14 มิถุนายน 2546 17:13 น.

กลอนรักของคนแก่

ราม ลิขิต

เพลงพิรุณ

๐เธอมาฟายน้ำตาต่อหน้าฉัน
ในคืนอันเพลงพิรุณละมุนไหล
มุกหมองหมองร่องแก้มช่างแนมใจ
บ่าระริกสะอื้นไล่ไปทั้งตัว

๐มาซบอกเทออกนะบอกเล่า
กระซิบเบาเพียงไรฉันไม่หัว
อย่าระแวงในฉันหรือพรั่นกลัว
เปิดเถอะรั้วขังจิตอย่าปิดเปรย

๐เพราะฉันรู้คุณค่าน้ำตายิ่ง
ด้วยเคยกลิ้งเกลื่อนหน้าจนชาเฉย
แต่ละเกล็ดเม็ดนั้นสวรรค์เอย
มันร้ายเลยนรกร้อนที่รอนราญ

๐ไม่ขอห้ามน้ำเนตรของเกดแก้ว
หากหลั่งแล้วชะจิตจากพิษผลาญ
ต่อให้ท่วมเชี่ยวแทงกันแสงธาร
จะขอต้านชลธีไม่หนีเธอ

๐เพื่อพบพรุ่งพระจันทร์กระจ่างแจ่ม
ฉันจะแซมมาลัยไปเสนอ
ทัดมะลิเสียบไล้ไล่ละเมอ
ปัดลมเพ้อรำเพยให้เลยลอย

๐หัวใจฟ้าอุราฝนใช่ปล้นฝัน
หากแบ่งปันทุกข์ปร่าเป็นฝ้าฝอย
ประดุจเดียวกับฉันขอปันปรอย
รับทุกข์ร้อยเธอหล่นชลนา/.

..............................................................

น้ำตาชาย

๐เธอจากไปในวันฉันไม่จาก
พร้อมกับฝากรอยแผลเกินแก้ไข
อยากจะคืนแต่ทว่ามันช้าไป
เพราะเธอไล่ คนเลว เร็วเหลือเกิน

๐น้ำตาหล่นเรี่ยรายไม่อายหรอก
มันพรูออกเทียมเท่าภูเขาเขิน
น้ำตาชายยากหลั่งแม้หลังเยิน
แต่เจ็บเดินฎีกานี้หน้านอง/.

..............................................................

รอยอดีต

๐ฟังคนธรรพ์บรรเลงเพลงกล่อมฝัน
พิณพิรุณเรียงหลั่นบรรลือหลอม
บรรทมแทบตักเธอละเมอตรอม
ยังอวลหอมมิหายจากปลายใจ

๐มือที่ไล้ผมฉันวันเพลาฉ่ำ
ฝนพรำพรำเพลงนี้เพราะเพียงไหน
ฟ้ากระจ่างสางแสงอโณทัย
แต่ทำไมจิตฉันนั้นมืดมน/

..............................................................

เสมอกัน

๐ในวันเธอหันหลังฉันยังอยู่
พร้อมอณูแอ่งในใจสลาย
เพียงอวยพรให้เธอนั้นพรรณราย
ฉันก็ตายตาหลับกับชีวี

๐เธอกลับมาในวันฉันยังอยู่
เคยเป็นครูในวันสะบั้นหนี
ฉันเป็นศิษย์ที่เธอสอนรอนฤดี
เศร้าวันนี้ฉันเธอเสมอกัน/.

..............................................................

เวนคืนใจ

๐ถนอมเจ้าเกรงจะร้าวนวลสลาย
หวั่นว่าปลายเธอจะข่วนนวลถนอม
กายละไมทะนุหมดสู้อดออม
ก็หวั่นค้อมใจคะมำคว่ำคะเมน

๐ด้วยคำบ่นพี่นั้นมันน่าเบื่อ
เป็นแค่เกลือเกล็ดจิ้มใช่พิมเสน
หากเห็นค่ารักพี่แค่ขี้เลน
ก็จะเวนคืนใจไม่ขอจอง/.

..............................................................

รักแท้จากใจชายคนหนึ่ง

๐รักของพี่มีต่อน้องเหมืองท้องไส้
ระบายไล่ลมรั่วดังวัวหาว
แค่ได้บ่นเสียบ้างเป็นครั้งคราว
ก็เห็นดาวเห็นเดือนแล้วคนดี

๐ขอตีตราตามจองน้องไม่จาก
แม้ทุกข์ยากไม่ขอหย่านะยาหยี
เห็นเธอสุขถึงพี่แสบก็แปลบปรีดิ์
กระสอบทรายคนนี้พลีเพื่อรัก/.

..............................................................

อ่านแก้รำคาญนะครับ				
18 พฤษภาคม 2546 20:43 น.

มหาชนกคำกาพย์ : ถูกจับ

ราม ลิขิต

๐ผู้ไหนใจไม่หนัก              ถึงแก่งั่กก็หักงอ
หูเบาเอาแต่บอ                   บ่งเสเพลเกเรพาล
ชิดไพร่หากใจพล่อย           ก็แค่พลอยเป็นถ่อยผลาญ
ชั่วดักย่อมชักดาน              ถึงเป็นดาวก็เปล่าดวง

    ๐ราชาผวาเชื่อ                  ว่าสายเชื้อจะเถือช่วง
โกรธกลั่นเพราะกรรณกลวง  คำรามกร้าวจะเอาการ
จึงให้อำมาตย์ห่า                    จัดแจงหาขุนทหาร
คุมพลประดนพาน                 กำจัดผู้ศัตรูพราง
ถอนร่นก่นถึงราก                  ให้สิ้นซากเร่งสากสาง
สำเร็จเบ็ดเสร็จราง                เรื่ออรุณให้สูญรัง

    ๐โลกอยู่ดูแล้วยาก        เกิดมาอยากฝากดียัง
คนเกคอยเก้กัง                 ขาขัดกางหางตีกวน
ทำดีแต่ที่ได้                      เคืองระคายดูไม่ควร
ทำชั่วจนตัวชวร                 คนตามต้อสอพลอเต็ม

    ๐โปลพระแต่ประพาส     ท่องตลาดอำมาตย์เล็ม
เมืองไข้ด้วยใจเค็ม            จากคนโก้ที่โตเกิน
สืบสาวจะเอาไส้                 กำจัดไรให้จำเริญ
หทัยจะใคร่เทิน                 ฎีกานั้นวันพรุ่งนี้
มิทราบว่าข้าศึก                 มันก็ตรึกจะเข้าตี
แล้ววันมันราวี                  ก็เริ่มว่าที่หน้าวัง
ขุนทัพคู่พระทัย                 เข้าเคียงไท้รอบไปทัง
ซ้ายบ่าและหน้าบัง             ล้อมเป็นวงพระองค์ไว้

    ๐คลุ้งคำก่ำอาฆาต         โหวกอุกอาจตวาดไอ้
ดาบคล้องที่มือใคร             จับขังคุกหมดทุกครัว
โองการพระผ่านเกล้า        ใครขืนเห่าเอากุดหัว
ล้อมวังดุจขังวัว                  คนคิดคดกำหนดไข

    ๐คำหยันนั้นตึงยิ่ง          เสียงเย่อหยิ่งมันยิ่งใหญ่
โปลเจ้าพระเข้าใจ              ชี้ถนนให้คนหนี
องค์เองทะนงอาจ                รอรับทาสไม่ราชลี
เป็นตายฤาร้ายตี                ใจเจ้าพี่คงมีพอ/.				
17 พฤษภาคม 2546 15:00 น.

เตมีย์คำกลอน : การแหย่ด้วยผลไม้

ราม ลิขิต

จึงกราบทูลภูธรขั้นตอนใหม่  
กำหนดไปแจ้งประสงค์ให้ส่งเสริม
เด็กสามปีต่อต้นหลายทนต์เติม  
เขาจะเริ่มขบเคี้ยวด้วยเขี้ยวคัน

ย่อมทึ้งแทะแกะกัดกระหวัดขบ  
ประสาสบสิ่งใดใคร่ขยัน
หยอกขย้ำคำขยายด้วยคายฟัน  
โอษฐ์มิอั้นสิ่งใดที่ใส่มา  

ควรให้หาผลไม้มารายล่อ  
อาจพระหน่อเอองค์ประสงค์หา
เร่งระดมทุกขนัดเต็มอัตรา  
ธ บัญชาตามขอที่หมอแจง

จึงลูกไม้ในมหาพาราณสี   
ประดามีเสาะค้นด้นแสวง
มีหมายตราแต่งมาดราชแสดง  
จึงหนแห่งต่างขนไม้ผลมา

ทั้งให้สั่งจากเขตประเทศนอก  
หลายระลอกเที่ยวลำสำเภาขา
ล้วนพันธุ์แผกแปลกดีมีราคา  
คนเห็นฮาเอ็ดตึงเฮอึงตาม

ลูกอะไรแดงดีแต่มีขน   
ดูชอบกลลูกนี้ก็มีหนาม
นั่นดูเกลี้ยงเจ้ากรรมดำเสียงาม  
ขืนตะกลามกินไปท้องไส้พัง

นายพาณิชย์คิดขำในคำบ่น  
ของเจ้าคนกรรมการจึงดารหลัง
บอกดำดำขนขนแทบจนคลัง  
เปลือกมันขังเนื้อนวลอวลข้างใน

ขืนกินขนปนหนามคงงามหน้า  
เขาจะว่าจนหึ่งไปถึงไหน
รีบรีบขนเถิดหนาอย่าว่าไป  
เสร็จแล้วไคลหาเทเห่สักเมา

ข้างในวังครั้งทวีผลมีมาก   
ก็ทุกข์ยากคนทำระกำเหมา
ต้องสู้รบตบแมลงแข่งกันเกา  
เป็นฝูงฝูงที่เฝ้าเคล้าผาณิต

บ้างหน้าตึงผึ้งต่อยม่อยกระรอก  
จนบานออกดังกระด้งคงอุกฤษฎ์
แมลงวันแมลงคืนทะมื่นมิด  
รมแมลงชีวิตคิดแท้ท้อ

แล้วจัดแต่งแปลงปั้นบันดาลที่  
เป็นเวทีแท่นฐานประมาณสอ
โดยรอบทิศพิศกรางสล้างกรอ  
จากนั้นก็ยกพลถ่ายผลมา

จนเป็นดงดาษดาผลาหาร  
ถ้วนทุกด้านแซมใส่ใบพฤกษา
เอาลูกไม้ห้อยต้นดลสายตา  
บางใส่ภาชนะเกลี่ยรายเรี่ยพื้น

ขึงตาข่ายช่องถี่คลี่คลุมครอบ  
เป็นวงรอบอุทยานพลาญผืน
กันแมลงแยงยอนมาบรยืน  
โดยรัดกุมกลมกลืนก็กะเกณฑ์

เอาเอี่ยมอาสน์ลาดปูให้ดูเหมาะ  
แล้วจัดเบาะนุ่มวางดุจกางเขน
วางเตมีย์กุมารไม่อานเอน  
ห้าร้อยเสนซุกซนปล่อยจลมา 

เห็นวอกน้อยกลอยใจประลัยเปิด  
จังงังเกิดกรูทรามตามประสา
ผลหมากรากไม้หายพริบตา   
เสียงอูอาเคี้ยวอ้ำงำกันอึง

เดี๋ยวก็จอบเดี๋ยวก็แจบแซ่บสวบสวบ  
เดี๋ยวก็กรวบเดี๋ยวก็กรอบหอบเพชรหึง
กัดได้นิดปลิดใหม่มือไล่ดึง  
ตาก็รึงหลิกหลุกพลุกพล่านรน

เขาเอ็ดกันปานฉะนี้เตมีย์เจ้า  
ยังคงเศร้าโศกกล้าโลกาผล
เห็นแก่กินสินบาทคาดสินบน  
คงไม่พ้นกินไฟในนรก

เกิดเป็นคนหากใจไถยจิต  
ไม่รู้ผิดยังคิดว่าวลาหก
หลงว่าใหญ่แค่โขมยก่นโกยงก  
สกปรกยิ่งสาน่าอดสู

กุมารน้อยนิ่งคิดในผิดชอบ  
ไม่พินอบพิเทาเงาราหู
สงบนิ่งไม่ติงกายชะม้ายดู  
สงบในใจอยู่ด้วยรู้ตน

ฝ่ายหมอเฒ่าเสาซุ่มต้องกุมหัว  
วิงเวียนมัวมืดหน้าตาถลน
ถึงดมยาโรคพ่อหนอชอบกล  
คงต้องค้นต่อไปในอีกปี/.				
16 พฤษภาคม 2546 11:23 น.

มโหสถคำฉันท์ : มิถิลานคร

ราม ลิขิต

๐โบราณกาลมี               สุภศรีบุรีรัมย์
มีนามระบือนำ                นคเรศมิถีลา

ราชันย์นราชิต                ทศพิธสุธรรมา
ทรงนามวิเทหา               กิระก้องกระเดื่องดัง

กรุงไกรตระการแก้ว        ระยะแล้วก็เหลือยัง
เรือนชานละบ้านบัง          ระดะเบื้องยะเยื้องยล

นาครก็ขวักไขว่               ระกะไปสมาสปน
หลายเชื้ออะเคื้อชน          ระบุแจ้งก็จนใจ

ปรางปราระย้าย้อย           พิศะร้อยกนกไร
ยอดสู่นภาใส                    กละเสียบสวรรค์สรวง

สี่มุขเมลืองมาศ                 ประจุนาฏกรรมปวง
ลวดลายละม้ายลวง            มนเหลิงระเริงรำ

บราลีกระชับช่วง               ตละท่วงระทวยทำ
จอแจกระจังจำ                 กระจะแจ้งทแยงใย

ช่อฟ้าก็ชูฟ่อง                   ดุจะล่องนภาลัย
หางหงส์ผจงไป                ปฏิพากย์ทิฆัมพร

รอบด้านดรงค์ดี               นภศรีสล้างลอน
ซุ้มศาสนานอน                ระเกะก้าวสลับกัน

ทุกพ่างขจีพน                   ทนุผลระคนพันธุ์
ทุ่งนาอเนกธัญ                 ธนเทศเกษตรการ

หนทางรยางค์โยง             บถโค้งขนัดยาน
เลียบที่นทีธาร                  ทะลุทั่วพะพัวถึง

สัมมาสมานแล้ว                วรแผ้วประจักษ์พึง
ก่อเกียรติบุรีกึง                 กิติก้องอุโฆษกานต์

เมืองดีกษัตริย์ดล              มหะชนก็งามงาน
ค่ำเช้าอะคร้าวคราญ          ตบะเสริมนุศาสน์สอน

งดงาม ณ ยามยล              คณะนนท์สุขานร
หาทุกข์จะรุกบร                บ่มิเห็นคุเข็ญเบียน/.				
14 พฤษภาคม 2546 22:01 น.

ลิลิตสุวรรณสาม : ร้อนอาสน์

ราม ลิขิต

๐จักอ้างจอมเทพผู้       พงศา
สืบเนื่องทรงนามสัก-         กะเจ้า
แวดล้อมสุรางคนา            แน่นขนัด
แปดหมื่นนางเหน้านั้น        แน่งฉวี

    ๐บุรีกุก่องแก้ว              กาลไสว
มณฑปวิมานดี                 ดื่นด้าว
สุกปานปลั่งไถง                งามส่อง
ดาดาษเทพท้าวถ้วน          ถ่องโฉม

    ๐ประโคมคับคั่งด้วย      ดีดสี 
ทิพย์ดุริยางค์โลม             ฉ่ำหล้า
สุนทรเทพวิถี                   ทางสุข
สรรค์เสกอยู่ซ่าซ้อง           สดใส

    ๐ตรัยตรึงศ์โทเทพดั้ง     แดนหาว
มิสกะระดะไพร                 พืชแต้ม
ปารุสกะพราว                   ปรางผ่อง
สวนจิตรแฉล้มล้วน            หลากเถา

    ๐นันทะทรเฒ่าล่วง        ลืมเฉย 
ปุณฑริกะเนา                   ตั่งตั้ง
นามบัณฑุเลาเฉลย           เรืองอาสน์
แค่เอกอินทร์ยั้งใช้             ชื่อมหา 

    ๐คุณาดิเรกรุ่ง              รังสี
สรวงส่ำสัตว์มิซา              เสพต้อย
จุติอุบัติมี                        มาแต่ง
กรรมเก่าดีด้อยคู่               ตะขอ

    ๐บรรทม ธ ที่แท่น        เรืองฐาน
ยุบยวบสำลีรอ                 บุร่าง
ศิลาอาสน์นิ่มศาน-           ติสุข
พลันแกร่งกระด้างเด้ง        ดุหลัง

    ๐ภวังค์สหัสเจ้า            แจ่มใส
อาเพศเกิดกระมัง             เจ็บนี่
ทิพย์เนตรส่องถึงไหน        สว่างนั่น
ทราบเลศเหตุลี้แล้ว           ร่ำเฉลย

    ๐จึงเอ่ยโอษฐ์ออกเอื้อน    องค์วิษ- ณุกรรม
สู่ล่างอย่าช้าเลย                  เกิดเรื่อง
จงใช้เทพฤทธิ์                     เรืองรุ่ง
ช่วยคู่คนเบื้องนั้น                 บัดนี้

    ๐จรลีตามตรัสเจ้า         จอมสวรรค์
สู่ฝั่งสามะคันธี                 เที่ยวท่อง
เพชรฉลูสอดเสาะสรร         แสวงที่
สบจิตจับจ้องแล้ว              ร่ายฤทธิ์

    ๐เนรมิตด้วยเทววิชา      เป็นเคหาหลังน้อยน้อย      เรียงร้อยหลายสรรพสิ่ง
กาสาพับนิ่งใช้นุ่งห่ม          กระเช้าใบกลมใส่ไม้ผล      แนวถนนสำหรับจงกรม
สระน้ำใสสมปริ่มกระสินธุ์    บริเวณทั้งสิ้นเตียนสะอาด   เทพจึงลีลาศดลสลัก
ผู้ใดจักอยู่ ณ ที่นี้              ต้องสมาทานดีเป็นดาบส    ปรากฏเด่นอักษร
สวยยิ่ง                           จึงสู่เมืองฟ้าด้วย              เดชสวรรค์/.				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟราม ลิขิต
Lovings  ราม ลิขิต เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟราม ลิขิต
Lovings  ราม ลิขิต เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟราม ลิขิต
Lovings  ราม ลิขิต เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงราม ลิขิต