8 ตุลาคม 2547 09:36 น.

บ่มความเย็นชามาให้ทำมัยกัน

ทะเลดาว

คงไม่มี คำใดใด จากใจฉัน  
จะเสกสรร พรรณา มาเอื้อนเอ่ย
รัก คิดถึง หวง ห่วงใย ใครละเลย
เติมเฉยเมย มอบเย็นชา ให้อารมณ์

ไม่ส่งข่าว ทั้งไร้เงา เหงาสุดฝืน
ทนกล้ำกลืน ความปวดร้าว เข้าเยือนห่ม
เวลาผ่าน รูปภาพหนึ่ง ซึ่งเคยชม
ย้ำให้ตรม บ่มรอยช้ำ ความปรวนแปร 

ฉันจะต้อง ทำเช่นรัย ใจอ่อนล้า
คงจบสิ้น ปรารถนา เป็นแน่แท้
ทิ้งฉันไว้ แสนทุกข์ใจ ไม่เหลียวแล
ผลตอบแทน รักแน่วแน่ แผลฉกรรจ์ 

เคยเฝ้าง้อ กล่าวขอโทษ โกรธฉันไหม
ให้อภัย อย่าทิ้งไป ได้มั๊ยนั่น
ถึงวันนี้ มีคำพ้อ ขอรำพัน
หัวใจฉัน มันยับเยิน เกินทานทน

จะต้องเป็น ไปเช่นนี้ นานไหมหนอ
ปลอบตัวเอง อย่าเพิ่งท้อ หรือหมองหม่น
ฝืนระกำ น้ำตานอง หมองกมล
เพียงเพื่อคน ที่แสนรัก ไม่จากลา

ยิ่งนานวัน เหมือนลมผ่าน ไม่สัมผัส
เริ่มบ่งชัด ถึงเหตุการณ์ วันข้างหน้า 
บทลงทัณฑ์  แสนร้าวราน ผลาญชีวา
ยอมทำตาม คำบัญชา ของอารมณ์ 

เคยขอร้อง เรื่องสื่อสาร ฉันทำแล้ว
ไม่เห็นจะ มีวี่แวว ความสุขสม
ปล่อยฉันให้ อยู่เดียวดาย ใจระทม
เหมือนเธอบ่ม ความเย็นชา มาให้กัน

อยู่แห่งไหน ต่อนี้ไป ไม่ถามถึง
รับรู้ไว้ ใจดวงหนึ่ง เคยเพ้อฝัน
นาทีนี้ เหลือเพียงใจ ไร้วิญญาณ
ที่ต่อต้าน เสียงร่ำร้อง ของกายใจ 

ฝันที่สร้าง พังทลาย ใจมันท้อ
ความชินชา รวมตัวก่อ รุกลามใหญ่
ความปวดร้าว เข้าโถมรุม สุมทรวงใน
จนหัวใจ มันกระด้าง ดั่งเลือดเย็น!!!... 				
6 ตุลาคม 2547 20:50 น.

แค่เพียง...

ทะเลดาว

เหนื่อยอ่อนใจ เกิดอะรัย กับความรัก
เกลียวสลัก แนบแน่นคลาย ใกล้สิ้นเยื่อ
ใจนะใจ มอบให้ไป ไม่หลงเหลือ
เก็บไว้เผื่อ ตัวเองบ้าง ช่างกระรัย

เหมือนเราอยู่ เพียงลำพัง อ้างว้างนัก
คนบอกรัก จะรักมั่น ไม่หวั่นไหว
มาวันนี้ มิมีแล้ว สัญญาใด
ที่บอกรัก ก็จากไป ไม่เหลียวมอง

กายซบหมอน นอนสะอื้น สุดกลืนกล้ำ
มีหยาดน้ำ เอ่อรินไหล เมื่อใจหมอง
ถึงหลับตา หาได้หลับ กลับร่ำร้อง
สองนัยน์นอง ใจร้องไห้ หลับไม่ลง

ในส่วนลึก รู้ว่าช้ำ ทำไฉน
ยิ่งหวาดไหว ใยเททุ่ม เหมือนลุ่มหลง
ยังคิดถึง ใจจึงเฝ้า เพ้อ พะวง
ตัวเราคง ถูกลิขิต ชีวิตไว้

รับความเศร้า คราวมีรัก ต้องหักลา
รับความช้ำ- ชอกชีวา จนหมองไหม้
เกิดมาเพื่อ ต้องเจ็บช้ำ ระกำใน
และไม่ใช่ เกิดเพื่อให้ ถูกใครรัก

คนที่ช้ำ ก็ช้ำไป ไม่แปรฝัน
คนที่บอก รักผูกพัน พลันจรจาก
สลายไป คือใจคน ที่มอบรัก
ซากปรัก เรือนรักร้าง อยู่กลางใจ				
17 กันยายน 2547 19:12 น.

หนึ่งมาลัยคล้องใจดาว

ทะเลดาว

เธอคือฉัน  ติตรากร

ในมุมหนึ่งกลางสรวงของห้วงฟ้า
หลับสายตาพร่าหมองมามองหวน
ริมขอบตาใต้ขนง อนงค์นวล
เคยหยดมวลอสุชลที่บนปราง

มิตั้งใจเลยหนอที่ก่อกริ้ว 
ให้เป็นริ้วรอยรองความหมองหมาง
แก้มใสใสเชยชิดกนิษฐ์นาง
จงหายห่างอสุชลนะคนดี

เปลี่ยนเงาจางบัดนี้เป็น -ที่หวัง- 
ภาพภวังค์พล่าพรายเริ่มคลายคลี่
แห่งห้องกลอนสง่าสวนมวลมาลี
ล้วนภักดีร้อยกรองของห้องตา

จุดประกายจากฝันวันฟ้าสวย
งดงามด้วยบทกวีทุกทีท่า
ก่อเกิดแรงบันดาลกานท์ลีลา 
ในแววตาชวนพิศที่นิตย์รัก 

มีคำกล่าวร้อยถ้อยนับพันหมื่น
อันดาษดื่นเสกเสลาเกลาสลัก
หากแต่หนึ่งความหมายให้ทายทัก
ที่ทอถักหนึ่งถ้อยให้ร้อยกรอง

แม้ปางใดไกลแสนแห่งแดนสรวง 
ที่ทั้งปวงทรวงเดียวเคยเกี่ยวข้อง
เก็บมาให้เธอพิศพินิจครอง
แห่งเราสองครองสิทธิ์ที่นิตย์รัก

หนึ่งมาลัยคล้องใจดาว  ทะเลดาว

เกี่ยวก้อยนะ ก่อนพักผ่อน นอนหลับฝัน
ขอไมตรี มีให้กัน อย่าหันเห
เมื่อรักแล้ว จึงมอบรัก อย่างทุ่มเท
เมื่อเสียใจ จึงโยเย บางเวลา

คนแสนรัก ทำเหมือนจัก อยากเหินห่าง
จึงเดียวดาย คล้ายเส้นทาง แยกขวางหน้า
หลงเวียนวน จนท้อเหนื่อย ในวิญญา
หนึ่งกมล ยิ่งช้ำชา นิตย์มาไกล

ในแดนสรวง ล้านดวงดาว แต่เฝ้ารอ
เพียงหนึ่งกานท์ สานถักทอ ที่ฟ้าใส
ดาวอยู่สูง ประดับสรวง เฉิดไฉไล
เลือนจางหาย ดุจสิ้นใย ในรัก ตา

เอ่ยซ้ำซ้ำ ย้ำด้วยใจ ให้เพียงคน
รักเหลือล้น ดาวกมล นิตย์ล้ำค่า
จึงเขียนกานท์ ฝากเพลงผ่าน วอนเรื่อยมา
รู้เถิดหนา ครองห้องฯตา นิตย์คนเดียว

หากมีวัน สัมพันธ์ดาว จะร้าวไหว
จะขอใช้ หนึ่งหัวใจ ดวงนี้เกี่ยว
แทนมาลัย คล้องใจดาว สานต่อเกลียว
ใช้ทุกเสี้ยว อณูรัก ถักสัมพันธ์

กนิษฐ์ขอ เคียงเพียงนิตย์ ในปางนี้
มอบทุกห้อง ดวงฤดี ทั้งตื่นฝัน
มีสิทธิ์ไหม ห้องใจนิตย์ มอบให้กัน
คือของขวัญ แห่งสองเรา ดาวกวี...				
15 กันยายน 2547 19:15 น.

ช่วยบอกทีวิธีไหน

ทะเลดาว

ช่วยบอกหน่อย นะคนดี วิธีไหน
ที่รู้จัก หักห้ามใจ ไม่คิดถึง
สอนบ้างซี วิธีห้าม ความคนึง
ลดคิดถึง ลงสักครึ่ง วินาที

ใจแสนดื้อ ยื้อเท่าไหร่ ไม่ยอมอยู่
ช่วยเป็นครู แนะแนวทาง รั้งใจนี้
วิธีปราม ความคิดถึง ซึ่งมากมี
นะคนดี ช่วยสอนหน่อย จะคอยฟัง

ตั้งเป็นโจทย์คำถามตามที่เขียน
ในห้องเรียนตามครูผู้ที่สอน
อาจารย์คือหัวใจติตรากร
ใช่ออดอ้อนเป็นคำบอกออกจากใจ

เมื่อต่างคนคิดถึงจึงบอกว่า
ใจบัญชาห้ามอย่างรัยก็ไม่ได้
ยิ่งห้ามยิ่งคิดถึงกลางกึ่งใจ
เหมือนที่ใครคนนี้มีให้เธอ

ติตรากร คือครูสอน เรื่องหัวใจ
รู้บ้างไหม ทำให้ใคร ใจเพ้อฝัน
สอนให้รัก ให้คิดถึง ทุกคืนวัน
อยู่ในขั้น เข้าโคม่า แล้วอาจารย์

ขอให้ช่วย กลับเฉลย เอ่ยหลบเลี่ยง
ว่าเป็นเสียง ใจบัญชา อย่าไปค้าน
งั้นต่อไป ใจดวงนี้ ให้อาจารย์
รับผิดชอบ ตลอดกาล จะว่างัย

ครูที่สอนเรื่องหัวใจจำได้ดี
ศิราณีคืออาจารย์ผู้สานฝัน
ติตรากรธรรมดาคนสามัญ
ที่ผูกพันดารารายมาหลายปี

ขอเป็นดาวในดวงใจให้เหมือนเดิม
ดาวที่เพิ่มรักมาเฝ้าจนเข้าที่
รับดูแลใจของเราดาวกวี
นะคนดีจะรับไหมหัวใจดาว 

รับดูแล แต่ให้มา ทั้งหมดไหม
หรือแบ่งไว้ เผื่ออะรัย บ้างหรือเปล่า
ให้ดูแล แต่ไม่หมด คงไม่เอา
จะดูแล ทั้งใจดาว หมดทั้งดวง

รับเถิดนะ ข้อเสนอ เธอคนดี
คนสามัญ แบบเธอนี้ ฉันห่วงหวง
ต่างเราต่าง รับดูแล ใจสองดวง
ติตรากร ผู้คล้องบ่วง มัดหัวใจ				
15 กันยายน 2547 19:07 น.

ห้องฝันแห่งสองเรา

ทะเลดาว

ชั่วฟ้าดินสลาย...

ดาวกวี   ติตรากร  บทกวีแรกเริ่มต่อเติมจนเต็มใจรัก 

 ให้คนดี ดาวกวี ที่น่ารัก
เจิดประจักษ์ ทะเลดาว ผู้เฝ้าหา 
เก่งทั้งศาสตร์ และศิลป์ จินตนา 
สมคุณค่า นวตกรรม ที่พร่ำวอน

ช่อกุหลาบ มอบจากใจ ไว้ล่วงหน้า 
แทนวันรับ ปริญญา มาไว้ก่อน 
เรียนให้เก่ง สมดังใฝ่ ใจอาทร 
และอวยพร มาเพื่อย้ำ กำลังใจ 

เธอจงติด กลอนนี้ไว้ ในสมุด 
เพื่อจะจุด ประกายฝัน อันสดใส 
เปิดลำนำ บทนี้อ่าน เมื่อกาลใด 
โปรดรู้ไว้ แทนใจฉัน นั้นถึงเธอ 

เป็นตัวแทน ฝากไว้ ในใจว่า 
เมื่อเหนื่อยล้า จากการ อ่านหนังสือ 
บทกลอนนี้ จะอยู่ใกล้ ให้พบเจอ 
ใกล้ชิดเธอ เคียงข้าง ระหว่างใจ

แด่คนดีที่แสนรักติตรากร  ทะเลดาว

3 มีนา มาบรรจบ ครบอีกครั้ง
ขออวยพร มาย้อนหลัง ด้วยหวังว่า
ขอให้เธอ มีความสุข ทุกเวลา 
หากว่าเธอ ปรารถนา ในสิ่งใด

ขอให้ได้ สมดังใจ ที่ใฝ่ฝัน
ทั้งการงาน ให้ก้าวหน้า และสดใส
สุขภาพ จงแข็งแรง ทั้งกายใจ
ทั้งทุกข์ภัย อย่ากรายผ่าน ให้รานรอน

ขอจงเป็น สุดที่รัก ของครอบครัว
ความหมองมัว ในดวงใจ จงถ่ายถอน
พบแต่สิ่ง ที่งดงาม ทุกความตอน
ขออวยพร ให้คนดี มีสุขใจ

ให้ความรัก จงชื่นบาน นานร้อยปี
รักคงมั่น ของคนดี จงสดใส
สิ่งศักดิ์สิทธิ์ จงคุ้มครอง ตลอดไป
ขออวยพร จากดวงใจ ทะเลดาว

สุขสันต์วันเกิดทะเลดาว  ติตรากร

จากนั้น วันนี้ ยี่สิบสี่
ฤกษ์ดี กุมภา ฟ้าสดใส
วันเกิด เวียนมา อ่าอำไพ
อวยพร อวยชัย ให้โชคดี

เดือนปี ผูกพัน สุขสันต์ยิ่ง
เหมือนมิ่ง เหมือนขวัญ อันสดศรี
อวยพร กมล คนแสนดี
ให้มี สุขสันต์ นิรันดร

สิ่งใด เธอหวัง ดังประสงค์
ยืนยง ตรงใจ ไม่ผันผ่อน
คิดหวัง สิ่งใด ได้แน่นอน
ขอพร ทุกทิศ สถิตย์ดาว

อัญเชิญ เทวา มาปกป้อง
คุ้มครอง คนดี ที่ห้องหาว
วันเกิด แล้วนะ ทะเลดาว
ส่งข่าว อวยชัย มาให้เธอ

แม้จะ ไม่รู้ อยู่ที่ไหน
รู้ไหม ส่งใจ ให้เสมอ
เผื่อถ้า บังเอิญ เดินมาเจอ
ให้เธอ สุขสันต์ ทุกวันมา

ไม่ลืม ทุกปี ต่อนี้ไป
ภายใน กุมภา จะมาหา
เขียนคำ อวยพร เป็นกลอนมา
ทุกครา นะจ๊ะ ทะเลดาว 

ชื่นใจนัก รักเหลือเกิน    ทะเลดาว ขอหยิบยืมคำน๊าาา  

อวยพร ทะเลดาว คราวครบปี
ติตรากร คนแสนดี มิลืมหลง 
วันใด ยังจำได้ อย่างมั่นคง 
เดือนใด ไม่เคยหลง หรือลืมไป 

ขอบคุณ คือน้ำคำ อยากพร่ำกล่าว 
จากใจ ของดวงดาว มอบมาให้ 
ขอพร จงได้ย้อน กลับคืนไป 
สู่ขวัญ ยอดหทัย ทวีคูณ

ให้กับความเอื้ออาทร...  ติตรากร  

 ปุยเมฆขาวนุ่มนวลชวนหลงใหล
และอ่อนไหวบอบบางออกอย่างนั้น
โลมละอองเกร็ดหิมะมาคละกัน
ดุจเจือฝันฝนเคล้าพะเน้าพะนอ

ยินเสียงแว่วจากฟ้าโชยมาฝาก
เบาแผ่วจากเธอเย้าหรือเปล่าหนอ
ใจรู้ห่วงสายใยได้แต่รอ
กับการพ้อถามเอื่อยอยู่เรื่อยไป

กระซิบถามเธอย้ำทำไรอยู่
อยากจะรู้ตอนนี้อยู่ที่ไหน
สุขหรือเศร้าทุกข์คละประการใด
ดูเหมือนไม่ห่วงใยในข่าวคราว

แค่บอกนิดคิดถึงซึ้งยังดี
คงช่วยให้ใครคนนี้คลายหายเศร้า
ส่งความห่วงกระซิบหามาเบาเบา
กับความเหงารุมเร้ามันเศร้าเกิน

กระซิบมาเคียงใกล้ได้ยินไหม
กับหัวใจบางเบาใช่เขาอื่น
พบกันได้มิใช่ความบังเอิญ
เรามายืนเพราะคำมั่นกันและกัน

สัญญานะสักครั้งยังแน่แน่ว
ไร้ใครแล้วให้ระลึกนึกถึงฉัน
คิดถึงใครคนนี้ก็แล้วกัน
จะคอยปันให้เจือสายเยื่อใย

อย่าคิดว่าไม่มีใครไหนห่วงหา
ในวันที่เธออ่อนล้าและอ่อนไหว
ยังมีคนคอยพร้อมยอมเข้าใจ
และห่วงใยด้วยรักนี้  ที่แท้จริง

ใจละเมอ    ทะเลดาว

หากยินเสียง แว่วจากฟ้า โชยมาฝาก
พลิ้วแผ่วเบา กระซิบจาก ดวงสมร
ดุจเย้าหยอก บอกเป็นนัย ใจบังอร
คงไหวอ่อน ด้วยเยื่อใย ปันให้มา

ก่อนพบเจอ เธอคนนี้ มีความเศร้า
พะนอเคล้า เช่นดังเงา ไม่หนีหน้า
ร่วมคลุกคลี มิยอมพราก ซักเพลา
เหมือนดวงใจ ถูกทาทาบ ฉาบสีเทา

แต่เมื่อวัน ฉันได้เจอ เธอคนนี้
ดวงใจที่ เคยเย็นเฉียบ สุดเงียบเหงา
ถูกเธอใช้ ไออบอุ่น จูนเบาเบา
เธอคล้ายไฟ ละลายเศร้า จนเหงาคลาย

สีเทาจาง เพราะดวงใจ ใครเข้าช่วย
เปลี่ยนสีเป็น ชมพูสวย แสนสดใส
เพราะมีเธอ เอื้ออาทร ด้วยดวงใจ
อยู่แห่งใด รับรู้ได้ สายใยเธอ

เสียงกระซิบ เธอถามย้ำ ทำรัยอยู่
ตอบให้รู้ แอบส่งใจ ไปเสนอ
ฝากปุยเมฆ ละอองขาว ส่งข่าวเธอ
ใจละเมอ เพ้อคิดถึง แอบซึ้งใจ

เล่าให้ฟัง    ติตรากร  

 เคยได้ยินแผ่นเสียงตกร่องไหม
เมื่อย้อนไปในเวลาไกลนักหนา
ยุคของเครื่องดนตรีคือกีตาร์
ที่พ่อคว้ามาเกาเพลงเร้าใจ

ในยุคนั้นหนุ่มสาวไม่เข้าผับ
ไม่มีคลับมีบาร์พาหลงใหล
มีเพียงนัดเกี้ยวพาราสีไป
ให้ผู้ใหญ่รับรู้ว่าคู่กัน

ไม่มีหรอกที่นัดเจอเซ็นเตอร์พอยท์
จะนัดคอยกันได้ไกลเกินฝัน
ทีวีก็ช่องสี่มีเท่านั้น
แต่สุขสันต์เหลือเกินเพลิดเพลินใจ

ฟังพ่อเล่าย้อนเวลามาไกลโข
ลูกคนโตอย่างฉันยังหวั่นไหว
สมัยหนึ่งที่ห่างต่างกันไป
พอศอใหม่เปลี่ยนผันตามครรลอง

นึกถึงยุคกีตาร์เคยมาบ้าง
แต่ยังห่างยังแย่แค่มือสอง
บทเพลงนั้นหวานล้ำตามทำนอง
มีเสียงกลองให้จังหวะคละกันไป

เล่ามาให้คนดีที่ฉันรัก
เธอรู้จักแผ่นเสียงตกร่องไหม
มันคงแปลกถ้ามีเสียงร้องเรียงไป
ว่าหัวใจ..รักเธอ..รักเธอ..รักเธอ..รักเธอ..รักเธอ.....ฯลฯ

 เข้ามาฟัง ยังไม่จบ ใช่หรือไม่
เพลงอะไร  แล้วทำไม  แผ่นตกร่อง
เสียงรักเธอ รักเธอซ้ำ ท่วงทำนอง
แผ่นตกร่อง เพราะเจ้าของ คงเป็นใจ (ใช่ป่าวเอ่ยย)

 สะดุดคำ พร่ำว่ารัก รักรักเธอ
ฟังแล้วเผลอ อยากฟังซ้ำ ทำไฉน
เปิดอีกครั้ง ยังเหมือนเดิม หรือเปลี่ยนไป
ไม่รู้ มัย อยากฟังซ้ำ คำ รักเธอ  (ที่แผ่นตกร่องอ่ะน๊าาาาา) 

 แผ่นเสียงนี้ทำไว้เพื่อให้เธอ
อย่าไปเผลอให้ใครรู้ไหมหนอ
มีแผ่นเดียวที่ทำได้แบบไม่ท้อ
มีเพียงพ้อคำรักเธอเสมอไป...ไม่รู้ทำไม...อยากฟังซ้ำ...คำ รักเธอ รักเธอ รักเธอ.... 

อันเป็นที่รัก   ติตรากร 

 ช่อกุหลาบดอกนิดแซมคิดถึง
กลีบดอกหนึ่งแย้มวาจาว่ารักไหม
หลายหลายกลีบรวมร้อยเป็นสร้อยใจ
แต่คล้องไว้รวมก่อเป็นช่อเดียว

วันแรกเริ่มเติมใจให้ไปหนึ่ง
และส่งถึงเธอให้ไว้แลเหลียว
ขอเพียงเธอเพ่งพิศเพียงนิดเดียว
อย่าให้เหี่ยวเฉาค้างอยู่กลางใจ

ฟังซิจ๊ะกุหลาบเค้าเว้าวอนถาม
จะขอตามมาเอาใจจะได้ไหม
กลีบกุหลาบจะแย้มแต้มเอาไว้
อยู่ใกล้ใกล้แนบข้างระหว่างเรา

หอมแห่งรักกุหลาบหอมมิยอมห่าง
จะไม่จางจะดูแลคอยแก้เหงา
กลิ่นหอมจะโชยพร้อมโอบล้อมเรา
ให้หอมเท่าทุกหยาดไม่ขาดตอน

วันนี้กับดวงใจไว้อีกช่อ
แต่จะขอวางไว้ใกล้ใกล้หมอน
วางข้างแก้มละมุนยามหนุนนอน
หลับพักผ่อนหอมกรุ่นแห่งอุ่นไอ

กระซิบจากกุหลาบหนึ่งถึงที่รัก
จะร้อยถักคล้องใจเธอได้ไหม
เมื่อแนบปรางก็จะขอแนบดวงใจ
แนบมาไว้ด้วยกุหลาบ...ตราบนิรันดร์

ส่งรอยยิ้มพิมพ์ผนึกย้ำลึกนัก
ดอกกุหลาบซิน่ารักแสนสดใส
เห็นมีมาคราได้รับประทับใจ
ยังจำได้รับจากใครไม่ลืมเลือน

วางข้างแก้มแต้มความรักจากดวงดาว
ถักร้อยเราสองดวงใจสุขใดเหมือน
ถ้าขอได้จะขอไว้ไม่แชเชือน
เป็นเสมือนคล้องใจกันฉันและเธอ

 จะเป็นได้...ในทุกสิ่ง...ที่เธอเห็น
และจะเป็น...คนในใจ...ได้เสมอ
เหมือนเช่นวัน...แรกประสบ...ที่พบเจอ
กุหลาบคือ...สิ่งแทนใจ...ให้มาครอง

จากวันนี้...ตลอดไป...ในวันหน้า
ฉันจะพา...กุหลาบใจ...ให้เจ้าของ
เสมือนหนึ่ง...สองดวงใจ...ได้ครอบครอง
แม้จะต้อง...รอนานวัน...ฉันยินดี 

แม้รอนาน...สักเพียงใด...ใจมุ่งมั่น
เชื่อใจกัน...นานเพียงใด...ไม่หลีกหนี
กุหลาบสวย...แสนสดใส...ใจเปรมปรีดิ์
แทนวจี...คำว่ารัก...แห่งสองเรา

ความรักคง...งามงดนัก...จักประคอง
ด้วยมือสอง...ร่วมรดน้ำ...ยามค่ำเช้า
ดูแลจน...ดอกไสว...ในใจเรา
ร่วมกันเฝ้า...ถนอมรัก...จากดวงใจ    

 เข้าหน้าหนาว..กุหลาบหอม...มิยอมหนาว
ดอกจะพราว..บานเป็นคู่...ชูไสว
จะเคียงข้าง..เพื่อผลิออก...ดอกและใบ
พร้อมกันไป..เหมือนใจคล้อง..ผุดผ่องพันธ์

ย่างหน้าหนาว...กลัวจะหนาว...ใจเราสอง
จะโอบน้อง..ด้วยกุหลาบ...อาบใจฝัน
โรยบนหมอน...ตอนเธอหนาว...พราวแพรพรรณ
กุหลาบนั้น...วางกลางใจ...ใกล้ใกล้เธอ

ลมจะหนาว...ห่มผ้าห่ม....ท้าลมหนาว
กุหลาบเจ้า...จะคอยเฝ้า...เราเสมอ
กลีบกุหลาบ...ที่เคยชม...จะห่มเธอ
จากสองมือ...ที่เราปลูก....จนผูกพัน 

ลมจะหนาว...สักเพียงใด...ใจฤๅ หนาว
ฟ้าสกาว...ดาวสว่าง...กระจ่างใส
ยืนเคียงพี่...ที่บ้านสวน...อบอวลไกล
ด้วยดอกไม้...กุหลาบรัก...จากมือเรา

ยามลมพลิ้ว...ปลิวสะบัด...พัดโชยต้อง
พี่ประคอง...ดั่งผ้าห่ม...ป้องลมหนาว
ตระกองกอด...เยาวมาลย์...ณ.บ้านเรา
ชี้ชวนเจ้า...เฝ้าหยอกล้อ...พะนอใจ

น้ำค้างพรม...บนใบหญ้า...อากาศหนาว
กุหลาบออก...ดอกพร่างพราว...สื่อความหมาย
ว่าเราสอง...ครองเคียงรัก...จากนี้ไป
กุหลาบใจ...ในบ้านสวน...ล้วนพยาน

เวลาผัน...วันจะเปลี่ยน...ไปเพียงไหน
สื่อดวงใจ...คือกุหลาบ...ยังคงมั่น
ไม่โรยรา...จากดวงใจ...กันและกัน
บ้านสวนพลัน...คือสถาน...ทิพย์บนดิน 

 สวนแห่งนี้..มีคนเยือน..เยี่ยมถึงถิ่น
แวะมายิน...ใครกันหนอ...รอนานเนิ่น
เปิดต้อนรับ..ด้วยโอบเอื้อ..และเชื้อเชิญ
อย่าบังเอิญ.เดินผ่านมา..แล้วผ่านไป

สวนกุหลาบ..อยู่ในใจ..ใครคนหนึ่ง
เก็บดอกซึ่ง..แสนสดใส..ให้มาใหม่
คอยรับนะ..ดาวกวี...ที่รู้ใจ
ส่งมาให้..ในคราวนี้...รับซิจ๊ะ

เสียงกระซิบจากกุหลาบ....  ติตรากร 

ใครกันหนอพอไม่มาหน้าก็หมอง
อยากจะจ้องมองให้รู้ดูความหมาย
ยิ่งอยากรู้ยิ่งไม่รู้นั่งดูดาย
เหมือนมาหน่ายกายก็หายใจก็เหงา

ยอมแพ้แล้วแววตาซึ้งจึงต้องช้ำ
เหมือนกับน้ำตาจะไหลกายจะหนาว
นี่นะหรือคือเรียกรักทักเบาเบา
ใครจะเข้าใจอย่างนี้มีอย่างนั้น

บอกไปเลยเอ่ยว่ารักสักหมื่นหน
กลัวจะบ่นเธอจะล้อพ้อในฝัน
เลยชะแง้แลชม้อยคล้อยตามกัน
เธอกับฉันวันสุดหวานนานสุดหวง

บอกรักแล้วเข้าใจไหมเข้าใจไหม
จะชิดใกล้กลัวตะขิดกลัวตะขวง
ให้เวลาพาใจเราเข้าถึงทรวง
กาลจะล่วงห่วงแค่ไหนใจอยากถาม

มากระซิบใจกระชับรับเถิดนะ
อย่ายี่หระกุหลาบนี้ไม่มีหนาม
มีแต่รักห่อบรรจุกุหลาบงาม
มอบมาตามความคิดนึกใช่ทึกทัก

เปิดใจรับใครคนนี้หน่อยซิจ๊ะ
นานแล้วนะใจตรองตรึกจึงนึกรัก
พูดครั้งแรกจึงตะกุกจึงตะกัก
ให้กุหลาบกระซิบรักแทนใจนะ

รับกุหลาบ ทราบความนัย   ทะเลดาว

เสียงกระซิบ...ที่แผ่วหวาน...สะท้านจิต
ยินเพียงนิด...คิดละเมอ...จนเผลอไผล
เสียงใครหนอ...ล้อลมเย้า...กระเซ้าใจ
ดูหรือใคร...มาเอื้อนเอ่ย...เฉลยความ

กุหลาบน้อย...เจ้ากลอยใจ...เมื่อได้รับ
ฝากกำชับ...กับหนึ่งคำ...ที่พร่ำถาม
เข้าใจไหม...เข้าใจไหม...ใจนงราม
ขอตอบคำ...พี่ยาถาม...น้องเข้าใจ

แอบยิ้มรับ...กับวจี...พี่ยากล่าว
ทั้งยังเฝ้า...แอบสบตา...พาหลงไหล
แอบ อมยิ้ม...ยามพี่เมิน...เพราะเขินอาย
ใครเอ่ยใคร...กล้าเผยใจ...ใยหลบตา

มอบดอกไม้...แทนความนัย...ใช่ไหมจ๊ะ
รับแล้วนะ...จะอ่านใจ...ได้ไหมหนา
แถมส่งยิ้ม...พิมประไพ...ให้พี่ยา
เฝ้าค้นหา...แววตาคือ...สื่อดวงใจ

คือถ้อยคำ..อันวิจิตร..พินิจสรร
เธอจำนรรจ์..มาจากใจ..ใช่ไหมหนอ
รู้ไหมว่า..เธอห่างหาย..ได้แต่รอ
เกือบจะท้อ..กำลังใจ..ไม่ได้พบ

มาวันนี้..คนดีมา..เหมือนคราก่อน
พบบทกลอน..เธอให้ไว้..ได้ประสบ
ก็สุขใจ..ชื่นฉ่ำใจ..คราได้พบ
ใจอุ่นอบ..ขึ้นมาใหม่..ในทันที

มิโรย...มิรู้        ติตรากร 

 ดอกไม้แห่งหัวใจได้แตกช่อ
ด้วยแสงทอแห่งตะวันอันสดใส
เริ่มต้นผลิดอกงามอร่ามใจ
พริ้วไสวแรกแย้มแต้มชีวา

เช่นเดียวกับดอกไม้ในความรัก
สูงค่านักสำหรับผู้รู้คุณค่า
รู้รอวันรอวัยได้เวลา
รักได้มาเป็นหนึ่งก็ซึ้งใจ

ไม่อยากให้บุปผาร้างคาต้น
จึงมีคนคอยบั่นไม่หวั่นไหว
เก็บมาแต่งเก็บมาเรียงเคียงกันไป
ประดับไว้บนเรือนเหมือนเพื่อนกัน

เมื่ออยู่ในแจกันก็ฝันค้าง
อยู่ท่ามกลางความระแวงเหมือนแข่งขัน
มีคนคอยจัดแบ่งตกแต่งกัน
จนกลายพันธุ์อยู่นานสารเคมี

จากดอกไม้ริมสวนอันอวลหอม
จึงถูกล้อมด้วยลวดและกรวดสี
กลายเป็นเหมือนดอกฟ้าสง่าดี
ทั้งทั้งที่ดอกไม้ไร้ชีวิต

อยากจะโรยแต่โรยยังมิได้
อยากชูช่อล้อใบก็ไร้สิทธิ์
คุณค่าแห่งพันธุ์ไม้หลายชนิด
เหมือนดอกไม้ประดิษฐ์หมดสิทธิ์โรย

ประทับใจ ในคุณค่า น่าถนอม
ดอกไม้หอม ล้อมด้วยรัก ที่ไสว
ได้แต่รอ มิเคยท้อ ดวงหทัย
ไม้แตกใบ รักแตกกอ ละออทรวง

จะเคียงข้าง ไม่ห่างไกล ต่อไปนี้
จะดูแล ทุกนาที เพราะห่วงหวง
ประทับใจ ดอกไม้งาม อร่ามทรวง
ขอชื่นชม และแหนหวง ดั่งดวงใจ  

 โดยประดับด้วยดอกไม้กลางใจฉัน
ไม่มีวันจากไปไกลร้างไปไหน
จะเคียงข้างกลางใจฉันทุกวันไป
กำลังใจความเชื่อมั่นผูกพันเรา

จะเป็นอยู่เหมือนเช่นนี้ชั่วชีวิต
ผูกดวงจิตสองดวงใจไม่ให้เหงา
ดอกไม้จะส่งกลิ่นหอมถนอมเรา
เนิ่นนานเนาว์ชูช่อไว้ไม่ร้างลา

ชมดาวฟากฟ้าเดิม    ติตรากร 

 ที่ขอบฟ้าประจิม ณ ริมเมย
เหมือนเช่นเคยเคียงกรุ่นอุ่นไอฝัน
ได้รู้เห็นดาวประดับนับร้อยพัน
ที่ประชันมาเรียงข้างเคียงใจ

เพราะสัญูญาพบกันในวันว่าง
ชมดาวข้างแม่เมยเลยหวามไหว
ดาวยังคงไม่ห่างแม้ร้างไกล
สองดวงใจยังอยู่มิรู้เลือน

ผูกรักเราเอาไว้ใต้ฟากฟ้า
ฝากดาราแทนใจไว้เป็นเพื่อน
เขียนเรื่องราวเก่าเก่าคราวมาเยือน
เหมือนจะเตือนความจำอันรำไร

ดาราแม้พันดวงก็พันเปล่า
เปล่งแสงเท่ารัชนีหามีไม่
ท้องฟ้าฤาเป็นสิทธิ์จำเพาะใคร
หัวใจคนไม่เป็นสิทธิ์จำเพาะคน

แม่เมยคืนฟ้าแรมเหมือนแย้มยิ้ม
ฟ้าประจิมริมเมยไม่เคยหม่น
ห่วงแต่ดาวชาวเมยมิเคยพ้น
รักเสียจนทอดใจให้หมดเลย

อัศดงฟ้าเดิมเริ่มราตรี
ฟากฟ้านี้ดาวมิเพียงเคียงเขนย
หากแต่จะพร้อมอยู่เป็นคู่เชย
ฟ้าริมเมยยามนี้มี....ที่รัก

ฟากฟ้า ยามราตรี     ทะเลดาว 

ณ.ขอบฟ้า ยามราตรี พี่รู้ไหม
ว่ามีใคร มองดารา คราคิดถึง
สัมผัสฝัน อันอบอวล หวลคะนึง
ยังซาบซึ้ง อุ่นไอรัก จากคนดี

ดาวร้อยพัน ประชันเรียง ยังเคียงคู่
ทอแสงสู่ ห้วงนภา สง่าศรี
ใจเราสอง ครองร่วมฝัน มั่นวจี
แม้ห่างหาย ฤทัยนี้ มิเลือนลาง

เฝ้าส่งรัก จากฟ้าไกล ข้ามไปหา
รับเถิดหนา อย่าน้อยใจ ใช่ไกลห่าง
ส่งมาพร้อม ถนอมขวัญ วันแรมร้าง
ด้วยสัญญา ในวันว่าง ช่างผูกพัน

จะกอดกล่อม ถนอมรัก ใต้ฟากฟ้า
จงหลับตา ในอ้อมกอด แห่งความฝัน
จะเห็นภาพ ของสองเรา เคล้าเคียงกัน
โอ้!จอมขวัญ ดวงมาลย์รัก ยังถักทอ

 ฝากดวงดาว เฝ้าย้ำเตือน เยือนยามไกล
กระซิบใจ อยู่ใกล้ใกล้ รู้ไหมหนอ
ยามหนาวลม พรมผิวกาย ได้เคลียคลอ
โอบพะนอ ใต้ฟ้างาม ยามราตรี

เสียงหรีดหริ่ง กล่อมพฤกไพร ในคืนค่ำ
ออดอ้อนคำ ภาษาใจ ห่วงใยพี่
แอบกระซิบ ฝาก ลมเย้า ทุกนาที
หนึ่งคำนี้ มอบให้พี่...คือ..ที่รัก 

ฝากฟากฟ้ามากระซิบ     ติตรากร 

จากดวงใจส่งข่าวถึงดาวหนึ่ง
เธอผู้ซึ่งกำเนิดมาเวิ้งฟ้ากว้าง
ผ่านเมฆถึงกมลคนแรมทาง
อยู่ระหว่างกลางนภายามราตรี

โปรดมาอยู่เคียงข้างบ้างได้ไหม
จะหักห้ามปรามใจได้ไหมนี่
ฝากฟากฟ้ากระซิบดาวส่งข่าวที
ใครคนนี้มองดาวพราวพิไล

ฝากรักไว้บอกดาวอันวาววับ
จะคอยนับเกร็ดดาวพราวฟ้าใส
แทนแววตาคอยจ้องมองฟ้าไกล
ที่ส่องมองด้วยใจในแววตา

จะเก็บเสียงถักทอลมล้อไหว
เสียงใบไม้ต้องลมชมพฤกษา
มาขับกล่อมละมุนอุ่นกายา
แด่ดาราเพื่อบรรเลงเพลงดนตรี

ได้ยินไหมดาวละมุนกรุ่นไอรัก
แม้ดาวจักอยู่ไกลในวิถี
แต่เราจะเป็นทวิดาวกวี
เป็นดาวที่อยู่ในใจ.....ไม่ห่างเลย

เธอกับฉันจะประคองรวมสองจิต
มาร่วมคิดเคียงข้างไม่วางเฉย
ทวิดาวกวีกรุ่นนามคุ้นเคย
ดังเปรียบเปรยดาวของเราสองคน

ดาวดวงหนึ่งถึงดาวอีกดวง    ทะเลดาว

ใจหนอใจ...ใจของเรา...เฝ้าคิดถึง
ใครคนหนึ่ง...ซึ่งพบเขา...ยามเราฝัน
ใจหนอใจ...ใฝ่คะนึง...ถึงคืนวัน
ฟากฟ้าฝัน...เคยเคียงกัน...เก็บดวงดาว

มาพบกัน...ได้ยังงัย...นะใจเอ๋ย
หรือก่อนเคย...สัมผัสสรวง...ในห้วงหาว
ร่วมตั้งจิต...อธิษฐาน...แห่งสองเรา
ขอดวงดาว...สื่อบุพเพ...ให้พบพาน

ยามมาใกล้...ใจก็หวาม...เพราะความชื่น
ยามไกลกัน...ใจก็ขื่น...เค้าเหหัน
เมื่อพบแล้ว...ใยต้องพราก...ต้องจากกัน
เปลี่ยนคืนวัน...ไม่เปลี่ยนใจ...ได้ไหมนะ

เมื่อลมหนาว...พัดบางเบา...เราอ้างว้าง
ดุจน้ำค้าง...กลางแสงแดด...ที่แผดจ้า
อยากจะขอ...รอชมดาว...อีกสักครา
แต่!ดูเหมือน...ดาวหนีหน้า...ไม่มาเจอ

แหงนมองฟ้า...พาให้หวล...ครวญคิดถึง
ภาพอบอุ่น...ละมุนซึ้ง...มั่นเสมอ
ฝากลมเย้า...สั่งดวงดาว...บอกข่าวเธอ
สุดท้ายเรา...เฝ้าฝันเพ้อ...เพียงเดียวดาย

เราหนอเรา...เค้ายิ่งหนี...ยิ่งรี่ชิด
เค้าเบือนบิด...สิ้นไมตรี...จึ่งลี้หาย
แล้วมาพบ...มาหนุนเกื้อ...เพื่อสิ่งใด
หรือเพียงใจ...อยากหยอกเย้า...ดาวบางดวง 

เหมือนภาพฝัน? ติตรากร 

 ชมหมู่ดาวสกาวเหมือนดาวเลือน
ใจสะเทือนดวงดาวเขาหน่ายหนี
ทะเลหาดกับทรายในยามนี้
ไร้คนที่ฝันใฝ่เหมือนไกลตา

ยินเสียงแผ่วคลื่นลมผสมเสียง
เห็นแต่เพียงหมู่ดาวสีขาวพร่า
หันมองดูรอบข้างอย่างช้าช้า
ภาพนั้นฝ้าเลือนหายเหมือนสายควัน

ยืนอยู่ใต้ดวงดาวหนาวเหลือเกิน.
เหมือนหลงเพลินเข้าไปในโลกฝัน
เคว้งและคว้างหวิวไหว...อะไรกัน
คลื่นตรงนั้นยังครวญรัญจวนใจ

คล้ายเธอมาชิดใกล้เหมือนใจนึก
ความรู้สึกลึกล้ำเกินคำไข
เพียรเพ่งมองอีกครั้งอย่างตั้งใจ
ไม่มีใครคิดหวั่นฝันไปเอง

น้ำอุ่นจากนัยน์ตาพาแย้มไหล
ปลอบว่าให้....มั่นใจนะคนเก่ง
จะมีใครเคียงข้างอย่างกันเอง
กลับวังเวงปวดร้าวหนาวเกินใคร

ฝันเธอมาอยู่ใกล้ข้างใจฉัน
ใต้ดาวอันสุกสว่างกลางฟ้าใส
คงมีวันเคียงฺบ้างอยู่ข้างใจ
หรือเพียงได้เชยแต่...แค่ภาพฝัน

ฉันหรือ ? คือ ภาพฝัน     ทะเลดาว 

ภาพเอย ภาพฝัน
แสนไหวหวั่น...ยามภาพฝัน...เริ่มเลือนหาย
ไม่อยากตื่น...ลืมตาเห็น...สิ่งเป็นไป
อยากหลับใหล...ในภวังค์...ดังก่อนมา

ด้วยใจคิด...จิตคงมั่น...อยู่เสมอ
ว่าคือเธอ...คนของใจ...ที่ใฝ่หา
และไม่คิด...ว่าเธอเป็น...ภาพลวงตา
จึงเอื้อมคว้า...ปรารถนา...มาเคียงใจ

กุหลาบงาม...ยามมอบมา...ท่าเขินเก้อ
รอยยิ้มเธอ...ที่ยิ้มมา...พาสดใส
ความอบอุ่น...จากมือสอง...ของคนไกล
จึงมั่นใจ...ว่าดวงดาว...ไม่ร้าวราน

แต่!!! ยามนี้...เดือนแสนงาม...อร่ามฟ้า
แสงนวลส่อง...ของจันทรา...งามเฉิดฉันท์
ภาพสดใส...ในใจหรือ...คือดวงจันทร์
ภาพดาวพลัน...ลับเลือนหาย...จากสายตา

ถึงแสงดาว...พราวกระพริบ...ก็ริบหรี่
ดาวกวี...ดวงน้อยนี้...ไม่มีค่า
เมื่อเธอมอง...จึงหมองหม่น...จนเลือนลา
เหมือนภาพฝัน...อันสิ้นค่า...ไม่น่าชม

จะมีบ้าง...สักครั้งไหม...ใจอยากขอ
อยากฝันต่อ...มีเธอใกล้...ไม่ขื่นขม
อยู่เคียงข้าง...ดังก่อนเคย...เชยชื่นชม
ใต้ดาวห่ม...ภาพเหมือนฝัน...พลันงดงาม

ดาวดวงนี้ยังอยู่ในใจฉัน    ติตรากร 

 กุมมือฉันไว้นานนานนะคนดี
อยากให้มีเธอเคียงข้างกลางใจฉัน
ไม่อยากให้มีกลางคืนและกลางวัน
อยากอยู่อย่างนั้นตลอดเวลา

ถ้าเธอจะหลับตาอีกสักครั้ง
ฉันก็ยังมีเรื่องเล่าให้ฟังว่า
กาลครั้งหนึ่งไม่นานที่ผ่านมา
ที่ฟากฟ้าแสนไกลใจหนึ่งดวง

เป็นตำนานเรื่องราวดาวกวี
ที่ภักดีดาวดวงหนึ่งซึ่งแสนหวง
เล่ากันมาเกี่ยวกับดาวทั้งปวง
ด้วยความหวงห่วงหาและอาวรณ์

เธออย่าเพิ่งลืมตานะ.....คนดี
เพราะยังมีเรื่องราวครั้งเก่าก่อน
ดาวดวงหนึ่งบอกว่ารักเธอแน่นอน
ดวงใจออดอ้อนกลัวรักจากไป

ถ้าลืมตาขึ้นมาพบความเป็นจริง
แล้วพบว่าทุกสิ่งนั้นหายไปไหน
และถ้าพลันสิ่งนั้นคือฝันไป
จึงไม่อยากให้มีกาลเวลา

เรื่องเล่าของดาวกวีมีจริงไหม
อยู่ที่สองใจเราปรารถนา
หวังเพียงเธอลืมตาตื่นขึ้นมา
แล้วพบว่าดาวกวีมีในใจไม่ไกลเลย.... 

ทวิดาวกวี     ทะเลดาว 

กุมมือฉัน...ให้นานหน่อย...นะคนดี
เอ่ยปลอบขวัญ...ใจดวงนี้...ทีเถิดหนา
ตื่นตระหนก...ยามเธอหาย...ไปไกลตา
เพราะกลัวว่า...จะหลงทาง...ห่างจากเธอ

ไม่อยากเดิน...เพียงเดียวดาย...ใต้ฟ้ากว้าง
อยากมีเธอ...เดินเคียงข้าง...อยู่เสมอ
ยิ่งมั่นใจ...เมื่อหันไป...สบตาเธอ
เหมือนจะบอก...ฉันเสมอ...ว่าห่วงใย

ฟังเธอเล่า...ถึงเรื่องราว...ดาวกวี
สองดวงมี...ความผูกพัน...กันใช่ไหม
ดวงหนึ่งรัก...ดวงหนึ่งอ้อน...ตอนจากไกล
เพราะสายใจ...ไม่เคยห่าง...แรมร้างกัน

มีภาพซ้อน...ตอนเผลอไผล...ดาวไกลห่าง
บอกว่าดาว...หนึ่งเลือนลาง...ดังภาพฝัน
มองไม่เห็น...จับไม่ได้...คล้ายสายควัน
แสนไหวหวั่น...แทนดาวลอย...จะน้อยใจ

เห็นเมฆหมอก...เริ่มบดบัง...ยังคิดหวล
ใจยิ่งครวญ...ดาวกวี...อยู่ที่ไหน
ดาวหนึ่งดวง...ยังทวงถาม...เนื้อความนัย
ยังเคียงใกล้...หรือไกลแล้ว...หนอดวงดาว

อันเรื่องเล่า...ดาวกวี...มีจริงไหม
ต้องถามใจ...ดาวอีกดวง...ในห้วงหาว
หวังเพียงใจ...ยังห่วงหวง...ในดวงดาว
แทนสองเรา...รวมกันเข้า...เป็นทวิดาวกวี 

ฟากฟ้าของคนช่างฝัน     ติตรากร 

ใครหนอเขียนอักษราที่ฟากฟ้า
ด้วยภาษา-จาวา-น่าเลื่อมใส
ถอดรหัสจากดาวได้คราวใด
ก็ปลื้มใจแทบคลั่งนั่งดูดาว

เอานิ้วแตะธรณีเป็นคีย์บอร์ด
เหมือนได้กอดไออุ่นกรุ่นคลายหนาว
แสงกระพริบกระซิบเสียงสำเนียงดาว
คือข่าวคราวส่งมาน่าชื่นใจ

คืนนี้เมฆมาบังตั้งค่อนฟ้า
เหมือนจอพร่าสุดสลดไม่สดใส
ท้องฟ้าปิดทับดาวเมื่อคราวใด
เหมือนสายใยแก้วหลุดสดุดพลัน

เอาสายใจแทนใยเชื่อมในเน็ต
ต่อสะเก็ดสะกิดดาวว่าหนาวสั่น
สายใยแก้วนำแสงแข่งกับจันทร์
เหมือนใจฉันถูกพร่าไม่ปราณี

คืนนี้นั่งมองฟ้าจนล้าเหนื่อย
เมฆเฉื่อยเฉื่อยไกลลิบบังริบหรี่
มองไม่เห็นแสงดาวเลยคราวนี้
จะให้คีย์สื่อความถามอย่างไร

ใครหนอเขียนอักษราที่ฟากฟ้า
นั่งหลับตานึกหวั่นฝันไปไหม
ถอดรหัสจากดาวไม่เข้าใจ
ก็คงใช่นึกหวั่นฝันไปเอง 

ถอดระหัส...จากดวงดาว...เฝ้าครุ่นคิด
อยากถอดจิต...ส่งดวงใจ...ไปปลอบขวัญ
สายใยแก้ว...ใยต้องหลุด...ดุจกีดกัน
คีย์สื่อสาร...ผ่านสายใจ...ให้ดาวดวง

เมื่อท้องฟ้า...มาปิดแสง...ดังแกล้งเย้า
สิ้นแสงดาว...พราวไสว...ใจแสนห่วง
ระหัสดาว...ถอดจากใจ...ไม่คิดลวง
คีย์ผ่านทรวง...ถึงใยแก้ว...แล้วส่งไป

อย่าเหนื่อยล้า...ไปเลยหนา...พี่ยาน้อง
พี่นั่งมอง...ดูดวงดาว...พราวไสว
หลับตานึก...อย่านึกหวั่น...ว่าฝันไป
สุดฟ้าไกล...สื่อดวงใจ...ส่งมาเคียง 

ได้เห็นดาว...คราวกระพริบ...กระซิบแว่ว
เข้าใจแล้ว...ดาวระยิบ...กระพริบเสียง
ใจดวงนี้...จะมีไว้...ให้คู่เคียง
มิใช่เพียง...แค่วันนี้...ที่มาคอย

ตลอดไป...อีกแสนไกล...ในวันหน้า
ขอดาวอย่า...ทำให้ใคร...ต้องเหงาหงอย
ความผูกพัน...ถึงดวงดาว...มิใช่น้อย
จะเรียงร้อย...จนกว่าฝัน...พลันเป็นจริง 

ดูน้อยหรือ...คำตัดพ้อ...ล้อลมแผ่ว
ยินเสียงแว่ว...มาไกลไกล...ใครหนอเหงา
ความผูกพัน...สานสร้อยร้อย...ใจดวงดาว
รู้ไหมเล่า...ดาวแสนห่วง...ดวงหทัย

มาคอยดาว...คราวจันทรา...สง่าศรี
ดาวหรือมี...รัศมี...ที่สดใส
ดาวต้องหมอง...มองไม่เห็น...ด้วยเป็นไป
ใช่จากไกล...อย่างที่คิด...สักนิดเลย

ใจดาวน้อย...คอยหยอกเย้า...เฝ้ากระซิบ
เห็นลิบลิบ...บ้างไหมหนา...พี่ยาเอ๋ย
ดาวคอยพี่...อยู่ที่เก่า...ที่เราเคย
เคียงเขนย...ชื่นเชยรัก...จากสองเรา 

จะเข้าฝัน...ให้ฉันเห็น....เป็นสักขี
อย่างคืนนี้...คืนไหนไหน...ใจคอยเฝ้า
มิใช่เพียง...แต่ในฝัน...อันนานเนาว์
แต่สองเรา...จะยึดมั่น...กันและกัน

นานแค่ไหน...ไม่เคยท้อ...รอเสมอ
รักก็คือ...มอบไว้เฝ้า...ดาวของฉัน
อยากอยู่ใกล้...ชิดดาวนี้...มิใช่จันทร์
ดาวของฉัน...สุดสง่า...ฟ้าราตรี

ที่ฟากฟ้า...คนช่างฝัน...มั่นแลเหลียว
มิเคยเที่ยว...มองในฝัน....จันทร์สดศรี
ดาวคือดาว...ดาวกมล...ฉันคนนี้
บอกอีกที..ว่ารักนะ...ทะเลดาว 

ที่ฟากฟ้า...คนช่างฝัน...ในวันนี้
ชื่นฤดี...กับวจี...พี่ยาเอ่ย
อันอ้อยตาล...ที่แสนหวาน...พานจืดเลย
เพียงพี่เอ่ย...บางคำถ้อย...มาร้อยใจ

ดาวกมล...ดาวของฉัน...เสกสรรค์คำ
ล้วนลำนำ...พร่ำกระซิบ...ให้หวามไหว
เอื้อนเอ่ยคำ...แต่ละคำ...ชื่นฉ่ำใจ
ดวงฤทัย...แสนหวามไหว...ยามได้ยิน

อยากอยู่ใกล้...ใช้สื่อใจ...ให้ตอบถาม
ทุกถ้อยความ...ห้องหทัย...ให้ผกผิน
ให้โบกพลิ้ว...ละลิ่วฝาก...จากยุพิน
สิ้นฟ้าดิน...เฝ้าถวิล...ดาวกวี 

ทะเลดาว...ดาวกวี
ติตรากร....ดาวกวี
แสนยินดีทะเลดาวที่เรียกขาน
จะเป็นชื่อเรียกของเราจนยาวนาน
แม้กาลผ่านนานแค่ไหนจะไม่ลืม     

เราเป็นปีกของกันและกัน       ติตรากร 

เราต่างไว้ใจกันบรรจงสร้าง
ร่วมถากถางวิถีที่โผผิน
กางปีกออกบอกเรื่องราวที่เราบิน
จะได้ยินเราเล่าทุกคราวไป

ปีกเราสองจะบินไปก็ด้วยรัก
หนทางจักเวิ้งว้างและกว้างใหญ่
เราจะพร้อมสยายปีกไปอีกไกล
โบยบินไปในทุกที่ด้วยชีวา

ไกลแสนไกลกลับกลายใกล้แสนใกล้
เราต่างกางปีกออกไปทั้งซ้ายขวา
เป็นจังหวะต่างโผผินบินกันมา
ก็จนกว่าจะมอดไหม้ไร้แรงบิน

ด้วยพลังของหัวใจแม้ไหม้มอด
ในอ้อมกอดปีกเราเฝ้าถวิล
เราจะโอบกอดหัวใจให้เคยชิน
แม้จะบินจนมอดไหม้ใกล้ตะวัน

ธุลีผงของเราเป็นเถ้าฝุ่น
จะไม่กลายเป็นจุณไม่ต้องหวั่น
ตราบเท่าที่ปีกเราสองเป็นของกัน
และเมื่อนั้นศรัทธาจะหาเรา

เราจะฟื้นขึ้นมาพาปีกสอง
บินลอยล่องไม่ต้องมัวกลัวแดดเผา
ฟีนิกซ์คือชื่อของปีกสองเรา
ที่เราเอาหัวใจไว้ตรงกลาง ! 

ฟีนิกซ์คือ อมตะ ระหว่างเรา
แม้เป็นเถ้า ผงธุลี มิสูญหาย
กลับฟื้นคืน ยั่งยืนนัก จากใจกาย
ตั้งมั่นไว้ ไม่ยอมพราก ไม่จากกัน

ปีกแห่งรัก จักโผผิน บินลอยล่อง
ด้วยใจของ สองดวงจิต เราคิดฝัน
จะไม่แยก แตกสลาย สายสัมพันธ์
แม้ตะวัน จะผลาญเผา เป็นเถ้าจุล

จะก่อตัว หลอมดวงใจ ให้กลับฟื้น
ศรัทธาคืน ชีพสองเรา เฝ้าเกื้อหนุน
รวมหัวใจ ไว้ตรงกลาง วางเป็นทุน
โลกหยุดหมุน ไม่อาจหยุด ฉุดสองเรา

แล้วเราจะ ท้าอรุณ ของวันพรุ่ง
จะหมายมุ่ง ไปข้างหน้า ท้าป่าเขา
ลมจะโบก พายุพัด ซัดทางเรา
ก็จะเฝ้า บินไปไกล สุดสายตา

แสงแดดแรง สักเพียงใด ไม่ท้อถอย
ยังเหิรลอย ด้วยพลัง รักหาญกล้า
ด้วยมั่นใจ สองเงาปีก ที่คืนมา
ใต้เมฆา เหนือพนา จะฝ่าไป

เผชิญภัย ใต้ตะวัน อันร้อนแรง 
เชื่อทางแห่ง ท้องฟ้ากว้าง ยังสดใส
สองปีกกาง บินพร้อมกัน ทะยานไกล
มิหวั่นไหว ใจฟินิกซ์  พร้อมนำพา

สมกับที่ บินถลา มานานเนิ่น
ได้เผชิญ อุปสรรค์ แสนหนักหนา
ก็จะแก้ ทุกปัญหา ด้วยปัญญา
เพื่อนำพา ดวงใจเรา เข้าถึงกัน

ฟินิกซ์คือ อมตะ ระหว่างรัก
เหมือนเป็นหลัก เธอคงอยู่ คู่กับฉัน
เมื่อเรากาง ปีกสองเรา ออกพร้อมกัน
คือเมื่อนั้น รักไม่หวั่น พลั่นสิ่งใด

ภวังค์.... ติตรากร 

เคยบ้างไหมบางครั้งตั้งสติ
สมาธิส่องสว่างกลางห้วงขวัญ
สื่อใจเพียงแวบหนึ่งก็ถึงกัน
อัศจรรย์ตราตรึงถึงวันนี้......

บางครั้งเหมือนเคยไปในที่หนึ่ง
เป็นที่ซึ่งไม่รู้จักไม่มักจี่
แต่เหมือนจะเคยได้ใช้ชีวี
สัมผัสได้บางทีที่ได้พบ

อย่างเช่นเคยบางครั้งนั่งผิวเผิน
เหมือนเผชิญเหตุการณ์พานบรรจบ
คล้ายเคยเกิดให้หวนชวนทวนทบ
เคยประสบการณ์นั้นอย่างมั่นใจ

หรือจะเป็นจิตใจใต้สำนึก
ตกผลึกวาวแววดังแก้วใส
จุดประกายความจำได้รำไร
แต่จำได้แวบเดียวเสี้ยวภวังค์

กับการได้เจอใครในชาติก่อน
กลับมาย้อนพบได้ในปางหลัง
ถ้าสองคนเคยร่วมบุญหนุนพลัง
ร่วมตั้งมั่นบุญช่วยอำนวยพร

ห้วงภวังค์ลางเลือนเหมือนเพ้อฝัน
แต่ฉันมั่นในรักทุกอักษร
บอกซิจ๊ะเคยไหมเอื้ออาทร
ที่สังหรณ์บอกเราให้เข้าใจ 

สัมผัสได้...ในความรัก...จากภวังค์
ดั่งความหลัง...เคยพบพาน...ช่วยสานฝัน
ว่าสองเรา...เคยเคล้าคลอ...พะนอกัน
ชาติไหนนั้น...แม้ลางเลือน...แต่เหมือนเคย

ชาตินี้ได้...เวียนพบพาน...บันดาลจิต
ให้ครุ่นคิด...แม้ยามไกล...ใช่เมินเฉย
ส่งสายใจ...ไปร่วมเรียง...เคียงชื่นเชย
ทั้งเอื้อนเอ่ย...แสนห่วงหา...เอื้ออาทร

ฟังนะจ๊ะ...แต่ปางใด...ใจไม่ห่าง
ไม่แรมร้าง...ดั่งปางหลัง...ยังเหมือนก่อน
สัมผัสรัก...มั่นจากใจ...ในอักษร
ทุกบทกลอน...ห้วงภวังค์...ยังรักเธอ 

จะอยู่ใน...ภวังค์ใด...ไกลหรือใกล้
สัมผัสได้...มั่นจากใจ...ได้เสมอ
ปรารถนา...จากปางก่อน...ตอนพร่ำเพ้อ
ได้เจอะเจอ...ณ ปางนี้...ที่แสนนาน

จะถนอม...สุดดวงใจ...ไว้ด้วยรัก
เพราะตระหนัก...ถึงกาลหนึ่ง...เนิ่นนานผ่าน
ได้พบแล้ว...ดาวพิสุทธิ์...ดุจดวงมาน
จะขอสาน...จากปางหนึ่ง...ถึงอีกปาง

รู้ไหมว่ากาล...ผ่านพ้นจน...สุดสรวง
จะมีดวง...ใจดวงนี้...ไม่ยอมห่าง
จะเป็นผู้...ปลุกปลอบขวัญ...ยามอ้างว้าง
และเคียงข้าง...อยู่อย่างนี้...นะที่รัก 

รู้ไหมว่า...กาลผ่านพ้น...จนสุดสรวง
จะมอบดวง...ใจดวงนี้...มิยอมห่าง
จะเคียงใกล้...นานเพียงใด...ไม่จืดจาง
ไม่แรมร้าง...มอบความรัก...ความภักดี

ติดตามหา...มาแสนนาน...กาลเลยล่วง
ติดตามห่วง...ยอดดวงใจ...ไปทุกที่
จะกี่ชาติ...อาจพ้นผ่าน...หลายล้านปี
กลับได้พบ...ในชาตินี้...มีบุญญา

แม้นพบพาน...ผ่านสายเนท...หรือเกร็ดแก้ว
ชื่นใจแล้ว...หาสุขใด...ไหนเกินค่า
จะถนอม...ดวงหทัย...ได้คืนมา
จวบจนกว่า...สิ้นชีวา...สัญญาใจ 

ยอดนารี...ดาวกวี...ที่น่ารัก
มองที่ฟ้า..ดาวมาทัก...เกินจักจ้อง
เสน่หา...ทะเลดาว..คราวได้มอง
อยากได้ครอง...ทุกห้องหาว...ดาวดวงใจ

มองชาตินี้...ยังภพหน้า..ฟ้าเปิดกว้าง
แม้อยู่ห่าง...อย่าวางเฉย..เอ่ยได้ไหม
บอกหน่อยนะ..ทะเลดาว...ว่าเข้าใจ
จะอยู่ใน...ใจคนนี้...มีคนเดียว

ฉันจะได้...นอนหลับฝัน...ไม่หวั่นหวาด
ใจจะขาด..แทบขาดใจ...ใครข้องเกี่ยว
หวงและห่วง..เป็นอย่างยิ่ง...จริงจริงเชียว
แม้ปางเดียว...อย่าร้างไกล...ให้ห่วงเลย  

ชายชาตรี...ดาวกวี...มีคุณค่า
รู้ไหมว่า...แสนมีค่า...กว่าสิ่งไหน
ได้พบเธอ...เสมอได้...พบดวงใจ
ที่หายไป...นานแสนนาน...นั้นกลับคืน

เสน่หา...ดาวกวี...คนนี้นัก
สุดจะหัก...ดวงหทัย...ให้สุดฝืน
สุดหยุดยั้ง...รั้งความคิด...ให้จิตคืน
ถึงแม้นฝืน...สักเพียงใด...ใจรั้นนัก

กระซิบบอก...เพียงเบาเบา...เฝ้ารอคอย
ดาวดวงน้อย...ดาวกวี...ที่หลงรัก
หมดทุกห้อง...ของดวงใจ...ให้ประจักษ์
จะขอภักดิ์...เพียงหนึ่งเธอ...เสมอไป

นอนหลับฝัน...อย่าหวั่นไหว...ให้หม่นหมอง
ไม่มีใคร...มาเกี่ยวข้อง...ในใจได้
หวงและห่วง...ดาวกวี...ดั่งดวงใจ
ปางไหนไหน...ไม่ร้างไกล...ไปจากเธอ 

ดาวกวีฉันให้เธอเสมอฉัน
มารวมกันอย่างนี้จะดีไหม
เราใช้เรียกสองเราพร้อมกันไป
อยู่ในใจทะเลดาว/ติตรากร 

ห้วงแห่งภวังค์    ทะเลดาว

หลับตานะ...หลับตานะ...กระซิบแผ่ว
ยินเสียงแว่ว...ห้วงหทัย...คล้ายดั่งฝัน
พลิ้วบางเบา...ทำให้เจ้า...เคลิบเคลิ้มพลัน
หลับตาฝัน...สู่นิทรา...ยามราตรี

พี่ยาจูง...มือน้องน้อย...คอยชี้ชวน
ให้ดูมวล...หมู่เทวา...คราดีดสี
เสียงเพลงพิณ...แสนเสนาะ...โสตเปรมปรีดิ์
เหล่านารี...ชาวสวรรค์...พลันเยื้องกราย

นาฏอนงค์...องค์นางฟ้า...ครารำฟ้อน
ร่ายส่ายกร...งดงามยิ่ง...กว่าสิ่งไหน
ยามยลพักตร์...ดั่งต้องมนต์...ละลานใจ
ตรึงหทัย...แม้ยามตื่น...คงชื่นทรวง

ปุยเมฆขาว...คราวเคลื่อนคล้อย...ล่องลอยผ่าน
งามตระการ...ชี้ชมจันทร์...ในแดนสรวง
กระซิบบอก...ดุจหยอกเย้า...เจ้าแดดวง
จะเก็บปวง...หมู่ดวงดาว...ให้เจ้าครอง

น้องเฝ้ามอง...พี่เอื้อมคว้า...ดาราฉาย
ส่องประกาย...ระวิบไหว...ไม่หม่นหมอง
สองเราเก็บ...ดาวดวงน้อย...ค่อยประคอง
ด้วยมือสอง...แห่งน้องพี่...มีสุขใจ

ใกล้สางแล้ว...แก้วตาพี่...คนดีจ๋า
ใจอยากพา...น้องชี้ชวน...มวลดอกไม้
แต่ราตรี...นี้สิ้นสุด...แล้วดวงใจ
ขวัญหทัย...รอได้ไหม...อีกราตรี

เสียงแผ่วเบา...เคล้าสายลม...พรมพลิ้วฝาก
ว่าแม้จาก...ดวงฤทัย...ใช่หลีกหนี
พี่ยาเก็บ...ดาวดวงน้อย...ฝากคนดี
วางเรียงที่...หมอนหนุนนอน...ตอนนิทรา

กระซิบย้ำ...คำก่อนพราก...จากน้องพี่
หลับตานะ...น้องคนดี...ของพี่จ๋า
ดาวไสว...วางแทนใจ...ในพี่ยา
ตื่นเช้ามา...มีดาวเรียง...เคียงคู่นวล 

ปานวาด     ติตรากร 

ค้นแบบแปลนวันเก่าที่เราวาด
เหมือนฉีกขาดจากการไม่รักษา
เปื่อยยุ่ยจนหมองไหม้ไร้ราคา
ปลวกไรมาชอนไชไม่น่าดู

กระดาษไขต้นแบบที่แอบร่าง
มีโครงสร้างกำหนดแสนอดสู
ประดุจว่ามอด ตวัด กัดเป็นรู
สุดจะกู้ซ่อมใหม่ได้อีกครั้ง

โต๊ะเขียนแบบตัวนี้อยู่ที่เก่า
กับความเหงาเก้าอี้ที่เคยนั่ง
ฉาก สเกล ทีสไลด์ ยังไม่พัง
โคมไฟยังส่องสว่างเหมือนอย่างเคย

ภาพวันแห่งเรื่องราวเมื่อคราวนั้น
กลับเป็นฝันวันใหม่ได้เปิดเผย
แบบแปลนที่เขียนค้างอย่างเชยเชย
ยังไม่เคยชื่นใจได้สักที

เก็บโครงร่างเคยก่อมาต่อใหม่
สร้างด้วยใจให้รักเป็นสักขี
จากอดีตสานฝันตราบวันนี้
สมกับที่เผชิญมาเนิ่นนาน

แบบแปลนแห่งหัวใจได้ปรากฎ
จะงามงด ปานวาด อย่างอาจหาญ
หรือเป็นเพียงภาพฝันอันตระการ
รอเพียงให้ปาฏิหาริย์...เป็นความจริง ! 

แบบแปลนนี้...มีเพียงหนึ่ง...ถึงจะเก่า
แต่เพราะเรา...เฝ้าพากเพียร...เขียนมันขึ้น
อาจจะขาด...หายไปบ้าง...ไม่ยั่งยืน
แต่เราคง...จะเขียนขึ้น...ได้อีกครา

เพราะมาจาก...มันสมอง...จากสองมือ
เราควรรื้อ...ทำขึ้นใหม่...ให้มีค่า
ทะเลดาว...จะอยู่ด้วย...ช่วยพี่ยา
จะกอบกู้...ให้กลับมา...เป็นเช่นเดิม

แบบแปลนสวย...ด้วยสองใจ...บรรจงวาด
สิ่งใดขาด...ต่างร่วมกัน...สรรค์มาเสริม
จะงดงาม...ตามคิดฝัน...หมั่นแต่งเติม
ปาฎิหาริย์...จะพูนเพิ่ม...จนเป็นจริง  

จะมั่นต่อ...ผังในใจ...ไม่หลีกหนี
เมื่อเธอชี้...ความในใจ...ในทุกสิ่ง
ก็จะมอบ...หัวใจรัก...ไว้พักพิง
นานวันยิ่ง...ผูกสมัคร...เพราะรักเดียว 

ร่วมแรมทาง    ติตรากร  

แม้ขอบฟ้ากว้างไกลจะไปถึง
หวังคนซึ่งรู้ใจไม่สับสน
ทางทอดไกลแต่ใจอยากได้ยล
ด้วยกมลคนแรมทางข้างข้างกัน

สุดสายตาฝ่าไปไม่ย่อท้อ
เพียงแต่ขอจุนเจือและเชื่อมั่น
ให้มีเธอคนหนึ่งซึ่งผูกพัน
ข้างใจฉันแรมทางอย่างมั่นใจ

เก็บเศษฝันวันก่อนตอนหงอยเหงา
กับเรื่องราวคราวนี้ที่ฝันใฝ่
แรมทางข้างกลิ่นอวลมวลดอกไม้
ใครหรือไม่หลงแรมด้วยแชมรัก

วันต่อวันอุ่นเหลือเมื่อเข้าหนาว
ด้วยเรื่องราวคราวนี้ที่รู้จัก
ต่างคนสมปรารถนา....อิจฉานัก
แอบทายทักด้วยยิ้มอยู่ริมทาง

จากเช้าถึงเย็นย่ำเมื่อค่ำหมอก
ทะเลดอกทานตะวันฝันรุ่งสาง
ยังชูช่อล้อลมไหวใบจางจาง
คนแรมทางกลัวอ้างว้างเหมือนอย่างเคย

จะปวดร้าวทั้งใจด้วยไอหนาว
หมอกสีขาวซ่อนไว้ไม่เปิดเผย
มาแรมทางร่วมสร้างอย่าห่างเลย
ขอชิดเชยกันบ้างข้างข้างกัน

ฟ้าเบื้องบน จนวันนี้ ที่ลืมฉัน
ลืมสำรวจ ทั้งจริงฝัน ฟ้าลืมได้
หนอชีวิต รอลิขิต ไม่เหมือนใจ
ถึงโชคร้าย สักปานใด ไม่สำคัญ

ในกมล คนอ่อนไหว ได้พบพา
ใจดวงหนึ่ง ซึ่งเมตตา ปราณีฉัน
เปลี่ยนโชคร้าย กลายเป็นดี โดยฉับพลัน
ดั่งตะวัน ฉายแสงกลบ ลบดำจาง

พบสุขแล้ว คนซมซาน อย่างฉันนี้
ชื่นฤดี มีเธอคอย อยู่เคียงข้าง
หนทางที่ ทอดยาวไกล ไม่อ้างว้าง
สองดวงใจ ร่วมใฝ่สร้าง ทางรักเรา

หนทางแม้ ไม่ได้โรย ด้วยกุหลาบ
เพียงแค่ใจ มีต้นรัก ดอกสีขาว
พิสุทธิ์งาม กำลังใจ ไสวพราว
หนทางยาว ฝนหนาวร้อน ก็ผ่อนคลาย

ฉันส่งมือ ให้เธอจับ กระชับมั่น
ยิ้มให้กัน ร่วมทางฝัน ไกลแค่ไหน
ทุกก้าวเดิน อาจเผชิญ ทุกเภทภัย
พลังรัก หลอมรวมใจ ร่วมแรมทาง

 จะเดินร่วม ทางแห่งนี้ ที่ทอดไกล
เดินร่วมใจ ทางร่วมหลีก สิ่งกีดขวาง
จะเคียงเธอ คอยปกป้อง ทุกหนทาง
ความสว่าง อยู่เคียงข้าง ปลายทางเรา

จะดูแล รักษาไว้ ใจดวงนี้
เดินไปใน ทางทุกที่ ไม่มีเหงา
ใกล้ชิดเธอ เคียงข้างเธอ เสมอเรา
จะคอยเฝ้า เอาใจใส่ ไม่ไกลตา

ประคองด้วย มือสองข้าง เหมือนอย่างก่อน
จูงมือน้อง เดินด้วยใจ ไม่เหนื่อยล้า
มอบความรัก กำลังใจ ให้กันมา
ทางข้างหน้า เส้นทางนี้ สีชมพู 

เก็บฝัน   ติตรากร 

เก็บกอดฝัน.ฉันเอาไว้.อย่าให้หาย
เมื่อเธอหน่าย.ในวันใด.ใส่ใจฝัน
ไม่อยากให้.เธอร้างไป.ไกลเกินกัน
เพราะว่านั่น.ฝันจะคลาย.กลายเกินนาน

ฝันของเรา.เฝ้าตามติด.ในจิตสอง
จะประคอง.เพื่อปองพิศ.จิตประสาน
บรรจงเพียร.เพื่อเรียนรู้.อยู่ตั้งนาน
อย่าให้ผ่าน.กาลวันนี้.ที่รอคอย

คลื่นแห่งฝัน.จะมั่นรัก.อย่างหนักแน่น
แม้จะแสน.คนึงหา.พาเศร้าสร้อย
ตระหนักฝัน.สัมพันธ์หมาย.เหมือนใจลอย
คงอีกหน่อย.อีกไม่นาน.ประสานใจ

เก็บเกี่ยวฝัน.วันละนิด.ประดิษฐ์ร้อย
มาถักถ้อย.คอยคล้องฝัน.ฺมั่นใจไหม
จะจัดเรียง.เคียงมาลา.เป็นมาลัย
เพื่อคล้องไว้.ในอ้อมฝัน.ฉันคนนี้

แม้ยามใด.หายห่างบ้าง.ใช่เพียงผ่าน
ถึงจะนาน.ยังคงอยู่.รู้หน้าที่
ฝันจะจาง.อย่าค้างใจ.สานไมตรี
ให้คนดี.รับรู้ไว้.ว่าใจรัก

คล้องมาลัย.มาแทนใจ.ให้ไออุ่น
อย่าข้องขุ่น.ละมุนฝัน.ฉันประจักษ์
ก็คงรู้.อยู่เสมอ.ฝันคือรัก
คล้องใจภักดิ์.ประดับฝัน.ฉันและเธอ

ขอเก็บกอด คนเก็บฝัน คนนั้นไว้
ในดวงใจ ในโลกฝัน แม้นวันผ่าน
เธอคนนี้ อยู่ที่ใจ ฉันเนิ่นนาน
ตลอดกาล กอด-เก็บฝัน- ฉันให้เธอ

อ้อมกอดฝัน ไม่ฝันแปร แม้นหายห่าง
ใจเคยกลัว เธอแรมร้าง เธอพลั้งเผลอ
ฝันคือรัก ถักร้อยถ้อย คอยรักเธอ
มั่นเสมอ เก็บกอดรัก มิจากไกล

จวบแรมเดือน มิเลือนหาย ใจยังอยู่
ด้วยรับรู้ ดูที่ใจ ไม่ไปไหน
ก็บอกแล้ว กลางกมล คนของใจ
โอบกอดไว้ แม้ในฝัน รักมั่นคง

จะเก็บฝัน มั่นในรัก มิหักเห
จะทุ่มเท ที่ห่างหาย ใช่ลืมหลง
รักแสนรัก จักบอกย้ำ ไปตามตรง
เก็บกอดฝัน ดั่งจำนงค์ นานเท่านาน

แต่ฝันนี้ เหมือนฝันค้าง กลางใจฝัน
นับคืนวัน เกรงแต่จะ ไม่ประสาน
เหมือน.เพียงฝัน อันเลื่อยลอย คอยเนิ่นนาน
จึงเขียนกานท์ คอยเก็บฝัน วันเป็นจริง

คอยเธอมา อยู่เคียงใกล้ ในใจฉัน
ใต้ดาวอัน สุกสว่าง กลางฟ้าใส
นับวันรอ ขอเคียงบ้าง อยู่ข้างใจ
นี่คือฝัน ของดาวงัย รู้ไหมดาว

จะมีดาวอยู่ในใจไม่ห่างหาย
มิเคยหน่ายมีเธอใกล้ขื่นขม
อยู่เคียงข้างดังก่อนเคยเชยชื่นชม
ใต้ดาวห่มอันสดใสไม่เหมือนฝัน

ดาวยังอยู่เป็นคู่ใจในวันนี้
ตราบเท่าที่ดวงใจภักดิ์สมัครมั่น
ดาวดวงใดแม้เคยใกล้ไม่สำคัญ
เท่าดาวอันเป็นที่รักประจักษ์ใจ

บทเพลง บรรเลงย้ำ
ฝากน้ำคำ แทนพร่ำวอน ตอนห่างหาย
อย่าลืมฉัน ให้ฝันค้าง อย่างเดียวดาย
อย่าหมดรัก ฝันคนไกล หมายใหม่แทน

เฉี่ยวนางฟ้า..   ติตรากร 

ที่นั่นเขาเห็นเราคนแปลกหน้า
อีกภาษาเราต่างอย่างคนไบ้
พูดพื้นเมืองแต่เราไม่เข้าใจ
ไม่มีใครทายทักเลยสักคำ

ไปแอบชอบลูกสาวชาวเกาหลี
น่ารักดีงามสมหน้าคมขำ
วันแรกเจอที่ดอนเมืองเรื่องจดจำ
รถเราทำเธอตกใจไปเฉี่ยวเอา

เป็นนางฟ้าแอร์เกาหลีที่แสนโก้
ขอเบอร์โทรจ่ายราคาค่ากระเป๋า
จึงก่อเกิดสัมพันธ์กันสองเรา
เธอไม่เอาชดใช้มอบไมตรี

ไปเยี่ยมเยือนถึงถิ่นบ้าบิ่นนัก
ไม่รู้จักความหนาวชาวเกาหลี
ลบองศากลายกลายหลายดีกรี
ไม่เห็นมีคนไทยที่ไหนเลย

สถานฑูตเตือนมาอย่าขึ้นเครื่อง
ยังมีเรื่องของซาร์สมาเปิดเผย
แม้เกาหลีปลอดซาร์สอย่าละเลย
คนไม่เคยไปมาอย่าไว้ใจ

จึงเหมือนมีเส้นทางมาขวางกั้น
ความผูกพันลางเลือนเหมือนไม่ใช่
ถอดหน้ากากคาดปากจากแดนไกล
กลับเมืองไทยดีกว่าสง่างาม...!

สะดุ้งตื่นคืนเมษาของหน้าร้อน
ฝันเป็นกลอนฝากไว้ใกล้ตีสาม
โอ้...นางฟ้าเป็นเพียงฝันอันงดงาม
แท้นงรามอยู่ใน ไทยโพเอ็ม...!

แอบไปรัก สาวเกาหลี มิน่าล่ะ
จึงเลยละ คนอยู่ไกล พูดไม่เก่ง
แถมไม่สวย ไม่ใช่แอร์ฯ แบบนี้เอง
โดนทิ้งเคว้ง ซิหนอเรา ดาวกวี

ตามนางฟ้า สาวแสนสวย ไปถึงถิ่น
คงสูญสิ้น คนรักเรา เศร้าล่ะสิ
แม้ห่างไกลไปบ้างเหมือนคราวนี้
ดาวกวี..ยังห่วงหา..ดารากร..

เชื่อได้เปล่า เห็นตามสาว ไปขึ้นเครื่อง
ตามถึงเมือง เข้าถึงบ้าน เมื่อวันก่อน
หนาวแค่ไหน ไม่อาจขวาง ติตรากร
งอนงอนงอน งอนงอนงอน ดาวกวี

บอกห่วงหา ดารากร น่ะตอนไหน?
ก็เห็นอยู่ แอบรักใคร่ สาวเกาหลี
คงจะลืม นามเพียงฝัน แล้วล่ะซี
ลืมคนที่ อยู่ข้างใจ ไม่อาทร

ก็คิดถึงนามเพียงฝันถึงวันนี้
จากวันที่พบกันวันเก่าก่อน
เพียงฝันจึงตรึงตราติตรากร
มิเคยจรจากไกลไปจากเธอ

หวานคารม คมกวี ที่แต้มไว้
หวามดวงใจ ไหวดวงจิต ให้คิดถึง
จากไปไกล คงไม่ได้ ใจดื้อดึง
ก็เพราะรัก และคิดถึง แต่..ติตรา    :)   รัย เลิกงอนเร็วจัง

จดหมายถึงปลายฟ้า   ติตรากร 

 ฝากผืนฟ้าแผ่นนี้ทั่วทั้งฟ้า
มาบอกว่าห่วงหาจะได้ไหม
ประตูฟ้าปิดไว้จากภายใน
แม้ห่างไกลคนห่วงใยยังผูกพัน

ฝากดวงดาวทั้งปวงอันหวงแหน
กระพริบแทนสิ่งดีดีในใจฉัน
ให้รับรู้เด่นชัดสัมผัสกัน
เพียงเท่านั้นปรารถนาเวลานี้

ฝากเมฆม่านที่เจือเหลือจางจาง
ช่วยเปิดทางประตูฟ้าอย่าหน่ายหนี
กล่องจดหมายหน้าประตูช่วยดูที
เต็มจนปรี่เมล์ไปไม่ได้เลย....

ความผูกพันครั้งก่อนยังอ่อนไหว
กล่อมเราให้จดจำคำเฉลย
มอบแต่สิ่งดีดีมีเหมือนเคย
แม้จะเลยแรมเดือนก็เหมือนเดิม

จะรอวันฟ้าเปิดเจิดจรัส
มโนทัศน์เปิดกว้างอย่างฮึกเหิม
เกรงแต่ใครจะดำรงความคงเดิม
และส่งเสริมกำลังใจให้แก่กัน

อ่าน-บทเพลง.....ฝันของเธอ-เสมอนะ
และก็จะเก็บไว้ข้างใจฉัน
หวังเธอจะคิดถึงฉันบ้างเหมือนกัน
ตราบนิรันดร์รักไม่จางไม่ลางเลือน 

จดหมายสู่อีกฟากของปลายฟ้า    ทะเลดาว  

วอนผืนฟ้า...ทั่วทั้งฟ้า...เมตตาบ้าง
ช่วยเปิดทาง...สักครั้งครา...จะได้ไหม 
ประตูฟ้า...อย่าปิดนาน...ฉันร้อนใจ
อยู่เบื้องหลัง...แผ่นฟ้าใส...ใจอาวรณ์

ฝากเมฆม่าน...พัดผ่านไป...อีกปลายฟ้า
ฝากแสงแห่ง...ดวงดารา...ดังคราก่อน
ช่วยเรียงร้อย...แทนถ้อยคำ...ฉันพร่ำวอน
คนปลายฟ้า...อย่าทอดถอน...ดวงหทัย

แม้ห่างไกล...ความห่วงใย...ให้คงเดิม
สิ่งดีดี...มีเพิ่มเติม...อย่าหวั่นไหว
ปรารถนา...คนปลายฟ้า...จะเข้าใจ
อย่าแหนงหน่าย...ดุจคนไกล...ไร้ตัวตน

ความผูกพัน...จากทุกภพ...บรรจบต้อง
สองพี่น้อง...มาพบพาน...กันอีกหน
ภพกาย-ใจ...ลิขิตได้...ด้วยกมล
คนสองคน...ร่วมขีดเส้น...ให้เป็นไป

แม้ฟ้าปิด...แต่ จิตเปิด...เจิดจรัส
มโนทัศน์...กลับเปิดกว้าง...สว่างใส
ประตูฟ้า...หาได้ปิด...ประตูใจ
รับรู้ไว้...ตัวอยู่ไกล...ใจอยู่เคียง

อันบทเพลง...ฝันของเธอ...แทนคำกล่าว
อยากบอกเล่า...ความรู้สึก...สื่อแทนเสียง
อักษรา...แทนค่าใจ...ใคร่บอกเพียง
ทะเลดาว...เค้าอยู่เคียง...ติตรากร

กระปุกกะปุ๊กลุก    ติตรากร 

ใจอ้วนอ้วนดวงนี้มีสี่ห้อง
เก็บเข้าของเอาไว้ยังไม่หมด
แต่ละห้องชื่อนามล้วนงามงด
ไม่เคยลดความกว้างระหว่างชั้น

ห้องทางเหนือชื่อว่าห้องพายัพ
ฟังเหมือนกับย่อยยับอาภัพนั่น
หากแต่แท้ห้องใจแบ่งให้ปัน
ไม่มีวันย่อยยับไปกับใจ

ห้องทางใต้งามนักชื่อทักษิณ
ประตูผินหันไปในทิศใต้
จะแบ่งห้องจุนเจือนี้เพื่อใคร
จะยังไม่บอกไปให้รับรู้             

ห้องด้านขวาชื่อหรูบูรพา
เปิดออกมารับตะวันยามเช้าตรู่
ส่องสว่างกลางห้องเมื่อมองดู
ห้องนี้อยู่ที่ใดใครจะรับ

ห้องสุดท้ายนี้นะชื่อประจิม
มีรอยยิ้มยามมองเต็มห้องหับ
แสงตะวันสายัณห์อันวาววับ
ส่องประดับหอห้องเหมือนทองทา

เป็นหัวใจอมตะกะปุ๊กลุก
เหมือนกระปุกหมูน้อยอาจด้อยค่า
รอคนดีจับจองถ้าต้องตา
ทุบออกมาสักที...ซิที่รัก

คิดถึงที่สุดจากใจดวงนี้     ทะเลดาว 

คิด...... จะเขียน...ลำนำซึ้ง...ตราตรึงจิต

ถึง...... คนที่...แสนใกล้ชิด...สนิทมั่น

ที่........ อยู่ไกล....เพียงแต่กาย...ใจใกล้กัน

สุด....... ปลายฝัน...สายใยรัก...ถักเรียงราย

จาก..... ดอกไม้...เพียงดอกหนึ่ง...ซึ้งคุณค่า

ใจ....... รับมา...สดชื่นจัง...ดังฝันใฝ่

ดวง..... ดาวน้อย...ลอยสู่ห้วง...ดวงหทัย

นี้.........  คือเสียง...จากดวงใจ...มอบให้เธอ 

ดวงใจดวงนี้มีเธอในใจ      ติตรากร

ดวง... กมล...เธอคนนี้...มีค่ายิ่ง

ใจ..... เป็นมิ่ง...สิ่งสูงส่ง..ดำรงอยู่

ดวง.. ดาวแห่ง...ห้องหทัย...ได้รับรู้

นี้...... คือผู้...ประสานฝัน...วันเป็นจริง

มี...... ดวงใจ...เป็นที่รัก...ประจักษ์แจ้ง

เธอ... ผู้แต่ง...เติมฝันฉัน...นั้นทุกสิ่ง

ใน..... กมล...เจิดประจักษ์...ได้พักพิง

ใจ..... ก็ยิ่ง...รู้คุณค่า...คำว่ารัก

ประมาณนั้น...   ติตรากร 

เก็บคำไว้มากมายใส่ตาชั่ง
เพื่อจะหยั่งตามติดความคิดถึง
ห่อความเหงาในใจให้รำพึง
กับ-คำหนึ่ง-มากค่าเกินมาตรา

เข็มน้ำหนักหน้าปัดสุดวัดได้
ทั้งที่ใจอยากถามตามประสา
น้ำหนักความคิดถึงครั้งหนึ่งมา
ยังคงค่าปรากฏหรือลดลง

อย่าเจือจางเวลาผ่านมานี้
หน้าปัดชี้ให้จิตพิศวง
ตัวเลขยังผูกพันอย่างมั่นคง
และดำรงแนวทางเหมือนอย่างเคย

เติมเต็มความห่วงใยอย่างใกล้ชิด
ทีละนิดเก็บไว้ไม่ชาเฉย
ปริมาณล้ำค่าอย่าละเลย
สุดเฉลยมวลคำกำลังใจ

ถ้าจะเอาหัวใจใส่ตาชั่ง
เพื่อจะหยั่งความรู้สึกที่นึกได้
คงไม่มีเข็มชี้วัดที่ใด
นอกจากจะชี้ไปกลางใจเธอ

เพราะ-รัก-ไร้สสารประมาณได้
ไร้เครื่องมือบอกค่าใจได้เสมอ
ปริมาณเพิ่มทบเมื่อพบเจอ
อย่าเผลอเลอปล่อยใจให้ไกลเกิน

มาตราเต็มคือ จะขอรักต่อไป    ทะเลดาว

มาตราชั่ง หรือหยั่งใจ ในคิดถึง
ความผูกพัน อันลึกซึ้ง จึงเกินกว่า
เข็มวัดชี้ ปริมาณ บ่งมาตรา
จึงน้อยกว่า ความเป็นจริง จากดวงใจ

ความห่วงใย ทางไกลใกล้ ไม่อาจวัด
จะสัมผัส ได้ด้วยจิต คิดฝันใฝ่
ความคิดถึง จึงต้องอ่าน จากหัวใจ
มีตัวเลข กำกับไว้ เกินชั่งตวง

เข็มมาตรา ปกติ มิผิดพลาด 
แต่ไม่อาจ วัดบางอย่าง ซึ่งหนักหน่วง
คือผูกพัน อันมีให้ ใจอีกดวง
มาตราตวง หรือชั่งวัด อาจไม่พอ

ถ้าจำเป็น ต้องเอาใจ ใส่ตาชั่ง
เข็มคงหมุน จนเครื่องพัง เลยล่ะหนอ
เพราะ-รัก-ไร้ ขีดจำกัด วัดชั่ง พอ
มาตราเต็ม คือจะขอ รักต่อไป (ประมาณนั้น) 

ป.ณ. บางพลัด?    ติตรากร

ไปรษณีย์ทำหายตั้งหลายหน
เหมือนทิ้งคนอิดโรยให้โหยหา
ปริ่มใจขาดแดดิ้นสิ้นชีวา
ฤๅเธอพาสิ้นไร้หัวใจรัก

ปนฉงนแล้วเราเขาอ่อนไหว
เหมือนบอกใบ้ความจริงสิ่งประจักษ์
แล้วหายไปให้คอยน้อยใจนัก
อุปสรรคยอกย้อนเข้ารอนริด

เมื่อขาดคนเคียงใจในครั้งนั้น
เหมือนสะบั้นเคว้งคว้างเลือนร้างสิทธิ์
หนทางดูริบหรี่ทีละนิด
หมองในจิตครอบคลุมจนลุ่มลึก

ตาที่เศร้าแววตาใบหน้าหม่น
บีบคั้นจนหัวใจไม่รู้สึก
แต่ยังคงร้อยพจน์จดบันทึก
หวังจารึกบอกข่าวเมื่อคราวพลัด

คงครั้งนั้นเหนื่อยล้าไม่ปรากฎ
ใครจะอดใจคิดด้วยติดขัด
เปิดดูตู้จดหมายมองให้ชัด
ดูถนัดรัดกุมถึงมุมอับ

เป็นตู้ใหม่สวยดีสีแดงสด
เพิ่งมีจดหมายมาห้าฉบับ
ตอบแล้วใจยังคอยค่อยค่อยนับ
ช่วยตอบกลับซักที...นะที่รัก

ป.ณ.บางรัก   ทะเลดาว

เหตุไฉน ไปรษณีย์ นี้สับสน
ทำจดหมาย หายตกหล่น กี่หนหนอ
รู้บ้างไหม ใครปลายทาง ตั้งใจรอ
ด้วยดวงใจ ที่จดจ่อ ตัดพ้อมา

ค้นในตู้ ดูอีกครั้ง ยังเท่าเดิม
จดหมายใหม่ ไม่มีเพิ่ม เลยล่ะหนา
ตั้งใจตอบ-กลับไปให้ ไม่ค้างคา
ยังถูกหา ว่าสิ้นไร้ หัวใจรัก

เฝ้ากังวล ฉงนใจ ใครไหวอ่อน
ช่างขอดค่อน คนแสนงอน จงตระหนัก
ใช่ห่างเหิน เมินจดหมาย ทั้งลายลักษณ์
น้อยใจนัก หากคนดี มิเข้าใจ

ยังจำมั่น แสนหวาดหวั่น วันเคยห่าง
เคว้งเคว้งคว้าง ดังฤทัย แหลกสลาย
ทุกย่างก้าว คราวพลัดพราก จากกันไกล
เหนื่อยล้ากาย ร้างแรงใจ แทบวายวาง

อุปสรรค์ หากไม่ท้อ ก็ข้ามผ่าน
บางเหตุการณ์ มันตรึงตรา พาหม่นหมาง
บางสิ่งหาย ไปไม่ถึง ซึ่งปลายทาง
แต่รู้ไหม ใจเคียงข้าง ทั้งคืนวัน

มีตู้ใหม่ ไว้ส่งรับ นับจากนี้
ใช้บางพลัด ไม่เข้าที นะจอมขวัญ
ขอเปลี่ยนเป็น บางรักนะ ยอดชีวัน
ตอบกลับให้ อ่านไม่ทันเลยที่รัก 

 คนดี...ที่รัก    ติตรากร  

...คนดี...ที่รัก...
แม้จะพักดวงกมลอยู่หนไหน
หรือเหนื่อยล้าการเรียนสักเพียงใด
อย่าอ่อนใจคนงอนคอยอ้อนดาว

เขาคิดถึงจึงงอนอ้อนอย่างนี้
ไปรษณีย์แม้หลงการส่งข่าว
แต่ใจยังรับได้ในทุกคราว
ทุกเรื่องราวตัวตนของคนดี

เขารักและห่วงใยเกินใครนะ
จึงมานะเรื่อยมายอดยาหยี
ผ่านท้องฟ้าผ่านดาว....ดาวกวี
ด้วยภักดีสื่อผ่านมานานวัน

จะไปไหนไม่ได้ด้วยใจรัก
และตระหนักใจยิ่งเป็นมิ่งขวัญ
รู้อาจห่างไปบ้างเพียงบางวัน
คิดถึงกัน...รู้กันเพราะมั่นใจ

เห็นรอยยิ้มใสใสของใครเอ่ย
คนที่เคยฝากดาวเอามาให้
ดูซิดู....ใครเขาคอยเอาใจ
รู้ใช่ไหม...คนดี...ทวิดาวฯ

คนดี...ที่รัก
มาแวะพักปลายฝน...ลมต้นหนาว
หายเหนื่อยล้าแวะพักมาทักดาว
เหมือนเมื่อคราวแวะพักเรารักกัน

ดาวงอน อ้อนดาว   ทะเลดาว

คนดี...ที่แสนรัก
กระซิบฝาก แสงดาว วับวาวใส
เสียงล้อลม พรมผ่าน หวานทรวงใน
แสนหวามไหว คนงอน ออดอ้อนมา

แผ่วบางเบา คำเย้า อย่าอ่อนใจ
รักห่วงใย เกินใคร รู้ไหมหนา
คิดถึงกัน รู้กัน ทุกเวลา
ช่างออดอ้อน นักนะ ดาวกวี 

ความผูกพัน ประสาน วันไกลห่าง
ที่เราต่าง ต้องทำ ตามหน้าที่ 
กำลังใจ ส่งให้ ทุกนาที 
ด้วยภักดี จอมขวัญ มั่นกมล 

เป็นดาวเพียง หนึ่งดวง ในห้วงฟ้า
ที่ไม่เคย ลับตา เลยสักหน
ถึงสัมผัส ไม่ได้ ไร้ตัวตน 
พายับฝน หม่นบัง ยังเห็นดาว 

เห็นรอยยิ้ม ใสใส มาทายทัก
ก็อบอุ่น ยิ่งนัก แม้นคืนหนาว
จะไปไหน ไม่ได้ ด้วยรักดาว
คำหยอกเย้า เอาใจ ของใครกัน 

ดาวกวี...ที่แสนรัก
ฟังซิฟัง คำฝาก จากใจฉัน
ขอเป็นเงา มิร้าง ห่างดวงมาลย์
ทะเลดาว รักมั่น ติตรากร

คือความคิดถึง   ติตรากร 

บันทึกเหตุแห่งหัวใจเก็บในตู้        
ก็อยากดูเปิดไขเข้าไปได้
บทกลอนหนึ่งชื่อ.คำถามในใจ.
เปิดเข้าไปอ่านดูอยู่เป็นนิจ

เขียนกวีเป็นกลอนตั้งค่อนร้อย
ก็ยังน้อยกว่าที่เธอมีสิทธิ์
.เก็บไว้ให้เธอ.เหมือนได้อยู่ใกล้ชิด
เพียงเพ่งพิศเหมือนประสบได้พบรัก

.อ้อมกอดคนในใจ.ในคราวนั้น
ดูเหมือนฝันฝากไว้ให้รู้จัก
.อ้อมกอดดาว.ตราตรึงลึกซึ้งนัก
.ทางแห่งรัก.หวานล้ำคำบรรยาย

.ฟากฟ้ายามราตรี.มีสีสัน
เหมือนเคยฝันอย่างที่มีความหมาย
ชื่นชมดาวดวงนี้มิมีคลาย
แต่ดาวหายไปไหนในคืนนี้

สมุดจดบทกลอนสอนให้รู้
ว่าให้เราคงอยู่ ณ ที่นี่
ร่วมกันสร้างทุกคราวดาวกวี
สมกับที่วันว่างอยู่ข้างกัน

ยังจำอยู่ในใจได้หลายบท
แสนงามงดรจนาเหมือนพาฝัน
บันทึกเหตุแห่งหัวใจในครานั้น
จะอยู่ในใจฉันทุกวันไป 

ทะเลดาวยังรักมิจากไกล   ทะเลดาว

ทะเลดาว ยังอยู่นะ อย่าเศร้าสร้อย
เฝ้ารอคอย ใครกันเล่า เหล่าอักษร
ทะเลดาว เค้าไม่ห่าง อย่าอาทร
รักมากนะ ทุกอักษร จงเชื่อใจ

แต่เวลา นี้แววตา มีหยาดน้ำ
มารุกล้ำ ยามค่ำคืน ฝืนไม่ไหว
ซบซุกหมอน นอนสะอื้น จนหลับไป
เหนื่อยมากนะ ขอพักกาย ในห้องนี้

เฝ้ามองดู อักษรา ที่หลายหลาก
เต็มเปี่ยมไป ด้วยความรัก ที่ล้นปรี่
เรียงกันมา แล้วทักทาย ด้วยไมตรี
ก็คงมี เพียงแค่เหล่า อักษรา

ขอเก็บตัว อยู่ภายใน ห้องเก่าเก่า
ถึงเงียบเหงา สักเท่าใด ไม่ซ่อนหน้า
อยู่ตรงนี้ ไม่ต้องคอย ซ่อนน้ำตา
คงไม่มี ใครผ่านมา ทางห้องนี้

เพราะรู้สึก ว่าคุ้นเคย และปลอดภัย
เหมือนฉันถูก โอบกอดไว้ ไม่หน่ายหนี
กระชับมั่น ด้วยสัญญา แห่งกวี
ด้วยไออุ่น พจนีย์ ที่คุ้นเคย

เชื่อมั่นในรักเดียร์มั๊ย?
ถ้อยคำถาม ความอ่อนไหว ที่เปิดเผย
เพียงเชื่อมั่น รักฉันมอบ เหมือนเช่นเคย
น้ำตาเลย หรือจะหลั่ง ทั้งสองนัยน์

ต้องซุกตัว อยู่เงียบเงียบ เพียงลำพัง
เพราะยอมรับ เรื่องไกลห่าง ยังไม่ไหว
รู้เหมือนกัน คงสักวัน เค้าต้องไป
มิเผื่อไว้ ใจทั้งใจ จึงร้าวราน

ถ้าทำได้ อยากหยุดไว้ ซึ่งเวลา
จะเก็บเกี่ยว ห้วงหรรษา ที่สุขสันต์
เพียงเศษเสี้ยว วินาที แห่งคืนวัน
จะชิดใกล้ ให้เนิ่นนาน มิหวั่นใด

นาทีนี้ เพียงแค่คิด ฤๅย้อนคืน
ลืมตาตื่น ความสดชื่น ก็จางหาย
อยากหลับฝัน ไม่ยอมตื่น ทั้งใจกาย
เพราะฝันนั้น คนของใจ อยู่ข้างเคียง

ขอพักใจ ไว้ตรงนี้ ที่ห้องเก่า
ก้องกังวาน ขานหยอกเย้า เคล้าน้ำเสียง
รอยยิ้มแจ่ม แต้มใบหน้า คนเคยเคียง
ร่วมร้อยเรียง รักสานฝัน ฉันจริงใจ

ค้นหาชื่อบทกลอนม่ะเจอ...   ติตรากร

หลับตา...คืนนี้...
นอนฝันดี เหมือนที่ฉัน ฝันบ้างไหม
ก่อนหลับตา คิดถึงกัน หรือฉันใด
ด้วยห่วงใย นวลอนงค์ คงเหนื่อยล้า

ห้องที่นอน ก่อนนิทรา ถ้าเธอหนาว
หยิบหมอนดาว นำมาหนุน ให้อุ่นหนา
หยิบผ้าห่ม ห่มละมุน กรุ่นอุรา
พักสายตา อีกสักคืน ให้ชื่นใจ

เหนื่อยมามาก จากตำรา เวลาสอบ
คำถามตอบ ที่ทำไป เธอเหนื่อยไหม
กับโครงงาน ตามหน้าที่ ที่ทำไป
ส่งแรงใจ ให้คนดี ทุกทีเลย

สอบเสร็จแล้ว กิจกรรม ยังทำอยู่
เหนื่อยน่าดู ทำงานไป ใช่เฉยเฉย
ผลงานคง สมคุณค่า น่าชมเชย
คนคุ้นเคย ใครคนนี้ ยินดีนะ

เมื่อหยุดพัก อย่าหนักใจ การใฝ่รู้
ยังมีผู้ คอยเอาใจ รู้ไหมจ๊ะ
สุขภาพ ก็ต้องดู รู้มั้ยละ
แล้วฉันจะ เอาใจช่วย ด้วยดวงใจ

หลับตา...คืนนี้
นะคนดี หลับนิทรา อย่าหวั่นไหว
ตื่นขึ้นมา แม้เหน็บหนาว ในคราวใด
โปรดรู้ไว้ ดาวดวงนี้ นั้นมีเธอ

หลับตา...คืนนี้
ดวงฤดี มีความหมอง ครองหม่นบ้าง
ด้วยคะนึง ถึงเธออยู่ ไม่รู้จาง
แต่!!!ต้องห่าง ดั่งไม่แล แคร์ดวงใจ

คิดถึงมาก คิดถึงมาก อยากให้รู้
หนุนหมอนดาว จนเช้าตรู่ รู้บ้างไหม
อบอุ่นนัก เหมือนหนุนตัก คนของใจ
ห่างเพียงใด นานแค่ไหน ใจอาวรณ์ 

 นานแค่ไหนใจห่วงหาแม้ฟ้าเศร้า
เนิ่นนานเนาว์ผูกสัมพันธ์จากวันก่อน
ใจหนึ่งใจยังห่วงหาเอื้ออาทร
ไกลจากจรจะคอยรอมิท้อเลย

เพราะเธอนั้นเป็นเพียงฝันอันล้ำค่า
ไม่จากลาเนิ่นนานไป...ใช่ไหมเอ่ย
ดาวสะท้อนแสงละมุนอันคุ้นเคย
วานเฉลยอีกสักครา..น๊าาาาคนดี.. 

ดาวเพียงฝัน มั่นสัญญา อย่ากังวล
ดาวอย่าหม่น จนมัวแสง หรือหมองศรี
ถึงไกลดาว ใช่ไกลลับ นับนาที
ดวงฤดี เฝ้าจดจ่อ รอกลับมา

รู้บ้างไหม เพราะอะไร ก็เพราะรัก
ถึงต้องจาก จิตยังใกล้ ใจหวลหา
ความอบอุ่น อันคุ้นเคย แสนตรึงตรา
จึงเฉลย เอ่ยอีกครา สัญญาดาว

ดาว    ติตรากร

ดาวกวี ยังคงตื่น ทุกคืนค่ำ
เพื่อครวญคำ มาบรรเลง เป็นเพลงหวาน
อย่าทิ้งดาว ให้อาภัพ กับบทกานท์
หาใครขาน ขับกล่อมใจ ก็ไม่มี

ดาวเหน็บหนาว ร้าวอารมณ์ จากลมเหนือ
พริ้วมาเมื่อ ฟ้าพรั่งพราย ฉายรังสี
โอ้ดาวเอ๋ย ดาวระย้า ฟ้าคืนนี้
เมื่อไรที่ จะลอยคว้า เป็นมาลัย

ถวิลหา ดาวกวี ศรีแมนสรวง
ประโลมทรวง ฤๅโศกซึ้ง อยู่ถึงไหน
จะพร่างพรม มาห่มหนาว ให้คราวใด
หรือปล่อยให้ ดาวเคว้งคว้าง เพราะร้างรอ

แม้นมาลัย ดาวพร้อมพราก ลงจากฟ้า
เลื่อนลงมา ให้เอื้อมสอย แทนลอยล่อ
จะโลมรื่น ชื่นฤทัย เสียให้พอ
ให้หยอกล้อ แนบถนอม ในอ้อมทรวง

ด้วยรักดาว ที่เจือจุน รู้คุณค่า
มากศรัทธา มาจากใจ ยิ่งใหญ่หลวง
และซาบซึ้ง เกินประเมิน เหนืออื่นปวง
ใครจะช่วง ชิงเอาไป ก็ไม่ยอม

รักอบอวล สำหรับผู้ รู้โอบเอื้อ
รักแผ่เผื่อ สำหรับผู้ รู้ขับกล่อม
รักควรค่า สำหรับผู้ รู้อดออม
รักย่อมพร้อม สำหรับผู้ รู้จักรัก 

ดาว   ทะเลดาว

ทุกคืนค่ำ ลำนำรัก ถูกถักร้อย
ในดวงใจ ดาวดวงน้อย นี้เสมอ
เฝ้าแต่หวัง คอยเวลา จะมาเจอ
พร้อมขับกล่อม เพลงเพื่อเธอ จนนิรันดร์

แสนสุดห่วง ดาวดวงใจ จักหมองเศร้า
ด้วยไร้เงา เคยเคล้าคลอ ร่วมก่อสาน
ใครจะหยอก แกมเย้า ล้อฯ เช่นก่อนกาล
จะมีใคร ปลอบดวงมาลย์ ยามรานร้าว

เสียงกระซิบ จากปลายฟ้า มาแผ่วแผ่ว 
กังวานแว่ว ตามสายลม ระทมเหงา
เตือนสัญญา ว่าดาวรอ คอยดวงดาว
แม้นเหน็บหนาว ดาวกวี มิท้อใจ

ฟังซิฟัง ตั้งใจฟัง เสียงกระซิบ
หนึ่งดวงดาว พราวระยิบ บนฟ้าใส
ถึงอยู่ห่าง ดั่งอีกฟาก นภาลัย
ส่งหทัย ใต้เมฆม่าน ผ่านราตรี

ด้วยรักดาว ที่แสนดี ดวงนี้ยิ่ง
ด้วยซาบซึ้ง ถึงใจจริง ของดาวนี้
ด้วยศรัทธา รู้คุณค่า ดาวกวี
เหนือสิ่งใด ไม่อาจมี มาเทียบค่า

อยู่ในฝัน มาเนิ่นนาน มิพานพบ
แต่ใจสบ สุขนิรันดร์ เพียงฝันหา
เกี่ยวก้อยไว้ ใต้เงาแสง แห่งดารา
แอบกระซิบ เบาเบาว่า รักมากนะติตรากร

โค้งดาว   ติตรากร

ฤๅหนังสือร้อยกรองของสองเรา
จะรวมเอาดาวดวงทั้งปวงได้
มาถักร้อยสร้อยสรวงรูปดวงใจ
เป็นดวงดาวพราวพิไลในห้วงฟ้า

ถ้าทำได้อิสระจะทำไหม
มาเก็บไว้ถ้าพอขออาสา
หนังสือที่เรียงร้อยสร้อยดารา
เป็นระย้างามสรรพสำหรับเธอ

ตกกลางคืนจะโค้งดาวด้วยแดดวง
มาคล้องทรวงอย่ารีรอข้อเสนอ
เต้นเพลงเพลินกับดาวคราวพบเจอ
ให้เลิศเลอตามลีลาของดาวราย

แม้ตอนนี้ใจห่วงทรวงตระหนัก
ขอพิทักษ์ดาวดวงด้วยสรวงสาย
จะปกป้องดาวดวงทั้งทรวงกาย
โดยมิหน่ายโดยมิเหนื่อยอยู่เรื่อยไป

ให้ดาวเป็นนายิกาดารากร
สุดสายศรโยงริ้วแสงพริ้วไหว
ดาวคล้องทรวงดวงอุ่นละมุนละไม
ที่คล้องใจคล้องจองเราสองคน

คือหนังสือร้อยกรองของสองเรา
รวบรวมเอาความรักประจักษ์ผล
ทะเลดาวแดนสรวงดวงกมล
รักเปี่ยมล้นทุกคราวดาวกวี

โค้งดาว คล้องใจ   ทะเลดาว

ตัวอักษร ของสองเรา ที่เรียงร้อย
เขียนเรื่องราว ดาวดวงน้อย คอยสื่อสาร
เคยต่างใจ ต่างตัวตน สิ่งต้องการ
ได้พบพาน เพราะดาวราย นำให้เจอ

ยามค่ำคืน มักยืนมอง ท้องนภา
เพื่อส่งใจ ทักทายว่า ห่วงเสมอ
คิดถึงนะ อยู่ที่ไหน เหนื่อยไหมเธอ
บางครั้งเผลอ พ้อกับดาว คราวไกลกัน

คืนจันทร์แรม ดาวแจ่มสรวง ในห้วงฟ้า
กระซิบถาม ดาริกา เห็นไหมนั่น
ดาวดวงน้อย ลอยใกล้ชิด ติดดวงจันทร์
ดาวเคียงเดือน สวยใดปาน เกินบรรยาย

ถ้าทำได้ อิสระ จะมิรอ
จะเก็บดาว งามละออ ถักทอสาย
เชื่อมจากหนึ่ง ถึงทุกดวง ห้วงดาวราย
เป็นเส้นตรง ระวิบไหว สายสีเงิน

ใช้สองมือ โอบประคอง คล้องด้วยรัก
โค้งดาวงาม ด้วยความภักดิ์ มิขัดเขิน
ตกแต่งให้ เป็นรูปใจ พิไลเกิน
ไม่หมางเมิน เฝ้าถนอม มิยอมไกล

คือเรื่องราว ดาวกวี ร่วมร้อยเรียง
แม้นเป็นเพียง สะเก็ดดาว มิพราวใส
แต่สองเรา ดาวกวี มีสุขใจ
บันทึกไว้ ในกมล คนรักดาว

ตัวตน   ติตรากร  ภาพวณิพกที่อยู่ในใจไม่เคยลืม-รักแสนรัก-

แม้ใครจะตีค่าว่าบ้าใบ้
ไม่เป็นไรใจนั้นยังสงบ
ที่เป็นบ้าบ้าใบ้ไร้ใครคบ
ใช่ประจบประแจงระแวงลึก

จะปิดปากปิดตาที่น่าเบื่อ
ปิดไว้เพื่อผินตามความรู้สึก
โสตประสาทมโนธรรมย้ำสำนึก
ตกผลึกมืดมัวทั่วทุกทิศ

ใต้ม่านตาดำดำกล่ำน้ำใส
บดบังไว้พันผูกความถูกผิด
ลึกลงไปยังจำคำนึกคิด
จะปกปิดไม่ได้เพราะใบ้บ้า

จึ่งบรรเลงเพลงตามความนิ่งเงียบ
มิเคยเปรียบเทียบไปว่าใจกล้า
รู้เพียงเป็นวณิพกกกกะลา
เดินหลงมาในถนนของคนดี   ติตรามักจะใช้คำพูดนี้เสมอ

จะก้มหน้าก้มตารักษาสัตย์
ปฎิบัติดั่งผู้รู้หน้าที่
จะคอยเคียงปรนนิบัติและพัดวี
ให้คนที่-แสนรัก-ได้พักใจ

แล้วจะกลับมายื่นมาคืนเหย้า
มาหยอกเย้าเอาใจไม่บ้าใบ้
สัญญุามิเคยเลือนคอยเตือนใจ
จารึกไว้อีกหนนะ-คนดี-

ดุจฝัน จากวันวาร   ทะเลดาว 

ประเสริฐยิ่ง กว่าสิ่งใด ในผืนหล้า
คือดวงใจ คนใบ้บ้า น่าเคารพ
มิตรภาพ อาบน้ำใจ ใช่ประจบ
รู้ว่าคบ ด้วยหทัย ไร้มายา

คนใบ้บ้า มีคุณค่า เกินลิขิต
รู้ถูกผิด มโนธรรม พร่ำรักษา
ถึงปิดหู ดูที่ปาก อ่านจากตา
โสตประสาท สัมผัสว่า หาลืมเลือน

ห่างกันไกล ใจอาวรณ์ สะท้อนห่วง
ความคิดถึง ซึ่งใหญ่หลวง ทวงเสมือน
เฝ้าตอกย้ำ คำสัญญา ให้มาเยือน
นานหนึ่งเดือน เหมือนสิบปี ที่รอคอย

ฟังเสียงเพลง บรรเลงเศร้า เคล้าความเงียบ
ฤๅจะเทียบ ดวงฤทัย ไห้ เหงาหงอย
ทุกถิ่นที่ มีเงาใจ ใช่ไร้รอย
บนถนน คนดีคอย รอทุกยาม

จะขอกลับ มาเย้าหยอก บอกห่วงใย
ขอชดเชย สิ่งขาดหาย เฝ้าไถ่ถาม
ถึงใบ้บ้า กกกะลา หาใช่ทราม
ดวงมาลย์งาม นิยามแห่ง คุณความดี

จะหยอกล้อ ขอพัดวี ปรนนิบัติ
คนบ้าใบ้ ใจซื่อสัตย์ ไปทุกที่
ขอสัญญา จะ-รัก-มั่น ผ่านกวี
ติตรากร คือชายที่ เดียร์แสนรัก

ตัวตนของคนไกล  ติตรากร  ถ้าใจรับรู้ได้คงรู้ว่ารักมากมายเพียงใด

 ชีวิตหนึ่งผ่านวิบากมามากก้าว         
ทนปวดร้าวสิ้นล้นจนสาหัส
อ่อนไหวในวิญญาณ์สารพัด
เหมือนจรจัดคนเห็นเป็นเช่นนั้น

ใจก็เพียงดวงเท่านี้กับสี่ห้อง
ใครจะป้องดวงแดแค่กำปั้น
จะแบกทุกข์เอาไว้ได้กี่วัน
สารพันรุมเร้าเหมือนเงาร้าง

ดั่งเปลวไฟเผาใจไหม้หมดสิ้น
เกือบแดดิ้นสิ้นล้นกมลหมาง
หัวใจที่แนบทรวงดวงบางบาง
ในท่ามกลางความลงเอยอันเฉยชา

ที่แวดล้อมมืดมนระคนเหงา
และคละเคล้าเถ้าธุลีฝืนสีหน้า
ปล่อยกาลผ่านนานนับกับเวลา
เพื่อเยียวยาใจนั้นจนวันนี้

คนดีที่แสนรัก....
วัฏจักรงามรติของดิถี
มีเพียงเธอปลอบฉันขวัญชีวี
เหมือนแสงชี้ส่องสว่างอยู่กลางใจ

เธอฉุดฉันจากม่านควันในวันมืด
ที่เคยชืดจากตัวตนเป็นคนใหม่
สำนึกตอบบุญคุณหนุนเนื่องไป
ยังจำได้และผูกพันทุกวันมา

ให้ตัวตนคนนี้เหมือนลิขิต
ต่อชีวิตน้อยนิดนี้ให้มีค่า
เริ่มมองเห็นแสงสว่างอย่างช้าช้า
ด้วยศรัทธาคนดีมีน้ำใจ

เขียนขึ้นด้วยสติที่ครบถ้วน
ใช่สำนวนกลอนพาก็หาไม่
ทุกคำล้วนกลั่นกรองตรองจากใจ
มิเฉไฉเรียงคำมาจำนรรจ์

ก็ด้วยรัก/ห่วงใยใครคนนี้
จากใจที่ปัจเจกพึงเสกสรร
แม้มิได้พบเห็นเช่นทุกวัน
คิดถึงกันคนแสนดีที่แสนรัก

ชีวิตหนึ่งผ่านวิบากมามากก้าว
หนทางยาวเหมือนเหวหุบอุปสรรค
วันเวลาที่ผ่านไปไกลยิ่งนัก
ต่อแต่นี้จะขอภักดิ์...เพื่อรักเธอ 

เจ้าชายของฉันในฝันและความจริง   ทะเลดาว     

ทุกทุกครั้ง ถ้าฉันมี เวลาว่าง
ฉันจะนั่ง ลงหน้าคอมพ์ พร้อมเปิดหา
ภาพเจ้าชาย ที่คุ้นใจ และคุ้นตา
คลิ๊กดูหน้า ด้วยความสุข ทุกทุกวัน

คือแทนกาย แทนหัวใจ แทนตัวตน
รักเหลือล้น นะเจ้าชาย ในความฝัน
เสื้อสีฝุ่น หนุนหมอนขาว ซอยผมสั้น
มือหนึ่งนั้น วางซุกหน้า หลับตาพริ้ม             

ปากบางบาง ช่างหยอกเย้า หรือป่าวหนอ
คิ้วเรียวต่อ รับปลายคาง ช่างจิ้มลิ้ม
จมูกโด่ง เด่นเป็นสัน ประพรายพิม
มีรอยยิ้ม ข้างมุมปาก ดั่งทักทาย              

นอนหลับฝัน ถึงใครกัน ฉันนั่งคิด
ฝากจุมพิต ไว้ข้างหมอน ตอนหลับไหล
คนต่ำต้อย ชะเง้อคอย รอเจ้าชาย
ไม่เยี่ยมกราย แม้ในฝัน ฉันสักคืน            

ด้วยตัวฉัน ไม่ประมาณ เงาหัวเลย
เหมือนพังเพย โบราณเปรียบ ให้ขมขื่น
ต้องตักน้ำ ใส่กะโหลก ส่องทุกคืน
อย่าใฝ่ฝัน แม้เพียงผืน ชายผ้างาม           

เป็นได้เพียง ดอกหญ้าเหย้า เฝ้าข้างทาง
อย่าคิดหมาย ใส่กระถาง ช่างเหลื่อมล้ำ
เกิดจากดิน ถิ่นนาดอน แดนน้ำครำ
บ้างเผลอย่ำ เหยียบจนราน แล้วผ่านเลย 

ดอกหญ้าเหย้า เค้าถามนิตย์ จะผิดมั๊ย?
ถ้าขอฝัน ถึงเจ้าชาย ผิดไหมเอ่ย
ทุกทุกคืน ขอฝันถึง เหมือนก่อนเคย
ฝากถามผ่าน ลมรำเพย ถึงเจ้าชาย

สะพานขึง ถึงดวงดาว   ติตรากร 

ถึงยามค่ำข้ามผ่านสะพานขึง
หวังเชื่อมถึงดาวได้ดั่งใจหมาย
หรือทอดข้ามราตรีสีเลื่อมพราย
ก็มิหน่ายคล้ายขึงคนึงหา

จากปลายขอบเขตขันธ์อันเวิ้งว้าง
เคยเคว้งคว้างอาลัยเมื่อหายหน้า
แต่ดวงดาวยังงามตามเวลา
ด้วยต้องตาต้องใจมิคลายแคลน

อย่าเปลี่ยนขึงเป็นแขวนมันแสนเศร้า
เหมือนกับเอาหัวใจเอาไปแขวน
สุดขอบฟ้านานเนืองแห่งเมืองแมน
ยังหนักแน่นบรรจบได้พบพาน

กี่สายเรียงโยงใยรู้ไหมนั่น
สายสัมพันธ์ยังขึงดึงประสาน
จากใจเราสู่ดาวอันยาวนาน
แม้กาลผ่านเท่าไรมิไหวเอน

มองดาวในดวงใจวิไลนัก
แม้ดาวจักอยู่ไกลยังได้เห็น
แสงทองอาจข่มฟ้าเวลาเย็น
แต่ดาวเด่นเกินใครในใจพลัน

ถึงยามค่ำข้ามผ่านสะพานขึง
เหมือนถูกดึงเข้าไปในโลกฝัน
มองสะพานเชื่อมฟ้าข้ามหากัน
เหมือนสวรรค์เป็นใจได้พบเธอ ! 

คลื่นเสียงทิพย์ กระซิบดาว   ทะเลดาว 

สุดเขตขันธ์ อันเวิ้งว้าง ยังเฝ้าฝัน
เกี่ยวรวงร้อย สร้อยแสงจันทร์ ด้วยมั่นหมาย
สะพานทอด ข้ามผ่านขึง ถึงแสนไกล
สายโยงใย เรียงร้อยไว้ สุดปลายทาง

อาจมีบ้าง ทั้งท้องฟ้า คราสลัว
ความหนาวเย็น กระจายทั่ว นภากว้าง
อาจเงียบเหงา เคล้าระคน ปนอ้างว้าง
เหมือนดั่งมี สิ่งกีดขวาง กลางสะพาน

รัตติกาล ค่อยผ่านเวียน เจียนจวบรุ่ง
ใจยังมุ่ง ก้าวต่อไป ไม่หวาดหวั่น
มีเพียงหนึ่ง ซึ้งประสาน สายสัมพันธ์
กลางกมล คนช่างฝัน ดาวกวี

เป็นดาวงาม ประจำใจ ไร้กฎเกณฑ์
จะเช้าสาย  เที่ยงบ่ายเย็น ยังสดศรี
งามจับตา ต้องดวงใจ ในราตรี
แม้บางที มีหม่นหมาง บางช่วงคืน

ถึงอยู่ห่าง ดั่งอีกฟาก ของปลายฟ้า
คอยเฝ้ามอง ดาริกา เมื่อคราตื่น
หวังเชื่อมดาว ด้วยคลื่นเสียง- ทิพย์ทุกคืน
ขอส่งคลื่น ดวงฤทัย มิหน่ายกัน

ในทุกยาม พอข้ามผ่าน สะพานขึง
ยังตราตรึง แม้เพียงจิต จะคิดฝัน
ขอเพียงภาพ อย่ากลับกลาย คล้ายหมอกควัน
ดุจสวรรค์ ในโลกฝัน ทะเลดาว

กระซิบดาว..เคล้าเสียงทิพย์   ติตรากร 

เสร็จจากงานเหนื่อยล้าจึงมาสาย
คงไม่หน่ายปลายปากกาถ้าไม่หวาน
แม้หมึกพร่องใจยังก้องกังวาน
อย่าเพียงผ่านเลยไปดวงใจนั้น

คอยตามนัดถึงเวลามาตามนัด
ดุจสัมผัสค่ำคืนตื่นจากฝัน
จรดปากกาเวลามาพบกัน
เราก็พลันมาพบประสบแล้ว

ถ้าคีย์บอร์ดคือปากกาเวลานี้
กระดาษสีเราก็คือจอแก้ว(LG)
อักษราพาถ้อยร้อยเป็นแนว
คีย์เป็นแถวหลากสีที่เรียงราย

หายเหนื่อยล้าอีกคราเมื่อมาถึง
วันที่ซึ่งต่อนี้มีความหมาย
มีเรื่องเล่ามาฝากตั้งมากมาย
วาดระบายฟ้าเดิมลืมหรือยัง

ที่เคยชวนชมดาวเมื่อคราวก่อน
เขียนเป็นกลอนจากฟ้ามาถึงฝั่ง
กระซิบกลอนอีกคราวให้ดาวฟัง
ลืมหรือยังสะพานขึงถึงดวงดาว

น้ำหมึกนี้แม้เฉยมิเคยพร่อง
วาดร้อยกรองทำนองผ่านห้องหาว
แทนแผ่นฟ้าบรรเลงเป็นเพลงยาว
ประดับดาวเต็มกมล....ให้คนดี

สายใยแก้ว สายใยใจ   ทะเลดาว

 หากเหนื่อยนัก พักผ่อนหน่อย ค่อยมาหา
มิเคยหน่าย ปลายปากกา กล้าเฉลย
แต่ละหยด หยาดน้ำหมึก มิละเลย
สลักมั่น วันคุ้นเคย แม้เนิ่นนาน

หากปากกา เวลานี้ คือคีย์บอร์ด
จะถ่ายทอด มธุรส บทคำหวาน
เอื้อนเอ่ยถ้อย ร้อยคำซึ้ง ถึงดวงมาลย์
คีย์สื่อสาร ผ่านLG ที่รู้ใจ

สิ่งที่เห็น ใช่เป็นเพียง ตัวอักษร
ประดิษฐ์ด้วย คำอวยพร มากความหมาย
นิ้วน้อยน้อย ค่อยบรรจง พิมพ์เรียงราย
บวกฤทัย ทุกทรงจำ ลำนำกานต์

ความคิดถึง จึงเพิ่มพูน มิสูญหาย
วาดระบาย ณ.ปลายฟ้า เคียงคู่ขวัญ
โมบายรุ้ง หลากสีแขวน แทนสัมพันธ์
ดอกกุหลาบ อาบแสงจันทร์ สวนฝันตรึง

ห้วงภวังค์ ยังชี้ชวน ชมดารา
เคยเกี่ยวก้อย สอยเอื้อมคว้า คราคิดถึง
เก็บดวงดาว ให้เจ้าหนุน- นอน คะนึง
ส่งความซึ้ง ถึงคนดี ที่ฟ้าเดิม

สายใยแก้ว ก่อกำเนิด สายใยใจ
คีย์ตอบไว้ ดวงฤทัย มีแต่เพิ่ม
คีย์บอร์ดนี้ จะเฝ้าคีย์ ข้อความเดิม
ทุกนาที มีแต่เพิ่ม ความคิดถึง

คือสองเรา  ติตรากร 

เมื่อมือซ้ายหยิบกระดาษวาดมือขวา
ตาสองตาช่วยมองมุมส่องแสง
หลับตาข้างเล็งหมายด้วยปลายแปรง
แล้วแสดงออกมาผืนผ้าใบ

ด้วยองคาพยพที่ครบถ้วน
ตามกระบวนความฝันอันอ่อนไหว
เกิดความคิดปริศนามาทันใด
ว่าทำไมมากหมู่ล้วนคู่กัน

หูเราสองฟังเสียงใช่เพียงหนึ่ง
สองขาซึ่งทรงกายคล้ายคู่ขวัญ
นิ้วทั้งสิบยังเป็นคู่อยู่ทุกวัน
นิ้วหนึ่งนั้นนางซ้ายสายใจพา

แม้สมองยังปรองดองทั้งสองข้าง
อยู่ระหว่างพลังทั้งซ้ายขวา
ข้างหนึ่งย้ำความจำตามตำรา
อีกข้างพาสำนึกไว้ตรึกตรอง

เพราะหัวใจสองเราเคล้าเพียงหนึ่ง
แทนจะซึ่งมีไว้ให้เป็นสอง
มีหัวใจเอาไว้ให้ถือครอง
เราปกป้องหัวใจไว้แบ่งกัน

หัวใจฉันไว้ที่เธอเสมอมา
จะบอกว่าใจพธูอยู่ที่ฉัน
เราต่างครองใจของกันและกัน
สองดวงนั้นเต้นเคียงเพียงเสียงเดียว

เธอหนึ่งใจ ฉันหนึ่งใจ หาใช่สอง
เราต่างปอง รวมสองใจ ให้เป็นหนึ่ง
จังหวะเต้น เป็นเสียงเดียว ด้วยลึกซึ้ง
สองคือหนึ่ง ซึ่งหลอมไว้ เป็นใจเดียว

ดวงใจฉัน อยู่ที่เธอ อย่าเผลอปล่อย
คนใจน้อย อยากให้คอย ช่วยแลเหลียว
ดวงใจเธอ อยู่ที่ฉัน สมานเกลียว
เพียงดวงเดียว ที่เกี่ยวคล้อง เจ้าของใจ

คือสองเรา ร่วมดูแล กันและกัน
ดวงใจเธอ คือใจฉัน สัญญาไว้
ดวงใจฉัน คือใจเธอ เสมอไป
เต้นประสาน คือหนึ่งใจ สองวิญญา

ฉันให้สิทธิ์ เธอเป็นเจ้า- ของหัวใจ
บวกเพิ่มไว้ คือห่วงใย และห่วงหา
บวกอีกหนึ่ง คือคิดถึง ทุกเวลา
สัญญานะ รักษาไว้ ดวงใจเรา

ฟองรุ้งในใยแก้ว   ติตรากร 

คือฟองรุ้งอณูใสในใยแก้ว
ระวิแววส่องแสงตามแรงฝัน
คราคิดถึงรุ้งสว่างแตกต่างกัน
มีสีสันถึงเจ็ดสีที่ปลายทาง

ใยแก้วใสเหลือบเหลืองเริ่มเรืองแสง
เคล้าสีแดงอมฟ้าคราสว่าง
กระพริบแผ่วแววใสไม่เคยจาง
เชื่อมระหว่างทางสองทางที่ห่างกัน

คีย์ฟองนวลชวนชมอารมณ์หวาน
บ้างตระการรุ้งอณูดูซินั่น
กระพริบแล้วเป็นรหัสอัศจรรย์
เรียงตัวกันกล่อมเห่...ทะเลดาว

เจ็ดสีนั้นฟ่องฟูเหมือนรู้เห็น
รวมตัวเป็นเก็จมณีแสงสีขาว
เคลือบฟองรุ้งยองใยแก้วพรายพราว
ระยิบราวแสงเรืองรองของดารา

ที่ห้องใจสายส่องฟองใยรุ้ง
เป็นสายพุ่งอณูแสงแห่งเวหา
จึงเป็นจุดเติมแต้มเต็มห้วงฟ้า
ดาริกาจรัสแล้วฟองแก้วขวัญ

นิ้วมือน้อยคีย์ .ร. ไว้ใต้นิ้วขวา
แล้วกลับมาอีกที คีย์.ไม้หันฯ.
นึ้วมือซ้ายคีย์ .ก.ไก่ ไว้ใกล้กัน
อัศจรรย์ใยแก้วนี้มีคำ .รัก. 

 คำ.รัก.ที่เคยได้หายไปไหน   ทะเลดาว

ถามหารัก เคยทักทาย อยู่ไหนหนา
ถามทั่วทิว พงพนา ในป่ากว้าง
ก้มหน้าถาม ดอกหญ้างาม ตามริมทาง
ถามผีเสื้อ ปีกบางบาง เห็นบ้างไหม

เอ่ยถามกับ เรือลำน้อย ที่ลอยอยู่
ฉันมากู่ ร้องหารัก อย่าผลักไส
ฝายวารี ฝั่งนที เอ่ยถามไป 
ถามโขดขอน ก้อนกรวดทราย ไร้เงารัก 

ถามภูผา สูงสง่า ว่าพบไหม
ความรักฉัน ที่สูญหาย ใยจรจาก
ถามท้องฟ้า ถามตะวัน ครั่นคร้ามนัก
กลัวคำตอบ จะเหมือนจัก เคยได้ยิน

ถามทะเล ที่เห่กล่อม ถนอมหาด
ถามเกลียวคลื่น ที่โถมสาด กระแทกหิน
ส่งเสียงถาม นกนางนวล โผร่อน บิน
หรือรักสิ้น เอื้ออาทร จึ่งจรไกล

ถามสายลม ชิดชมลูบ จูบแก้มหอม
ถามเรียวรุ้ง ที่โค้งอ้อม เห็นเป็นสาย
ถามว่ารัก ฉันสิ้นสุด ณ.ที่ใด 
แม้จะไกล ไปถึงป่า หิมพานต์

ก็พร้อมตาม ความรักฉัน ที่สูญหาย
เพียงมีหวัง พลังใจ คงถึงฝัน
ขอใช้ศิลป์ แห่งกวี ร่ายเพลงกานต์
ร้องขับขาน สานสลัก เรียกรักคืน

อันเป็นความแตกต่าง   ติตรากร

ฉันพริ้วไหวรายเรียงเพียงแค่หญ้า
กำเนิดมาอย่างช้าช้ากลางป่าใหญ่
มิอาจแข่งแบ่งกิ่งก้านและใบ
แต่พอใจอย่างนี้ในชีวิต

คือวิถีง่ายง่ายปลายทางเรียบ
คืนและวันเย็นเฉียบเงียบสนิท
เพียงใฝ่หานิยามทางความคิด
ให้งอกงามทีละนิดตามเวลา

ผ่านชีวิตมาประหนึ่งครึ่งชีวิต
ทุกทุกสิ่งให้ข้อคิดมากคุณค่า
สรุปได้จากกาลที่ผ่านมา
มองด้วยความเป็นหญ้าอย่างที่เป็น

ผ่านออกไปเธอเป็นเช่นไม้ใหญ่
ต่างสนใจประดุจเป็นจุดเด่น
อยากถามถึงความรู้สึกอันลึกเร้น
โลกที่เธอได้เห็นเป็นฉันใด

สูงสุดนั้นเรืองรองของแสงสี
เธอจะมีสุขหรือเศร้าสักเท่าไหน
กับรอบข้างที่มีใครต่อใคร
คอยเอาใจเธอคงห่างความอ้างว้าง

สุดสายตาป่าไกลไม่รู้จบ
เธอได้พบความจริงใจจากใครบ้าง
และหากเธอสับสนจนเคว้งคว้าง
มีใครไหมเคียงข้างอย่างอาทร

เป็นห่วงจึงไต่ถามตามประสา
ก็ต่างเคยคบหากันมาก่อน
พร้อมจะเอาใจช่วยและอวยพร
หากว่าเธอร้าวรอนจนอ่อนล้า

กับที่มาความห่างกันอย่างนี้
เสียดายที่บางอย่างมาขวางหน้า
หญ้าอย่างฉันจึงด้อยน้อยราคา
หมดปัญญาพาใจไปถึงเธอ       

หรือว่าเธอ ไม่รักกัน    ทะเลดาว

คิดถึงเอย คิดถึงใคร ก็ไม่รู้
แต่จู่จู่ ก็คิดถึง คะนึงหา
ยามร้อยคำ นำดวงใจ บวกใส่มา
คิดถึงกว่า บรรยายหมด ในบทกานท์

มธุรส บทลำนำ ล้ำค่านัก
กลั่นกรองจาก ดวงฤดี ที่แสนหวาน
อ่านครั้งใด ให้ตราตรึง ซึ้งดวงมาลย์
แว่วโวหาร หวานคำคม คารมใคร

แต่ละบท พจน์ที่เขียน จึงเพียรตอบ
ถ้าไม่ชอบ บอกเถิดหนา อย่าเงียบหาย
หมดทั้งใจ ให้ไปแล้ว อย่าแคล้วไป
เพราะหัวใจ มีไว้รัก ไม่อยากช้ำ

ไม่คิดถึง แล้วใช่ไหม ไม่มาหา
ไม่เมตตา รู้ไหมว่า ใจกลืนกล้ำ
สิ้นเยื่อใย ให้ช่วยกล่าว เพียงสักคำ
อย่าตอกย้ำ ความว่างเปล่า ให้ร้าวรอน

คิดถึงเอย คิดถึงใคร ก็ไม่รู้ 
คิดถึงอยู่ ทั้งดวงใจ มิถ่ายถอน
หลับตานิด จิตก็ครวญ หวลอาวรณ์
แว่วคำหวาน ผ่านบทกลอน คอยหลอนเรา

หนึ่งวลี ที่เคยฟัง ยังมิเลือน
สุนทรถ้อย คอยย้ำเตือน ยามเงียบเหงา
หนึ่งคำถาม ยังรักกัน อยู่หรือเปล่า
โปรดเถิดดาว วานบอกกล่าว ให้เข้าใจ

วลีดาว  ติตรากร

ทะเลดาวอยู่ไกลเกินใจคว้า
ไกลสุดหล้าคว้าไปก็ไม่ถึง
ดาวกวีเป็นใครใจดวงหนึ่ง
เป็นแค่ครึ่งของใจของใครกัน

หลงรักดาวดวงนี้หลายปีแล้ว
แต่ดาวแคล้วคล้อยไปใจเหหัน
ดาวกวีตกต่ำไม่สำคัญ
ทะเลดาวจึงพลันไม่หันมอง

จะกี่ภพจบฟ้าประภาภัทร
โสมนัสที่ใจได้เกี่ยวข้อง
บอกรักดาวนี้อยู่มากู่ร้อง
หากดาวต้องลอยไกลแม้ใจรัก

คือหนึ่งเดียวพึงรู้แม้อยู่ไหน
ดาวกวีร้องไห้....ใกล้อกหัก
เห็นน้ำตาดาวลอยเศร้าสร้อยนัก
ดาวอันเป็นที่รักไม่ทักทาย

ซับน้ำตาคราวหมองดาวร้องไห้
อยากปลอบใจยามร้างดาวห่างหาย
ดาวกวีตกสะเก็ดเป็นเม็ดทราย
น้ำตาพรายเจิ่งนองท้องธารา

อสุชลท่วมดาวคราวอุทก
อย่าวิตกที่ดาวนี้ไม่มีค่า
ไม่มีสิทธิ์ส่องสว่างกลางท้องฟ้า
ดาวเหว่ว้าหลงเสน่ห์ทะเลดาว 

ย้ำซ้ำซ้ำ คำเดิมเดิม   ทะเลดาว 

คนแสนดี ที่ฉันรัก มากกว่าครึ่ง
เป็นดวงใจ ใครคนหนึ่ง ถึงบัดนี้
รักหมดใจ มอบให้แด่ ดาวกวี
ทะเลดาว หรือหลบลี้ หลังเมฆา

กว่าจะมา ได้พบพาน นานยิ่งนัก
กว่าจะเอ่ย คำว่ารัก ยิ่งนานกว่า
ดาวร้อยพัน ประชันแสง แห่งดารา
ทะเลดาว เฝ้าใฝ่หา มาเพียงดวง

โดดเด่นงาม ตามศักดิ์ศรี สมสง่า
ดาวกวี แสนมีค่า น่าแหนหวง
มิเคยคิด จิตเกี่ยวพัน ดาวล้านดวง
ประทับทรวง เพียงดวงเดียว เกี่ยวร้อยใจ

แสนปลาบปลื้ม ลืมอย่างไร ดาวให้รัก
น่าถนอม พร้อมความภักดิ์ ที่ยิ่งใหญ่
ทะเลดาว ขอกล่าวคำ ตามฤทัย
จะขอรัก ตลอดไป ไม่รวนเร

ดาวดวงน้อย อย่าเศร้าสร้อย แล้วลอยห่าง
ทะเลดาว เค้ามิร้าง หรือหันเห
รักห่วงใย มอบมาให้ อย่างทุ่มเท
ไม่เคยเขว ทะเลดาว เค้าจริงใจ

ซับน้ำตา อย่าให้ไหล ใช่!อกหัก
ดาวกวี ที่แสนรัก รู้หรือไม่
แม้เพียงเกร็ด เศษร่วงหล่น ปนเม็ดทราย
ดุจดั่งเพชร ค่ามากมาย ในสายตา

ถึงสิ้นแสง ส่องสว่าง อย่างดาวกล่าว
รับรู้ไว้ ทะเลดาว สิเน่หา
ประทับวาง กลางดวงมาลย์ เนิ่นนานมา
ทะเลดาว เค้ารักนะ ติตรากร  ย้ำบ่อยมากนะคำนี้ จนถึงวินาทีนี้ก็ยังจะบอกแบบนี้

อยากฟังซ้ำ คำเดิมเดิม  ติตรากร

ความคิดถึงฝากมาให้ได้รับไหม
วันที่ใครจากต้นทางห่างไปบ้าง
ทั้งที่อยากอยู่ใกล้คนปลายทาง
อยู่ข้างข้างอย่างที่ใจอยากให้เป็น

จะฟังคำซ้ำซ้ำคำคำนั้น
ฟังทุกวันมาใกล้ใกล้ให้ได้เห็น
คำเดิมเดิมเติมใจไม่ว่างเว้น
เก็บไว้เป็นคำเดิมที่เติมเต็ม

มิเคยเบื่อทุกคำจำได้แม่น
หลายร้อยแผ่นมากมายตั้งหลายเล่ม
อ่านครั้งใดใจยิ้มได้อิ่มเอม
จึ่งปรีด์เปรมรอซ้ำคำเดิมเดิม

พบทุกครั้งยังจำทุกคำถ้อย
และค่อยค่อยเกื้อกูลมูลค่าเพิ่ม
เบื่อไหมถ้าจะบอกซ้ำคำเดิมเดิม
ตั้งแต่เริ่มมอบไว้ให้แต่ต้น

จะไม่ขาดหายไปแม้เพียงครั้ง
และจะยังบอกไว้ให้อีกหน
คำเดิมเดิมให้เลยมิเคยล้น
เติมกมลจากใจให้คนดี

มากกว่าความคิดถึงจึงต้องเพิ่ม
คำคำเดิมยืนยงและคงที่
อยากฟังซ้ำคำคำเดิมเริ่มอีกที
บอกตรงนี้อีกสักครั้ง...ยังคงเดิม 

ย้ำคำเดิม รักคนเดียว   ทะเลดาว 

คิดถึงเธอ คิดถึงมาก อยากให้รู้
คิดถึงอยู่ ทุกเวลา คราไม่เห็น
เฝ้าคิดถึง เธอมากมาย ทุกเช้าเย็น
อยากจะเห็น รอยยิ้มเธอ สักนาที

เธอทำงาน คงเหนื่อยมาก ใช่ไหมจ๊ะ
ฉันนี้จะ เป็นแรงใจ อยู่ที่นี่
ฝากดูแล ตัวเองด้วย นะคนดี
พักผ่อนบ้าง อีกคำที่ อยากบอกเธอ

แม้ไกลกัน นานเพียงใด ขอให้รู้
เธอยังอยู่ ในดวงใจ ฉันเสมอ
ไม่เคยนะ ที่จะไม่- คิดถึงเธอ
อยากพบเจอ เธอคนดี ทุกวี่วัน

ยังจำได้ พจมาน ร่วมสานร้อย
ไม่ใช่น้อย เราถักถ้อย ร้อยความฝัน
ซาบซึ้งนัก ได้รู้จัก ได้รักกัน 
ชีวิตฉัน มีจอมขวัญ แสนซึ้งใจ

ไม่เคยเบื่อ เชื่อหรือไม่ ได้เอ่ยคำ
พูดซ้ำซ้ำ ย้ำคำเดิม ถ้าฟังได้
คำที่บอก ออกจากห้วง ดวงหทัย
เรียงร้อยไว้ ให้เพียงเธอ เสมอมา

มีมากกว่า ความคิดถึง คะนึงนัก
พูดคำ-รัก- อยากให้ฟัง อีกครั้งหนา
กระซิบข้าง แก้มคนดี นี้อีกครา
รักติตรา ย้ำอีกครั้ง ยังคงเดิม

มนต์กวี   ติตรากร 

ใครกันหนอจำนรรจ์ฉันชื่นจิต
ลายลิขิตประหนึ่งน้ำผึ้งหวาน
ในอ้อมกอดสุนทรของกลอนกานต์
จากวันวารคงมั่นนิรันดร์มา

อยากให้ใจดวงนี้มีปีกนัก
สุดที่รักอยู่แห่งไหนจะไปหา
แม้บินเดี่ยวเกี่ยวข้องท้องนภา
จะเหิรฟ้าภักดิ์เพียงเคียงคู่กัน

ชะแง้คอยถ้อยวจีที่กลางฟ้า
ด้วยหวังว่าจะพบเจอเธอกับฉัน
ดาวดวงหนึ่งอยู่ในใจไม่ห่างกัน
ดาวคู่นั้นอยู่ไม่ไกลจากใจเรา

จะถนอมสุดถนอมอ้อมกอดนี้
ดาวกวีคงจะตื่นในคืนเหงา
ตื่นมาพร้อมความสัมพันธ์อันนานเนา
มือสองเราประคองมั่นทุกวันคืน

ยามใดฉันท้อแท้แม้เจ็บป่วย
มีเธอช่วยปลอบโยนจนดึกดื่น
ให้ความอุ่นมั่นคงและยงยืน
เหงากลายชื่นสุขสันต์วรรณกวี

รักเหลือเกินเธอคนดีวจีหวาน
ย้อนอ่านกานท์จากกมลอันล้นปรี่
เติมดวงใจเปี่ยมล้นฉันคนนี้
-มนต์กวี-ใครกัน ทำฉันรัก....! 

มนต์กวี ทวิดาว   ทะเลดาว

 ใครกันหนอ ต่อร้อยกานท์ มั่นในรัก
ด้วยความภักดิ์ ตั้งแต่ต้น จนบัดนี้
ความอบอุ่น กรุ่นมิจาง แม้นาที
มธุรส บทกวี หวานร้อยริน 

ด้วยปีกแห่ง แรงศรัทธา จึงถ่ายถอด
เป็นวาทะ ในอ้อมกอด วรรณศิลป์
หยดน้ำหมึก ปากกาใจ แต่งแต้มจินต์
จารจด ไว้ในชีวิน เนิ่นนานมา 

อยากให้ใจ ของคนดี มีปีกนัก
ฉันจะคอย เธอที่รัก ปลายฟากฟ้า
รอก้อยเกี่ยว เที่ยวแดนดิน ถิ่นสัญญา
ลอยล่องผ่าน ม่านเมฆา ยามราตรี 

ห้วงนภา ดาราจักร โอบรักเรา
สัญญลักษณ์ แห่งดวงดาว หนึ่งดวงนี้
คือตัวแทน แสนสุดรัก นะคนดี
ให้ชื่อว่า ดาวกวี ติตรากร 

จะถนอม สุดถนอม อ้อมกอดนี้
ช่างออดอ้อน นักคนดี ใครน๊าาาสอน
แต่ละถ้อย ดั่งร้อยมนต์ ล้นบทกลอน
หวานน้ำคำ ดาวแสนงอน อ้อนฝากดาว 

รักเหลือเกิน ดวงกมล คนร่วมฝัน
ปีกแห่งรัก สองชีวัน มิเคยเหงา
แสนอบอุ่น ในอ้อมกอด แห่งรักเรา
โอบตระกอง สองดวงดาว เนาว์นิรันดร์

กลิ่นสีและทีแปรง   ติตรากร 

ฉันร่างฝันไปตามความรู้สึก
จากส่วนลึกภายในใส่ผืนผ้า
มีหนักเบาตามครรลองของเวลา
เส้นบางหนาเจือจางแตกต่างกัน

อารมณ์แห่งความหวานสะท้านจิต
อาจจุมพิตทีแปรงมิแบ่งกั้น
ระบายฝันแสนหวานผ่านพู่กัน
แทนจำนรรจ์วาจามาจากใจ

เฟรมผ้าใบรองพื้นผืนสีขาว
มิอาจกล่าวทักษะกระไรได้
เมื่อเฟรมว่างช่างเขียนเขาเพี้ยนไป
อาจวาดใจลอยคว้างอยู่กลางเฟรม

กลิ่นสียังคุกรุ่นละมุนนัก
วาดความรักในภาพทาบกรอบเหม
เมื่อใจรับรู้ลิ้มก็อิ่มเอม
แสนปรีดิ์เปรมยิ้มอยู่แต่ผู้เดียว

อย่าให้ภาพชวนมองต้องหมองเศร้า
เป็นภาพเทาไร้คู่ผู้แลเหลียว
หลอดสียังมีอยู่หลายคู่เชียว
ภาพจะเปลี่ยวสืแต้มเหมือนแกมเหงา

อยากวาดฝันสดใสให้เธอเห็น
อย่าให้เป็นเพียงฝันถึงวันเก่า
อยากให้มีเฟรมทองของสองเรา
เอาไว้เล่าร้อยเรียงมาเคียงฝัน...!

กลิ่นสีและทีแปรง   ทะเลดาว

เพียงฝันขอ ร่างไปตาม ความรู้สึก
จดบันทึก ผนึกใน ดวงใจฝัน
ผืนผ้าใบ เก่าหรือใหม่ ไม่สำคัญ
ช่างเขียนฝัน จรดพู่กัน จินตนา

อารมณ์แห่ง ความทรงจำ คือคำตอบ
ไร้เส้นขอบ ของทีแปรง บนผืนผ้า
ระบายฝัน อันแสนหวาน ผ่านเฟรมมา
พร้อมถ่ายทอด จากวิญญา สู่ผ้าใบ

กลายเป็นภาพ เด็กชายหญิง ยืนเคียงคู่
ทั้งสองดู มีความสุข เกินคำไข
สองมือเกาะ เกี่ยวกุมกัน อย่างมั่นใจ
ดูพี่ชาย แสนปราณี มีเมตตา

ภาพงดงาม ตามพู่กัน ที่สรรแต่ง
ตามทีแปรง แต้มด้วยใจ ที่ใฝ่หา
ระบายสี ด้วยรอยยิ้ม งามตรึงตรา
สุขอุรา ก็ยิ้มได้ แม้ผู้เดียว

นั่งมองภาพ ในอดีต ของช่างเขียน
ภาพทุกภาพ ยังวนเวียน ให้เฉลียว
เธอมักเขียน ภาพใหม่ใหม่ หลายภาพเชียว
ทิ้งภาพเก่า สีเทาเปลี่ยว เพียงเดียวดาย

ทุกหลอดสี ที่เหลือใช้ แม้ใกล้หมด
จะขอจรด ขอระบาย ให้สวยใส
เปลี่ยนภาพเก่า สีดำเทา ให้หายไป
พร้อมร่วมใจ สร้างเฟรมทอง ของสองเรา

ไม่ชำนาญ งานภาพเขียน เพียรแต้มแต่ง
ต้องขอแรง ช่างเขียนฝัน เธอคนเก่า
ช่วยระบาย ภาพเพียงฝัน ที่นานเนาว์
ให้สวยราว ดั่งภาพดาว ประดับใจ

เพียงดวงเดียว    ติตรากร
 
ดาวเอารวงเกี่ยวสรวงดาวดวงจ๋า
รวงระย้าทั้งปวงดวงดาวเกี่ยว
โถ...ดาวดวงห่วงหวงเพียงดวงเดียว
ด้วยมือเรียวที่รวงร้อยสร้อยแสงดาว

ครั้งหนึ่งดาวเอาท้องฟ้ามาเรียงร้อย
ประดิษฐ์ถ้อยแสงสรวงกลางห้วงหาว
ต้องอักษรเหมือนต้องจิตลิขิตพราว
คือเรื่องราวที่ถักถ้อยสร้อยระวี

ถึงวันนี้ดาวจะคล้อยลอยจากฟ้า
แต่ทว่ามิเคยไกลหรือหน่ายหนี
ดาวยังคงคล้องใจคล้องไมตรี
อยู่ทุกที่อันดาวครองเรืองรองรวง

ด้วยใจนี้อยู่ไม่ไกลไม่เคยห่าง
อยู่เคียงข้างรักแสนสุดแหนหวง
ดาวอยู่เคียงคู่เพียงฝันวันชื่นทรวง
ก็เหมือนดวงดาวรวงที่ห่วงกัน

ดาวรวงจ๋าฟ้าคืนนี้อยู่ที่ไหน
จะตามไปร้อยเรียงใกล้เพียงฝัน
เกี่ยวกิ่งฟ้าช่อดาวเมื่อคราวนั้น
ล้อแสงจันทร์รูปเคียวเสี้ยวดารา

พราวแพรวแวววาวราวดาวดวง
เสน่ห์ดาวทั้งปวงแสนห่วงหา
ที่กลางสรวงดาวร้อยดวงพวงระย้า
ไม่เท่าฟ้าข้างในทรวงเพียงดวงเดียว

ดวงดาวในดวงใจ   ทะเลดาว

ดาวนำรัก มอบฝากไว้ ณ.ปลายฟ้า
แสงดารา ที่วับวาว ดวงดาวเกี่ยว
เพียงหนึ่งดวง ห้วงหทัย หมายกลมเกลียว
ด้วยมือเรียว ถักทอรัก จากแสงดาว

ครั้งหนึ่งนั้น หมั่นฝึกถ้อย ร้อยประดิษฐ์
เพราะต้องจิต อยากชิดใกล้ ในห้วงหาว
เห็นดาวหนึ่ง ทอแสงใส ประกายวาว
เสน่ห์พราว ลิขิตคล้อง ต้องมนต์ตรา

แสงเรืองรอง ส่องวาววับ ประทับทรวง
สุดแดนสรวง ดวงฤทัย หมายไขว่คว้า
เพียงยินยล มนต์กวี ดาริกา
อยากเฉลย เอ่ยวาจา ว่าหลงดาว

เฝ้าผูกพัน จากวันนั้น ถึงวันนี้
ดาวคล้องใจ ด้วยไมตรี มิมีเหงา
มองท้องฟ้า เพราะอยากพบ ประสบดาว
ระยิบพราว ดาวอยู่ไหน หนอคนดี

ดาวรวงจ๋า ราตรีนี้ อยู่ที่ไหน
เสียงร่ำร้อง ของหัวใจ อย่าหน่ายหนี
ขออาศัย สร้อยแสงดาว บอกกล่าวที
เพียงฝันมี เพียงหนึ่งใจ มอบให้มา

ฝากเกร็ดดาว ที่พราวพร่าง ต่างคำถ้อย
ขอเก็บร้อย แทนบันทึก ว่าห่วงหา
เก็บสายรุ้ง ร้อยมาลัย ให้ติตรา
แทนคำว่า เพียงดวงเดียว เกี่ยวคล้องใจ

รัก..และคิดถึง   ติตรากร 

เขียนลำนำเพลงนี้เพื่อที่รัก
เพียงเพื่อจักเป็นพยานการคิดถึง
กลางความเหงากังวลจนรำพึง
ยังคำนึงถึงเธอเสมอมา

มิใช่เพียงแห่งนี้หรือที่ไหน
คนเคยใกล้เคยชิดจิตประหม่า
เมื่อมาไกลลางเลือนหลายเดือนมา
ทิ้งความอาวรณ์ไว้ในอารมณ์

จวบวันแรมเกินนานผ่านมานี้
วินาทีเดินไปใจขื่นขม
มิอาจเห็นใครถามความชื่นชม
และตาคมค้อนขวางเหมือนอย่างเคย

เป็นห่วงและกังวลคนเคียงข้าง
รอวันว่างอย่าห่างต่างชาเฉย
ทุกข์ระทมยังทนอย่างคนเคย
อยากชิดเชยปรารถนาอย่าชาเย็น

สู้ทนฝืนความหม่นระคนเหงา
เพียงเพื่อเฝ้าคอยฝันวันเคยเห็น
เหมือนนับนาทีห่างอย่างลำเค็ญ
เพียงเพื่อเป็นพยานการรอคอย

ฉันเขียนกลอนบทนี้....เพื่อที่รัก
หากเธอจักคิดถึงฉันวันเหงาหงอย
เพราะคิดถึงรู้ไหมจึงใจลอย
โปรดตอบถ้อยคนคอยหาอย่าลาไกล

ยิ่งกว่า รัก..และคิดถึง    ทะเลดาว

อ่านลำนำ บทกวี ของที่รัก
เพิ่งประจักษ์ แท้ดวงใจ ใฝ่คิดถึง
ห่างกันไกล ใจเคยครวญ หวลคะนึง
สักวันหนึ่ง คงเปลี่ยนใจ ไปจากกัน

เฝ้าคอยรัก เฝ้าคอยรอ เคยท้อแท้
เฝ้าคอยแต่ กลัวดวงจิต คิดเปลี่ยนผัน
เธอเงียบเฉย เหมือนละเลย มิสนกัน
ก็ยิ่งมั่น ใจยิ่งนัก รักคงเลือน

ครั้นมองดู หมู่เดือนดาว พราวรอบกาย
ยิ่งน้อยใจ อยู่ไม่หาย ใครจะเหมือน
คล้ายคนเห็น แก่ตัวนัก เมื่อรักเยือน
เคยพร่ำเตือน ตัวหลายครั้ง ให้ยั้งใจ

จึงงอนง้ำ ทำหน้างอ รอเธอง้อ
ลืมคิดไป ใจคนรอ เจ็บเท่ารัย
ผิดใจนิด ก็คิดอยาก จากให้ไกล
ลืมว่าเธอ ก็น้อยใจ เสียใจเป็น

มาวันนี้ บทกวี ที่ลิขิต
ดุจหยาดน้ำ อมฤต แห่งเดือนเพ็ญ
ชะโลมใจ ให้เอิบอาบ ฉาบชุ่มเย็น
ฉันเหมือนเป็น ดอกหญ้าน้อย คอยน้ำพรม

ฉันเขียนกลอน บทนี้...ตอบที่รัก
หวังเธอจัก หายน้อยใจ หายขื่นขม
คิดถึงอยู่ มิเสื่อมคลาย หมายชื่นชม
ตอบคำถ้อย ร้อยคำคม พยานรัก

ถามทางหน่อย..จะคอยเธอ   ติตรากร 

ณ ครั้งหนึ่งไม่นานผ่านมานี้
เข็มทิศชี้เส้นทางจากต่างถิ่น
กางแผนที่ค้นหาเป็นอาจิณ
จนจวบสิ้นทิวาราตรีกาล

ไม่มีที่ไปมาแม้อาศัย
ดึกเพียงใดใจข่มผสมผสาน
คิดถึงผู้อยู่ไกลหาใดปาน
ด้วยอาการเหว่ว้าพะว้าพะวัง

เหมือนเป็นคนขวัญอ่อนนอนไม่หลับ
จนกระสับกระส่ายไร้ความหวัง
กว่าจะข่มใจพาแต่ตายัง
จนกระทั่งตระหนกตื่นตกใจ

คือที่มาครานั้นวันสลัว
มืดหมอกมัวไร้ทางสว่างไสว
จำได้มั่นพบเธอเหมือนเพ้อไป
แอบส่งใจถึงเธอเสมอมา

เหมือนเป็นความผูกพันไม่หันเห
เคยว้าเหว่ก็พลันสุขหรรษา
แอบซ่อนความในใจมาหลายครา
ใครจะกล้าบอกได้ว่าใจรัก

ก็ตระหนักดีว่าเพียงหญ้าเหย้า
หรือใครเขาจะเห็นเป็นต้นสัก
คนหลงทางถวิลถึงถิ่นพัก
เหมือนหลงรักคนดี...อยู่นี่ไง

กระซิบรัก   ทะเลดาว

ต่างแรมทาง จากต่างแห่ง แหล่งพำนัก
รอนแรมจาก อีกปลายฟาก ของแผ่นฟ้า
ปลายเข็มทิศ ชี้เส้นทาง นำชักพา
ให้ต่างคน ดิ้นรนหา ค่า บางคำ

ต่างโดดเดี่ยว และเดียวดาย ในโลกกว้าง
สุดอ้างว้าง ทั้งเหว่ว้า คราคืนค่ำ
หนึ่งเข็มทิศ หนึ่งแผนที่ ช่วยชี้นำ
ทั้งหวังพึ่ง ดาวดวงงาม ตามแสงไป

แม้นบางคืน ฝืนหลับตา ใจว้าวุ่น
เหมือนเคยคุ้น กับบางภาพ ฉาบแววฉาย
คล้ายนึกออก แต่ภาพนั้น พลันเลือนไกล
ที่เหลือไว้ ให้เสาะเร้น คือเส้นทาง

ไม่เคยสิ้น พยายาม หรือคร้ามกลัว
แม้ทางมืด จันทร์สลัว มิสิ้นหวัง
ใจดวงนี้ มีความเชื่อ เป็นพลัง
ศรัทธาสร้าง แสงสว่าง นำทางไป

เป็นเหมือนดั่ง ความผูกพัน กันแสนนาน
ทุกทิวา ราตรีกาล หวานหวามไหว
เคยแอบซ่อน ก่อนเฉลย เอ่ยความนัย
กล้ากระซิบ บอกรักใคร จำได้ดี

เพียงต้นหญ้า ใช่ไร้ค่า อย่าหวาดหวั่น
ฤทัยมั่น พบกันได้ ในทุกที่
เส้นทางรัก ถากแล้วหนอ รอคนดี
อยากบอกรัก อีกสักที (ฟังนะ)..รักติตรา

น้ำใส....ใจจริง   ติตรากร 

หลับตาซิที่รัก...พักสายตา
หากเหนื่อยล้าเหมือนกับฟ้าอับแสง
พักใต้ร่มหากว่าฟ้าแดดแรง
ใจสีแดงยังคอยเคียงเสียงหัวใจ

เส้นทางอันกว้างไกลให้เราก้าว
เคยปวดร้าวบางคืนสะอื้นไห้
ทุกรอยย่างเราเพียงคู่เคียงไป
ซบอุ่นไอไม่ห่างข้างข้างกัน

เป็นน้ำใจพรมพรายเหมือนสายน้ำ
ที่เปี่ยมล้ำดั่งละอองของวสันต์
กลางฟ้าฉ่ำชุ่มชื่นแห่งคืนจันทร์
จะมีฉันอยู่ประจำทุกค่ำคืน

รอนแรมมาข้างใจเพียงได้พบ
ความสงบเราสองครองคู่ชื่น
เสียงของใจยังผสมอย่างกลมกลืน
กลางดึกดื่นหลับตานะคนดี

หลับเพื่อพบความฉ่ำใจในรุ่งเช้า
โลกของเราแจ่มใสได้เต็มที่
เติมรางวัลคล้องเคียงเพียงฝันดี
จากคนที่แสนรักประจักษ์ใจ

เสียงกระซิบเพียงฝันอันแสนหวาน
ได้ยินผ่านแล้วคนดีที่มอบให้
กลางหยดน้ำหยาดหนึ่งอันซึ้งใจ
รู้หรือไม่หนึ่งใจเคียง(ฟังนะ)..รักเพียงฝัน

เรือนแก้ว เรือนใจ  ทะเลดาว  แสนอบอุ่นนักสุดแสนรักเรือนแห่งใจ

หลับตาซิ ที่รัก...พักสายตา
เสียงใครหนอ ล้อลมมา กระซิบแผ่ว
หวามไหวพจน์ บทจำนรรจ์ อันเพริศแพร้ว
ยินเสียงแว่ว หวานฤทัย ใครเย้ามา

ดั่งหยาดฝน หล่นพราวพร่าง กลางวสันต์
ดับร้อนแรง แสงตะวัน อันเจิดจ้า
มอบความเย็น เป็นน้ำใจ ให้กานดา
ชื่นชีวา ดุจน้ำฟ้า หลั่งลงดิน

เคยแรมร้าง ห่างเรือนนอน ที่ผ่อนพัก
ต้องจำพราก จากใจครวญ หวนถวิล
เคว้งเคว้งคว้าง ทุกย่างก้าว ร้าวชีวิน
เหมือนหมดสิ้น ถิ่นพำนัก ให้พักกาย

รอนแรมมา กว่าจะเจอ จึงอ่อนล้า
ขออาศัย ร่มชายคา ใจได้ไหม
ขอซุกตัว ใต้ไออุ่น ละมุนใจ
ขอข้างกาย ยามหลับไหล ได้เคียงกัน

กลางดึกดื่น สะดุ้งตื่น มีเธออยู่
นกร้องกู่ กลางพฤกไพร ไม่หวาดหวั่น
เหน็บหนาวลม พรมผิวกาย ไม่จาบัลย์
ขอเพียงเธอ เคียงข้างฉัน ด้วยดวงใจ

หลับตานะ คนดีที่แสนรัก
กระซิบแผ่ว แว่วมาจาก ดาวดวงไหน
ฉันขอหยุด อยู่ตรงนี้ ที่เรือนใจ
เรือนแก้วใส ที่กว้างใหญ่ ในใจติตรากร

เพียงฝัน...วันฟ้าสวย   ติตรากร 

เห็นรอยยิ้มปริ่มสลักอักษรา
งามยิ่งกว่าเสน่หามวลภาพฝัน
ยามเธอแย้มปรางอิ่มยิ้มแบ่งกัน
สมบูรณ์เกินเสกสรรจำนรรจา

ยินเสียงใจในสายฝนปนเสียงน้ำ
กระซิบคำบางคำใจร่ำหา
พริ้งเสนาะสำเนียงเสียงของฟ้า
บอกเธอว่ารักจริงกว่าสิ่งใด

เป็นเรือนแก้วค่าล้นจนมากล้ำ
เรือนใจค้ำคู่ขวัญอันสดใส
ดั่งทับแก้วทับขวัญคู่กันไป
ศิวิไลซ์เคียงกานท์ประมาณนั้น

แววตาใสซ่อนไว้ใต้อักษร
แม้ยามงอนค้อนขวับจับใจมั่น
สัมผัสกลอนหลับตื่นคิดถึงกัน
มีเพียงฝันประทับไว้ในใจแล้ว

จึงบันทึกภาพไว้ในดวงจิต
ร้อยลิขิตตีแผ่ความแน่แน่ว
เป็นเรือนใจใต้ฝันอันวาวแวว
กับเรือนแก้วทุกคำทุกทำนอง

อ่านกลอนหวานทีไรเห็นใบหน้า
งามสง่าปรากฎคอยจดจ้อง
จึงต้องคอยตอบถ้อยด้วยร้อยกรอง
เมื่อเธอมองยิ้มพรางอยู่ข้างใจ....(หรือเปล่านะ) 

มั่นในรัก   ทะเลดาว

ภาพงดงาม ตามนิยาม แห่งความฝัน
แสนเฉิดฉันท์ หาใดปาน ฤๅเปรียบได้
ด้วยจิตงาม ยามแย้มยิ้ม ช่างพริ้มพราย
ยามเขินอาย ชะม้ายเมียง เพียงหลบตา

ช่างน่าชม สมชายชาญ ประมาณนั้น
ถึงเป็นเพียง ภาพในฝัน ฉันใฝ่หา
อยากจับจอง เป็นเจ้าของ ตลอดมา
ปรารถนา กว่าสิ่งใด ในชีวี

เสียงใสใส ได้ยินไหม ในคำรัก
คำซ้ำซาก จากคนเดิม คือคนนี้
เบื่อหรือเปล่า คำเก่าเก่า น่ะคนดี
แม้นหมื่นวัน ล้านนาที มีให้เธอ

บอกกล่าวไป ใช่ไม่อาย (นะ) แต่ใจสั่ง
เพราะจริงจัง จึงทำได้ ใช่ใจเผลอ
เพียงดวงมาลย์ ต้องการได้ ใกล้ชิดเธอ
ยิ้มเก้อเก้อ อายนะเธอ แต่จริงใจ

แววตาคม อย่าค้อนขวาง ระคางจิต
หันมานิด นิดเดียวน่าาา จะได้ไหม
เงยหน้านิด สบตาหน่อย จะเป็นไร
แสนหลงไหล สายตางาม ยามมองมา

สัมผัสใน พจมาน หวานคำคม
จึงต่อถ้อย ร้อยคารม ประหนึ่งว่า
ใจเพียงฝัน มั่นใจรัก เพียงติตรา
รักจริงนะ กระซิบพราง อยู่ข้างใจ...(จริงๆ นะ) 

คำหนึ่งคำ..ใจหนึ่งใจ..มั่นในรัก   ติตรากร 

มีหมื่นถ้อยร้อยพจน์รสริน
สิยลยินโยงใยให้สืบสาว
มีวลีล้านปวงจากดวงดาว
กลั่นเรื่องราวชโลมไว้ให้คิดถึง

มั่นในรัก..อาทรแต่ก่อนเก่า
เหมือนเรื่องเล่ายาวนานจากกาลหนึ่ง
มาลัยดาวคล้องใจให้ตราตรึง
เธอผู้ซึ่งเคียงดาวเมื่อคราวนั้น

ชมดาราม่านราตรีที่ฟ้าเดิม
เหมือนยิ่งเพิ่มเติมเชื้อความเชื่อมั่น
เกิดประกายวิวัฒน์อัศจรรย์
ด้วยเพียงฝันจรัสพราว..ดาวกวี

แน่นอนนักรักพามาหาฝัน
อัศจรรย์กำเนิดได้ในทุกที่
ปาฎิหาริย์บอกดาว...เถิดคราวนี้
ชั่วชีวีไม่จางไม่ห่างกัน

อธิษฐานสานฝันอันสดสวย
โปรดอำนวยอวยรักอย่าลักลั่น
ใจหนึ่งใจเผชิญขอยืนยัน
ยังคงมั่นในรัก..และศรัทธา

มีหมื่นร้อยถ้อยคำนำมากล่าว
ดั่งดวงดาวนับล้านที่ผ่านฟ้า
แต่หนึ่งคำบอกไว้ให้สัญญา
รัก...เกินกว่าประมาณล้านวลี

สลักไว้..ในดวงจิต   ทะเลดาว

คำหนึ่งคำ ใจหนึ่งใจ มั่นในรัก
เสียงแผ่วแผ่ว ดั่งแว่วจาก สรวงสวรรค์
เสนาะพริ้ง ยิ่งระฆัง กังสดาล
แผ่วพลิ้วหวาน ก้องพิมาน ผ่านฟ้ามา

ยลยินเสียง สำเนียงรัก จากคนดี
ดุจร่ายบท พจนีย์ สิเสน่หา
เพียงคำเดียว เกี่ยวสายใย ใจเรื่อยมา
คำหนึ่งคำ แสนล้ำค่า วาจาดาว

เรื่องกล่าวขาน ตำนานรัก จากอดีต
ถูกลิขิต ขีดชะตา พาใจเหงา
ดอกรักที่ เริ่มผลิใน ฤทัยเรา
กลับต้องเฉา คราวพลัดพราก ไกลจากจร

อยู่แห่งไหน ใต้ฟากฟ้า สุธาธาร
เพียรน้อมจิต อธิษฐาน บุญกาลก่อน
ปาฏิหาริย์ หนุนสานเกื้อ เอื้ออาวรณ์
คลื่นแสงแห่ง ความอาทร ย้อนนำพา

ใต้ร่มเงา เมฆเบาบาง อย่างคืนนี้
เกาะกุมมือ คนแสนดี ที่ฝันหา
โอบชิดแนบ แอบอุ่นไอ ให้สัญญา
ม่านดารา แสงดาว ฟ้า พยานใจ

รัตติกาล ผ่านเลยไป ใกล้ลับล่วง
รุ่งแสงสรวง ควงคู่อยู่ มิรู้หน่าย
รัก..เกินกว่า ล้านวลี มิเสื่อมคลาย
สลักไว้ ในดวงจิต นิจนิรันดร์

สวนสานฝัน   ติตรากร 

เถิดที่รัก พักชมสวน ชวนมาหา
ที่ศาลา กลางกมล คนช่างฝัน
ศาลาที่ เคยพักใจ อยู่ใกล้กัน
ที่แห่งนั้น อยู่ที่ใด ใจจงรู้

สวนงามตา พาหลงใหล ดอกไม้หอม
ไม้รั้วล้อม เธอรู้ไหม ใครรออยู่
จะชี้ชวน มวลดอกไม้ ให้เธอดู
นั่นประดู่ พู่ระหง ชงโคคราม

ใต้ร่มไม้ ใบหูกวาง ระหว่างสน
ล้วนลำต้น สูงสง่า น่าเกรงขาม
สวนแห่งนี้ อยู่ในใจ ให้ติดตาม
คือสวนงาม กลางกมล ของคนดี

ฉันสร้างสวน เอาไว้ให้ เธอได้พัก
สร้างด้วยรัก ฝากเอาไว้ ให้ที่นี่
ยามเธอเหงา เพียงหลับตา เวลานี้
เธอจะมี สวนในใจ ให้พักพิง

มาเยี่ยมชม สวนสานฝัน วันฝนตก
จะเห็นนก ใต้ต้นพลู คู่หนุงหนิง
กางปีกโอบ อยู่ไปมา น่ารักจริง
ทั้งคู่อิง ห่มปีกขาว อยู่ยาวนาน

หลับตาซิ เธอเพียงฝัน ถึงฉันบ้าง
สวนอ้างว้าง มีทางไหม ให้สืบสาน
หากเธอรัก จงสานฝัน ฉันนานนาน
แม้กาลผ่าน นิจนิรันดร์ ฉันรักเธอ

สวนสานฝัน..มั่นรักเธอ    ทะเลดาว

เถิดคนดี ที่แสนรัก ชวนพักผ่อน
อากาศร้อน ตอนบ่ายบ่าย ใต้พฤกษา
เอ๊ะ!!!ที่นั่น ลิบไกลไกล คล้ายศาลา
ดูร่มเย็น เห็นแล้วน่า เข้าพักพิง

จูงมือไว้ เดินไม่ไกล ไปดูก่อน
เข้าพักผ่อน ร้อนคงคลาย คล้ายปลิดทิ้ง
ช่างคุ้นใจ ใครสร้างไว้ ให้พักพิง
สรรพสิ่ง ล้วนสวยงาม ยามแลมอง

เหนื่อยมากไหม เธอคนดี ตรงนี้ว่าง
นั่งข้างข้าง พลางยิ้มให้ ไม่หม่นหมอง
ศาลานี้ มีเพียงเรา เข้าจับจอง
รู้แล้วนะ ใครเจ้าของ สวนพักใจ

ล้อมรั้วด้วย ดอกรักขาว เคล้ากุหลาบ
ทั้งอังกาบ กรรณิการ์ เฟื่องฟ้าใส
หอมกลิ่นกรุ่น พิกุลแก้ว แล้วชื่นใจ
พวงชมพู ประดู่ไพร อยู่ใกล้กัน

เธอคนดี ที่น่ารัก อยากบอกว่า
สวนเธอสร้าง ร่มเย็นกว่า สวนสวรรค์
ประดับด้วย แสงแห่งรัก และผูกพัน
กลางกมล คนช่างฝัน ทุกวันมา

หลับตาเถิด เพราะคนดี มีเพียงฝัน
ร่วมสืบสาน รักสองเรา ให้ก้าวหน้า
อิงซบไหล่ ให้หนุนตัก พักกายา
รู้เถิดนะ ว่าเพียงฝัน มั่นรักเธอ...(จากใจจริงๆนะ) 

พู่กันจุ่มสี ดนตรีและลำนำ   ติตรากร

ขอฉันได้ จับพู่กัน ฝันแต่งแต้ม
วันยิ้มแย้ม สวนสานฝัน อันมั่นหมาย
ให้เพียงฝัน เป็นแบบฝัน พรรณราย
ห้อมล้อมกาย ด้วยพฤกษา นานาพันธุ์

ในสวนสวย อันเราสอง ประคองแขน
ใจแนบแน่น จำติดตา ฟ้าเสกสรร
ที่แห่งนี้ จะยิ่งสวย ด้วยพู่กัน
ที่เพียงฝัน เป็นแบบให้ ด้วยใจรัก

ขอฉันได้ เล่นดนตรี ด้วยกีตาร์
พรมพลิ้วพา เสียงเส้นสาย ให้แน่นหนัก
แม้ฉันจะ พรมนิ้วได้ ไม่เก่งนัก
แต่ด้วยรัก จึงบรรเลง เพลงเพื่อเธอ

แล้วเราร้อง คลอเบาเบา เคล้าเส้นเสียง
ด้วยสำเนียง สวนสานฝัน ฉันเสนอ
เพลงหวานหวาน วันแรกคบ เราพบเจอ
คือบทเพลง ฝันของเธอ อันเลอล้ำ

ขอฉันได้ เขียนลำนำ แทนคำรัก
ไม่เพราะนัก ใช่ละเมอ หรือเพ้อพร่ำ
หากแต่เขียน จากดวงใจ ให้เพียงคำ
และไม่ย้ำ เพียงคำนั้น มั่นในใจ

ทั้งพู่กัน กับกีตาร์ ปากกาแก้ว
ให้หมดแล้ว กับเพียงฝัน ฝันรู้ไหม
ในพู่กัน มีดนตรี กีตาร์ไง
ปากกาไว้ เขียนสลัก คำรักเธอ(จริงนะ...คนดี) 

ภักดิ์เพียงเธอ   ทะเลดาว 

ขอฉันได้ ส่งแรงใจ ระบายฝัน
แต้มสีสรร นั่นพู่กัน นี่จานสี
นางแบบน้อย ไม่ค่อยเก่ง นะคนดี
แต่มีนี่ รอยยิ้มเย้า มาเอาใจ

ภาพวาดงาม สื่อความหมาย ด้วยลายเส้น
ถ่ายทอดเป็น ผลงานฝัน อันยิ่งใหญ่
สวยและงาม คือความรัก จากดวงใจ
ใช่อื่นไกล ในฤทัย จิตรกร

ยามสายัณห์ ตะวันลับ จากขอบฟ้า
หอมดอกหญ้า กลิ่นกรุ่นกรุ่น ละมุนอ่อน
นกตัวน้อย บินคล้อยลับ กลับคืนคอน
ลมโชยอ่อน ไอดินเคล้า หยอกเย้าเธอ

เสียงกีต้าร์ ตัวเดิมนั้น ฉันจำได้
บรรเลงเพลง แสนหวานไหว ให้เสมอ
ประทับใจ ไม่ต่างกัน ฝันของเธอ
บางครั้งเผลอ คลอเบาเบา เคล้าดนตรี

ปลายพู่กัน เสียงกีตาร์ ปากกาแก้ว
ประทับไว้ ในใจแล้ว ต่อจากนี้
ขอเธอช่วย ขับประสาน ม่านชีวี
ในสวนฝัน ดินแดนที่ มีแต่รัก

ฉันมั่นใจ ในสิ่งเห็น ที่เป็นอยู่
และรับรู้ สิ่งที่ใจ ได้ประจักษ์
สวนแห่งนี้ จะงอกงาม ด้วยความรัก
ฉันขอภักดิ์ เพียง..ติตรา ตลอดไป (ด้วยรัก และ มั่นใจ) 

ใต้ฟ้ากว้าง   ติตรากร 

 ใต้ฟ้าอันพิไลกว้างใหญ่นี้
ล้วนไมตรียิ้มแย้มความแจ่มใส
สัมพันธ์ผูกเลิศล้ำด้วยน้ำใจ
ยังคงไว้เชื่อมั่นตราบวันนี้

จิตใจที่สูงสง่าดุจฟ้ากว้าง
คือหนทางปรากฎความสดศรี
เคารพและเทิดนามทุกความดี
มากมายที่จรุงไว้อยู่ในนั้น

บนยอดตึกระฟ้าถ้ามองผ่าน
ไฟนับล้านธาตรีแสงสีสัน
ดุจเดียวกับแหงนมองฟ้าไม่ต่างกัน
คือสัมพันธ์บริสุทธิ์ประดุจดาว

เพราะมองฟ้าครั้งใดใจจะรู้
แหงนมองดูดาวรวีแสงสีขาว
จะพบเจอกำลังใจไปทุกคราว
ใจแวววาวภักดิ์เธอเสมอมา

ถ้ามองฟ้าขอบนี้พบสีสัน
มิใช่จันทร์หรือรุ้งมุ่งมาหา
หากแต่เป็นบอลลูน(จากแรงใจ)ส่งให้มา
ลอยสู่ฟ้าบรรจุคำมาจำนรรจ์

เป็นไมตรีเป็นน้ำใจเหมือนไออุ่น
เป็นความคุ้นเราสองปองยึดมั่น
คล้องดวงจิตสองดวงใจไว้ด้วยกัน
คือเพียงฝันคนดีกับติตรา

เหนือสิ่ง..อื่นใด   ทะเลดาว

 มิตรภาพ มิสุดสิ้น คู่ดินฟ้า
ไมตรีใจ ได้รับมา ค่ามากล้ำ
สลักไว้ ในดวงจิต มิตรทุกนาม
เทิดคุณงาม นามปากกา ค่าความดี

ฝั่งนที ถูกทำลาย ด้วยสายน้ำ
ทุกเช้าค่ำ เปลี่ยนแปลงตาม จักราศรี
ฝั่งทะลาย แล้วไหลไป ตามวารี
ก่อกำเนิด ให้เกิดมี สิ่งสวยงาม

ถ้าถามฉัน ว่าสิ่งนั้น คืออะไร
ตอบจากใจ คือเธอไซร้ ใช่เกรงขาม
สวยตรงไหน ดวงใจงัย แสนงดงาม
ผ่องพิสุทธิ์ ดุจฟ้ายาม สุรีย์เยือน

ในวันที่ ไม่พบเจอ เธอเพียงวัน
รู้ไหมฉัน นั้นเหงาใจ หาใครเหมือน
เหตุไฉน ใจหนอใจ ใยแชเชือน
ต้องให้ผ่าน นานนับเดือน เลยหรือรัย

ที่ผ่านไป รู้ใช่ไหม เพราะใจน้อย
ก็อยากให้ เธอมาคอย เอาใจใส่
ยิ้มให้ฉัน วันละครั้ง ยังชื่นใจ
รู้ใช่ไหม หมดทั้งใจ ใครครอบครอง

เหตุผลใดในทุ่งกว้าง  ติตรากร@ทะเลดาว

ในทุ่งกว้างท่ามกลางความอ้างว้าง
คนแรมทางแสนไกลเข้าใจว่า.....
หนทางสู่จุดหมายไกลเกินตา
จึงก้มหน้าเดินทางอย่างเดียวดาย

เหลียวซ้ายขวามีต้นหญ้าท้าทายแดด
ประกายแสดส่องทางสว่างไสว
ก่อนนั้นเคยเดินเคียงคู่อยู่กับใคร
จูงมือกันฝ่าทางไกลไม่เคยท้อ

สายฝนโปรยจนเปียกปอนเคยอ้อนออด
คนร่วมทางยังช่วยกอดแกมหยอกล้อ
ยิ้มให้กันแบ่งปันทุกข์ได้มากพอ
ก้าวเดินต่อพร้อมพร้อมกันด้วยมั่นใจ

แดดต้นหนาวส่องแสงแรงเจิดจ้า
เหมือนฟ้องว่าฝนน้ำค้างจะจางหาย
ฤดูกาลจะผันเวียนผ่านกลาย
จุดมุ่งหมายแสนไกลไม่เป็นจริง

ทางสองข้างเวิ้งว้างทอดกลางแดด
หางนกยูงสีแสดถูกแผดผิง
เดียวดายจนใบไม้ไม่ไหวติง
เหมือนทุกสิ่งหยุดไว้ใต้ใบนั้น

หนทางยาวก้าวด้วยใจอยากไปถึง
เหตุผลใดคล้ายถูกตรึงและปิดกั้น
อันตัวตนของคนไกลอยู่ไหนกัน
ทิ้งให้หวั่นอยู่ระหว่างกลางไพรพง

ผิดอะไร ไม่เหลียวแลดังแต่ก่อน
ให้สะท้อนความจริงใจที่ไหลหลง
ร่วมฝ่าฟันมาด้วยกันอย่างมั่นคง
ร่วมบรรจงแต่งทุ่งกว้างดั่งวิมาน

กลางไอร้อนปะทุระอุรัก
เคยฟูมฟักห่วงหาพาสุขสันต์
ผลิดอกสวยรวยรื่นชื่นชีวัน
สีแสดนั้นมิจาง...กระจ่างใจ

กลางริ้วแดดแผดกล้าเวลาเช้า
ปลิดกลีบเก่าแดดร้อนความอ่อนไหว
หางนกยูงอ้างว้างค้างคาใจ
ร่วงโรยไปข้างทาง....อย่างเดียวดาย

ดอกไม้ร่วงใจกลับช้ำน้ำตาเอ่อ
อยากมีเธอเดินเคียงข้างไม่ห่างหาย
ถึงทุ่งร้างดอกไม้โรยร่วงเรียงราย
สัญญาใจไม่ทิ้งกัน เท่านั้นพอ

ฟ้าเคียงตะเกียงดาว   ติตรากร 

เราต่างต้องเผชิญและเดินทาง
มีฝันบ้างตามสิทธิ์จะคิดฝัน
ทางข้างหน้ายาวไกลใต้แสงจันทร์
จวนจนวันสู่ฝันตะวันรุ้ง

ไม่อาจทราบข้างหน้าฟ้าไฉน
จะเป็นไปอย่างไรในวันพรุ่ง
อาจสาหัสบอบช้ำเกินบำรุง
จะหมายมุ่งยิ้มแย้มยามแรมทาง
้
แม้สาหัสก็สาสมระทมหมอง
มิเรียกร้องการใดให้สะสาง
ทางข้างหน้าระหว่างความอ้างว้าง
มิเคยร้างไกลมิตรสักนิดเดียว

มีรอยยิ้มฟ้าฟากมากความหมาย
รูปเคียวหงายเรียวฝันพระจันทร์เสี้ยว
ยิ้มทักทายโปรยปรายมากมายเชียว
จะเฉลียวใจไปทำไมมี

แต่หากฟ้ามืดมัวเพียงชั่วคืน
ลืมตาตื่นเรามองต้องแสงสี
จะจุดไฟแทนตะเกียงเคียงราตรี
ให้ดาวนี้สุกสว่างกลางกมล

เราจะวางตะเกียงลานข้างม่านดาว
หากคืนหนาวใครหมองมองฟ้าหม่น
ก็จะหมอง หมองใจไปด้วยคน
อย่าสับสนหมองหม่นนะคนดี

รักแล้ว..ไม่มีข้อต่อรอง  ทะเลดาว

ถามตัวเอง ก็ออกบ่อย ใยคอยห่วง
ใจย้อนถาม ความเลยล่วง ลืมได้หรือ
ใจรักย้ำ ซ้ำปากกา อยู่ในมือ
ทำได้หรือ ไม่เขียนขีด ปิดใจตน

คนหนึ่งคน ใจหนึ่งใจ ให้หมดแล้ว
เถิดดวงแก้ว กานต์กลับมา มองอีกหน
ยอมทุกอย่าง เพียงอย่าร้าง ไกลกมล
ให้เป็นคน แค่สำรอง ก็ต้องการ

จะดูถูก ถากถางกัน ฉันยอมได้
ไม่ต่อรอง สิทธิ์ของใจ ให้ว่าขาน
แค่ฉันได้ ยืนข้างใจ ไปนานนาน
เพียงเท่านั้น คนเช่นฉัน ก็สุขใจ

เธอน่ารัก ใครก็อยาก เป็นเจ้าของ
สงสัยจัง ให้ฉันครอง ที่เท่ารัย
บัตรที่ถือ อยู่ในมือ คือเลขใด
เธอยื่นให้ จำได้ไหม หนอคนดี

แค่สงสัย จึงไถ่ถาม ตามประสา
ก็บอกแล้ว รักนำพา มาที่นี่
ตัวสำรอง สองหรือสาม ก็ตามที
เต็มใจรับ แบบไม่มี ข้อต่อรอง(น้อยใจ..นี่นา) 

ในความหมายเดียวกัน   ติตรากร 

ฝากบอกฟ้า อีกสักครั้ง ทั้งแผ่นฟ้า 
ช่วยบอกว่า ใครห่วงหา จะได้ไหม
บอกด้วยว่า ใจคนลอย คอยห่วงใย
ขอบฟ้าไกล สักเพียงไหน ใจผูกพัน

ฝากดวงดาว ทั่วนภา เวลานี้
ช่วยบอกที สิ่งที่ได้ ในใจฉัน
ความรู้สึก ที่ดีดี มีให้กัน
ช่วยแบ่งปัน สัมพันธ์นี้ ที่ต้องการ

ฝากลมไหว ให้โชยไป ใต้สายหมอก
กระซิบบอก เธอไว้ก่อน นอนฝันหวาน
ให้ฝันถึง สิ่งดีดี มีมานาน
หากต้องการ พบกันได้ เธอในฝัน

ฝากถามว่า จะมีวัน นั้นได้ไหม
ที่เธอให้ ใกล้ชิดกัน นั้นเป็นฉัน
คนที่มี ใจคะนึง ส่งถึงกัน
แววตาอัน ดั่งดาวดวง แสนห่วงใย

ฝากถามใจ ดวงน้อยนี้ อย่าหนีห่าง
อย่าให้คว้าง อยู่กลางหาว หนาวรู้ไหม
ความคิดถึง รู้ซึ่งว่า เป็นอย่างไร
รักหมดใจ เป็นเช่นนี้ นี่เองหนอ

บอกท้องฟ้า ดวงดาว สายลม ดวงใจ
ความรักให้ สิ่งยิ่งใหญ่ เกินใครขอ
เพราะรักผูก ความจริงใจ ยิ่งใหญ่พอ
และ..รักแล้ว..ไม่มีข้อต่อรอง(ใด) 

รู้ไหม ใจคิดถึง   ทะเลดาว

รับคำฝาก จากฟากฟ้า อีกคราหนึ่ง
แสนซาบซึ้ง ถึงคนดี ที่ห่วงหา
ใจคนคอย อย่าน้อยใจ เมื่อไคลคลา
รู้เถิดว่า ความห่วงใย ไม่ต่างกัน

รับคำฝาก จากดาวดวง ทั้งห้วงฟ้า
สิ่งดีดี ที่ให้มา ดั่งของขวัญ
ความรู้สึก ผนึกแน่น แทนรางวัล
บอกเธอนั้น สายสัมพันธ์ แสนมั่นคง

รับคำฝาก จากลมพลิ้ว ปลิวพัดผ่าน
ชื่นดวงมาลย์ สะท้านใจ ใช่ไหลหลง
ก่อนหลับฝัน ฉันน้อมจิต ด้วยบรรจง
เทวัญคง ดลให้ฝัน ฉันมีเธอ

ขอตอบย้ำ คำถามว่า จะมีไหม
คนชิดใกล้ ของหัวใจ ได้เสมอ
ใช่อื่นไกล ทั้งหทัย มอบให้เธอ
ใช่พบเจอ เพียงในฝัน อันเลือนลาง

ใจเอ๋ยใจ รู้บ้างไหม ใครคิดถึง
ส่งความซึ้ง ถึงคนดี นี้ไม่สร่าง
มองดาวซิ มีรักให้ ไม่จืดจาง
กระซิบพราง ยังห่วงหวง ดวงฤดี

บอกท้องฟ้า ดวงดาว สายลม ดวงใจ
รักมากมาย มอบมาให้ เพียงเธอนี้
หลับตานะ จะเห่กล่อม ขวัญชีวี
ภายใต้ม่าน แห่งราตรี มีเพียงเรา

ดาริกาชมดาว   ติตรากร

ราตรีหนึ่งชมดาว หนาวหน้าฝน
ดาวดูหม่นเกินกว่า ฟ้ามอบให้
เหนือม่านเมฆคืนนี้ ที่ฟ้าไกล
ใจหนึ่งใจอ้อนถึงดาว หนาวเหลือเกิน

ชำเลืองตาฟ้าสีใด ในคืนนี้
บอกคนดีแทนว่า อย่าขวยเขิน
หลังสร่างฝนเมฆมวล จะชวนเชิญ
ชมฟ้าเพลินราตรี สีชมพู

คืนหนึ่งนั้นคล้อยไป มิได้ห่าง
เมฆจางจางบังไป เหมือนไม่อยู่
แท้ดาวยังโอบกอด ยอดพธู
แหงนมองดูครั้งใด ใจชื่นชม

ดาริกาชมดาว ทุกคราวนั้น
เพราะยึดมั่นมอบใจ มาให้ห่ม
คืนฟ้าหนาวหนาวเหน็บ เจ็บระบม
โชยหนาวลมใจสั่น วสันต์เยือน

แม้ฝนฟ้าปนหมอก ยังหยอกเย้า
คอยกระเซ้าฉันเธอ เสมอเหมือน
บอกคนดีชิดเชย ไม่เคยเลือน
ฝนเป็นเพื่อนปลอบใจ ในยามเหงา

จูงมือฉันเอาไว้ อย่าให้ห่าง
หนาวน้ำค้างเพียงละออง ความหมองเศร้า
ดูฟ้าสิเคยมี เป็นสีเทา
บัดนี้เงาดาวเด่น เป็นสีเงิน

อย่าเหงานะดาวคนดี   ทะเลดาว

 ลับสายตา ใจห่วงหา ทุกคราค่ำ
ฝากลำนำ ผ่านกวี ศรีอักษร
ความผูกพัน ของวันวาร ฉันอาวรณ์
ยามจากไกล ใจอาทร ทุกนาที

เพราะเธอเป็น ดาวประดับ สำหรับฉัน
สัญญามั่น จะเคียงกัน ในทุกที่
ไม่เคยคิด จากสักคราว ดาวคนดี
เพราะเธอมี ค่ามาก ล้ำ เกินคำ ไกล

รู้ไหมดาว ถึงคราวห่าง อ้างว้างนัก
แสนสุดรัก ดาวดวงนี้ กว่าดวงไหน
อยากเคียงอยู่ คู่ดวงดาว และดวงใจ
เหงารู้ไหม เมื่อไกลดาว เหงาอุรา

หลับฝันดี ในคืนนี้ นะดาวน้อย
ในความฝัน ฉันจะคอย มิหนีหน้า
จะเคียงข้าง มิเฉไฉ ไปไกลตา
ขอเพียงเธอ ปรารถนา จะมาเจอ

ในความฝัน ฉันจะอยู่ คู่คนดี
ร้องเพลงกล่อม พร้อมพัดวี เธอเสมอ
ให้หนุนตัก จักหยอกเย้า เอาใจเธอ
แม้นเขินเก้อ เผลอหลบตา อย่าว่ากัน

ถ้ากอดดาว จะคลายหนาว ลงบ้างไหม
แม้ในฝัน ฉันเคียงใกล้ ใจคงสั่น
หมอก น้ำค้าง กลางราตรี ลมเหมันต์
คนกล่อมขวัญ คงหวั่นไหว อายคนดี  ใครต้องช่วยคลายหนาวให้ใครกันเนอะ!!! ^-^

ต้นไม้แห่งเรา   ติตรากร 

ไม้ต้นนี้ ที่เพาะกล้า นำมาปลูก
คือพันผูก สายสัมพันธ์ อันแน่นหนัก
หากเธอล้า และเหนื่อยใจ ให้หยุดพัก
เพราะฉันจัก ดูแลให้ อย่าได้กลัว

อย่ากังวล นะคนดี วิถีกว้าง
ทั่วทั้งบาง เขาเข้าใจ รู้ไปทั่ว
หมั่นดูแล กำลังใจ ใกล้ใกล้ตัว
ที่โอบรั้ว ต้นไม้นั้น จะมั่นคง

จะพรวนดิน รดน้ำให้ ไม่เคยห่าง
ให้น้ำค้าง ฉ่ำเป็นนิจ พิศวง
ใส่ปุ๋ยให้ ดินรอบข้าง อย่างบรรจง
เพื่อดำรง รากแก้วไว้ ลงในดิน

จะเด็ดหนอน ที่ชอนไช ใกล้ใบอ่อน
จับไปป้อน นกอีกา หน้าโขดหิน
ปัดดักแด้ ที่เกาะมา เป็นอาจิณ
เผาให้สิ้น หากกล้ำกลาย ต้นไม้เรา

พักเถิดหนา เธอเหนื่อยล้า มามากแล้ว
ฉันแน่แน่ว ไม่ลืมเลือน ใจเหมือนเก่า
ไม่เคยท้อ ดูแลไม้ ให้นานเนาว์
จะคอยเฝ้า อย่าผวา ห่วงอาทร

ผืนดินนี้ จะสูงล้ำ จำให้มั่น
ต้นไม้นั้น จะสูงยิ่ง กว่าสิงขร
สืบร้อยปี ที่ต้นไม้ ไม่คลายคลอน
อย่ากลัวหนอน เศษมังสา ปัญญากลวง

ซาบซึ้ง คิดถึง ห่วงใย   ทะเลดาว

ราตรีหนึ่ง ในหน้าฝน หม่นพยับ
เมฆหมอกกลับ ปรากฏตัว ทั่วเวหน
สายลมแรง แข่งเสียงฟ้า ครายินยล
ผวาหวาด จนถอยร่น เมื่อฝนริน

หนาวทั้งหนาว เยือกทั้งใจ ไปทั้งหมด
นี่หรือรส ความห่วงใย ใคร่ถวิล
ดาริกา คงเหว่ว้า เป็นอาจิณ
จะเหน็บหนาว ร้าวชีวิน สักเท่าใด

เฝ้าคิดถึง อย่างเดียวดาย ใต้ฟ้ากว้าง
ธรรมชาติ อาจบดบัง แสงนวลฉาย
เจ็บระบม ลมกรรโชก โศกกล้ำกราย
อัสสุชล ท้นเอ่อไหล ในใจดาว

เมฆเบาบาง ยังลอยล่อง เมื่อต้องลม
คลี่แพรห่ม คือผูกพัน ต้านความหนาว
แพรผืนนี้ พลิ้วไสว ห่มใจเรา
โอบสองดาว สองฤทัย ด้วยไมตรี

เมื่อดาวท้อ จะขอเก็บ คืนและวัน
ไว้ปลอบขวัญ อภิบาล ดาวดวงนี้
ทั่วแผ่นฟ้า หาสิ้นสุด ความปราณี
ขอน้อมรับ เมตตานี้ ด้วยดวงใจ

ดาวเป็นเพียง เศษเล็กเล็ก แห่งสกนธ์
อยากร่วมแต่ง ท้องเวหน ที่สวยใส
ธรรมชาติ อาจกลบแสง ดวงดาวไป
แต่ไม่อาจ กลบแสงใจ ดาริกา

ด้วยจิตปฎิพัทธ์    ติตรากร

มาติกา แห่งไมตรี มีค่ายิ่ง
เคารพสิ่ง พึงบูชา น่าถนอม
ให้เกียรติผู้ จิตลออ ขอนอบน้อม
ก้มกราบพร้อม แด่ผู้ที่ มีเมตตา

เราไมตรี ท่ามกลางหนาม ผู้หยามหยัน
อย่าไปหวั่น ผู้อ่อนถ้อย ด้อยเดียงสา
ในมวลมิตร หมู่มากนั้น ปราชญ์ปัญญา
จึงล้ำค่า ในทุกยาม ความปรองดอง

ตาสองคน ยลตามช่อง ยังมองเขว
คนหนึ่งเฉ เห็นโคลนตม จมในหนอง
อีกคนเห็น หมู่ดวงดาว พราวเรืองรอง
ใจสีทอง ส่องสว่าง อย่างทะนง

ฉันเห็นดาว ดาริกา ฟ้าคืนนี้
เหมือนดั่งที่ เคยเห็นฟ้า ราศีหงส์
จำได้ไหม แต่ปางใด ใจมั่นคง
จะยืนยง รักแล้วไม่ กลัวภัยพาล

เราเกื้อกูล ด้วยศรัทธา มาลิขิต
สองดวงจิต จึงรักกัน มั่นไพศาล
รักด้วยใจ ปฎิพัทธ์ ชัชวาล
ใช่ต่อกานท์ อันเลื่อนลอย ด้อยปัญญา

เธอคือดาว ในใจฉัน ตราบวันนี้
แม้ริบหรี่ ยังครองใจ ให้ห่วงหา
อัสสุชล อาจเจิ่งนอง สองเบ้าตา
จะซับหน้า น้ำตาดาว ทุกคราวไป

คือคำสัตย์    ทะเลดาว

 ดาวใดงาม หรือจะเท่า ดาวกวี
ดาวดวงนี้ บริสุทธิ์ แสนสดใส
ด้วยสัตย์ซื่อ ถือความจริง เหนือสิ่งใด
เปี่ยมน้ำใจ มอบมาให้ ยามทุกข์ทน

ดาวในใจ วิไลเลิศ ประเสริฐศรี
แม้จักมี เมฆบังไว้  ไม่หมองหม่น
ยังเปล่งแสง แห่งความดี ที่ท้วมท้น
ดาวกมล คนนั้นหนา ติตรากร 

ร่วมเผชิญ กับปัญหา มิเหนื่อยหน่าย
ปลอบดวงมาลย์ ขวัญหทัย ผู้ทุกข์ร้อน
แสนซาบซึ้ง ถึงบุญคุณ เอื้ออาทร
โฉมบังอร ชุลีกร กราบด้วยใจ

ด้วยคำสัตย์ ปฎิญาณ ตราบวันสิ้น
อธิษฐาน ตั้งมั่นจินต์ จนดับขัย
ทุกภพชาติ พร้อมรองบาท มิคลาดไกล
ขอรับใช้ ยอดดวงใจ ไปนิรันดร์

หยุดก่อสร้างชั่วคราว ติตรากร ร้าวไหวในความรู้สึกทุกครั้งที่อ่าน

สะกิดเสาจำร้างห่างแล้วหนอ
กับตอม่อจะไปอาลัยรัก
บอกเสาเข็มจำจรอาวรณ์หนัก
อิฐหักหักลาแล้วบล็อคแก้วจ๋า

ขื่อคานที่ตั้งตรงอย่าหลงเฉ
รับอะเสกับฐานเพดานฝ้า
โครงบันไดที่หล่อจำขอลา
วงกบหน้าประตูอย่าดูดาย

จูบผนังปูนเปื้อนสะเทือนฝุ่น
น้ำอุ่นอุ่นจากตาพาใจหน่าย
เริ่มเกาะกุมรุมทะลักมาทักทาย
หินกับทรายคงหงอยเพราะคอยปูน

หยุดก่อสร้างชั่วคราวเลิฟทาวน์เวอร์
สร้างมาเก้อเพียงครึ่งจึงสิ้นสูญ
ไร้พลังวังชามาเกื้อกูล
แสนอาดูรบอบช้ำกำลังใจ

เหมือนโดนพรากใจแยกจนแตกหัก
รักแสนรักทิ้งไปกระไรได้
งานเคยก่อรักร้างรู้บ้างไหม
ว่าหัวใจใส่ไว้อยู่ในแปลน

เพียรบรรจงเทใจที่ได้สร้าง
ตึกจะร้างยังห่วงและหวงแหน
อนุสรณ์เคยก่อเคยต่อแกน
ปิดงานแสนสลัวไว้ชั่วคราว 

สร้างต่อจากเขาแม้มีเราคนเดียว   ทะเลดาว

เหม่อมองเสา เขาทิ้งร้าง ห่างแล้วหนอ
ใยจึงท้อ ทิ้งให้ร้าง สร้างเพียงนี้
แปลนที่เพียร เขียนจากใจ ค่าไม่มี
เพียงพอที่ จะฉุดรั้ง หรืออย่างไร

มองอิฐมอญ ทอดถอดใจ ใยเกลื่อนกลาด
วงกบขาด ฝ้าเพดาน นั้นอยู่ไหน
ลูบผนัง ยังเปื้อนฝุ่น อุ่นผ่านใจ
มองกรวดทราย บล็อกแก้วใส ให้ระทม

ก้มลงลูบ จูบแบบแปลน ที่แสนรัก
สุดเก็บกัก กั้นน้ำตา ที่ทับถม
หยิบแบบแปลน แม้นเปื้อนปัด ให้ชัดคม
ร้าวระบม ตรอมตรมนัก เขาจากลา

คงเหลือเพียง เสียงสะท้อน ก่อนตึกร้าง
เคยร่วมคิด ร่วมก่อสร้าง ใยหนีหน้า
เหงื่อหยดไหล ไม่เท่าใจ หลั่งน้ำตา
เสียงสะอื้น ฝืนไว้อย่า ให้ได้ยิน 

พับกระดาษ ที่อาจเก่า เคล้าฝุ่นผง
เพราะเธอคง หยุดสร้างสาน งานทุกชิ้น
มองผลงาน สะท้านไหว ใจพังภินท์
หยาดน้ำอุ่น เริ่มไหลริน มาทักทาย

รู้บ้างไหม ว่าเทใจ ลงในแปลน 
ฉันทั้งรัก ทั้งหวงแหน ทุกเส้นสาย 
ฉันจะสร้าง เพียงลำพัง ด้วยแรงกาย
จะต่อเติม จนกว่าใจ จะสิ้นลง

มากระซิบตัดริบบิ้น   ติตรากร 

๑ รอคอยคนปกป้องเจ้าของตึก
จากส่วนลึกกลางใจใครคนหนึ่ง
แบบก่อสร้างล้ำลึกเมื่อนึกถึง
ยังตะลึงติดตากันยายน

๒ สะกิดเสาเคยร้างอยู่กลางผัง
ตึกแฝดยังสยองทั้งสองต้น
แต่แปลนใจกลับครองเราสองคน
ไม่เคยหม่นร้างรักเลยสักครา

๓ เคยบอกเสาคานตรงอย่าหลงเฉ
บอกอะเสทุกด้านเพดานฝา
ว่าหากพบจะรับเธอกลับมา
มิใช่ลาลับไปแล้วไม่คืน

๔ จะก่อสร้างตามแปลนที่แสนรัก
มิเคยจักแปรใจไปเป็นอื่น
ฐานยังคงมั่นคงและยงยืน
รอวันฟื้นก่อสร้างอย่างถาวร

๕ อสังหาร่วมก่ออย่าท้อถอย
อิฐน้อยน้อยเรียงกันทุกชั้นก้อน
คานจะรับตามติดกับอิฐมอญ
ผ่านความร้อนเจือไว้ลงในดิน

๖ เสร็จทันการเปิดใช้หรือไม่หนอ
จะคอยรอกระซิบตัดริบบิ้น
ฝากสื่อมาจากใจให้ได้ยิน
กลับคืนถิ่นระฟ้า....นะคนดี

ทำไงได้   ทะเลดาว

คนอะไร ก็ไม่รู้ ดูน่ารัก 
อยากรู้จัก ให้มากกว่า เวลานี้
ผูกสมัคร แอบฝากใจ มิตรไมตรี
อยู่เกือบปี กว่าจะได้ ทักทายกัน

เฝ้าเลียบเคียง คอยเมียงมอง ต้องการรู้
กลัวจู่จู่ มีคู่แล้ว แห้วซิฉัน
ก็ออกแสน น่ารักใคร่ หาใครปาน
ช่างเสกสรร จำนรรจา คราพบเจอ

ไม่รู้โดน มนต์บทใด ให้หลงลุ่ม
คิดแล้วกลุ้ม เพราะหัวใจ ใฝ่เสนอ
เธอคนดี กลับทำเมิน เขินเลยเออ
อายนะเอ้อ!!! ฉันอ๊ายอาย ทำไงดี

แทบละลาย กับสายตา ต่อว่าขาน
ผิดมหันต์ คือตัวฉัน ใช่ไหมนี่
แอบมอบใจ ให้ตั้งนาน สงสารที
ขอแค่นี้ เธอไม่ให้ น้อยใจจัง

อยากสลาย ตามสายลม ที่พัดพา
ไม่กล้ามา ให้เห็นหน้า เพราะผิดหวัง
คนน่ารัก อยากถามไถ่ ใยเหมือนชัง
ฝันภินท์พัง ก็จะยัง ตั้งหน้ารอ

ก็ไม่รู้ ว่าทำมัย ใจดื้อดึง
แอบเฝ้ารัก เฝ้าคิดถึง เค้ามัยหนอ
โอ้!!!ใจเอ๋ย เค้าเฉยชา น้ำตาคลอ
สมน้ำหน้า กล้าไปขอ เค้าทำมัย!!!

กระจกเรือนใจ   ติตรากร 

นับเม็ดฝนโปรยเปื้อนเรือนกระจก
โชยมาตกหยดมาข้างหน้าต่าง
ยังเกาะกุมความจำเหมือนน้ำค้าง
ที่อ้างว้างหยาดเยื่อเอื้ออาทร

เช็ดกระจกที่เปื้อนบานเลื่อนนั้น
ในใจพลันตระหนกกระจกหลอน
เห็นใบหน้าคนเศร้าแล้วร้าวรอน
ยังสะท้อนความจำอันรำไร

อารมณ์ดีคนนี้ถึงทีเศร้า
รู้หรือเปล่าฝนพรำ...น้ำตาไหล
กระจกฝ้าคอยเลื่อนภาพเตือนใจ
บันทึกไว้แสนสวยด้วยแววตา

เป็นเพียงฝันในใจให้ป้องปก
มีกระจกใสใสใส่รักษา
ประดับไว้ในใจมาหลายครา
กลัวแต่ว่าเธอเลือน...สะเทือนใจ

อ่านบทกลอนซึ้งค่าทุกครานั้น
เธอเพียงฝันย้ำว่ากลับมาใหม่
เปิดกระจกห่วงหวงยอดดวงใจ
ม่านใสใสซึมมาน้ำตาคลอ

วันคืนผ่านเรือนกระจกยังปกปัก
ยังจงรักไม่คลายรู้ไหมหนอ
ถ้าเธอรู้รับได้ไม่ย่อท้อ
จะเปิดรอเรือนใจไม่ห่างเลย

ตามง้อ..คนแสนงอน   ทะเลดาว

เธอคนดี เวลานี้ ว่างบ้างไหม
งานเข้ามา คงมากมาย อยู่เสมอ
ค่อยค่อยทำ อย่าโหมหัก นักนะเธอ
ฉันนั้นมี ข้อเสนอ มาเอาใจ

คนดีจ๋า หันหน้ามา ทางนี้หน่อย
อย่าใจน้อย เลยนะจ๊ะ อ่ะ ยิ้มให้ 
ยิ้มตอบหน่อย นะคนดี ได้ชื่นใจ 
ถ้าไม่ยิ้ม ไม่พาไป เที่ยวนะเออ

วันว่างว่าง อย่างวันนี้ อยากไปไหน
ไปช็อบไหม ฉันตามใจ เธอเสมอ
เที่ยวสวนหย่อม พร้อมถ่ายรูป ไหมจ๊ะเธอ
น่านะนะ อย่าให้เก้อ เธอคนดี

ไปนั่งรถ เที่ยวชมวิว ชมทิวทัศน์
ไปสวนสัตว์ ให้อาหาร มันไหมนี่
เร็วเร็วเข้า เอ๊า!แต่งตัว สักกะที
เสื้อตัวนี้ ดูสวยดี รีดหรือยัง

ชอบเสื้อยืด หรือเสื้อเชิ๊ต หรือฮาวาย 
ชอบมีลาย หรือเรียบเรียบ บอกกันบ้าง
ชอบโนเนม หรือแบรนเนม ยี่ห้อดัง
ใส่บ่อยครั้ง กางเกงยีนส์ ยังดูดี

ป่ะ!ไปกัน เดี๋ยวไม่ทัน ดูหนังไทย
เกงตัวไหน เสื้อสีรัย ก็สวยนี่
เพียงแต่ว่า หน้าห้ามงอ นะคนดี
ส่งมือมา แล้วยิ้มซิ คนแสนงอน  (ยิ้มนิดนะ..คนดี) 

ตามอ้อน..คนแสนดี    ติตรากร 

อาทิตย์นี้ ที่เราว่าง อย่างวันนี้
งานเคยมี มามากมาย ตั้งหลายอย่าง
จันทร์ถึงศุกร์ เรียงกันมา แทบตาค้าง
อยากอยู่ว่าง มาเอาใจ คนไกลกัน

อย่าน้อยใจ นะคนดี ยิ้มซีจ๊ะ
จะบอกนะ ยิ้มมาให้ จากใจฉัน
ตอบยิ้มแล้ว จูงมือเกี่ยว ไปเที่ยวกัน
จะปลอบขวัญ เธอคนดี ยิ้มซิเธอ

วันว่างว่าง อย่างวันนี้ มีเธอใกล้
ก็ชื่นใจ ได้พบเจอ เธอเสมอ
สเวนเซ่น นั่งเย็นใจ ไปไหมเธอ
ข้อเสนอ ชวนเธอชิม ให้อิ่มใจ

จะถ่ายรูป ของสองเรา เอาไหมจ๊ะ
บอกทีนะ ช่วยบอกที ว่าดีไหม
ถ้าพร้อมแล้ว ไปกันเลย ที่เคยไป
กางร่มให้ ไม่เปียกปอน ตอนฝนพรำ

ชุดกระโปรง แต่งลูกไม้ ระบายจีบ
เสื้อรีดกรีบ จุดพิมพ์ลาย พรายคมขำ
หรือชุดยีนส์ เสื้อลำลอง ของประจำ
รอเธอนำ มาใส่โชว์ ดูโก้ดี

ป๊ะ! ไปกัน ได้เวลา พาไปเที่ยว
ขอนิดเดียว ยิ้มให้กัน..... :) อย่างนั้นซิ
ไม่งอนแล้ว แต่เขียนกลอน อ้อนคนดี
ยิ้มอีกที ให้ชื่นใจ ได้ไหมจ๊ะ ( อ้อนแล้วนะ...คนดี ) 

วันว่างนี้ มีสุขจัง   ทะเลดาว

ส่งรอยยิ้ม พิมประไพ มาทายทัก
คนตามอ้อน ช่างน่ารัก อยากชวนเที่ยว
ตั้งห้าวัน งานกองใหญ่ เยอะเยอะเชียว
สุดสัปดาห์ พากันเกี่ยว ก้อยพักกาย

เธอคนดี มีมาดเท่ห์ เสน่ห์แมน
ขอควงแขน แทนจูงมือ จะได้ไหม
ต่างคนต่าง หันมายิ้ม ด้วยอิ่มใจ
ป่ะ!โปรแกรม ที่วางไว้ ไปกันเลย

เอ๊ะ!เดี๋ยวค่ะ ขอเวลา ตรวจเตาแก๊ส
เดี๋ยวจะเป็น เช่นตึกแฝด ล่ะเธอเอ๋ย
ปิดก่อนนะ ทั้งน้ำไฟ ไม่ละเลย
ตรวจตราไว้ ให้คุ้นเคย เพื่อปลอดภัย

ไปคนดี คราวนี้ไป ได้แล้วจ้ะ
แต่ขอถาม อีกคำนะ ชุดสวยไหม
กางเกงยีนส์ เสื้อแขนยาว ตามสไตล์
กะลุยฝน ให้สบาย ไม่ต้องกลัว

ฟิล์มพร้อมกล้อง ต้องเอาไป เตรียมไว้ยัง
พอเราออก จากดูหนัง เที่ยวให้ทั่ว
แวะเอ็มเค เซ่เวนเซ่น เย็นฉ่ำตัว
คนตามอ้อน ตอนยิ้มหัว น่ารักจัง

ก่อนกลับบ้าน ผ่านซุปเปอร์ เอ้อ!เดี๋ยวเดี๋ยว
ซื้ออาหาร ฝากเจ้าเหมียว รออยู่หลัง
วันว่างว่าง อย่างวันนี้ มีสุขจัง
ที่มีเธอ คอยเคียงข้าง ตลอดวัน  (หลับฝันดีด้วยรอยยิ้ม) 

สุขใจ ได้ใกล้กัน   ติตรากร

มาด้วยกัน วันสบาย ปลายอาทิตย์
นานไปนิด เกือบห้าวัน ใจหวั่นไหว
คำขอโทษ จึงต้องบอก ออกจากใจ
งานพาไป กว่าได้มา กลัวช้าเกิน

เก็บเน็คไทน์ ใส่ลิ้นชัก จักไปเที่ยว
รอประเดี๋ยว คงไม่ว่า คราห่างเหิน
ควงแขนกัน นั่งกินลม ชมกันเพลิน
สุขเหลือเกิน เธอคนดี ที่รู้ใจ

เตาในครัว ปลอดภัยแล้ว แมวก็อิ่ม
นั่งอมยิ้ม มองแววตา หน้าสดใส
ปิดก๊อกน้ำ อย่าลืมปิด สวิชไฟ
ใส่ผ้าใบ ยีนส์ตัวเก่า เอ้า..ไปกัน

อาทิตย์ก่อน ที่เราไป ใจสุขศรี
แต่วันนี้ จะชวนไป ไกลเกินฝัน
ที่เราพบ แสนสุขใจ ได้ทุกวัน
รู้ไหมนั่น ที่แห่งใด ลองทายดู

คนช่างฝัน ฉันคนนี้ จะถามว่า
ในห้วงฟ้า ดาววิไล ไกลสุดกู่
ฉันเขียนฝัน ฝากเอาไว้ ให้เธอรู้
เธอไปดู และฝากฝัน ทุกวันไหม

จะชวนเที่ยว ชมดารา อาณาจักร
คนช่างซัก ได้มอบรัก เอาไว้ให้
มวลดารา คือที่เอ่ย เราเคยไป
ฝากหัวใจ อยู่เต็มทรวง ดาวดวงใจ

คนช่างฝัน คือขวัญใจ    ทะเลดาว

นานแค่ไหน ใยจึงหวั่น ว่านานนัก
ห้าหกวัน ฉันตระหนัก ว่ารอไหว
คืนวันผ่าน เธอ/ฉันรู้ อยู่แก่ใจ
ไม่สามารถ มาทำลาย ไมตรีเรา

คบกันมา จะเกือบปี แล้วนี่นา
รู้หรอกนะ ว่าทำงาน จันทร์ถึงเสาร์
เพียงวันหนึ่ง จึงได้เป็น ตัวของเรา
กายเป็นบ่าว งานเป็นนาย ใจเชื่อฟัง

อาทิตย์หน้า เข้าพรรษา อาสาฬหฯ
ชวนทำบุญ ใส่บาตรพระ ด้วยมุ่งหวัง
กุศลนำ ความสุขใส ให้ทุกทางทาง
ร่วมกันสร้าง สรรค์สิ่งดี ด้วยดวงใจ

คนช่างฝัน สถานที่ ที่ถามว่า
ในห้วงฟ้า เขียนฝากฝัน ฉันไปไหม
ขอตอบเธอ ไปเสมอ แม้นจะไกล
แต่บางครั้ง ก็ไปได้ แค่ประตู

เปิดเท่าไร ไขเท่าใด ไม่ยอมเปิด
ไม่รู้เกิด เหตุอะไร ก็ไม่รู้
แลลิบลิบ ระวิบวาว ดาวเคยดู
คงอยากให้ สองเราอยู่ ดูพร้อมกัน

ฝากหัวใจ ไปทุกที่ ที่มีแสง
จะร้อนแรง หรือมืดมิด แต่จิตฉัน
ส่งถึงเธอ ทุกทิวา ราตรีกาล
ก็บอกแล้ว แก้วตาขวัญ ฉันคือเธอ

สวนขวัญ วันสานฝัน   ติตรากร

กระซิบแผ่วเบาบางข้างสวนขวัญ
เธอชวนฉันเยือนเย้าเข้าพรรษา
ร่วมบุญพานอาสาฬหบูชา
เข้าวัดวาใจเย็นบำเพ็ญบุญ

ไปตักบาตรร่วมกันในวันนั้น
หวังสุขสันต์บุญเอื้อมาเกื้อหนุน
บำเพ็ญเพียรภาวนามาเจือจุน
ที่เราคุ้นเคยทำประจำมา

จะขอพรอวยชัยให้เธอด้วย
ให้สดสวยด้วยใจปรารถนา
เรียนหนังสือสนุกทุกวิชา
เก่งตำราสมใจได้เกรดเอ

มาไกลมากทิ้งเมืองไว้เบื้องหลัง
ชวนไปฟังเอฟโฟว์แสนโก้เก๋
ไปเที่ยวสวนงดงามยามโพล้เพล้
เสียงกล่อมเห่จะอ้อนคนแสนงอน

เตรียมตัวไปพักกันในวันหยุด
งานเร่งรุดรีบทำให้ทันก่อน
จะมารับขวัญใจไปคลายร้อน
เพื่อพักผ่อนอ้อมสรวงของดวงใจ

กระซิบแผ่วเบาบางข้างสวนขวัญ
ที่แห่งนั้นขอย้ำจำได้ไหม
สวนสานฝันเคยพามาแล้วไง
ไปซิไปสุดสัปดาห์นะคนดี

เสียงกระซิบ ในสวนขวัญ   ทะเลดาว

เสียงกระซิบ แผ่วบางเบา เย้าหยอกขวัญ
สวนแห่งนั้น เธอถามฉัน จำได้ไหม
ตอบสวนขวัญ ร่วมสานฝัน สองดวงใจ
เธอสร้างไว้ ในกมล คนแสนดี

เธอเอ่ยถาม เหมือนเตือนย้ำ ให้จำแม่น
ถึงดินแดน แมกไม้งาม ตามวิถี
เสียงกระซิบจากกุหลาบ ยามราตรี
จำได้ดี ดอกไม้ที่ เธอมอบมา

ริมระเบียง เคยเคียงดู หมู่ดาวลอย
ดวงใหญ่น้อย ลอยไกลใกล้ ให้เอื้อมคว้า
แต่ดวงสวย อยู่ไม่ไกล เกินสายตา
งดงามกว่า ดาวบนฟ้า แววตาใคร 

สายลมพลิ้ว ผ่านผิวกาย ให้แสนชื่น
ยามค่ำคืน มองน้ำค้าง กลางจันทร์ฉาย
งามเหลือล้ำ ธรรมชาติ ในสวนใจ
แว่วเสียงไผ่ เสียดสีกอ ล้อลมเบา 

ได้กุศล ศาสนา มาเกื้อหนุน
กลับบ้านสวน แสนอบอุ่น ยิ้มหยอกเย้า
หอมรวยริน กลิ่นดอกไม้ ใต้ม่านดาว
สองเราเฝ้า เพาะดูแล และอาทร 

กระซิบย้ำ จำได้ดี ที่สวนขวัญ
ความผูกพัน มิจางหาย หรือถ่ายถอน 
เกี่ยวก้อยกัน สัญญาใจ ไม่แคลนคลอน
เสียงเฝ้าง้อ จากคนงอน จะอ้อนคืน  (กุหลาบแดง...ดวงใจ) 

ฟากฟ้า เวลาเดิม   ติตรากร 

เหมือนฟากฟ้าผ่านให้เราได้พบ
ขอประนบเบื้องหน้าฟ้าพิสัย
จรดกรวันทาขอบฟ้าไกล
จารึกไว้ครั้งหนึ่งอันตรึงตรา

จากโลกฝันใครใครได้พบปะ
มีมานะต่อกันสุขหรรษา
บ้างทายทักสมถวิลจินตนา
มอบศรัทธาน้ำใจให้แก่กัน

สิ่งดลใจมากมายในโลกหล้า
กำหนดมาจากใครในโลกฝัน
สถานที่จำแนกแตกต่างกัน
สุดฟ้ากั้นแสนไกลยังได้พบ

ยืนหยัดได้มั่นคงที่ตรงนี้
เพราะไมตรีมอบให้ไม่รู้จบ
ด้วยสายใยมอบให้ได้ทวนทบ
และเคารพกันและกันทุกวันมา

จะขอบคุณพันครั้งยังน้อยนิด
ที่ให้สิทธิ์แก่ฉันมั่นรักษา
มิใช่เพียงโฉลกโชคชะตา
กำหนดมาแต่ปางใดใจผูกพัน

ตราบนิรันดร์มั่นในฤทัยนี้
ขอคนดีมั่นในฤทัยฉัน
เมื่อเราต่างมั่นในฤทัยกัน
ขอสานฝันเติมฟ้าทุกราตรี

ภาษาใจ ส่งให้ดาว  ทะเลดาว    

 บรรจงเขียน อักษรา ด้วยความรัก
บรรจงถัก เรียงร้อยคำ ตามประสา
บรรจงแต่ง วิมานดิน ด้วยดารา
สื่อวาจา ภาษาใจ ให้เพียงเธอ

ในนิยาม แห่งความฝัน ฉันมั่นจิต
จึงลิขิต เข้าข้างตัว- เองเสมอ
ในนิยาม ความเป็นจริง มิอาจเจอ
ใจจึงเพ้อ พ้อกับดาว ทุกคราวไป

ค่ำคืนนี้ มีดาวดวง เต็มห้วงฟ้า
ดวงไหนหนา สื่อภาษา รับส่งได้
กระพริบแสง ส่งสัญญาณ นานเท่าใด
ถอดระหัส ความเข้าใจ นานไหมดาว

กระซิบผ่าน ม่านเมฆา ว่าคิดถึง
บอกทั้งห้วง ดาวดึงส์ ว่าใจเหงา
สายลมพลิ้ว ต้องผิวกาย แม้บางเบา
แต่กลับหนาว เมื่อเงาใคร ร้างไกลตา

บรรจงวาง สิบนิ้วนี้ บนคีย์บอร์ด
บรรจงพิมพ์ เพื่อถ่ายทอด ความห่วงหา
สายใยแก้ว นำแสงส่ง ดาริกา
ทุกถ้อยคำ กลั่นกรองมา จากดวงใจ

ดาวกระพริบ แสงสว่าง ดั่งรับฝาก
สามคำจาก ภาษาใจ อย่าทำหาย
ถอดระหัส หวังว่าดาว คงเข้าใจ
รักคิดถึง แสนห่วงใย...คนไกลกัน

รู้เถิดนะ   ติตรากร 

ยังพลิ้วแผ่ววาววับ  ประดับฟ้า
รังสิมาเปล่งรับ  ประดับสรวง
ส่องประกายราวกับ  ประดับทรวง
ในแดดวงประทับ  ประดับดาว

เป็นละอองแสงป้อง  ในห้องฝัน
ดั่งสวรรค์เรืองรอง  ในห้องหาว
เป็นทะเลสีทอง  ในห้องดาว
และวับวาวฉายส่อง  ในห้องใจ

เป็นดาราในกมล  คนที่รัก 
ด้วยใจภักดิ์เต็มปรี่  คนที่ให้
จะโอบกอดดวงฤดี  คนที่ใจ
จารึกไว้ใต้สกล คนที่รอ

อยู่ที่เดิมเคียงดาว  แม้หนาวหนัก
ก็เพราะรักยืนยาว  แม้หนาวหนอ
จะให้ยืนชมดาว  แม้หนาวต่อ
ก็ไม่ท้อทุกคราว  แม้หนาวใจ

ขอเพียงดาวระยิบ  กระซิบเสียง
จะคอยเคียงดาวกระพริบ กระซิบไหม
ถ้าหากดาวดวงทิพย์ กระซิบได้
โปรดรับใจไกลลิบ กระซิบมา

ใช่เวิ้งฟ้าหันเห ทะเลหมอก
คงไม่หลอกไฉเฉ ทะเลฝ้า
เมฆบดบังจำเจ ทะเลล้า
รู้เถิดว่ารักนะ ทะเลดาว... ! 

รู้เถิดนะ..ว่าไม่ต่างกัน  ทะเลดาว 

ประดับฟ้า ให้สกาว...ด้วยดาวดวง
ประดับสรวง ศิวิไล...ให้เฉิดฉันท์
ประดับทรวง ด้วยดวงใจ...ดวงเดียวกัน
ประดับดาว หนึ่งเดียวนั้น...ในฤทัย

ในห้องฝัน บรรจุรัก...เป็นหลักเสา
ในห้องหาว เย้าคิดถึง...ซึ้งบ้างไหม
ในห้องดาว เฝ้าบอกย้ำ...ความห่วงใย
ในห้องใจ เต็มเปี่ยมไป...ด้วยไมตรี

คนที่รัก อยากให้รู้...ว่ารักใคร่
คนที่ให้ มิเคยคลาย...หรือหน่ายหนี
คนที่ใจ ใฝ่มอบรัก...ด้วยภักดี
คนที่รอ ขอเพียงมี...หวังในใจ

แม้หนาวหนัก จักเคียงใกล้...มิให้ท้อ
แม้หนาวหนอ ขอใช้แขน...แทน ผ้าไหม
แม้หนาวต่อ ขออิงแอบ...แนบอุ่นอาย
แม้หนาวใจ โอบด้วยใจ...คลายหนาวเย็น

กระซิบเสียง คอยเคียงข้าง...มิห่างหาย
กระซิบไหม ใครนะอ้อน...ตอนพบเห็น
กระซิบได้ ไม่อยากห่าง...ทั้งเช้าเย็น
กระซิบมา กว่าจะเห็น...ความเป็นดาว

ทะเลหมอก ระลอกไอ...จากปลายฟ้า
ทะเลฝ้า ใช่จะพร่า...ทั้งห้วงหาว
ทะเลล้า หาสิ้นแรง...เสียทุกคราว
ทะเลดาวเค้ารักนะ...  ติตรากร...! 

ให้หมดใจ ใต้อักษร  ติตรากร 

ก กุหลาบให้คนดี ขมีขมัน
ข เข้าใจกันด้วยรัก สมัครสมาน
ค คงไมตรีราบรื่น ประเมินประมาณ
ง ง้องอนผ่านยามนี้ ทุกวี่ทุกวัน

จ จูงมือเพื่อโอบรับ ประคับประคอง
ฉ เฉยเมื่อต้องสมาธิ พิถีพิถัน
ช ชื่นชมความเป็นเอก เอนกอนันต์
ซ ซื่อสัตย์กันประทับ ประดับประดา

ญ หญิงหนึ่งกับรอยยิ้ม ประพิมพ์ประพาย
ด เดินเคียงกายทุกที่ ประสีประสา
ต ติตรากรไม่คิด ระอิดระอา 
ถ ถนอมมาด้วยใจ ละไมละมุน

ท ท่องเที่ยวไปทุกที่ กระวีกระวาด
ธ ธรรมชาติตอบรับ สนับสนุน
น นับถือและถนอม ละม่อมละมุน
บ บอกขอบคุณใจที่ กระปรี้กระเปร่า

ป เป็นความจริงประจักษ์ ขะมักเขม้น 
ผ ผายมือเน้นยามนี้ กระซี้กระเซ้า
ฝ ฝากกลอนแม้อารมณ์ กระปมกระเปา
พ เพียงฝันเราอย่าหม่น กระวนกระวาย

ฟ ฟ้ายามนี้พล่านพลุก ขมุกขมัว
ภ ภาพสลัวเมฆสลับ กระสับกระส่าย 
ม มองท้องฟ้าฝนซัด กระจัดกระจาย
ย ยังยืดกายคอยเธอ เสมอสมาน

ร รักแล้วไม่เคยบ่น ระหนระเห
ล ลมพัดเซอย่าล้ม ประสมประสาน
ว วอนเธออย่าวิตก สะทกสะท้าน
ศ ศรรักผ่านใจเคล้า พะเน้าพนอ

ส แสนสุขสันต์วันรุ่ง กระจุ๋งกระจิ๋ง
ห หวังรักจริงดวงจิต ประติดประต่อ 
อ อยู่ด้วยรักละเมียด ละเอียดลออ
ฮ เฮฮาพอยิ้มได้ ให้ให้ดาว

อ้อมกอดดาว  ทะเลดาว  รับนะ ได้ไหม?

 จับปากกา ด้ามเดิมเดิม มาเติมรัก
กลั่นกรองจาก ดวงหทัย ที่ไหวหวาม
ถ่ายทอดสู่ ปลายปากกา สีฟ้าคราม
สื่อสารตาม เสียงดวงใจ ไปบอกเธอ

ยามสายลม พัดทิวไม้ ไกวยอดหญ้า
ฝากกระซิบ ถึงเธอว่า รักเสมอ
ฝากสายน้ำ ที่ฉ่ำเย็น เป็นเพื่อนเธอ
อย่าพลั้งเผลอ ปล่อยเธอไว้ ให้ร้าวรอน

ฝากภูเขา สูงเสียดฟ้า มาปกปักษ์
บอกว่ารัก ฉันแน่นหนัก ดั่งสิงขร
ฝากเรียวรุ้ง ตรงโค้งฟ้า ว่าอาทร
จะหนาวร้อน ห่วงใยเธอ เสมอมา

ดวงตะวัน ทอแสงอ่อน ตอนใกล้ค่ำ
ฝากถ้อยคำ แสนคิดถึง คะนึงหา
แสงรำไร ใกล้จะลับ จากขอบฟ้า
ฝากวาจา ว่าฝันถึง คนของใจ

รัตติกาล ผ่านมาเยือน เหมือนดั่งเคย
ฝากดวงดาว อย่าเมินเฉย เชยชิดใกล้
โอบกอดเธอ แทนผืนผ้า ห่มใจกาย
มอบอุ่นไอ แทนใจหนึ่ง ซึ่งรักเธอ

จะเป็นให้ ในทุกสิ่ง ถ้าต้องการ
อ้อมกอดดาว แทนคำมั่น อยู่เสมอ
คือตัวแทน อ้อมแขนฉัน โอบกอดเธอ
รักเสมอ ไม่เสื่อมคลาย ให้-สัญญา-

กลอนก้อนกรวด   ติตรากร 

มิใช่มณี
มิใช่จินดา
มิใช่รัตนา
เพียงศิลาดิน

เก็บเกล็ดกรวดเกลื่อนกลาดริมหาดแก้ว
ระวิแวววาววับกับเปลือกหิน
ก้อนเกลี้ยงเกลากลั่นกรองละอองดิน
กระแสสินธุ์กัดกร่อนจนก้อนกลม

ตกตะกอนก่อนเกิดจากกาลก่อน
ดูซับซ้อนซึมซับเพราะทับถม
จากก้อนกรวดเก่าเก่าเคล้าโคลนตม
เก็บสะสมนานมาค่าในใจ

กับก้อนกรวดหลากสีที่ไร้ค่า
ก็เกินกว่ารัตนามาเปรียบได้
เกลือกกลั้วกันกึกก้องทำนองไกล
เก็บกองไว้กลางกมลเป็นกลกานท์

เก็จแก้วกับกิ่งกาญจณ์ก็กำกวม
หินหรือร่วมจินดาค่าไพศาล
ถูกกัดกร่อนอ่อนเกินเผชิญนาน
เปรียบแก้วกาญจน์เกินค่ากว่ากรวดดิน

ก็จะร้อยกานท์กรวดแม้ปวดร้าว
กี่ร้อยก้าวกรองกานท์ผ่านกรวดหิน
แม้เกลื่อนกลาดกัดกร่อนก้อนเกลือกิน
ก็มิสิ้นจินตนา...ศิลากานท์.! 

คนของใจ รู้บ้างมั๊ยฉันเจ็บเป็น   ทะเลดาว

จำได้ไหม สายตาฉัน ในวันวาร
ช่างเชื่อมั่น ช่างพะวง ช่างสงสัย
ช่างซักถาม ช่างง้ำงอ พ้อเรื่อยไป
ช่างเอาใจ ช่างหยอกล้อ ให้ง้องอน

แววตาซน ช่างถามนัก รักบ้างมั๊ย?
ช่างออดอ้อน คนของใจ มิซุกซ่อน
ช่างถามนิด กอดได้ไหม สายตาวอน
ประจบก่อน เข้าเคียงกาย คล้ายอ้อนอิง

สองแขนน้อย ค่อยเอื้อมกอด สอดแขนคล้อง
แววตามอง จ้องสบตา ประสานนิ่ง
แอบเว้าวอน อ้อนด้วยตา อยากพักพิง
โอบกอดนิด ชื่นใจจริง อิงกายซบ

ในอ้อมแขน แสนอบอุ่น ด้วยกรุ่นไอ 
เคยซุกหน้า ซบอุ่นอาย ใช่ประจบ
กอดมิคลาย วงอ้อมแขน อ้อนอิงซบ
ในอ้อมกอด ที่อุ่นอบ ด้วยใจรัก

แล้วเห็นไหม เวลานี้ คนซุกซน
ต้องหมองหม่น ทรมา เหมือนไร้หลัก
แววตาซน คนช่างเย้า กลับเศร้านัก
สุดทัดทาน คนที่รัก ให้อยู่เคียง

เงาตาซน ต้องหม่นแล้ว แววตาวอน
ที่เคยอ้อน ขออิงแอบ ต้องหลบเลี่ยง
เคยอ้อนออด ในอ้อมกอด คงเหลือเพียง
ภาพ เงา เสียง ในดวงตา ที่ชาช้ำ

รักบ้างไหม รักฉันไหม รักเดียร์มั๊ย ?
เสียงหัวใจ ที่ร่ำไห้ เฝ้าไถ่ถาม
ดวงใจเล็ก เท่ามือกำ นี้ก็ตาม
แต่ในความ- จริงแล้วนั้น มันเจ็บเป็น!!!

เส้นสายอันโยงใย  ติตรากร   -ทะเลดาว- จะอยู่ยังงัยถ้าไม่มี -ติตรากร-

เหมือนสองตาหลับชิดด้วยปิดปก
เปลือกตาตกหลับค้างกลางม่านแก้ว
บ่อน้ำตาซึมซับหยุดรับแล้ว
หัวใจแผ่วเพียงใยแค่สายยาง

กับเครื่องกลร้องเตือนเสมือนสั่ง
คอยประทังชีพไว้ให้สว่าง
โดยเครื่องช่วยหายใจได้เบาบาง
โยงระยางสายใยให้น้ำเกลือ

ชีพจรยังร้องป้องชีวิต
ถุงโลหิตย้อนรอยคอยช่วยเหลือ
แม้จะไร้ใครหนุนมาจุนเจือ
จะอยู่เพื่อครองสิทธิ์เพียงนิดเดียว

จะดึงสายโยงใยไหนก็ได้
ทุกสายใยต่อไว้ใจแน่นเหนี่ยว
สายสีแดงต่อไปเพียงใจเดียว
หากทิ้งเปลี่ยวได้ลงก็จงทำ

กระชากสายสัมพันธ์ให้มันหลุด
ก็คือหยุดหัวใจให้ถลำ
กับสายใยยังคงความทรงจำ
ที่ยังทำหน้าที่ต่อชีวิต

เตียงคนไข้ในห้องกล่องสี่เหลี่ยม
เหมือนตระเตรียมรอรับผู้ดับจิต
ทุกสายใยผูกใจกันใกล้ชิด
คงหมดสิทธิ์เพราะโสตฉันนั้นไม่มี !

รักที่สุด..
เดียร์...
ติตรากร...
15 ส.ค.47

คือสายใจ ใช่เครื่องกล     ทะเลดาว

นั่งลงข้าง เตียงคนไข้ แล้วใจหาย
นี่ตัวฉัน ทำสิ่งใด ลงไปหนา
เห็นสายยาง ที่โยงยั้ง รั้งชีวา
หยาดน้ำตา ทะลายล้น สุดทนมอง

เครื่องช่วยวัด ประกาศผล บนจอเครื่อง
ถุงโลหิต ขนาดเขื่อง ช่วยปกป้อง
สายน้ำเกลือ จุนเจือไว้ ได้ประคอง
ชีพจร วอนขอร้อง เต้นต่อไป

หัวใจเอย แม้จะเหนื่อย อีกสักนิด
ฉันคนนี้ ยังทวงสิทธิ์ แทนเห็นไหม
นะ ขอร้อง ไม่ต้องใช้ เครื่องกลไก
ทุกทุกสาย ต่อผ่านใจ ฉันถึงเธอ

ขอโทษนะ คนแสนดี ของดวงใจ
ต่อนี้ไป เฝ้าเคียงกาย ไม่พลั้งเผลอ
สายสีแดง เพียงเส้นเดียว เกี่ยวโยงเธอ
พร้อมเสมอ ถ่ายเทให้ ด้วยใจจริง

ประคองกาย ให้ลุกนั่ง รั้งรอก่อน
จงพักผ่อน เพื่อเพิ่มแรง สู้ทุกสิ่ง
ห้องสี่เหลี่ยม ไม่จำเป็น เข้าพักพิง
เตียงคนไข้ จงละทิ้ง อย่ามองมัน

ฉันจะเป็น เช่นสายยาง ระโยงใย
เป็นทุกสิ่ง ที่ขาดหาย ให้เธอนั้น
สายสีแดง แห่งเข้าใจ ไร้ขอบกัน
หายไวไว นะจอมขวัญ ฉันรอเธอ 

เดียร์รักติตรามากที่สุด...
ติตรากร...
เดียร์...
๑๕ ส.ค.๔๗

กุหลาบในโฟกัส   ติตรากร  ช่างภาพแสนงอน

เลนซ์กล้อง ส่องชิด ติดเกสร
กลีบซ้อน มุมกล้อง จึงส่องหา
งามล้ำ ชวนพิศ จนติดตา
เกินกว่า ความฝัน อันวาวแวม

เล็งจับ จอกล้อง เพื่อมองภาพ
กุหลาบ ที่ยล ยังคมแจ่ม
หอมกลีบ กลิ่นกลั่น วันแรกแย้ม
งามแซม ชวนพิศ จิตเชยชม

ช็อตนี้ แดดจ้า จึงมาถ่าย
ประกาย เหลือบเรื่อ เจือผสม
ปรับภาพ ดังนึก ความลึกคม
ชื่นชม ทุกยาม งามยิ่งนัก

จะเก็บ ภาพไว้ ในแมมโม
ก็โถ ชื่นใจ ได้รู้จัก   ^-^        น่ารักจังวรรคนี้
กุหลาบ หอมออก จึงบอกรัก
สลัก รูปไว้ ในดวงใจ

นำพา มาบอก ดอกกุหลาบ
ซึมซาบ ความงาม ชวนหวามไหว
โคลสอัพ ชิดปราง ไม่ห่างไกล
แนบไว้ ทุกคืน ขอยืนยัน

ซีนนี้ มูวี่ นะที่รัก
ทายทัก ด้วยใจ ไม่แปรผัน
เก็บภาพ ความจำ มากำนัล
จะบัน- ทึกไว้ ให้คนดี

กุหลาบในโฟกัส (นานไปคงเป็นแบบนี้) ใช่ไหมเอ่ย  ^-^ ทะเลดาว

ตั้งใจ ถ่ายภาพ กุหลาบหรือ
อื้อหือ อิจฉา จะบอกให้
สวยงาม ชวนพิศ ติดตรึงใจ
วาดภาพ ไว้งัย บรรยายมา

กุหลาบ อาบแสง แห่งระพี
สดสี เพราะมี แสงแดดจ้า
กลีบนวล ชวนมอง จึงต้องตา
แรกแย้ม ซินะ จึงน่ามอง

นับจาก วันที่ บันทึกภาพ
ไม่นาน กุหลาบ เริ่มหม่นหมอง
คงเปลี่ยน โฟกัส และเลนซ์กล้อง
ไปมอง ภาพใหม่ ไม่เหลียวแล

สิ้นสวย สิ้นงาม ตามวาระ
ไหนล่ะ บอกว่า รักแน่แท้
กลิ่นหอม เคยซึ้ง ตรึงดวงแด
คงแพ้ ดอกใหม่ ที่หมายตา

ที่เหลือ คงภาพ ในแมมโม
ก็โถ ดูไป ยิ่งไร้ค่า
กุหลาบ ดอกเก่า ไม่งามตา
โยนใส่ ตะกร้า แทนแจกัน

ซีนไหน ไม่รู้ ไม่สนใจ
หวั่นไหว ใจแทน กุหลาบนั่น
กล้องเสีย  แล้วค่อย มาคุยกัน
ดีมั๊ย จอมขวัญ ยอดดวงใจ

ผูกพัน ขอสัญญา  ติตรากร อ่านบทนี้ทีรัย ยิ้มได้ทุกครั้ง เหมือนจะยอมรับรัยเปล่า

จะเย้าหรือจะหยอกขอบอก...รัก
กระไรนักย้ำว่าหาค่าไม่
อุตส่าห์ปรับชัดลึกบันทึกไว้
ตั้งหลายใบ : (  ตราตรึงเพียงหนึ่งเดียว

มิใช่ภาพดอกไม้ทั่วไปนะ
หรือเธอจะทิ้งไปไม่แลเหลียว
กลัวจังเลยคารมดั่งคมเคียว
จะโน้มเกี่ยวดอกไม้ให้ไร้รัก

ก็เดินทางไปไกลไต่ภูเขา
เห็นแสงเงางดงามเกินห้ามหัก
ธรรมชาติบนดอยคอยพิทักษ์
ช่วยฟูมฟักไพรพฤกษ์บันทึกไว้

ธรรมชาติงดงามเมื่อยามเห็น
เช้าจรดเย็นทุกยามงามสดใส
จึงชมเชยได้พรางเพียงบางใบ  ^-^
ถ่ายใกล้ใกล้บางมุมกลัวครุมเครือ

ไม่มีเลยแจกันอันล้ำค่า
หรือตะกร้าซักใบไม่มีเหลือ
มีแต่กล้องบันทึกงานพอจานเจือ
ที่ถ่ายเมื่อแสงงามยามรุ่งเช้า

แม้เป็นหญ้าบนดินไร้กลิ่นหอม
ฉันก็พร้อมก้มหน้ามาคอยเฝ้า
ไม่คิดกลัวใครเพลินเดินเหยียบเอา
กลางป่าเขาทั้งใบในไพรพง

บันทึกตอนเดินทางของวารวัน
สัญญากันที่ให้ไม่ลืมหลง
รักนะซิ ผูกพันอย่างมั่นคง
อย่าพะวงนะคนดีที่แสนรัก...

แน่นะ สัญญาซี  ทะเลดาว   อ่ะ!!!ซะงั้นน่ะ..หนุ่มกล้องแสนงอน

โอ้ ใจเอ๋ย ใยขอดค่อน ย้อนคำคม
เยือกอารมณ์ เลยล่ะหนา ว่าคราวนี้
แต่งกลอนต่อ ขอหยอกเย้า คนแสนดี
แต่!!!ดูซี กลับใจน้อย ถ้อยวาจา

เห็นมั๊ยล่ะ รับมาแล้ว ว่าหลายภาพ
คงกุหลาบ งามทุกใบ ใช่!!!ซิหนา
พบที่ไหน ถ่ายภาพไว้ จนลายตา
เลือกหรือยัง บางภาพน่ะ ที่ถูกใจ

ช่างแสนงอน ซ้ำยังค่อน ด้วยคารม
เฉือนเบาเบา เราก็ตรม แล้วรู้ไหม
บอกเจอะเจอ ในทุกถิ่น ดินแดนไพร
ทั้งใกล้ไกล ได้โน้มเกี่ยว เก็บไม้งาม   ^-^

ตั้งมากมาย บันทึกไว้ ในเมล์มั้ง!!!    
หมดหรือยัง ที่เก็บไว้ อยากไต่ถาม
กลัวเหมือนกัน จึงหมั่นเขียน เพียรติดตาม
อยากสอบถาม เจ้าคารมคมกว่าเคียว

ไม้ดอกไหน ที่ตั้งใจ บันทึกมา
ดอกเหลืองแดง ม่วงส้มฟ้า หรือว่าเขียว
จึงเป็นภาพ ดอกไม้งาม ของใจเชียว
ใครกันแน่ ไม่แลเหลียว เมื่อโรยรา

จะเย้าหยอก บอกว่ารัก ฝากไปบ้าง
กลัวหนุ่มกล้อง เคืองระคาง ลี้หลบหน้า
เพียงอยากให้ หันมามอง ลองสบตา
แล้วถามว่า รักแน่นะ สัญญาซี

สัญญา  ติตรากร  สัญญาใจคนไหนบอก

จะตอบถ้อยหฤทัยใครคนหนึ่ง
รำพันถึงดวงกมลคนช่างฝัน
เป็นสัญญุาแทนใจสายสัมพันธ์
ยังคงมั่นสื่อภาษาด้วยมาลัย

อยากบอกว่าแห่งนี้นะที่รัก
เป็นที่พักดวงกมลคนอ่อนไหว
แม้หากต้องครองเศร้าเหงาวันใด
คนเคยไกลส่งใจหาทุกนาที

และจะมาแนบใจไม่ไกลห่าง
จะมีทางรั้งใจได้ไหมนี่
จะเคียงข้างโดยพลันแต่วันนี้
ปลอบคนดีที่เสียขวัญเมื่อวันวาร

จะตอบกานท์ร้อยถ้อยคอยกระซิบ
ใจกระพริบบรรเลงเป็นเพลงหวาน
ให้คลายโศกหายเศร้าเคยร้าวราน
เมื่อกาลผ่านปรารถนาห่วงอาทร

สมานใจครั้งเก่าเคยเศร้าหมอง
จะกู่ร้องประคองรักด้วยอักษร
และจะคอยกล่อมกมลคนแสนงอน
ให้ขวัญอ่อนอย่าผวาห่วงอาลัย

โปรดรับรู้ความคิดสักนิดหนึ่ง
จะเข้าถึงดวงฤดีคนนี้ไหม
ตอบถ้อยทักมาว่าอย่าน้อยใจ
ดำรงไว้ผูกพันขอสัญญา

คนแสนดี ที่แสนรัก  ทะเลดาว

รอเธอมา อยู่แนบใจ ไม่ไกลห่าง
รอเคียงข้าง คนแสนงอน เหมือนก่อนนั้น
รอเวลา พาสองใจ ได้ครองกัน
รอตัวตน ชายในฝัน อย่างมั่นใจ

จะรอคอย คนแสนดี ที่แสนรัก
พึงตะหนัก รักคงมั่น อย่าหวั่นไหว
เรื่องทิ้งร้าง ให้เหนี่ยวรั้ง เพื่อหยั่งใจ
ตอบว่าไม่- เคยคิดทำ ตามสัจจริง

ก็เพราะรัก จึงมักงอน อ้อนให้หา
จงเข้าใจ เจตนา ของผู้หญิง 
ก็คิดถึง จึงอยากใกล้ ได้อุ่นอิง 
แม้บางสิ่ง ไม่เป็นจริง ไม่เป็นรัย 

เพราะเข้าถึง ซึ่งฤดี ของที่รัก 
เพราะเราจัก มีเพียงเรา ดั่งมั่นหมาย 
มรสุม ที่รุมเร้า ทั้งใจกาย 
ก็ไม่อาจ จะทำร้าย ทำลายเรา 

อันตัวตน ของคนไกล ชายที่รัก 
ฉันขอฝาก รักมั่นคง ดุจขุนเขา
เมื่อพรหมพา วาสนา ลิขิตเรา
ให้เป็นเงา เฝ้าดูแล กันและกัน

ขอจงรัก มอบภักดี ชั่วชีวา 
เพียงคนที่ ชื่อ ติตรา คนอ่อนหวาน 
ชายคนดี ที่แสนรัก มาเนิ่นนาน 
ขอจงมั่น-ใจในรัก ของสองเรา

จะเคียงข้าง..ตลอดไป  ติตรากร  อยากให้อยู่คู่กันนิรันดร์ไป

 เพียงหลับไปค่อนคืนตื่นตระหนก
ปริวิตกหัวใจเต้นไม่ไหว
ดูเหมือนว่าจะหยุดยั้งทุกครั้งไป
เต้นเหมือนไม่ยินดีมีชีวิต

ฝืนสังขารสั่งหัวใจให้เต้นต่อ
อย่าย่อท้อเต้นไปจงใช้สิทธิ์
หากหัวใจลำเอียงแม้เพียงนิด
จะพิชิตโรคภัยอย่างไรกัน

จุดพลังวังชามากำกับ
ไปกระชับแรงใจอย่าได้หวั่น
หากบทบาทหัวใจไม่สำคัญ
คุณค่าอันควรเทิดจะจืดจาง

อายุร่วมร้อยปีเท่าที่เห็น
ยังคงเป็นรัชนูอยู่เคียงข้าง
เป็นความอุ่นใจเจือเมื่ออ้างว้าง
เป็นคู่สร้างดูแลให้แก่กัน

ปัจฉิมวัยหัวใจใช่อ่อนล้า
ยังแกร่งกล้าควรแลไม่แปรผัน
ความอบอุ่นยิ่งนักแรกรักกัน
จวบถึงวันแก่เฒ่าควรเข้าใจ

แม้จะหลับบางคืนตื่นตระหนก
ก็อุ่นอกคนใกล้ไม่ไปไหน
หัวใจจะยืนยาวทุกคราวไป
เพราะมีใครเคียงข้างไม่ห่างเลย

อ้อมกอดคนในใจ  ทะเลดาว  อยากให้อยู่คู่กันนิรันดร์ไป

 ฟังซิจ๊ะ ได้ยินไหม เสียงใจฉัน
กระซิบว่า ทุกคืนวัน อยากเคียงใกล้
อยากซุกตัว อยู่เงียบเงียบ ใต้อุ่นไอ
อ้อมกอดเธอ คนในใจ ใต้แสงจันทร์

แม้นไม่มี คำพูดจา ภาษารัก
อบอุ่นนัก อุ่นอายกาย ชายในฝัน
กอดบางเบา สานใยใจ สายสัมพันธ์
คำจำนรรจ์ พลิ้วแผ่วหวาน ดั่งม่านดาว

จะซบหน้า ซุกกายใจ ใต้อกอุ่น
อ้อมกอดเธอ แสนละมุน คลายเหน็บหนาว
จะโอบกอด ตอบเธอไว้ ไม่อายดาว
จะบอกเจ้า แห่งราตรี ฉันมีใคร

กอดฉันนะ กอดให้นาน นานกว่านี้
ขอซึมซับ ไออุ่นที่ เธอมอบให้
กอดก่อนนะ อ้อมแขนเธอ อย่าเพิ่งคลาย
ฉันอยากฟัง เสียงหัวใจ ในกายเธอ

แล้วจะแอบ กระซิบบอก เพียงเบาเบา
ฉันรักเจ้า- ของดวงใจ นี้เสมอ
ขอหลับไหล อยู่ภายใต้ อกอุ่นเธอ
อยากให้เป็น อย่างนี้เสมอ นานแสนนาน

ดาวคู่กับฟ้า..ชิงช้าจึงว่างเปล่า  ติตรากร 

เห็นใครโล้ชิงช้าคืนฟ้าเหงา
กับแสงเงาราตรีที่ชายฝั่ง
มิได้อยู่ประจำเพียงลำพัง
เพราะว่ายังมีใครนั่งใจลอย

กับเรื่องราวลึกซึ้งครั้งหนึ่งนั้น
เหมือนภาพฝันสะอื้นคืนเหงาหงอย
หาดทรายว่างร้างเลือนเหมือนใจคอย
มองเกาะลอยทะเลกับเภตรา

ภวังค์ยังคอยทักมิหักเห
ชายทะเลกับตะวันอันเจิดจ้า
เคยเย้ายวนสรวลเสและเฮฮา
เหมือนภาพฟ้าระวีที่พร่างพราว

ผืนทะเลสดใสคล้ายกระจก
ยามแสงตกกระจายพรายฝ้าขาว
เงาสะท้อนเลื่อมพรายคล้ายแสงดาว
ที่บอกกล่าวเอาไว้อยู่ในใจ

หากเธอเป็นกระจกใสบานใหญ่นั้น
ทุกคืนวันเงาระนาบทาบฟ้าใส
แสงดาวจะโอบกอดตลอดไป
และคงไว้งดงามเมื่อยามยล

อยากเป็นดาวกระจายที่ปลายฟ้า
โล้ชิงช้าคู่เคียงแม้เพียงหน
คืนฟ้างามนับดาวพราวกมล
ไม่อยากหล่นพ้นไป....จากใจดาว...! 

บางสิ่งที่ขาดหาย  ทะเลดาว 

กลับมาเปิด กลอนวันวาน อ่านอีกครั้ง
คิดถึงจัง รู้บ้างไหม ใครคิดถึง
ภาพเหตุการณ์ แห่งความหลัง ยังตราตรึง
อดีตจึง คือความสุข ของทุกวัน 

ในยามห่าง ถึงต่างรู้ อยู่ว่าใจ
ทั้งสองดวง เฝ้าห่วงใย ไม่เหหัน
ยามอยู่ใกล้ ได้ต่อกลอน อ้อนจำนรรจ์
ย้ำผูกพัน ขอสัญญา ว่าจริงใจ

เมื่อกาลเคลื่อน เดือนก็เปลี่ยน มิเวียนกลับ
เฝ้าคอยนับ วันเวลา ว่าเมื่อไหร่
เธอจะกลับ มาให้เจอ อีกวันใด
มาเป็นเจ้า ของหทัย ไม่จากลา

เสียงบทเพลง บรรเลงหวาน กังวานแว่ว
ได้ยินแล้ว หวลคิดถึง คะนึงหา
หลับตาซ่อน ความอ่อนไหว ในอุรา
หรือต่างคน ต่างเวลา หาใช่ ใจ

ณ.ปลายฟาก ของท้องฟ้า ราตรีนี้
คนแสนดี ที่เหนื่อยอ่อน คงหลับไหล
ขอฝากฟ้า มาดูแล คนห่างไกล
แทนสายใย ในความฝัน ทุกวันคืน

ฝากแสงทอง ของทิวา ยามกลางวัน
เอื้ออาทร เธอจอมขวัญ ในยามตื่น
สิ่งสำคัญ สัญญารัก จงยั่งยืน
ดุจดั่งคลื่น แห่งเสียงทิพย์ กระซิบดาว

มิเคยขาดหายเลย   ติตรากร 

อยากจะถามความในใจอยู่ไม่น้อย
คนที่คอยแวะเวียนเปลี่ยนไปไหม
คนที่คอยปลอบขวัญนั้นคือใคร
นานเท่าไรยังห่วงหาด้วยอาวรณ์

พยานคือร้อยกานท์-ประมาณนั้น-
-สวนสานขวัญ-มิเคยเลือนยังเหมือนก่อน
ยังจำได้-ตามอ้อนคนแสนงอน-
กับเพลงพร-มนต์กวี-ที่กังวาน

-กระซิบดาวเคล้าเสียงทิพย์-กระพริบแว่ว
-ฟองรุ้งในใยแก้ว-ยังแผ่วหวาน
-ภาพกระจ่างของนางฟ้า-ยังตระการ
เป็นตำนาน-สะพานขึงถึงดวงดาว-

-ในคืนแห่งความเหงา-ยังเคล้าเสียง
ร่วมร้อยเรียง-แต่ปางใด-ในห้วงหาว
-จดหมายถึงปลายฟ้า-ส่งหาดาว
ระยิบพราว-รุ้งโมบายฉันให้เธอ-

-หยุดก่อสร้างชั่วคราว-เรื่องราวนั้น
-เหมือนภาพฝัน-ยังอยู่ในใจเสมอ
-คีตพจน์รจนา-ก็หาเจอ
กับเสียงเพ้อ-หมอกหนาวกับดาวเรือง-

-ให้กับความเอื้ออาทร-อักษรสรร
เรียงผูกกัน-เก้าอี้ขาวผ้าใบเหลือง-
-พวงชมพู-ดอกไม้งามยามชมเมือง
กว่าร้อยเรื่อง-ผูกพันขอสัญญา-

-ตัวตนของคนไกล-ไม่เคยหลับ
-โค้งดาว-นับสองร้อยถ้อยภาษา
-กุหลาบในโฟกัส-จัดส่งมา
-คล้องใจอย่าได้โศก-คือโลกทัศน์

ด้วยหวังว่า-สัญญา-ส่งมาให้
บันทึกไว้เป็นพยานการสัมผัส
บอกเรื่องราวเราสองคล้องใจรัด
เจิดจรัสมิเคยจางบางสิ่งเลย

เพียงหนึ่งเดียวของดวงใจ   ทะเลดาว

ตอบคำถาม ตามที่ใจ ได้สัมผัส
ไม่ขอจัด ลำดับใด ให้หมองหม่น
เพราะมีเธอ เพียงหนึ่งเดียว เกี่ยวกมล
คือตัวตน ของคนไกล ใฝ่อาทร

คอยแวะเวียน เขียนตอบถาม ความเป็นไป
คอยปลอบขวัญ เมื่อหทัย เริ่มล้าอ่อน
คอยเก็บดาว ฝากเจ้าไว้ ให้หนุนนอน
คอยแต่งกลอน เย้าหยอกล้อ ก็คือเธอ

อยากจะถาม ความในใจ อีกไหมหนอ
ฉันจะรอ คำถามใหม่ อยู่เสมอ
ถ้าทำได้ ใจดวงนี้ อยากพบเจอ
อยากจะบอก ต่อหน้าเธอ ว่าจริงใจ

หากยังจำ ลำนำกลอน เมื่อก่อนนั้น
คนคนนี้ ที่ใฝ่ฝัน การเคียงใกล้
ทุกก้าวย่าง บันทึกฝัง ในฤทัย
พร้อมรีเพลย์ กลับมาใหม่ ได้ทุกครา

ก็รักแล้ว ทำไงได้ ให้เลิกรัก
คงลำบาก เรื่องหักใจ หรือหายหน้า
เมื่อใจสั่ง สมองรับ จึงกลับมา
นานเพียงไหน ใจสั่งว่า อย่าฝืนใจ

เธอคนดี ที่แสนรัก ฝากคำถ้อย
เหมือนใจน้อย คอยพะวง แกมสงสัย
คงเพราะเรา ต่างคนต่าง อยู่ห่างไกล
หรือตัวฉัน นั้นหวั่นไหว ไปฝ่ายเดียว

รักทุกกานท์ ที่ผ่านมา กว่าร้อยบท
ฉันยังจด- จำไม่เลือน อย่าเฉลียว
หัวใจฉัน นั้นมีเธอ เพียงหนึ่งเดียว
สิ่งยึดเหนี่ยว ดวงใจฉัน นั้นคือเธอ

สัญญาอันนิรันดร์  ติตรากร  สัญญาใจคนไหนบอก คนที่บอกอยู่ที่ไหน?

รุ่งแล้วอรุโณโอฬาริก
หอมนาสิกจรรโลงไว้ในโลกฝัน
มวลผกาที่สัมผัสอัศจรรย์
เหมือนสัมพันธ์หอมจรุงผดุงใจ

เพียงหนึ่งเดียวของดวงใจใครคนนี้
ที่ช่วยชี้หนทางสว่างไสว
เดินข้างเคียงกลิ่นนวลของมวลไม้
ที่ปลูกไว้งามสมค่าครามาเยือน

ที่แห่งนี้ศักดิ์สิทธิ์ใครคิดบ้าง
ทุกหนทางที่นี่ล้วนมีเพื่อน
มีภาพฝันวันวัยไว้ย้ำเตือน
เป็นเสมือนบันทึกนักเดินทาง

ที่แสวงแสงส่องต้องใบพฤกษ์
เพื่อจารึกบางสิ่งไว้ในใจบ้าง
จารึกเพื่อคงไว้ไม่เจือจาง
จะเคียงข้างเช่นนี้นิจนิรันดร์

หอมกลิ่นป่ากว่าเก่าเราเข้าถึง
ใช่ซาบซึ้งวาดไว้เพียงในฝัน
หากแต่ว่าจารึกบันทึกนั้น
ไม่มีวันแตกสลายหรือหายไป

ยังอยู่ในแว่นแคว้นแดนสงบ
จะมาลบจากใจหาได้ไม่
เราจะเดินรื่นรมย์ชมมวลไม้
คู่กันไปไม่เคยหวั่นขอสัญญา

คิดถึงนะ   ทะเลดาว 

รับ..... ฟังบ้าง บางวลี ที่เคยกล่าว

รู้....... ไหมเล่า ใจยังห่วง และทวงถาม

ไว้..... ที่ไหน หรือหล่นหาย ไม่ดูความ

เธอ... เก็บคำ นิยามรัก ฝากที่ใด

คือ.... สิ่งเดียว เกี่ยวสองเรา เข้าด้วยกัน

ลม.... พลิ้วผ่าน สายสัมพันธ์ ฝากมาไหม

หาย.. ไปแล้ว หรือยังอยู่ คู่หทัย

ใจ...... ดวงหนึ่ง เข้าถึงไหม ใจอีกดวง

ของ.... ที่ฝาก ให้ดูแล และถนอม

ความ.. จริงไซร้ ใจหรือยอม ละ ห่วงหวง

คิด..... เสมอ เธอเหมือนฉัน มั่นมิลวง

ถึง...... กาลล่วง ใจยังรัก จากใจจริง

ข้อความที่เขียนค้าง   ติตรากร 

ถามตัวเองกี่คราก็ว่าใช่
เขียนหวัดไปคล้อยดึกดังฝึกหัด
ตื่นแต่เช้าคิดนึกจึงฝึกคัด
ก็สาหัสเกินบรรยายเรื่องลายมือ

ลายอาลักษณ์เขียนไว้ในใบข่อย
เห็นออกบ่อยใส่ไว้ในหนังสือ
จะตามเขียนตรองตรึกเพื่อฝึกปรือ
มิได้ยื้อคอยป่วนสำนวนใคร

เขียนถูกบ้างผิดบ้างบางขณะ
อักขระขี้ริ้วไม่พลิ้วไหว
เขียนตรงบ้างเอียงบ้างช่างประไร
กว่าจะได้ใจความงามสมบูรณ์

ลืมไปว่าเขียนค้างอยู่กลางเล่ม
ยังไม่เต็มเอิบอาบก็สาบสูญ
ข้อความที่เขียนไว้ไม่เพิ่มพูน
สุดอาดูรอาลัยในใจนัก

จึงนิยามความจริงคือสิ่งผิด
สูญเสียสิทธิ์ประเมินเกินห้ามหัก
ความหมายจวนบรรเจิดเกิดชะงัก
เหมือนมาทักทายเราเพียงเบาบาง

กลายวลีเลือนไปไร้ใครเห็น
นั่นจึงเป็นช่องไฟความไกลห่าง
ไม่เคยลืมข้อความที่เขียนค้าง
ไยเจือจางฉับพลันแต่นั้นมา 

ช่องไฟว่าง ใช่ห่างไกล  ทะเลดาว มัยต้องไปจากกัน ไม่เข้าใจ

จับปากกา...ด้ามเดิมเดิม...เติมด้วยรัก
ก่อนสลัก...อักษรา...ว่าคิดถึง
เขียนไม่สวย...ด้วยลายเส้น...มิคมซึ้ง
เป็นคำหนึ่ง...ซึ่งบรรจุ...อยู่เต็มใจ 

เขียนสำนวน...ชวนให้อ่าน...ฉันไม่คล่อง 
เขียนไปตาม...ท่วงทำนอง...ไม่พลิ้วไหว
ไม่ไพเราะ...เสนาะพริ้ง...แต่จริงใจ
ข้อความเดิม...เติมเรื่อยไป...ไม่ค้างคา

แล้วใครกัน...เคยหมั่นเขียน...เพียรต่อเติม
กลับชะงัก...คำเดิมเดิม...เหมือนอ่อนล้า
เขียนค้างไว้...ไม่เหลียวแล...แม้ชายตา
ความสมบูรณ์...คงสูญค่า...พาอาวรณ์

ห่าง!!!ใช่ไหม...ดั่งช่องไฟ...เว้นให้สวย
เคยใกล้เคียง...เรียงร้อยด้วย...ตัวอักษร
บนหน้าจอ...มอนิเตอร์...ผ่านบทกลอน
ใช่ออดอ้อน...คนเคียงข้าง...เพื่อรั้งใจ

ขอร้องเธออย่าเผลอร้างอักษรล่ะ
รู้เถิดนะ...ฉันจะรอ...อ่านรู้ไหม
แม้คำเดียว...กลั่นกรองจาก...เสี้ยวหทัย
ของตัวตน...คนแสนไกล...ก็ยินดี

ปากกาเก่า...เฝ้าถนอม...ไม่ยอมเปลี่ยน
จึงขีดเขียน...ด้วยมั่นคง...อยู่ตรงนี้
ฝันสวยงาม...เสียงตามสาย...ชายแสนดี
จารจดไว้...เติมชีวี...กำลังใจ

ช่องว่างที่เติมเต็ม   ติตรากร 

ถามตัวเองอีกคราถ้าไม่ใช่
จะเตรียมใจรับเหตุเส้นเขตกั้น
ขีดเส้นใต้ตรองดูอยู่ทุกวัน
ว่าเรานั้นเขียนไปถึงไหนแล้ว

ในเสียงเงียบจริงใจแต่ไม่กล้า
รู้ตัวว่าบ้าใบ้จึงใจแผ่ว
เพียรเขียนอ่านร้อยกานท์ผสานแนว
หรือหูแว่วยินได้ในใจนึก

คงดนตรีอักษรร้องรำเสียง
เหมือนความเรียงเคียงตามความรู้สึก
อยากยินเสียงสำนวนจากส่วนลึก
คงระทึกใจกว่าภาษาเขียน

ลายมือเริ่มขยับคล้ายลายอาลักษณ์
พากเพียรหนักหวัดกลายลายมือเปลี่ยน
อักขระเรียวงามเพราะความเพียร
คงเสถียรมั่นคงและลงตัว

เติมช่องว่างข้อความที่เขียนค้าง
คนหลงทาง บ้าไบ้ ใช่ใจชั่ว
ไม่มืดบอดจนพร่าหูตามัว
และไม่กลัวใครหมิ่นหรือนินทา

คือสวรรค์ตราบไบ้ได้ยินเสียง
แทนความเรียงความงามตามภาษา
หวานจับใจเพียงกมลสนทนา
ถึงแม้ว่าได้ยินเพียงเสียงหายใจ

สัมผัสดาว สัมผัสรัก  ทะเลดาว  

ได้ยินเสียง เพียงเบาบาง ดั่งลมพลิ้ว   ๒๖ พ.ค ๒๕๔๗
ฤทัยหวิว แสนหวามไหว เสียงใครนั่น
ไม่คุ้นเคย เลยสักนิด คำจำนรรจ์
แสนไหวหวั่น เพราะไม่ทัน ได้ตั้งตัว

ในเสียงเงียบ เสียงดวงใจ บอกให้กล้า
ทำตามความ ปรารถนา มิใช่ชั่ว
เสียงแผ่วแผ่ว แว่วตามสาย คลายหวั่นกลัว
ไม่เห็นตัว แต่ใจย้ำ ความผูกพัน

เสียงตามสาย ใครคนหนึ่ง เพิ่งเริ่มต้น
ดวงกมล ขอเฉลย เคยแอบฝัน
จะมีไหม ได้ยินเสียง คนสำคัญ
บางคืนนั้น อ้อนฝากดาว แล้วเฝ้ารอ

ยามทิวา ณ.วันนี้ เปรมปรีดิ์นัก
ได้รู้จัก ตัวคนไกล ดั่งใจขอ
ประทับทรวง เกินบรรยาย ได้เพียงพอ
โอ้!ใจหนอ ยิ่งหลงรัก ภักดิ์คนดี

ทุกข้อความ งามอักษร แสนซาบซึ้ง
ความคิดถึง ส่งแทนใจ ในทุกที่
กับเสียงเพลง บรรเลงหวาน ขวัญชีวี
มอบมากล่อม ดวงฤดี แสนชื่นใจ

แว่วคำ-รัก- จากสายเสียง เพียงครั้งหนึ่ง    
ยังตราตรึง ฤทัยอยู่ มิรู้หาย 
คนแสนดี ที่งดงาม ทั้งใจกาย
สัมผัสเสียง- ดาวคราวใด สัมผัสรัก

สัมผัสรัก   ติตรากร

 สารภาพ ราบกรอม กับอ้อมอก
 มิผันผก รักมอบ ไร้กรอบกั้น
 เป็นสาระ สิ่งสรร อันสำคัญ 
 ใจเธอนั้น งดงาม ตามเหตุผล

 ทำไงได้ ใจนี้ เป็นที่ตั้ง
 ตกที่นั่ง ประเดิม รักเริ่มต้น
 ก็เพราะรัก มาเจือ แล้วเหลือล้น
 รักเสียจน เกินการ ประมาณไว้

 ไม่เคยพบ ความรู้สึก ล้ำลึกนี้
 จะพอที่ ใครเขา เข้าใจไหม
 มันก่อเกิด ชัดแจ้ง จากแรงใจ
 อยู่ภายใน มโนทัศน์ อัศจรรย์

 เหมือนดวงใจ มั่นคง อยู่ตรงหน้า
 งดงามกว่า เงินทอง และของขวัญ
 รู้คุณค่า งามเฉก เอนกอนันต์
 จึงต้องหมั่น ถนอมไว้ เพราะใจรัก

 อธิบาย ไม่ได้ ในเหตุผล
 รักเหลือล้น ความจริง ยิ่งตระหนัก
 งามวจี งามทรวง ทั้งดวงพักตร์
 จึงหลงรัก แนบทรวง ทั้งดวงใจ

 กับสายเสียง เริงร่า น่ารักยิ่ง
 ที่ผู้หญิง คนหนึ่ง พึงมอบให้
 สัมผัสรัก สัมผัสดาว ในคราวใด
 ก็คือได้ ยินเสียงเพลง บรรเลงมา

เวลาไม่เคยลบความทรงจำ   ทะเลดาว 

 กับอ้อมอก  แสนอบอุ่น ละมุนฝัน
 ไร้กรอบกั้น  วันคืนเก่า พาเราย้อน
 อันสำคัญ  ฉันรักมั่น นิรันดร
 ตามเหตุผล  ชุลีกร วอนรำลึก

 เป็นที่ตั้ง  ปณิธาน ให้สานก่อ
 รักเริ่มต้น  วนเวียนต่อ ความรู้สึก
 แล้วเหลือล้น  จนชัดแจ้ง แหล่งตื้นลึก
 ประมาณไว้  ใต้จิตนึก เจตนา

 ล้ำลึกนี้  ที่แท้คือ คำว่า รัก
 เข้าใจไหม  ได้พบพักตร์ หวงนักหนา
 จากแรงใจ  อธิษฐาน เราสัญญา
 อัศจรรย์  บุญพานพา อีกคราภพ

 อยู่ตรงหน้า  มอบมาลัย แทนใจแล้ว
 และของขวัญ  คือเรือนแก้ว เรือนใจสบ
 เอนกอนันต์  ชะตากานต์ สานสมทบ
 เพราะใจรัก  จักกี่ภพ เฝ้าผูกพัน

 ในเหตุผล  ล้นคุณค่า กว่าประเมิน
 ยิ่งตระหนัก  รักเหลือเกิน นะมิ่งขวัญ
 ทั้งดวงพักตร์  งามชวนพิศ ติดตรึงมาลย์
 ทั้งดวงใจ  แนบผสาน สมานครอง

 น่ารักยิ่ง  ยิ่งน่ารัก ประจักษ์นัย
 พึงมอบให้  หมดทั้งใจ ไม่ปันสอง
 ในคราวใด  ชาติภพใด พึงหมายปอง
 บรรเลงมา  ไขว่คว้าครอง ชั่วกัปกัลป์

ความฝัน ไร้ตัวตน   ทะเลดาว 

ความเอย..ความฝัน
พาใจฉัน ลอยไปไกล ถึงปลายฟ้า
พบดาวหนึ่ง แสงวาววับ งามจับตา
ใจละเมอ  แอบเพ้อหา แต่ครานั้น

วันเดือนเปลี่ยน เวียนหมุนไป ฉุดหยุดอยู่ 
ดาวรับรู้ ถึงความนัย ดวงใจฉัน 
ประทับจิต มิตรภาพ จนผูกพัน 
มทนะ วีนัสกานต์ สานสายใย

เริ่มจากศูนย์ ก็พูนเพิ่ม เติมเต็มร้อย
แม้บางครั้ง ดาวเคลื่อนคล้อย ลอยห่างหาย
ดาวอีกดวง ยังคงห่วง ไม่เสื่อมคลาย
ติดตามข่าว เฝ้าถามไถ่ ด้วยใจรัก

อยู่แห่งใด ในนภา ราตรีนี้
แสนคิดถึง ดาวคนดี จงตระหนัก 
รู้บ้างไหม ใจสี่ห้อง หม่นหมองนัก
กลัวต้องพราก พร้อมหมดสิทธิ์ ถูกริดรอน

เหนื่อยหรือเหงา หรือใจดาว เขาหวั่นไหว
จำได้ไหม หิ่งห้อยไพร หลายเดือนก่อน
เหมือนบอกใบ้ ว่าจากไป พบคู่ซ้อน
คนขวัญอ่อน ยิ่งอ่อนแอ ชะแง้คอย

หากฟากฟ้า ทุกราตรี ไม่มีดาว
เพียงลมหนาว กระทบกาย ใจคงหงอย
คืนสู่ฟ้า ประดับสรวง ห้วงดาวลอย
รู้ใช่ไหม ใครเฝ้าคอย ดาริกา

กี่ร้อยบท มธุรส ที่หวานซึ้ง 
เหมือนถูกตรึง เตือนใจจินต์ ถวิลหา
บันทึกย้ำ ทุกถ้อยคำ จำนรรจา
ต้องมนต์..ตรา มนต์กวี ศรีดวงดาว

หากรู้ว่า ชะตาเรา เขาลิขิต 
จะปกปิด ความคิดไว้ ไม่บอกกล่าว
ไม่เปิดเผย ความใดใด ทุกเรื่องราว
เป็นเพียงเงา ทะเลดาว ไร้ตัวตน

คีตาพจน์ รจนา   ติตรากร 

ดั่งดนตรีบรรเลงมารับหน้าหนาว
วิจิตรราวความประณีตสังคีตศิลป์
ดื่มด่ำใจมิรู้เบื่อเมื่อได้ยิน
สุดถวิลตั้งใจเฝ้าเจ้าของกลอน

วันนี้จะมาบรรเลงบทเพลงไหม
อย่าให้ใครรอจนหลับไปกับหมอน
เตรียมคีตาเครื่องดนตรีปี่พาทย์มอญ
มาอวยพรเพื่อรับขวัญคืนวันเพ็ญ

ดาวดวงนั้นยังฉายแสงแห่งความหวัง
กลัวจันทร์บังส่องไสวมองไม่เห็น
ในคืนหนาวคราวใดหนาวไอเย็น
อยากเปลี่ยนเป็นความอบอุ่นอันคุ้นเคย

ดั่งเครื่องสายดนตรีคีตารส
หวานจนอดใจมิได้ให้เฉลย
จึ่งบรรเลงเพลงมิเบื่อเพื่อชมเชย
รู้ไหมเอ่ยว่าชมใคร ใจดวงนั้น

เขียนเพลงชมคนของใจใต้ฟากฟ้า
รู้ไหมว่าเธอเปี่ยมล้นพรสวรรค์
ดุจนางฟ้าเทพธิดามาพร้อมกัน
แล้วสร้างสรรค์คีตาพจน์รจนา

ดั่งดนตรีบรรเลงมารับหน้าหน้าหนาว
อบอุ่นราวเพลงสวรรค์อันหรรษา
ขอเรียงคำเธอร้อยพจน์จรดปากกา
เพื่อนำมาผูกคล้องรับประดับใจ

ใต้ม่านฟ้า...คีตใจ   ทะเลดาว 

ใจดวงเดียว...เพียงหนึ่งนี้...ทั้งสี่ห้อง
คงจะต้อง...ยอมรับว่า...เจ็บสาหัส
ถูกคำสั่ง...ลงอาญา...สารพัด
ที่บังอาจ...เอื้อมคว้าดาว...จึงร้าวราน 

สิ้นแสงแห่ง...สุรีย์ฉาย...ใจสิ้นหวัง
เกลียดหรือชัง...จึ่งร้างทิ้ง...ทิพย์สถาน
ยั่วคำเย้า...ดาวง้องอน...อ้อนนงคราญ 
อ้อยเป็นชาน...รสหวานสิ้น...ผินหลังจร

วันนี้ขอ...มาบรรเลง...เพลงสุดท้าย
คงไม่มี...ซอสามสาย...ทุ้มนุ่มอ่อน
ไม่มีขิม...ขลุ่ย จะเข้...เห่ยามนอน
เครื่องดนตรี...ปี่พาทย์มอญ...กล่อมกมล

นาฎศิลป์...คงสิ้นแล้ว...แววที่ว่า
คีตาพจน์รจนา...ค่าจึงหม่น
เจิดจรัส...รัศมี...ที่เคยยล
คุ้นนัยสื่อ...นฤมล...จนโน๊ตคีย์ 

ไม่มีเสียง...แว่วกังวาน...ที่หวานซึ้ง
ใต้เมฆม่าน...ผ่านซอ ซึง...ถึงทุกที่
ท่วงทำนอง...ของบทเพลง...แห่งราตรี
ทุกเครื่องสาย...เคยดีดสี...พลิ้วแผ่วเบา

หากได้ยิน...คงดนตรี...คีตรส 
ที่เก็บกด...ดวงใจช้ำ...ยามเงียบเหงา
บรรเลงผ่าน...ม่านน้ำตา...ทะเลดาว
สลายราว...น้ำค้างต้อง...แสงตะวัน

ภาพกระจ่างของนางฟ้า...ที่ว่ารัก
ต่อนี้จัก...ต้องลางเลือน...เหมือนภาพฝัน
ค่อยจางหาย...ไปจากใจ...คล้ายหมอกควัน
ฝังเตือนจิต...นิจนิรันดร์...คือสองเรา

ในเสียงเงียบ   ทะเลดาว 

ปากกา มิพร่อง น้ำหมึก
บันทึก แห่งดาว ร้าว ไห้
สายธาร เซาะฝั่ง พังไป
อักษร เลือนได้ ฉับพลัน

ด้วยรัก ด้วยใช่ หมายวิชา
ทุมเท เหนื่อยล้า เพราะมุ่งมั่น
อ่อนแอ ท้อแท้ เพิ่มทุกวัน
ฝ่าฟัน นานไหม ไฟจะคืน 

พยายาม ทบทวน ไม่เคยข้าม
ทั้งคัดตาม ท่องจำ ไม่เคยฝืน
ได้ ม.ผ คือผล ทนกล้ำกลืน
ปี๔๗ ขมขื่น มิถุนา 

ขนตำรา มาเปิดดู อยู่คนเดียว
แปลความหมาย หลายหลายเที่ยว ทั้งค้นหา
กว่าเข้าใจ ในเหตุผล จนปัญญา
ใช่หรือเปล่า คำกล่าวลา ภาษาเขียน 

ทั้งฤทัย ให้หมดใจใต้อักษร
รู้ตัวว่า วิชาอ่อน ต้องปรับเปลี่ยน
ขีดเส้นใต้ สีแดงไว้ ในบทเรียน
ถ้าไม่ใช่ ต่อให้เพียร เกรดยังกลาย 

เรียนต่อไป วิชาใหม่ ในเสียงเงียบ 
ภาษาเขียน ค่าฤๅเทียบ ความหวามไหว
เสียงกมล สนทนา ภาษาใจ
ใช่เดียวดาย ในเสียงเงียบ ถูกเติมเต็ม

มหาสมุทรในน้ำค้าง   ติตรากร 

ฉันถูกสอนอัตนัยเหมือนไม่ยาก
ฉันต่างหากไม่เข้าใจในคำสอน
ในเสียงเงียบปรารถนาเอื้ออาทร
แม้ซับซ้อนยิ่งกว่าวิชา-เซ็น-

เป็นหนังสือร้อยหน้าสิบห้าเล่ม
เติมจนเต็มภายในไร้ใครเห็น
ต้องสัมผัสไตร่ตรองใช่ซ่อนเร้น
เดินตามเส้นมั่นคงและตรงทาง

เงียบคือดังฟังดูอาจรู้แจ้ง
มิเคยแสร้งแม้ใจต้องไกลห่าง
หากสนิทชิดเชื้ออย่าเจือจาง
แผ้วถางทางวางใจในไมตรี

เป็นน้ำค้างใจกลางมหาสมุทร
คือเป็นจุดสัมผัสรัศมี
มหาสมุทรใจกลางน้ำค้างนี้
คือความดีชนะใจในความรัก

บริบทพจน์ใดแม้ไกลเอื้อม
ส่งจิตเชื่อมเพ่งถึงจึงประจักษ์
ยากคือง่ายละม้ายคล้ายคล้ายนัก
เบาคือหนักเปรียบ-เซ็น-ก็เช่น-เต๋า-

สองสิ่งนั้นนำเปรียบมาเทียบได้
สุขภายในนิยามของความเศร้า
สาเหตุคือความจริงในสิ่งเร้า
ทักเบาเบาแต่รักยิ่งหนักแน่น

มีตัวตนดลใจทำให้กล้า
ยิ่งอ่อนล้าในทรวงยิ่งหวงแหน
เหมือนน้ำค้างกลางใจไม่แร้นแค้น
เป็นปึกแผ่นกว้างกว่ามหาสมุทร.. 

ฉันต้องทำยังไง?    ทะเลดาว 

สวัสดี เวลาเช้า ช่างสดชื่น
คำที่ปลุก ให้เราตื่น จากความฝัน
แล้วเย็นเย็น จะกลับมา บอกว่างั้น
เราก็พลัน เผลอยิ้มรับ กับเครื่องมือ

ถึงจะงง เพราะยังคง ไม่ตื่นดี
แต่รีบคีย์ ตอบกลับไป ในมือถือ
ค่ะสั้นสั้น ใส่รอยยิ้ม พิมพ์กับมือ
ไปไหนหรือ ไม่เห็นบอก ออกงงงง

ครุ่นคิดเดา เอาตามใจ ไปทำงาน
ไปติดต่อ เอกสาร รับและส่ง
จะไปไหน ตามสบาย ไม่พะวง
ขอเพียงตรง ต่อเวลา กลับมาพลัน

เข็มชั่วโมง เข็มนาที ที่เลื่อนไป
นี่คล้อยบ่าย ใกล้เย็นแล้ว นะแก้วขวัญ
ทำสิ่งใด เหนื่อยมากไหม ตอนกลางวัน
ทานอาหาร ทานนมบ้าง หรือยังเลย

เวลาผ่าน ไปถึงเย็น ไม่เห็นกลับ
ตะวันลับ ทิวแมกไม้ เอางัยเอ่ย
จะถามไป ก็ใช่ที่ เพราะไม่เคย
ได้แต่รอ จนล่วงเลย ถึงค่อนคืน

หลับไม่ลง พะวงห่วง ล่วงเวลา
จะกลับมา ตอนเย็นไหง ใยดึกดื่น
ห่วงแสนห่วง ขับรถไกล ตอนกลางคืน
ติดธุระ อยู่ที่อื่น น่าบอกมา

เผลอหลับไป เพียงไม่นาน สื่อสารดัง
ความน้อยใจ เริ่มประดัง มาเรียงหน้า
หลุดถ้อยคำ เหมือนทำร้าย คนเหนื่อยล้า
คำตัดพ้อ ก็ย้อนมา ทำร้ายเรา

บอกเข้าใจ ในสิ่งนี้ ที่เราทำ
ไม่ชี้แจง ในเนื้อความ ให้คลายเขลา
เราคนโง่ เข้าใจยาก ไม่อยากเดา
ผลสรุป ผิดที่เรา เฝ้าห่วงใย

คนมันรัก ทำไงได้ ใจมันรั้น
ตามใจเธอ ก็แล้วกัน พร้อมทำให้
หยุดติดต่อ ขอเบอร์คืน ก็ตามใจ
ทำให้ได้ ถ้าต้องการ ฉันยอมทำ

หมอนนี้..ลายสีฟ้า   ติตรากร

ขอถักทอเส้นไหมรอบชายหมอน
สีฟ้าอ่อนกรุยชายลายบุหงา
ปักดวงดาวเป็นวิวทั่วทิวฟ้า
ให้หลับตาฝันดีต่อนี้ไป

อย่ากังวลแม้เหนื่อยหรือเมื่อยล้า
พักสายตาพร้อมกับยามหลับไหล
ห่มผ้าห่มละมุนอบอุ่นใจ
โอบกอดไว้จนพรุ่งถึงรุ่งเช้า

จะได้รับไออุ่นยามหนุนหมอน
ที่สะท้อนลายปักสลักเสลา
บรรจงคัดขึ้นลายด้วยด้ายเนา
เดินเส้นเงาลายผ้าสีฟ้าคราม

ให้เหมือนกับเส้นสายของลายผ้า
มีดาราเลขคี่วันที่สาม
เดือนมีนาเจิดจ้าสง่างาม
เพื่อติดตามเคียงข้างปรางฤดี

ประดับดาวอักษรากุมภาพันธ์
เลขคู่กันวันที่ยี่สิบสี่
เป็นลายดาวขาวฟ้ายามราตรี
ปักไว้ที่ชายหมอนที่นอนหนุน

มือผู้ชายลายถักปักไม่สวย
แต่เพราะด้วยจริงใจมอบไออุ่น
งานถักร้อยผู้ชายนั้นไม่คุ้น
แต่ละมุนเต็มใจมอบให้เธอ 

แสนอบอุ่น..หนุนหมอนดาว   ทะเลดาว

ดาวเด่นงาม ประดับฟ้า ยามราตรี
ระยิบแสง แห่งความดี มิเว้นว่าง 
ปลอบชีวัน สรรพสิ่ง ซึ่งเคว้งคว้าง
มหาสมุทรในน้ำค้าง... กลางนภา

คนดี...ที่แสนรัก
สองมือปัก ถักร้อยไหม ตามลายผ้า
ประดิษฐ์งาน การเรือนงาม ดั่งเรียนมา
เลือกสีฟ้า ลายบุหงา มากรุยชาย

ปักบุหงา มาให้เห็น เป็นตัวแทน
มวลดอกไม้ ทั่วทั้งแดน แสนสดใส
หอมกลิ่นกรุ่น อบอวลทั่ว ทุกห้องใจ
จากเส้นด้าย ด้วยมือชาย ปักถักทอ

สีสวยงาม วันที่สาม เดือนมีนา
เดินเส้นเงา บนลายผ้า งามจริงหนอ
ยี่สิบสี่ กุมพาพันธ์ ขวัญละออ 
ปักเคียงกัน ดั่งเคล้าคลอ มิยอมไกล

ปักดวงดาว ระวิบไหว ไว้บนหมอน 
เพื่อยามนอน คุยกับดาว ได้ใช่ไหม
ชื่นใจนัก จักแนบแก้ม ทุกคืนไป
จะถามนิด คิดถึงไหม ในก่อนนอน

จะกระซิบ บอกเบาเบา ดาวน่ารัก
กระซิบจาก เสียงดวงใจ ใช่ออดอ้อน
กระซิบเย้า ดาวคนดี ที่แสนงอน
ก่อนหลับตา เพื่อพักผ่อน บนหมอนดาว

ในยามนี้ ไม่มีแล้ว ความเหนื่อยล้า
พร้อมซุกหน้า บนหมอนผ้า ลายฟ้าขาว
ขอบคุณนัก สองมือปัก จากดวงดาว 
อบอุ่นราว ดาวโอบกอด ตลอดคืน 

ทอรักถักดาว   ติตรากร 

มือที่จับปากกาต่างผ้าปัก
ยังคงถักลายรตีด้วยสีขาว
ถักเส้นไหมจากทรวงรูปดวงดาว
ให้สกาวเหลือบลายปลายโคเชร์

ประหนึ่งเป็นเข็มปลายที่คล้ายขอ
เกี่ยวรักรอเส้นไหมมิไฉเฉ
คล้องเป็นลายลูกโซ่ใช่โอ้เอ้
ให้สรวลเสคล้องควงหนึ่งดวงใจ

จรดปากกาต่างปลายเป็นลายถัก
รักแสนรักใส่กรอบมอบมาให้
อาจจะช้าอย่าหน่ายถักสายใจ
ร้อยเส้นไหมวับวาวให้ดาวดวง

เป็นลายดาวยงยืนผืนยาวยาว
ประดับดาวคล้องควงอันห่วงหวง
เหมือนเคยให้ไออุ่นหอมกรุ่นทรวง
ถักลายดวงดาวไว้ใกล้ชิดกัน

แม้มิเคยเย็บจักรหรือถักผ้า
จับปากกาถักร้อยเป็นสร้อยขวัญ
เพราะถักทอจากใจให้เหมือนกัน
ดาวดวงนั้นอย่าหม่น....นะคนดี

คนอ่อนไหว..เก็บใจรอ   ทะเลดาว ยังคงรอ รอ และ รอ เรื่อยไปปปปปปปปปป

อากาศเย็น ยังไม่เท่า ใจหนาวเหน็บ
ต้องจำเก็บ อาการไว้ ใช้เงียบข่ม
สมองหมุน จูนไม่ได้ คล้ายระบม
นี่หนาวลม หรือหนาวใจ ในห้องแอร์

คนอ่อนไหว ไม่อยากไกล แม้เพียงวัน
อยากจะหยุด สุริยัน ทั้งดวงแข
ไม่ให้เคลื่อน ถึงวันพรุ่ง รุ่งเปลี่ยนแปร
กลัวดวงแด ต้องมาร้าง ห่างไกลตา

ชื่นมาทาบ ให้วาบหวิว แค่ฉิวเฉี่ยว
ชั่วเดี๋ยวเดียว ขื่นมาเยือน เหมือนรอท่า
ออกไซด์งาน นานแค่ไหน จะกลับมา
ใจย้ำหา พะวงห่วง ดวงฤทัย

จำต้องจร ขออวยพร การเดินทาง
จงอย่าพบ สิ่งกีดขวาง ทั้งไกลใกล้
งานสำเร็จ ทุกแห่งหน พ้นโพยภัย
เหนื่อยแค่ไหน กำลังใจ ส่งให้กัน

ต้องดูแล ตัวเองนะ อย่าละเลย
งดกาแฟ อย่างที่เคย รับปากนั่น
ทานนมอุ่น ชามะนาว แทนแล้วกัน
อากาศผัน สุขภาพ ต้องห่วงใย

อยู่ทางนี้ ทุกนาที เฝ้ารอคอย
ใจดวงน้อย จะมั่นคง อย่าสงสัย
รอคนดี ที่แสนรัก กลับแนบกาย
มาคู่เรียง เคียงขวัญใจ รีบกลับนะ...นะนะ

พ้อ แต่ไม่ ท้อ   ทะเลดาว

ก็ไม่รู้ ว่าต้องอยู่ ตามลำพัง
กับความหวัง เพียงลมลม หรือเปล่าหนอ
กับความหลัง ที่ฝังใจ ได้แต่รอ
จนต้องพ้อ ความในใจ ไปกระซิบ

ป.ล. ด้วยรักจึงคิดถึง/ด้วยคิดถึงจึงห่วงใย

รอนานสักเพียงไหน รับรู้ไว้ไม่ท้อเลย

พักอิริยา..นะคนดี  ติตรากร  เพียงเธอต้องการฉันพร้อมทำตาม

กับวันว่างอีกคราวเราเคยหา
อ่านตำราเสมอเธอเหนื่อยไหม
ผูกเปลญวนใยฝ้ายใต้ต้นไม้
เพื่อเธอได้นอนเล่นเย็นอารมณ์

ฟังเสียงน้ำกระเซ็นเป็นฟองฝอย
มีปลาน้อยว่ายธารามาผสม
อีกผีเสื้อบินไล้ให้เชยชม
หญ้าแทนพรมผืนเดียวเขียวขจี

จะดูแลเอาใจให้เธอพัก
หลับตาสักนิดหนาอย่าหน่ายหนี
พักสายตาเหนื่อยล้าซักนาที
ฉันคนนี้คอยไกวให้เธอนอน

ลมโชยพริ้วทิวไม้ใบไกวแกว่ง
อย่าโหมแรงทับทั่วตัวอักษร
ขอชโลมเลียบเคียงเพียงใบบอน
โชยเอื่อยอ่อนบางเบาเท่านั้นพอ

ให้กลิ่นหอมมวลผกาของหน้าฝน
บันดาลดลโภคภัยไปไกลหนอ
ให้เธอพักอิริยาอย่ารีรอ
ฉันจะขอเคียงข้างไม่ร้างรา

จนกว่าจะพักตาหายล้าเหนื่อย
ลมพัดเฉื่อยหนาวรุดถึงสุดหล้า
ขอประคองเปลไกวให้นวลตา
พักอากัปกิริยา.....นะคนดี

ดอกหญ้านี้แด่พี่..ด้วยภักดิ์    ทะเลดาว

กับวันว่าง ที่ตั้งใจ รอมานาน
พักการอ่าน ตำราเรียน เพียรขวนขวาย
เหนื่อยมากนะ แต่ไม่ท้อ เพราะแรงใจ
อนาคต ที่ยาวไกล จะไขว่ครอง

พบคนดี ที่แสนรัก ชวนพักผ่อน
ผูกเปลไว้ ไกวกล่อมนอน พักสมอง
ธรรมชาติ ช่วยชะล้าง เหนื่อยที่ครอง
แก้วตาน้อง มีเจ้าชาย ไกวเปลญวน

อบอุ่นนัก ถักถ้อยคำ นำเรียงร้อย
น้องจะคอย สายสร้อยขวัญ ณ.บ้านสวน
ที่แห่งนี้ มีเราสอง คล้องใจชวน
ชี้ชมมวล หมู่ไม้กอ ผลิช่อใบ

สายลมแผ่ว พัดต้องกาย ได้พักผ่อน
งดงามนัก ตัวอักษร ที่พลิ้วไหว
แต่ที่แสน จะงามยิ่ง เหนือสิ่งใด
คือดวงใจ ของเจ้าชาย ไร้ตัวตน

จุดพลัง แห่งเปลวไฟ ให้หวลกลับ
ขอซึมซับ สร้างพลัง อีกสักหน
ชโลมไล้ เพียงเบาบาง ทั้งยินยล
กล่อมกมล ด้วยวลี ที่แสนงาม

เธอเหนื่อยไหม พักสายตา นะคนดี
เฝ้าประคอง ใจดวงนี้ ห่วงใยถาม
จับสายเปล เห่กล่อมไกว ให้ทุกยาม 
ทั่วเขตคาม พบเพียงหนึ่ง ซาบซึ้งนัก

น้องขอเก็บ ดอกหญ้านะ มาฝากพี่
แม้ไม่สวย แต่ล้นปรี่ ด้วยใจภักดิ์
ดอกชมพู ลองพิศดู จะประจักษ์
เห็นถึงรัก ฝากแนบมา หญ้าดอกนี้ 

กล้วยไม้สวนนิตย์ตา   ติตรากร

ชมพู อ่อนเรื่อเหลือง
ที่แย้มเยื้อง ยิ้มยองใย
เรืองรอง งามผ่องใส
สวยพิไล ใฝ่ประพนธ์

สวนสวย ด้วยไม้หอม
และพรั่งพร้อม กลิ่นสุคนธ์
ได้ยิน เหมือนได้ยล
งามเหลือล้น มนต์นิตย์ตา

แลหลัง ยังว่างเปล่า
ก้าวต่อก้าว ทั้งซ้ายขวา
ชำเลือง มองเยื้องมา
หอมนาสา ทิวาวาน

จริงไหม ที่ในสวน
ยังมนต์มวล ชวนตระการ
กลิ่นกรุ่น ละมุนมาลย์
ทั้งดอกก้าน สะอ้านใบ

นิ้วหนึ่ง ชี้บอกว่า
อย่าดื้อน้าาา อย่าว้าไหว
แย้มยิ้ม ยิ่งอิ่มไอ
งามกระไร วิไลนัก

ชมเพลิน งามชมพู
เหมือนพธู ผู้ประจักษ์
เพ่งนิด เพียงพิศพักตร์
ชื่นใจนัก รักเหลือเกิน

ก่อนนอน ขออ้อนนิตย์น๊าาา   ทะเลดาว

ขอ นุญาต จับปากกา มาออดอ้อน
ก่อนเข้านอน ในคืนนี้ มิเฉไฉ
คืนก่อนนั้น พอพลบค่ำ มิร่ำไร
ง่วงมากราย คล้ายไม่รับ- รู้เวลา

ก่อนนอนนะ อยากกระซิบ เสียงเบาเบา
ฝากสายลม มาเคลียเคล้า เย้าหยอกว่า
อยากรู้มั๊ย มีอะไร ฝากให้มา
ถ้าอยากรู้ จงหลับตา นะเจ้าชาย

ต้องรับปาก มาด้วยน๊าา ว่าคืนนี้
จะพบกัน ในฝันที่ มีความหมาย
ไม่รู้ล่ะ ถ้าไม่ตอบ จากหัวใจ
ก็ไม่บอก ว่ามีรัย ปล่อยให้งง

ทานนมยัง นั่งทำงาน นานแล้วนะ
นมอุ่นจ้ะ ทานเพื่อให้ สมองโปร่ง
นมหนึ่งแก้ว แล้วหลับตา ตามตกลง
อีกคำคง จำได้นะ ค่ะ ขอกัน

ก่อนเข้านอน อยากอ้อนออด หยอดคำซึ้ง
ว่าคิดถึง นะเจ้าชาย ในความฝัน
กระซิบบอก ข้างแก้มซ้าย เพราะใกล้กัน 
เหตุผลนั้น คงเข้าใจ มัยต้องซ้าย

มองดูหน้า คนหลับตา น่ารักนัก
ก้มลงฝาก สายลมอุ่น ตรงแก้มใส
เพียงเบาเบา แค่หยอกเย้า เจ้าของใจ
ลืมตาได้ แล้วยิ้มให้ ก่อนไปนอน

ตื่นนอน ขออ้อนนิตย์   ติตรากร

จับปากกามาอ้อนเมื่อตอนตื่น
ด้วยค่ำคืนหลับไปในความฝัน
พอพลบค่ำมิร่ำไรในคืนนั้น
ตื่นนอนพลันตอบกลอนเมื่อตอนสาย

คืนหนึ่งนั้นยินอ้อนจากกลอนนิตย์
เก็บ........ชิดปรางไม่ห่างหาย
เพียงหยอกเย้าฤๅเล่าแก้มเจ้าชาย    ^-^
ดั่งคล้ายคล้ายเคลิ้มไปอยู่ในฝัน

แห่งเจ้าหญิงโสภานิตย์ตานาง
ผู้สอางค์องครักษ์ประจักษ์มั่น
คอยปกป้องแหนหวงดวงชีวัน
มิให้หวั่นมั่นใจในนิทรา

ด้วยพิทักษ์คุ้มภัยไม่รู้สร่าง
นิตย์ตานางหลับสนิทเสน่หา
แม้ยามค่ำค่ำคืนจะตื่นมา
ให้รู้ว่ามีใครอยู่ใกล้นวล

แม้จะเป็นเจ้าชายอยู่ในฝัน
ตัวตนนั้นหัวใจให้ครบถ้วน
หัวใจให้ตรองพิศพินิจครวญ
ชิดปรางนวลด้านซ้ายแก้มนิตย์ตา

เหมือนอุ่นไอเบาเบาเจ้าของฝาก
ส่งมาจากเจ้าหญิงสวนดอกหญ้า
เก็บไออุ่นในฝันอันโสภา
ก่อนลืมตายิ้มชื่น...ตอนตื่นนอน

อ้อนนิตย์ เพราะคิดถึง ทะเลดาว

จับปากกา มากระเซ้า เจ้าของกานท์
คนทำงาน คงตื่นนอน ตอนสายสาย
เขียนมาอ้อน ว่าอย่างอน นะขวัญใจ
เค้าอ้อนแล้ว เลิกงอนได้ มั๊ยจอมซน

ยิ้มเลยอ่ะ คืนนั้นนะ ม่ะได้งอน 
แค่หัวใจ อยากไปอ้อน อิงอีกหน 
อยากหยอกเย้า เจ้าของใจ ของจอมซน
เพื่อกมล ก่อนนิทรา ให้ตราตรึง

งอนที่ไหน ไม่ได้งอน อ้อนต่างหาก
ก็ใจอยาก ฝากจุมพิต เพราะคิดถึง
สัมผัสแค่ แผ่วเบาบาง เพียงครั้งนึง
ตรงแก้มใส เจ้าชายซึ่ง พึงหยอกเย้า

ถ้าทำได้ เสียงหัวใจ สั่งให้ทำ
ทุกคืนค่ำ เลิกงานมา จะคลอเคล้า
ส่งยิ้มพราง ทั้งกระซิบ เพียงเบาเบา
อย่าลืมเงา ลืมอุ่นไอ ฝากไว้นี้

หากหลับตา ลงครั้งใด ให้หวลคิด
จอมซนเค้า หยอกเย้านิตย์ ตรงแก้มนี่
แนบชิดใกล้ เจ้าชายงาม ยามราตรี
ประทับไว้ แก้มซ้ายนี้ อย่าเลือนลา

สัมผัสแผ่ว ที่ได้รับ กลับละมุน
ประทับใจ ในไออุ่น เลยดอกหญ้า
กรุ่นจางจาง อยู่ข้างซ้าย นิตยา
เก็บกลับมา ก่อนหลับฝัน ถึงเจ้าชาย

สิ่งแทนใจ  ติตรากร 

จะเก็บตั๋วเดินทางข้างกระเป๋า
เก็บใจเหงาเอาไว้ใต้ก้นถุง
พเนจรห่างไกลใจกลางกรุง
เพื่อหมายมุ่งมัคคาอันท้าทาย

แบกกระเป๋าเอาไว้เมื่อใจหมอง
เปิดกระป๋องน้ำแช่แก้กระหาย
แม้จะเหนื่อยเมื่อยล้ามามากมาย
จะไม่หน่ายมุ่งมั่นเหมือนวันวาร

กับผมยาวราวบ่าใบหน้ากิ่ว
หนวดเคราคิ้วดกดำคำเล่าขาน
รองเท้าแตะเคยเดินมาเนิ่นนาน
กับอาการบ้าใบ้ถ้าได้เจอ

จะเรียนรู้เรื่อยไปใส่สมอง
เพื่อสนองความรู้อยู่เสมอ
ตั๋วเดินทางเที่ยวมาหาไม่เจอ
เก็บตังค์เก้อซื้อไว้ได้เที่ยวเดียว

ปริญญาใบเก่าเอาใส่เป้
เคยจำเจขึ้นล่องเพราะท่องเที่ยว
แม้ยากไร้ที่พึ่งเพียงหนึ่งเดียว
จะเก็บเกี่ยวมิบ่นกระวนกระวาย

เก็บสิ่งของต้องประสงค์ลงกระเป๋า
สะสมเอาวันรุ่งหวังมุ่งหมาย
จะซื้อตั๋วเก็บไว้ในบั้นปลาย
เพื่อเร่ขายปริญญามาต่อทุน

ก็กระดาษใบนี้ไม่มีค่า
เทียบราคาด้อยไปกว่าใบหุ้น
รองเท้าแตะสึกไปวิจัยฝุ่น
ใครจะอุ่นใจได้ไร้หลักแหล่ง

เป้ปุปะกระเป๋าเอาแบกหลัง
แบกความหวังไปทั่วหัวระแหง
ตั๋วเดินทางเที่ยวมาราคาแพง
กลัวจะแหว่งจนวิ่นเหมือนปริญญา

เปิดกลอนเก่าในกระเป๋าเอามาอ่าน
เปิดตำนานดอกไม้กับใบหญ้า
โอ้...บทกลอนในกระเป๋าเราเอามา
สิ่งล้ำค่าในเป้....ทะเลดาว!!! 

ศูนย์รวม สิ่งแทนใจ  ทะเลดาว

ช่วยเก็บมะ อ่ะช่วยนะ จะได้เร็ว
จะ ขึ้น เหว จะ ลง เขา เช้าวันพรุ่ง
อยากเที่ยวนัก อยากจากไกล กลิ่นไอกรุง
ทิ้งจอมยุ่ง อยู่ข้างหลัง ช่างป่ะรัย

แบกไหวป่ะ กระเป๋าน่ะ ท่าจะหนัก
สุขใจนัก สมมั๊ยล่ะ สมใจไหม
ทุกวันคืน ตื่นขึ้นมา ตั้งท่าไป
คิดได้งัย เรื่องทิ้งเรา เหงาทางนี้

ผมที่ยาว ดูเข้าที มิต้องสน
ก็ชอบคน ผมยาวยาว ราวฮิปปี้
ออกลุยลุย คุยคนเดียว ด้วยยิ่งดี
แต่งเสื้อผ้า มอซอสี เข้าทีมั๊ย

เพราะใฝ่รู้ อยู่เสมอ นะสมอง 
ทั้งใจกาย ต้องสนอง รองรับได้
ตั๋วเดินทาง ยังตกค้าง อีกตั้งใบ
แกล้งลืมไว้ หรือตั้งใจ ไม่หยิบมา

ม่ะเป็นรัย อ่ะใส่ให้ ข้างกระเป๋า
ยิ้มยั่วเย้า เอ้า!!!เก็บไว้ ทีเถิดน่า
ตั๋วใบนี้ รับประกัน ด้านราคา
พร้อมตีตรา ตั๋วต่อตั๋ว ชัวร์มะเธอ

รับไปซะ เก็บรักษา อย่าสงสัย
สั่งจองให้ ทั้งไปกลับ กลัว ลืม เก้อ
ข้างกระเป๋า ใส่ไว้ที่ เดียวกันเธอ
ไม่ต้องเผลอ หาตั๋วไหน ให้หัวหมุน

ปริญญา ค่าทั้งใบ ใยเร่ขาย
ไม่เก็บไว้ เก็งกำไร เหนือใบหุ้น
ขายหมดไป เอาที่ไหน ไว้ต่อทุน
แม้ใบหุ้น จะมีค่า ม่ะสนใจ

แค่กระดาษ เพียงใบเดียว งั้นเชียวหรือ
ฉันขอยื้อ ไม่ซื้อขาย ได้หรือไม่
ปริญญา มีคุณค่า แสนมากมาย
เทียบราคา หามิได้ ในชีวี

เปิดกระเป๋า หาข้าวของ ระหว่างพัก
หากพบกลอน อย่าลืมจัก หยิบมาคลี่
บทกลอนเก่า ถึงน้อยค่า กว่าเคยมี
ของทุกสิ่ง รวมอยู่ที่ ติตรากร

ที่หวัง  ติตรากร 

จะปางไหนไกลแสนแห่งแดนสรวง
ที่พักทรวงดวงใจใครคนหนึ่ง
พักร้อยกรองถ้อยสรรประพันธ์ซึ้ง
เก็บไว้ซึ่งครอบครองห้องหทัย

อยากรู้ว่าแห่งนี้นะที่รัก
คนใจภักดิ์มีสิทธิ์จะคิดไหม
วานเฉลยตอบถ้อยร้อยความนัย
ว่าอยู่ใกล้หรือไกลกับคนดี

แม้ห่างเพียงครอบครองร้อยกรองนิตย์
จะรั้งจิตรั้งกายเพื่อคลายคลี่
จะออดอ้อนทุกวันแต่วันนี้
สมกับที่รอคอยมาเนิ่นนาน

และหากคนกมลหมองยังครองหวัง
จุดพลังร้อยกรองทำนองหวาน
จะดับโศกดับเศร้าอันร้าวราน
ไม่ซมซานซ่านซาอย่างอาวรณ์

จะปลอบใจตัวตนอย่าหม่นนัก
แม้ดวงพักตร์แสนงามจะตามหลอน
จะเจียมตัวเจียมใจไป่อาทร
เพียงออดอ้อนวอนถามความในใจ

เถิดฝากถ้อยบทกลอนมาวอนเว้า
ฝากกลอนเศร้าบททออันคลอไหว
กลอน -ที่หวัง- หากรับประดับไว้
ขอฝากให้เชยชิดห้องนิตย์ตา

เธอคือฉัน ฝันนิตย์ตา  ทะเลดาว 

แต่ปางใด สอนรู้จัก ถักร้อยกานท์
รวมดวงใจ ร่วมประพันธ์ สองคือหนึ่ง
ทุกบทกลอน เก็บเกี่ยวถ้อย ร้อยรำพึง
ไม่เคยเต็ม เพราะซาบซึ้ง ซึ่งตัวตน

เห็นบ้างไหม ในหทัย ห้องนิตย์ตา
มีบ้างมั๊ย อักษรา พาหมองหม่น
พินิจนะ ว่าร้อยนัย ใดปะปน
หรือตัวตน หนึ่งเดียวนี้ ที่ครอบครอง

ถามคำถาม มาใยเล่า เจ้าชายนิตย์
กี่ใบหุ้น ยังไร้สิทธิ์ คิดเกี่ยวข้อง
ปริญญา ว่าไร้ค่า ขอเกี่ยวคล้อง
ยังให้ต้อง เฉลยใด เล่าคนดี

ใต้ก้นถุง ใส่เอาไว้ หัวใจเหงา
บทกลอนเก่า เก็บใส่ไว้ ในเป้นี่
อยู่ใกล้ชิด สนิทแนบ บทกลอนนี้
อย่าเกเร กล่าวจี ให้น้อยใจ

ด้วยเคยห่าง ยังฝังจำ ในความหลัง
ฝันแทบพัง วิมานสร้าง เกือบสลาย
กมลหมอง นองน้ำตา แทบบ้าตาย
ยื้อฉุดรั้ง ใจเจ้าชาย ให้เคียงคืน

รู้เถิดนะ ห้องแห่งนี้ สุดที่รัก
สองใจภักดิ์ รักเราสอง จะครองชื่น
กลอน -ที่หวัง- ยังออดอ้อน นิตย์ตาคืน
ด้วยสุดฝืน มนต์ ตรา ร่าย ด้วยใจรัก

จะเก็บไว้ ภายในห้อง ของกนิษฐ์
หวงดูแล อย่างใกล้ชิด ทั้งกานท์กาพย์
บรรจุไว้ ในทุกห้วง ภวังค์ภักดิ์
เพราะว่ารัก มอบเพียงนิตย์ นี้คนเดียว

เหมือนห้องฝัน   ติตรากร  ภาพประทับใจมากที่สุด ดวงดาวคนเก่ง

ที่มุมหนึ่งห้องกวีเจือสีขาว
เก็บเรื่องราวผูกพันเหมือนคันฉ่อง
สะท้อนความจริงใจในครรลอง
ร่วมทำนองวันวานแต่นานมา

ในความเงียบหน้าต่างรางม่านแก้ว
ถูกลบแล้วเลือนไปโหยไห้หา
เหมือนห้องฝันเคยเยือนลับเลือนตา
ราวกับว่าห้องกวีไม่มีจริง

เคยอ่านกลอนจากใจใครคนหนึ่ง
ระลึกถึงคำวอนจากกลอนหญิง
ในห้องฝันแสนรักเคยพักพิง
ถูกลบทิ้งเปลี่ยนไปไร้ร่องรอย

จะมาต่อกลอนให้ในห้องฝัน
แม้ห้องนั้นหายไป ไม่ท้อถอย
จะตกแต่งห้องนี้ตามที่คอย
แม้จะน้อยใจบ้างก็บางครา

และก็จะตามง้อคนแสนงอน
ด้วยบทกลอนคนที่ไม่มีค่า
บทกลอนคนออดอ้อนงอนง้อมา
จากวาจาแทนตัวแทนหัวใจ

เป็นห้องฝันวันวานผ่านภาพฝัน
วาดภาพนั้นรำพึงกึ่งร้องไห้
มองคมซึ้งแววตาเมื่อคราใด
บันทึกไว้ในห้องฝันของวันวาน 

ห้องฝันแห่งสองเรา ทะเลดาว ระบายห้องฝันนี้ด้วยสีงาช้าง

หนึ่งหัวใจ รักกวี ทั้งสี่ห้อง
เก็บร้อยกรอง รักแสนรัก ร่วมถักถ้อย
หยดน้ำหมึก ที่บันทึก รัก ร้าว คอย
ประดับเคียง คู่ห้องน้อย กนิษฐ์ธิตา

ในความเงียบ ใครเปรียบเทียบ เรื่องเซ็นเต๋า
ทุกย่างก้าว ฝันของดาว ทรงคุณค่า
ใจพิสุทธิ์ ดุจน้ำทิพย์ แห่งเทวา
ติตรากร สะท้อนค่า ซึ่งคนดี

ด้วยยังเยาว์ จึงคาดเดา เหมาตามจิต
อาจพลั้งผิด คิดมากเกิน เหมือนเดินหนี
ทั้งที่ใจ มอบไว้ใน อุ้งมือนี้
วางแนบซี ตรงด้านซ้าย ใกล้อุรา

ใครนะงอน ใครกันง้อ ใครหนอใคร
กานท์เขียนด้วย ดวงหทัย รักเกินกว่า
จะอยู่ได้ เพียงลำพัง แล้วกานดา
จึ่งหมั่นวอน ด้วยภาษา ว่าจริงใจ

ช่วยลดโทษ เบาความโกรธ เมตตาบ้าง
อย่าเหินห่าง ห้องฝันดาว จะร้าวไห้
รักแสนรัก จากหนึ่งหญิง อย่าทิ้งไกล
ฝากอักษร วอนนิตย์ไว้ ในห้องฝัน

ภาพคมสวย วาดด้วยรัก จากดวงใจ
แทนวลี สลักไว้ ว่าคงมั่น
รัก คิดถึง จึงห่วงใย นิจนิรันดร์
ประดับอยู่ คู่ห้องฝัน แห่งรักเรา

 เธอคือฉัน  ติตรากร

 ในมุมหนึ่งกลางสรวงของห้วงฟ้า
 หลับสายตาพร่าหมองมามองหวน
 ริมขอบตาใต้ขนง อนงค์นวล
 เคยหยดมวลอสุชลที่บนปราง

 มิตั้งใจเลยหนอที่ก่อกริ้ว 
ให้เป็นริ้วรอยรองความหมองหมาง
 แก้มใสใสเชยชิดกนิษฐ์นาง
 จงหายห่างอสุชลนะคนดี

 เปลี่ยนเงาจางบัดนี้เป็น -ที่หวัง- 
ภาพภวังค์พล่าพรายเริ่มคลายคลี่
 แห่งห้องกลอนสง่าสวนมวลมาลี
 ล้วนภักดีร้อยกรองของห้องตา

 จุดประกายจากฝันวันฟ้าสวย
 งดงามด้วยบทกวีทุกทีท่า
 ก่อเกิดแรงบันดาลกานท์ลีลา 
 ในแววตาชวนพิศที่นิตย์รัก 

 มีคำกล่าวร้อยถ้อยนับพันหมื่น
 อันดาษดื่นเสกเสลาเกลาสลัก
 หากแต่หนึ่งความหมายให้ทายทัก
 ที่ทอถักหนึ่งถ้อยให้ร้อยกรอง

 แม้ปางใดไกลแสนแห่งแดนสรวง 
 ที่ทั้งปวงทรวงเดียวเคยเกี่ยวข้อง
 เก็บมาให้เธอพิศพินิจครอง
 แห่งเราสองครองสิทธิ์ที่นิตย์รัก

หนึ่งมาลัยคล้องใจดาว   ทะเลดาว

เกี่ยวก้อยนะ ก่อนพักผ่อน นอนหลับฝัน
ขอไมตรี มีให้กัน อย่าหันเห
เมื่อรักแล้ว จึงมอบรัก อย่างทุ่มเท
เมื่อเสียใจ จึ่งโยเย บางเวลา

คนแสนรัก ทำเหมือนจัก อยากเหินห่าง
จึ่งเดียวดาย คล้ายเส้นทาง แยกขวางหน้า
หลงเวียนวน จนท้อเหนื่อย ในวิญญา
หนึ่งกมล ยิ่งช้ำชา นิตย์มาไกล

ในแดนสรวง ล้านดวงดาว แต่เฝ้ารอ
เพียงหนึ่งกานท์ สานถักทอ ที่ฟ้าใส
ดาวอยู่สูง ประดับสรวง เฉิดไฉไล
เลือนจางหาย ดุจสิ้นใย ในรักตา

เอ่ยซ้ำซ้ำ ย้ำด้วยใจ ให้เพียงคน
รักเหลือล้น ดาวกมล นิตย์ล้ำค่า
จึงเขียนกานท์ ฝากเพลงผ่าน วอนเรื่อยมา
รู้เถิดหนา ครองห้องฯตา นิตย์คนเดียว

หากมีวัน สัมพันธ์ดาว จะร้าวไหว
จะขอใช้ หนึ่งหัวใจ ดวงนี้เกี่ยว
แทนมาลัย คล้องใจดาว สานต่อเกลียว
ใช้ทุกเสี้ยว อณูรัก ถักสัมพันธ์

กนิษฐ์ขอ เคียงเพียงนิตย์ ในปางนี้
มอบทุกห้อง ดวงฤดี ทั้งตื่นฝัน
มีสิทธิ์ไหม ห้องใจนิตย์ มอบให้กัน
คือของขวัญ แห่งสองเรา ดาวกวี ที่รักคิดถึงห่วงใยเสมอ

กุหลาบศรีมณีนนท์     ติตรากร 

เมื่ออรุณฉายเฉิดเจิดจรัส
ลมโชยพัดมวลมาลีต่างสีสัน
ยามฟ้ารุ่งทุ่งระวีรพีพรรณ
เคยสานฝันสวนสวยก็ด้วยเรา

ด้วยยามนี้พรายพร่างย่างปลายฝน
ดั่งสายชลโปรยปรายให้คลายเหงา
หยดเป็นหยาดน้ำค้างอันบางเบา
จากรุ่งเช้าชุ่มกมลของคนไกล

แต่ไม่ไกลเกินชมภิรมย์ขวัญ
สวนสานฝันย้อนดูอยู่ใกล้ใกล้
หอมกุหลาบเมืองนนท์ระคนไป
งามที่ได้เชยชิดสถิตย์ตา

สถิตย์ในดวงใจใช่แต่งแต้ม
งามดั่งแก้มปรางพิศกนิษฐา
หอมกุหลาบอาบแย้มแก้มกานดา
พรรณนาด้วยงามทุกยามยล

ยลเมื่อแสงรำไรใสน้ำค้าง
เหมือนต้องปรางแก้มใสในหน้าฝน
เป็นมณีซึ้งซาบกุหลาบนนท์
ที่ต้องมนต์แห่งวสันต์อันพรั่งพรู

พรั่งพรูดุจกุหลาบแก้มอาบเพชร
Roses are red,Violet are blue.
Sugar is sweet,And so are you.
อยากจะรู้ฤๅใดทาบกุหลาบนนท์ !! 

Hundred million light-year...to you   taladow

titrakorn

For a heart. that never give it to who like this.
Always give a good thing to you
Long time past, its make more value
Give only you, who in the heart.

Can you tell me, how can I do next?
Every past of minute is for you really.
its doesnt matter how long it is everythingll ready
Only to know the truth from.

A million light-year or how far it is 
Will miss you not to be tremble, Will hot or cold
How is the heart feel lonely ,I just want you to know
In my heart is only you.

ดาวพระศุกร์    ติตรากร

กลัววันที่ดาวพระศุกร์มารุกล้ำ
มากรายกล้ำเราสองให้หมองศรี
เงาพระศุกร์เลือนลางจางเต็มที
เหมือนใจนี้รักเท่าไหร่เธอไม่ฟัง

จะเปลี่ยนไปทางไหนใจใคร่ถาม
ยิ่งติดตามเรื่อยไปตามใจสั่ง
คงเชื่องช้าผิดจังหวะนี่กระมัง
ที่พลาดพลั้งหายไปเหมือนไม่แคร์

บอกนิดเถอะจะได้ไหมอภัยหน่อย
อย่าใจน้อยจากไปไม่แยแส
ดาวดวงนี้ใจค่อนจะอ่อนแอ
และถึงแม้รู้ใจเธอไม่รัก

ก็จะคอยเรื่อยไปตามใจคิด
แม้ไร้สิทธิ์สมานอาการหนัก
สูญเสียดาวอาลัยแม้ใจรัก
น้อยใจนักเมื่อประจักษ์รักไม่จริง

ดาวพระศุกร์   ทะเลดาว

 ดาวพระศุกร์ คือดาวรัก มิหักเห
คือตัวแทน อย่างทุ่มเท ของดวงจิต
ดาววีนัส คือความรัก อย่างใกล้ชิด
ดาววันเกิด ของมิ่งมิตร อย่าคิดกลัว

เห็นหายห่าง ดังทิ้งร้าง จึงพลั้งพ้อ
เพราะคิดถึง จึงเฝ้ารอ พ้อไปทั่ว
เพราะคำรัก เพียงสั้นสั้น จึงหวั่นกลัว
ว่าหัวใจ คนไกลตัว จะเปลี่ยนไป

เพราะรักแล้ว ก็รักเลย รักและเพิ่ม
รักเปลี่ยนไป ไม่คงเดิม รู้บ้างไหม
ทวีคูณ เพิ่มพูนเกิน อธิบาย
รักมากมาย เมื่อหายไป ใจจึงงอน

ดาวมีเพียง เสียงเดิมย้ำ คำว่ารัก
จงประจักษ์ รักลึกซึ้ง จึงออดอ้อน
พูดไม่หวาน หวั่นเหลือเกิน กลัวดาวจร
จึงขอวอน ดาวพระศุกร์ ผูกพันดาว

ช่วยบอกทีวิธีไหน  ติตรากร@ทะเลดาว 

ช่วยบอกหน่อย นะคนดี วิธีไหน
ที่รู้จัก หักห้ามใจ ไม่คิดถึง
สอนบ้างซี วิธีห้าม ความคะนึง
ลดคิดถึง ลงสักครึ่ง วินาที

ใจแสนดื้อ ยื้อเท่ารัย ไม่ยอมอยู่
ช่วยเป็นครู แนะแนวทาง รั้งใจนี้
วิธีปราม ความคิดถึง ซึ่งมากมี
นะคนดี ช่วยสอนหน่อย จะคอยฟัง

ตั้งเป็นโจทย์คำถามตามที่เขียน
ในห้องเรียนตามครูผู้ที่สอน
อาจารย์คือหัวใจติตรากร
ใช่ออดอ้อนเป็นคำบอกออกจากใจ

เมื่อต่างคนคิดถึงจึงบอกว่า
ใจบัญชาห้ามอย่างรัยก็ไม่ได้
ยิ่งห้ามยิ่งคิดถึงกลางกึ่งใจ
เหมือนที่ใครคนนี้มีให้เธอ

ติตรากร คือครูสอน เรื่องหัวใจ
รู้บ้างไหม ทำให้ใคร ใจเพ้อฝัน
สอนให้รัก ให้คิดถึง ทุกคืนวัน
อยู่ในขั้น เข้าโคม่า แล้วอาจารย์

ขอให้ช่วย กลับเฉลย เอ่ยหลบเลี่ยง
ว่าเป็นเสียง ใจบัญชา อย่าไปค้าน
งั้นต่อไป ใจดวงนี้ ให้อาจารย์
รับผิดชอบ ตลอดกาล จะว่าไง

ครูที่สอนเรื่องหัวใจจำได้ดี
ศิราณีคืออาจารย์ผู้สานฝัน
ติตรากรธรรมดาคนสามัญ
ที่ผูกพันดารารายมาหลายปี

ขอเป็นดาวในดวงใจให้เหมือนเดิม
ดาวที่เพิ่มรักมาเฝ้าจนเข้าที่
รับดูแลใจของเราดาวกวี
นะคนดีจะรับไหมหัวใจดาว 

รับดูแล แต่ให้มา ทั้งหมดไหม
หรือแบ่งไว้ เผื่ออะไร บ้างหรือเปล่า
ให้ดูแล แต่ไม่หมด คงไม่เอา
จะดูแล ทั้งใจดาว หมดทั้งดวง

รับเถิดนะ ข้อเสนอ เธอคนดี
คนสามัญ แบบเธอนี้ ฉันห่วงหวง
ต่างเราต่าง รับดูแล ใจสองดวง
ติตรากร ผู้คล้องบ่วง มัดหัวใจ

ผิวเพลงไผ่@พลิ้วไหวเสียงไผ่ผิว  ติตรากร@ทะเลดาว

      

หอมดอกโมกขจรไกลกว้างไพศาล
และตระการบานในหัวใจเหงา
แว่วเสียงขลุ่ยแผ่วหวานมานานเนา
เพลงขลุ่ยเลาลำไผ่ใต้ชายคา

จับใจความบรรเลงเพลงขลุ่ยผิว
เหมือนรอยริ้วพริ้วไหวของใบหญ้า
และหอมโมกผลินานบานช้าช้า
ในแววตาเจิดจ้าแม้พร่าลอย

นิ้วที่พรมเพลงคล้อยล้วนรอยร่อง
และสอดคล้องเพลงบอกดังดอกสร้อย
บอกความหมายเอาไว้มิใช่น้อย
ให้เพลงลอยล้อลู่สู่ผู้ฟัง

ถึงยามเย็นชายป่าชลาชล
เพลงขลุ่ยยังอึงอลปนความหวัง
ไม่สามารถบรรเลงเพลงภวังค์
คุณต้องฟังเอาเองบทเพลงนั้น

แต่วันนี้ในกมลของคนกล้า
หวั่นเกรงว่าอ่อนเพลียจนเสียขวัญ
เพลงขลุ่ยเคยพริ้วไหวไปด้วยกัน
และรังสรรค์เพลงไว้ในลำเลา

เสียงเพลงซึ่งพริ้มพรายคล้อยบ่ายค่ำ
จวบเย็นย่ำลำพังยังเงียบเหงา
อยากฟังเสียงขลุ่ยบ้างแม้บางเบา
และจะเฝ้ารอฟังอย่างตั้งใจ

      

บทเพลง อันแสนรัก
เรียงร้อยถัก อักษรา ภาษาหวาน
เพื่อย้ำซึ่ง หนึ่งฤทัย ของนงคราญ
ขอขับขาน ผิวเพลงไผ่ ให้ยินยล

อยู่หนใด ขอสายลม พรมพลิ้วฝาก
เพลงขลุ่ยจาก ปลายนิ้วพรม ผ่านทิวสน
ล้อลมแผ่ว กล่อมแก้วตา อย่ากังวล
ขอได้ยล ยินสำเนียง เพียงอยากฟัง

ที่แห่งเดิม เริ่มต้นเพลง บรรเลงแผ่ว
วิมานดิน ยังเจื้อยแจ้ว แว่วความหลัง
ในสายลม พรมเพลงผ่าน ม่านภวังค์
ลืมหรือยัง ทั้งเนื้อร้อง ทำนองเพลง

ชายป่าเขา ในราวสน คนคนนี้
ยังคงพร้อม ทั้งชีวี เพื่อคนเก่ง
จะขับขาน ผ่านผิวไผ่ ให้ฟังเอง
หนึ่งลำเลา พลิ้วฝากเพลง ผ่านห้วงใจ

เสียงหวีดหวิว ทั่วทิวสน ระคนเศร้า
ฤดีเหงา เงาคืนเคียง หาเลี่ยงหาย
หลับเถิดนะ อย่าหม่นหมาง ระคางนัย
แก้วตาขวัญ พรรณราย สายใยจินต์

นอนหนุนตัก คนที่รัก เพื่อพักผ่อน
แล้วฟังเพลง กล่อมยามนอน มิสุดสิ้น
ถึงเบาบาง ยังเพียรขับ ให้จับจินต์
ชั่วฟ้าดินสลาย ลงคงลำนำ

รัตติกาล ม่านสีเทา เข้าเยือนห่ม
ปลายนิ้วพรม บทเพลงพลิ้ว ให้ชื่นฉ่ำ
ผ่านลำเลา เข้าผิวไผ่ สู่ใจงาม
พลิ้วทุกยาม ผิวเพลงไผ่ กล่อมให้นอน

      

หลับตานะคนดี ในทุกที่แห่งความฝัน ฉันเคียงเธอ......

ยิ้มรับความผิดหวัง    ติตรากร 

ยามใดใจร้อนพร่าไม่มาเห็น
จิตนั้นเช่นระอุไอถูกไฟสุม
ร้อนผ่าวดังอัคคีมาชุมนุม
แสนกลัดกลุ้มรุมจิตเพราะพิษครวญ

ความรักนี้อุปมาประหลาดนัก
เหมือนซากปรักกระหน่ำเพราะกำสรวล
สุดชอกช้ำลึกล้นกมลมวล
ในอกล้วนชวนทุรนสุดทนทาน

เมื่อได้เห็นก็พิไลใจเปี่ยมสุข
ไฟที่ลุกพลันดับกลับเป็นหวาน
ดั่งน้ำทิพย์ชโลมใจให้เบิกบาน
ด้วยสายธารหฤหรรษ์อันบรรจง

รู้ทั้งรู้ไร้สิทธิ์จะคิดหวัง
หัวใจยังบรรเจิดเตลิดหลง
ลืมไม่ได้ใจไม่เลือนมิลืมลง
สุดจะปลงการณ์นี้ทวีคูณ
่
บาปใดเอยสุดเอ่ยที่เคยทำ
กลับมานำผลให้ใจเสื่อมสูญ
รักไปแล้วใครจะเอื้อมาเกื้อกูล
ใจอาดูรจะติใครก็ใจเรา

รักหรือหลงอย่างไรใครกำหนด
ควรจารจดเอาไว้ใช่ขลาดเขลา
ระหว่างรักกับหลงจงแยกเอา
เมื่อใจเราเข้าใจยิ้มได้เอง 

รอหน่อยนะ  ทะเลดาว

เธอคนดี ที่แสนรัก อยากบอกว่า
ทุกเวลา คราหายไป ใช่ลืมหลง
ใจยังอยู่ คู่เคียงข้าง อย่างซื่อตรง
อย่าพะวง อย่าใจน้อย นะคนดี 

บางครั้งนะ อยากจะทำ ตามใจคิด
แต่ก็ติด รับผิดชอบ ในหน้าที่
อนาคต กฎบังคับ ของชีวี
หาทิ้งได้ ใช่หลีกลี้ มิอยากมา

ความคิดถึง ซึ่งมีให้ รับไว้นะ
อย่าลืมล่ะ เรื่องดูแล และรักษา
หมั่นถนอม สุขภาพ ของกายา
หากอ่อนล้า ขอหลับตา สักนาที 

จะเชื่อมโยง ด้วยสายใย สายสัมพันธ์
ติดต่อกัน เธอกับฉัน ในฝันนี่
กำลังใจ ไออุ่นรัก ที่มากมี
จะเพิ่มพูน ทบทวี มอบส่งมา 

ห่วงแสนห่วง ดวงฤทัย ยามไกลห่าง
คงอ้างว้าง ว้าเหว่ใจ ใช่ไหมหนา
ฉันจะรีบ กลับมารับ- ขวัญชีวา
จะกลับมา อ้อนสบตา ณ.ที่เดิม

รอคอยนะ อย่าลืมล่ะ ว่ามีใคร
มอบรักให้ หมดทั้งใจ ทวีเพิ่ม
เพียงเธอฉัน ไม่หวาดหวั่น หมั่นต่อเติม
ใจสองดวง รักคงเดิม คือสองเรา

คำเดียว     ติตรากร 

ใจหนอใจของใครใคร่รับฝาก 
ดั่งจรจากใจเจ้าไปเข้าฝัน
เหมือนประหนึ่งจิตใจไปหากัน 
เพียงสั้นสั้นติดตรึงถึงวันนี้

ไปพบกันได้ไงนะไกลลิบ
เพียงมาเย้ากระซิบก็ริบหรี่                                                  
ตื่นตระหนกก็ไปในทันที
เหมือนจะมีพบได้แค่ในฝัน

ใจจะลอยไปถึงคนึงเห
ลมทะเลพัดไปไม่แปรผัน
จากชายหาดรำพึงถึงพระจันทร์
ดูลักลั่นชอบกลนะคนเรา

ยามมาใกล้จิตใจก็ไหวหวั่น
ยามไกลกันไม่พ้นบ่นว่าเหงา
มองในน้ำก็เห็นเป็นเพียงเงา
จะคว้าเอาก็สลายในสายธาร

แหงนมองฟ้าร่ำไห้คว้าไม่ถึง
มองลงบึงคว้ากึกนึกว่าหวาน
ได้แต่เพียงมือเปล่าเข้าตำนาน
เหมือนป่วยการจนใจไร้ไมตรี

รักเหมือนเงาเราหนียิ่งรี่ชิด
ครั้นตามติดเงาตนกลับร่นหนี
ตาหนอตามืดมนแล้วหนนี้
บอดทันทีเพียงตระหนักรู้จักรัก 

รักเพียงใด   ทะเลดาว

นั่งอยู่ตรง ที่เดิมเดิม ในห้องนอน
เปิดบทกลอน ย้อนอดีต ที่ขีดเขียน
แรงบันดาล ฉันคงจำ ย้ำวนเวียน
ใจจึงเพียร เพราะอยากใกล้ ชายหนึ่งคน

ใจหนึ่งใจ ไปสนิท ชิดเคียงข้าง
ใจหนึ่งใจ ไม่รู้บ้าง ช่างไม่สน
ไม่เป็นรัย แค่ได้ใกล้ แค่ได้ยล
ชื่นกมล คนแอบเพ้อ ละเมอหา

แอบรักดาว เฝ้าคอยเป็น กำลังใจ
เค้าสุขกาย ชื่นฤทัย ปรารถนา
ชื่นชมเค้า เราเพียงดาว พลัดหลงมา
รอเมตตา ใจดวงนั้น ที่ฉันรัก

ลิขิตฟ้า ปราณีเรา เข้าถึงเธอ
ยิ้มเสนอ เข้าทักทาย ให้ประจักษ์
บอกกันนิด มีสิทธิ์มั๊ย อยากรู้นัก
ดวงใจหนึ่ง ซึ่งแอบรัก มาตั้งนาน

ไปพบเค้า ได้ยังไง ตั้งปลายฟ้า
อยู่ห่างกัน ดั่งซ้ายขวา มาสมาน
ดาริกา มาดลใจ ให้พบพาน
ให้เธอเอื้อ อาทรฉัน ตามบัญชา

รู้ตัวว่า รักมอบใคร ใจจึงหวง
ภักดิ์ทั้งดวง กมลมาลย์ มั่นนักหนา
ซึ้งบ้างมั๊ย หรือไม่ซึ้ง จึงห่างลา
หรือว่าใจ ไม่รู้ว่า รักเพียงใด

ตราไว้ในใจฉัน   ติตรากร 

ชม้อยตามามองแอบจ้องฟ้า
เมื่อหลับตาใจเกิดเตลิดวุ่น
ไม่อยากบอกออกไปให้เคืองขุ่น
จึงแอบลุ้นแก้เก้อเสมอมา

คนอะไรงามจับใจอยู่ในฝัน
เพียงแรกวันพบเจอก็เลอค่า
ยังแอบสบบรรจบหลบออกมา
และหันหน้าแกล้งไก๋เหมือนไม่มอง

แต่จนแล้วจนเล่าก็เฝ้าคิด
อยากตามติดกายใจไปปกป้อง
เพียงพบเห็นหัวใจให้ลำพอง
แต่งร้อยกรองลำนำมารำพึง

ไม่อยากจะบรรยายไปกว่านี้
เดี๋ยวเสียทีเป็นชายใจไม่ถึง
ได้แต่บอกออกไปใจคำนึง
เอื้อมไม่ถึงดวงดาวแล้วคราวนี้

เขียนเป็นกลอนฝากไว้ให้ดีกว่า
เพราะเผื่อว่าเธอได้มาที่นี่
และบังเอิญพบเจอเธอพอดี
จะได้มีความเข้าใจให้แก่กัน

จำได้ไหมกุหลาบแดงที่แต่งแต้ม
งามแรกแย้มมอบไปกับใจฉัน
อยู่ท้ายชื่อแสนงามนามเธอนั้น
ฉันสร้างฝันให้ไว้ในมือเธอ

แล้วจะบอกอีกครั้งเธอฟังนะ
ว่าเราจะเคียงข้างกันเสมอ
ทุกครั้งที่เข้ามาจะเจอะเจอ
ภาพของเธอและฉันทุกวันไป 

คนขี้อาย ท้าทายฉัน   ทะเลดาว 

น่ารักนัก อยากทักทาย ใจแอบเก้อ
ทำฉันเพ้อ ละเมอหลง ส่งใจหา
กลางค่ำคืน ยืนแอบมอง ดูท้องฟ้า
แอบเรียกชื่อ ชื่อรัยน๊าาา ติตรากร

คนอะไร งามเหลือเกิน ประเมินได้
สบแววตา พาหวั่นไหว เกินถ่ายถอน
มธุรส บทประพันธ์ ทำใจคลอน
ถ้อยอักษร อ้อนฤทัย ละลายทรวง

เพียงพบกัน วันแรกเห็น เด่นสง่า
หลงวาจา รู้มั๊ยว่า ใจแอบหวง
อยากเก็บไว้ ประดับมาลย์ หวั่นเธอท้วง
จนเลยล่วง ห้วงฤทัย ยังใฝ่ฝัน

แอบชมชื่น ทั้งตื่นหลับ นับนาที
รักมากมาย ชายคนนี้ หนอใจฉัน
เมื่อพบหน้า ก็แกล้งไก๋ แต่ใจหวั่น
กลัวเธออ่าน ทันดวงใจ อายจริงจริง

ถามเบาเบา เป่ามนต์ตรา น่ะตอนไหน
เธอสะกด จนหวามไหว ใจหนึ่งหญิง
มนต์ที่ใช้ บทใดหนา อยากรู้จริง
หลอมใจหญิง ทะเลดาว เฝ้าคะนึง

 แน่ะ!!!เป็นชาย กลับขี้อาย แกล้งไก๋หลบ
มาแอบสบ แววตาใคร ใจไม่ถึง
 แบบนี้ไม่ เสียทีเปล่า ดั่งรำพึง
เพราะเข้าถึง ตรึงจนมั่น ฉันคนนี้

เหมือนหยอกล้อ พออยากพบ ก็หลบเลี่ยง
พอมองเมียง มารอเคียง ก็เบี่ยงหนี
เหมือนท้าทาย ว่ากล้ามั๊ย ล่ะคนดี
คอยดูซี ถ้ายิ่งหนี จะยิ่งตาม   

แสนรัก  ติตรากร 

ดุจชวาลเรืองรองของแดนสรวง
เกี่ยวกิ่งดวงดาริกาหาใดเหมือน
ประณีตล้ำค่าล้นชวนยลเยือน
เพียงเสี้ยวเดือนยังจางเมื่อห่างดาว

บรรจงร้อยแทนถ้อยสร้อยระย้า
แขวนไว้ที่ห้วงฟ้าของหน้าหนาว
จุดประทีปเกี่ยวย้อยสร้อยแสงดาว
อันแวววาวประภัสรัตติกาล

หมู่มวลแห่งดวงดาวก็พราวทั่ว
ที่เคยมัวก็รื่นรมย์ผสมผสาน
อยากเก็บภาพดาวไว้ให้นานนาน
ไม่อยากผ่านคืนดาววับวาวนี้

จึงต้องส่งสายตามากระชับ
ร้อยประดับประดิพัทธ์รัศมี
จะเรียงดาวทั้งปวงห้วงราตรี
เป็นดวงใจคนดีที่แสนรัก

ดาวหนึ่งดวงคือหนึ่งคำใช่พร่ำเพื่อ
จากฟ้าเหนือมาใต้ได้ตระหนัก
ขอบฟ้ากว้างสุดไกลมากมายนัก
คือคำรักดาวแดนนับแสนคำ

มองดูที่ขอบฟ้าเวลานี้
ดาวกวียังคงตื่นทุกคืนค่ำ
และกระซิบคอยยื่นคืนละคำ
เป็นลำนำมาแทนว่า..แสนรัก.. 

ฝากหอห้อง น้องแสนรัก  ทะเลดาว

รักแสนรัก รักเกินถ้อย ร้อยเรียงกล่าว
เปรียบทั้งห้วง สรวงสกาว พร่างพราวฟ้า
ที่ว่ากว้าง ยังมิถึง ครึ่งกานดา
รักพี่ยา รักเพียงหนึ่ง พึงรับรู้

ได้มาพบ ประสบแล้ว แก้วนิมิต
ผ่องโสภิต จิตงามล้ำ ค่าเลิศหรู
ขอสถิตย์ อย่าคิดร้าง ห่างโฉมตรู
ฝากสายใจ มิ่งพธู คู่กายา

หากเธอเป็น เช่นวารี นทีใส
อธิษฐาน ขอเคียงใกล้ เป็นมัจฉา
หากเธอเป็น เช่นไม้ใหญ่ ในพนา
ขอฉันเป็น เช่นดอกหญ้า อาศัยเงา

หากเธอไกล ถึงปลายฟ้า กาแลคซี่
เธอคือสร้อย แสงระพี คลายเหน็บหนาว
ทอแสงอ่อน โอบละมุน ยามรุ่งเช้า
เธอคือเจ้า แห่งดวงใจ ใคร่เอ่ยคำ

ในยามนี้ เธอคนดี อยู่ที่ไหน
เหงารู้ไหม ใจเพรียกหา คราคืนค่ำ
รัตติกาล ดั่งม่านมา ทาสีดำ
เฝ้าครวญคร่ำ รำพันถ้อย มาร้อยกรอง

เหนือจรดใต้ ให้รู้ไว้ ใจแสนรัก
อยากพบนัก สลักไว้ ในหอห้อง
น้ำตาซึม ลืมใช่ไหม สิ้นใฝ่ปอง
พี่ฟังนะ ว่าใจน้อง รักแสนรัก 

หรือใจ..ไม่รับรู้    ติตรากร

หนึ่งคำขานคำหวานเหมือนสานฝัน
แสนตื้นตันคำไขไร้ขวากหนาม
ต่อลำนำถ้อยพจน์อันงดงาม
อาจลุกลามเชิงเปรียบความเงียบเหงา

จะคำไหนใครเขาหรือเราหลง
ให้งุนงงสงสัยใครว่าเขลา
อยู่ที่จะทำอะไรตามใจเรา
สุขหรือเศร้าเมาใจไม่ได้ความ

คล้ายตาบอดตาใสไร้ไม้เท้า
แต่จ้ำอ้าวก้าวไปไม่ไถ่ถาม
จะหกล้มก้มหน้าพยายาม
จะเดินข้ามก้าวไปไม่ได้ยิน

จะคลำหาคำหวานมาผ่านหู
ไม่รับรู้ใครริมาติฉิน
ดมอะไรเข้าไปไม่ได้กลิ่น
รสที่ลิ้นเหือดหายมลายเขว

สัมผัสต้องผิวกายไม่รู้สึก
ความคิดนึกทั่วถ้วนเคยสรวลเส
กลับเป็นนิ่งเฉื่อยชาพารวนเร
กลายเป็นเหเข้าพงสงสารจัง

เพราะเหตุนี้อย่าพะวงหรือสงสัย
ว่าทำไมหัวใจไร้แบบผัง
หากมีสองต้องฤดีก็จีรัง
แต่จะพังทันทีเมื่อมีเกิน

บ่มความเย็นชามาให้ทำมัยกัน  ทะเลดาว 

คงไม่มี คำใดใด จากใจฉัน  
จะเสกสรร พรรณา มาเอื้อนเอ่ย
รัก คิดถึง หวง ห่วงใย ใครละเลย
เติมเฉยเมย มอบเย็นชา ให้อารมณ์

ไม่ส่งข่าว ทั้งไร้เงา เหงาสุดฝืน
ทนกล้ำกลืน ความปวดร้าว เข้าเยือนห่ม
เวลาผ่าน รูปภาพหนึ่ง ซึ่งเคยชม
ย้ำให้ตรม บ่มรอยช้ำ ความปรวนแปร 

ฉันจะต้อง ทำเช่นไร ใจอ่อนล้า
คงจบสิ้น ปรารถนา เป็นแน่แท้
ทิ้งฉันไว้ แสนทุกข์ใจ ไม่เหลียวแล
ผลตอบแทน รักแน่วแน่ แผลฉกรรจ์ 

เคยเฝ้าง้อ กล่าวขอโทษ โกรธฉันไหม
ให้อภัย อย่าทิ้งไป ได้มั๊ยนั่น
ถึงวันนี้ มีคำพ้อ ขอรำพัน
หัวใจฉัน มันยับเยิน เกินทานทน

จะต้องเป็น ไปเช่นนี้ นานไหมหนอ
ปลอบตัวเอง อย่าเพิ่งท้อ หรือหมองหม่น
ฝืนระกำ น้ำตานอง หมองกมล
เพียงเพื่อคน ที่แสนรัก ไม่จากลา

ยิ่งนานวัน เหมือนลมผ่าน ไม่สัมผัส
เริ่มบ่งชัด ถึงเหตุการณ์ วันข้างหน้า 
บทลงทัณฑ์  แสนร้าวราน ผลาญชีวา
ยอมทำตาม คำบัญชา ของอารมณ์ 

เคยขอร้อง เรื่องสื่อสาร ฉันทำแล้ว
ไม่เห็นจะ มีวี่แวว ความสุขสม
ปล่อยฉันให้ อยู่เดียวดาย ใจระทม
เหมือนเธอบ่ม ความเย็นชา มาให้กัน

อยู่แห่งไหน ต่อนี้ไป ไม่ถามถึง
รับรู้ไว้ ใจดวงหนึ่ง ซึ่งร่วมฝัน
นาทีนี้ เหลือเพียงใจ ไร้วิญญาณ
ที่ต่อต้าน เสียงร่ำร้อง ของกายใจ 

ฝันที่สร้าง พังทลาย ใจมันท้อ
ความชินชา รวมตัวก่อ รุกลามใหญ่
ความปวดร้าว  เข้าโถมรุม สุมทรวงใน
จนหัวใจ มันกระด้าง ดั่งเลือดเย็น!!! 

ชีวิตก็แบบนี้ นะที่รัก   ติตรากร 

กายโทรมทรุดกับหมอนสะอื้นอ้อน
ลืมตานอนแต่ใจเหมือนใกล้ดับ
เหม่อมองลอยแท้ใจไม่รู้รับ
คล้ายคล้ายกับชีวินจวนสิ้นลม

ในส่วนลึกไม่รู้สึกไม่รู้สา
แบกชะตาเขาอื่นจนขื่นขม
ชีวิตเพียงพลาดหยุดสะดุดล้ม
ดังติดหล่มจมทับจะอับปาง

แต่แล้วมองทางไหนใจยิ้มร่า
เห็นท้องฟ้าเมฆบังยังสว่าง
หลับตาพริ้มกริ่มใจไม่รู้จาง
ทุกหนทางล้วนมิตรจิตอารี

ดูที่ใจใสแจ๋วเหมือนแก้วรัตน์ 
ความสงัดสงบใจไปทุกที่ 
แม้ยามนอนหลับฝันพลันเปรมปรีด์ 
นอนฝันดียามตื่นยังยืนฝัน

โศกก็โศกสุดใจไปสุดขั้ว
ชะตามัวตามแต่จะแปรผัน
สุขก็สุขเกินตัวทั่วหน้ากัน
คืนและวันเปลี่ยนไปไร้แน่นอน

ชีวิตก็แบบนี้....นะที่รัก
ไม่มีหลักการใดใครใคร่สอน
ถ้าพร้อมจะแบกรับความซับซ้อน
นั้นแน่นอนเธอแบกใจ..ใครทั้งดวง! 

ชั่วฟ้าดินสลาย  ทะเลดาว

เหนื่อยอ่อนใจ เกิดอะไร กับความรัก
เกลียวสลัก แนบแน่นคลาย ใกล้สิ้นเยื่อ
ใจนะใจ มอบให้ไป ไม่หลงเหลือ
เก็บไว้เผื่อ ตัวเองบ้าง ช่างกระไร

เหมือนเราอยู่ เพียงลำพัง อ้างว้างนัก
คนบอกรัก จะรักมั่น ไม่หวั่นไหว
มาวันนี้ มิมีแล้ว สัญญาใด
ที่บอกรัก ก็จากไป ไม่เหลียวมอง

กายซบหมอน นอนสะอื้น สุดกลืนกล้ำ
มีหยาดน้ำ เอ่อรินไหล เมื่อใจหมอง
ถึงหลับตา หาได้หลับ กลับร่ำร้อง
สองนัยน์นอง ใจร้องไห้ หลับไม่ลง

ในส่วนลึก รู้ว่าช้ำ ทำไฉน
ยิ่งหวาดไหว ใยเททุ่ม เหมือนลุ่มหลง
ยังคิดถึง ใจจึงเฝ้า เพ้อ พะวง
ตัวเราคง ถูกลิขิต ชีวิตไว้

รับความเศร้า คราวมีรัก ต้องหักลา
รับความช้ำ- ชอกชีวา จนหมองไหม้
เกิดมาเพื่อ ต้องเจ็บช้ำ ระกำใน
และไม่ใช่ เกิดเพื่อให้ ถูกใครรัก

คนที่ช้ำ ก็ช้ำไป ไม่แปรฝัน
คนที่บอก รักผูกพัน พลันจรจาก
สลายไป คือใจคน ที่มอบรัก
ซากปรัก เรือนรักร้าง อยู่กลางใจ 

ชั่วฟ้าดินสลาย.............สัญญาใจคนไหนบอก 
รักแล้วไม่ลวงหลอก...........คนที่บอกอยู่ที่ไหน
ก็ฟ้ายังฟ้าอยู่.........................ดินก็ดูไม่เป็นรัย
แล้วรัก ก็จากไป........................ที่สลาย คือใจคน

ชั่วฟ้าดินสลาย จะไม่รักใครสักคนนนนนนนนน

นกสีเทากับเมฆสีขาว   ติตรากร 

นกสีเทาบินร่อนเหมือนอ่อนล้า                  
แม้ฟากฟ้ากว้างไกลไร้แรงผิน                    
หมดกำลังเคยโล้แม้โผบิน                          
เหมือนจะสิ้นแรงล้าความท้าทาย
               
นกเจ้าเอยงดงามความเป็นนก                  
หวาดวิตกในภวังค์ยังมิหาย                      
นกตัวหนึ่งคล้อยหลังยังมิคลาย                
เหมือนเดียวดายเหว่ว้าผวาลอย               

เมฆสีขาวใยยองบนท้องฟ้า                      
จะบินฝ่าฝุ่นละอองของฟองฝอย               
แม้ปีก ล้ายังถวิลจะบินคอย                      
คิดถึงถ้อยคำหนึ่งจึงโผบิน                        

ให้เป็นความศรัทธาเมื่อฟ้าสาง                 
และกระจ่างภักดีมิมีสิ้น                            
กลางสมุทรฟ้าอำไพไกลแผ่นดิน                
ก็ถวิลเรื่อยไปไม่มีจาง                               

เมื่อบินเดี่ยวอ้างว้างกลางเมฆขาว             
แม้ปวดร้าวมิเคยบอกใจออกห่าง               
ยังคงมั่นบินวนทุกหนทาง                         
แม้เหนื่อยบ้างลำเค็ญไม่เป็นไร                 

นกสีเทาบินร่อนเหมือนก่อนนั้น                
ตราบจนวันใจสิ้นบินไม่ไหว                      
ร่อนถลาโผผินและบินไป                          
ทางแสนไกลยังห่วงหาตั้งตาคอย   

ปีกฝัน ปีกโศก   ทะเลดาว

สายสร้อยฝน โปรยหยาดหล่น โดนร่างน้อย
ที่เหิรลอย ล่องเมฆา ใต้ฟ้ากว้าง
สกุณา ล้าอ่อนแรง เหมือนหลงทาง
จำจากรัง เคยเพียรสร้าง แล้วพังภินท์

สองปีกกาง พยุงรั้ง ทั้งกายใจ
เหิรฝ่าภัย ไร้กำลัง ด้วยหวังสิ้น
นภากว้าง ดูเวิ้งว้าง ยังโผบิน
ละทิ้งถิ่น แม้ถวิล ฝืนบินจร

ฝ่าสายฝน ที่ร่วงหล่น อย่างชอกช้ำ
ยามเย็นค่ำ ก็ร่ำไห้ ใจล้าอ่อน
จับกิ่งไม้ หลบซุกกาย ไร้รังนอน 
คิดถึงคอน ที่จากมา แสนอาดูร

ป่านฉะนี้ คงมีคู่ อยู่เคียงข้าง
คงสร้างรัง รักใหม่แทน แสนอบอุ่น
คิดยิ่งช้ำ ระกำหนัก รักสิ้นสูญ
ปีกละมุน เคยกอดกล่อม มิยอมไกล

รัตติกาล ค่ำคืนเหงา ร้าวชีวา
พายุโหม โถมซัดซ่า มิขาดสาย
หนาวเหลือเกิน ต้องเผชิญ ภัยเดียวดาย
เหลียวทางไหน ให้หวาดกลัว ซุกตัวงัน

จะผ่านคืน ที่โหดร้าย ได้ไหมนก
หวาดวิตก สะทกท้อ พ้อสวรรค์
นกตัวนี้ มีหนึ่งใจ ใยจาบัลย์
ริดปีกฝัน ติดปีกโศก ให้โบกบิน

คนดีสุดที่รัก ขอเรียกคำคำนี้จากดวงใจเดียร์

ใจจึงรัก    ติตรากร 

รับรู้ใจงดงามอร่ามนัก
จึงตระหนักใจจินต์ถวิลหา
นานแค่ไหนความจำยังนำพา 
หยุดเวลาเอาไว้เพียงใจนึก 

หยุดโลกไว้เบื้องหน้าอย่าท้อถอย
แล้วค่อยค่อยเติมตามความรู้สึก 
ความผูกพันต่อกันอันล้ำลึก 
คือบันทึกแห่งใจใช่สมมุติ

แม้จะเดินตามทางอย่างช้าช้า
แต่ทว่าเดินไปไม่สิ้นสุด
บางครั้งกาลเวลามาเยื้อยุด
มิสะดุดใจเน้นยิ่งเด่นชัด

อยู่ในกึ่งกลางใจใช่ไกลห่าง
แต่อยู่ข้างเคียงเธอมือสัมผัส
เปรียบอักษรเรียงกันทุกบรรทัด
ล้วนแต่คัดจากใจอย่างใกล้ชิด

มอบดวงใจให้เธออย่าเผลอปล่อย
มือน้อยน้อยประคองสองดวงจิต 
เพราะคนึงถึงกันวันละนิด
นั่นคือจิตฉันวางอยู่ข้างเคียง

ดูแลนะคนดีนี่ใจเรา 
เต้นเบาเบาชิดใกล้ได้ยินเสียง
สัมผัสแสนถนอมเต้นพร้อมเพรียง  
เธอลองเอียงฟังดูจะรู้จริง

ใจจึงภักดิ์ รักเพียงเธอ    ทะเลดาว

ถ้าถามฉัน ตั้งแต่วัน ฉันพบเธอ
ใยเสนอ เพ้อพะวง เหมือนหลงใหล
ชายคนอื่น มีดาษดื่น ตั้งมากมาย
แล้วทำไม ไม่สนใจ ใครสักคน

เพราะอะไร ใยมาสน เธอคนนี้
มาทักทาย มอบไมตรี ไหนเหตุผล       
หาคำตอบ ตอบไม่ได้ ใจอับจน  
รู้เพียงหล่น ตกหลุมกานท์ วันภาษาฯ

อยากรู้จัก จึงทักทาย แบบใกล้ชิด
ยังแอบคิด วาดฝันไว้ ภายภาคหน้า
ถ้าเธอยอม พร้อมเป็นมิตร บุญคงพา
วาสนา ลิขิตคล้อง คงต้องกัน

ฟ้าบันดาล สองเธอฉัน เขียนกานท์ฝาก
สองดวงใจ ต่างให้รัก ร่วมสานฝัน
ซาบซึ้งนัก เธอมอบรัก เป็นรางวัล
ดุจของขวัญ แสนล้ำเกิน ประเมินค่า

นานเพียงใด สัญญาใจ ไม่เลือนร้าง
มอบฤทัย ไว้เคียงข้าง ทั้งห่วงหา
กึ่งกลางทรวง ดวงมาลย์นี้ มีพี่ยา
ขอย้ำว่า เพียงคนเดียว เกี่ยวมัดใจ

มอบดวงใจ ให้ไปแล้ว แก้วขวัญจิต
ดูแลนะ วันละนิด ช่วยชิดใกล้
เต้นเบาเบา เรารักกัน มิเสื่อมคลาย
ได้ยินมั๊ย ใจสองเรา เค้าสัญญา

หมอกหนาว....กับดาวเรือง  ติตรากร รักมากมายจังอ่ะค่ะ ^-^

หนึ่งหยดฝนกระจายในสายหมอก
แท้ไปหยอกน้ำค้างกลางลมหนาว
ดูซิดู สายฝนอันโยงยาว
แต้มกลีบดาวเรืองละไมไหวลู่ลม

ลมวันนี้หวิวไหวปลายน้ำค้าง
โชยชะล้างความหมองเคยร้องห่ม
ดาวเรืองนะสดใสใช่ลั่นทม
กลีบเหลืองส้มแบบบางกลางกิ่งใบ

บรรจงอุ้มกระถางวางบนตัก
รักแสนรักแนบข้างรู้บ้างไหม
รู้หรือเปล่าดาวที่เห็นเป็นของใคร
ปลูกเอาไว้ไม่ห่างเคียงข้างกัน

เหมือนทะเลดาวเรืองเหลืองอร่าม
ที่งดงามหวามไหวสายวสันต์
ยามน้ำค้างจับต้องละอองจันทร์
ดาวดวงนั้นพิสุทธิ์สะดุดใจ

ถามดาวอันเป็นที่รัก...สักเล็กน้อย
ว่าหิ่งห้อยตัวนั้น....ฉันใช่ไหม
แสงกระพริบน้อยนิดอยู่ทิศใด
ถนอมไว้อย่าให้หม่นนะคนดี

คืนนี้เดือนสว่างท่ามกลางหมอก
ทะเลดอกดาวเรืองเหลืองสดศรี
แสงหิ่งห้อยกระจิ๊ดตัวนิดนี้
จะพอที่ให้ดาวเด่นเห็นไหมหนอ..... 

ดาวกระจายใต้ลมหนาว   ทะเลดาว

สายลมพลิ้ว พัดทักทาย ทั่วทั้งสวน
ดั่งชักชวน มวลดอกไม้ ล้อใบเล่น
ตะวันหลบ หลังเมฆา ฟ้ายามเย็น
คงตื่นเต้น เปลี่ยนฤดู สู่เหมันต์

สิ้นปลายฝน ต้นลมหนาว ดอกดาวเรือง
ชูช่อเหลือง ข้างเฟื่องฟ้า อวดสีสัน
พวงชมพู เลื้อยอยู่ข้าง ไม่ห่างกัน
สวยสดใส ไม้ต่างพันธุ์ จรรโลงใจ

แสงระพี ลับลาแล้ว นะแก้วขวัญ
แสงแห่งจันทร์ พลันกระจ่าง สว่างใส
สีเหลืองนวล ละออตา กว่าสิ่งใด
เหลืองแห่งดอก ดาวกระจาย ไม่เทียบเคียง

กลีบเหลืองส้ม อมความเศร้า หรือเปล่าหนอ
เพียงลมหนาว เย้าหยอกล้อ ก็หลบเลี่ยง
บอบบางเกิน จะชูช่อ ขอเป็นเพียง
ดาวบนดิน รอคู่เคียง หิ่งห้อยไพร

เหลืองอร่าม ใต้ความงาม แห่งจันทรา
เหมือนทะเล- ดาวหมดค่า หมดความหมาย
รักจากศูนย์ เพิ่มพูนดั่ง ดาวกระจาย
แตกกิ่งกอ ช่อรักให้ หิ่งห้อยชม

พลิ้วพัดเอื่อย สัมผัสแผ่ว ผ่านบางเบา
เหมือนสายลม พรมความเหงา เคล้าขื่นขม
ดาวดวงใจ อยู่ที่ไหน ร้างให้ตรม
กลับมาห่ม ด้วยรักบ้าง ดาวยังคอย

คนดีเธอคงเข้าใจ   ติตรากร 

คนดี..... 

ทุกนาทีผ่านเลยเคยเหงาไหม           
ทุกวันคล้อยผ่านมามองหาใคร         
ทุกคืนไยซึมเศร้าร้าวรำพึง                

อย่าเหงา........                                
เรามีเราใจเชื่อมเอื้อมไปถึง              
เราต่างต้องใจกันอันลึกซึ้ง               
เราคือหนึ่งของกันฉันรอคอย            

เพียงเรา.......                                 
รักและเข้าใจพลันกับบ่อยบ่อย        
รักมาเยือนเติมใจมิใช่น้อย             
รักจะค่อยผูกพันฉันสัญญา             

เข้าใจ........                                   
เธออยู่ในสายใยใฝ่ใจหา               
เธอคือผู้แต้มฝันอันโสภา               
เธอจะมาเติมใจให้พอดี                 

ให้ไว้........                                    
แทนน้ำใจแทนรัก ณ ที่นี่                
แทนวาจาจงรักและภักดี                
แทนชีวีมอบไว้ให้แด่เธอ                 

คนดี........                                   
คือเธอนี้อยู่ในใจเสมอ                  
คือหนึ่งในใจบรรจบที่พบเจอ         
คือให้เธอยึดมั่นฉันรักจริง 

รักนะ   ทะเลดาว

คนดี ที่แสนรัก 
คิดถึงนัก อยากให้รู้
เหินห่าง หมางพธู
ใจโฉมตรู แทบวางวาย

เอ่ยคำ จำนรรจา
ที่ผ่านมา ว่าเหงาไหม
ก่อนนี้ มีประปราย
พลันจางหาย ได้พบกัน

แสงดาว พราวไสว
มอบอุ่นไอ ให้กับฉัน
ซึ้งซาบ ตราบนิรันดร์
รักเหมือนฝัน ฉันรอคอย

เธอจ๋า เมตตานะ
อย่าปล่อยปละ ใจจะหงอย
ดวงดาว เค้าใจน้อย
ดูแลหน่อย นะคนดี

มอบรัก สักนิดหนึ่ง
เติมใจซึ่ง แสนริบหรี่
ร้อยล้าน แสงแห่งปี
มอบชีวี เพียงแด่เธอ

รักนะ รักนะรัก
ล้านคำ ฝากรักเสมอ
รักล้น กมลเพ้อ
รักเพียงเธอ ติตรากร

รู้วาง จึงว่าง   ติตรากร 

ในความว่างทุกทางกลางความว่าง
ยังอยู่ห่างเกินวันอันว่างเปล่า
ของที่ว่างบางครั้งเพียงร่างเงา
อยู่ที่เราจิตว่างใช่จางจาง

บางทีใสมองไปได้ปลอดโปร่ง
ยังถูกโยงเข้าไปในความว่าง
ใจที่แท้อย่างน้อยให้ปล่อยวาง
อย่าไปขวางปลายทางความว่างเกิน

แม้บางครั้งว่างบ้างไม่ว่างบ้าง
มองรอบข้างเราด้วยอย่าขวยเขิน
เมื่อแสงทองส่องกลางขอบทางเดิน
อาจเผชิญความว่างอยู่กลางทาง

เมื่อพบพานความว่างเจอบ้างแล้ว
ดุจเห็นแก้วสว่างส่องทางว่าง
จะหยิบฉวยลอยลอยหรือปล่อยวาง
นั้นไม่ห่างเกินครองอย่าล่องลอย

เมื่อใจกว้างร่างกายก็กลายบ้าง
ใจจึงว่างอยู่ไปไม่ท้อถอย
กำอะไรจับจองก็ลองปล่อย
ใจจะค่อยผ่อนคลายให้กลายว่าง

เพียงหลับตาก็ว่างเป็นอย่างยิ่ง
จงละทิ้งอามิษในจิตบ้าง
เมื่อใจนิ่งประสบได้พบทาง
คือปล่อยวางจิตว่างอย่างนิรันดร์

ไม่รู้วาง จึงยังรัก    ทะเลดาว

ครั้ง อยู่ในวัยแรกรุ่นเมื่อพบ รัก
รัก แทบจักลืมไม่ได้ในความ หลัง
หลัง พบเธอใจเพ้อพร่ำเพียงลำ พัง
พัง เพราะรั้งห้ามหัวใจยังไม่ เป็น

เป็น ที่ฉันสำคัญผิดไปหรือ นี่
นี่ หัวใจไม่รักดีจึงซ่อน เร้น
เร้น หลบหายคล้ายคล้ายจักหักใจ เป็น
เป็น ความรักที่ถูกเบนหรือตั้ง ใจ

ใจ ดวงนี้มีเพียงเธอที่ได้ ครอง
ครอง หัวใจทั้งสี่ห้องรู้หรือ ไม่
ไม่ รักตอบฉันจึงช้ำระกำ ใน
ใน หัวใจมีเงาใครไม่ลืม เลย

เลย มาถึงวันที่เรายังเฝ้า รัก
รัก เธอมากสุดห้ามใจให้เมิน เฉย
เฉย ชาเย็นทำไม่เป็นไม่คุ้น เคย
เคย แต่รักแล้วรักเลยรักด้วย ใจ

ใจ ก็รู้ทำอย่างไรไม่มี หวัง
หวัง ลมลมขมขื่นยังเฝ้าฝัน ใฝ่
ใฝ่ รักเดียวมาเกี่ยวคล้องไม่เกี่ยว ใคร
ใคร ล่ะใครคนไหนล่ะจะรัก เดียร์

สองรักแห่งวารวัย   ติตรากร  ครั้งที่เท่ารัยจำไม่ได้ที่อ่านบทนี้ต้องมีน้ำตา

ประคองกัน เมื่อถึงวัย ใกล้เหนื่อยล้า
เหมือนกับว่า ประคองใจ ให้ถึงฝั่ง
ผ่านเรื่องราว อันซึ้งซาบ ภาพภวังค์
จนกระทั่ง บันทึกใน ใจเรื่อยมา

จากก้าวย่าง อันเร็วรี่ ในชีวิต
ถูกลิขิต ธรรมชาติ วาสนา
ผ่านขั้นตอน ตามโฉลก โชคชะตา
วัยชรา จึงอบอุ่น ละมุนนัก

นั่งอยู่เคียง และอยู่เพียง เสียงสงบ
อาจเคยพบ บทสรุป อุปสรรค
ไม่ช้านาน ณ แห่งนี้ ที่พิงพัก
จะเปี่ยมรัก เหมือนร่มโพธิ์ อันโสภา

มุมหนึ่งนั้น ยังคงอยู่ เหมือนคู่สร้าง
แม้ปล่อยวาง บางสิ่งเคียง เพียงเดียงสา
การอยู่ร่วม ข้างกายใจ วัยชรา
เพราะรู้ค่า แห่งวารวัย จากใจเรา

จะอยู่เพื่อ คอยลูกหลาน ตระการฝัน
ตราบคืนวัน มาบรรจบ ลบความเหงา
ห้อมล้อมด้วย ผู้เยาว์วัย ให้บรรเทา
มาเคลียเคล้า รอบรอบข้าง อย่างยินดี

ที่ม้านั่ง มุมหนึ่งนั้น ฉันจำได้
คู่เคียงใจ วัยชรา มาที่นี่
ประคองกัน อย่างมั่นคง นั่งตรงนี้
มองทุกที มีทุกครา น้ำตาซึม 

ปรารถนา แม้คราเดียว  ทะเลดาว

มองท้องฟ้า ยามราตรี มีจันทร์ฉาย
แต่เหตุใด ฉันหนาวไหว ทั้งดวงจิต
ความร้าวรอน เริ่มสั่นคลอน ในความคิด
ฉันหมดสิทธิ์ จะครอบครอง ห้องหทัย

ต้องร้องไห้ ซบใบหน้า ลงกับหมอน
ปล่อยน้ำตา ที่ซุกซ่อน ให้รินไหล
แอบเก็บกั้น เสียงสะอื้น ความขื่นใจ
เจ็บเพียงไหน ปกปิดไว้ เพียงลำพัง

ความห่างไกล เริ่มมาเยือน เหมือนครั้งเก่า
ใจหมองเศร้า คราวคิดถึง ซึ่งความหลัง
เธอไม่ได้ มอบรักให้ ฉันจริงจัง
เธอแค่พลั้ง เผลอใจบ้าง บางเวลา

รักเริ่มต้น จนวันนี้ มีแต่รัก
แล้วใยจาก หรือตัวฉัน มันไร้ค่า
แสนเหน็บหนาว สุดร้าวไหว ในวิญญา
ทรมา ดวงหทัย ไม่เว้นคืน

โอ้!!!เวลา ของหัวใจ ใยเหลือน้อย
ใยไม่คอย อยู่ปลอบขวัญ ฉันยามตื่น
ต้องหลับไหล อย่างเดียวดาย ตลอดคืน
หลับไปพร้อม เสียงสะอื้น และน้ำตา

วิมานฝัน แห่งวารวัน ฉันเคียงเธอ
เสียงหยอกเย้า มีเสมอ อยู่พร้อมหน้า
จูงมือกัน หันมายิ้ม ชื่นชีวา
กี่หมื่นวัน นั้นเพิ่มค่า รักมากมาย

มองย้อนหลัง ม้านั่งเล่น ยังเช่นเก่า
ภาพสองเรา ยังเอนอิง พิงซบไหล่
อยากมองเห็น ภาพชรา คราวารวัย
แต่ทำมัย มีน้ำตา มาบดบัง

ดูแลสุขภาพน๊าาา คนดี   ติตรากร   

ในยามนี้โรคภัยใกล้ระบาด
จนเราอาจใกล้ชิดไปติดได้
แม้ต้นเหตุดินแดนอยู่แสนไกล
อย่าไว้ใจเผลอพลั้งระวังตัว

ออกกำลังกายบ้างระหว่างนี้
อย่าให้มีร้าวรวดหรือปวดหัว
หลีกให้ห่างที่สลัวและมัวซัว
แต่อย่ากลัวเกินไปจนใจคลอน

สุขภาพทั่วไปใส่ใจนะ
อย่าลดละตระหนักการพักผ่อน
ห่มผ้าห่มหนาหนาเวลานอน
ไข้หน้าร้อนปีนี้มีเภทภัย

เพราะห่วงใยคนดีที่อยู่ห่าง
พะวงบ้างบางวันใจหวั่นไหว
แม้จะรู้อยู่ข้างระหว่างใจ
ยังห่วงใยถึงเธอเสมอมา

สำหรับฉันสบายดีไม่มีไข้
แต่หัวใจร่ำร้องต้องรักษา
แอบกระซิบจากทรวงทวงสัญญา
กระซิบว่าทำไมหายไปนาน

สุขภาพเป็นไปอย่างไรหนอ
อย่าย่อท้อจงสุขสนุกสนาน
เป็นคู่ขวัญดาวกวีที่เบิกบาน
ขอร้อยกานท์คุ้มภัยให้คนดี

ใกล้แค่นี้ กล้ามั๊ย!!!   ทะเลดาว   

ใครกันใคร ไหนบอกรู้ ว่าอยู่ข้าง 
แล้วไฉน ว่าไกลห่าง อีกล่ะหนา
คนแสนดี ที่แสนงอน ออดอ้อนมา
หวั่นไหวนะ แม้จะรู้ อยู่ข้างใจ

อบอุ่นจัง เมื่อได้ฟัง ว่ายังห่วง
เหมือนกระเซ้า ดาวอีกดวง ห่วงบ้างไหม
ขอกระซิบ เบาเบาว่า ผ้าห่มกาย
ดาวดวงนี้ มาห่มให้ รู้ไหมเธอ

เสียงใครหนอ พ้อกระซิบ มาจากทรวง
ได้ยินคำ ย้ำเย้าทวง สัญญาเหรอ     ^-^
มองดูใหม่ เห็นบ้างไหม กลางใจเธอ
ใครเคียงอยู่ คู่เสมอ มิเผลอไกล

ใจเอ๋ยใจ รู้บ้างไหม ใครคิดถึง
ส่งความซึ้ง ผ่านดวงดาว พราวไสว
สุขภาพ ดูแลด้วย คนของใจ
ลืมไม่ได้ ทานนมด้วย นะคนดี

อยู่ตรงหน้า แล้วนะคะ คนแสนงอน
จะกระเซ้า เย้าออดอ้อน อีกมั๊ยนี่
กล้ามั๊ยกล้า มากระซิบ ใกล้ใกล้ซี
กลัวคนดี จะไม่กล้า ว้า!!! ขี้อาย จังเนอะว่ามะ

อยากหยุดเอาไว้ที่โลกสวย    ติตรากร

มองท้องฟ้าหมู่ดารากาแลคซี่     
ในช่วงที่เริงร่าคุ้งฟ้ากว้าง   
ดูเหมือนแสงแห่งเราจะเบาบาง     
แต่ไม่ห่างจากกันฉันกับเธอ      

ฟ้ายังห่มใจพรางที่ข้างหมอน          
และสะท้อนความในใจให้เสมอ       
อบอุ่นนักในวันคล้ายฯที่ได้เจอ         
คงไม่เพ้อเชือนแชอยู่แดเดียว          

ดาวสงบหยุดเอาไว้ใต้โลกสวย           
และหยุดด้วยรักแสนอันแน่นเหนียว    
รอคอยดาวระยับนานนับเชียว           
ใจดวงเดียวกับหนึ่งฟ้าลดาริน             

ฟังดนตรีคลอเคียงเหมือนเสียงทิพย์        
พรางกระซิบฝากไว้ใจถวิล     
เพลงแห่งดาวผ่านกานท์วิมานดิน
เหมือนเพลงพิณบรรเลงเป็นเพลงดาว     

ไม่ต่างกันจากใจรู้ไหมเอ่ย            
เพลงที่เคยชื่นชมคราลมหนาว      
อยากหยุดโลกยิ่งนักอีกซักคราว    
ฟังเรื่องราวของฟ้ากับราตรี       
     
วิงวอนว่าดาวดวงนี้อย่าหนีหาย       
มองที่ปลายขอบฟ้าจักราศรี            
ถิ่นที่อยู่ดวงกมลคนแสนดี               
โลกใบนี้ขอหยุดไว้ใต้แสงดาว

คืนเหงาเหงา    ทะเลดาว

ก่อนจะนอน ในคืนนี้ นั่งคิดถึง
ดาวดวงหนึ่ง ซึ่งสวยใส ไม่เป็นสอง
ระวิบไหว ทอประกาย แสงเงินทอง
ดั่งมณี ทิพย์เรืองรอง แห่งท้องฟ้า

ยลยามใด ให้สดชื่น ทุกคืนค่ำ
ดาวประจำ ดวงกมล คนไร้ค่า
ดาวความหวัง ช่วยสร้างรัก สร้างศรัทธา
สร้างพลัง ทุกทิวา ราตรีกาล

แม้คืนนี้ แสงแห่งดาว จะเบาบาง
คุ้งฟ้ากว้าง จึงเหมือนห่าง และเหหัน
เชื่อมั่นดาว ไม่แชเชือน เลือนสัมพันธ์
สองดวงดาว เรารักกัน จะหวั่นใด

เปิดผ้าม่าน แล้วมองผ่าน บานกระจก
นึกอยากเห็น ดวงดาวตก จากฟ้าใส
อ่านพบมา ถ้าเห็นดาว ตกคราวใด 
อธิษฐาน ขอพรได้ ใช่ไหมดาว

ถ้าเป็นจริง มีสิ่งเดียว เดียร์อยากขอ
For get me not เท่านั้นพอ เพราะใจเหงา
กลัวกมล คนช่างฝัน ลืมเรื่องราว
แห่งสองเรา ดาวกวี ที่ร่วมสร้าง

กราบขอบคุณ ไออุ่นรัก จากอ้อมกอด
ที่ถ่ายทอด ส่งถึงใจ คลายหม่นหมาง
สายลมหนาว พราวละออง ของหมอกจาง
หลับตายัง สัมผัสได้ ไออุ่นรักจากใจเธอ

ฝนแฝด  ติตรากร  อยากไปดูแลอยู่ข้างข้างจัง   

ยังอยู่ในกลางวันวสันต์สาด
เพราะประมาทสุดรั้งเพียงพลั้งเผลอ
แม้ใส่หมวกนิรภัยเหมือนใส่เก้อ
เพราะเจอะเจอฝนกระหน่ำคอยซ้ำซัด

ออกสำรวจโครงงานสะพานสร้าง
ฝนยิ่งพร่างพรูวิ่งยิ่งอึดอัด
เหมือนพายุแกล้งรื้อกระพือพัด
โหมตระหวัดหนักใจในไซด์งาน

ตัวก็เปื้อนเหงื่อไคลเต็มไปหมด
น้ำฝนรดเครื่องมือการสื่อสาร
เสียงฝนฟ้ากลางแจ้งจะแกล้งพาล
นานเท่านานโถมทับนับสัปดาห์

เหนื่อยจวนเจียนโทรมกายคล้ายจะป่วย
หัวใจด้วยเหนื่อยใจจวนใกล้บ้า
แต่สติคืนมาอย่างช้าช้า
เป็นการท้าฝนแฝดท้าแดดลม

ตราบเมฆยังบังสุรีย์เป็นสีเทา
อยู่ใต้เงาฝนแฝดคอยแดดร่ม
สะดุดขาผันผกเคยหกล้ม
โลกกลมกลมใบนี้ยังมีเรา

กลับมาบ้านวันนี้....ยิ่งรักบ้าน
แดดจัดจ้านอ่อนล้าท้าแดดเผา
ฝนจะตกฟ้าจะร้องต้องแสงเงา
ถามเบาเบาแล้วคนดีอยู่ที่ไหน

รักนะ แล้วเธอล่ะ รักมั๊ย ?    ทะเลดาว  

ก็ทั้งรัก ทั้งเป็นห่วง ดวงกมล
คนทั้งคน ไม่สบาย ใยนิ่งเฉย
ร่างกายนะ จะฝืนได้ ไฉนเลย
ใช่อ่อนแอ อย่างที่เอ่ย ที่ไหนกัน

ขอให้หาย ไวไวนะ คนแสนดี
ทุกนาที กำลังใจ มอบคงมั่น
สองดวงใจ จับมือไป ด้วยผูกพัน
ร่วมทางฝัน สัญญานะ จะมีเรา

ถามฉันว่า แล้วคนดี อยู่ที่ไหน
ถามกลับไป ใจเธอมี ฉันหรือเปล่า
ส่วนใจฉัน นั้นมีเธอ เป็นดั่งเงา
ทุกค่ำเช้า เป็นเงาใจ ไม่เคยห่าง

อธิบาย ยังไงดี ใจนี้รัก
ตั้งแต่ครั้ง แรกรู้จัก จนเคียงข้าง
ไม่มีนะ วันหมดรัก หรือจืดจาง
รักทุกอย่าง ที่เป็นเธอ เสมอมา

อยากให้เธอ คนแสนดี นี้เข้าใจ
อยู่แห่งใด รักส่งให้ ทั่วทั้งหล้า
เมื่อก่อนเคย เอ่ยทักทาย ที่ปลายฟ้า
ถึงวันนี้ ยังมองหา คราค่ำเยือน

ร้อน ฝน หนาว ดาวจะลับ ดับกี่หน
ดวงกมล คนคนนี้ พร้อมเอ่ยเอื้อน
รักคนดี ทั้งชีวิต ไม่บิดเบือน
แล้วเธอล่ะ รักฉันเหมือน ฉันรักไหม ???

คิดถึงมากมายนะคนแสนดี // พักผ่อนมากๆๆน๊าาาา รักมากนะรู้มั๊ยอ่ะคะ ^-^

บันทึกมา คราเยือนใต้   ติตรากร 

ใครนะช่างสร้างช่างสรร
คิดโน่นนั่นประกอบรอบขอบฟ้า    
มีโขดหินเกลียวคลื่นน่าตื่นตา
สามร้อยหกสิบองศาน่าตื่นใจ

วาดสายลมสัมผัสได้ให้มองเห็น
เป็นความเย็นต้องตามความหวามไหว
พัดพาความเศร้าสร้อยล่องลอยไป
พัดพาความห่วงใยกลับคืนมา

วาดเส้นสายเสียงดนตรีเป็นคีย์โน้ต
วางบาร์โค้ดลอยเด่นเส้นทั้งห้า
ประกอบด้วยกุญแจซอล อมรฟ้า
ให้เมฆาเริงเล่นเต้นระบำ

มีมวลดาวฟ้าฟากเป็นฉากหลัง
มีเวียงวังปั้นหยาพาดื่มด่ำ
ให้ผู้คนแดนไกลได้จดจำ
ในย่ำค่ำเมืองใต้ที่ไปยล

แม้ภาคกลางปลายฝนกลายต้นหนาว
ที่นั่นพราวยังพรมด้วยลมฝน
เมืองฝนแปดแดดสี่หนีไม่พ้น
หายลมฝนสักคราจะมาเยือน

ชวนคนดีรื่นรมณ์ชมเมืองใต้
บันทึกไว้ให้เธอเสมอเสมือน
จดบันทึกอักษราอย่าลืมเลือน
เก็บไว้เตือนวันเวลา...มาอ่านกลอน

คือหัวใจ ให้คนดี   ทะเลดาว

เดือนตุลา เสาร์ที่เก้า มีโอกาส
ได้ไปเที่ยว ที่ชายหาด แสนร่มรื่น
หนีภาวะ แรงกดดัน อันขมขื่น
ที่โถมครืน กระแทกซ้ำ ย้ำเรื่อยมา

บรรยากาศ ริมชายหาด ของชะอำ
มีฝนพรำ น้ำทะเล ถูกซัดซ่า
มองไกลไกล เห็นจรด ปลายฟากฟ้า
ใกล้เข้ามา ยังเห็นฟ้า โอบผืนทราย

มองปลายฟ้า ของอีกฟาก จากตรงนี้
หวนคิดถึง คนแสนดี อยู่ที่ไหน
ทุกข์หรือสุข ไม่แลเห็น ความเป็นไป
ไม่เอาไหน อีกแล้วใจ อ่อนไหวจัง

คิดทำมัย ถึงคิดไป ใจยิ่งเหงา
บนผืนทราย มีไม้เก่า อยู่ข้างข้าง
หยิบมาวาด รูปดวงดาว ดูสวยจัง
ลองอีกครั้ง ตั้งใจเขียน ด้วยหัวใจ

รัก คำแรก ติ คำสอง ตรา คำสาม
เขียนทุกถ้อย ร้อยทุกคำ ด้วยความหมาย
รักติตรา จึงปรากฎ บนผืนทราย
คลื่นทะเล เหมือนรู้ใจ ไม่ซัดราน

ไม่เคยหมด ความคิดถึง ที่มีให้  
เก็บเปลือกหอย เรียงด้วยใจ ใช่เพ้อฝัน 
อยากให้รู้ รักชื่อนี้ ชั่วนิรันดร์
เป็นบันทึก แห่งวารวัน ฉันถึงเธอ

      

ฝากรักเอาไว้ฝากไปในแสงดวงดาว 
ที่ส่องประกายวับวาววาวอยู่บนฟากฟ้า   
ให้แสงสุกใสได้เป็นเสมือนดวงตา 
คอยส่องมองเธอด้วยแววตาแห่งความภักดี   
เก็บฟ้ามาสานถักทอด้วยรักละมุน 
คอยห่มให้เธอได้อบอุ่น ก่อนนอนคืนนี้   
ให้เสียงใบไม้ ขับกล่อมเป็นเสียงดนตรี 
คอยกล่อมให้เธอฝันดีดี ให้เธอเคลิ้มไป  
   เป็นวิมานอยู่บนดิน    
ให้เธอได้พักพิงพิง และนอนหลับไหล   
เก็บดาว เก็บเดือนมาร้อยมาลัย 
เก็บหยาดน้ำค้างกลางไพร  
มาคล้องใจเราไว้รวมกัน  
ก่อนฟ้าจะสาง ก่อนจันทร์จะร้างแรมไกล 
ยังอยู่กับเธอข้างเคียงกาย อยู่ในความฝัน 
ฝากเสียงกระซิบ ฝากไปในสายลมผ่าน 
ข้ามขอบราตรีที่ยาวนาน ให้เธอฝันดี.....
ให้เธอได้อบอุ่นอยู่ในวิมาน..... 

      				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟทะเลดาว
Lovings  ทะเลดาว เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟทะเลดาว
Lovings  ทะเลดาว เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟทะเลดาว
Lovings  ทะเลดาว เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงทะเลดาว