20 ธันวาคม 2548 13:11 น.

ขอเพียงแค่ย้อนเวลากลับไปรักกัน…เหมือนดังเดิม

น้ำตาหมอก

14	กุมภาพันธ์  2543
                     ถึง กฤษ  ผู้ที่ทำให้เลือดทุกหยดในร่างกายของฉันเป็นสีชมพูและมีกลิ่นหอมเหมือนกลีบกุหลาบขาวทุกกลีบที่บานเต็มที่รับแรกอรุณ
	กฤษคะ  สายเกินไปหรือเปล่าคะที่อิมจะบอกกฤษว่า  อิมรักกฤษเหลือเกิน  รักจนไม่อยากจะจากกฤษไปไหนอีกแล้ว  จิตใจของอิมวนเวียนอยู่ในห้วงความรักที่กฤษสร้างขึ้นมาด้วยความหวังดีอย่างที่สุดให้อิม  เสียงของกฤษอ่อนโยนราวสายลมแผ่วเบายามกระซิบอยู่ข้างหูของอิมว่าให้อิมมีความกล้ามากขึ้น  กล้าเปิดรับความรู้สึกของคนอื่นบ้างไม่ว่าจะเป็นอารมณ์ดีหรือไม่ดี  กฤษบอกให้อิมทำใจเป็นประหนึ่งสำลี  อารมณ์ความรู้สึกทั้งหลายเหมือนของเหลว  พร้อมที่จะยอมรับและกล้าที่จะซึมซับ  ดูดซับทุกสิ่งทุกอย่างไม่เลือกว่าจะเป็นน้ำดีหรือน้ำเสีย  เพื่ออิมจะได้เรียนรู้และรู้จักคนอื่นนอกเหนือไปจากตัวเอง  โดยเฉพาะความรู้สึกที่เรียกว่าความรัก  กฤษให้อิมมีความกล้ามากกว่าความกล้าอย่างอื่นหลายเท่า  
                      กฤษบอกว่าจริงอยู่ความรักไม่ใช่วัตถุที่สามารถใช้ปลายนิ้วเรียวของอิมสัมผัสแผ่วไล้พื้นผิวหาเหลี่ยมมุมสังเกตว่าวัตถุนั้นมีลักษณะเช่นใด  แต่ไม่ยากที่จะเลื่อนหัวใจมาไว้ที่ปลายนิ้วแล้วลองหลับตานิ่งๆ เลื่อนปลายนิ้วขึ้นช้า ๆ รับสัมผัสความรักอันอ่อนโยนที่ปลดปล่อยออกมาจากหัวใจอีกดวงที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความหวังดี  ความรู้สึกนั้นจะกระจายจากปลายนิ้วแผ่ซ่านไปทั่วร่างแม้กระทั่งปลายเส้นผมทุกเส้น  ความรู้สึกนี้คงไม่ได้ทำให้อิมล่องลอยอย่างไร้ความหมาย  แต่จะทำให้อิมรู้สึกว่ายังมีใครอีกคนหนึ่งคอยอยู่เคียงข้างอยู่ใกล้ ๆ อิม  เอื้อนเอ่ยถ้อยคำอ่อนหวานเป็นกำลังใจให้  สองแขนจะคอยประคองยามที่อิมล้มลงบนเส้นทางอันโหดร้ายเต็มไปด้วยปัญหาสารพัน  ปัญหาหนึ่งที่เกิดขึ้นเสมอ คือ สิ่งที่มาคั่นกั้นกลางระหว่างปลายนิ้วกับความรู้สึกที่เรียกว่าความรัก  สิ่งนั้น ๆ เป็นสิ่งที่มนุษย์เรียกนิยามกันว่า  ความกลัว  
                       ความกลัวทำให้อิมพลาดสิ่งงดงามในชีวิต  กฤษบอกกับอิมว่าอย่างแรกเลยเวลาที่เราเกิดความกลัวขึ้นมาในจิตใจ  ความกลัวจะทอนความกล้าลงเรื่อย ๆ เหมือนสนิมที่เกาะกินใบมีดจนมีดนั้นขาดความปลาบคม  วาววาม  ถ้าเปรียบเทียบกับใจก็คงไร้เรี่ยวแรงจะไปรับรู้ความรักของใครได้อีก...อิมจำที่กฤษพูดได้ว่าขึ้นอยู่กับอิมเอง  ที่จะเลื่อนปลายนิ้วไปข้างหน้าเพียงนิดเดียวก็สามารถทลายความกลัวลงไปได้  แล้วจะได้พบโลกใหม่ที่อิมไม่เคยเห็น  กฤษจึงพูดอยู่เสมอว่า  เราต้องกล้าหาญอย่างมากกว่าจะได้ความกล้าหาญมา
	กฤษเคยบอกให้อิมสังเกตคนที่เป็นกวีทั้งหลาย  คนประเภทนี้มีหัวใจอยู่ที่ปลายนิ้ว  ถ่ายทอดจรดลงสู่ปลายปากกา  ความรู้สึกที่หลั่งไหลโลดแล่นไปตามเส้นบรรทัดบนแผ่นกระดาษแผ่นแล้วแผ่นเล่าเป็นความรู้สึกที่ซื่อตรง  บริสุทธิ์  ไม่เคยทรยศต่อความรู้สึกของตัวเอง...พูดถึงกวีหรือบทกวีทีไรก็ให้คิดถึงกฤษขึ้นมามากมาย  กฤษชอบแต่งกลอนให้อิมอ่านแต่ชอบแต่งกลอนไม่จบ  กฤษมักจะทิ้งวรรคสุดท้ายของกลอนแล้วบอกให้อิมแต่งต่อในวรรคต้น ๆ เช่น กฤษเคยแต่งวรรคสุดท้ายว่า คือหัวใจสองดวงห่วงหากัน อิมแต่งสามวรรคแรกไม่ได้  
                     กฤษบอกว่านั่นแหละความรักของกฤษเดินไปถึงปลายทางแล้วไปรอความรักของอิมที่กำลังเดินทางตามหา  มาหามาพบกัน  เราอาจจะเอาจุดปลายทางเป็นจุดเริ่มต้นในการพบปะ  พูดคุยเพื่อทำความเข้าใจซึ่งกันและกัน  ณ จุดนั้นปล่อยทุกอย่างให้เป็นอิสรเสรี  ให้โลกทั้งโลกหยุดหมุน  ให้ความรักนั่งกอดเข่าหันหน้าเข้าหากันคุยกันด้วยความเงียบด้วยภาษาที่ยังไม่มีมนุษย์คนไหนบัญญัติขึ้น  ความคิดบางความคิด  บทกวีหลายบทของกฤษซับซ้อนลึกซึ้งเกินกว่าที่อิมจะเข้าใจหรือเป็นเพราะว่าอิมไม่พยายามจะเข้าใจก็ไม่รู้  อิมบอกให้กฤษเขียนอะไรที่เข้าใจง่าย ๆ กฤษก็ถามว่าเขียนไฮกุของญี่ปุ่นดีไหม  อิมก็บอกว่ายังลึกซึ้งเกินไป  กฤษเลยเขียนกลอนเปล่าให้อิมอ่าน....
	...ความดีแต่งงานกับความปรารถนาดีออกลูกเป็นความรัก
ความรักนั่งอยู่บนบัลลังก์หัวเราะร่าเริงเสียงใสราวระฆังแก้ว
ร่าเริงไปทั้งโลก ครอบคลุมทุกทางช้างเผือก  ทุกจักรวาล
ทะเลทุกหยดเป็นรสหวาน ระเหยเป็นไอเกาะกลุ่มกันเป็นเมฆรูปหัวใจ
ตกลงมาใบไม้ก็กลายเป็นสีชมพู  ต้นไม้แก้มแดงเขินอายเวลาบอกรักกัน
ดินกับรากไม้  ต้นหญ้านอนหลับใหล อบอุ่น เพราะมีผ้าห่มความรักห่มให้นอน  
ความรักร้องเพลงความรักกล่อมให้หลับฝันดี
ความรักเป็นหนุ่มสาวตลอดเวลา  เส้นผมไม่เคยขาว  สายตาไม่เคยฝ้าฟางมองเห็นสิ่งต่าง ๆ คมชัดเสมอมา
แข้งขาของความรักไม่เคยอ่อนล้าในการที่จะพาเราไปค้นหาความหมายดี ๆ จากใครคนหนึ่งเสมอ
ดูแลความรักให้ดีแล้วความรักจะดูแลเราเอง  จะไม่เหงาไม่เปล่าเปลี่ยวอีกต่อไป...หากมีความรักเป็นเพื่อน
แม้เวลาอิมนอนหลับความรักของกฤษจะเริงระบำบนเปลือกตา  แม้นอนหลับดวงตาอิมก็สามารถพบสิ่งงดงาม
	บทกวีของกฤษบางทีก็หวานกว่าหวาน  บางทีก็เศร้ากว่าเศร้า  ถ้อยคำที่กฤษใช้งดงามราวนายช่างผู้ชำนาญกำลังสลักหินอ่อนอย่างประรีตบรรจง  กฤษเคยเชยคางอิมขึ้นอย่างนุ่มนวล  แววตาสองคู่ประสบประสานกันนิ่งนาน  ทุกครั้งที่สบตากฤษอิมตึความหมายไม่ออกสำหรับสิ่งที่ปรากฏ  ฉายแววบริสุทธิ์สดใสเหมือนอาทิตย์อุทัยเมื่อฟ้าสาง  แววตากฤษบอกความมั่นคง  จริงใจ  ซื่อสัตย์  จนบางครั้งเป็นอิมเองที่ต้องเป็นฝ่ายถอนสายตาทิ้งเพราะเกรงกลัวว่าความรู้สึกทั้งหมดทั้งมวลที่กฤษส่งผ่านแววตาคู่นั้นจะแผ่ซึมซ่านลงสู่หัวใจดวงน้อย ๆ ของอิม  
                      อิมกลัวอารมณ์ของตัวเอง  กลัวความประหม่า  กลัวความอ่อนไหว  กลัวความรักที่มักเริ่มต้นอย่างงดงามแต่กลับลงเอยด้วยความไม่เข้าใจ.....กฤษคะอิมสับสน  อิมอยากจะรักใครสักคน  อยากมีความสุขโดยมีคนที่อิมอยู่ข้าง ๆ คอยปลอบประโลมให้กำลังใจที่บางครั้งเปราะบางอย่างแก้ว  บอบช้ำเหนื่อยล้าเกินแก้ไขเยียวยา  ต้องอาศัยความรักอันเสมอเหมือนโอสถวิเศษสามารถสมานรอยแผลของความรู้สึกที่บาดลึกอันเกิดจากความโดดเดี่ยวเดียวดาย  ความว้าเหว่ให้หายขาดราวปลิดทิ้งได้  
                      บางทีหัวใจอิมเหมือนนักเดินทางผู้แสวงโชคที่อ่อนล้าเต็มทน  ทั้งกำลังกายกำลังใจเหี่ยวแห้งกรอบแกรบเหมือนใบไม้สีน้ำตาลหม่นที่หมดอายุขัยร่วงคว้างลงสู่โคนต้น  นักเดินทางที่กลัวจะเห็นจุดหมายปลายทาง  น่าหัวเราะไหมคะกฤษ  กลัวว่าปลายทางจะมีสิ่งที่ไม่น่ารัก  น่าเกลียด  ความทุกข์รอเราอยู่  อิมไม่อยากเผชิญหน้ากับสิ่งเหล่านี้เลย  อิมอยากเห็นเพียงแค่ความรักที่เป็นสีชมพูขลิบทองบนลายปีกผีเสื้อสองตัวที่กระพือสัพยอกหยอกล้อช้าๆ ขึ้นสู่ฟ้ากว้างในวันที่ฟ้าโปร่งแดดทอแสงใสในต้นฤดูหนาว....หัวใจอิมจึงเหมือนนักเดินทางขี้ขลาดเสแสร้งแกล้งเดินให้วกเวียนหลงทางเล่นทั้งทั้งที่เส้นทางนั้นอาจทอดตรงตลอดแม้จะมีอุปสรรคก็พอฝ่าฟันให้ผ่านพ้นไปด้วยดี  แต่อิมทำเหมือนเส้นทางนั้นทอดยาวคดเคี้ยวสลับซับซ้อนเต็มไปด้วยปัญหาสารพันยากแม้กระทั่งความฝันก็ไม่อาจฝ่าเข้าไปถึง  เข่าทั้งสองข้างของนักเดินทางจึงคู้ลงแทบพังพาบราบลงกับพื้น  น้ำตาท่วมนองหัวใจทั้งดวง  ความรู้สึกที่ถูกความทุกข์กัดกินทรมานใจของอิมมาเนิ่นนานนับปี...
	อิมฉลาดทุกเรื่องนะแต่กลับมาโง่เรื่องความรัก  กฤษไม่โทษอิมเลยคนเราทำอะไรโง่ ๆ เพื่อความรักได้ทั้งนั้น  ถ้ากฤษเป็นนกกฤษขอบินออกจากกรงไปเผชิญความทุกข์ยากอย่างมีอิสรภาพดีกว่านอนเสวยสุขแต่เป็นทาสภายในกรงคับแคบ  ขอให้อิมตั้งความคิดเสียใหม่นะครับว่า  คนเราจะคิดคำนึงถึงความฝันความสุขส่วนเดียวที่ได้จากความรักไม่ได้  ต้องทำเหมือนว่าเวลาอิมมีความทุกข์ที่จะรักใครสักคนให้ถือว่าความทุกข์นั้นเป็นกัลยาณมิตรของเรา  เราก็พยายามปรับตัว  หยอกล้อเล่นหัวเข้ากับความทุกข์นั้นให้ได้  ความสุขทำให้เราสดชื่นแต่ความทุกข์จะทำให้เรารู้จักความสดชื่นและความสุขมากขึ้น  
                      บางครั้งนะ...อิมความรักก็เหมือนกับสวนดอกไม้ซึ่งเราต้องใช้น้ำตาแห่งความโศกเศร้ารดดอกไม้ในสวนนั้นบ้าง  เพราะต้นไม้เองก็ย่อมต้องการสารอาหารที่หลากหลายเพื่อความอุดมสมบูรณ์ทางชีวภาพ  หยั่งรากยึดแน่นกับผืนดิน  ผลิดอกออกช่อหลากสีงดงามตระการตาแก่ผู้พบเห็น  ถ้าต้นไม้นั้นได้รับเพียงแค่ความรื่นรมย์จากสารอาหารดี ๆ อากาศบริสุทธิ์โดยไม่เคยรับสารเคมี  ไม่เคยถูกพายุใหญ่แผ้วพาน  ดอกไม้ดอกนั้นจะรู้จักการยืนหยัดท้าทายอุปสรรคโหดร้ายที่เข้ามารุมล้อมอยู่ได้อย่างไรคับอิม  
                     อิมครับอย่าอับอายยามน้ำตาแห่งความทุกข์จากการมีความรักไหลพรากออกมามากมาย  นั่นเป็นเพราะอิมยังความรู้สึกห่วงใยความรู้สึกของผู้อื่น  ยังมีความกังวลอยู่ในส่วนลึกว่าจะทำอะไรที่เป็นการทำร้ายความรู้สึกของหัวใจอีกดวงที่มาห่วงหาอิมให้พังทลายลงไม่มีชิ้นดี  หัวใจอิมไม่ได้เป็นก้อนเนื้อที่ตายแล้ว  แต่กลับเป็นหัวใจที่มีชีวิตชีวา  สดใส  พร้อมจะยอมรับคุณค่าของความรัก  ความอ่อนโยนอย่างมหาศาล  
                    อิมครับลองกำมือดูสิครับหัวใจอิมก็เท่ากำปั้นเพียงเท่านี้  แต่ข้างในนั้นมีความมหัศจรรย์อย่างที่อิมเองก็ไม่เคยได้ค้นพบ  หัวใจที่เราเห็นว่าดวงน้อย ๆ นี้ไม่ใช่มีไว้เพื่อให้เรารู้ว่าเรายังมีชีวิต  แต่มันสามารถสูบฉีดโลหิตแห่งความฝัน  ความอบอุ่น  เป็นเลือดที่มีความหมายแห่งชีวิตแบกรับได้ทั้งความรัก  ความผิดหวังและอารมณ์อื่นอีกมากมาย  อารมณ์เหล่านี้บางอารมณ์ก็มีน้ำหนักราวจะกดขยี้หัวใจให้บี้แบนเป็นผงคลี  บางอารมณ์ก็มีน้ำหนักในการชูใจให้ฟูพองราวจะล่องลอยไปอย่างมีความสุข...สิ่งเหล่านี้ทำให้เรารู้ว่าเรายังมีความเป็นมนุษย์อยู่  หัวใจจึงมีความสามารถเรียนรู้สิ่งที่มันควรจะเรียนรู้  เพื่อพัฒนาไปจนถึงจุดสูงสุดของความมีความปรารถนาดีโดยไม่หวังสิ่งใดใดต่อคนที่เรารักสุดหัวใจ
	กฤษคะอิมยังจำถ้อยคำของกฤษได้ทุกคำ  ใครจะรู้ว่าผู้ชายบุคลิกเงียบขรึมอย่างกฤษจะมีความรู้สึกอบอุ่นได้เพียงนี้  กฤษเคยพูดถึงสุภาษิตญี่ปุ่นบทหนึ่งที่ว่าคำพูดที่อ่อนโยนเพียงหนึ่งคำ  สามารถให้ความอบอุ่นได้ตลอดสามเดือนในฤดูหนาว  คำพูดของกฤษเป็นล้านคำ  แต่ละคำอบอุ่นราวแสงแดดอ่อนได้ฟังทีไรหัวใจอิมมีเรี่ยวแรงทุกที  อิมเคยถามกฤษว่าความรักคืออะไร  กฤษกลับเงียบเฉย  นิ่งงันไปนานสองนาน  สายตาทอดต่ำ  ระบายยิ้มน้อย ๆ ที่มุมปาก  กฤษพูดแค่วลีสั้น ๆ ว่า 
                      เมื่อไรก็ตามที่อิมคิดถึงคนอื่นก่อนที่จะคิดถึงตัวเอง  เมื่อนั้นอิมจะรู้จักความรักที่แท้จริง ทั้งๆที่กฤษพูดถ้อยคำธรรมดาทำไมเสียงของกฤษอ่อนโยนอย่างนี้  ทำอย่างไรตัวอักษรของอิมจะงดงามและมีพลังเหมือนตัวอักษรของกฤษ  แม้จะเด็ดดอกไม้ทุกสายพันธุ์บนโลกใบนี้มารายเรียงเทียบเคียงกับคำพูดของกฤษก็คงไม่งามเท่า  ตั้งแต่อิมรู้จักกับกฤษมากฤษเคยบอกคำว่า คิดถึง ให้อิมฟังเพียงครั้งเดียวแต่อิมยังจดจำได้ทุกถ้อยคำไม่ลืมเลือนเลย....
	สายฝนรุ่งเช้าเพิ่งซาเม็ดลงไป  วันใหม่กำลังจะมา  อาทิตย์สีส้มทองค่อย ๆ ลอยขึ้นจากชายฟ้างดงามราวภาพวาดของจิตรกรเอก  เวลาค่อย ๆ เคลื่อนไปอย่างช้า ๆ แกนโลกหมุนช้าลง  ดอกไม้ก็ค่อย ๆ บาน  กว่าเจ็ดสีของรุ้งกินน้ำจะพาดผ่านจากยอดเขาลูกหนึ่งไปยังยอดเขาอีกลูกหนึ่งนานเสียจนนาฬิกาเองก็บอกไม่ได้  แมลงกระพือปีกช้าเสียจนดูเหมือนหยุดนิ่งอยู่กลางอากาศ 
 อิมครับอิมมองเห็นอาณาจักรความรักของกฤษไหมครับ  มองเข้ามาในส่วนลึกของแววตากฤษสิครับ  ในนั้นเป็นโลกอีกโลกของอิมที่กฤษสร้างขึ้นมาให้อิมโดยเฉพาะ  มีดอกไม้ที่อิมชอบ  มีเมฆที่เวลาอิมมองจะส่งยิ้มลงมาให้ทุกครั้ง  มีแผ่นน้ำที่นิ่งสนิทและมีแมลงปอบินเล่นร่าเริงบนผิวน้ำ  มีท่วงทำนองเพลงอันอ่อนหวานที่สุดยามเกสรดอกไม้ร่วงพรูลงสู่ดิน  กฤษอยากจะนอนหนุนตักอิมอย่างนี้ไปตลอดจัง  
                     อิม...ถ้าสมมติว่าพรุ่งนี้กฤษหมดลมหายใจ  วันนี้  ตอนนี้  อิมจะรักกฤษบ้างไหมหรือจะรอให้ถึงลมหายใจหยดสุดท้ายของกฤษพรากออกจากร่าง  อิมถึงจะยอมรับรักกฤษ  อิมใจดำมากเลยนะ  งานที่รีบเร่งในชีวิตของอิมทำให้อิมสูญเสียความดีงามในชีวิตไปหมด  อิมอย่าให้งานมาทำให้หัวใจของอิมถูกปิดบัง  ด้านชา  เฉยเสียจนไม่รับรู้ความรู้สึกที่คนอื่นมอบให้  กฤษสร้างโลกขึ้นใหม่ให้ทุกอย่างดำเนินตัวเองไปอย่างช้าลง  เราจะได้คุยกันมากขึ้น  กฤษรักอิมมากจนไม่สามารถเสกสรรถ้อยคำใดมาเอ่ยได้ดั่งใจแล้ว  แต่กฤษไม่เคยคิดครอบครองอิมเลย  กฤษไม่รู้เหมือนกันว่าระหว่างเรารักใครสักคนแล้วไม่ได้รับความรักตอบแทนกลับมากับการที่ทั้งชีวิตของเราไม่มีโอกาสได้รักใครเลยหรือรักใครแล้วไม่กล้าที่จะบอกความในใจออกไป    อย่างไหนจะเป็นทุกข์มากกว่ากัน  แต่อิมเชื่อไหมว่าไม่ว่าความทุกข์แบบไหนก็ตามล้วนแต่กัดกินหัวใจของกฤษแทบดับดิ้น  ถ้าอิมปฏิเสธกฤษความทุกข์ก็จะเริ่มกัดกินจากภายนอกดวงใจเข้าไปเรื่อย ๆ จนถึงแกนกลาง  แต่ถ้ากฤษไม่ได้อิมบอกว่ากฤษรักอิมความทุกข์ก็จะเริ่มกัดกินออกมาจากภายในดวงใจจนหมดสิ้นถึงภายนอก  ทั้งสองอย่างล้วนรวดร้าวปานกัน 
                      อิมจำได้ไหมตอนที่กฤษโทรศัพท์ไปหาเพียงแค่บอกว่าคิดถึง  อยากได้ยินเสียงอิม  อิมก็แค่แสดงอาการรับรู้เพียงทำเสียงอออืออยู่ในลำคอ  อิมรู้ไหมคนที่อยู่ปลายสายถือกระบอกโทรศัพท์น้ำตาซึม  ความน้อยใจแล่นออกมาจากกลางดวงใจแล่นไล่ขึ้นมาถึงลำคอตีบตันจนพูดอะไรไม่ออก  เป็นครั้งแรกเลยที่กฤษได้สัมผัสกับความน้อยใจ  รสชาติของมันขมกว่าความขมขื่นนับล้านเท่าก่อนจะแปรไปเป็นความโศกเศร้านับประมาณไม่ถ้วน  โศกจนความโศกนั้นไม่สามารถจะกลั่นออกมาเป็นหยาดน้ำตา  มันระอุเป็นความรู้สึกอัดอั้นรุนแรงอยู่ในดวงใจเหมือนกับว่าตัวกฤษจะตายด้วยความรู้สึกนั้นลงไปได้ทุกวินาที  กฤษแปลกใจที่กฤษยังมีลมหายใจ  ยังยืนอยู่ได้แต่กฤษรู้ตัวว่ากฤษสูญเสียชีวิตไปแล้วตั้งแต่มอบหัวใจให้อิม  มอบไปแล้วแทนที่อิมจะดูแลทะนุถนอมด้วยความรัก  ความเอาใจใส่  อิมกลับเอาความรู้สึกเย็นชาแทนคมมีดมากรีดให้หัวใจกฤษแยกออกเป็นริ้ว ๆ อิมรู้จักนิทเช่ไหมครับ  เขาบอกว่า

When a man is in love he endures more than at other times ; he submits to everything
เมื่อคนเรามีความรัก  เขาอดทนได้มากกว่าช่วงเวลาอื่น ๆ เขายอมจำนนต่อทุกสิ่งทุกอย่าง

                  กฤษอดทนทนรออิมมาตลอดครับและจะรอต่อไป  รอว่าเมื่อไหร่อิมจะรักกฤษ  ยอมจำนนต่อทุกสิ่งทุกอย่างแม้หัวใจของกฤษจะขาดออกเป็นริ้ว ๆ   ลมหายใจจะขาดเป็นช่วง ๆ จำนนแม้กระทั่งความตาย  แม้ความตายที่เกิดจากความรักที่กฤษมีให้อิมกฤษก็พร้อมที่จะให้ความตายนั้นมาพรากเอาชีวิตของกฤษ  กฤษไม่ใช่คนที่ดีที่สุดสำหรับอิม  แต่ขอให้อิมรู้ไว้ว่ากฤษเป็นคนที่รักอิมที่สุด  อิมเป็นผู้หญิงที่กฤษโหยหาถึงที่สุด  อิมลองเลื่อนปลายนิ้วมาไว้ที่ปลายจมูกของกฤษแล้วอิมจะรู้ว่าทุกลมหายใจเข้าออกเป็นของอิมหมดแล้ว  ถ้าอิมไม่รักกฤษมันอาจจะขาดหายไปเสียตั้งแต่วินาทีนี้  แต่ก็ดีที่จะได้ขาดใจตายบนตักอิม  ตอนที่ได้สารภาพกับอิมว่ากฤษรักอิม คิดถึง      อิมมากแค่ไหน ตอนที่ความรักโอบล้อมหลอมละลายรวมกับหัวใจของกฤษจนเป็นเนื้อเดียวกัน  
                   อิมเคยมีความรู้สึกอย่างนี้ไหมครับตอนที่เราได้รับความสมหวังที่กระจ่างสดใสหล่อเลี้ยงหัวใจของเราอยู่แล้วสลับกับความผิดหวังเป็นครั้งคราวซึ่งเป็นความรู้สึกที่หดหู่ที่สุดแต่ตอนนี้ความรู้สึกของกฤษมีแค่ความผิดหวังไม่มีการสลับเหมือนแต่ก่อนใจของกฤษเลยมืดมัวเหมือนจันทร์ที่โดนเมฆบดบังจนไม่มีโอกาสได้เปล่งแสงนวล  มันเป็นจริงอย่างที่กฤษเอาไว้เสียจริงว่าถ้าอิมตอบรับรักของกฤษ  กฤษจะเป็นคนที่มีความสุขมากที่สุดในโลก  แต่ถ้าอิมปฏิเสธกฤษจะกลายเป็นคนที่แบกรับความทุกข์ไว้มากที่สุดในโลกเช่นกัน  
                   อิมครับ...เมื่อถึงเวลานั้นนะจะไม่มีนักแต่งเพลงคนใดในโลกใช้ภาษาแต่งเพลงพรรณนาความโศกเศร้าของกฤษได้ถูกเลย  มันจะเป็นความโศกเศร้าแสนสาหัสที่จมอยู่ในห้วงความสุขทีกฤษมีโอกาสได้รักอิม  มอบความรู้สึกดี ๆ ทั้งหมดให้อิม  เป็นความสุขที่ซุกซ่อนอยู่ในความโศก  กฤษเรียนรู้ความรักจากอิมไม่ได้เรียนรู้คำว่ารักจากพจนานุกรมหรือหนังสือเล่มไหน ๆ จึงได้รับรู้ว่าความรักมีเรี่ยวแรงมหาศาลเป็นแรงดึงดูดแรงโหยหา  ถวิลถึง  ที่ทำให้คนสองคนแม้อยู่ห่างไกลแค่ไหนกลับมาพบกัน  ได้มาพูดจาภาษาดอกไม้กัน  ได้รักกันจนหมดหัวใจเหมือนที่กฤษรักอิมและพร้อมที่จะแบ่งปันความรักให้คนอื่น ๆ ที่อยู่รอบข้างเพื่อให้เขาเหล่านั้นรู้ว่าความรักงดงามอย่างไร.....
....................
..........
.....
                   ลมหนาวพัดมาแล้วค่ะกฤษมาพร้อม ๆ กับวาเลนไทน์อีกหนึ่งปี  ละอองของความรักปลิวปรายมาตามสายลมตกต้องสัมผัสเนื้ออิมทีไรให้ไหวหวั่นสั่นสะท้านเหมือนเมื่อยามที่กฤษอยู่เคียงข้างอิมทุกครั้ง  สายลมนี้คงจะเป็นสายลมแห่งความหวังดีของกฤษเพราะนุ่มนวลราวมือของกฤษที่ป้องประคองใช้ปลายนิ้วสัมผัสแก้มของ   อิมอย่างแผ่วเบา  ผ่านไปอีกหนึ่งปีแล้ว  ดอกกุหลาบขาว  ดอกไม้ที่กฤษบอกว่ามีกลิ่นเหมือนแก้มอิม  อ่อนโยน  และบริสุทธิ์  อิมเอาดอกไม้ที่กฤษชอบมาให้มาบอกว่าอิมรักกฤษแค่ไหนและอิมคัดคำพูดของนักเขียนนิยายวิทยาศาสตร์ชาวอเมริกันที่กฤษชอบโทรศัพท์มาอ่านให้อิมฟังแทบทุกคืน

Love  is that  condition  in  which  the  happiness  of  another  person  is  essential  to  your  own
Robert A. Heinlein
ความรัก  คือสภาพที่ความสุขของคนอื่นเป็นเรื่องที่จำเป็นสำหรับความสุขของตัวคุณเอง
                    ทุกวันนี้ทุก ๆ ค่ำคืนอิมนอนซบหน้าลงกับหมอน  หยาดน้ำตากลิ้งพราวจากหางตาค่อย ๆ หยาดซึมเป็นดอกดวงเข้าไปในเนื้อหมอน  เหมือนทุก ๆ ครั้งเวลาที่อิมร้องไห้กฤษจะใช้มือป้ายน้ำตาของอิมแล้วบอกว่าอย่าร้องไห้  ถ้ากฤษร้องไห้อิมไม่จำเป็นจะต้องมาซับน้ำตาให้กฤษ  แต่ถ้าอิมร้องไห้กฤษพร้อมที่จะซับน้ำตาให้อิมเสมอ  ไหล่ของกฤษมีไว้ให้อิมซบ  อกกว้างของกฤษก็พร้อมที่จะให้อิมระบายความเศร้าหมองร้องไห้เท่าที่อิมอยากจะร้อง  ระบายความเศร้าโศกของอิมออกมา....กฤษจะเป็นคนรับมันเอาไว้ทั้งหมด  แล้วอิมจงเป็นคนใหม่  คนที่สดใส  ร่าเริง  กล้าหาญ แววตาฉ่ำพิสุทธิ์มีความสุขพร้อมที่จะแบ่งปันความรักให้คนทั้งโลก
                   ...กฤษคะ  สายเกินไปหรือเปล่าคะที่อิมจะบอกกฤษว่า  อิมรักกฤษเหลือเกิน  รักจนไม่อยากจะจากกฤษไปไหนอีกแล้ว  จิตใจของอิมวนเวียนอยู่ในห้วงความรักที่กฤษสร้างขึ้นมาด้วยความหวังดีอย่างที่สุดให้อิม...

                     รักและคิดถึงกฤษที่สุด
                     อิม ผู้หญิงคนที่ขออยู่ในใจกฤษตลอดไป
                     สายลมวูบไหวแผ่วเบาเหนือหลุมศพ  หญิงสาวนั่งลงช้า ๆ สะอื้นออกมาเบา ๆ ด้วยภาษาที่ทุกคนไม่อาจเข้าใจ				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟน้ำตาหมอก
Lovings  น้ำตาหมอก เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟน้ำตาหมอก
Lovings  น้ำตาหมอก เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟน้ำตาหมอก
Lovings  น้ำตาหมอก เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงน้ำตาหมอก