26 กุมภาพันธ์ 2552 10:13 น.

“โกนผมไฟ”

นาคะพรรณ

ใบกะเพราเคล้ากับปูนแล้วมูนท้อง
เมื่อเจ้าร้องเสียงลั่นขวัญผวา
เนื้อตัวสั่นพรั่นพรึงมือตึงชา
นัยน์ดวงตาเว้าวอนดูอ่อนแรง

ในขณะละวางทุกอย่างเงียบ
ท้องฟ้าเรียบดาวหลับคืนอับแสง
ท่ามดึกดื่นใครพักผ่อนเพราะอ่อนแรง
แต่มีแสงหนึ่งสว่างอยู่กลางใจ

ปลุกปู่ย่าตายายขึ้นรายล้อม
นั่งเห่กล่อมร้องรับสดับไข
เพียงไม่นานบ้านอื่นจุดฟืนไฟ
เสียงทวดไล่ฟาดตีขับผีมาร

หยิบทัพพีมีพริกข้าวขึ้นกล่าวบอก
อย่ามาหยอกหลอกหลงจงสงสาร
ช่วยฟูมฟักรักษาดูอาการ
ให้ลูกหลานเลี้ยงง่ายหายหวาดกลัว

ก็พลันอิงนิ่งสงบลงซบไหล่
จึงปิดไฟใกล้ทิวาฟ้าสลัว
เห็นรอยยิ้มพรั่งพร้อมห้อมล้อมตัว
ความมืดมัวมากมายก็หายพลัน

หนึ่งเดือนแล้วแก้วตาใต้ผ้าอ้อม
เฝ้าถนอมเห่กล่อมเจ้าจอมขวัญ
ผ่านเวลาฟ้าล่วงห้วงตะวัน
อาบพระจันทร์ดารามหานที

จนอรุณฤกษ์งามตามยถา
ถึงเวลางดงามตามวิถี
ใบบัวบานพานกรรไกรในพิธี
เป็นวันดีศรีสุขสมโกนผมไฟ

กรรไกรขริบปลายผมสายลมพริ้ว
เป็นรอยริ้วรกรากฟากฟ้าใส
ทั้งพ่อแม่ปู่ย่าแลตายาย
เวียนกรรไกรเล็มเคียงจนเกลี้ยงเกลา

ยินย่าบอกหยิบใบแคที่แช่น้ำ
พอชุ่มฉ่ำชโลมทั่วพอกหัวเจ้า
ในใจคิดจิตฉันหวาดเกินคาดเดา
ด้วยความเขลาจึงถามไปจนได้ความ

ครั้งฉันเกิดลืมตาเมื่อครานั้น
ก็ร้องลั่นขวัญผวาประดาถาม
คำผู้เฒ่าน้อมนำให้ทำตาม
จึงงอกงามเป็นดอกดินบนถิ่นทอง

ไปท่องโลกมายาตัณหาสวะ
อิสระว่างเปล่าดายไร้เจ้าของ
กลิ่นกะเพราเคล้าปูนที่มูนท้อง
ยังกู่ก้องร้องท้าทายเมื่อภัยพาล

ให้ติดดินกินง่ายไม่หน่ายท้อ
จงเกิดก่อทอใบแคแผ่ไพศาล
ให้ผีสางจางไปไร้รังควาน
จิตวิญญาณแห่งสำนึก...ผลึกนัย




บางอย่างผมไม่รู้ว่ามันถูกหรือผิด ใช่หรือไม่ใช่
ในขณะที่เราเติบโตมาจากดิน แต่ในเวลาเดียวกันสิ่งใหม่ก็เกิดขึ้นมา
ขอบคุณครับ

นาคะพรรณ 
๒๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๒
ภาพโดย อาคม นาคะ				
6 กุมภาพันธ์ 2552 17:14 น.

“สัมผัสแรกแห่งรัก”

นาคะพรรณ

มากกว่าที่เคยได้

คือการให้อันใหญ่หลวง

เหนือกว่าความคาดหวังหมดทั้งปวง

คือความรักหวงห่วงดวงชีวิน


ไม่หวังผลตอบแทน

ยินดีมอบอ้อมกอดแขนแสนถวิล

ปรารถนาสิ่งใดเล่าไม่ยลยิน

ขับกล่อมบทเพลงพิณเป็นสินใจ


เพียงแค่แรกเห็น

เปรียบเธอเป็นเส้นทางสว่างไสว

สัมผัสแรกแห่งโลกละมุนละไม

หรืออนึ่งท่ามกลิ่นอายมวลมายา


จึงลืมตามอง

ยินเสียงดังกรีดร้องก้องหล้า

ยิ้มทักมหาสมุทรพสุธา

ซ่อนความไร้เดียงสาสู้ท้าทาย


บริสุทธิ์ในกาล

บ่มเพาะปลูกสันดานสืบสาย

ด้วยสองมือโอบอุ้มคอยคุ้มกาย

ฝ่ามรสุมอันตรายสู่ปลายทาง


เหล่านั้นฉันเคยได้

แต่ต่อจากนี้ไปใครกันขวาง

จะมีรักอันเหลือเฟือไม่เจือจาง

ขอยืนอยู่เคียงข้างไม่ห่างเลย



ภาพโดย อาคม นาคะ
นาคะพรรณ ๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๒				
4 กุมภาพันธ์ 2552 20:09 น.

“ท้องนารำพัน”

นาคะพรรณ

ลานดินสิ้นแล้วเมล็ดข้าว

ใบมะม่วงร่วงกราวเมื่อหนาวหาย

หมู่นกกาถลาลงคงเดียวดาย

ดูแลไร้เสียงทักทายสนทนา


เคียวแขวนเก็บเหน็บชิดติดต้นเสา

เนิ่นนานนอนซึมเซาเฝ้าถามหา

ไหนฤาเสียงเพลงเห่ร้องก้องท้องนา

กล่อมบรรเลงท่ามอุษาฟ้าสีทอง


ผ้าขาวม้าชราภาพตราบสิ้น

เหินห่างร้างลาแผ่นดินถิ่นเพื่อนผอง

ก่อนเคยปูลาดพาดพับคอยรับรอง

วางจานชามข้าวของนั่งล้อมวง


ต้มปลาช่อนน้ำพริกผักมาตักแบ่ง

บ้างมีแกงเผ็ดเป็ดไก่รสใหลหลง

กลิ่นกรุ่นโคลนข้าวทุกคำยังดำรง

ตราบดอกดินสิ้นปลงลงพสุธา


มองท้องนาไร้หลักรอยปลักควาย

ขาดขวัญเรียมแห่งนิยายสุดหรรษา

ยินเพียงเสียงโอดโอยใกล้โรยรา

จากหญิงชายวัยชราท้องนารำพัน


ต่างความฝันใต้ตะวันดวงเดียว

บ้างเปล่าเปลี่ยวบ้างทุกข์ใครสุขสันต์

ฉันกินอิ่มเธอฝันร้ายใต้แสงจันทร์

รอคอยฤดูคืนวัน...นั้นกลับมา




ภาพโดย อาคม นาคะ
นาคะพรรณ ๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๒				
2 ธันวาคม 2551 13:26 น.

“ถึงพ่อ”

นาคะพรรณ

พ่อฉันแก่แม่ฉันยากลำบากยิ่ง
แต่แปลกจริงทุกเวลาที่มาเห็น
คือรอยยิ้มพิมพ์ใจไร้ลำเข็ญ
ดูโดดเด่นกลบรอยย่นความจนจาง

ถึงกระนั้นฉันยังคงพะวงอยู่
ด้วยรับรู้ตรึกตรองความหมองหมาง
เห็นความจริงย้ำเตือนไม่เลือนลาง
ความอ้างว้างทุกข์เข็ญยังเป็นไป

ไม่ต้องห่วงพ่ออยู่ได้สบายมาก
แม้ลำบากตรากตรำพ่อทำไหว
ปลูกผักหญ้าข้าวปลาหากินไป
ยังมีไร่มีนาดำได้ทำกิน

คือคำพูดของชายวัยชรา
นัยน์ดวงตาเหม่อลอยคอยถวิล
มือหยาบสากตรากตรำเพราะทำกิน
ฉันได้ยินดังนั้นกลั้นน้ำตา

อีกกี่วัน อีกกี่เดือน หรือกี่ปี
พ่อฉันนี้จะหายเหนื่อยแลเมื่อยล้า
ไม่มีทุกข์อัดอั้นกลั้นน้ำตา
ชื่นชีวาสุขสันต์ในบั้นปลาย

ขออาราธนาสิ่งศักดิ์สิทธิ์
เนรมิตความจนยากลำบากหาย
คืนแผ่นดินไร้ทุกข์สุขสบาย
มอบถวายชายชราโปรดปรานี

มีฤาไม่ อย่างไร ฉันไม่รู้
ที่พรั่งพรูกราบไหว้ใช่หลีกหนี
เป็นทางหนึ่งซึ่งยึดมั่นที่ฉันมี
ทุกวิธีล้วนเกิดก่อเพื่อพ่อเรา

ชั่วชีวิตสูงสุดบุตรธิดา
ร่วมรักษาปกป้องชาติไม่ขลาดเขลา
สามัคคีกันเถิดหนาประชาเรา
ทำความดีน้อมเกล้าฯ พระเจ้าแผ่นดิน



นาคะพรรณ 
๒ ธันวาคม ๒๕๕๑				
25 พฤศจิกายน 2551 13:07 น.

“ในนามแห่งบทกวี...”

นาคะพรรณ

ในนามแห่งความรัก

โปรดยิ้มทักฉันสักคราก่อนลาหาย

ขอไออุ่นหนุนนอนได้ผ่อนคลาย

โอบกอดกายหายหนาวสักคราวหนึ่ง


ในนามแห่งความร้าว

ขอสักคราวเถิดหนาอย่ามาถึง

อยู่ห่างๆ ส่างซาสักคราหนึ่ง

ขอฉันซึ้งถึงรักบ้างอย่าร้างลา


ในนามแห่งสรวงสวรรค์

แล้วสักวันฉันคงได้ขึ้นไปหา

หากวันนี้ยังมีแรงแห่งศรัทธา

เทิดบูชารักหวงแหนแผ่นดินไทย


ในนามแห่งขุมนรก

รอรับซากสกปรกอาศัย

สาปส่งบาปตราบนิรันดร์พวกจัญไร

นอนหลับไหลมืดมัวไปชั่วกัลป์


ในนามแห่งคนกล้า

เทวดาบรรเลงบทเพลงสวรรค์

ประชาชนพ้นทุกข์สุขอนันต์

สืบชาติพันธุ์ยิ้มสยามความเป็นไทย


ในนามแห่งบทกวี

ขอร่วมสดุดีวลีถวาย

แด่วีรชนคนกล้าประชาไทย

รักษาไว้ เพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์เทอญ....



เมื่อความโศกเศร้าเสียใจครั้งใหญ่ที่สุดของเราชาวไทย 
ได้ผ่านพ้นไปเพียงไม่นาน
จึงขออย่าให้เกิดสิ่งใดเลย ที่เข้ามาทำลายประเทศชาติของเรา 
ให้เราต้องเสียน้ำตาอีก

ขอบคุณพ่อแม่ที่ให้กำเนิดและแผ่นดินไทยที่ให้ผมได้อยู่อาศัยทำมาหากินอย่างสงบสุขตลอดมาและตลอดไป 

ภาพโดย อาคม นาคะ
นาคะพรรณ ๒๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๑				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟนาคะพรรณ
Lovings  นาคะพรรณ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟนาคะพรรณ
Lovings  นาคะพรรณ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟนาคะพรรณ
Lovings  นาคะพรรณ เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงนาคะพรรณ