23 มิถุนายน 2547 14:46 น.

เพราะฉันชอบเขียนกลอน

พิมานรัถยา

เขียนกลอนรักใช่ว่ารักเราจักหวาน
เขียนกลอนเศร้าใช่ว่าใจเราร้าวราน
ลิขิตจารเพียงภิรมย์ชมบทกลอน

จับทุกข์ สุข โศก เศร้าที่เราเห็น
มาร่ายเป็นกาพย์กวีมีไว้สอน
ใจของเราให้พึงเห็นเป็นสังวร
โลกร้าวรอนซัดส่ายสักปานใด

ละครคนบนพิภพไม่จบสิ้น
ให้ชาชินแต่ชอบจับมาขีดไข
เป็นความสุขยามว่างไม่มีอะไร
เขียนเข้าไปภาษาไทยที่เรียนมา

ให้แปลกใจต้องไขความท่ามงานเขียน
ผู้คนเวียนถามไถ่ในภาษา
ว่าชีวิตเป็นดั่งเช่นรจนา
ใช่โศกกาหรือมีรักจริงไหมเอย

จะขอไขข้อความยามได้ตอบ
ว่าฉันชอบบทกวีหนาเจ้าเอ๋ย
มีอะไรฉันก็เขียนอย่างที่เคย
เพียงอยากเปรยตามจินตนาภาษากวี

รักหรือหลงก็คงเป็นเช่นนั้นอยู่
เพียงแต่รู้ว่ามันไม่วิเศษศรี
มีทุกข์เพียบเพียบหนักมากมายมี
ดูวิถีรักบนโลกโบกมือลา
 
อดีตอาจมีรักสลักจิต
ให้เชยชิดชื่นชมเสน่หา
เมื่อรักร้างห่างหายจากวิญญา
พันธกาล..ณ..ใจข้าก็ปิดลง


วาระนี้ชีวีมีแต่สุข
ไร้ความทุกข์มากรายกร้ำให้ย่ำหลง
ร่ำกวีคีตะกลอนอ่อนบรรจง
ละเลงลงด้วยหัวใจรักในกลอน

ผิ..ยามใดรู้ว่าไฟใกล้จะหมด
เที่ยวเลี้ยวลดเสาะหาเชื้อไม้ขอน
มาเพิ่มเติมให้ไฟฟูฟู่ฟ่องฟอน
จากบทกลอนของท่านอื่น...ก็ฟื้นมา

บ้างจากภาพ จากนิยายขายตามแฝง
บันดาลแรงมนต์กวีสีภาษา
สร้างอัตลักษณ์จากรวงจิตจินตนา
สร้างมรรคาตามถนัดจัดลงไป

ฉันถนัดเขียนกลอนรักและกลอนเศร้า
หรือกลอนเหงาฉันก็พอจะเขียนได้
แต่ให้เขียนกลอนธรรมชาติพิลาสพิไล
เขียนไม่ได้อย่างที่ใจอยากให้เป็น

ฉันเขียนเป็นแต่กาพย์ กลอนและฉันท์
ส่วนโคลงนั้นแสนลำบากและยากเข็ญ
กี่ครั้งคราลองเขียนโคลงก็ไม่เป็น
เลยต้องเว้นไปเสียแม้นเสียดาย

หนึ่งปีหกเดือนที่เพียรร้อย
สายสร้อยถ้อยคำนำขยาย
หากไฟไม่หมดฤา..เจียนตาย
จักไม่คลายปณิธาน..ณ..ธารใจ

...................................๒๓   มิถุนายน  ๒๕๔๗........๑๓.๔๒ น.				
23 มิถุนายน 2547 10:17 น.

ตราบสิ้นพสุธามหาสมุทร

พิมานรัถยา

ตราบสิ้นพสุธามหาสมุทร 
นางใดเล่าผ่องผุดเท่ากนิษฐา 
แม้นหมื่นอัปสรจรสรวงมา 
เสี้ยวพักตรามิเทียมเท่าเจ้าอนงค์ 

ปานเทพีเทพจำแลงแปลงเป็นร่าง 
อาบสุภางค์อรชรอ่อนระหง 
ราวดั่งภาพเนรมิตวิจิตรบรรจง 
งามดั่งองค์ลักษมีวิไลวรรณ 

พ่างเพี้ยงนางในวังวรรณคดี 
พระฉวีระเรื่อดั่งศศิฉัน 
พระเนตรวับราวดารานับร้อยพัน 
พระโอษฐ์นั้นสีกุหลาบฉาบชมพู 

โอ้..พระโฉมปานดั่งโสมโลมลานฟ้า 
อันภาดาฤา..มีสิทธิ์คิดครองคู่
พญาหงส์ดำรงศักดิ์นักตราตรู 
ได้แต่ดูได้แต่ยล..ใช่!..คนควร 

ด้วยต่ำต้อยด้อยศักดิ์ทรัพย์ศฤงค์ 
มีเพียงรักที่ใหญ่ยิ่งไป่ผันผวน
มีเพียงใจดวงนี้ไป่เรรวน 
หมดทั้งมวลมอบให้เจ้าไม่เอาคืน 

.....................................๒๒   มิถุนายน  ๒๕๔๗				
23 มิถุนายน 2547 10:00 น.

เพียงอาทรอยู่ในจิตที่ชิดเธอ

พิมานรัถยา

บรรพกาลเกี่ยวพันถึงภพนี้
รวมฤดีรวงใหม่ยวงใยฝัน
ลีลาวดีคงดลใจร่ายสุคันธ์
มอบสิ่งฝันเลือนรางกระจ่างตา

ดั่งพิรุณโปรยปรายดุจสายรัก
ทุกหยาดหยดพยานภักดิ์เสน่หา
สัมพันธ์สร้างประกายใสในอุรา
ร่วมรักษาตราบสิ้นชีวินมลาย!

...................................................................

ให้ระทึกให้นึกหวั่นสะพรั่นพรึง
ให้คะนึงให้วิตกตระหนกไหว
ให้สะทกให้สะท้อนให้อ่อนใจ
ให้อาลัยให้สับสนกมลมาน

ฤา...รอยหอมรอยเดิมมาเติมซ้ำ
ฤา...รอยรักรอยกรรมย้อนขับขาน
ละอองรักคล้ายเลือนหายมลายราญ
กลับผสานสอดเกี่ยวเสี้ยวผูกพัน

จะสางสาวก็ถึงคราวให้ยาวยืด
จะจืดชืดกลับมิอาจจะห่างหัน
จะจรจากก็มิอาจจะพรากกัน
ให้งงงันรอยฝันในวันวาร

เป็นกรรมใดอะไรหนอที่ก่อฟื้น
จะเร้นหลบกลับปลุกตื่นชื่นเงาหวาน
จะตัดใยสายสัมพันธ์พันธกาล
ก็สะท้านให้ใจหายดั่งวายชนม์

โอ้..อุระเจ้าพระยาฟ้าลิขิต
สานกนิษฐ์สายระมิงค์อิงไพรสณฑ์
ห่างกันด้วยเวิ้งฟ้านภาดล
สองกมลไยไม่สิ้นถวิลใย

ทั้งไม่เหมาะเป็นคู่ใจให้ความรัก
ด้วยตระหนักประเพณีขีดคั่นไข
จำกรอบเขตจารีตงามห้ามหทัย
จำกัดได้เพียงเท่านี้ที่จำนน

คงแต่รอภพหน้ายามฟ้าใหม่
ร้อยสัมพันธ์สองใจอีกสักหน
อาจได้สมภิรมย์เรียงเคียงสกนธ์
จะรอจนนวภพได้สบเธอ

ณ..วันนี้ยังเอ็นดูอยู่ไกลห่าง
มองความสุขที่เธอสร้างอยู่เสมอ
ปลายโค้งฟ้ามอบคำนึงไปถึงเธอ
มิอาจเจอแต่ยังมั่นนิรันดร

จวบชราผมขาวถึงคราวสิ้น
แต่ดวงจินต์นั้นแน่นหนักดั่งสิงขร
ยามวิญญาณคืนสู่ฝั่งฟากอมร
จักอาทรเฝ้าพิทักษ์รักษาเธอ

..........เธอเห็นท้องฟ้านั่นไหม
ฉันเก็บเอาไว้ให้เธอ...และจะเป็นเช่นนั้นเสมอ....

...........................๒๑  มิถุยายน   ๒๕๔๗.				
14 มิถุนายน 2547 10:31 น.

ราตรีเจิดแจ่มจ้าเจือจันทร์

พิมานรัถยา

ราตรีเจิดแจ่มจ้า                     เจือจันทร์ 
ประดับดาราวรรณ                  ส่องฟ้า 
พระพายร่ายสุคันธ์                  บุปผะ..ชาตินา 
ฤา...จักไหวอกข้าฯ.                 เท่าเจ้าน้องนาง 

ยลแข..ธ..เวหน                      มนะลนละลานหวาม 
ตรึกพักตร์วธูงาม                    แลวิรามล้ำจันทร 

แสงอาบจากสุมะ.                    ยวนอุระรัวกำธร 
พ่างเพี้ยงฉวีอร.                      อรชรดั่งสุวรรณ 

ผกายกระพริบวับ                    ฉายฉลับแสงบุหลัน 
ฤ..เทียมเนตรลาวัณย์             ประหนึ่งนั้นนัยน์ตาทราย 

พระพายรำเพยพริ้ว                รายต้องผิวยะเยือกกาย 
อยากโอบนวลโฉมฉาย.           คงจักคลายสะท้านหนาว 

น้ำค้างหยดดังเผาะ.                 เสียงเสนาะไพเราะราว 
ถ้อย รัก จากโอษฐ์สาว             ชะโน้มน้าวมโนมน 

ปีติโสมนัส                               อกอุทธัจรึงรัดจน 
ดอกรักบานน่ายล                    ณ กมลคนรัก เอย				
13 มิถุนายน 2547 14:26 น.

มาลีมาเรียงร้อยถ้อยรัก

พิมานรัถยา

กาหลงชวนให้หลง                         งามทรวดทรงพธูนวล 
กาหลงหลงรัญจวน                         บ่เทียบอวลฉวีนาง 

รักเร่มาเร่รัก                                 ผูกสมัครรักสอางค์ 
รักพี่บ่จืดจาง                                  มิราร้างห่างตราตรู 

นางแย้มแย้มหยดย้อย                  ชายแช่มช้อยราววธู 
เหมือนนางแย้มให้รู้                      ว่าโฉมตรูรักภาดา 

ซ่อนกลิ่นซ่อนกลิ่นนาง                   หอมดั่งปรางเสาวภา 
ซ่อนกลิ่นสิเน่หา                             ซ่อนรักมาให้พี่หลง 

รำเพยเอ่ยรำพึง                             รักเพียงหนึ่งยอดอนงค์ 
ผิจากเจ้าโฉมยง                             เชษฐาคงไป่รักใคร 

สร้อยฟ้าย้อยระย้า                          งามหยาดฟ้าพักตร์ทรามวัย 
งามสุดสุดหลงใหล                          เกินห้ามใจฝันใฝ่ถึง 

พะยอมยอมแต่น้อง                        ด้วยถนอมด้วยคณึง 
เพราะรักจึ่งรำพึง                           ร้อยกาพย์ซึ้งให้น้องฟัง				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟพิมานรัถยา
Lovings  พิมานรัถยา เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟพิมานรัถยา
Lovings  พิมานรัถยา เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟพิมานรัถยา
Lovings  พิมานรัถยา เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงพิมานรัถยา