20 กรกฎาคม 2552 12:23 น.

สตางค์ใต้กอหญ้าฯ

ภูวเชวง

ทุก ๆ วัน  เด็กกลุ่มหนึ่งเดินไปตามเส้นทางเล็ก ๆ ท่ามกลางดอกไม้ใบหญ้าที่ล้อมรอบระหว่างทาง    ข้างที่ว่าการอำเภอ  ซึ่งพวกเธอเดินแบบนี้เป็นปกติทุกเช้า-เย็นทั้งขาไปและขากลับจากโรงเรียน  เด็กคนโตเดินนำหน้าพรรคพวกซึ่งเขาก็ชื่อโตเสียด้วยช่างโตสมชื่อจริง ๆ  เพราะรูปร่างอ้วนจ้ำม่ำสูงใหญ่กว่าเด็กวัยเดียวกันที่กำลังเรียนประถมปลาย  กอปรกับเธอเป็นเด็กผู้ชายที่ใจกว้างรักพวกพ้อง  หากใครในกลุ่มถูกรังแกเธอเป็นต้องออกหน้าปกป้องตีเป็นตีต่อยเป็นต่อย  ดังนั้นเธอจึงได้รับฉายาว่าพี่สิงโตแห่งบ้านนาอ้อม  ส่วนเด็กอีก 5-6 คนที่เดินตามมีสัดส่วนความสูงไล่เลี่ยกันทั้งชายและหญิง ยกเว้นคนสุดท้ายที่มีหุ่นสูงโปร่งทะมัดทะแมง ผิวพรรณดีหน้าตาสดใส บุคลิกชอบคลี่ยิ้มอย่างไม่ถือตัว  ผู้ได้รับฉายาจากเด็กในกลุ่มว่าคุณโย่ง         ที่มีคำนำหน้าว่าคุณเนื่องจากเธอเป็นลูกปลัดอำเภอ  คุณแม่เป็นครูสอนภาษาไทย ป.5  มีอยู่คนเดียวที่สามารถขานชื่อคุณโย่งว่าไอ้โย่งได้คือพี่สิงโตนั่นเอง       พี่โตบอกว่าวันไหนถ้ามนุษย์โย่งเอานมผงมาแบ่งให้พรรคพวกได้กินเขาก็จะได้รับเกียรติเรียกคุณโย่ง       แต่ถ้าวันใดไม่เอานมผงติดมือมาด้วย คุณโย่งก็จะกลายเป็นไอ้โย่งทันที (หรือพวกเราห็นแก่กินไหมนี่)    อย่างไรก็ดีพี่สิงโตให้เหตุผลตามที่คุณครูทองศรีมารดาของคุณโย่งเคยสอนไว้ว่า ถ้าเด็ก ๆ ดื่มนมทุกวันจะทำให้เติบโตเร็ว เพราะฉะนั้นพี่สิงโตจึงอยากให้พวกเราเจริญวัยและแข็งแรงอย่างคุณโย่ง    กระนั้นก็ตามที่ให้คุณโย่งเดินรั้งท้ายคนอื่นก็เพื่อคุ้มกันความปลอดภัยไม่ให้หมาบ้านพักนายอำเภอกัดก้นพวกเรา  เหตุผลง่ายนิดเดียวก็คือคุณโย่งคุ้นเคยกับหมาตัวนั้น เพราะคุณพ่อปลัดพาเขาไปบ้านนายอำเภออยู่บ่อย ๆ  จนหมาจำกลิ่นเขาได้  มันจึงไม่กล้าตอแย  แต่หมาตัวนั้นคงกลัวเสียศักดิ์ศรีความเป็นเจ้าถิ่น ก่อนที่จะพ่ายหนีมันจะเค้นคำจากลำคอเห่าพอเป็นพิธีแล้วชูหางโด่ยั่วให้เห็นตูดดำวิ่งเตลิดไป
		เด็ก ๆ ในกลุ่มมีผู้หญิงเพียงคนเดียวคือน้องแตมท่าทางก๋ากั่นเอาการ  เธอพูดภาษาท้องถิ่นได้ไม่ค่อยชัดนัก
	เพราะเพิ่งย้ายมาจากกรุงเทพฯ  อาศัยอยู่กับคุณย่า เธอเป็นลูกกำพร้าแม่  ส่วนคุณพ่อยังอยู่แต่ทำงานที่กรุงเทพฯ  แตมเรียนชั้น
	ป.5 ห้องคุณครูทองศรี  ซึ่งสอนภาษาไทยให้แก่พวกเรา     การใช้ภาษาไทยต้องยกให้หนูแตม สำหรับพวกเราพูดไม่ถนัดคำ
	พี่สิงโตบอกว่าอึดอัดที่สุดเมื่อถูกให้ออกไปพูดรายงานตัวหน้าห้องเป็นภาษาคนภาคกลาง  เขาบ่นว่ามันหยังมายากใบ้ยากง่าว
	และมักจะถูกหญิงแตมพยักยิ้มเยาะอยู่บ่อยครั้งเมื่อเขาพูดเพี้ยนปะแล่ด บางทีเธอก็เหน็บแนมพี่สิงโตว่าให้รีบ ๆโตกว่านี้
แล้วไปอยู่กรุงเทพฯ จะได้พูดจาคล่องแคล่วเป็นน้ำไหลไฟดับแบบนักการเมืองหาเสียง       
		ระหว่างทางน้องแตมชอบแจกเมล็ดมะขามคั่วให้เพื่อน ๆ คนละ 4 เมล็ด     โดยก่อนแจกใส่กำมือเธอจะกำชับว่า
	ให้แกะเปลือกบางสีดำที่หุ้มเมล็ดออกแล้วอมไว้ 5 นาที มิเช่นนั้นถ้าใครขืนใส่ปากแล้วเคี้ยวฟันจะบิ่นจะบอกวิธีให้  ทุกคนในกลุ่มเชื่อแตม เพราะเมล็ดมะขามคั่วแข็งโป๊กจริง ๆ แต่พอโดนน้ำลายเพียง 5 นาทีก็เคี้ยวได้ทั้งเหนียวนุ่มและมันเขี้ยวขบตุบ ๆ 
ให้สมองตื่นสั่งพลังตีนก้าวเดินเดาะเวลาท่ามกลางต้นหญ้าบานสะพรั่งริมทาง
		ต้นหญ้าหลายชนิด บางต้นกำลังระบัดใบ บางช่อก็ชูดอกบานไสวเป็นพุ่มสวยละลานตาเต็มสนามตามทางเดินซึ่งสวย
กว่าภาพถ่ายทิวทัศน์ที่ติดอยู่ข้างฝาห้องเรียน  ดอกหญ้าดอกน้อย ๆ หลายดอกปลิวไปติดแต่งแต้มชายกระโปงสีน้ำเงินของน้องแตม ฉันชอบดอกบานไม่รู้โรยทั้งสีขาวและสีม่วงแดงพวกเราดูสิสีสวยประดับกระโปงของฉัน แตมชี้ให้พวกเราดูและชวนหยุดพักสักครู่ให้หายเหนื่อยพร้อมชมดอกไม้ใบหญ้าอันงดงาม
ฉันคิดต่างไปจากหญิงแตม  ฉันไม่ชอบดอกตะล่อมหรือบานไม่รู้โรยเหล่านั้นหรอก  สิงโตแสดงความเป็นผู้นำออกมา
ที่เชื่อมั่นในตัวเองสูง ซึ่งไม่ยอมคิดตามใครง่าย ๆ  แต่เขาก็มีเหตุผลอธิบายได้เสมอ




                                                                                                                                                                        

ช่างเถอะ  แตมไม่ได้บังคับผู้อาวุโสตลอดกาลอย่างพี่โตให้เห็นคล้อยตาม  หญิงแตมพูดค่อนแคะแลออกงอนนิด ๆ 
แล้วนั่งทับกระโปงบานแบบสบายอารมณ์ตรงที่ว่างข้างกอหญ้า
ครูสอนพวกเราไม่ใช่เหรอที่บอกว่า คนเราคิดต่างกันได้แต่อย่าแตกแยก  ฉันก็คิดอย่างที่ฉันชอบหญ้าหนวดแมวมากกว่า
ดอกหญ้าอื่น ๆ  เหตุผลเพราะเวลาสายลมพัดพลิ้วแผ่วมันก็ลู่ใบบางเบาไปตามสายลมดูสะสวย พอลมหยุดมันก็คล้ายหนวดแมว แต่ไม่ถึงกับร้องเหมียว ๆ อีกทั้งคุณปู่เคยบอกฉันว่ามันเป็นยาสมุนไพรใช้ต้มกินขับเม็ดนิ่วในไตได้ดีนักแล
แล้วคุณโย่งมีความเห็นอย่างไรกับดอกหญ้าพวกนี้หรือคะ   น้องแตมหยอดยิ้มทักทาย ขณะที่คุณโย่งฉีกยิ้มอย่างมี
เอกลักษณ์พลางกล่าวว่า  ฉันชอบความหลากหลายของชีวิต
ทำไม รึ  ขยายความหน่อยดิ  หนูแตมผู้ช่างสงสัยใคร่รู้ยื่นหน้ากลม ๆ เข้าใกล้คุณโย่ง
แม่ฉันเคยบอกว่า ความหลากหลายช่วยให้ชีวิตมีสีสันไม่จืดชืดและพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกันได้ในโลกนี้
ใช่แล้ว ไอ้โย่ง เอ๊ย คุณโย่งพูดถูก ถ้าไม่มีคุณโย่งพวกเราก็ไม่ได้แลบลิ้นเลียนมผง ขณะเดียวกันถ้าไม่มีพวกเราคุณโย่ง
ก็คงไม่มีเพื่อนเล่นและร่วมเดินทางด้วยใช่ไหมล่ะ  สิงโตนั่งตบเข่าแบบภาวะผู้นำในกลุ่มพร้อมกล่าวชื่นชมคุณโย่ง
พรุ่งนี้เช้าคงได้กินนมผงเพิ่มอีกสัก 3 ถุงล่ะกระมังพวกเรา  หนูแตมสอดคำพูดแล้วสบตาคุณโย่งอย่างมีความหวัง
เออ! ว่าแต่ใครมีการบ้านวิชาภาษาไทยบ้างถามแตมได้นะ  แตมปรารภกับเพื่อน ๆ ด้วยความเต็มใจที่จะตอบคำถาม
ดีแล้วล่ะที่เอ่ยถึงเรื่องนี้   ฉันไม่เข้าใจคำประสม  มีวิธีสังเกตอย่างไงว่าคำนั้น ๆ เป็นคำประสม
โถ! พี่โตก็ คำประสมคือคำที่เกิดจากคำมูลตั้งแต่ 2 คำขึ้นไปนำมารวมกันให้เป็นคำใหม่ซึ่งอาจมีความหมายใหม่หรือมี
เค้าของความหมายเดิมอยู่บ้าง   คำประสมเกิดจากคำไทยแท้ ๆ หรืออาจประสมกับภาษาต่างชาติบ้างก็ได้  เช่น พวกเรา
เรียกพี่โตว่า ลูกพี่ ซึ่งมีคำว่าลูกกับพี่เมื่อประสมกันแล้วได้ความหมายใหม่อันหมายถึงผู้เป็นหัวหน้า   และอีกคำหนึ่งคือ
คำว่าลูกน้อง ก็จัดว่าเป็นคำประสมด้วยเพราะได้ความหมายใหม่ซึ่งหมายถึงผู้ใต้บังคับบัญชาหรือผู้ตาม   ดังนั้นคำว่าลูกพี่
และลูกน้อง จึงจัดเป็นคำประสมนะจ๊ะจำไว้ให้ดี
ลูกพี่ขอขอบคุณลูกน้องเป็นอย่างมากที่ช่วยอธิบายให้เข้าใจ  ต่อไปลูกพี่จะจดจำไปจนโตถึงแก่ตาย แต่ขอถามอีกข้อหนึ่งเถอะ
คำซ้อนเป็นอย่างไรหรือแตม    
คำซ้อน คือการนำเอาคำมาเรียงซ้อนกัน ซึ่งอาจเกิดความหมายใหม่หรือใกล้เคียงความหมายเดิมก็ได้  แต่เราต้องแยกแยะ
ระหว่างคำซ้อนเสียงกับซ้อนความหมาย คำซ้อนเสียงเช่น หยุกหยิก ยุ่งเหยิง  แจ่มแจ้ง  จุกกจิก  คุ้ยเขี่ย  คำซ้อนความหมายเช่น
ต่อยตี โต้แย้ง กักขัง  ขัดแย้ง    ที่กล่าวมานี้พอเข้าใจหรือยังคะ  หนูแตมกล่าวสำทับภายหลังอธิบาย
ลูกพี่ พอเข้าใจแล้วครับหนูแตม       พวกเราต่อไปนี้ถ้าใครมีปัญหาเกี่ยวกับภาษาไทยต้องยกให้คุณหนูแตมเป็นผู้นำตอบ
เพราะเธอสันทัดกรณี   เอ๊า พวกเราปรบมือให้เธอหน่อย เย้    
แล้วอีก 4-5 คนรวมทั้งคุณโย่งที่นั่งฟังอย่างเดียวหวังว่าทุกคนคงเข้ใจนะคะ  เธอแสดงเจตจำนงด้วยแววตาที่เปี่ยมสุข
 ขณะที่ใครคนหนึ่งในกลุ่มบอกว่าเมื่อทุกคนหายเหนื่อยแล้วได้เวลาเดินทางต่อได้แล้วล่ะ
อุ๊ย! สตางค์ของฉันหล่นหายไปไหน 3 เหรียญ  เมื่อกี้ก่อนนั่งยังมีอยู่เลย  หนูแตมตกใจเมื่อควานหาเหรียญห้าสิบสตางค์
ในกระเป๋ากระโปงไม่เจอ
เธอแน่ใจนะว่าหล่นหายบริเวณนี้  สิงโตยืนเอามือไขว้หลังทำท่าพูดจาขึงขัง
แน่ยิ่งกว่าแน่เสียอีก  มันต้องหล่นอยู่ใต้กอหญ้าแถวนี้แหละ แตมบ่นอุบอิบพร้อมกับก้มหน้าจิกสายตาเสาะหาสตางค์



                                                                                                                                                                                                  
ด้วยความเสียดาย เพราะแตมอุตส่าห์ขยักไว้หยอดกระปุกออมสินทุกวัน อย่างน้อยวัน 1 บาท ซึ่งคุณย่าให้เป็นค่าขนมวันละ 10
บาท    คงไม่มีใครล้วงกระเป๋าเธอหรอก ฉันว่ามันน่าจะซ่อนอยู่ใต้กอหญ้าบริเวณนี้แหละ  คุณโย่งทำหน้าไม่สบายใจเจือ
ความกังวลกับสิ่งที่เกิดขึ้น
พวกเรา ช่วยกันหาให้ทั่วซิ ใครก็ได้ช่วยดูใต้พุ่มบานไม่รู้โรยดอกสีแดงกลุ่มนั้นหน่อย  สิงโตผู้เป็นลูกพี่สั่งการให้ลูกน้อง
ทุกคนปฏิบัติตามคำบัญชาขณะที่ตัวเขาเองกำลังม้วนยอดต้นหนวดแมวแล้วขู่ให้สารภาพโทษฐานแอบบดบังเหรียญน้อย ๆ ไว้ 
 มิเช่นนั้นจะถูกหนังยางรัดหนวดให้เจ็บนาน
ลูกพี่และเพื่อน ๆ คะ  ระวังมือหน่อยนะจ๊ะ  ฉันเกรงว่าจะโดนช่อดอกไม้ที่งดงามเหล่านี้หักได้ หนูแตมเจ้าของเหรียญกล่าว
ขอร้องพลางประคับประคองช่อดอกมิให้โดนอารมณ์พวกผู้ชายที่กำลังหงุดหงิดในการค้นหาเหรียญ
พวกเรา โน้มช่อดอกบานไม่รู้โรยเข้าชิดกันแล้วรัดด้วยหนังยางให้แน่นทรมานมันไว้แบบนี้สัก 1 คืน  พรุ่งนี้เช้ามาโรงเรียน
ค่อยแก้มัด  นี่ถือเป็นมาตรการโต้ตอบต่อหัวขโมย  เขากำชับลูกน้องด้วยบุคลิกของผู้นำที่รับผิดชอบ
ไม่เอา  ฉันไม่ชอบวิธีปฏิบัติเช่นนี้มันไม่ยุติธรรมสำหรับต้นหญ้าและดอกไม้พวกนี้  แตมทำหน้ายู่ยี่ทั้งขอร้องพรรคพวก
เกิดเป็นผู้หญิงก็อย่างนี้แหละชอบใจอ่อน  สิงโตไม่มองหน้าขณะพูดขึ้นลอย ๆ 
ฉันกลัวมันจะเจ็บปวดทรมานทั้งคืน ดูสิ เพียงโดนเล็บนิดเดียวดอกก็ร่วงพวงไสวหล่นลงดินแล้ว  เธอบ่นทั้งคัดค้านการรัด
หนังยาง
นี่แหละนะที่คนเขาว่ากันว่าคนเก่งภาษาไทยชอบคิดมากละเอียดเชียวกับอีแค่ต้นหญ้าไม่กี่ต้นมันมีคุณค่าอะไรกันนักหนา เถอะพรุ่งนี้เช้าจะเหน็บมีดมาด้วย ฉันจะถางให้เตียนทั้งเส้นทางเดิน แล้วจะได้รู้รสชาติความเจ็บปวดมากกว่านี้ ลูกพี่สบถบ่นดวงตาดุดันจ้องจิกจับความผิดพืชพันธุกรรมพวกนั้น
ไชโย ๆ  ฉันเจอแล้ว 2 เหรียญ นอนอยู่ใต้กอหญ้านี่ไง  คุณโย่งชูเหรียญห้าสิบสตางค์ขึ้นด้วยความดีใจ
เย้ ๆ ฉันก็เจอเช่นกัน มันซ่อนอยู่ที่กลีบดอกดาวเรืองนั่นไง ว่าพลางหนูแตมทำนิ้วมือเป็นตะเกียบค่อย ๆ คีบเอาเหรียญ
ในกลีบดอกอย่างระมัดระวัง
เป็นอันว่าได้ครบทั้ง 3 เหรียญแล้ว  ดังนั้นฉันขอประกาศให้พ้นความผิดแก้มัดพวกมันออกเดี๋ยวนี้  สิงโตผู้เป็นลูกพี่สั่งการ
ด้วยน้ำเสียงแห่งผู้มีอำนาจ
ดอกไม้จ๋า เพราะฉันแท้ ๆ ที่เป็นต้นเหตุให้เธอต้องเจ็บปวด  ฉันขอโทษโปรดอภัยให้แก่พวกเราด้วย  ที่ล่วงเกินชีวิตความสวยงามของพวกเธอ   ต่อไปพวกฉันจะไม่ทำแบบนี้อีกแล้ว
หนูแตมนั่งคุกเข่าตระกองดอกหญ้าทั้งน้ำตาเล็ดระคนดีใจที่ไม่เกิดการทรมานดอกไม้ใบหญ้าให้นานไปมากกว่านี้
ตะวันใกล้จะตกดินแล้ว พวกเรารีบกลับกันเถอะ  คุณโย่งยืนรั้งท้ายบอกให้พรรคพวกเร่งก้าวเดินกลับบ้าน
	แสงแดดสีคล้ายผิวส้มเขียวหวานสุก ทอแสงอ่อน ๆ เหนือภูเขาฉาบไล้ระบายแมกไม้นานาพันธุ์ที่ขับผิวเขียวครึ้มคลุมแผ่นดินเสมือนว่าปกป้องขุนเขาแห่งต้นน้ำน่านมานานยิ่งนัก  นกปรอดหัวจุกส่งเสียงเจี๊ยวจ๊าวแจ้งให้บริวารบินหวนคืนกลับรวงรัง       ที่ไหล่เขาขุนน่านพวกเผ่าผีตองเหลืองซึ่งหากินอยู่กับธรรมชาติคงกลับเพิงพักที่มุงหลังคาด้วยใบตอง
ภายใต้ขุนเขาลงมา    เด็กนักเรียนกลุ่มนั้นพากันยิ้มเริงร่าโบกมือลาเดินทางกลับบ้านอย่างมีความสุขท่ามกลางไอดินกลิ่นหญ้าที่ยืนหยัดสร้างลมหายใจอันบริสุทธิ์ให้โลกนี้สูดดมเอาความดี  โดยไม่รู้ว่าจะถูกถางให้โล่งเตียนไปในวันใดไม่รู้
pphoovadol@yahoo.com     เขียนโดย ภูวดล ภูภัทรโยธิน				
13 กรกฎาคม 2552 08:29 น.

"ลืม" แด่...ความกตัญญู

ภูวเชวง

เรื่องสั้น                                           ลืม             เขียนโดย ภูวดล ภูภัทรโยธิน

	ยายแม้น หอบสังขารออกจากรูหนู ซึ่งไม่น่าจะเรียกว่าบ้าน เพราะมันหลังเล็กนิดเดียว  พื้นกระดาน
ทำด้วยฝาโลงศพ       ส่วนฝาบ้านประกอบด้วยไม้อัดเก่า ๆ   อันเกาะแน่นไปด้วยเชื้อราเป็นรอยดำด่างอยู่ดารดาษ   
ด้านนอกฝาบ้านเห็ดดอกเล็ก ๆ  ผุดขึ้นเรียงราย  วันใดถ้าฝนตกเห็ดจะบานรับความชื้นคล้ายว่าชื่นสุขไม่เฉาจนฝ่อดอก   แต่หญิงชราหลังค่อมผู้มีหน้าผาก    กร้านไปด้วยริ้วรอยเป็นหยัก ๆ  แก้มตอบไม่เต็มเนื้อ  ขี้แมลงวันกระจายพื้นผิวหน้า  ซึ่งบ่งว่าผ่านกาลเวลามาเนิ่นนาน      เธอกลับคิดว่าถ้าวันใดฝนตกจะรู้สึกหดหู่และเศร้าหมองใจอยู่คนเดียวในรังหนู   บริเวณด้านหลังโรงเรียนที่ตั้งอยู่ติดเขตวัด
	วันนี้ดูเธอมีความหวังเป็นพิเศษกับรายได้ที่รอคอย  โดยรอให้งานพิธีวันแม่ดำเนินการเสร็จสิ้นลง
เสียก่อน    หล่อนจึงจะมีสิทธิ์กอบโกยเอาสิ่งนั้น
ยาย...เข้ามานั่งใต้ต้นสาละนี่ดีกว่าจะได้ไม่ร้อน   เดี๋ยวก็เป็นไข้แดดเข้าหรอก  นักการภารโรงชาย  รูปร่างสูง
ใหญ่ ผิวสองสี พูดจาสำเนียงเหน่อแบบชาวสุพรรณ  เอ่ยทักหญิงชราที่เขาเห็นมานาน       เขายกเก้าอี้พลาสติกให้
แกนั่งใต้ต้นไม้ที่เป็นสัญลักษณ์แห่งการประสูติของพระพุทธเจ้า   แล้วเดินอ้อมไปด้านหลังเวที บนลานสนามบาสเก็ตบอล    แม่นี้มีบุญคุณอันใหญ่หลวง  แม่ห่วงหวงลูกรักดั่งดวงชีวา  เสียงเพลงที่ทางโรงเรียนเปิด  ได้ยินชัดเต็มรูหูทั้งสองข้างของยายแม้น  เพราะลำโพงใบใหญ่ตั้งอยู่ไม่ห่างจากที่แกนั่งเท่าใดนัก
นางยกมือขึ้นท่วมหัวสาธุ  เมื่อเห็นพระสงฆ์ 9 รูป ก้าวขึ้นอาสนะบนเวที
กราบเรียน ท่านนายกสมาคมศิษย์เก่า   ท่าน ผอ.  ท่านผู้ปกครองนักเรียนทุกท่าน และสวัสดีนักเรียนทุกคน
บัดนี้ได้เวลาเริ่มพิธีวันแม่แล้ว  ขอเรียนเชิญทุกท่านบูชาพระรัตนตรัยและสมาทานศีลห้า  สิ้นเสียงพิธีกรกล่าวนำ  เสียงแห่งองค์บุญก็ส่ำเสียงสวดสืบสายธารธรรมอย่างถนัดชัดถ้อย   
ยาย  จะร่วมอนุโมทนาบุญมั้ย?   นักการภารโรงถือขันเรี่ยไรยื่นใบบุญมาหา  ขณะที่นางเลิกชายเสื้อ
ควักหาเหรียญในกระเป๋าใบเล็กที่ผูกติดกับเข็มขัดเงินคู่ชีพ  ซึ่งแกใช้มันมาตั้งแต่สมัยเป็นสาวแล้ว
ยายขอร่วมโมทนาบุญ 2 บาท   นะพิบูล  เงินมันหายากไอ้หนู
ได้ครับยาย สุดแต่จะศรัทธา วันนี้วันรำลึกพระคุณแม่  ลูกทุกคนจะได้แสดงความกตัญญูให้ได้บุญยืนยาว
พิบูลนักการภารโรง ทิ้งคำพูดก่อนจะเดินเลี่ยงไปทางด้านขวาของเวที
	ภายหลังที่พระสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์และฉันภัตตาหารเพลเสร็จแล้ว  บนเวทีใหญ่คึกคักไปด้วยแม่ตัวอย่างนั่งเก้าอี้เรียงรายพร้อมหน้า   ภาพเด็กนักเรียนผลัดกันขึ้นเวทีมอบพวงมาลัยให้คุณแม่ของตัวเอง  ต่างคนต่างก้มกราบที่แทบเท้าคุณแม่  บางคนก็กอดขาคุณแม่ร้องไห้คร่ำครวญถึงสิ่งที่ตัวเองได้กระทำไม่ดีต่อแม่  บางคนก็พรั่งพรูคำพูดสารภาพบาปกับแม่ ที่ทำให้แม่ต้องผิดหวังในตัวเขา  เด็กบางคนเอาหน้าเกลือกไปที่เท้าของคุณแม่
โดยไม่รังเกียจแม้แต่น้อย   สายตาของคุณแม่ทุกดวงเต็มไปด้วยหยดน้ำตาที่หลั่งรินลงสู่พวงมาลัยจนเปียกชุ่ม
ขณะที่คุณหญิงนายกสมาคมศิษย์เก่าฯ  หยิบทิซชู่ซับน้ำตาตัวเอง ด้วยใบหน้าที่ตื้นตันใจที่เห็นภาพเหล่านั้น
แม่นี้มีบุญคุณอันใหญ่หลวง เฝ้าห่วงหวงลูกรักดั่งดวงชีวา    เสียงเพลงคลอความคร่ำครวญชวนให้ตรึงใจผู้ฟัง
เป็นยิ่งนัก    แต่หญิงหนึ่งซึ่งชราภาพแล้ว ยังนั่งอยู่บนเก้าอี้ไม่ลุกไปไหน และไม่มีใครมามอบพวงมาลัยให้เธอ





                                                                                                               


ขอเชิญท่านนายกฯ ท่าน ผอ. และตัวแทนผู้เป็นแม่ 9 ท่าน ถวายปัจจัยไทยธรรมแด่พระสงฆ์ ณ บัดนี้
พิธีกรประกาศด้วยน้ำเสียงอันทุ้มนุ่ม พร้อมกับอ่านบทกลอนใส่อารมณ์สะอึกสะอื้น
แม่เปรียบพระอรหันต์ขวัญทั่วหล้า
แม่เปรียบฟ้าสุธาธาร สานสมัย
แม่เปรียบสูรย์ส่องหล้าอ่าอำไพ
แม่ยิ่งใหญ่เหนือทุกอย่างสร้างชีวา
อิ่มในอกอุ่นแม่เอื้อเกื้อกูลลูก
สัมพันธ์ผูกแน่นแฟ้นยิ่งแผ่นผา
เฝ้าถนอมเลี้ยงดูได้อยู่มา
รู้เถิดว่าด้วยรักแท้ แม่เราเอง
ยาย  จะไปรับน้ำพระพุทธมนต์มั้ย ผมจะพาไป  พิบูลนักการภารโรงเอ่ยถามหญิงชรา
ไม่เป็นไรหรอกลูก  อยู่ไหนก็ได้บุญเหมือนกัน
ถ้างั้น อีกสักครู่ หากเสร็จพิธีผมจะกลับมาหายายนะ
เออ! ขอบใจ  ไปช่วยทางนู้นก่อนเถอะ  อย่าห่วงยายไปเลย
พิธีการวันแม่ใกล้จะเสร็จแล้ว    พระสงฆ์ทั้งหมดลุกจากอาสนะ   ประธานสงฆ์เดินเข้าไปทักทายญาติโยม
ส่วนพระรูปรอง ๆ  เดินเลี่ยงลงบันไดข้างเวทีไปก่อน
บวชเรียนพากเพียรจนสิ้น หนึ่งหยดน้ำนมกินทดแทนไม่สิ้นพระคุณแม่เอย   เสียงเพลงค่าน้ำนมดังขึ้นอีกครั้ง
ขณะที่พระสงฆ์ทยอยลงเวที
เฮ่อ ! งานเสร็จก็โล่งอกไปที  พอหายเหนื่อยบ้างแล้วล่ะยาย
คิดเสียว่าได้บุญอันยิ่งใหญ่ในวันแม่ก็แล้วกันพิบูล  หญิงชราเปรยคำพูดเชิงปลอบใจ
เออ! ยาย พระลูกชายไปจำพรรษาอยู่ที่ไหนเหรอ  ผมไม่เจอนานหลายปีแล้ว
พระลูกชายของยาย เค้าไปธุดงค์ทางภาคเหนือ   เมื่อ 4 ปีที่แล้วเค้าเขียนจดหมายมาฉบับหนึ่ง  บอกว่าพักจำพรรษาอยู่สำนักสงฆ์ กตัญญุตาราม จังหวัดเชียงใหม่    จากนั้นก็เงียบหายไปไม่ติดต่อมาอีกเลย  แล้วจดหมายก็บอกที่อยู่ไม่ชัดเจน   ยายจึงไม่รู้จะติดต่ออย่างไร
ยาย อันที่จริง พระท่านน่าจะโทร. มาก็ได้ เพราะผมเคยให้เบอร์โรงเรียนไป
ก็ไม่รู้สิ  ยายปลงแล้ว  ถ้าตายก็เผาที่วัดนี้แหละ  โลงศพก็รื้อเอาพื้นกระดานบ้านนั่นประไร มีทั้งฝาและโลง
อยู่พร้อมแล้ว  กลัวแต่จะทรมานสังขารไม่ยอมตายซักที  นางบ่นพึมพำให้กับตัวเอง
ไปยาย  ได้เวลาเป็นเงินเป็นทองของยายแล้ว   
เออ  ก็ดีเหมือนกัน ยายรอเวลาทองมานานแล้ว





                                                                                                                  
โอ้! ยาย   มะลิพวงมาลัยเป็นกองเลย  นี่พวงละหลายสตางค์นะเนี่ย   เอาเป็นว่ายายเลือกเอาตามใจชอบนะ
ผมขอตัวไปช่วยเขารื้อเวทีเสียก่อน
ขอบใจลูก  เดี๋ยวถ้าเต็มตะกร้าแล้ว  ยายจะกวักมือเรียก  แล้วอย่าคิดยายแพงนะ
ยาย  ไม่มีใครเขาคิดราคาหรอก  พอเสร็จพิธีก็หมดคุณค่า  เขาทิ้งมันเป็นขยะแล้ว
	
	ยายแม้น  ก้มหน้าเก็บพวงมาลัยดอกมะลิ ด้วยความหวังว่าจะได้นำไปขายที่สี่แยกไฟแดง  ขณะที่เก็บ
พวงมาลัย  ดูเธอมีความสุขกับโชยกลิ่นมะลิอันหอมละมุน    ภาพพิธีไหว้แม่บนเวทียังติดตาหญิงชราอยู่ตราตรึง
เสียงหวานซึ้งเพลงค่าน้ำนม  ยังประทับใจไม่รู้จืดจาง     ตะกร้าใบเก่าล้วนมีกลิ่นหอมอบอวลละมุนใจยิ่งนัก
 ยาย  เต็มตะกร้าหรือยัง
เออ ๆ  เต็มแล้วจ้า  พ่อหนุ่ม เธอตอบพร้อมรอยยิ้มสุขระคนเศร้าที่แฝงอยู่ในแววตาฝ้าฟาง
ยาย  ผมว่าเย็นนี้คงได้ขายทั้งคราบน้ำตาล่ะมั้ง
ยังไงนะ  พ่อหนุ่ม
ก็ตอนอยู่บนเวที ผมเห็นแต่ละคนร้องไห้ฟูมฟาย น้ำตาไหลร่วงสู่พวงมาลัยจนเปียกชุ่มไงครับ
พิบูลพูดถูกแล้วลูก  เย็นนี้ยายคงได้ขายทั้งคราบน้ำตาอย่างที่เราคิดล่ะนะ
เอางี้แล้วกัน  เดี๋ยวผมยกตะกร้าใส่มอเตอร์ไซค์ไปฝากไว้ที่ร้านเจ้แหวน เยื้องสี่แยกไฟแดง  แล้วยายตามไปรับ
ที่นั่นก็แล้วกัน จะได้ไม่ต้องหิ้วหนัก
ขอบใจมาก  พิบูลเอ๊ย  ถ้าไม่มีเอ็ง  ยายคงแย่  ตัวคนเดียว   เขายกตะกร้าแห่งคราบน้ำตาใส่ท้ายมอเตอร์ไซค์  แล้วบึ่งเสียงเคลื่อนไปไกลสายตาหญิงชราด้วยความสงสารต่อชีวิตของเธอผู้เหมือนไม้ใกล้ฝั่ง

	เย็นวันนั้นที่โรงเรียน ใครคนหนี่งเอะอะว่า หญิงชราหลังค่อม สวมเสื้อสีฟ้า  นุ่งผ้าถุงสีน้ำเงินทึบ 
 นอนเกยอยู่ขอบทางเท้าสี่แยกไฟแดง   เขาว่ากันว่าแกถูกรถเฉี่ยวชนจนล้มลงนอนเกยอยู่ตรงนั้น
ยาย ๆ  ตื่นสิ  ผมพิบูลนะยาย    ยายเคยบอกผมว่าคนชื่อพิบูลแปลว่าผู้มีจิตใจกว้างขวางมิใช่หรือ  ผมยังไม่ลืม
คำพูดของยาย  ตื่นสิครับยาย              เขาแหวกไทยมุงเข้าไปอุ้มหญิงชราขึ้นแท็กซี่แล้วเรียกชื่อยายอยู่ตลอด
ยายแม้น  อย่าหลับนะ  เดี๋ยวก็ถึงโรงพยาบาลแล้ว    หญิงชรายังสลบอยู่ในอ้อมกอดของเขา  และในวงแขน
ของเธอยังมีพวงมาลัยที่เหลืออยู่ 3 พวง     เขาฉุกคิดใช่แล้ว  พวงมาลัยที่มีคราบน้ำตาของความเป็นแม่
ผสมเลือดสด ๆ   เลือดแห่งความทุกข์ยากอันแสนเจ็บปวด    พวงมาลัยแห่งความรักความผูกพันที่สะท้อนความเหงาเศร้ากับชีวิตของเธอ        
	เวลา  21.13 น.  คืนวันนั้นเขากลับมาบ้านพักนักการภารโรง  ขณะที่ยายแม้น มณีโชคอวยชัย
ยังนอนหายใจรวยรินอยู่ในห้อง ไอ ซี ยู   ค่ำคืนแห่งความเศร้าเขานอนไม่หลับ  แว่วยินเสียงห้องข้าง ๆ   เปิดเพลงค่าน้ำนม     แม่นี้มีบุญคุณอันใหญ่หลวง...    บวชเรียนพากเพียรจนสิ้น หนึ่งหยดน้ำนมกินทดแทนไม่สิ้นพระคุณแม่เอย     
ยิ่งดึกความมืดยิ่งปกคลุมห้องสี่เหลี่ยมให้มืดสนิท  แต่โสตประสาทของเขาและใคร...ยังก้องกังวานไปด้วยเสียงเพลงนี้ตราบชั่วกาลนาน
E-mail:  pphoovadol@yahoo.com				
10 กรกฎาคม 2552 08:52 น.

บรรลุกลางอากาศ

ภูวเชวง

เรื่องสั้น                                               บรรลุกลางอากาศ               เขียนโดย  ภูวดล  ภูภัทรโยธิน      1                                                                                         
	เขาขับรถเก๋งคู่ใจ  ล้อแม็กซ์ขึ้นเงาวาววับเหมือนว่าสุนัขมิบังอาจฉี่รด  ฝุ่นหมดสิทธิ์เกาะจับ ทะเบียน 
ฌฐ 2789  เคลื่อนเข้าเขตลาดกระบัง วิ่งผ่านตลาดหัวตะเข้ (ฟังชื่อแล้วเท่เสียน่ากลัว) มุ่งหน้าสู่ ต.เปร็ง อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ  ระหว่างทางมีเพิงพักทรงหมาแหงนปลูกอยู่ริมทางเป็นระยะ ๆ  ควันไฟลอยอ้อยอิ่งออกมาจากเพิง
เขาชะลอรถ  เห็นป้ายสังกะสีเก่า ๆ เขียนไว้ว่า  หนูนา-ปลาสลิด ป้าหลิมเจ้าเก่า   เขาครุ่นคิดคำนึง สัตว์บกกับสัตว์น้ำ
มันยังอยู่รวมกันได้      แต่สัตว์มนุษย์ตัวเป็น ๆ ยิ่งเวลารวมกันมาก ๆ  ยิ่งมีปัญหาวุ่นวาย  กัดกันยิ่งกว่าหนูนาเสียอีก      บรรยากาศสองข้างทางยังคงไว้ซึ่งวิถีชีวิตแบบเกษตรกรรม    ที่หัวนานกกระยางคอยาวฝูงใหญ่
ไล่จิกปลาอยู่พึ่บพับไม่รู้แพ้แก่แสงแดดที่แผดเผาแพรปีกขาว      ใบข้าวเขียวเรียวใบล้อลมเล่นระริก เป็นทิวแถว
สุดแนวหางตา       เพียงแป๊บเดียวผายลมในรถยังไม่ทันหายเหม็น   พาหนะคันโปรดก็พาเขาเข้าแตะเบรคจอดสนิท
โดยสวัสดิภาพ ซึ่งมีซีเคียวริตี้ (ห้ามเรียกเขาว่ายาม เพราะเขาจะแกล้งไม่ได้ยิน) คอยอำนวยความสะดวก ณ ลานจอด
รถของสถาบันฯ    เขาฉุกคิดก่อนจะก้าวออกจากรถ  ทำไมแถว ๆ อนุสาวรีย์ชัยฯ ไม่เป็นแบบนี้หนอ จะได้ประหยัด
น้ำมันไปอีกเยอะ   ทุกวันนี้ขนาดว่ารถของเขาเติมน้ำมัน E 20   ยังกินเอา ๆ  จนถังกลวง  ทั้งเติมน้ำมันบ่อยจนเด็กปั๊ม
 ปตท. ให้ฉายาว่า  คุณพี่เติมเต็มมาอีกแล้ว  มนุษย์เงินเดือนหมื่นกว่าบาทอย่างเขาจึงต้องจำทนกับชะตากรรมต่อไป
	เวลา 11.00 น.  อันเป็นเวลาบรรยายที่เขาถนัดนั่นคือชั่วโมง จริยธรรมในการทำงาน  ทันทีที่เขาเปิด
ประตูห้องประชุมเข้าไป    เสียงปรบมือต้อนรับดังเกรียวกราวสนั่นห้อง     เขายืนยืดอกด้วยความภาคภูมิใจในการ
เป็นวิทยากร   ขณะที่มือถือไมค์โปรยยิ้มให้แก่พนักงานใหม่    พอสิ้นเสียงปรบมือ เขาร่ายบทกวีอันไพเราะ
ยิ้มเอ๋ยยิ้มแย้ม   ใบหน้าแจ่มถึงจิตใจใสงามผ่อง    เพิ่มภาพลักษณ์ชีวันอันชวนมอง       แววตาส่องประกายพราย
พร่างพรม    สวัสดีสุภาพบุรุษ  สุภาพสตรีทุกท่าน  ยินดีต้อนรับสู่การเป็นพนักงานมืออาชีพโปรเฟสชั่นแนล
ตื่นเต้นไหมครับที่เห็นคนหล่อปรากฏตัวบนเวที (เสียงฮาไปทั้งห้อง)  คงไม่ต้องแนะนำอะไรมากเนื่องจากผมคือ
สิงโต  เดอะสตาร์  คนล่าสุด  เจ้าของคำคม สะดุดรัก  (เสียงฮา พร้อมปรบมือแบบปล่อยอารมณ์วัยทีน)  หลายคนที่
นั่งด้านหลังรั้งอารมณ์ไม่อยู่  กรี๊ดตามมาด้วยความสะใจ        เขาคิดในใจถึงแม้กูจะแก่วัย 40 กว่าก็จริง แต่วันนี้กู
ขอปล่อยแก่สักวันหนึ่งเถอะ
	ท่านผู้ฟังทั้งหลายครับ  ไม่ว่าท่านจะมาจากสถานที่แห่งใดก็ตาม  วันนี้พวกเราได้ละลายพฤติกรรม
แล้วหล่อหลอมรวมให้เป็นหนึ่งเดียว  ต่อไปนี้ในการปฏิบัติงาน  ไม่ว่าจะเจออุปสรรคใหญ่น้อยเพียงใด
พวกเราจะต้องตั้งสติรวมเป็นหนึ่งใจถึงใจ  แล้วก้าวไปด้วยกันอย่างมั่นคง (เสียงปรบมือยาว) พลันแสงไฟในห้อง
สลัวลง ทุกสายตาจ้องไปที่ไวท์บอร์ด   ผมขอลำดับภาพพร้อมคำบรรยายจากเพาเวอร์พอยท์ เขาคลิกภาพแรก
คือเสือชีตาร์    คุณสมบัติของเสือชีตาร์คือการวิ่งได้ไวที่สุดในบรรดาสัตว์สี่เท้าและมันมีภาวะรอบรู้สภาพแวดล้อม
ได้เป็นอย่างดี  จึงสามารถที่จะหากินตามสถานที่  ที่ตั้งเป้าหมายไว้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ  จนบรรลุประสิทธิผล
อีกทั้งพาฝูงเสือให้เลี้ยงตัวอยู่รอดได้ นั่นคือข้อเด่นของมัน    แต่มันมีข้อด้อยคือถ้ามันไล่ล่าเหยื่อ โดยการวิ่งสุดแรง
เกิดเกิน 1 กิโลเมตร  มันจะหมดแรงจนลิ้นห้อยเลยทีเดียว     ดังนั้นหากเรานำเอาข้อเด่นและข้อด้อยของเสือชีตาร์
มาปรับใช้การการปฏิบัติงาน   เราก็อาจจะได้เป็นเจ้าแห่งป่าแทนสิงโตสะดุดรักก็ว่าได้  (เสียงฮา ปรบมือ)



                                                                                                                                                                            2
อย่างไรก็ตามท่านซุนวูได้กล่าวไว้ว่า รู้เขา รู้เรา  รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง    สำหรับพวกเราไม่ได้จับอาวุธรบ
กับใคร  แต่เราจับเอาความจริงใจมอบให้แก่ลูกค้าของพวกเราด้วยมิตรภาพที่น่าเชื่อถือ    สินค้าของบริษัทฯ
ล้วนแต่แบรนด์เนมชั้นแนวหน้าของโลก ที่วางจำหน่ายในช็อป  นาฬิกาบางเรือนราคาเป็นล้าน   พวกเราต้องช่วย
กันรักษามาตรฐานของการให้บริการ  ไม่ว่าจะเป็นชาวต่างชาติ หรือคนไทยด้วยกัน    ลูกค้าเขาไม่ได้ซื้อเฉพาะ
สินค้าเท่านั้น   แต่เขาซื้อใจเราด้วย  เพราะเขามองทะลุถึงความงดงามแห่งมิตรภาพนั่นเอง และนี่คือเสน่ห์แห่ง
สยามเมืองยิ้ม    
	แสงไฟภายในห้องสว่างขึ้นทีละนิด  เขาชำเลืองดูนาฬิการข้อมือ  เวลา  11.20 น.  เขาเปลี่ยนอิริยาบถ
เดินไปทักทายผู้ฟัง  คุณคนสวยที่ประดับต่างหูชื่ออะไรครับ   มัทรี ค่ะ  เขาทวนคำตอบ...  ถ้างั้นพี่ก็ขอเป็น
พระเวชสันดรก็แล้วกัน  แล้วเราจะไปปลีกวิเวกในป่าหิมพานต์ด้วยกัน  (เสียงฮา ปรบมือดังกึกก้อง)
ครั้นเสียงปรบมือสงบลงเขาถามต่อ  แล้วชื่อเล่นล่ะครับ แอ๊ปเปิ้ลค่ะ โอ !คุณคือพระเจ้าของเซอร์ไอแซค
นิวตัน   ที่หล่นลงมาใส่หัวก็เลยบรรลุโดยพลันว่าโลกมีแรงดึงดูด  (เสียงปรบมือดังสนั่นขึ้นอีก)
คุณแอ๊ปเปิ้ล   อยู่แผนกเซลล์ใช่ไหมครับ  แหม ทำไมคุณทายแม่นจัง   เออคือว่าผมเคยบวชมาหลายปี
ก็เลยมีทั้งตานอกและตาในทายใจคุณได้ไงครับ   (เสียงฮือ)  คุณมีเสน่ห์จริง ๆ นะครับ  ยิ้มก็สวย มารยาท
ก็งาม  นามก็เพราะ  กับทั้งเป็นคนกล้าพูด มีปฏิภาณไหวพริบดี  ไม่อมพะนำอ้ำอึ้ง  อย่างนี้สิจึงจะเป็นเซลล์
มืออาชีพ   สมแล้วครับที่ฝ่ายบุคคล เขาให้คุณสอบสัมภาษณ์ผ่าน จึงได้มาเข้าปฐมนิเทศในวันนี้
	แสงไฟภายในห้องสลัวลงอีกครั้ง   ภาพต่อไปเป็นภาพฟัน  ซึ่งเต็มไปด้วยฟันสีน้ำตาล บางซี่ก็ผุ
จะมีฟันดีอยู่ไม่กี่ซี่ แต่ก็ซีดเหลืองเต็มไปด้วยหินน้ำลาย     เขาอธิบายขยายความว่า   ถ้าคนในองค์กรไม่มี
อินทิกริตี้  ความสัตย์ซื่อถือมั่น  ก็เปรียบได้ดังฟันในปากที่รังแต่จะส่งกลิ่นเหม็น  ยิ่งถ้าตัวเองทุจริตแล้วยัง
ไปชวนให้ผู้อื่นเข้าร่วมขบวนการด้วย ก็จะส่งผลให้ฟังผุไปทั้งแถบ แล้วในที่สุดก็จะเป็นรำมะนาด
คือเน่าไปทั้งองค์กรปาก     ในขณะเดียวกันถ้าคนในองค์กรช่วยกันรักษาความซื่อสัตย์  องค์กรแห่งปาก
ก็จะมีกลิ่นหอมชวนให้พูดคุยได้นาน ๆ    พูดถึงกลิ่นปากมีคำอยู่คำหนึ่งที่บอกว่า    การรักษาคำพูดเป็นสิ่งที่
สังคมสรรเสริญ   และการรักษากลิ่นปากก็เป็นสิ่งที่สังคมสมาคมด้วย   ถ้าใครไม่เชื่อผม ลองหันหน้าไปหา
คนที่นั่งอยู่ข้างเรา แล้วอ้าปากอา ๆ   คุณจะได้รู้ปฏิกิริยาอันพึงดอมดมหรือไม่ (เสียงฮา ๆ )   อย่างไรก็ตาม
สมัยนี้เขามีน้ำยาบ้วนปากหลายยี่ห้อ  อาทิ  คอลเกต พลัส  เวลาอมแล้วอย่าลืมกลั้วน้ำสะอาดตาม ไม่งั้น
ทานข้าวไม่รู้รสลิ้นแน่  ผมลองมาแล้ว   และอีกยี่ห้อหนึ่งชื่ออะไรนะ....ซีม่า  เฮ้ยไม่ใช่นั่นมันมีไว้สำหรับ
ทาช่วงล่างภายในร่มผ้า  พอทิ้งไว้สักหนึ่งอาทิตย์ลอกออกแสบเป็นบ้า  (เสียงฮา ปรบมือ) หรือใครไม่เคยเป็น
ผมจำได้แล้ว   ซิสเท็มมา   ที่พูดนี่ไม่ได้รับค่าโฆษณาซักกะบาทเดียว แต่เห็นว่าเราจำเป็นต้องใช้มัน
	เขาเลื่อนเม้าส์คลิกข้อความต่อไป  ท่านทั้งหลายคงเคยได้อ่านทฤษฎีแรงขับของซิกมันด์ฟอยด์
อิด  คือความอยาก  อีโก้ ยิ่งกว่าอยากแล้ววางแผนจะเอาของคนอื่นมาเป็นของตนเองโดยไม่คำนึงว่าถูกต้อง
หรือไม่  ถ้าสังคมหรือองค์กรใด  มีเพียงอิดกับอีโก้  ย่อมเดือดร้อนวุ่นวายแน่  ดังนั้นจึงมีคำว่า  ซุปเปอร์อีโก้
มาเป็นสิ่งกำหนดจิตใจไม่ให้คิดในทางใฝ่ต่ำ   ซุปเปอร์อีโก้จึงเป็นจริยธรรมที่จะคอยป้องกันและกำราบ
สิ่งทุจริตคิดชั่ว    หากเราจะมองย้อนเปรียบเทียบไปถึงคำสอนของพระพุทธองค์  อิด  ก็คือตัณหาอยากได้
อีโก้ ก็คือภวะตัณหาอยากเอา   ซุปเปอร์อีโก้ คือวิภวะตัณหา ความไม่อยากมีไม่อยากเอาถ้าไม่ใช่ของเรา      


  

                                                                                                                                                                             3
ในห้องนี้ผมทราบว่ามีแคชเชียร์หลายคน    เมื่อเดือนก่อนมีแคชเชียร์คนดีของพวกเราได้สร้างชื่อเสียงให้แก่
องค์กร   เธอเก็บกระเป๋าของชาวต่างชาติได้ ที่เขาซื้อของแล้วลืมไว้ โดยส่งคืนเจ้าของก่อนที่จะบิน
กลับประเทศ   คุณเชื่อไหมในกระเป๋ามีดอลล่าร์พร้อมของมีค่าที่คิดเป็นเงินไทยเกือบสองแสนบาท
นั่นคือพนักงานตัวอย่างขององค์กร  และผมเชื่อว่าถ้าฝรั่งคนนั้นกลับมาเที่ยวเมืองไทยอีก  เขาคงไม่ลืมที่จะ
แวะมาในช็อป แล้วอุดหนุนสินค้าของเราอย่างแน่นอน   ทั้งนี้ทางฝ่ายบุคคลฯ  เขาได้ประกาศผ่านเว็บภายใน
บริษัทฯ  ให้ผู้บริหารและพนักทุกคนได้รับทราบถึงความมีน้ำใจของพนักงานคนนั้นด้วย    อีกประการหนึ่ง
คือคอนเทมโพรารี่  ค่านิยมความเป็นไทย เช่นการไหว้  คนไทยเราไหว้สวยมากดังบทกวีที่ว่า
ไหว้อย่างไทยงามแท้แพร่ทั่วทิศ   ไหว้จากจิตแจ่มโลกหล้าสถาผล  ไหว้แล้วยิ้มพิมพ์ใจในสากล
ไหวผู้คนคือนิยามความเป็นไทย    และที่สำคัญอีกเรื่องหนึ่งคือ  ท่านประธานกรรมการบริหารบริษัทฯ   
ท่านจะรำลึกถึงวันเกิดของพนักงานทุกคน โดยการส่งการ์ดอวยพรวันคล้ายวันเกิดแด่พนักงานแต่ละคน 
 ซึ่งจะมีบทกวีอวยพรพร้อมลายเซ็นของท่านประธานด้วย    แม้ว่าจะมีเหตุการณ์ความไม่ปกติของบ้านเมือง
จนส่งผลกระทบบริษัทฯ ของพวกเรา  มียอดจำหน่ายลดลงก็ตาม  แต่ท่านประธานยังอุตส่าห์ให้โบนัสแก่พวกเรา
 ทั้งที่รู้อยู่ว่าสถานการณ์ที่ผ่านมานั้นค่อนข้างติดขัด   พวกเราได้โบนัสหายเครียดแล้วใช่ไหม  เขาโพล่งออกไปเหมือนว่ารอลุ้นมานาน   ถึงแม้จะได้โบนัสนิดหน่อย  0.75 ก็ตาม (มีคนมากระซิบว่าส่วนใหญ่ก็ประมาณนี้แหละ)   
ขออภัยครับ  ผมลืมไปว่าท่านทั้งหลายกำลังเข้ามาวันแรก ซึ่งยังไม่ได้สินะ      จะอย่างไรก็ดีบริษัทฯ
ยังมีสวัสดิการอีกหลาย ๆ ด้าน เช่น  จ่ายค่ารักษาพยาบาล  ทุนการศึกษาบุตร  ทุนพนักงานดีเดีนประจำปี
บ้านพักพนักงานที่หรูหรายิ่งกว่าคอนโดมิเนียม  เป็นต้น   เพียงแต่ขอให้พวกเรา สู้ สู้  สู้โว้ยกับการปฏิบัติงาน
ด้วยความขยันมุ่งมั่น   กับทั้งมีความพร้อมที่จะเรียนรู้ให้ทันโลก ทันสมัยอยู่เสมอ  หากเจออุปสรรคให้คิดเสียว่า  
คือบททดสอบความเข้มแข็งของมนุษย์  (แต่ถ้ารถแก๊สมากูวิ่ง)    เสียงฮา ปรบมือยาว
	เวลา  11.50 น.  เขาคลิกภาพอีก 3-4 ภาพพร้อมคำบรรยายสรุปหัวข้อจริยธรรมในการทำงาน
ผมขอขอบคุณท่านทั้งหลายเป็นอย่างมาก ที่ตั้งใจฟังการบรรยายมาโดยตลอด  ผมเข้าใจว่าท่านทั้งหลายคงจะได้
ข้อคิดที่เป็นประโยชน์บ้างไม่มากก็น้อย  ทั้งนี้หากได้ยินผมใช้ถ้อยคำสมัยพ่อขุนรามไปบ้าง  ก็ขออย่าได้ถือสา 
 ผมมีเหตุผลที่อยากให้ท่านมีความสุขกับการฟัง  มากกว่าทนทุกข์กับการรับฟัง
นอกจากนี้ใคร่ขอเป็นกำลังใจให้ท่านทั้งหลายตั้งใจปฏิบัติหน้าที่เต็มกำลังความสามารถ  แล้วท่านจะมี
อนาคตที่ก้าวหน้า สดใสปิ๊ง ๆ  แบบแววตาคุณแอ๊ปเปิ้ล (เสียงฮา ปรบมือ)   สุดท้ายนี้สำหรับผมใคร่ขอ
อภัยน้องแอ๊ปเปิ้ล ที่ได้ล้อเล่นระหว่างบรรยาย  โปรดได้ถือเสียว่าคุณคือวิทยากรแนวร่วมกับผม
ผมไม่มีเจตนาอื่นใด นอกจากความเป็นมิตรรักแฟนเพลงของเดอะสตาร์คนนี้ (เสียงฮา)    และถ้าท่านใด
จะกรุณาจำชื่อผม  โปรดเรียกสั้น ๆ ว่า  คุณไมน์ ซึ่งแปลว่าของฉัน  แต่ถ้าใครเรียกคุณลุงไมน์  ผมจะแกล้งไม่ได้ยิน เพราะผมยังไม่อยากแก่    ขอให้มีความสุขอิ่มอร่อยกับการรับประทานอาหารมื้อเที่ยงที่แคนทีน ในโอกาสนี้ได้เลย
แล้วอย่าลืมกลับมาที่นี่เวลา 13.00 น.  ตรงเวลานะครับ เพราะการตรงต่อเวลาคือการรักษาจริยธรรมด้วย
                                                                                         ขอขอบคุณครับ  (เสียงปรบมือดังกึกก้อง)
	




                                                                                                                                                                       4
	เวลา 21.30 น.  หลังจากที่ลูกสาววัย 3 ขวบของเขาเข้านอนแล้ว เขากำลังอาบน้ำในชุดวันเกิด
ฮัลโหล  พี่ไมน์เหรอคะ  จำเสียงน้องสาวคนนี้ได้ไหมเอ่ย  ... เขาชะงักนิดหนึ่งแล้วลากหางเสียง
เออ ! คุ้น ๆ นะครับ    ที่หล่นใส่นิวตั้นไงคะ แหม ! เพียงไม่กี่ชั่วโมงก็จำหนูไม่ได้เสียแล้ว 
ใครบอกว่าจำไม่ได้  ผมแกล้งอำคนสวยเท่านั้นเอง  เขารีบกล่าวรับแบบสงวนท่าที
มีธุระกับใครอยู่หรือเปล่าคะ  รู้นะว่าคนพูดเก่งแบบนี้ มักมีแขกเยอะ
ผมอยู่กัน 2 คนกับเจ้าตัวเล็ก เวลานี้หลับแล้ว    เขาพูดพลางหยิบสบู่ถูตัวไปด้วย
แล้วคุณแม่ของตัวเล็กไม่อยู่หรือค่ะ  
แม่เขาเสียไปเกือบ 2 ปีแล้วครับ   แสดงว่าตอนนี้ยังโสดสนิทอยู่เหมือนเดิมสิคะ
เออ  ก็น่าจะใช่อย่างนั้น    ไม่เหงาบ้างหรือคะ
บางเวลาครับ  ขณะที่สื่อเสียงกันอยู่  เขาถูไถสบู่ไปทั่วเรือนร่าง เสียงดัง เฟาะ แฟะ เฟาะ แฟะ
กลางคืนแบบนี้บรรยากาศน่าไปเที่ยว อาร์ ซี เอ  วัยรุ่นเยอะมาก ไม่ไปบ้างหรือคะ
เป็นห่วงน้องน้อย นะสิครับ  เดี๋ยวญาติจะมองว่าเป็นคุณพ่อไม่เอาไหนไร้จริยธรรม
นอนแล้วไม่ใช่เหรอ  มีรถส่วนตัวขับมาแป๊ปเดียวก็ถึงแล้ว
บ้านผมอยู่บางใหญ่ นะครับ    แอ๊ปเปิ้ลพูดเล่นค่ะ ใครคงไม่รบกวนชวนไปเที่ยวดึกดื่น เพราะพรุ่งนี้
ต้องเข้าอบรมภาษาญี่ปุ่น   อาจารย์เขาให้หนูเลือกระหว่างภาษาจีนกับญี่ปุ่น  หนูชอบญี่ปุ่นก็เลยเลือกเรียนค่ะ
ผมก็ชอบญี่ปุ่น แต่ก็พูดได้นิดหน่อย เช่นคำสวัสดีตอนเที่ยง  คน นิ จิ ว่ะ  ที่ผมจำได้เพราะคล้าย ๆ
สำเนียงไทยที่ว่า   คนนี้ซิวะ   เขาพูดยังไม่ทันจบประโยค เสียงหัวเราะคิก ๆ ตามมา
พี่ไมน์นี่ตลกได้ตลอดเวลานะคะ  วันนี้หลายคนฟังแล้วคงถึงขั้นบรรลุจริยธรรมแล้วล่ะสิ   
แล้วตอนนี้น้องแอ๊ปเปิ้ลกำลังทำอะไรอยู่เหรอครับ เขาถามพร้อมกับเสียงฟองสบู่ดัง เฟาะ แฟะ ๆ  ที่ปลายนิ้ว
เปิ้ลก็กำลังอาบน้ำเช่นกันค่ะ  กลิ่นสบู่น้องเปิ้ลหอมมาถึงที่นี่เลยนะ  ใช้ยี่ห้ออะไรจ๊ะ
สู้กลิ่นสบู่พี่ไมน์ไม่ได้หรอกค่ะ อบอวลมาตามเสียงไม่รู้สร่าง 
พี่ไมน์ขา...หนูอยากทราบนิยามของความรักคืออะไร ซึ่งแสวงหานิยามยากจริง ๆ ค่ะ
ถ้าความรักคือแผ่นดิน ก็จงเป็นดินดีที่หนักแน่น     ถ้าความรักคือสายน้ำ ก็จงเป็นสายน้ำที่ใสสะอาด
ถ้าความรักคือสายลม ก็จงเป็นสายลมที่รื่นรมย์สมสุขใจ    ถ้าความรักคือแสงไฟ ก็จงเป็นแสงไฟแห่งความใฝ่ฝัน
สิ้นเสียงร่ายบทกวี เขาได้ยินเสียงซู่ซ่าแทรกเข้ามา    เสียงอะไรเหรอครับ    อ๋อ! เปิ้ลเปิดฝักบัวค่ะ
 การสื่อเสียงทางอากาศ  สื่อนิยามความยินยอมแห่งเสียงยังคงดำเนินต่อไป...
แอ๊ปเปิ้ลครับ   แอ๊ปเปิ้ล ๆ  เขาสั่นเสียงสื่อจังหวะ พี่ไมน์ขา  พี่ไมน์...เสียงฟองสบู่ถูไถสลับเรือนร่างอันลื่นไหลเลาะหลืบลึกคีตกาลเวลาบรรเลงความรู้สึกลงลึก และกระชั้นเสียงสื่อภาษากลางอากาศ  ระหว่างจินตนาการ
แห่งค่ำคืนอันเพริศแพร้วพร่ำลีลาแรงบรรลุ ฮัลโหล  แอ๊ปเปิ้ล อาบน้ำเสร็จแล้วใช่ไหม   เสียงเขาฟังดูแผ่วเบาแต่ระคนความสุข  เสร็จแล้วเช่นกันค่ะ  ราตรีสวัสดิ์  หลังจากวางหูโทรศัพท์  ก่อนที่จะเข้านอนเขาไม่ลืมที่จะกราบพระสวดมนต์    ในสภาวะที่ไม่ไร้จริยธรรมทิ้งลูกไว้เพียงลำพัง   แสงไฟภายในห้องดับลงมืดสนิท  ได้ยินเพียงเสียงเพลงแว่วเบา ๆ   ... เป็นก็เป็นแค่ชู้ทางใจ...แล้วเงียบและเงียบสงบสงัดนาน

E-mail:  pphovadol@yahoo.com				
8 กรกฎาคม 2552 16:40 น.

สุภาพบุรุษเพ่งเทียน

ภูวเชวง

ชายวัยกลางคนรูปร่างผอมสูงใบหน้ารูปไข่ จมูกโด่ง ผิวขาวเหลือง ถ้ามองห่าง ๆ เหมือนว่ายิ้มอยู่
ตลอด  แต่พอเข้าใกล้ที่แท้แกฟันเหยิน  ซึ่งเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่ง ที่ไม่ต้องแสร้งยิ้มให้ใคร เพราะความเหยินช่วยให้
แกยิ้มอย่างธรรมชาติ  ดีกว่าสังคมปัจจุบันที่เร่งรีบไปทุกอย่าง ไม่รีรอรับรอยยิ้มงาม ๆ จากใครทั้งนั้น
	กิจวัตรวันสำคัญเช่นนี้   เขาเตรียมความพร้อมกับการนั่งสมาธิในชุดเก่งเสื้อยืดแขนสั้นคอปกสีขาว
ที่หน้าอกสกรีนธงชาติไทย   ส่วนกางเกงสีขาวอมหมองไม่ถึงกับหม่นเพียงแต่ตะเข็บปริเป็นรอยยาวประมาณ 
2 เซ็นต์   ฉันคิดว่าแกคงไม่สนใจในความอนิจจังของมัน   หรือเพื่อให้ลมเย็น ๆ ช่วยปรับอุณหภูมิเนื้อชื้นจะได้ไม่
ขึ้นผื่นสังคัง    ฉันได้แต่คิดแทนแกไปเสียหลายเรื่อง  แม้กระทั่งชื่อของแกฉันก็สมาสคำให้ยาวขึ้น  ซึ่งอันที่จริง
เขาชื่อ สุภาพ แต่เมื่อสมาสกับคำว่าบุรุษจึงได้คำใหม่ว่า สุภาพบุรุษ  แกเคยถามถึงความหมาย  ฉันจึงได้อธิบายว่า
สุภาพแปลว่า ภาวะความเป็นคนดี เมื่อสมาสกับบุรุษย่อมมีความหมายว่า บุรุษผู้มีภาวะแห่งความเป็นคนดี ซึ่งแกก็ชื่น
ชอบกับนามใหม่นี้      ดังนั้นทุกครั้งที่เจอเขาฉันจะทักว่า คุณสุภาพบุรุษ เพื่อให้แกภาคภูมิใจกับฉายานามนี้      
กระนั้นก็ตามฉันต้องสังเกตจังหวะอารมณ์ของแกด้วย เพราะแกมักมีอารมณ์ขึ้น ๆ ลง ๆ เป็นนิจศีล (ไม่ถึงกับขึ้นมากเหมือนน้ำเจ้าพระยาหน้าฝน)  
	วันนี้พุทธศาสนิกชนที่มาทำบุญ  แต่ละคนถือปัจจัยไทยธรรมรวมทั้งผ้าอาบน้ำฝน บ้างก็ถือต้นเทียนพรรษาแตกต่างตามขนาด  บางคนถือหลอดไฟนีออน      ส่วนผู้ที่อยู่ในวัยกลางคนขึ้นไปนุ่งขาวห่มขาวถือศีล 8 
แต่คุณสุภาพบุรุษบอกว่าแกถือศีล 9 เหตุผลคือ อย่างไรแกก็ไม่ชอบนั่งหรือนอนบนที่สูงอยู่แล้ว เพราะแกเป็นโรคกลัวความสูงมาตั้งแต่เด็กที่มักนอนตกเตียงอยู่บ่อย ๆ        การนอนที่ศาลาวัดก็นอนกับพื้นกระดานมีเพียงผ้าขาวผืนเล็ก ๆ
 ปูลาดรองแผ่นหลัง  สำหรับหมอนแกใช้หนังสือพุทธธรรมหนุนศีรษะ ซึ่งแกให้เหตุผลว่าหนังสือเล่มนี้เป็นเพชรน้ำ
เอกในพุทธศาสนายุคปัจจุบัน แต่เล่มหนาเหลือเกินแกจึงคิดพิเรนทร์ว่าเอาหนุนศีรษะเผื่อธรรมะจะได้ซึมเข้าสมองบ้าง  ส่วนศีล 10 แกไม่เอาเพราะจะไปเสมอกับศีลของสามเณร    อีกทั้งถ้าขืนถือศีล 10 แล้วจะจับเงินทองติดกัณฑ์เทศน์ได้อย่างไร  แต่ถ้ามองอีกแง่หนึ่งมันเป็นนิสัยถาวรของแกที่ชอบทำอะไรแผลง ๆ ไปจากมนุษย์นุ่งขาวคนอื่น ๆ  
	 อาชีพประจำของแกไม่ต้องพรรณนาให้ละเอียด    เอาเป็นว่าทุกวันพระ
คุณสุภาพบุรุษชอบไปนั่งสมาธิที่วัด   ขณะที่นั่งสมาธิฉันไม่ทราบว่าแกใช้ทฤษฎีภาวนายุบหนอ พองหนอแบบวัด
มหาธาตุท่าพระจันทร์  หรือว่าภาวนาพุทธะ พุทโธ แบบธรรมยุตนิกาย    ทั้งนี้แกชอบทำอะไรนอกกรอบ
ชนิดอภิสมัยไม่ธรรมดา  ใครคุยเรื่องอะไรในโลกนี้  แกก็รู้กับเขาไปด้วยแทบทุกเรื่อง  ซึ่งฉันได้พิสูจน์มาแล้ว
บางครั้งขณะที่แกนั่งสมาธิอยู่นิ่ง ๆ  พอได้ยินใครพูดเรื่องการเมืองเท่านั้นแหละ สมาธิก็กลายเป็นสมาเทอะทันที
คือเลอะเทอะไปด้วยการร่วมวงไพรีพินาศวิพากษ์วิจารณ์เหตุบ้านการเมืองสารพัด  ไม่รู้ว่าคลังสมองส่วนไหนของ
เขาบรรจุการเมืองไว้เต็มอัตรา จึงทำให้ความจำเรื่องการเมืองของเขาแม่นมาก  อาทิ  วันที่ 24 มิถุนายน 2475
สยามประเทศเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์  เป็นระบอบประชาธิปไตยฯ  และเมื่อ
พูดถึงชื่อเสียงเรียงนามของนักการเมือง  คุณสุภาพบุรุษแสดงพลังทั้งถ่ายและทอดออกมาเป็นชุด ๆ (คงไม่เหม็น
เพราะทอดแล้ว)   หากพูดถึงนักการเมืองยุคเก่าและใหม่  ขอให้เอ่ยชื่อมาเถอะเขารู้ทั้งชื่อและทฤษฎีแนวคิดของ
บุคคลเหล่านั้นเป็นอย่างดี          เช่นโสเกรตีส ผู้มีฉายานามว่าเป็นศาสดาของผู้สอน    เพลโต เป็นศาสดาของผู้คิด  อริสโตเติล เป็นศาสดาของผู้เรียน    สำหรับนักปรัชญาการเมืองสมัยใหม่ เขาจะพูดถึงแมคเคียเวลลี ที่สอนเกี่ยวกับการต่อสู้ระหว่างโชคชะตากับคุณธรรมความสามารถของมนุษย์          ถ้าพูดถึงองค์อธิปัตย์กับสังคมการเมือง เขาก็จะเอ่ย
ถึงโธมัสฮอบส์                       แต่หากกล่าวถึงลัทธิเสรีนิยมประชาธิปไตยสมัยใหม่ เขาจะกล่าวถึงผลงานของล็อค      


                                                             
                                                                                                                                                                                  
ถ้าคราใดเขาได้ยินนักการเมืองไปสัญญาอะไรไว้กับประชาชน   คุณสุภาพบุรุษก็จะเอ่ยถึงทฤษฎีเสรีภาพกับสัญญาประชาคมของ ฌอง ฌาค รุสโซ
แต่ถ้าใครคิดพลิกแพลงปล่อยทฤษฎีประชานิยมออกมา   เขาจะอารมณ์บ่จอยแบบบูดบึ้งบอกนิยมห่าอะไรกูยังจน
อยู่เหมือนเดิม       นอกจากนี้แกมักจะพูดถึงนักการเมืองไทยที่เป็นขวัญใจของแกคือลูกชาวนาอยุธยา  ดร.ปรีดี
พนมยงค์ (ผู้ใหญ่ที่มีคุณธรรมกว้างมหาศาล) ถัดมาคือศาสตราจารย์สัญญา ธรรมศักดิ์ (ผู้ไม่โลภและไม่ลัก) และแกมัก
จะพูดเชิงทีจริงทีเล่นว่า  เวลาไหว้พระพุทธรูปคล้ายว่าได้อยู่ใกล้อาจารย์สัญญา เพราะท่านมีใบหน้าอิ่มบุญงดงาม
คล้ายพระพุทธรูป      ส่วนนักการเมืองนอกนั้น คุณสุภาพบุรุษมักจะบ่นว่าเป็นนักการเมืองสะเทินน้ำสะเทินบก
กบก็ไม่ใช่ปลาไหลก็ไม่เชิง   แต่ก็พอทนถูไถประชาธิปไตยไปได้ดีกว่าอยู่ภายใต้รองเท้าบู๊ทของพวกปฏิวัติ
เพราะการปฏิวัติคือบ่อเกิดของอำนาจเผด็จการ  ดังนั้นแกจึงเกลียดเข้ากระดูกดำ (สันหลังทับเส้นประสาท)
เป็นที่สุด                       สิ่งหนึ่งที่ทำให้แกคลายอารมณ์ได้ดีคือ ฮัมเพลงส้มตำให้ฟังเพราะเป็นเพลงที่แก่โปรดมาก     นอกจากนั้นนานๆ ที    ฉันเจอแกที่ร้านเน็ต  แกจะชวนคุยถึงพฤติกรรมของเยาวชนที่มาเล่นเน็ตว่า
พวกเขารู้จักแหล่งเว็บ XXX ยิ่งกว่าแกเสียอีก  แกพูดแดกดันว่าน่าจะบรรจุเด็กพวกนี้ให้สังกัดกระทรวง ICT เพราะรู้
ข้อมูลการท่องเว็บ XXX ได้ทุกแง่ทุกมุมทุกหลืบเร้นเห็นจะๆ อล่างฉ่างฉวัดข้างพลิกไปมาส่งผลให้เศรษฐกิจเน็ตคึกคัก
	วันนี้เป็นวันอาสาฬหบูชา คือวันที่เกิดพระรัตนตรัยครบองค์สามได้แก่ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เกิดขึ้นเป็นครั้งแรก ณ ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน (ป่าที่มีกวางแต่ไม่มีเก้ง)   คุณสุภาพบุรุษจึงเอาใจจดจ่ออยู่กับโพชฌงค์ธรรม   ซึ่งนักนิยมธรรมะไฮโซทั้งหลายกำลังฮิตฮอสอยู่ในขณะนี้ (อีกไม่นานคงพากันบรรลุถึงกลีบเมฆล่ะมั้ง)
ที่บนศาลาการเปรียญหลังใหญ่  ซี่งเป็นศาลาเก่าแก่อายุการก่อสร้างสลักไว้ที่ด้านข้างธรรมาสน์เทศน์
พ.ศ. 2453  ปลายรัชสมัยแผ่นดินสมเด็จพระปิยมหาราช      อย่างไรก็ดีวันนี้ฉันสังเกตเห็นความแปลกประหลาด
การนั่งสมาธิของคุณสุภาพบุรุษ ซึ่งแตกต่างไปจากครั้งก่อน ๆ    เพราะปกติแกจะนั่งหลับตาเจริญมหาสติปัฏฐานสี่
 มาวันนี้แกกลับนั่งขัดสมาธิโดยเปิดตาเพ่งมองเทียนเล่มใหญ่เล่มนั้น   จึงทำให้ฉันยิ่งสงสัยมากกว่าที่นั่งพรรณนาชีวิตของแกจนเกือบลืมสนทนาพาที (ตามระเบียบของเรื่องสั้นแบบไซซ์คนไทยไม่ใช่ไซซ์ฝรั่ง) 
สวัสดีครับ  คุณสุภาพบุรุษ  ฉันกระเถิบเข้าหาห่างประมาณ 1 ศอก ปล่อยเสียงทักทายเบา ๆ อย่างระมัดระวัง
 เหมือนการค่อย ๆ ขมิบปล่อยแก๊สในช่องแคบท่ามกลางคนรอบข้างอย่างไรอย่างนั้น  (หรือใครไม่เคยทำยกมือขึ้น)
เพราะเกรงว่าแกจะเกิดอารมณ์แปรปรวนถ้าส่งเสียงดัง (ส่วนกลิ่นเป็นอีกเรื่องหนึ่งเพราะไม่มีเสียง)
แหม! น้องชายไม่เจอกันหลายอาทิตย์ สบายดีใช่ไหม วันนี้มาเวียนเทียนแต่วันเชียวนะ เขาทักฉันเบา ๆ เหมือนกัน
แสดงว่ากระแสจิตของเราทั้งสองปล่อยแก๊สความคิดเชื่อมโยงถึงกันได้โดยอัตโนมัติ  โดยการขมิบมันสมองแล้วเอียง
ตัวเล็กน้อยก็สำเร็จกิจพิสดารแบบธรรมารมณ์ไร้เสียง
คุณสุภาพบุรุษครับ  3 อาทิตย์แล้วสิ ที่เราไม่ได้เจอกัน ผมไม่ลืมที่จะนำของทานที่คุณชอบมาฝาก
ของทานอะไรเหรอ  ไอ้น้องชาย
อ๋อ! ผัดคะน้าหมูกรอบ  แล้วตามด้วยขนมที่คุณชอบเป็นที่สุด       ขนมอะไรกันวะ ที่ข้าชอบที่สุด
กะหรี่ปั๊บ ไงครับ  นี่เป็นกะหรี่ชั้นแนวหน้าสระบุรี ทั้งนุ่มและมันรับรองอร่อยหยดหยาดเยิ้มจนลืมเข้าฌานเลยล่ะ
น้องชายก็พูดเกินไป
ทำไงได้ล่ะคุณสุภาพบุรุษ  ของมันเคยกิน  ครั้นจะเข้าฌานบรรลุมรรคผลให้หลุดพ้นก็ยังไม่แก่ใกล้อายุขัย
เวลานี้เคี้ยวอะไรได้สบาย ๆ อยู่  ทั้งเตะปี๊บปึ๋งปั๋งดังได้ไม่เบา ใช่ไหมครับคุณ
ไอ้น้องชายนี่มันช่างรู้ใจเราดีเหลือเกิน  วันนี้เป็นวันสำคัญที่พระพุทธเจ้าแสดงธรรมเป็นครั้งแรกชื่อธัมมจัก



                                                                                                                                                                                   

กัปปวัตนสูตร ซึ่งกล่าวถึงการไม่หมกมุ่นในกามสุข  ดังนั้นอย่าเพ้อเจ้อเดี๋ยวศีลจะหลุดลุ่ยเป็นบาปวะ   เอาล่ะขอบใจมากที่นำกับข้าวมาฝาก
     	ขณะที่คุณสุภาพบุรุษกำลังอยู่ในมาดเคร่งขรึมอธิษฐานจิตแผ่เมตตาเพ่งเทียนให้บรรดามวล
สรรพสัตว์อยู่นั้น   ฉันก็ลองนั่งสมาธิดูมั่ง โดยการเพ่งมองเปลวเทียนสีเหลืองอ่อน   ปลายเปลวเปล่งประกายแสง
วิบวับ  เรื่อ ๆ เมื่อลมพัดมาเบา ๆ    พอเพ่งไปได้ประมาณ 3 นาที รู้สึกปวดขมับจับจี๊ดเข้าถึงเป้าตาทั้งสองข้าง
ฉันทนไม่ไหวจึงหยุดเพ่งทันที     ทันใดนั้นคุณสุภาพบุรุษก็กระซิบที่ปลายใบหูว่า อย่าฝืนสังขารเดี๋ยวตาจะบอด
ทำไมผมเพ่งไม่ได้อย่างคุณล่ะครับ   ฉันถามทั้งสงสัยที่เห็นเขาเพ่งได้เป็นเวลานาน   
ก็บอกแล้วไง ข้าคือมนุษย์ศีล 9 ข้อ  ถึงใครจะมองว่าข้าติ๊งต๊อง  แต่ข้ามีเทคนิคเว้ย  
 ข้าไม่โง่เพ่งตาเปล่าหรอก  ไอ้ที่ทำมันตกกระไดพลอยโจนกับพวกเคร่งสมาธิพวกนั้น
  และอยากให้แปลกกว่าพวกก็เลยเปิดตาเพ่งเทียน  พวกนั้นเขาไม่รู้นึกว่าข้าเป็นบุคคลพิเศษ
ทำไมเป็นงั้นไปล่ะคุณ
เอ็งไม่รู้อะไร   สังคมทุกวันนี้ล้วนแต่สวมหน้ากากใส่กันทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นนักธุรกิจ  นักวิชาเกิน เอ๊ย!วิชาการ
นักแสดง   นักดูโชคชะตาราศีผ่านโทรศัพท์มือถือที่เมทเส็จรบกวนเราวันละ 3 เวลาหลังอาหาร (ไม่เว้นเวลาที่กำลัง
งมหอยนางรม)  บางครั้งขณะนั่งปล่อยวัตถุอึอยู่ดี ๆ ก็มีเมทเส็จโผล่มาคุณคือผู้โชคดีท่านแรกว้าว...ติดต่อกลับด่วน
 ดูซิมันตามรังควานลำไส้ส่วนปลายจนขี้หด       รวมทั้งนักการเมืองที่รวยเอารวยเอาขึ้นทุกวันต่อให้นำทฤษฎีการปกครองจากเทวดาที่ไหนมาใช้ก็ตามเล่ห์เหลี่ยมมันไม่ทันหรอก  ขึ้นชื่อว่าถ้าได้ผลประโยชน์กับตนและพรรคพวก
เป็นต้องลงทุนทำได้ทุกอย่างไม่ต้องอื่นไกล แม้กระทั่งการปฏิบัติกรรมฐานนั่งสมาธิ ยังต้องจ่ายค่าคุ้มครองสั่งจองเสาศาลาให้แก่แม่ชีบางคนเลยไม่งั้นถูกแย่งเสาศาลา
เสาศาลามันสำคัญในการนั่งสมาธิด้วยหรือคุณ  ฉันงุนงงจึงตัดบทขัดจังหวะถาม
ไม่สำคัญได้ไง  ก็หลวงพ่อท่านเจ้าอาวาสเวลาสอนกรรมฐานแต่ละครั้งนั่งนานเป็นชั่วโมง ๆ  ไอ้พวกมนุษย์นุ่งขาว
เหล่านั้นมันปวดหลังต้องการหาที่พิงหลัง   จึงแย่งกันยึดครองเสาศาลา  บางครั้งถึงกับขึ้นเสียงเถียงกันจนสมาธิแตกไปตาม ๆ  กัน ก็เพราะเสาเจ้ากรรมนั่นประไร  คนมีเป็นร้อย เสามีสิบกว่าต้นแย่งกันอยู่ได้
คุณสุภาพบุรุษครับ  ขอโทษเถอะถ้างั้นจะพากันนั่งสมาธิไปทำหอกหาวิมานอะไรกัน   ฉันระงับอารมณ์ไม่อยู่
จึงโพล่งตอกตำคำพูดกระแทกแดกดันออกไป
ก็นั่งตามธรรมเนียมไงวะ  เขายื่นฟันเหยินพูดสวนกลับทันที  
แล้วคุณเสียเวลานั่งเพ่งเทียนไปทำไมอีกเล่า ไปงมหอยกาบไม่ดีกว่าเหรอ
คนเราขึ้นหลังเสือแล้วลงยาก  ข้าคือผู้รู้ทั้งธรรมะ  การเมือง  การมุ้งคนหนึ่งในย่านนี้  ถ้าขืนข้าไม่เพ่งแบบพิสดาร
ไอ้พวกนุ่งผ้าขาวบ้าหวยพวกนั้นมันจะทุบกบาลเอาล่ะสิ   
	ท่ามกลางเวลาแห่งการสนทนากำลังดำเนินไป   ที่โคนต้นเทียนพรรษาน้ำตาเทียนหยดลงเป็นกอง
ฉันหยิบมาดู ขณะเดียวกันคุณสุภาพบุรุษก็กำลังเพ่งพินิจ
ไอ้น้องชาย เอ็งดูน้ำตาเทียนนั่นสิ  มันมีเลข 0-9 ครบหมด พวกนั้นเขาคิดว่าข้าเพ่งหวยแม่น  ซึ่งอันที่จริงข้า
ทดลองใส่คอนแทคเลนส์รุ่นใหม่ล่าสุดที่ปรับแสงได้    เพ่งมองเปลวเทียนเห็นปลายเปลวแปลกสวยสลับสีส้ม-ขาว-เหลืองอ่อนวิบ ๆ วับ ๆ   แต่คนเขาเข้าใจผิดคิดว่าข้าให้หวย    งวดที่แล้วเผอิญน้ำตาเทียนหยดเป็นสายแล้วม้วนปลายคล้ายเลข 6       ขณะนั้นใครก็ไม่รู้เสือกถือแก้วน้ำดื่มมาสะกิดให้ข้าดื่มตอนที่สมาธิกำลังดิ่ง  ข้าตกใจโดนแก้วน้ำหก  จึงอุทานออกไปว่า 66   ข้าดังระเบิดตั้งแต่งวดนั้นแหละวะ
	
	
                                                                                                                                                                                     
	ภายหลังที่พระสงฆ์ฉันภัตตาหารเพลเสร็จแล้ว     ฉันกับคุณสุภาพบุรุษก็มัวแต่คุยกันเพลินเหลือบดูนาฬิกาอีก 15 นาทีจะเที่ยง ว่าแล้วเขาก็รีบพิจารณาอาหารก่อนที่จะเคี้ยวหมับ ๆ  อย่างเป็นเอกลักษณ์ของคนฟังเหยิน   เสียงกลองยาวแห่เทียนพรรษารอบอุโบสถกระหึ่มก้องกลบเสียงเคี้ยวผัดคะน้าหมูกรอบกรุบกรับ   อีกไม่นานเทียนเล่มใหม่จะได้น้อมนำถวายพระสงฆ์ เพื่อจุดบูชาพระรัตนตรัยพร้อมทั้งส่องหนังสือสวดพระไตรปิฎก และคัมภีร์อรรถกถาจารย์ที่บรรจุไว้เต็มตู้     ถ้าเทียนเล่มใหม่ถูกจุดขึ้นเมื่อใด  ภาพ 2 มิติจะเกิดขึ้นภายนอกสายตาของฉันคือ  ภาพพระสงฆ์กระทำวัตรปฏิบัติศาสนกิจอันงดงาม  และภาพมนุษย์นุ่งขาวห่มขาวเหล่านั้น ที่ยังมีกากกิเลสอันย่อยยากซ่อนอยู่ใต้กระเพาะส่วนล่าง และน้อยคนที่จะหลุดพ้นหวยล่าง-บน คละบุญ-บาปบนศาลาการเปรียญ       ส่วนภาพมิติที่ 3 เกิดขึ้นภายในดวงใจฉันคือ   ภาพคุณสุภาพบุรุษมนุษย์ศีล 9 กำลังเพ่งหาหวยงวดหน้าอย่างคร่ำเคร่งระหว่างน้ำตาเทียนกับน้ำตาของเขาคงเอ่อออกปรากฏตัวเลขเป็นพิเศษ         กระนั้นทันใดอุบาสก-อุบาสิกาต่างรุมกระซาบข้างหูของเขาว่า
78 งวดหน้าน้ำตาเทียนหยดโย้ยตรงเผงแน่นะ     สำหรับฉันก่อนจะก้มลงกราบเบญจางคประดิษฐ์
ต่อหน้าพระพักตร์องค์พระปฏิมา    ฉันไม่ลืมที่จะขมิบมันขมองส่งซิกกระซิบกระแสใจถึงคุณสุภาพบุรุษ
เพ่งเทียนว่า  กะหรี่ปั๊บใหม่สด  อร่อยรสมันหยด...เยิ้มอิ่มยาว   เขาพยักหน้านั่งทอดสายตาไปที่
น้ำตาเทียนกองนั้น  แล้วยักคิ้วส่งยิ้มฟันเหยินจนเหงือกแห้ง
  
pphoovadol@yahoo.com     เขียนโดย ภูวดล ภูภัทรโยธิน				
2 กรกฎาคม 2552 09:07 น.

"รัก"

ภูวเชวง

1

เรื่องสั้น                                                         รัก                                       เขียนโดย ภูวดล ภูภัทรโยธิน   


	ลูกเหมียว  เหมียวจ๋า  ม่ะ มะ ลงมาหาแม่ซิจ๊ะลูก    หล่อนยื่นถาดข้าวคลุกปลาทูนึ่ง   ขณะพร่ำ
เพรียกหาเจ้าเหมียว  ซึ่งเป็นแมวที่หล่อนโปรดปรานพิเศษ  เจ้าเหมียวมีขนสีขาวลายดำตัดลำตัว  รูปร่างค่อนข้าง
สมบูรณ์กว่าแมวทั่วไป  ดวงตาของมันบ่งว่ามีความสุขกับการอยู่ประจำหอพักแห่งนี้     สถานที่ที่มันชอบปีนเล่น
คือสันกำแพงอิฐบล็อก ที่กั้นระหว่างหอพักกับบ้านหลังใหญ่ของเจ้าของหอ
	ทันทีที่มันได้ยินเสียงเจ๊ญาดาเรียก   เจ้าเหมียวแสดงอาการดีใจไต่ตามสันกำแพงไปหาเจ้าของเสียง
ที่มันจำได้แม่นยำ   แต่นิสัยแมวตัวนี้ชอบหยอกเจ๊อยู่บ่อย ๆ  โดยมันจะไม่ยอมลงจากกำแพงง่าย ๆ  ถ้าเจ๊ไม่ยื่นมือ
ไปหา     มันคงติดนิสัยผู้ดีเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อมาแต่ไหนไม่รู้
โถ! ลูกแม่  เมื่อคืนนอนหลับฝันดีไหม     หล่อนลูบคลำเจ้าเหมียวจับพลิกไปพลิกมาตรวจดูสุขภาพภายนอก
ทุกซอกขน  ประหนึ่งว่ารักใคร่เป็นบุตรคนหนึ่ง
กินสิจ๊ะ  นี่ปลาทูที่แม่ซื้อมาตัวละ 30 บาท นะลูก   แม่เอาก้างออกหมดแล้ว ค่อย ๆ กลืน ไม่มีสัตว์ตัวไหนมาแย่ง
กินหรอก ถ้ามีแม่อยู่กับเหมียวทั้งคน  นั่น อย่างงั้น ดีมากลูก   น่ารักจัง สำหรับมื้อเย็นแม่มีอาหารสำเร็จรูปที่ซื้อมา
จากเมืองนอกให้ลูกได้กินบำรุงสุขภาพด้วย นะลูกรัก   เจ้าเหมียวดิ้นไปมาดูมันคงอึดอัดกับการถูกจับป้อนข้าว   
ถ้ามันพูดได้คงจะพูดว่า  ข้าโตเป็นหนุ่มแล้วยังจะป้อนอีก กินจนพุงกางทั้งเมื่อคืนก็ออกไปล่าหนูได้ตัวเขื่องซะอิ่มแปล้เชียว
สวัสดีครับ  เจ๊   ผมเจ้าของรถเก๋งสีบรอนซ์เงินคันนั้นนะครับ    หนุ่มคนนั้นตะโกนจากระเบียงห้องพักชั้น 2
ซึ่งอยู่ติดกับกำแพงกั้นระหว่างหอพักกับบ้านหลังใหญ่ของเจ๊ญาดา เจ้าของหอ
คุณมีอะไรหรือ   เจ๊เงยหน้าพูดส่งแบบไม่ค่อยสนใจเขาเท่าไหร่นัก
แมวตัวนั้นน่ารักดี นะครับ  ผมเห็นอยู่บริเวณนี้ 2 ปีเห็นจะได้ล่ะมั้ง  เขาพูดอ้อมก่อนจะหาจังหวะเข้าสู่ประเด็น
แมวตัวนี้ ชั้นเลี้ยงมันมาตั้งแต่ตัวเล็ก ๆ    บริเวณนี้ถือเป็นอาณาเขตของมันที่จะอยู่ไหนก็ได้  หอพักนี้ก็ของฉัน
เพียงแต่ทำกำแพงกั้นกันขโมยเท่านั้นเอง    หล่อนกล่าวแสดงความเป็นใหญ่แทนเจ้าเหมียว ทั้งที่คนทั่วหอเขา
รู้กันหมดแล้วว่า   เจ๊คือเจ้าของหอ ผู้ได้ฉายาเค็มแบบทะเลเรียกพี่    เหตุที่ชาวหอเรียกเช่นนั้นก็เพราะหล่อนงก
มาก ๆ   นโยบายของรัฐบาลตั้งแต่ท่านนายกสมัครมาจนถึงนายกอภิสิทธิ์ประกาศว่าใครที่อยู่หอพักที่ถูกกฎหมาย
ถ้าใช้ไฟไม่เกิน 30 หน่วย ไม่ต้องจ่าย แต่รัฐบาลจะจ่ายให้แทน   แต่จนป่านนี้เจ๊แกไม่เคยปฏิบัติตามนโยบายรัฐ
และที่ชาวหอไม่อยากโวยวายก็เพราะขี้เกียจย้ายหอ เพราะมันยุ่งยากหลายประการ  จึงยอมเจ๊มาโดยตลอด  
เจ๊ ครับ  ผมมีเรื่องขอหารือ  เรื่องหลังคารถถูกแมวข่วน          อาไร ลื้อ พูดใหม่ซิ อย่ามาซี้ซั้วส่งเดชนะ
ผมพูดจริง ๆ นะครับ เจ๊  ไม่เชื่อก็เปิดประตูเข้ามาดูสิครับ  หลังคารถเป็นรอยเล็บแมวเต็มเป็นแผนที่ไปหมด
ลื้อ มีพยานอะไร  เห็นกับตาหรือเปล่า  อย่ามาปรักปรำแมว ชั้นนะ  แมวตัวนี้นิสัยน่ารักจะตาย    เมื่อวันก่อน
คุณหญิงภริยาท่านรัฐมนตรีมาเยี่ยมที่นี่ ยังออกปากชมว่านิสัยดีไม่มีที่ติ  แล้วคุณจะมากล่าวหา ลอย ๆ ได้อย่างไร
เจ๊ ครับ ผมไม่ต้องการโต้เถียงกับเจ๊   แต่ผมพูดถึงข้อเท็จจริง ซึ่งไม่ใช่รถผมคันเดียว  แต่รถอีก 5-6 คันก็โดนแมว
ตัวนี้แหละที่ชอบปีนขึ้นไปนอนบนหลังคาในเวลากลางคืน  พอมันได้ยินเสียงหมาเห่ามันตกใจก็เลยข่วนหลังคา



                                                                                                                                                                                 
                                                                                                                                                                                 2
กลางคืน  ลื้อนอนหลับ รู้ได้อย่างไร นั่งเฝ้ารถทั้งคืนหรือไง
โธ่ เจ๊  ถ้าไม่เชื่อผม  ก็ลองเปิดกล้องวงจรปิดย้อนดูภาพสิครับ   ผมเคยถามแม่บ้านผู้ดูแลหอ  เขาก็บอกว่าบริเวณนี้
มีแมวเพียงตัวเดียว คือเจ้าเหมียวนี่แหละ
ไปเรียกมันมาซิ  อีแม่บ้านมันกินเงินเดือนใคร เสือกดีนัก ปากไม่มีหูรูด เดี๋ยวไล่ออกเสียให้เข็ด   หล่อนออก
อาการโมโห  ทั้งที่อยู่ในชุดนุ่งขาวห่มขาว ซึ่งเพิ่งกลับจากถือศีลแปด ที่วัดข้างบ้านเมื่อเช้านี้เอง
เจ๊  เอางี้ดีไหม    ผมจะรีบไปทำงาน  อย่างไงเจ๊ โทร.หาผมช่วงบ่ายก็แล้วกัน
ได้  แล้วอย่าคิดว่าจะให้รับผิดชอบรถนะ  แมวในกรุงเทพฯ ไม่มีตัวเดียวนะไอ้น้อง  หล่อนสบถบ่นด้วยอารมณ์
เดือดเลือดขึ้นหน้าแดง  แล้วเดินสะบัดก้นจนศีลหลุดหายเข้าไปในบ้านหลังใหญ่

	เที่ยงวันนั้น หลังจากทานข้าวเสร็จ  เขาโทร. หาเป้ ซึ่งเป็นเพื่อนที่เพิ่งสอบได้ตั๋วทนายความ  
โดยไม่รอช้าก่อนที่เจ๊ญาดา จะโทร.มาหาเขา
เป้ กู แบงก์นะ  ยุ่งอยู่หรือเปล่า  กูขอหารือหน่อยวะ
เฮ้ย! ไอ้แบงก์ พักนี้มึงเก็บตัวเงียบเลยนะ  พรรคพวกถามถึงมึงอยู่พอดีวะ
อืม...กูไม่ค่อยว่างวะเพื่อน  งานยุ่งฉิบ...
กู เข้าใจ  มึงมันมนุษย์เมมเบอร์  ชอบยุ่งกับสมาชิกอยู่แล้ว  ว่าแต่มึงมีเรื่องเดือดร้อนอะไรวะ
เออ! เช้าวันนี้ กูมีปัญหากับเจ๊เจ้าของหอ  กูถูกเขาเฉ่งใส่หลายชุด ระรัวลิ้นยิ่งกว่าเอ็มสิบหกวะ
แล้วมึงไปยุ่งอะไรกับเขาวะ
กูไม่ได้ยุ่ง  แต่แมวมันยุ่งกับรถกู  มันข่วนหลังคารถเป็นรอยเต็มไปหมด  พอกูบอกเจ๊ แกกลับปฏิเสธ ทั้งที่คนในหอ
ก็เห็นกันหลายคน และรถที่โดนข่วนก็เจอกันไปหลายคัน
แมวที่ว่า เป็นแมวจรจัด แล้วมาอาศัยที่หอใช่ไหม   เขาลังเลนิดหนึ่งก่อนจะตอบเป้ไปว่า
กูไม่รู้ว่ามันมาจากไหน แต่ก็เห็นมันอยู่ที่นี่เป็นปีแล้ว  โดยเจ๊เจ้าของหอเป็นผู้ให้ข้าวเลี้ยงดูทุกเช้า-เย็น   ใครไล่แมว
แกก็จะต่อว่าทันที
แกแสดงความเป็นเจ้าของว่างั้นเถอะ  เคทแบบนี้เคยมีตัวอย่างมาแล้ว มึงคิดจะสู้คดีกับเจ๊หรือเปล่าล่ะ เป้พูดตัดบท  เมื่อจับประเด็นของปัญหาที่เกิดขึ้นได้แล้ว
เดี๋ยวกู ขอหารือกับเจ้าของรถอีก 5-6 คัน เพื่อจะสู้พร้อม ๆ กันไปเลย       เอาเป็นว่างานนี้กูขอให้มึงเป็นธุระให้กู
นะเว้ย   
ไม่เป็นไรเพื่อน อย่างไงกูว่าถ้าจะให้ดี  มึงให้กูเจรจากับเจ๊เพื่อหาทางออกร่วมกัน  โดยไม่ต้องเสียเวลาขึ้นโรง
ขึ้นศาล  กับอีแค่แมวตัวเดียวจิ๊บจ๊อยวะ
กูเชื่อมึงเพื่อน  แล้วมึงจะได้เห็นฤทธิ์เจ๊เค้า มันไม่เบาอย่างที่เอ็งคิด  แล้วกูจะให้เจ๊โทร.คุยกับมึง  ขอบใจวะเพื่อน
เขาวางหูโทรศัพท์ด้วยความเบาใจไปเปลาะหนึ่ง  แล้วง่วนอยู่กับงานในแผนกเมมเบอร์ทั้งวัน

	



                                                                                                                                                                         

                                                                                                                                                                                3


	ที่หอพักเย็นวันนั้น  เวลา 18.13 น. เขาออกไปนั่งที่ระเบียงห้อง  แสงไฟรอบ ๆ หอ สว่างจ้าขึ้นเหมือน
จะแจ้งให้เจ้าเหมียวรู้ว่าได้เวลาไต่บนสันกำแพงไปนั่งม้วนหางรออาหารจากเจ้าของ  ตามเวลาที่มันเคยได้กินเป็นประจำ    เหมียว เหมียว เหมียวลูกแม่  ม่ะ มะให้หอมแก้มสักหนึ่งที  ไปไหนมาทั้งวันเหรอลูก  ดูซิขนเปื้อนจนสกปรก  ต่อไปอย่าเที่ยวไกลนะลูก  แถวนี้หมาจรจัดมันเยอะ   เดี๋ยวมันจะกัดหูกัดหางลูกของแม่จะไม่สวยนะ   ขณะที่หล่อนกำลังป้อนข้าวให้เจ้าเหมียวสุดที่รักอยู่นั้น  พลันเสียงหมาเห่า โฮ่ง โฮ่ง โฮ่ง มุมกำแพงด้านนอกดังขึ้น
ไอ้หมาจรจัด  ไร้สกุลรุนชาติ   อย่ามาเห่ารบกวนประสาทแถวนี้นะ  เดี๋ยวแม่เบื่อด้วยลูกชิ้นซะให้ดิ้น
หล่อนยืนบนเก้าอี้พับยื่นหน้าโผล่พ้นสันกำแพง ด่าหมาจรจัด ฉอด ๆ  
ไอ้หมาระยำ  เห่าอยู่ได้  ชั้นเกลียดเกลี๊ยดเกลียดพวกจรจัดขี้เรื้อนทั้งหลาย  ไอ้พวกไร้บ้านอยู่   มีชีวิตจนแก่ก็ไม่มี
ปัญญาหาที่อยู่เป็นหลักแหล่งได้    เหอะคอยดูเถอะ เห่าอีกที  จะได้เห็นดีกันคืนนี้แหละ   คำพูดประโยคสุดท้าย
ของหล่อนพุ่งเข้ารูหูแทงทะลุหัวใจเขาจนเต้นผิดจังหวะ
หรือว่า  เราก็ไม่แตกต่างจากหมาตัวหนึ่ง ซึ่งยังหาบ้านอยู่อาศัยอันถาวรไม่ได้ จะมีก็แต่บ้านเคลื่อนที่คือรถคู่ชีพหนึ่งคัน    และก็ไม่รู้ว่าจะเกาะหอหลังนี้ไปอีกนานสองนานเท่าไร  เขาครุ่นคิดถึงอนาคต ขณะที่มือขวาถือทัพพีพลิกไข่
ในกระทะไปมา     หน้ากูเหลืองเป็นไข่เจียวไปทุกทีแล้ว   เขาพึมพำกับตัวเอง  ไข่สุกได้ที่พอดี

	เวลา 20.13 น.  เสียงเอะอะร้องขอความช่วยเหลือดังมาจากบ้านหลังใหญ่ว่า  ช่วยด้วย  ช่วยด้วย
ใครก็ได้ช่วยหลานชั้นที   ช่วยด้วย   ช่วยด้วย ๆ มนุษย์หอหลายคนพากันตกใจแตกตื่น บ้างก็รีบปีนกำแพงเข้าไป
ที่บ้านเจ๊ญาดา    ครู่เดียวเขาเห็นร่างของเด็กหญิงวัยประมาณ 4 ขวบ ถูกอุ้มออกมา  เด็กน้อยน้ำลายฟูมปาก
เสียงใครคนหนึ่งตะโกนบอกให้เรียกแท็กซี่เร็ว ๆ  ช้าไม่ได้การ     ขณะเดียวกันเขาเห็นเจ๊ร้องไม่เป็นภาษาคน
ดูเธอทำอะไรไม่ถูกปากคอสั่นเป็นผีเข้า   ได้แต่ร้องว่า  ชั้นไม่ตั้งใจ   ชั้นไม่ได้ทำหลาน   ชั้นจะให้หมากิน...
	
	ภายหลังที่เหตุการณ์อันวิกฤติผ่านพ้นไปแล้วเมื่อสองชั่วโมงให้หลัง   เขาทราบว่าหมอล้างท้อง
ช่วยชีวิตเด็กน้อยไว้ได้ทัน     คืนนั้นแสงไฟที่หอพัก คล้ายว่าจะสว่างจ้ากว่าทุกคืน  หรือเขาคิดไปเอง
ไฟในใจใครบางคนลุกโพลงแทบจะไหม้องคาพยพให้มอดม้วยไปกับความอัปยศต่ำทรามที่ได้กระทำลงไป      
โดยไร้จิตสำนึกแห่งความเป็นสัตว์ประเสริฐ     และเกือบจะทำลายชีวิตน้อย ๆ ที่ไม่รู้เดียงสา
ไปอีกหนึ่งคน    ระหว่างสิ่งมีชีวิตหนึ่งที่ใครรักหวงแหนกับชีวิตหนึ่งที่ใครตั้งข้อรังเกียจ  เหล่านั้นคือชีวิต
ที่รักจะอยู่ในโลกและใช้ชีวิตมิใช่หรือ
ฮัลโหล  ดิชั้นเจ๊ญาดา  เจ้าของหอพักนะคะ   ประโยคแรกแห่งคำพูดที่ได้ยิน เขารู้สึกประหลาดใจยิ่งนัก
เพราะตลอด 2 ปีที่พักอยู่ที่นี่ไม่เคยได้ยินเจ๊ปากหวานแบบนี้มาก่อน
สวัสดีครับ  ผมเจ้าของห้อง 221  แบงก์ รัฐพล  กำลังพูดสายครับ





                                                                                                                                                                                 4

คุณคะ  สำหรับเรื่องรถของคุณ  ดิชั้นจะรับผิดชอบซ่อมให้นะคะ   พรุ่งนี้คุณเอารถไปซ่อมห้างฯ ได้เลยนะคะ
ขอบคุณครับ เจ๊  แล้วผมจะดำเนินการตามที่เจ๊บอก   ภายหลังวางหู เขารู้สึกเย็นที่ปลายนิ้วเท้า แต่ก็อบอุ่น
ในหัวใจ  ที่ไม่เต้นผิดจังหวะเหมือนเช่นเหตุการณ์ที่ผ่านมาทั้งวัน    

	ค่อนดึกคืนนั้น เขายังนั่งอยู่ที่ระเบียงอย่างสบายอารมณ์   และไม่ละสายตาที่จ้องมองกำแพง
แห่งชีวิต  ซึ่งถูกแบ่งขั้นระหว่างความรักกับความเกลียดชัง  อันปรากฏให้เขาได้สัมผัสด้วยชีวิตและจิตใจ
แสงไฟรอบ ๆ หอพักยังสว่างอยู่เช่นเดิม   เสียงห้องข้าง ๆ พากันเงียบสงบไปหมดแล้ว   แต่สายตาเขายังจ้อง
ไปที่สันกำแพง   ไม่มีเจ้าเหมียวตัวสีขาวลายดำตัด ไต่เล่นสัพยอกหยอกแมลงเหนือหลอดไฟดวงกลมโต
ไม่มีเสียงเห่า โฮ่ง โฮ่ง โฮ่ง  แห่งสุนัขจรจัด     หรือว่า...ลูกชิ้นปลายังตกหล่นอยู่ข้างกำแพงอีกกี่ลูกก็ไม่รู้
วันพรุ่งนี้   เด็กน้อยวัย 4 ขวบ  คงจะได้กลับมาวิ่งเล่นที่บ้านหลังใหญ่ได้ดั่งเดิม




ด้วยความปรารถนาดีจากผู้เขียน   1/07/2009
ภูวดล ภูภัทรโยธิน  E-mail:  pphoovadol@yahoo.com
(หากท่านเห็นว่ามีประโยชน์โปรดส่งต่อให้เพื่อน ๆ)				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟภูวเชวง
Lovings  ภูวเชวง เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟภูวเชวง
Lovings  ภูวเชวง เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟภูวเชวง
Lovings  ภูวเชวง เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงภูวเชวง