28 กุมภาพันธ์ 2549 15:24 น.

ความจริง(ที่เธอไม่อยากให้เป็น)

วา

บางสิ่งที่เธอไม่เคยรู้เลยว่าฉันรู้สึกกับเธอยังไง
แต่เพลงนี้คงเป็นเพลงที่แทนความรูสึกในใจฉัน
ที่ฉันพยายามจะบอกเธออยู่ร่ำไป....
..............................................................................
กดอ่านอยู่ซ้ำๆ
อย่างไม่รู้จะทำ..ทำไม
ไม่เคยพบอะไร
ที่เธอแฝงไว้ในข้อความ
คงไม่มีวัน ฮืมย์..
โทรคุยกันทุกครั้ง
มันก็ยังเป็นเรื่องทั่วไป
ไปที่ไหนด้วยกัน
ถูกเนื้อต้องตัวเมื่อไร
ออกอาการหวั่นไหว..ไม่มี
อยู่อย่างคนรู้จัก
เธอก็คงอยากให้เป็นเท่านี้
ฉันนี่สิมันทนไม่ไหว
อยากบอกว่าความจริง
รู้มั้ยฉันน่ะคิด
ความจริงเธอคงเข้าใจฉันผิด
ช่วยมองนัยน์ตา..ลึกลงไป
เรื่องในใจอยากให้รู้
ความจริงเธอรู้มั้ยฉันน่ะรัก
เกินเลยกว่าคำว่าคนรู้จัก
ถ้าเธอจะเกลียด..ไม่เป็นไร
ฉันเข้าใจ ฉันแค่พูดความจริง
เธอชมกันเสมอบอกให้รู้ว่าเธอไว้ใจ
ที่ไม่คิดอะไร มันยิ่งละอายเหลือเกิน
เกลียดตัวเองขึ้นทุกที
อยู่อย่างคนรู้จัก
เธอก็คงอยากให้เป็นเท่านี้
ฉันนี่สิมันทนไม่ไหว
อยากบอกว่าความจริง
รู้มั้ยฉันน่ะคิด
ความจริงเธอคงเข้าใจฉันผิด
ช่วยมองนัยน์ตา..ลึกลงไป
เรื่องในใจอยากให้รู้
ความจริงเธอรู้มั้ยฉันน่ะรัก
เกินเลยกว่าคำว่าคนรู้จัก
ถ้าเธอจะเกลียด..ไม่เป็นไร
ฉันเข้าใจ ฉันแค่พูดความจริง....

..........................................................				
28 กุมภาพันธ์ 2549 15:18 น.

คนที่ไม่เข้าต่

วา

ทุกคนคงยากเป็นคนที่เข้าตาสำหรับคนบางคน แต่เขากับมองเราว่าเป็น...
"คนที่ไม่เข้าตา"

มองใครต่อใคร 
ที่เดินจับมือเกี่ยวกัน 
เห็นเค้าเหล่านั้น ก็นึกอิจฉาในใจ 
ทำไมไม่เป็น ไม่มีอย่างเขา 
คิดแล้วมันก็เศร้าใจ 
มีเพียงความเหงา ให้เดินกอดคอเท่านั้น 
ที่นั่งติดกันเวลาดูหนัง คือใคร 
จะกิน จะเดิน จะนอน ก็เหงา 
ไม่มีใครเคียงข้างกาย ไม่มีใครเลย 
จะมีใคร ใครรัก คนหน้าตาอย่างฉัน 
ที่มันธรรมดา ไม่เข้าตาเหมือนใครๆ 
จะมีใคร ใครไหม ที่จะมองแต่หัวใจ 
จะมีไหมใคร เข้าใจรักกัน 
จะมีกี่คนที่เค้าจะมองอย่างนั้น 
จะมีสักวันบ้างไหม ที่ฝันเป็นจริง 
จะมีกี่คนที่เขาจะรับ 
ที่ฉันเป็นได้ทุกสิ่ง 
มีเพียงความเหงา ให้เดินกอดคอเท่านั้น 
ที่นั่งติดกันเวลาดูหนัง คือใคร 
จะกิน จะเดิน จะนอน ก็เหงา 
ไม่มีใครเคียงข้างกาย ไม่มีใครเลย 
จะมีใคร ใครรัก คนหน้าตาอย่างฉัน 
ที่มันธรรมดา ไม่เข้าตาเหมือนใครๆ 
จะมีใคร ใครไหม ที่จะมองแต่หัวใจ 
จะมีไหมใคร เข้าใจรักกัน 
มองเห็นความสำคัญ 
จับมือกอดฉัน ด้วยความเต็มใจ 
จะยอมให้ทุกทุกสิ่ง ที่ตัวฉันมี 
จะไม่ทำให้เค้าผิดหวังเลยสักครั้ง 
จะมีใคร ใครรัก คนหน้าตาอย่างฉัน 
ที่มันธรรมดา ไม่เข้าตาเหมือนใครๆ 
จะมีใคร ใครไหม ที่จะมองแต่หัวใจ 
จะมีไหมใคร เข้าใจรักกัน ....
				
11 มกราคม 2549 13:20 น.

ทายนิสัยจากดอกไม้

วา

ทายนิสัยจากดอกไม้

ดอกไม้ชนิดไหน ที่เพื่อนๆ หลับตาแล้ว นึกถึง นั่นแหละที่บอกความเป็นตัวของตัวคุณได้ดีทีเดียว

ดอกกุหลาบ 

เริ่มต้นกันที่ดอกกุหลาบก่อนเลย ในฐานะที่ได้รับการยกย่องให้เป็นราชินีของดอกไม้ทั้งมวล แถมยังถูกนำมาใช้เป็นดอกไม้เพื่อแสดงความรักอีกด้วย เริ่ดซะไม่มี คนที่ชอบดอกกุหลาบนั้น ออกจะรักสวยรักงามมากสักหน่อย ชอบชีวิตที่หรูหราโอ่อ่า สะดวกสบาย หรือการเป็นคนเด่นดังมีชื่อเสียง ไปไหนมาไหนคนรู้จักไปหมด นอกจากนี้ยังเป็นคนที่กระตือรือร้น ใฝ่รู้ ชอบแสวงหาประสบการณ์ดี ๆ ให้กับชีวิของตนอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย 

ดอกทานตะวัน 

คนที่ชอบดอกทานตะวัน จะเป็นคนที่เชื่อมั่นในตัวเองมาก และถือดีในความรู้ความสามารถของตัวไม่น้อย ชอบพึ่งพาลำแข้งของตัวเองมากกว่าไปงอนง้อขอใครกิน ในขณะเดียวกันก็เป็นคนที่ชอบตั้งเป้าหมายชีวิตเอาไว้สูง ๆ แต่ความเป็นคนเก่ง สนใจใคร่รู้ รวมทั้งขยันขันแข็ง ก็ทำให้ประสบความสำเร็จในสิ่งที่ตั้งใจได้ไม่ยาก นอกจากนี้ยังเป็นคนที่มีใจคอกว้างขวาง มีเพื่อนฝูงมากมาย และชอบเข้าสังคม แต่จะเป็นคนที่ไม่แคร์ใครนัก 

ดอกมะลิ 

สำหรับคนที่ชอบดอกมะลิ ดอกไม้ไทยสีขาวที่มีกลิ่นหอมละมุนละไมนี้ อุปนิสัยมักเป็นคนเรียบร้อย อ่อนโยน ค่อนข้างจะจู้จี้จุกจิกอยู่สักหน่อย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็เพราะความเป็นคนเจ้าระเบียบที่ชอบความเรียบร้อยงดงามนั่นเอง นอกจากนี้ยังเป็นคนที่มีความรู้สึกอ่อนไหวมาก จะรู้สึกไวว่าใครคิดเช่นไรกับตน และเป็นคนคิดมาก ช่างวิตกกังวลไปกับคำพูดคนอื่น แต่ในขณะเดียวกันก็จะเป็นผู้ที่ชอบชีวิตเรียบง่าย รักสงบ และเป็นตัวของตัวเองดีทีเดียว 

ดอกเบญจมาศ 

คนที่ชอบดอกเบญจมาศ เป็นคนที่ชอบความเรียบง่าย ธรรมดา ๆ ชอบใช้ชีวิตในการทำงาน เข้ากับคนง่าย ผูกมิตรกับคนเก่ง ช่างเจรจา เพราะไม่มีบุคลิกถือตัว ไม่ใช่คนที่มีเสน่ห์โดดเด่นอะไรนักกับเพศตรงข้าม และไม่ค่อยสนใจในเรื่องเหล่านี้ รักง่ายลืมง่ายว่างั้นเถอะ แต่จะไปให้ความสำคัญในการศึกษาหาความรู้ แสวงหาประสบการณ์ให้ชีวิตมากกว่า เป็นคนขยัน ชอบการทำงาน แต่ว่าต้องเป็นงานที่ไม่มีความซ้ำซากจำเจจนเกินไป 

ดอกกล้วยไม้ 

คนที่ชอบดอกกล้วยไม้จะเป็นคนที่อ่อนโยน นิ่มนวล โรแมนติกมาก แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นผู้ที่มีความอดทนหนักแน่นอยู่ในตนเองด้วยเหมือนกัน นอกจากนี้ยังเป็นคนที่ชอบชีวิตเรียบง่าย ไม่หวือหวา แต่จะชอบการค่อย ๆ เปลี่ยนแปลงเพื่อไปสิ่งที่ดีกว่า โดยผ่านการคิดหน้าคิดหลังรอบคอบมาแล้ว เป็นคนที่ตัดสินใจเก่งและชอบแก้ปัญหาด้วยการประนีประนอม 

ดอกบัว 

สำหรับคนที่ชอบดอกบัว มักเป็นคนสุภาพอ่อนโยน แถมยังเต็มไปด้วยความเมตตาปราณี ไม่รู้จักโกรธเกลียดใครหรอก ไม่ว่าใครจะมายังไงก็ดีกับเขาไปหมด มีอารมณ์และความรู้สึกอันละเอียดอ่อนที่ดึงดูดให้คนเข้ามาหามาพึ่งพาทางด้านจิตใจ เป็นคนที่ชอบช่วยเหลือคนอื่น ได้เกี่ยวข้องกับคนมากมาย แม้ว่าจะรักความสงบสักแค่ไหนก็ตาม นอกจากนี้ยังเป็นคนที่รักครอบครัวมากอย่างไม่เปลี่ยนแปลง 

ดอกหญ้า 

สำหรับคนที่ชอบดอกหญ้าเล็ก ๆ ตามริมทาง ไม่ว่าจะเป็นดอกอะไรก็ตาม นิสัยมักเป็นคนรักอิสระ ไม่ชอบผูกพันหรือมีพันธะกับใคร แม้แต่คนในครอบครัวตัวเองก็ตาม ชอบใช้ชีวิตไปเรื่อย ๆ เดินทางไปนั่นมานี่เพื่อแสวงหาประสบการณ์ชีวิต เพราะความเป็นคนที่ชอบศึกษาและเรียนรู้เอามาก ๆ นั่นเอง นอกจากนี้ยังเป็นคนที่ให้ค่าความสำคัญต่อเรื่องความซื่อสัตย์และคุณธรรมความดีเป็นอย่างยิ่ง จะทนไม่ได้เลยหากโดนโกหกหลอกลวง 

ดอกทิวลิป 

คนที่ชอบดอกทิวลิปมักมีนิสัยช่างคิดช่างฝัน เต็มไปด้วยจินตนาการที่ลื่นไหลไม่ยอมหยุด ทั้งยังมากด้วยอารมณ์อันโรแมนติกเต็มเปี่ยมในหัวใจ หลงรักคนง่าย แต่ก็จะเปลี่ยนใจง่ายเช่นกัน นอกจากนี้ยังเป็นคนที่มองโลกในแง่ดี มักช่วยเหลือคนอื่นอย่างเต็มอกเต็มใจเสมอ เป็นที่พึ่งพิงของคนที่มีความทุกข์ได้อย่างวิเศษ แต่ในขณะเดียวกันก็จะเป็นคนที่มีความขัดแย้งในตัวเองมาก ไม่ค่อยชอบให้ใครเข้ามายุ่งในเรื่องส่วนตัว 

ดอกราชพฤกษ์ 

คนที่ชอบดอกราชพฤกษ์หรือดอกคูน ซึ่งเป็นดอกไม้ประจำชาติไทยเรานั้น มักเป็นนักมนุษยธรรม เป็นคนใจบุญ ใจกว้าง เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่กับทุก ๆ คน ชอบความเท่าเทียม และต้องการเห็นคนทุกคนเสมอภาคกัน นอกจากนี้ยังเป็นคนที่มีความคิดก้าวหน้า รักอิสระ และจะไม่ยอมให้กฎเกณฑ์ใด ๆ เข้ามามีอิทธิพลในชีวิต เป็นคนชอบศึกษาหาความรู้ มีเพื่อนมาก และรักเพื่อนฝูงเท่าเทียมกันทุกคน มีความเป็นผู้นำทางความคิดในสังคม 

ดอกบานไม่รู้โรย 

คนที่ชอบดอกบานไม่รู้โรยจะเป็นคนเงียบ ๆ ดูธรรมดา แต่จะมีความเยือกเย็น หนักแน่น เอาจริงเอาจัง และค่อนข้างจะถือตัวอยู่สักหน่อย ไม่ชอบให้ใครมาพูดเล่นด้วยเรื่อยเปื่อย ดูเหมือนเป็นคนเย็นชา ซึ่งก็เป็นเช่นนั้นจริง ๆ จึงไม่ค่อยมีคนกล้าเข้าใกล้นัก อย่างมากก็มองดูด้วยความชื่นชมอยู่ห่าง ๆ นอกจากนี้ยังเป็นคนที่ไม่ชอบชีวิตที่ตื่นเต้นโลดโผน แต่ต้องการความหนักแน่นที่ต่อเนื่องมั่นคง และเสมอต้นเสมอปลายมากกว่า 

ดอกซ่อนกลิ่น 

มาถึงคนที่ชอบดอกซ่อนกลิ่นกันบ้าง แม้ว่าบางคนอาจจะถือเป็นดอกไม้ที่ไม่นิยมนำมาประดับบ้านในเวลาปกติก็ตาม แต่ก็มีคนชอบไม่น้อยเลยทีเดียว นิสัยของคนที่ชอบดอกซ่อนกลิ่นนี้ดูผิวเผินอาจจะคิดว่าเป็นคนง่าย ๆ แต่ถ้าได้คบหาจะพบว่าเป็นคนที่มีความลึกซึ้งมาก ทั้งยังเป็นคนที่เชื่อมั่นและหยิ่งทะนงในตัวเองอย่างคาดไม่ถึงอีกด้วย นอกจากนี้ยังเป็นคนที่ชอบเก็บความรู้สึก มักไม่มีใครรู้ว่าคิดอะไรอยู่ และยังไม่ใช่คนที่เปิดเผยตัวให้ใครเข้ามารู้จักง่าย ๆ ถ้าไม่มีความคิดลึกซึ้งเพียงพอ 

ดอกเฟื่องฟ้า 

สำหรับคนที่ชอบดอกเฟื่องฟ้าที่เป็นดอกไม้ธรรมดา แถมยังดูออกไปทางเชย ๆ อีกต่างหาก มักเป็นคนที่มีความเป็นกันเอง ชอบแสวงหาเพื่อน หรือหยิบยื่นมิตรภาพให้ใครต่อใครเสมอ ชอบดูแลช่วยเหลือคนอื่นด้วยจิตใจที่ปรารถนาดีเต็มเปี่ยม ในขณะเดียวกันก็เป็นคนที่เปราะบาง เจ็บปวดง่าย แต่จะไม่ใช่คนฟูมฟาย หรือต้องการให้ใครมาปลอบโยน เป็นคนที่มีความอดทนเป็นเลิศพอ ๆ กับความอ่อนไหว ปรวนแปรในจิตใจ

				
7 กันยายน 2548 10:43 น.

ทำไมเวลาที่ฝนตก เรามักจะคิดถึงคนที่เรารัก ?

วา

ทำไมเวลาที่ฝนตก เรามักจะคิดถึงคนที่เรารัก
 เราผูกพัน และบางครั้งก็รู้สึกเหงาด้วย 
เมื่อก่อนนี้ ท้องฟ้า แผ่นดิน และผืนน้ำ เป็นเพื่อนรักกัน 
ทั้งสามอยู่ใกล้ชิดติดกัน จนกระทั่งโลกได้กำเนิดพืชและสัตว์ขึ้น 
แผ่นดินและผืนน้ำก็มัวแต่ดูแลเอาใจใส่พืชและสัตว์ 
จนละเลยและไม่สนใจท้องฟ้า 
ท้องฟ้าก็เริ่มรู้สึกน้อยใจ และถอยตัวห่างออกไป ห่างออกไปทุกที ทุกที 
จนถึงวันที่มีนกตัวแรกออกโบยบิน 
แผ่นดินและผืนน้ำจึงได้รู้ว่าท้องฟ้าได้จากไปไกลแสนไกล 
แผ่นดินและผืนน้ำพยายามส่งเสียงเรียกท้องฟ้า แต่ท้องฟ้าอยู่ไกลมาก 
เลยไม่ได้ยิน นกตัวนั้นจึงอาสาที่จะไปบอกกับท้องฟ้า นกก็บินขึ้นสูง สูงขึ้น สูงขึ้น 
และส่งเสียงเรียก แต่เสียงนกนั้นเบาเกินไป ไปไม่ถึงท้องฟ้า 
แต่นกก็สัญญาว่า ต่อไปนี้นกทุกตัวจะบินขึ้นสู่ท้องฟ้า 
เพื่อนำข่าวจากแผ่นดินและผืนน้ำไปบอก 
ผืนน้ำและแผ่นดินรู้สึกเศร้าใจที่เพื่อนได้ห่างออกไปไกล
และคิดถึงเพื่อนเหลือเกิน 
ผืนน้ำพยายามที่จะม้วนตัวเป็นเกลียวคลื่นครั้งแล้วครั้งเล่า 
แผ่นดินพยายามยกตัวสูงจนตั้งตระหง่าน แต่นั่นก็ยังสูงไม่พอ ยังไม่ใกล้ท้องฟ้า 
พระอาทิตย์ซึ่งเฝ้ามองดูเหตุการณ์มาโดยตลอด 
ก็บอกกับทั้งสองว่า "เราอาจจะช่วยพวกเจ้าได้" พระอาทิตย์จึงอาสาช่วย 
โดยการส่องแสงลงมายังผืนน้ำและแผ่นดิน 
ทำให้ระเหยกลายเป็นไอ ลอยไปรวมตัวกันเป็นก้อนเมฆ 
ลอยขึ้นไปบอกข่าวแก่ท้องฟ้า 
เล่าเรื่องราวต่างๆเป็นรูปตามที่ 
แผ่นดินและผืนน้ำได้พบเจอมา และบอกว่าแผ่นดินและผืนน้ำคิดถึงมาก 
อยากให้ท้องฟ้าลงมาสนิทแนบชิดเหมือนเมื่อก่อน 
ท้องฟ้าได้รับรู้เรื่องราว ก็รู้สึกเสียใจ แต่ก็กลับลงไปไม่ได้ 
"ฉันกลับลงไปไม่ได้หรอก เพราะฉันเติบโตขึ้น และอยู่สูงเกินไป 
ลงไปไม่ได้แล้ว 
ฉันได้แผ่ขยายตัวเองจนกว้างขวาง ที่ฉันทำได้ก็เพียงแต่เฝ้ามองดูอยู่ไกลๆ 
และโอบกอดแผ่นดินและผืนน้ำไว้อย่างอ่อนโยนเท่านั้น 
และถึงแม้จะมีนกบินมาส่งข่าว แต่ฉันก็ยังคิดถึงแผ่นดินและผืนน้ำ 
และอยากจะบอกกับทั้งสองว่า ฉันเองคิดถึงเพื่อนมากมายเพียงใด" 
ก้อนเมฆก็ตอบว่า "อยู่บนนี้นานๆก็เหงาเหมือนกัน 
บางทีก็อยากกลับลงไปข้างล่างบ้าง" 
ท้องฟ้าเลยบอกว่า "ฉันก็เหงาเหมือนกัน แต่ว่าฉันกลับลงไปไม่ได้ 
แต่เจ้าลงไปได้นี่ ถ้าอย่างนั้นฉันจะส่งเจ้ากลับลงไป 
และความคิดถึงของฉันก็หนักมากพอที่จะส่งพวกเจ้าลงไปหมดทั้งท้องฟ้า" 
จากนั้นก้อนเมฆทั้งหมดก็รวมตัวกัน 
และรวมเข้ากับความคิดถึงอันมากมายของท้องฟ้า แล้วตกลงมาเป็นหยาดฝน 
ส่งผ่านความรัก ความคิดถึงมายังแผ่นดินและผืนน้ำ 
จึงไม่แปลก ถ้าเมื่อใดที่ฝนตก แล้วเราจะรู้สึกคิดถึงคนที่เรารัก 
คนที่เราผูกพัน และบางครั้ง ท้องฟ้าก็ส่งความเหงาลงมาด้วย 
 แต่ทำไมเวลาฝนตกคนมี่เรารักกับมักไม่คิดถึงเราเลย..........
				
6 กันยายน 2548 10:09 น.

ความรู้สึก Vs. ระยะห่าง” ระหว่างคน....

วา

วันเวลาที่ผ่านมา ชั่วระยะเวลาหนึ่งของชีวิต 

ผู้คนมากมายผ่านเข้ามา .........บางคนผ่านมาเพียงเพื่อจะผ่านไป 

แต่กลับบางคนกลับไม่เป็นเช่นนั้น... จากคนแปลกหน้า 

กลายเป็นคนรู้จัก คนคุ้นเคย ล่วงเลย ไปถึงกลายเป็นคนรักกัน 

เวลาเปลี่ยน สถานการณ์เปลี่ยน 

สถานภาพทางความรู้สึกของเราก็อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามไปด้วย 

บางคนยังคงความเป็นคนแปลกหน้า

ยังรักษาระยะห่างของการเป็นคนรู้จักคนคุ้นเคย 

หรือ คนรักกันไว้ได้อย่างคงที่ 

บางคน เปลี่ยนแปลงจากคนแปลกหน้า กลายเป็นคนคุ้นเคย 

จากคนเคยคุ้น กลายมาเป็น คนรักกัน ....

ทำลายระยะห่างของความรู้สึกให้สั้นลงอย่างรู้สึกได้  

และเมื่อนั้น เรื่องราวดี ๆ สวยงามทางความรู้สึกจึงเกิดขึ้น ... 

แต่ในทางกลับกัน... 

ระยะห่างของบางคน อาจห่างไกลออกไปจนสุดหูสุดตา 

จากคนเคยรัก คนเคยคุ้น ....กลายเป็นแค่คนเคยรู้จัก ... 

กลายเป็นคนแปลกหน้าทางความรู้สึกไป ... 

แน่นอนว่า ระยะห่างของคนรู้จัก กับ คนรัก ย่อมไม่เท่ากันเป็นแน่ 

แต่นั่นแหละ ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไปได้เสมอ... 

ฉันเชื่อในเรื่องของการเปลี่ยนแปลงของเวลา 

พอ ๆ กับเชื่อในเรื่องของการเปลี่ยนแปลงของความรู้สึก... 

ไม่มีมาตราวัดใด ๆ ที่จะใช้วัดระยะห่างของความรู้สึกได้ 

และระยะห่างในแต่ละสถานภาพทางความรู้สึกในแต่ละคนก็คงจะไม่เท่ากัน...

เราระบุชัดไม่ได้ว่า 1 เท่ากับ 1 ในความรู้สึกของอีกคน 1 

ในความรู้สึกของคนหนึ่ง อาจจะเป็น 100 ในความรู้สึกของอีกคนก็เป็นได้ ... 

และในเมื่อการคบหากันเป็นปฏิสัมพันธ์ของคนสองคน .... 

เราจึงมองเห็นความไม่ลงตัว 

เห็นระยะห่างที่ไม่เท่ากันของคนสองคนได้เสมอ

กับคนบางคน เราอยากเป็นมากกว่าคนรู้จัก 

เราก็จะพยายามที่จะทำให้ระยะห่างของเรามันสั้นลง 

กับคนบางคน เราอยากเป็นน้อยกว่าที่เป็นอยู่ . ....... 

เราก็จะพยายามที่จะทำให้ระยะห่างของเรายาวไกลออกไป... 

แต่กลับบางคนเรากลับอยากจะรักษา ระยะห่าง ตรงกลาง ไว้ให้คงที่ 

ไม่ให้ห่างหาย จางหนี หรือ เข้ามาใกล้จนเรารู้สึกอึดอัด....

เคยรู้สึกใช่ไหมว่า ... 

ขณะที่เราเดินเข้าหา บางคนกลับกำลังเดินหนี 

กับบางคนเรากำลังเดินหนี บางคนกลับเดินตาม 

กับบางคนเราก็ต้องการระยะห่างประมาณหนึ่ง ไม่ต้องใกล้มาก 

แต่ไม่ต้องการห่างหายไปไหน... 

ขณะที่บางคนวิ่งตาม ล้มลุกคลุกคลาน

เจ็บปวดกับระยะห่างของอีกคนที่ทิ้งไว้ตรงหน้า 

ขณะเดียวกันกับที่อีกคนก็วิ่งหนี 

โดยไม่คิดจะหันกลับมามองความเจ็บปวดของอีกคน 

อะไรก็เกิดขึ้นได้ กับความรู้สึกคน... 

เหนื่อยแสนเหนื่อย ล้าแสนล้า ....

แต่สุดท้ายก็ยังพยายาม พยายามที่จะยื้อยุดฉุดดึงอยู่เช่นนั้น 

บางคนปล่อยความรู้สึกของอีกคนไว้ บนความห่าง ห่างจนลับตา ... 

ไม่เคยหันกลับมามองหรือรับรู้ความเป็นไปของอีกคน 

ไม่เคยรับรู้ว่า ...

ระยะห่างที่เขาทิ้งไว้อีกคนมันสร้างความเจ็บปวดได้ประมาณไหน 

แต่ก็มีบางคนที่เหนื่อยล้ากับระยะห่างที่พยายามรักษาไว้เพียงแค่นั้น 

ไม่ต้องห่างไป แต่ เข้าใกล้กว่านี้ไม่ได้ ... 

ต้องการเพียงเส้นขนานที่ไม่มีทางมาบรรจบ 

การทำลายระยะห่างของคนสองคนอาจไม่ใช่เรื่องยาก 

แต่ก็ไม่ได้ง่ายดายนักสำหรับอีกหลาย ๆ คน 

บางคนพยายามมาเกือบทั้งชีวิต....

ระยะห่างที่ว่าก็ยังคงห่างอยู่เช่นเดิม....

ขณะที่บางคนอยู่นิ่ง ๆ ไม่วิ่งหนี ไม่วิ่งตาม 

ปล่อยทุกอย่างให้เป็นหน้าที่ของเวลา

ไม่เรียกร้องให้เกิดความคาดหวัง ไม่ปล่อยละเลยจนเหมือนชาเฉย 

ระยะห่างนั้นกลับขยับเข้ามาใกล้ราวปฏิหาริย์... 

เอาใจช่วยสำหรับคนที่กำลังพยายามเดินเข้าหา...

ให้อีกคนหันกลับมามองบ้าง

ระยะห่างจะได้สั้นลง พยายามต่อไป 

เพราะวันหนึ่งคุณอาจรู้สึกว่าความพยายามของคุณมิได้ไร้ค่า 

ร้องขอสำหรับคนที่กำลังเดินหนี 

ให้หันกลับมามองความรู้สึกของอีกคนบ้าง

เพราะบางทีคุณอาจจะสูญเสียอะไรดี ๆ ไป

เพราะระยะห่างที่คุณทิ้งไว้ให้อีกคน 

เห็นใจกับการรักษาระยะห่างให้คงที่สำหรับบางคน 

เพราะบางทีมันก็ทรมานมากกว่า การพยายามเดินเข้าใกล้หรือห่างหนี...เสียอีก... 

แล้วคุณ ๆ เล่า 

เคยนึกย้อนกลับมามอง ระยะห่าง ของคุณกับผู้คนรอบตัวกันบ้างไหม... 

เคยรู้สึกไหมว่าบางที ความห่างไกล 

...กับ ระยะห่างของความรู้สึกเป็นกลับเป็นตัวแปรผกผันกัน

เคยรู้สึกได้ถึงระยะห่างทั้งที่ตัวอยู่ใกล้ๆ 

หรือรู้สึกใกล้กันแล้วทางความรู้สึกทั้งที่ตัวอยู่แสนไกล กันบ้างไหม....

เคยคิดกันบ้างไหมว่า 

ระหว่างคนพยายามเดินหนี 

คนที่พยายามเดินตาม 

และคนที่พยายามยังไงระยะห่างกลับเท่าเดิม 

คนไหนเจ็บปวดไปกว่ากัน...				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟวา
Lovings  วา เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟวา
Lovings  วา เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟวา
Lovings  วา เลิฟ 0 คน
  วา
ไม่มีข้อความส่งถึงวา