6 ธันวาคม 2550 12:50 น.

กล้วยร้อยหวี มีพันผล (ต้นไม้ในพรพุทธศาสนา)

ลุงแทน

***** กล้วยร้อยหวี มีพันผล *****

กล้วยร้อยหวี มีพันผล 

ในหนังสือสารานุกรมไทยสำหรับเยาวชนฯ ฉบับพระราชทาน เล่มที่ 30 ศาสตราจารย์เบญจมาศ ศิลาย้อย อาจารย์ภาควิชาพืชสวน คณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ผู้เชี่ยวชาญเรื่องกล้วย ได้เขียนบอกไว้ว่า “...ในสมัยอยุธยา เดอลาลูแบร์ อัครราชทูตชาวฝรั่งเศส ที่เดินทางมาเมืองไทยในรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช เมื่อ พ.ศ. 2230  ได้เขียนบันทึกถึงสิ่งที่เขาได้พบเห็นในเมืองไทยไว้ว่า ได้เห็นกล้วยงวงช้าง ซึ่งก็คือกล้วยร้อยหวีในปัจจุบัน ที่ส่วนใหญ่ปลูกไว้เพื่อเป็นไม้ประดับนั่นเอง...” 

“กล้วยร้อยหวี” มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ ว่า Musa chiliocarpa Back. อยู่ในวงศ์ 
Musaceae มีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า “กล้วยงวงช้าง” มีถิ่นกำเนิดที่ประเทศอินโดนีเซีย เป็นไม้ล้มลุก มีขนาดเล็กกว่าต้นกล้วยน้ำว้าที่พบเห็นกันได้ทั่วไป ลำต้นสูงราว 2-3 เมตร

      ดอกออกที่ปลายต้น ซึ่งช่อดอกมีดอกหนาแน่นมาก ใช้เวลา 6 เดือนจึงตกเป็นปลีห้อยลงมา และทยอยออกผลเป็นหวีกล้วยขนาดเล็กราวร้อยหวี แต่ละหวีมีผลประมาณ10-15 ผล เครือหนึ่งมีความยาวราวเมตรกว่าๆ ถึงสองเมตร มีลักษณะคล้ายงวงช้าง เมื่อรวมจำนวนกล้วยทั้งหมดในหนึ่งเครือตกราว 1,000 กว่าผล แต่หากเป็นเครือที่สมบูรณ์มากๆ ก็อาจให้ผลถึงสองร้อยหวีทีเดียว ผลของกล้วยชนิดนี้มีขนาดเล็ก เนื้อน้อย แต่มีเมล็ดมาก และจะออกผลเพียงปีละครั้งเท่านั้น เพราะระยะเวลาในการเป็นหวีกล้วยเล็กๆ จนสุดเครือ นั้นยาวนานมากราว 9-12 เดือน เมื่อออกผลแล้วก็จะตายไป แต่สามารถขยายพันธุ์ได้ด้วยหน่อ 

     แม้ว่าจะมีจำนวนผลมาก แต่ความที่มีเมล็ดมากและเนื้อน้อย จึงไม่นิยมนำมารับประทาน เพียงปลูกเป็นไม้ประดับ เพื่อความแปลกตาและสวยงาม ส่วนประโยชน์ทางพืชสมุนไพรของกล้วยร้อยหวี ก็มีเช่นเดียวกันคือ ใช้ผลดิบทั้งเปลือกหั่นตากเเห้งป่นเป็นผงชงน้ำร้อน หรึอปั้นเป็นเม็ดรับประทานรักษาเเผลในกระเพาะอาหาร เเก้ท้องเสียเรื้อรัง เเผลเน่าเบื่อย เเผลติดเชื้อต่างๆ ส่วนเปลือกของผลสุกใช้ด้านในทาส้นเท้าเเตก หัวปลีเเก้โรคโลหิกจาง ลดน้ำตาลในเลือดเเก้โรคเบาหวาน ส่วนรากต้มดื่มเเก้ไข้ได้อย่างดีเป็นต้นปัจจุบันกล้วยร้อยหวีแทบจะไม่ค่อยมีให้เห็นกันมากนักอาจเป็นเพราะหาหน่อพันธุ์ยากก็เป็นได้ แต่เชื่อว่าถึงอย่างไรกล้วยพันธุ์นี้ก็ยังคงมีให้ชื่นชมอยู่ในโลกนี้อย่างแน่นอน 

     *****สำหรับเรื่องของกล้วยที่มีกล่าวถึงในพระไตรปิฎกนั้น คราวนี้ขอนำเรื่องผลแห่งการถวายผลกล้วย มาบอกเล่ากัน ในพระไตรปิฎก หัวข้อ กทลิผลทายกเถราปทานอันว่าด้วยผลแห่งการถวายผลกล้วย ของพระกทลิผลทายกเถระ ซึ่งได้กล่าวไว้ว่า 

“เราได้เห็นพระศาสดาผู้เป็นนายกของโลก ทรงรุ่งเรืองดังดอกกรรณิการ์ โชติช่วงเหมือนพระจันทร์วันเพ็ญและดังดวงประทีป เรามีจิตเลื่อมใส โสมนัส ได้ถือเอาผลกล้วยไปถวายแด่พระศาสดา ถวายบังคมแล้วกลับไป ในกัลปที่ 31 แต่กัลปนี้ เราได้ถวายผลไม้ใดในกาลนั้น ด้วยทานนั้น เราไม่รู้จักทุคติเลย นี้เป็นผลแห่งการถวายผลไม้การที่เราได้มาในพระศาสนาแห่งพระพุทธเจ้าของเรา เป็นการมาดีแล้วหนอ วิชชา3เราบรรลุแล้วโดยลำดับพระพุทธศาสนาเราได้ทำเสร็จแล้ว เราเผากิเลสทั้งหลายแล้ว ถอนภพทั้งปวงขึ้นได้หมดแล้ว ตัดกิเลสเครื่องผูกดังช้างตัดเชือกแล้ว เป็นผู้ไม่มีอาสวะอยู่ คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา 4 วิโมกข์ 8 และอภิญญา 6 เราทำให้แจ้งชัดแล้ว พระพุทธศาสนาเราได้ทำเสร็จแล้ว ดังนี้”				
5 ธันวาคม 2550 20:30 น.

กษัตริย์นักประดิษฐ์ ทรงพัฒนาเทคโนโลยีบำบัดทุกข์บำรุงสุขปวงประชา

ลุงแทน

*****กษัตริย์นักประดิษฐ์ ทรงพัฒนาเทคโนโลยีบำบัดทุกข์บำรุงสุขปวงประชา*****

      พระอัจฉริยภาพและพระปรีชาสามารถของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ทรงมีพระราชดำริโครงการต่างๆ มากมายโดยใช้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเพื่อช่วยเหลือพสกนิกรชาวไทยให้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น และไม่เพียงแต่เกิดประโยชน์ต่อประชาชนคนไทยเท่านั้น ผลงานในโครงการตามแนวพระราชดำริของพระองค์ท่านยังเป็นที่ประจักษ์ต่อนานาประเทศ และใช้แก้ปัญหาของประชาชนทั่วโลกได้
       
       เนื่องในโอกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเจริญพระชนมายุครบ 80 พรรษา ในวันที่ 5 ธ.ค.50 ทีมงานผู้จัดการวิทยาศาสตร์ขอร่วมเทอดพระเกียรติพระปรีชาสามารถของพระองค์ท่าน ที่ทรงใช้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเพื่อแก้ปัญหาให้แก่พสกนิกร ก่อเกิดเป็นผลงานนวัตกรรมใหม่มากมาย
       
       ปัญหาน้ำแล้งที่คุกคามประชาชนทุกหย่อมหญ้า ด้วยพระเมตตาและพระปรีชาสามารถของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระองค์ท่านทรงให้กำเนิด "ฝนหลวง" หรือ "ฝนเทียม" จากสารเคมีที่หาได้ไม่ยาก ผสมกันด้วยสูตรเฉพาะ โดยใช้เทคนิค "ก่อกวน" กระตุ้นให้เมฆฝนรวมตัวกันและ “เลี้ยงให้อ้วน” ก่อนที่จะ “โจมตี” ให้เกิดเป็นเม็ดฝนโปรยลงมายังความชุ่มฉ่ำให้พสกนิกรดุจน้ำพระราชหฤทัยของพระองค์ท่านที่ทรงมีต่อพสกนิกร
       
       กระทั่งในเดือน มิ.ย. 49 สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ได้ทูลเกล้าฯ ถวายสิทธิบัตร "ฝนหลวง" ที่ยื่นจดในประเทศโดยกรมทรัพย์สินทางปัญญา เมื่อวันที่ 2 มิ.ย.46 และในต่างประเทศโดยสำนักสิทธิบัตรยุโรป (EPO) เมื่อวันที่ 12 ต.ค. 48
       
       ขณะที่ทั่วโลกกำลังตื่นตัวกับการหาแหล่งพลังงานทดแทน ทว่าเมื่อ 20 กว่าปีก่อน ในหลวงของเราทรงพระปรีชายิ่งที่พระองค์ท่านได้ตระหนักถึงปัญหานี้ก่อนใครๆ และทรงค้นคว้าการผลิตไบโอดีเซลจากพืช เพื่อเตรียมรับมือกับปัญหาน้ำมันขาดแคลนและผลผลิตด้านการเกษตรราคาตกต่ำในอนาคต
       
       ในปี 2544 วช. ได้นำผลงาน “น้ำมันไบโอดีเซลสูตรสกัดจากน้ำมันปาล์ม” ไปจัดแสดงในงานนิทรรศการสิ่งประดิษฐ์นานาชาติ “Brussels Eureka 2001” ที่จัดโดยสมาคมส่งเสริมและคุ้มครองนักประดิษฐ์ของราชอาณาจักรเบลเยียม ณ กรุงบรัสเซลส์ พร้อมกับผลงาน “ฝนหลวง” และ “ทฤษฎีใหม่” ซึ่งทั้ง 3 ผลงานนี้ได้รับรางวัล D’Un Concept Nouveau de Development de la Thailand พร้อมถ้วยรางวัลทำด้วยเงิน และถ้วยรางวัล SPECIAL PRIX for His Majesty The King of Thailand พร้อมประกาศนียบัตร และยังมีรางวัล Gold medal with mention หรือรางวัลสรรเสริญพระอัจฉริยภาพแห่งการใช้เทคโนโลยีอย่างมีประสิทธิภาพที่มอบแด่ผลงานทั้ง 3 อย่างละรางวัลด้วย
       
       เมื่อวันที่ 12 พ.ย.ที่ผ่านมา 2 องค์กรด้านการประดิษฐ์ระดับโลกก็พร้อมใจกันทูลเกล้าฯ ถวายรางวัลนักประดิษฐ์ที่พระองค์ท่านทรงคิดค้นและพัฒนากังหันน้ำชัยพัฒนาเพื่อแก้ปัญหาน้ำเน่าเสียในหลายพื้นที่ทั่วประเทศ ตลอดจนผลงานเรื่อง “ทฤษฎีใหม่” และ “เศรษฐกิจพอเพียง” สมาพันธ์นักประดิษฐ์นานาชาติ (IFIA) กรุงบูดาเปสต์ สาธารณรัฐฮังการี ทูลเกล้าฯ ถวายรางวัลไอเอฟไอเอคัพพร้อมใบประกาศนียบัตรเกียรติคุณ และเหรียญรางวัลจีเนียสไพรซ์ (Genius Prize) ส่วนสมาคมส่งเสริมการประดิษฐ์ สาธารณรัฐเกาหลีใต้ (KIPA) ทูลเกล้าฯ ถวายรางวัลสเปเชียลไพรซ์พร้อมประกาศนียบัตร
       
       ก่อนหน้านี้จากกังหันน้ำชัยพัฒนาเคยได้รับการทูลเกล้าฯ ถวายรางวัลสิ่งประดิษฐ์ดีเด่นจากงาน “บรัสเซลส์ ยูเรกา” มาแล้ว 5 รางวัล ในปี 43 ได้แก่ เหรียญรางวัล Prix OMPI โดยองค์การทรัพย์สินทางปัญญาโลก (WIPO), เหรียญรางวัล Gold Medal with Mention และประกาศนียบัตร, ถ้วยรางวัล Grand Prix International ซึ่งเป็นรางวัลผลงานประดิษฐ์ดีเด่นสูงสุด, ถ้วยรางวัล Minister J.CHABERT (Minister of Economy of Brussels Capital Region) หรือรางวัลผลงานสิ่งประดิษฐ์ดีเด่น และถ้วยรางวัล Yugoslavia หรือรางวัลสรรเสริญพระอัจฉริยภาพด้านการประดิษฐ์
       
       ทั้งนี้ กังหันน้ำชัยพัฒนาได้รับการทูลเกล้าฯ ถวายสิทธิบัตรจากกรมทรัพย์สินทางปัญญาเมื่อวันที่ 2 ก.พ.36 และนับแต่นั้นมาวันที่ 2 ก.พ. ของทุกปี จึงเป็นวันนักประดิษฐ์แห่งประเทศไทย โดยในวันที่ 21 พ.ย.49 คณะรัฐมนตรีมีมติทูลเกล้าฯ ถวายพระราชสมัญญา "พระบิดาแห่งการประดิษฐ์ไทย" แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
       
       พระอัจฉริยภาพของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ไม่ได้มีแต่เพียงเท่านี้ พระองค์ยังทรงประดิษฐ์ "เรือใบตระกูลมด" ประกอบด้วย เรือใบมด, เรือใบซูเปอร์มด และเรือใบไมโครมด ซึ่งแสดงถึงความวิริยอุตสาหะของพระองค์ท่านที่ทรงเพียรพยายามเพื่อให้เสร็จสมดังพระราชหฤทัย พระองค์ท่านทรงออกแบบเรือใบเหล่านี้ให้เหมาะสมกับสรีระของคนไทย ได้มาตรฐาน น้ำหนักเบา แล่นเร็ว และง่ายต่อการใช้งาน และทรงจดลิขสิทธิ์เรือใบมดเป็นสากลประเภท International Moth Class ที่ประเทศอังกฤษ ส่วนเรือใบซูเปอร์มดยังเป็นพาหนะที่พระองค์ท่านทรงใช้ในการแข่งขันเรือใบในการแข่งขันระดับนานาชาติหลายต่อหลายครั้ง ต่อมาพระองค์ท่านทรงปรับปรุงแก้ไขเรือใบตระกูลมดเหล่านี้จนกลายเป็นเรือยนต์รักษาฝั่งชื่อว่า "ต. 91" ปัจจุบันเรียกว่า "เรือตรวจการณ์ใกล้ฝั่ง"
       
       ในหลวงยังทรงมีพระปรีชาสามารถในการอนุรักษ์ดินด้วยหญ้าแฝก ที่มีระบบรากช่วยยึดหน้าดินไม่ให้พังทลาย ขณะเดียวกันก็ช่วยชะลอความเร็วของน้ำที่ไหลผ่านหน้าดิน ช่วยเก็บกักความชุ่มชื้นของดินไว้ ทำให้ดินที่เสื่อมโทรมกลับฟื้นคืนชีวิตชีวาได้อีกครั้ง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชดำริให้ประชาชนปลูกหญ้าแฝกเพื่อแก้ปัญหาหน้าดินพังทลาย ทางสมาคมควบคุมการกัดเซาะผิวดินนานาชาติ (International Erosion Control Association: IECA) จึงได้ทูลเกล้าฯ ถวายรางวัล The International Erosion Control Association’s International Merit Award แด่พระองค์ท่านที่ทรงเป็นแบบอย่างในการนำหญ้าแฝกมาใช้อนุรักษ์ดินและน้ำ เมื่อวันที่ 30 ต.ค.36
       
       โครงการแก้มลิง เพื่อแก้ปัญหาน้ำท่วมโดยการขุดคลองเก็บกักน้ำไว้ในฤดูน้ำหลาก และค่อยๆ ระบายออกเมื่อระดับน้ำทะเลลดต่ำลง โครงการแกล้งดินเพื่อแก้ปัญหาดินเปรี้ยว โดยการแกล้งให้ดินเปรี้ยวจัดเสียก่อน แล้วค่อยใส่สารที่มีฤทธิ์เป็นเบสลงไปในดิน ทำให้ดิน "ช็อก" และกลับสู่สภาวะปกติ เพาะปลูกได้ดีดังเดิม
       
       โครงการแหลมผักเบี้ยเพื่อแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อม โดยใช้หลักธรรมชาติช่วยธรรมชาติ ที่แยกขยะเศษอาหารออกจากขยะอื่นๆ แล้วนำไปหมักในบ่อคอนกรีตด้วยกระบวนการที่กระตุ้นให้เกิดการย่อยสลายเศษอาหารเป็นสารอนินทรีย์ได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งสามารถนำไปใช้เป็นปุ๋ยให้พืชต่อไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่วนการบำบัดน้ำเน่าเสียจะใช้สาหร่ายหรือพืชเป็นตัวเพิ่มออกซิเจนให้กับจุลินทรีย์ในน้ำให้ทำหน้าที่ย่อยสลายสิ่งปฏิกูลได้ดียิ่งขึ้น
       
       นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของผลงานด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่มีพระราชดำริขึ้น เพื่อบำบัดทุกข์บำรุงสุขแก่ปวงประชาทุกหมู่เหล่า เพื่อให้ราษฎรทุคนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ตลอดระยะเวลากว่า 60 ปีที่ทรงครองราชย์
ประมวลรางวัลและสิทธิบัตรผลงานเด่น ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
       
       พ.ย. 2550
       สมาพันธ์นักประดิษฐ์นานาชาติ หรือ ไอเอฟไอเอ (IFIA) สาธารณรัฐฮังการี ทูลเกล้าฯ ถวายรางวัลไอเอฟไอเอคัพพร้อมใบประกาศนียบัตรเกียรติคุณ (IFIA Cup) และเหรียญรางวัลจีเนียสไพรซ์ (Genius Prize), สมาคมส่งเสริมการประดิษฐ์ สาธารณรัฐเกาหลีใต้ หรือคิปา (KIPA) ทูลเกล้าฯ ถวายรางวัลสเปเชีลไพรซ์พร้อมประกาศนียบัตร (Special Prize) แด่ผลงานกังหันน้ำชัยพัฒนา, ทฤษฎีใหม่ และเศรษฐกิจพอเพียง
       
       ก.พ. 2550
       องค์การทรัพย์สินทางปัญญาโลก (World Intellectual Property Organization: WIPO) ทูลเกล้าฯ ถวายรางวัล “โกลบอล ลีดเดอร์ส อะวอร์ด” (Global Leaders Award) แด่ผลงาน กังหันน้ำชัยพัฒนา, ฝนหลวง, ไบโอดีเซล และทฤษฎีใหม่
       
       21 พ.ย. 2549
       คณะรัฐมนตรีมีมติทูลเกล้าฯ ถวายพระราชสมัญญา "พระบิดาแห่งการประดิษฐ์ไทย" แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
       
       20 มิ.ย. 2549
       คณะรัฐมนตรีมีมติเทิดพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเป็น "พระบิดาแห่งนวัตกรรมไทย" และกำหนดให้วันที่ 5 ต.ค. ของทุกปี เป็น "วันนวัตกรรมแห่งชาติ"
       
       มิ.ย. 2549
       สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ทูลเกล้าฯ ถวายสิทธิบัตร "ฝนหลวง" ที่ยื่นจดในประเทศโดยกรมทรัพย์สินทางปัญญา เมื่อวันที่ 2 มิ.ย. 2546 และในต่างประเทศโดยสำนักสิทธิบัตรยุโรป (EPO) ภายใต้ชื่อ “Weather Modification by Royal Rainmaking Technology” เมื่อวันที่ 12 ต.ค. 2548
       
       พ.ค. 2549
       นายโคฟี อนัน เลขาธิการสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ในขณะนั้น ทูลเกล้าฯ ถวายรางวัล “ความสำเร็จสูงสุด ด้านการพัฒนามนุษย์” (UNDP Human Development Lifetime Achievement Award) ของโครงการพัฒนาแห่งองค์การสหประชาชาติ
       
       2544
       ผลงาน “น้ำมันไบโอดีเซลสูตรสกัดจากน้ำมันปาล์ม", "ฝนหลวง” และ “ทฤษฎีใหม่” ได้รับทูลเกล้าฯ ถวายรางวัล D’Un Concept Nouveau de Development de la Thailande พร้อมถ้วยรางวัลทำด้วยเงิน และถ้วยรางวัล SPECIAL PRIX for His Majesty The King of Thailand พร้อมประกาศนียบัตร
       ผลงาน “น้ำมันไบโอดีเซลสูตรสกัดจากน้ำมันปาล์ม" ได้รับทูลเกล้าฯ รางวัล Gold medal with mention
       ผลงาน “ฝนหลวง” ได้รับทูลเกล้าฯ รางวัล Gold medal with mention
       ผลงาน “ทฤษฎีใหม่” ได้รับทูลเกล้าฯ รางวัล Gold medal with mention
       
       2543
       ผลงานประดิษฐ์ "กังหันน้ำชัยพัฒนา" ได้รับทูลเกล้าฯ ถวายรางวัลทั้งสิ้นรวม 5 รางวัล ได้แก่ เหรียญรางวัล Prix OMPI โดยองค์การทรัพย์สินทางปัญญาโลก (WIPO), เหรียญรางวัล Gold Medal with Mention และประกาศนียบัตร, ถ้วยรางวัล Grand Prix International, ถ้วยรางวัล Minister J.CHABERT (Minister of Economy of Brussels Capital Region) และถ้วยรางวัล Yugoslavia
       
       ต.ค. 2536
       สมาคมควบคุมการกัดเซาะผิวดินนานาชาติ (International Erosion Control Association: IECA) ทูลเกล้าฯ ถวายรางวัล The International Erosion Control Association’s International Merit Award เนื่องด้วยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเป็นแบบอย่างในการนำหญ้าแฝกมาใช้อนุรักษ์ดินและน้ำ
       
       2 ก.พ. 2536
       กังหันน้ำชัยพัฒนาได้รับทูลเกล้าฯ ถวายสิทธิบัตรจากกรมทรัพย์สินทางปัญญา
       
       นอกจากนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวยังทรงนำเรือใบมดไปจดสิทธิบัตรเป็นสากลประเภท International Moth Class ที่ประเทศอังกฤษ หลังจากที่ทรงพระวิริยะอุตสาหะออกแบบและต่อเรือด้วยพระองค์เองในช่วงระหว่างปี 2509 - 251				
5 ธันวาคม 2550 19:15 น.

องค์สมเด็จพระนางเจ้าฯ ทรงขอร้องอะไรไม่สำเร็จสักอย่างเพราะ…

ลุงแทน

ขอย้ำเตือนเพื่อความเป็นมงคลยิ่งกันอีกครา อยากให้พวกเราเหล่าพสกนิกรทั้งหลาย ได้ยกขึ้นมาพิจารณาไตร่ตรอง พระราชดำรัสขององค์สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ กันบ่อยๆ เถิด ผู้เขียนเห็นว่าเป็นพระราชดำรัสที่แฝงไว้ด้วยนัยอันสำคัญยิ่ง อันจะเป็นพลังดลใจแรงบันดาลใจให้ใครหลายๆ คน ได้ฉุกคิด ได้ร่วมมือกันแก้ไขแนวทางมิจฉาทิฐิซ้ำรอยเดิมที่ครอบงำประเทศไทยมาอย่างยาวนาน ได้กลับมาร่วมมือกันคิดสร้างสรรค์ประเทศชาติให้ถูกต้องโดยธรรม อันจะนำมาซึ่งความมั่นคง เจริญรุ่งเรืองก้าวหน้าผาสุกของประเทศชาติ ความย่อตอนหนึ่งว่า “...ซึ่งข้าพเจ้าก็อยากจะบอกว่าขอร้องให้ทุกท่านช่วยประเทศไทยให้ช่วยราษฎรไทยต่อไปลูกหลานท่านเองในอนาคต ...ได้ขอร้องท่านนายกฯ ท่านไปแล้ว... และอีกอย่างที่ข้าพเจ้าอยากจะขอร้องพวกท่าน เพราะข้าพเจ้าเป็นพระราชินี ตั้งแต่อายุ 17 กว่าๆ ก่อน 18 ไม่กี่เดือน จนถึง 75 ยังขอร้องอะไรไม่สำเร็จสักอย่าง ไม่มีผลอะไรเลย เรื่องต้นไม้ก็ไม่มีผลสำเร็จ ทางการก็ไม่มีกฎหมายอะไร หรือมาตรการที่จะดูแลรักษาป่า เพื่อเก็บน้ำจืดไว้ แล้วก็ ภรรยาท่านประธานาธิบดีแห่งลาว เมื่อตอนมาเยือนประเทศไทย ก็พูดกับข้าพเจ้าบอกว่า เอ๊ะคนไทยทำไมชอบตัดป่านัก ตัดป่าของตนเองเหี้ยนเตียนหมด อีกหน่อยเถอะ ระวังจะไม่มีน้ำกิน ยังก้าวร้าวเข้าไปตัดป่าในเมืองลาวอีก ลาวไม่ยอมเด็ดขาดไล่เปิดไปหมด...
       
       ...พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ท่านสอนข้าพเจ้าอย่างนี้ นี่เป็นอย่างนี้ พูดเท่าไหร่ไม่ฟัง ก็ต้องตายซะก่อน เห็นซะก่อนถึงจะเชื่อฟัง ... . เพราะฉะนั้นก็หวังจะได้รับความร่วมมือจากทุกท่านว่า ตั้งต้นเสียทีเถิด ได้ขอให้ทุกท่านถ้าไม่อยากให้ลูกหลานอดอยากก็ขอให้ช่วยกันสู้รักษาสมบัติของบรรพบุรุษไทยให้คงอยู่เพื่อเลี้ยงคนไทยต่อไป... ...ข้าพเจ้าก็ไม่เข้าใจว่าคนไทยเรา อ้อ ภรรยาประธานาธิบดีประเทศลาว พูดว่า คนไทยเนี่ย ด็อกเตอร์เดินออกเกลื่อนกลาด แต่ทำไมไม่รู้จักว่าป่าเป็นสิ่งสำคัญ เก็บน้ำในดินให้กับประเทศ เป็นด็อกเตอร์เดินไปเดินมา ว่าอย่างนี้กับข้าพเจ้า ระหว่างนั่งรถจากดอนเมืองมากว่าจะถึงกรุงเทพมหานคร เสียงนี้ปลงคนไทย ปลงอนิจจังว่าเป็นด็อกเตอร์ซะเปล่าๆ ทำอะไรอย่างนี้ได้อย่างไร...” (พระราชดำรัส สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ พระราชทานแก่คณะบุคคลต่างๆ ที่เข้าเฝ้าฯ ถวายชัยมงคล ในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา ณ ศาลาดุสิดาลัย สวนจิตรลดา วันเสาร์ที่ 11 สิงหาคม 2550)
       
        สรรสิ่งล้วนเกี่ยวพันสัมพันธ์กันทั้งหมด ตามกฎอิทัปปัจจยตา “เมื่อสิ่งนี้มีสิ่งนี้จึงมี (ถ้ามีเหตุดี ผลก็จะดีตาม) เมื่อสิ่งนี้เกิดขึ้น สิ่งนี้ก็เกิดขึ้น (เมื่อมีเหตุดีเกิดขึ้น ผลดีก็เกิดขึ้นตามเป็นลูกโซ่แผ่กระจายขยายกว้างออกไปทุกทิศทุกทางจากใกล้สุด ไปสู่ไกลสุด และจากสูงสุดลงสู่ต่ำสุด) อันนี้เป็นกฎธรรมชาติ สภาวะอสังขตธรรมหรือนิพพานอันเป็นเหตุที่ดีที่สุดสมบูรณ์สูงสุด ได้แผ่กระจายขยายกว้างออกไปทุกทิศทุกทางเป็นปัจจัยให้เกิดสิ่งมีชีวิตที่เล็กที่สุด จนถึงมนุษย์ อันเกิดการวิวัฒนาการเกิดขึ้นใน 2 ลักษณะคือ (1) แบบค่อยเป็นค่อยไป และเมื่อถึงจุดอิ่มตัวก็จะเปลี่ยนเป็น (2) แบบก้าวกระโดด การวิวัฒนาการของธรรมชาติจะเป็นไปในลักษณะทั้งสองนี้ไปเรื่อย ๆ ดูได้ง่ายๆจากคำสอนของพระพุทธเจ้า เช่น ปุถุชนผู้ยังหนาด้วยกิเลส เมื่อเข้ามาบวชเรียนและปฏิบัติตามที่พระพุทธเจ้าสอนอย่างถึงที่สุดแล้ว ก็จะเกิดการวิวัฒนาการแบบค่อยเป็นค่อยไป และก้าวกระโดดไปสู่การบรรลุพระโสดาบัน และค่อยเป็นค่อยไปบรรลุพระสกิทาคามี และก้าวกระโดดเป็นพระอนาคามี จากนั้นก็พัฒนาแบบค่อยเป็นค่อยไปจนก้าวกระโดดเข้าสู่สภาวะพระอรหันต์ อันเป็นสภาวะสูงสุด ที่ไม่ต้องวิวัฒนาการอีกต่อไปแล้ว
       
        อีกนัยหนึ่งสภาวะอสังขตธรรมแผ่กระจาย ส่วนสภาวะอสังขตธรรมวิวัฒนาการเข้ารวมศูนย์หรือมุ่งสู่สภาวะอสังขตธรรม จึงเป็นปัจจัยให้กฎธรรมชาติดำรงอยู่ได้ อันเป็นธรรม หรือธรรมาธิปไตย คือความเป็นใหญ่แห่งธรรม หมายถึง (1) สภาพที่ทรงไว้มันเป็นของมันเช่นนั้นเอง (2) สภาวะที่ไม่ตาย (3) สภาวะสันติถาวร (4) แก่นธรรม (5) ต้นเหตุ (6) สัจธรรม (7) ความจริงแท้ (8) ความยุติธรรม (9) หลักการ (10) คุณธรรม (11) ความถูกต้อง (12) ความประพฤติชอบ (13) สัมมาทิฐิ (14) พระธรรม (15) คำสั่งสอนของพระศาสดาที่ปรากฏขึ้น ฯลฯ
       
        ธรรมาธิปไตย หมายถึง (1) จงอาศัยธรรมเท่านั้น (2) สักการธรรม (3) ทำความเคารพธรรม (4) นับถือธรรม (5) บูชาธรรม (6) ยำเกรงธรรม (7) มีธรรมเป็นธงชัย (8) มีธรรมเป็นยอด (9)มีธรรมเป็นใหญ่... (ธรรม หรือบรมธรรม, ธรรมาธิปไตย เป็นศูนย์กลางของสรรพสิ่ง)
       
        ในทางตรงกันข้าม ถ้าเราสร้างเหตุไม่ดีเกิดขึ้น (ตรงข้ามกระแสธรรมฝ่ายก้าวหน้า หมายความเป็นมิจฉาทิฐิ) ผลก็จะเสียตามเป็นลูกโซ่แผ่กระจายขยายกว้างออกไปทุกทิศทุกทางจากสูงสุดลงสู่ต่ำสุดดุจเดียวกัน จากระบอบการเมืองมิจฉาทิฐิเป็นปฐมเหตุเสียแล้ว ย่อมเป็นปัจจัยให้สถาบัน องค์การ และองค์กรต่างๆ ภายใต้ระบอบฯ มิจฉาทิฐิไปด้วยอย่างเป็นไปเอง ถึงแม้ว่า บางสถาบัน องค์การ ฯลฯ ต่างๆ จะมีความถูกต้องโดยธรรมก็ตาม แต่ก็ไม่อาจจะต้านทานระบอบการเมืองที่ใหญ่กว่าได้ ดุจเดียวกับปลา ไม่อาจจะต้านทานน้ำเน่าได้ ฉันใด สถาบัน องค์การ องค์กรต่างๆ ก็ไม่อาจจะต้านทานอำนาจของระบอบมิจฉาทิฐินั้นได้ แต่เมื่อทนไม่ไหว ก็เกิดรัฐประหารขึ้น แต่เมื่อทำรัฐประหารแล้ว คณะรัฐประหารก็กลับทำผิดซ้ำรอยเดิมทุกทีไป คณะผู้ปกครองไทยได้สร้างระบอบมิจฉาทิฐิมาอย่างยาวนานกว่า 75 ปี จึงเป็นปัจจัยให้ประเทศของเราล้าหลังเสื่อมทรุดอย่างน่ากังวลที่สุด ก็เพราะผู้ปกครองไทยนับแต่ 2475 และต่อๆ มา เป็นคณะผู้ปกครองล้วนแล้วแต่มิจฉาทิฐิ และล่าสุดจนถึงคณะผู้ปกครองชุดปัจจุบันสร้างรัฐธรรมนูญ ฉบับปี 50 ที่ว่าเป็นมิจฉาทิฐิ คือพวกเขายึดมั่นในลัทธิรัฐธรรมนูญ แต่หลงเข้าใจว่าเป็นลัทธิประชาธิปไตย พวกเขาจึงมีแนวคิดสร้างรัฐธรรมนูญ อันเป็นเพียงวิธีการปกครอง (Methods of Government) เพียงด้านเดียว อันได้แก่ หมวดและมาตราต่างๆ เช่น รัฐราชอาณาจักร พระมหากษัตริย์ ประชาชน (สิทธิ, หน้าที่) รัฐสภา (นิติบัญญัติ) บริหาร ตุลาการ (ศาล) และองค์กรต่างๆ
       
        เรามาดูการจัดความสัมพันธ์ที่ถูกต้องเป็นธรรมอันยิ่ง อันเป็นหนึ่งเดียวกับกฎธรรมชาติ หรือแบบอย่างเดียวกัน ระหว่างกฎธรรมชาติ – ขันธ์ 5 – ระบอบการเมืองโดยธรรม อันเป็นที่มาของการคิดแก้ปัญหาเหตุวิกฤตชาติในแนวทางธรรมาธิปไตยอันเป็นแนวทางมรรควิธีแห่งชัยชนะของชาติ ของประเทศไทยให้ยิ่งใหญ่ตลอดกาล 

โดย ป.เพชรอริยะ	3 ธันวาคม 2550 15:54 น.				
4 ธันวาคม 2550 09:36 น.

พุทธทำนาย

ลุงแทน

-:- พุทธทำนาย
     อุกาสะ  สิริสักยะมุนี  พระพุทธโคดม  พระบรมโลกนาถศาสดาจารย์
ญาณสัพพัญญู  อันเป็นพระบรมครู  ผู้ได้สั่งสอนแก่ฝูงเทพนิกร  อินทร์พรหม
ยมยักษ์  ทั่วทั้งอนันตจักรวาล  พระองค์ผู้ทรงญาณมาสงสารแก่ฝูงประชาชนคน
ทั้งหลายอยู่  ภายหลังพระองค์ได้ยับยั้งตั้งพระพุทธศักราชศาสนาไว้ให้ถ้วนห้าพัน
พระวรรษา  อติกกันตา  ถ้าจะคณานับฤดูเดือนก็ได้หกหมื่นเดือนมากครามครัน
ถ้าจะคณานับทิวาวันก็ได้หนึ่งล้านแปดแสนสองหมื่นหกพันสองร้อยห้าสิบวันเป็น-
กำหนด  ถ้าจะคณานับพระอุโบสถ  ถ้าจะกำหนดเป็นฤดูก็ได้หมื่นห้าพันฤดู
สมเด็จพระบรมครูเจ้าทรงกล่าวไว้ว่า  แม้บุคคลใดตั้งจิตลงปลงจิตตั้ง  ฟังพระ-
พุทธศักราช  บุคคลผู้นั้นก็จะระลึกชาติขึ้นได้ตามจิตใจปราถนา  จะนึกเอาชั้น
อินทร์ชั้นพรหมก็จะสมดังความคิดกุศลนั้นจะขึ้นไปเนรมิตวิมานไว้คอยท่า  ครั้น
ทำลายตายจากเบญจขันธ์ทั้งห้าลงในกาลใด  บุคคลผู้นั้นไซร้ก็จะได้ขึ้นไปเสวย
รมณ์ชมสมบัติในรัตนกระหนกรัตนวิมานสวรรค์  จะมีทั้งหมู่นางกำนัลมานั่งแห่
ห้อมล้อมอยู่อย่างสะพรั่ง  ด้วยกุศลที่ตนได้ฟังพระพุทธศักราช  พระสมณโคดม
บรมโลกนาถหน่อนรินทร์ปิ่นเกล้า  จำเดิมแต่พระองค์ตรัสพระสัทธรรมเทศนาไว้
กับพระอานนท์  และอัครสาวกเจ้าทั้งหลาย  มีพระพุทธทำนายไว้เป็นกำหนดว่า
เมื่อพระตถาคตเสด็จดับขันธ์เข้าสู่พระปรินิพพานล่วงไปแล้วบ่มินาน  ประมาณได้
ห้าร้อยปีจะหานางภิกษุณีก็บ่มิได้  ครั้นล่วงได้พันปีก็จะไม่มีพระอรหันต์ที่จะ
เหาะเหินเดินอากาศได้  ครั้นล่วงได้สองพันปีก็จะพากันเคลื่อนคลาด  จะมีนัก
ปราชญ์ที่จะพากเพียรเล่าเรียนให้จบครบพระไตรปิฎกนั้นก็หาบ่มิได้  ครั้นล่วงได้
สามพันปีก็จะมีพระภิกษุสงฆ์ที่จะมามั่วสุมประชุมกันเป็นคณะปรกนั้นก็หาบ่มิได้
ครั้นล่วงได้สี่พันปีแล้วไซร้  บาตรไตรจีวรก็จะสูญสิ้น  ครั้นล่วงได้ห้าพันปีก็จะ
พากันประมาทหมิ่น  จะมีแต่ผ้าเหลืองน้อยห้อยหูพอได้รู้สำคัญว่าบุคคลผู้บวชเป็นชี
ศาสนาพระชินสีห์จะสิ้นไปในปีชวดนักษัตรอัฏฐศก  เดือนหก  เพ็ญวันพุธ  ใน
เวลาปัจจุสมัยใกล้รุ่ง  อรุณฤกษ์เบิกอรุณแล้วพระบรมธาตุของพระพุทธเจ้าที่ได้
วัฒนาการเที่ยวโปรดสัตว์อยูในวัฏฏสงสาร  ทั่วทั้งอนันตจักรวาลและพื้นธรณี
ตั้งแต่พิภพนาภี  จนตราบเท่าถึงดาวดึงส์สวรรค์เป็นขอบเขต  แห่งท้าวเทเวศบรรจุ
พระเกศบรรจุพระธาตุเข้าไว้ในโกฐแก้วจุฬามณีศรี  ซึ่งก่อไว้เป็นสุวรรณเจดีย์ศรี-
สงบ  รวมเข้าไว้เป็นที่อภิวันท์ไหว้แก่ฝูงเทพนิกรอินทร์พรหมในชั้นฉ้อกามาวจร
สวรรค์  มีทั้งอัครพราหมมานั่งอยู่พร้อมเพรียงเรียบพับเพียบพะแนงเชิง  มีมือถือ
พวงมาลาและมาลัย  อภิวาทน์กราบกรานด้วยเศียรเกล้าอยู่สะพรั่ง  บ้างยอกรขึ้น
ตั้งนั่งบังคมพระบรมธาตุ  ครั้นพระพุทธศักราชถ้วนห้าพันพระวรรษาในกาลใด
พระบรมธาตุนั้นไซร้ก็เสด็จมามั่วสุมประชุมกันในเกาะแก้วบุรีศรี  ซึ่งเป็นที่สันนิ-
บาตรจึงประมวลพระบรมธาตุเข้าเป็นองค์  เห็นงามเยียรยงพระองค์จะทรงทรมาน
ทำพระยมกปาฏิหาริย์   สถิตประดิษฐานเหนือรัตนบัลลังก์แก้วมณีศรี  เปล่งพระ-
รัศมีศรีแสงกระจ่างแจ้งช่วงโชติ  ตรัสพระธรรมเทศนาโปรดแก่เวไนยสรรพสัตว์
ทั้งสี่ไซร้  ใต้ควงไม้ศรีมหาโพธิและโพธิ์ทอง  ครั้นถ้วนเจ็ดวันแล้ว  พระธาตุก็
บ่ายพระพักตร์เข้าสู่เมืองแก้วแล้วอันตรธาน  แผ่นดินดาลรองศาสนาแน่นได้
สองแสนสี่หมื่นโยชน์  ก็จะสูงขึ้นอีกแปดพันวา  ไม้ศรีมหาโพธินั้นไซร้ก็จะเล็ก
เท่าใบพุทรา  เพราะสิ้นสุดพระศาสนา  ก็บรรจบครบจำนวนถ้วนห้าพัน
พระวรรษา  ฯ				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟลุงแทน
Lovings  ลุงแทน เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟลุงแทน
Lovings  ลุงแทน เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟลุงแทน
Lovings  ลุงแทน เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงลุงแทน