้เห็น
เขาก็เอามาใส่มาประเคน
แต่ไม่เห็นสุขสงบจบวันตายฯ
				
6 ตุลาคม 2551 19:26 น.

ปรัชญาชายทะเล...จากอินเดีย

กิตติเวทย์

เช้าวันหนึ่งอยากไปที่ชายหาด	
ในใจคาดความสดใสใจสุขสม
กลิ่นโอโซนบริสุทธิ์คงน่าชม			
ต้องภิรมย์แน่แท้แม้คิดไป

ฉันจึงเดินทางพลันทันความคิด	
หลังจากปิดลั่นกลอนก่อนจะสาย
จากที่พักเดินทางแสนสบาย			
สามร้อยเมตรไม่ไกลในทางเดิน

ด้วยใจหวังปองถวิลกลิ่นโอโซน	
จึงรู้สึกโลดโผนกระโจนเหิร
อยากสดชื่นยามเช้าย่ำเท้าเพลิน		
สวยเหลือเกินธรรมชาติที่หาดงาม

แต่ทันใดจมูกฉันพลันได้กลิ่น		
จะเคยชินหรือไม่ใจตรองถาม
ตาฉันมองไปรอบเพื่อสอบความ		
จึงรู้ตามเป็นจริงสิ่งต้นตอ

ชายคนหนึ่งนั่งยองยองตามองต่ำ	
บ่นพึมพำดูซ้ายขวาตาเหลอหลอ
ถลกผ้าพันเอวเกี่ยวถึงคอ			
เหมือนนั่งรอใครสักคนบนมรรคา

ฉันเดินเข้าไปใกล้อีกนิดหนึ่ง		
อยากรู้ถึงความหมายใจกังขา
ชายคนนั้นทำสิ่งใดกันนา		
จึงส่งกลิ่นโชยมาตามสายลม

โอ้ย..ตายแล้วแขกตี้มันขี้แตก		
อยากจะแทรกดินหนีที่ขื่นขม
แค่ใจคิดสองเท้าเฝ้านิยม			
รีบผสมกับจิตคิดผ่อนคลาย

พอเดินมาได้หน่อยจึงค่อยหยุด	
ทำเป็นก้มคุ้ยขุดหาจุดหมาย
วิ่งไล่ปูเข้าสู่ร่องรูทราย				
แต่ไม่คลายแลจ้องมองดูมัน

พอเสร็จปั๊บมันจับผ้าทั้งหน้าหลัง	
เดินขาถ่างย่างลงไปให้ขบขัน
นั่งยิ้มป๋อรอคลื่นทะเลพลัน			
พอคลื่นดันมันขยับเตรียมรับเอา

พอคลื่นทักกวักปุ๊บเข้าลูบตูด		
ล้างไม่หมดหน้าไม่บูดตามสูตรเก่า
รอคลื่นใหม่ซัดมาช่วยบรรเทา		
แขกคนแล้วคนเล่าเอาท่ากัน

พอสายหน่อยแสงสุรีย์ฉาบสีฟ้า	
สว่างจ้าเวลาไม่ผกผัน
เปล่งแสงให้มวลสัตว์มานานวัน		
ไม่แบ่งสันปันส่วนล้วนเท่าเทียม

มองทางซ้ายเห็นตายายไหว้แสงสูรย์	
เพื่อเพิ่มพูนพลังหวังเต็มเปี่ยม
สุริยาราชาไฟไร้ผู้เทียม			
ขอให้ข้านี้ยอดเยี่ยมและยั่งยืน

แปดโมงกว่าหันหน้าว่าจะกลับ	
เห็นลิบลับแต่ไกลในท้องคลื่น
ชาวประมงหาปลายามดึกดื่น			
มุ่งหน้าคืนเอามาขายให้คนทาน

ทุกเช้าตรู่ได้เห็นเป็นเช่นนี้		
ทั้งนั่งขี้ไหว้เจ้าเคล้าถิ่นฐาน
ออกหาปลาที่กินขี้จนท้องบาน			
ใช่เผาผลาญผ่านเห็นเข้าเล่าให้ฟัง

ออกจากบ้านหวังได้สูดอากาศ		
งามรสชาดแห่งทะเลเท่ดังหวัง
แต่สุดท้ายหาไม่ได้น่าเศร้าจัง		
หันกลับหลังบ้านเราเท้าซวนเซ

หมดเลยหมดกลิ่นโอโซนบริสุทธิ์	
กลับได้สูดกลิ่นขี้แขกแปลกไม่เก๋
อ๊อกซิเจนเช้านี้นี่รวนเร			
เพราะแขกเท่แท้จริงสิ่งวิกล

เคยได้ยินแต่เขาว่ามานานแล้ว		
ไม่เคยแคล้วแขกขี้มีทุกหน
ริมชายหาดตลาดสดไม่อดยล	
ข้างถนนพ่อก็ขี้มีดาษดา

หากจะมองว่าลามกตลกขัน		
ก็มองได้เช่นกันสุดหรรษา
แต่หากมองว่าเป็นเช่นปรัชญา			
ดูมีค่าพัฒนาปัญญาเรา

ว่านี่คือวิถีของชีวิต			
สิ่งแวดล้อมลิขิตดวงจิตเขา
เป็นเช่นนี้เล่าขานมานานเนา		
จะว่าเขาไม่ดีนี่ไม่แฟร์

เหตุว่าเขาอาศัยในกระต็อบ		
ใช้เป็นที่คลุมครอบหมอบนอนแผ่
ส้วมไม่มีขี้ที่ไหนใครเหลียวแล	
นี่คือความจริงแท้โปรดแลมอง

แต่ก็มีคนที่นิสัยเสีย		
ยังคลอเคลียสันดานเก่าให้เศร้าหมอง
อยู่บ้านใหญ่ส้วมหรูประตูทอง	
แต่หมายปองจ้องขี้ที่ริมทาง

อยู่อินเดียต้องระวังอย่าพลั้งพลาด	
ใช้สติอย่าขาดกวาดสะสาง
เผลอเมื่อใดได้ปรัชญาคาหลุมพราง	
เดินขาถ่างล้างที่ไหนน้ำไม่มีฯ	



กลอนนี้ผมแต่งไว้เมื่อหลายปีก่อนตอนใช้ชีวิตอยู่
ที่อินเดีย อยากให้เพื่อนได้อ่าน 
จะได้ซาบซึ้งถึงบรรยากาศของชายทะเลที่อินเดีย
ใต้ เผื่อสนใจอยากไปดูมั่ง...555 				
5 ตุลาคม 2551 17:26 น.

เสียงไก่ที่ไร้สิทธิ์

กิตติเวทย์

เสียงเตะเสียงหมัดชัดแจ้ง	
ยื้อแย่งพัลวันสรรหา
นักมวยยิ้มเข้มเปรมอุรา	
เหตุว่าได้เงินก้อนโต

เสียงเตะเสียงสับสลับสาย	
ปางตายคล้ายเจ็บมากโข
ไก่ชนเลือดซิบเซโซ		
เงินนั้นก้อนโตคนเอาฯ
				
3 ตุลาคม 2551 20:58 น.

รังรัก..ในจินตนาการ

กิตติเวทย์

ราตรีนี้มีแสงจันทร์กระจ่างฟ้า
พี่ซบหน้าแนบตักนางหนุนต่างหมอน
ร้องเพลงคลอเคลียเจ้าเฝ้าเว้าวอน
เราแต่งกลอนอักษรตอบมอบให้กัน

เจ้าว่ารักพี่ก็รักถักทอถาม
พี่ว่างามเจ้าก็งามตามสืบสาน
น้องว่านกพี่ก็นกผกโผพลัน
สองเรานั้นสานกลอนออดอ้อนใจ

กลิ่นตักเจ้าเย้ายวนชวนชื่นจิต
พี่จุมพิตสนิทแน่นแอ่นกายไหว
กายสัมพันกลั่นบทกลอนเว้าวอนไป
วาจาไซร้ก็แต่งกลอนออดอ้อนจันทร์

จันทร์เจ้าเอ๋ยเจ้าคงอิจฉาข้า
จันทร์เจ้าเอ๋ยหลับตาอย่าโศกศัลย์
จันทร์เจ้าเอ๋ยเป็นพยานรักผูกพัน
จันทร์เจ้าเอ๋ยอย่าจาบัลย์ฉันขอวอน

ฟังสิฟังฟังเสียงสำเนียงเสนาะ
ช่างไพรเราะจับใจไม่ถ่ายถอน
เสียงหรีดหริ่งกล่อมเราให้เข้านอน
แต่เราสองยังออดอ้อนไม่ถอนใจ

เราแต่งกลอนบทสุดท้ายจวนใกล้รุ่ง
ต่างร่วมมุ่งถักทอก่อความหมาย
อยากแต่งกลอนให้เวลาหยุดแกว่งไกว
เราจะได้ร่วมสุขสันต์ทุกกาลไป


อ่านบทกวี สาริกาชมเดือน ของครูกระดาษทราย
จึงได้เกิดกวีในจินตนาการบทนี้ขึ้น...ขอบคุณครับ..				
3 ตุลาคม 2551 15:12 น.

หาก..ฉัน..มี..ปีก

กิตติเวทย์

หากมีปีกดั่งเครื่องบินจินต์คงสุข
จะพาทุกทุกคนยลเวหา
ทั้ง ฉางน้อย,ลูกกลิ้ง, พิมญดา
อัลมิตรา, ครูพิม, ให้อิ่มเอม

ยาแก้ปวด, ชนะชัย, ไปทั้งสิ้น
Salukphin, วงศ์ตะวัน, ฝันเกษม
ผู้หญิงช่างฝัน, Krajokngao, เขาลือName
นั่งให้เต็ม ก่อนเครื่องบินโผผินไป

นั่งให้ดีจับให้แน่นแขนอย่าปล่อย
เฮาชาวดอย, คอยอยู่ไปอู้ไหน
เกือบไม่ทันท่องเวหาพาอำไพ
ไปนับดาวลูกไก่ดาวไถงอน

เครื่องจะเหินแล้วครับท่านฝันสดใส
อุ้ยมานั่นอีกไงหยุดไว้ก่อน
เชิญครับเชิญโน่นครับปรับเบาะนอน
คุณเฌอมาลย์ มาก่อนเลือกนอนพลัน

นรศิริ, กุ้งหนามแดง,  แซงตามติด
เลือกเลยครับตามสิทธ์จะคิดฝัน
ทรายกะทะเล, เท่ไม่หยอกมาด้วยกัน
อรุโณทัย, เพียงพลิ้วนั่น ดันเข้ามา

ละอองน้ำไม่ไปคงไม่ได้
จะขาดความเย็นใสใจโหยหา
มาเถิดมาเร็วเข้าพวกเรามา
กิตติเวทย์อาสาชมฟ้างาม

จะพาไปกินส้มตำที่ดาวศุกร์
แวะไปปลุกดาวเสาร์เข้าไปถาม 
มีบ้างไหมแกงไตปลาหาซักซาม
อีกน้ำพริกมะขามผักกาดจอ

เอ้า..Manu เอาไปเลือกตามจิต
เราให้สิทธิ์ทุกคนตามคำขอ
อยู่ภาคไหนชอบอะไรอย่ารีรอ
อย่าเพียงนั่งน้ำลายสอผ่อ เปิ้น(ดูเขา)กิน

กินเสร็จแล้วเราจะไปไหว้ดาวพุธ
และไปหยุดคุยพลูโตโอ้ถวิล
ดาวเนพจูนสนไหมใครปองจินต์
หากสนใจเราจะบินไปถิ่นมัน

ขาดไม่ได้ไม่ไปคงไม่ได้
ดาวจันทร์ไงประกายแสงแห่งความฝัน
ดาวอังคารไปไหมดูหนังมัน
มนุษย์ต่างดาวไงนั่นมันอารมณ์

ทัวร์ครั้งนี้สำเร็จได้ใจผูกพัน
ทัวร์หาษรรหรรษาพาสุขสม
หวังว่าเพื่อนทุกท่านคงภิรมย์
ได้เที่ยวชมฟากฟ้าสภาดาว


ขอบคุณที่ใช้บริการ				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟกิตติเวทย์
Lovings  กิตติเวทย์ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟกิตติเวทย์
Lovings  กิตติเวทย์ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟกิตติเวทย์
Lovings  กิตติเวทย์ เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงกิตติเวทย์