19 สิงหาคม 2554 05:46 น.

ใจพิศวาสรัก

รักษ์รัก

..


โอ้ว่าอนิจจาใจ
มาหลงใหลในเสน่ห์เล่ห์ทะเล้น
เจ้าคงเป็นเจ้ากรรมมาตามเวร
จึงต้องเซ่นบวงสรวงด้วยดวงใจ

โอ้ว่าอนิจจาพิศวาส
เราบังอาจเอื้อมชิดพิสมัย
เจ้ามิอาจตีความสัมผัสใด
เพียงผิวเผินเพลินไปไม่ตราตรึง

โอ้ว่าอนิจจารัก
จำต้องหักห้ามจิตไม่คิดถึง
หมั่นตอกย้ำห้ามใจไม่คำนึง
หยุดสัมพันธ์ลึกซึ้งไว้ครึ่งทาง


..
				
20 เมษายน 2552 20:26 น.

มะโหลงมะเหลงเอาเง็งเอ็ง

รักษ์รัก

..




เอื่อยๆฉะเฉื่อยๆ  ระเรื่อยเปื่อยปะเมื่อยเลื่อย
นิงนิงพะแนงเนือย  เอาเอื่อยเฉื่อยใส่เปือยปาว
เง็งเง็งมะเร็งเป่ง  นั่งเซ็งเซ็งเขม็งหาว
มืดมืดยังยืดยาว  งะหงอยหง่าวเหงางงงง
เหวยเหวยละเหยหาย  เมลืองรายมลายหลง
ปู๊นปู๊นโบกปูนปลง  ละไล่ส่งไปชู่วชู่
เหนื่อยหน่ายคะคล้ายหงอ  ทะเทียมท้อมะหลู่กู่
เยอะแยะปะแปะตู  กระเสือกสู้เพื่อผู้ใด
จับจิตจริตแจ้ว  ดังแต้วแร้วเข้าแถวไผ่
กลับก่อนก่อนแกไกล  จงหลับใหลขะในดวง
มามาตะครุบมั่น  ข้างในตันละมันกลวง  
เดินหมากบนฉากลวง  ปะบาศบ่วงรึห่วงยาง
นอนหลับสดับเสียง  สองสำเนียงถะเถียงต่าง
เปลือกตาฉบับบาง  สุดจะกว้างหากกางที
ภาพฉันในวันหน้า  อย่างมายาประดามี
ความฝันอันร้ายดี  ตื่นพรุ่งนี้คงลืมเลือน

..				
25 สิงหาคม 2551 23:43 น.

ใต้ซุ้มวิวาห์ดอกต้อยติ่ง

รักษ์รัก


..




ความรักใดในโลกไม่โศกเศร้า
เท่ารักเราข่มมาดปรารถนา
มิอาจล้ำบรรทัดเขาขัดตรา
เว้นแต่ในเคหาลับตาคน

เช่นราตรีนี้ฟ้าเมฆาจับ
เห็นแสงจันทร์เพียงพยับลับเวหน
ละอองไอไล้ระเบียงเฉลียงบน
ยินเสียงฝนเบาเบาราวดนตรี

ในอ้อมอกของเราอกเขาอยู่
แนบแก้มกับแก้มถูฉมฉวี
มองตาเขามองมาตาเราที
ยิ้มหวานนี้หวานพานยิ้มหวานตาม

ต่างผ่านโลกร้อนหนาวหลายคราวครั้ง
เรื่องความหลังฝังไว้ไม่ต้องถาม
ไม่แจ้งเขาแจงเราถึงถ้อยความ
ปล่อยให้นามธรรมพาพูดจากัน

เพราะต้องการถ่วงไว้เมื่อได้ชิด
ช่วงเวลาน้อยนิดที่สุขสันต์
ไม่อาจแม้นสัมผัสได้ในกลางวัน
ไม่เหมือนแม้นสัมพันธ์สกลชน

ธรรมชาติสันดานสัตว์จำกัดรัก
หรือจำกัดในหลักพันธุ์พหล
ความรักเกิดขึ้นทั่วทุกตัวคน
ไฉนยลรักเราไม่เข้าตา

จะหยอกล้อยอหวานเขาพานคิด
จะเดินติดชิดกายก็ขายหน้า
แสดงไปใครเขาย่อมนินทา
เป็นปุจฉาคราใดได้อาวรณ์

รักที่เร้นจึงเป็นเหตุพิเศษสุด
ให้เราหยุดโลกไว้อยู่ใต้หมอน
หลับตาเสียทูนหัวจะกล่อมนอน
จะจูงกรเจ้าก้าวเข้าวิวาห์

ความรักในโลกฝันนั้นเปี่ยมสุข
อย่าได้ปลุกให้ตื่นขึ้นเชียวหนา
มีเพียงเราเท่านั้นในนิทรา
ป่าวประกาศก้องฟ้าว่ารักกัน

ใต้สุมทุมซุ้มสร้อยดอกต้อยติ่ง
สรรพสิ่งล้วนสร้างอย่างสวรรค์
เราจุมพิตต่างคำสัญญามั่น
มีธรรมชาติแห่งนั้นเป็นพยานรัก

..				
8 กรกฎาคม 2551 22:13 น.

คิดถึงกันบ้างไหม

รักษ์รัก

..






ส่งถ้อยความตามมาเพื่อหาพ่อ
รู้หรือไม่ใครกันมันนอนรอ
ขอตัดพ้อต่อว่าสักนาที

อยากได้หมาเข้าประสาทขนาดหนัก
ไปตลาดจตุจักรเสียเร็วรี่
มองหมู่หมามากมายประดามี
ทำไมพ่อมาชี้ที่หนูด้วย

บอกว่าดูหนูสิ..สีสวาด
สีประหลาดสิใช่..ใครว่าสวย
เทียบไอ้ด่างข้างร้านอันสำรวย
หนูเป็นแค่พันธุ์ห่วยหวยตัวรอง

ได้ยินพ่อถามเอากับเขาด้วย
หมามันป่วยหรือเปล่าเห็นหย็องหย็อง
เขาจึงหยิบไข่ต้มมาหนึ่งฟอง
หนูสนองทันทีเหมือนผีเข้า

โดนเขาหลอกไม่รู้เพราะหนูหิว
กระโดดมั่วตัวปลิวด้วยความเขลา
ที่นอนเฉยเผยธาตุแท้ไม่เหลือเค้า
แต่พ่อขอไข่เขาเอาให้กิน

แล้วตัดใจไถ่หนูมาอยู่บ้าน
ดันมาให้เด็กด้านอยู่เฝ้าถิ่น
ไม่มีแม้นพฤกษาแลหน้าดิน
ได้แต่นอนแทะหินกินกรวดทราย

ขังหนูไว้ให้โอดว่าโดดเดี่ยว
แค่เพียงเสี้ยวห่างหน้าพาใจหาย
ครั้นกลางคืนยุงแหย่แพ้ยุงลาย
เช้าขึ้นมาเกากายไม่หายคัน

ยังโดนพ่อล้อเรียกว่าหน้าแป้น
ให้หนูชื่อแป้นแล้น  แสนจะขัน
บ้างก็ว่าจักแหล่นแจ๋นทั้งวัน
พ่อไม่รู้หนูนั้นก็เหงาเป็น

เสียงประตูบานใดเปิดในบ้าน
มันสะท้านหัวใจที่ไม่เห็น
ใครกันหนอพ่อหรือเปล่าทั้งเช้าเย็น
อยากให้พ่อมาเล่นกับหนูบ้าง

จนกระทั่งวันหนึ่งถึงที่สุด
หนูโดนฉุดจนผวาตาสว่าง
พ่อลากหนูขึ้นกระบะพาเดินทาง
ค่อยค่อยห่างบางกอกออกมาไกล

มาสู่แหล่งดินดอนนครสวรรค์
สู่สถานบ้านนี้ที่ฝันใฝ่
ดารดาษด้วยดินแลกลิ่นไม้
อิสระเกินใครได้วิ่งเพลิน

ครั้นอุษามาใหม่ใจแทบขาด
พ่อนิราศลัดเลาะเหมือนเหาะเหิร
ไม่ทันลาหน้ากันนั้นทำเกิน-
ไปที่ไหนไฉนเมินมาทิ้งกัน

ยามหนูหิวคุณย่าก็หาให้
แต่ไม่มีมื้อไหนได้อิ่มขวัญ
เท่าที่พ่อปรุงให้เมื่อวารวัน
มีหน้านั้นแกล้มหน่อยพลอยอิ่มใจ

ยุงที่นี่ยั้วเยี้ยยิ่งกว่าเก่า
คิดถึงคราวพ่อมาทายาให้
คืนละสองครั้งกันทั้งคืนไป
ไม่เคยมีวันใดไม่ได้ทา


คนมากหน้ามาเล่นทะเล้นบ่อย
แต่มีน้อยแบ่งขนมให้ลูกหมา
ไม่เหมือนพ่อทุกครั้งมีติดมา
ให้ได้ลิ้มรสนานาของอาหาร

ใครก็รู้หนูมีจิตไม่คิดโหด
แค่กระโดดขึ้นเกาะเพราะสนาน
แต่หนูกลับโดนด่าเหมือนหมามาร
ไม่เหมือนพ่อเล่นคลานขย้ำกัน

หนูชอบกัดไม้กวาดฟัดจิ้งจก
พ่อจุจุให้ตระหนกไม่ถึงสั่น
อยู่ที่นี่เล่นไม้กวาดจิ้งจกพลัน
เสียงสนั่นนั้นตะเพิดจนเปิดแน่บ

หนูคิดถึงพ่อนะมาหาหน่อย
ให้หนูคอยชะเงื้อรอปวดคอแปลบ
หมามีจิตคิดถึงคนใจแคบ
พ่อนั้นแทบนึกถึงหน้าลูกหมาไหม


..				
8 พฤศจิกายน 2549 00:56 น.

จิ้งจกจ้าวจักรภพ : ศุภฤกษ์เบิกไพร

รักษ์รัก

..





๏ ตัวเล็กฤๅต่ำต้อย                        อัตตา
มีกระโหลกห่อปัญญา                      ปกป้อง
รู้จักรอดตัวนา                                ท่านว่า   ดีนอ
ดั่งหนึ่งพลพรรคพร้อง                     แกร่งก้องพองพรู  ฯ

๏ เกียรติศักดิ์เกริกเศิกกู้                เศวตงค์
จิ้งจกขาวพราวพงศ์                        ย่านย้าว
เพี้ยงวัชรยังยง                               คงอยู่   คุณีพันธุ์
ใต้จตุรบาทจ้าว                               รกฟ้านฤบาล  ฯ

๏ สบศึกภัยไล่ต้าน                          ทุรชน
ตวัดร่ายปลายสกนธ์                        เฆี่ยนคว้าง
กี่สิบกี่ร้อนหน                                 พาลพ่าย   แพ้นา
โชติช่วงเช่นสรวงสร้าง                    คู่พื้นปถวี  ฯ

๏ ตำนานเขาเล่านี้                           แต่บุราณ
จริงเท็จสุดประมาณ                         เทียบได้
ตามแต่ปราชญ์บรรหาร                    เห็นต่าง  เกลานา
แลกุศลสืบใกล้                                ส่งเกื้อกลอยนวล  ๚ะ


*******************************************************************






ศุภฤกษ์เบิกไพร






๏ จักกล่าวสู่สรวงฟ้ามหาสวรรค์
ทวยเทพาผ่องล้ำอำไพพรรณ
บันดาลวันสรรค์สว่างกระจ่างตา

จักรพรรดิมนทารอธิบดี
ธ ทรงมีอัปสรสิเน่หา
จำนวนนงอสงไขยคณนา
กัลยายามยิ้มช่างพริ้มเพรา

ให้ชวนชมฉมฉวีวจีแจ่ม
ฉายแฉล้มแต้มสรวงดวงเฉลา
แม้นงามกว่ามาเปรียบประเทียบเจ้า
อาจจักเศร้าทรวงแดได้แค่ทราม

เหล่าเสนาอมาตย์ราชครู
เมื่อตรองดูตรึกได้จึงไต่ถาม
นานแล้วหนอรอกุมารมาอาราม
เกรงสิ้นยามตามฤกษ์อันเกริกไกร

เจ้าจอมฟ้าสุราลัยไร้โอรส
มาย้ำยศจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่
บ้างตั้งครรภ์อันฑโกสมาสองใบ
รอยจักได้เพียงศรีทาริกา

นางสวรรค์จันทรอ่อนเสน่ห์
แสนขี้เหร่ผิดสนมชมผวา
เพราะตัวนี้มีหนึ่งนัยนา
หากแต่ห้วงบุญญามาหนุนอร

ตกอัณฑสกุลฟ้ามาหนึ่งโกศ	
ธ ทรงโปรดทันใดในสมร
อุ้มโอรสยศสวรรค์ครรโภทร	
พระหน่ออ่อนอมรเทพท้าวมนทาร

โหราจารย์เทวนคเรศ
กราบทูลเหตุเภทภัยในวิหาร
ลักษณะอสุราอวตาร
มาเป็นมารเทวากาลกิณี

พระมนทารราชาสุราลัย
เห็นพระทัยในพระราชมเหสี
จึ่งรับสั่งให้ตัดหน่อพระภูมี
เว้นชีวีศรีอัปสรบังอรนวล

ครั้นเมื่อมองพระฟองสกุลยศ
ทรงสลดลดกรรมละล่ำหวน
ควรจะฆ่าแล้วหรือฤๅมิควร	
แลทบทวนครวญคิดพินิจไป

อันอัณฑาเทวะหรืออสูร
ออกอาดูรหยั่งคิดวินิจฉัย
หากบุญญาธิสมภารยิ่งฉันใด	
ฉันนั้นไซร้จักได้มา ณ พิมาน

จึ่งบัญชาเทพดาเทพารักษ์
โสฬสารักษ์อารักขาลาสถาน
นำอัณฑสกุลฟองล่องดงดาน	
ฝังกุมารใต้หล้าพนาดร

จึ่งก่อเกิดเวียงวังเวิ้งอสูร	
แดนอาดูรนูนเด่นเป็นศิงขร
เพราะฤทธิ์มารดันพื้นพสุนธร
หวังจักจรจวบชั้นสวรรคาลัย

มหิศรมนทารราชันสรวง 
ปูนบำเหน็ดโหรหลวงอสงไขย
ช่วยเทพาห่างพ้นพิราลัย
ปลอดประลัยภัยมารพาลผจญ

ทรงรับสั่งให้เชื้อชายนายอารักษ์
จงปกปักป้องสวรรค์ชั้นเวหน
ถวายการอารักขาเทวชน
อุทิศตนต่อเบื้องจตุรบาท

ท้าวจันทรโศกศัลย์กรรแสงส่อง
มาคอยจ้องมองกมลบนเวหาส
น้ำตานางพร่างพราวราวระวาด
ป็นหยดหยาดระยับยิบสิบหกพลอย

กี่วันแล้วแก้วตาไม่มาบ้าน
ฤๅเป็นมารเทพาพาถดถอย
กระนั้นหนาเนตรนางยังรอคอย
ให้ลูกน้อยกลับมายังธานี  ๚ะ


..				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟรักษ์รัก
Lovings  รักษ์รัก เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟรักษ์รัก
Lovings  รักษ์รัก เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟรักษ์รัก
Lovings  รักษ์รัก เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงรักษ์รัก