21 กันยายน 2550 19:44 น.

ดิถีกำหนด

ชีวินมธุรา

องก์ที่ ๓

 ดิถีกำหนด

ณ. ดินแดน ทิพย์วิมาน ในแดนสรวง

ช่างโชติช่วง พรรณราย พรายพราวแสง

รัศมี ช่อฉัตร ลัดหลั่นแทรง

ดังจะแข่ง ประชัน พันตระการ

ท่ามกลางแห่งทิพยวิมานนั้น

มีบริเวณกว้างใหญ่ ส่วนหนึ่ง

ภายใน มีพันธ์พฤกษาสวรรค์

หลากหลายพันธ์

พากัน ออกดอก แตกใบ งามสะพรั่ง

เป็น รมณียสถาน อันเหล่า ทวยเทพ

ทั้งปวง มักจะมาชื่นชมอยู่เสมอ

มีพฤกษาต้นหนึ่ง สูงใหญ๋

ลำต้น กิ่งก้าน นั้น สีเขียวมรกต

ส่วนใบนั้น เป็นสีเหลืองนวล น่าชม

ผลไม้ทิพย์ จาก พฤกษาต้นนี้

กาลพันปี จึงจะออกผล หนึ่งใบ

ล่วงอีกพันปี ผลนั้น จะสุกงอม

เป็นที่ปรารถนา แห่ง ทวยเทพยิ่งนัก

ชีวินมธุรา

ผลไม้ทิพย์ อันทรงคุณค่า

ยามเมื่อ เป็นผลอ่อน จะเป็นสีม่วงจาง

ยามเมื่อ แก่จัด จะเป็นสีชมพูอ่อน

ส่งกลิ่นหอมไปไกล ถึงหมื่นโยชน์

เทพอัครานฤบดินทร์

ประธานแห่งทวยเทพ มักจะเสด็จ

มา ณ. พฤกษาสวรรค์ แห่งนี้เสมอ

บัดนี้

ชีวินมธุรา ผลไม้ทิพย์ แก่จัดแล้ว

ทรงประทานให้ สาสนเทพ

ป่าวประกาศ ไปยังทวยเทพ ทั้งมวล

ให้มาร่วมงาน ชีวินมธุรฤกษ์

เพื่อ จะได้ร่วมลิ้มชิมรส ผลไม้อันเลิศนี้

ชีวินมธุรา เพียงผลเดียว

สามารถ เลี้ยงเหล่าทวยเทพ ได้

อย่างทั่วถึงกัน และ เมื่อได้ลิ้มรส

แล้ว ย่อมจะมีอำนาจ ให้ทวยเทพ

นั้น มีวรรณะเปล่งปลั่ง เป็นประกาย

อยู่เสมอมา ยังไม่พอ

คู่รักใด ได้ร่วมลิ้มชิมรส แห่งผลไม้นี้

จะได้อยู่ร่วมกัน อย่างมีความสุข

ไม่มีอุปสรรคใด ขัดขวางได้เลย

ชีวินมธุรา

เป็นจุดเริ่มต้น แห่ง ความรัก

อันยิ่งใหญ่

ณ.

สวรฤคาลัย แห่งนี้

**************


  ชีวินมธุรา				
20 กันยายน 2550 20:48 น.

กาลรชนี

ชีวินมธุรา

องก์ที่ ๒

กาลรชนี

แสงสีนวล ขาวผ่อง เยือกเย็น

เปล่งประกาย สาดส่อง ไปทั่ว

พื้นเมทนีดล ให้ความชุ่มเย็น

แก่ โลกใบนี้

แสงทั้งมวลนี้ ก่อกำเนิดมาจาก

มุกจันทรา

ที่ประดับอยู่ บนพระเศียร แห่ง

จันทเทวี

เทพธิดา ผู้มีพระสิริโฉม งดงามยิ่งนัก

พระองค์ ทรงประทับบน

บัลลังก์เมฆ สีขาวอันมี ฤทธิ์

ทรงรูปวงกลม

จันทเทวี เสด็จมาพร้อมด้วย

พวงมาลัย แก้วปะพาฬ

สีขาวใส สว่าง บริสุทธิ์

พระนาง สถิตย์ เหนือแท่นบัลลังก์เมฆ

โดดเด่น อยู่บนห้วงนภากาศ

ยามเมื่อ เสียงระฆังแก้ว ที่ประดับอยู่

มุมหนึ่งของ บัลลังก์เมฆ สั่นระรัวส่งเสียงใส

จันทเทวี ทราบว่า เวลาที่จะเสด็จ

ออกนั้น ได้มาถึงแล้ว

พระนาง  มุกจันทรา บัลลังก์เมฆ

และ พวงแก้วประพาฬ

ลอยเลื่อน จากทิพย์วิมาน

ปรากฏเหนือท้องฟ้า อันสุกใส

มุกจันทรา ส่งแสงเป็นประกาย

โชติช่วง ชัชวาลย์ ไปทั่ว

จันทเทวี ทรงปล่อย พวงแก้วประพาฬ

ให้ลอยไปสู่ นภากาศ

พวงแก้วประพาฬ พลันกระจายตัวออก

เป็นแก้วประพาฬเล็ก สดใส ส่งประกาย

ระยิบ ระยับ ประปราย ไปทั่ว งามจับดายิ่งนัก

รายรอบ มุกจันทรา ดังหนึ่ง จะส่งให้

มุกจันทรา ดูโดดเด่นยิ่งขึ้น

จันทเทวี ทรงแย้มพระสรวล เล็กน้อย

ด้วยตรึกถึง คำบอกเล่าของ

อัปสรสวรรค์ บริวาร

ยังมีเทพบุตรองค์หนึ่ง รูปลักษณ์

เด่นเหนือเทพบุตรองค์อื่น

ใบหน้าคมสัน ดวงเนตรสีเหล็กกล้า

ทรวดทรงทะมัดทะแมง แข็งแรง ยิ่งนัก

เทพนารีองค์ใด ได้พานพบ ให้ต้อง

อ่อนระทวย ด้วยพลังแห่ง ดวงเนตรคู่นั้น

หาต้านทานมิได้เลย

ตรงนี้

จันทเทวี ทรงตรึกเป็น ปริศนา ในพระทัย

ยังจะมี ชายหนุ่ม ที่เปี่ยมด้วยเสน่ห์

ปานนี้ อยู่อีกหรือ?

เสียงระฆัง แขวนอยู่มุม บัลลังก์เมฆ

ดังขึ้นแล้ว จันทเทวี ทรงยื่นพระหัตถ์

ออกไป แก้วประพาฬ ที่เปล่งประกายนั้น

พลันค่อยรวมตัวกัน กลับเป็นพวงแก้วประพาฬ

ตามเดิม มุกจันทรามณ๊ ที่ประดับนั้น

ยังคงส่องแสงอยู่เสมอ

จันทเทวี พร้อมบัลลังก์เมฆ

ทรงเลื่อนลอย ลับเหลี่ยมทิวเขา

กลับสู่ทิพย์วิมาน

โดย

คงปริศนา ถึงเทพบุตร สุดงาม

ค้างคา อยู่ในหทัย

มิเว้นวาย

*****************

 				
20 กันยายน 2550 20:43 น.

ทิวาวาร

ชีวินมธุรา

องก์ ที่ ๑

ทิวาวาร

เทพสุริยัน เสด็จลุกขึ้น

จากอาสน์ทองคำ

ออกจากทิพย์วิมาน

อันแสนสุข

ทรงเสด็จราชรถ

พร้อมเครื่องประดับ

งดงาม อลังการ

ค่อยค่อย เคลื่อนออกมา

อย่างช้า ช้า

โผล่พ้น ปุยเมฆ สีขาว

อ่อนนุ่ม ดุจใยสำลี

ในพระหัตถ์ ทรงถือ

มณีสุริยัน

ดวงแก้ว ที่มีมหิทธานุภาพ

เมื่อโผล่พ้นจากปุยเมฆสีขาว

ทรงปล่อย มณีสุริยัน

ลอยอยู่เบื้องหน้า

เทพสุริยัน

ทรงขับเคลื่อนราชรถตามไป

มณีสุริยัน

พลันเปล่งประกาย

ส่องแสงสว่าง สดใส

กระจายไปทั่ว

พี้นพิภพปฐพีมณฑล

ระหว่างนั้น

ทรงดำริ ถึงคำร่ำลือ

ในหมู่ทวยเทพ

เทพธิดา นางหนึ่ง

รูปโฉมพิไลลักษณ์ ยิ่งนัก

วงพระพักตร์ ดังรูปไข่

นัยเนตรกลมโต สุกใส

พระขนง โค้งเรียว ดังเดือนเสี้ยว

ทรวดทรง งดงาม สมส่วน

ยาม นาง เยื้องกราย ร่ายรำ

เปี่ยมด้วยเสน่ห์ รัดรึงใจ

เทพบุตรองค์ใด

ได้อยู่ใกล้

จะได้กลิ่นหอม อ่อนอ่อน

จากกายของนาง

ผิวเนื้อนวลขาว ผ่องใส

ทรงพัสตราภรณ์ ด้วยสีขาว

บริสุทธิ์ สูงส่งยิ่งนัก

ถึงตรงนี้

เทพสุริยัน ให้เกิดสิเน่หา

ใคร่จักได้พบนางเป็นยิ่งนัก

เฝ้าครุ่นคิด แต่ว่า

ทำไฉนหนอ?

จะได้พบนาง

เมื่อพบแล้ว

เราจักบอกความในใจ

ให้นางได้ทราบ

ในไม่ช้า

หมดเวลาแล้ว

เทพสุริยัน จำต้อง

ขับเคลื่อน ราชรถ ที่งามงด

กลับสู่ทิพย์วิมาน

พร้อมกับ

มณีสุริยัน

ทรงชักนำ

เคลื่อนราชรถ เข้าสู่

ปุยเมฆ สีขาว อ่อนนุ่ม

ลับเหลี่ยมเขาเมรุมาศ

โดย

มีความเสน่หา

ดิดตรึง ฝังในหทัย

มิอาจลืมเลือนได้เลย

****************

   				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟชีวินมธุรา
Lovings  ชีวินมธุรา เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟชีวินมธุรา
Lovings  ชีวินมธุรา เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟชีวินมธุรา
Lovings  ชีวินมธุรา เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงชีวินมธุรา