30 มกราคม 2551 22:00 น.

เพราะ..ข้าฯ..หวาดไหว..

ปางสีฝุ่น



โลกข้าฯล้วน.ดื่นดัด.อัตคัต
และปริ่มปรี่.ปริวัตร.ด้านอับเฉา
ทุกท่วงทาง.ย่างถึง.ซึ่งฝ่าเท้า
ยังขลาดเขลา.คละสุข.คลุกกันไป

เถอะ.ใคร่ถาม.ถึงทาง.อริยวิถี
ข้าฯน้อมนำ.กระทำดี.ที่ทำได้
ไม่มุ่งมาด.วาดสถาน.นิพพานใด
แค่คลี่คลาย.หวาดไหว.ใน.ปุถุชน

ยังติดตรึง.ถึงฝัน.อันแตกแถว
เหนือเส้นแนว.นำชีวิต.ผิดเหตุผล
ที่สถิตย์.ติดราก.กากใจตน
เพียงรอพ้น..กล.กระทำ.แห่ง.กรรมา

เพราะตัวข้าฯ.เคลื่อนไหว.ในอดสู
จึงพร่ำเพียร.เพื่อเรียนรู้.สู่ผัสสา
หวังชื่นชุ่ม.กุสุมรส.กฏ.ธรรมา
สลาย.ละ..ณ.อัตตา..ว่า.. "ตน...กู"


+ ---------------------------------- +


				
28 มกราคม 2551 11:29 น.

ใต้เงา..ปีกผีเสื้อ.

ปางสีฝุ่น



ณ.ขอบซ้าย.ปลายฝน.หลังหม่นไม้
ผีเสื้อใหญ่.วัยโรยรา.มากล่าวขาน
จากเรื่องเล่า.เคล้าเหตุผล.ก่นตำนาน
แห่งเมืองม่าน.ด่านฝัน...สวรรค์..ไกล..


ว่า..มีเมือง.เรืองนาม.อร่ามรุ่ง
กว่าเถื่อนทุ่ง.ทิวเถาว์.ลำเนาไม้
อีกแสงสี.ที่กระจ่าง.พร่างอำไพ
ดั่งเทพ.ไท้.เสพสถาน.พิมานแมน


ดุจสวรรค์.สรรค์สาน.วิมานนั่น
ให้สิ่งอัน.พรรณดื่น.นับหมื่นแสน
ระยิบยับ.พรับพราย.คล้ายดาวแดน
ทั่วทุกแคว้น.จากแดนทุ่ง.ล้วนมุ่งไป..


เมื่อคำเล่า.เข้าสิ่งอ้าง.ทางสวรรค์
ดั่งเปิดฝัน.ปั่นแสงเงา.เจ้าหม่อนไหม
จึงคิดพราก.จากดิบดิน.ถิ่นพฤกษ์ไพร
สู่เมืองใหญ่.ด้วยใจหมาย.ตะกาย.ดาว


ครั้นเติบกล้า.ท้าทาย.สยายปีก
รู้เลี่ยงหลีก.หลบหล่ม.ล้อลมหนาว
จึงโผผิน.บินจากขอน.ก่อนฟ้าพราว
สู่เรื่องราว.เขาเล่าอ้าง.ในทางจร


ผ่านคืนวัน.ฝันยังสวย.ด้วยใจมุ่ง
หวังเรืองรุ่ง.มุ่งเมืองใหม่.ไกล.สิงขร
อีกไม่นาน.หากพ้นผ่าน.ด่านดงดอน
คงข้ามขอน.เข้าเขตเมือง.รุ่งเรืองตา.


ครั้นยามบ่าย.ถึงชายขอบ.รอบเมืองนั่น
ด้วยปีกฝัน...พลัน.เร่งร่าง..กาง.ถลา
จึง.รีบรุด.สู่จุดว่าง.กลาง.นครา
ดั่งเขาว่า.อร่ามเรือง.เหลืองอำไพ


เพราะไม่คุ้น.เลยหมุนคว้าง.กลางถนน
เกิดสับสน.บนปีกบาง..เส้นทางไหน
ทุกสิ่งเห็น.ล้วนห่าง.ต่างดิบไพร
เหลียวมองใบ.ดอกไม้บาง.ก็พรางตา


จึงเลี่ยงหลบ.พบมุมว่าง.ขอบทางเท้า
หวังพักเงา.ให้กายร่าง..สร่าง.องศา
ที่.รุ่ม.ร้อน.พอผ่อนคลาย.ปลายเวลา
ก่อนขอบฟ้า.ละ.ตะวัน.หันหาดาว

..........

หลังเหตุร้าย.กรายกล้ำ.ขย้ำยอก
เมื่อมวลหมอก.บอกเหตุผล.ให้ลมหนาว
ผีเสื้อน้อย..เจ้าย่อยยับ.กับ.เรื่องราว
ณ.ทางเท้า..ที่ก้าวย่าง..หว่าง.ผู้คน


อนิจจา..เจ้าปีกบาง..ร่างแหลกเหลว
ใต้ปลายเปลว.ส่องสว่าง.ข้างถนน
ใช่ดงดิน..ถิ่นพฤกษ์ไพร.ในแดนตน
ด้วยเหตุผล..บนฝันกว้าง.เกินทาง..ธาร..

.......

ณ.ขอบขวา.ห่าฝน.หลังหม่นไม้
ผีเสื้อใหญ่.วัยโรยรา.มากล่าวขาน
จบเรื่องเล่า.เคล้าเหตุผล.ก่นตำนาน
แห่งเมืองม่าน.ด่านฝัน...สวรรค์ไกล

...........................................................


				
26 มกราคม 2551 22:54 น.

สางเสือสมิงพราย.

ปางสีฝุ่น



ใต้เถาวัลย์..พันโพรง..ระโยงระย้า
สืบสี่ขา..เข้าหาเงา..เหล่ามวลไม้
สองแววตา..ข้าวาววับ..ราวกับไฟ
กลางดิบไพร..ในแดนดง..พง..พญา

ขึ้นเสียงขู่..ข่มขาม..คำรามร้อง
แล้วเพ่งมอง..ส่องกสิณ..จากจินต์ข้า
เกิดไสยเวทย์..เหตุแห่งฤทธิ์..กฤติยา
เป็นมหา..ม่าน.มนต์ดำ..ครอบงำใจ

ปลุกวิญญาณ..ที่รานร้าย..ให้สิงสู่
สถิตย์อยู่..กับกูข้า..เข้าอาศัย
สะกดคราบ..แห่งสาบเสือ..ในทันใด
ใช้เงาไม้..เร้นหลัง..กำบังตา

จึงจำแลง..แปลงลาย..แล้วกลายร่าง
จากเสือสาง..เป็นเอกองค์..ธุดงค์ป่า
เพื่อหลอกเร้น..ให้เห็นภาพ..ที่พรางตา
หวังเข่นฆ่า..ปลิดชีวา..ให้วางวาย

...

"ไอ้มนุษย์..สุดยะโส..และโอหัง"
"กูจักฝัง..ทั้งสี่เขี้ยว..ให้จมหาย"
"กูจะกัด..กูจะฉีก..ให้ตกตาย"
"สมิงพราย..สางเสือร้าย..ใต้เงา..กู"




(  เนื่องจาก เหตุ..แห่ง จินตนาการ   )				
25 มกราคม 2551 07:41 น.

บนผืนดิน..ที่เปล่าร้าง..

ปางสีฝุ่น



กลางวงล้อม.ห้อมหาด.หยาดน้ำค้าง
กับผืนดิน...ที่เปล่าร้าง...อันกว้างพอ
เมื่อ.ชะตา..ไม่อาจเสริม..เติมแต้มต่อ
ข้าฯ..จะขอ..หยั่งฟ้า...และ..ท้า.ลม


ด้วยสองมือ..กร้านดำ..กำ.ความหมาย
จะสร้าง.ลาย-แทง.ชีวิต...หลังติดหล่ม
จะพลิกฟื้น...ผืนพสุธา..ผ่า..โคลนตม
เป็น.ดินดม..ห่มดวงดอก..ออกบ่วงใบ


ด้วยใจข้าฯ...มุ่งหวัง...ดั่ง.ศร.น้าว
ทะยานก้าว..สู่หนทาง..สร้างดินใหม่
ทุกย่านท่า..ข้าฯ.เสพเหงื่อ..ที่.เรื่อไคล
และ..จะไม่..รอรั้งช่วง..จาก.ดวงชะตา


แม้น.ลมฝน.กระหน่ำโบย.กรรโชยโชก
สู่.วิปโยค..วันหม่นหมอง..ประลอง.ล้า
พร้อมจะรับ..กับทุกข์ยาก..หากโรมรา
จะไม่.น้อม...เศียร..ษมา..ให้.ฟ้าใด


หาก.เชิงชั้น...แห่งธรรม-ชาติช่วย
ดินข้าฯ.สวย..ด้วยลิ้มหยาด.หมาดฝนใหม่
เหล่าผอง.ข้าฯ...ที่รวยริน...ลมหายใจ
คงสดใส..ใน.สดเขียว..จาก.เรียวรวง.

...........................................................

				
23 มกราคม 2551 22:36 น.

บทเพลงจากสายธาร

ปางสีฝุ่น



คราวแสงจันทร์..ผันแสงผ่านม่านไม้ไผ่
หริ่งเรไร..มาร้อยร่ำ..ลำนำหวาน
จากมุมหนึ่งถึงฝั่งฝ่ายขอบสายธาร
กลางหมอกม่าน..หว่านเห็นเป็นสองเรา

ร่วมบรรเลงบทเพลงแห่งสายน้ำ
ยามคืนค่ำรำ-ร่ายคลายหม่นเฉา
วาดฟากฝันวันฟ้าสวยด้วยแสงเงา.
เขียนเรื่องเล่ากับใบไม้ใต้จันทรา

ครั้นถึงกาลผ่านผันฝันจึงเปลี่ยน
สิ่งหมุนเวียนเขียนความหมายที่ปลายฟ้า
ว่าสิ่งเห็นเป็นขอบว่างหว่างเวลา
มาทาบทาแล้ว ทอ-ทับกับครรลอง

จึงบรรเลงเพลงสายน้ำยามเดียวดาย
สื่อความหมายปลายฝันในวันหมอง
ผ่านคืนค่ำเคยย่ำย่างอย่างลำพอง
ด้วยทำนองของน้ำตาภาษาใจ

ให้ความเหงาเข้าข้างกายระบายสี
กับคืนนี้...ที่ไร้ดาวมาพราวใส
เก็บเกี่ยวถ้อยร้อยคำหวานจากก้านใบ
ก่อนฝากไว้ให้บรรเลงเพลง..สาย..ธาร..

				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟปางสีฝุ่น
Lovings  ปางสีฝุ่น เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟปางสีฝุ่น
Lovings  ปางสีฝุ่น เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟปางสีฝุ่น
Lovings  ปางสีฝุ่น เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงปางสีฝุ่น