22 เมษายน 2550 23:37 น.

กำลังใจจากยอดดอย

วาเลนไทน์2007

สวัสดีครับคุณผู้ฟังที่กำลังให้เกียรติร่วมเดินทางไปกับรายการ I Find Some One  อีกสีสันหนึ่งบนหน้าปัดวิทยุของคุณ กับนิยามของการค้นหาและรอคอยใครคนหนึ่งของใครอีกคนหนึ่ง  


            ...เสียงที่แสนคุ้นเคยจากรายการวิทยุชื่อรายการ ...I Find Some One ...ดังอยู่ในเครื่องรับวิทยุของผู้ที่กำลังตั้งใจรอฟัง ประโยคขึ้นต้นรายการที่ยังคงเหมือนเดิม กับน้ำเสียงอบอุ่นของผู้ชายคนเดิม แต่วันนี้ถ้าเป็นคนที่ฟังรายการทุกวันจะรู้สึกถึงบางสิ่งบางอย่างที่เปลี่ยนไป น้ำเสียงที่อบอุ่นนี้มีร่องรอยของความเศร้าหมองปะปนอยู่แสดงให้เห็นว่ามีบางสิ่งบางอย่างเกิดขึ้นกับผู้ชายอารมณ์ดีคนนี้ เวย์  ผู้จัดรายการที่เป็นทั้งเพื่อน พี่ชาย น้องชาย ลูกชาย หรือ เป็นขวัญใจของใครหลายๆคน เวย์ ไม่เคยบอกกับใครว่าตัวเองคือ ดีเจ แต่เขามักพูดเสมอว่า ผมเป็นแค่คนเปิดเพลง ที่อยากจะเป็นญาติสนิทของคุณผู้ฟัง 


            น้ำเสียงของเขาวันนี้ไม่ได้รอดพ้นจากการสังเกตของแฟนรายการพันธุ์แท้ที่ชื่อว่า น้องออม เลย ออมฟังรายการของพี่เวย์มาตั้งแต่วันแรกที่พี่เวย์เริ่มจัดรายการ หลังจากนั้นทุกเช้า เวลา 9.00 น.- 10.00 น. น้องออมจะเฝ้ารอฟังเสียงเพลงที่พี่เวย์เปิดรวมทั้งรอฟังเสียงของผู้ชายที่น้องออมบอกว่าวันไหนไม่ได้ฟังเหมือนกับวันทั้งวันนั้นโลกช่างเลวร้ายซะเหลือเกิน... จะเป็นยังไงนะถ้าวันหนึ่งไม่มีเสียงพี่เวย์อยู่บนหน้าปัดวิทยุ น้องออมรอคอยมานานมากที่จะได้มีโอกาสพบกับตัวจริงของพี่เวย์สักครั้ง ถึงแม้ว่าระยะทางจะเป็นอุปสรรคเพราะน้องออมอยู่บนภูเขาสูงที่เดินทางลำบากมากหากจะต้องไปยังสถานีวิทยุที่พี่เวย์จัดรายการอยู่ แต่น้องออมก็ตั้งใจว่า...หน้าหนาวนี้ล่ะน้องออมจะนำผ้าพันคอผืนสวยที่น้องออมตั้งใจทำเองกับมือไปมอบให้กับพี่ชายชื่อเวย์คนที่น้องออมไม่เคยเห็นหน้าเขาสักครั้ง นอกจากคำพูดที่พี่เวย์มักจะพูดติดตลกในรายการเสมอว่า พี่เวย์เป็นผู้ชายที่ขี้เหร่ที่สุดในโลก แต่ถึงแม้ว่าคำพูดนี้จะเป็นจริงน้องออมก็ยังคงศรัทธาในตัวพี่เวย์อยู่เสมอ หลายๆครั้งที่น้องออมกำลังเศร้าคำพูดของพี่เวย์มักจะช่วยบรรเทาความรู้สึกนั้นได้เป็นอย่างดีทุกครั้ง


             ...เปล่านะน้องออมไม่ได้หลงรักพี่เวย์ในแบบชู้สาวแต่น้องออมรู้สึกว่าพี่เวย์คือพี่ชายคนหนึ่งจริงๆเพราะน้องออมและพี่เวย์มีหลายๆสิ่งที่คล้ายหรือเหมือนกันเช่นทั้งพี่เวย์และน้องออม ชอบอ่านหนังสือ ดูหนัง ฟังเพลงและมักจะมีเรื่องราวต่างๆมาแลกเปลี่ยนกันฟังอยู่เสมอทุกครั้งที่คุยกัน ที่สำคัญทั้งสองคนต่างสูญเสียพ่อไปแล้วเหมือนกัน หลายๆครั้งที่พี่เวย์พูดถึงพ่อด้วยน้ำเสียงที่เหมือนกับจะร้องไห้ ทำให้น้องออมเศร้าไปด้วยทุกครั้ง แต่พี่เวย์ก็ช่างสรรหาคำพูดมาปลอบใจตัวเองรวมไปถึงผู้ฟังได้เป็นอย่างดี


            ...ด้วยเหตุและผลที่มีมากมาย  ที่ได้ทำให้เราเลิกราไม่อาจจะคืนย้อนมา เวลาของเราหมดแล้ว... เสียงเพลง ลึกสุดใจ ของโจ+ก้อง ถูกเปิดในรายการเสมือนหนึ่งว่ากำลังเป็นลางบอกเหตุอะไรสักอย่าง น้องออมรู้สึกแบบนั้นจริงๆ ทำไมถึงเป็นแบบนี้นะ ทำไมน้องออมถึงรู้สึกเศร้าไปกับเพลงมากกว่าทุกครั้ง หัวใจดวงเล็กๆของน้องออมสาวน้อยวัย 21 ปี สั่นระรัวเหมือนกำลังจะสูญเสียอะไรบางอย่างที่สำคัญมากๆในชีวิต มือไม้ไม่มีเรี่ยวแรง น้ำตาไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว....


            คุณผู้ฟังครับ ชีวิตคนเราก็เหมือนกับการเดินทาง ในหลายๆครั้งที่เราจำเป็นต้องพลัดพรากจากคนที่เรารัก จากสิ่งที่เป็นความสุขของชีวิต หรือแม้กระทั่งจากความฝันของตัวเอง วันนี้คงเป็นอีกวันที่ชีวิตของใครคนหนึ่งจำต้องจากงานที่รัก จากเพื่อนที่รู้ใจ จากมิตรสหายที่คอยให้กำลังใจทุกครั้งที่รู้สึกท้อแท้กับชีวิต ...ใช่ครับคนๆนั้นคือผมเอง วันนี้การเดินทางของรายการนี้รวมถึงการเดินทางของนาย เวย์ เพื่อน พี่ชาย น้องชาย หรือลูกชายของคุณผู้ฟังบนหน้าปัดวิทยุแห่งนี้ได้มาถึงปลายทางที่จำเป็นจะต้องแยกจากกัน.........


            ....เก็บเธอไว้ ข้างในจนลึกสุดใจ ได้คิดถึงเธออีกคราว เมื่อวันที่เหงาจับใจ ไม่มีใครฉันยัง....มีเธอ


            เสียงเพลงยังคงดำเนินไปเรื่อยๆพร้อมกับน้ำเสียงของผู้จัดที่แสดงถึงความอาลัยอาวรณ์ต่อสิ่งที่กำลังทำอยู่เป็นวันสุดท้าย แต่....อีกมุมหนึ่ง ณ ยอดภูเขาสูง ไกลสุดลูกหูลูกตา ความรู้สึกของหญิงสาวคนหนึ่งได้ดับวูบลงเพราะทนรับกับความสูญเสียครั้งนี้ไม่ได้ พี่เวย์ไม่มีโอกาสรับรู้เลยว่าน้องสาวที่เคยอยู่เคียงข้าง คอยให้กำลังใจตัวเองเสมอกำลังนอนอยู่บนเตียงของโรงพยาบาลแห่งหนึ่งด้วยอาการช็อคจากโรคประจำตัวเนื่องจากรับไม่ได้กับการจากไปของพี่เวย์ พี่ชายแสนดีในความรู้สึกของตัวเอง...ส่วนตัวพี่เวย์ขณะนี้กำลังเริ่มต้นการเดินทางครั้งใหม่ของตัวเอง


            2 ปีผ่านไปแล้ว... พี่เวย์เริ่มต้นการเป็นนักจัดรายการวิทยุอีกครั้ง กับคลื่นใหม่ กับเพื่อนใหม่ ความรู้สึกเกี่ยวกับที่เก่าเริ่มกลายเป็นเพียงความทรงจำสีจางๆ 


            ขอบคุณสำหรับการติดตามรับฟังวันนี้ครับ ขอบคุณทุกเสียง ทุกสาย ทุกกำลังใจ และทุกๆความรู้สึกดีดี ที่มอบให้กันตลอดมาก่อนจากกันทิ้งท้ายไว้เหมือนเดิม...รักษาสุขภาพกาย และสุขภาพใจ ของคุณผู้ฟังไว้ให้ดี จนกว่าคนที่คุณผู้ฟังค้นหาและรอคอยจะมาถึง...สวัสดีครับ


            ...แม้ตั้งแต่นั้นจะมีใครๆ ผ่านเข้ามาในความเงียบเหงา แต่ในใจยังมีเรื่องราว ช่างเวลาที่ฉันมีเธอ..เก็บเธอไว้ ข้างในจนลึกสุดใจ ได้คิดถึงเธออีกคราว เมื่อวันที่เหงาจับใจ ไม่มีใครฉันยัง....มีเธอ


            อีกครั้งที่เสียงเพลงเดิมถูกใช้เป็นเพลงปิดรายการ เวย์วางหูฟังเก็บไว้ที่เดิม ตรวจดูความเรียบร้อยของห้องส่งก่อนเดินออกมาจากห้อง


            พี่เวย์คะ มีคนส่งพัสดุมาให้ค่ะ เจ้าหน้าที่ประจำสถานียื่นกล่องพัสดุให้เวย์ เขารับมาดูแล้วก็เห็นชื่อของเพื่อนจ่าหน้าอยู่ ในกล่องมีกระดาษโน้ตเล็กๆเขียนไว้ว่า


เวย์เพื่อนรักมีคนเอาของนี้มาฝากไว้ที่บ้านเราเลยส่งมาให้นายเพราะคิดว่านายคงต้องการมัน...รัก..เพื่อนนาย


            เวย์บรรจงแกะของที่อยู่ในห่ออย่างระมัดระวังที่สุด แล้วเขาก็พบว่าในห่อมีผ้าพันคอผืนสวยถักจากมือ 2 ผืน ที่ดูเหมือนผู้ที่มอบให้จะตั้งใจทำอย่างมาก...คลี่ผ้าพันคอออก พบกับสมุดโน้ตเล่มเล็กๆ และ จม.อีกปึกหนึ่งน่าจะประมาณ 4-5 ฉบับ


            ...หนึ่งชั่วโมงผ่านไปที่ใช้เวลาอยู่กับของที่ได้รับ...เวย์นั่งนิ่ง ตาพร่ามัว น้ำตาไหล มือสั่นไร้เรี่ยวแรง จิตใจล่องลอยไปสู่น้องสาวที่ใช้นามปากกาว่า กำลังใจจากยอดดอย น้องสาวที่สอนให้เวย์รู้ว่า ความรู้สึกดีๆระหว่างคนสองคนเกิดขึ้นได้ถึงแม้จะไม่เคยพบหน้ากันเลยแม้สักครั้ง....


            วันนี้น้องออมจากไปแล้ว ทิ้งไว้เพียงความทรงจำดีดีระหว่างหัวใจสองดวงไว้เท่านั้น ความทรงจำที่เวย์บอกกับตัวเองว่าไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแสนนานเพียงใดก็ไม่สามารถลบเลือนเรื่องราวระหว่าง พี่เวย์และน้องออมไปได้...


                                             อุทิศแด่... น้องออม กำลังใจจากยอดดอย 

http://www.m-fanclub.com/video/sudjai.htm    เพลง ลึกสุดใจ				
19 เมษายน 2550 14:54 น.

การสนทนาครั้งสุดท้าย

วาเลนไทน์2007

สัญญาจะรักมั่นแม้นวันไร้จันทร์ไร้ดาว... เธอจะลืมคำพูอของเธอหรือป่าวนะ says:


ดีครับ


ห่างกันแค่ฟ้ากั้น says:


ดีจ๊ะ


ห่างกันแค่ฟ้ากั้น says:


สบายดีไหมจ๊ะ


สัญญาจะรักมั่นแม้นวันไร้จันทร์ไร้ดาว... เธอจะลืมคำพูอของเธอหรือป่าวนะ says:


ดีใจจัง


สัญญาจะรักมั่นแม้นวันไร้จันทร์ไร้ดาว... เธอจะลืมคำพูอของเธอหรือป่าวนะ says:


ได้จม เค้าบ้างป่ะ


ห่างกันแค่ฟ้ากั้น says:


ไม่ค่ะ


สัญญาจะรักมั่นแม้นวันไร้จันทร์ไร้ดาว... เธอจะลืมคำพูอของเธอหรือป่าวนะ says:


เห้ย เปงเดือนแล้วนะ


สัญญาจะรักมั่นแม้นวันไร้จันทร์ไร้ดาว... เธอจะลืมคำพูอของเธอหรือป่าวนะ says:


มีใครเอาไปซ่อนป่าวเนี่ย


ห่างกันแค่ฟ้ากั้น says:


ใครจะเอาไปค่ะ


สัญญาจะรักมั่นแม้นวันไร้จันทร์ไร้ดาว... เธอจะลืมคำพูอของเธอหรือป่าวนะ says:


ล้อเล่ง


สัญญาจะรักมั่นแม้นวันไร้จันทร์ไร้ดาว... เธอจะลืมคำพูอของเธอหรือป่าวนะ says:


เล่นไหนเนี่ย


ห่างกันแค่ฟ้ากั้น says:


ทีทำงาน


ห่างกันแค่ฟ้ากั้น says:


เดี๋ยวก็ทำงานแล้ว


สัญญาจะรักมั่นแม้นวันไร้จันทร์ไร้ดาว... เธอจะลืมคำพูอของเธอหรือป่าวนะ says:


เนตใช้ได้แล้วเหรอครับ


ห่างกันแค่ฟ้ากั้น says:


เค้าไปทำงานแล้วนะพี่ๆมาแง้ว


สัญญาจะรักมั่นแม้นวันไร้จันทร์ไร้ดาว... เธอจะลืมคำพูอของเธอหรือป่าวนะ says:


เห้อ 


สัญญาจะรักมั่นแม้นวันไร้จันทร์ไร้ดาว... เธอจะลืมคำพูอของเธอหรือป่าวนะ says:


คิดถึง รักเหมือนเดิม ไม่มีใคร


สัญญาจะรักมั่นแม้นวันไร้จันทร์ไร้ดาว... เธอจะลืมคำพูอของเธอหรือป่าวนะ says:


ขอไรอย่างได้ป่ะ


สัญญาจะรักมั่นแม้นวันไร้จันทร์ไร้ดาว... เธอจะลืมคำพูอของเธอหรือป่าวนะ says:


มีไรก็บอกกันบ้างอย่าปล่อยให้พี่คิดไปเองฝ่ายเดียว ถ้ามีใครก็บอกกันได้ จะได้ทำใจ ไม่งั้นพี่ก็จะยังฝันเดิมๆไปเรื่อย


ห่างกันแค่ฟ้ากั้น says:


ก็มีอยู่แค่เค้าคนนั้นคนเดียวและค่ะ


ห่างกันแค่ฟ้ากั้น says:


ไม่อยากมีใครอีก


ห่างกันแค่ฟ้ากั้น says:


เหนื่อย


ห่างกันแค่ฟ้ากั้น says:


เบื่อ


สัญญาจะรักมั่นแม้นวันไร้จันทร์ไร้ดาว... เธอจะลืมคำพูอของเธอหรือป่าวนะ says:


ครับ แม้แต้พี่ใช่ป่ะ


ห่างกันแค่ฟ้ากั้น says:


คงจะใช่ม้าง


ห่างกันแค่ฟ้ากั้น says:


ไม่รู้เหมือนกัน


ห่างกันแค่ฟ้ากั้น says:


ไม่อยากให้ใครมาเจ็บปวดกับสิ่งที่เค้าเป็นต้นเหตุ


ห่างกันแค่ฟ้ากั้น says:


ทำงานกอ่นนะค่ะ


ห่างกันแค่ฟ้ากั้น says:


พี่เค้าจะใช้คอมทำงาน


นี่คือบทสนทนาครั้งสุดท้ายระหว่างเรา  เจ้าหญิงของดอกไม้กับเจ้าชายรองเท้าแตะ คนสองคนที่บังเอิญผ่านมาพบกันบนโลกที่เรียกว่า ออนไลน์  เพียงชั่วระยะเวลาเพียงไม่นานที่ได้เดินทางร่วมกันบนเส้นทางแห่งความรักและความฝันที่ทุกสิ่งดูเหมือนจะจริงจังและชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ ....แต่ก็เพียงช่วงเวลาไม่นานอีกนั่นล่ะที่ทำลายทุกสิ่งทุกอย่างลงจนไม่อาจทัดทานความรู้สึกเจ็บปวดไว้ได้ 


            ผมไม่รู้ว่าจุดจบของความสัมพันธ์ในแบบที่เราสองคนต่างเคยสัญญากันไว้มันเกิดขึ้นจากอะไร ...เพราะผมไม่สามารถตอบสนองความต้องการขั้นพื้นฐานทางสังคมให้เธอได้ ..เพราะผมช่างฝันเกินไป..เพราะผมไม่เป็นอย่างที่เธอคิด.. เพราะเธอมีคนอื่น ..เพราะเธอเบื่อ เพราะเธอเหนื่อย.......แต่ที่แน่ๆไม่ใช่เพราะผมไม่รักเธอ 


            ป.ล. ถึงเจ้าหน้าไปรษณีย์ยังไงก็ช่วยส่ง จม. ที่เหลือไปให้เธอด้วยนะครับ 


และ


            ป.ล. ถึงตาหนูและยายหนูพ่อเสียใจที่เราไม่มีโอกาสได้เกิดมาเป็นพ่อลูกกันอย่างที่พ่อและแม่เคยฝันไว้				
5 เมษายน 2550 14:57 น.

"ข้างถนน"

วาเลนไทน์2007

บ่ายวันเสาร์...ฉันนั่งลงบนเก้าอี้ตัวเดิม กับรถเข็นสีหวานคันเก่า นั่งมองผู้คนเดินผ่านไป...ผ่านมา เฝ้ารอว่าวันนี้ใครกันนะจะเป็นผู้โชคดีได้ดื่มน้ำผลไม้ที่อร่อยที่สุดกันบ้าง(ก็ฉันเชื่อของฉันอน่างนี้) .....ลูกค้าคนแรกของฉันเป็นเด็กตัวเล็ก-เล็ก ที่กำลังนั่งเปิบไอติมอยู่เต็มปาก(จริง-จริงนะ) แต่ก็อดที่จะสนใจไม่ได้เมื่อเห็นรถเข็นสีหวานของฉัน และคงเป็นเพราะความอยากรู้อยากลองที่ทำให้เด็กน้อยตะโกนเรียกให้ฉันหยุดเพื่อที่จะถามให้แน่แก่ใจว่า นายคนนี้ขายอะไรนะ...แล้วฉันก็ได้ลูกค้ารายแรกของวันนี้(ลูกค้าที่ไม่คาดคิด..ก็แหมกินไอติมอยู่เต็มปาก) 
.....ถึงที่หมายซะที ฉันจอดรถเข็นในมุมเดิมๆที่เคยจอดมา 2-3 ครั้ง ด้วยความรู้สึกที่แตกต่าง อาจเพราะวันนี้...ฉันเปลี่ยนไปแล้ว ฉันกำลังตั้งใจทำในสิ่งที่บอกกับตัวเองว่า...มันคือการรังสรรค์ผลงานอีกชิ้นของตัวฉันเอง(คิดแบบนี้ทีไรอดอมยิ้มให้กับตัวเองไม่ได้สิน่า) ...ลูกค้าอีกคนเดินมาหาฉันจากตู้โทรศัพท์ที่อยู่ใกล้ๆรถเข็นคันงามของฉัน(อีกแล้ว) พร้อมกับสั่งน้ำผลไม้ที่เป็นผลงานการสร้างของฉันที่นอนนิ่งอยู่ในถังแช่เย็น(เจี๊ยบ) ครั้งนี้ฉันเดาว่าคงไม่ใช่เพราะลูกค้าสุดเท่หิวน้ำแต่คงเป็นเพราะอยากได้เหรียญไปหยอดตู้โทรศัพท์มากกว่า(แต่ก็ช่างเพราะฉันขายผลงานของฉันได้นี่นา) 
......กำลังนั่งเขียนนี่เขียนนั่นเขียนโน่นอยู่...สายตาเหล่ไปเห็นเด็กคนหนึ่งเดินถือแก้วน้ำจากร้านสะดวกซื้อเดินมาทางรถเข็น ฉันทำเป็นไม่สนใจ(หยิ่ง)เพราะคิดว่ายังไงก็คงขายให้เด็กคนนี้ไม่ได้แน่ๆ อีกครั้งที่คิดผิด...เพราะเขาเดินตรงเข้ามาหาฉันและซื้อผลงานของฉันทันที(งวดนี้คิดว่าจะไม่ซื้อลอตเตอรี่แน่ๆ) ... 
เวลาผ่านไป....ฉันยังคงนั่งอยู่ที่เก้าอี้ตัวเดิมกับรถเข็นสีหวานคันเดิม(คุณรู้จักสีหวานกันไหมครับว่าเป็นยังไง)ฉันนั่งรอและนั่งมองผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมา..อ่อบางคนก็ขับรถหรือนั่งรถนะครับ...หลายคนมองลงมาจากรถประจำทาง "ทูแถว" (two taw = 2 แถว ไม่ใช่ แต๋วสองคน นะครับ) พวกเขามองลงมาด้วยสายตาฉงน ไม่แน่ใจว่าเขากำลังชมความงามของรถเข็น หรือว่ากำลังสับสนในความคิดว่า ผู้ชายน่าตาแบบนี้ ทำไมถึงมาอยู่คู่กับรถเข็นหวานแหววแบบนี้ได้ ซึ่งฉันก็คงไม่สามารถอธิบายให้ทุกสายตาเข้าใจได้ แต่ฉันรู้ตัวเองดีว่าฉันกำลังภูมิใจกับผลงานที่ฉันสร้างสรรค์มันขึ้นมากับมือนี้เพียงไร ....อ่อ นั่นป้ารถเข็นขายผักกำลังเดินมาทางนี้ไม่แน่นะฉันอาจจะขายผลงานของฉันได้อีกชิ้นก็ได้...ใครจะรู้ 

อุทิศแด่...ทุกชีวิตริมท้องถนน 

ป.ล. สำหรับคำถามที่ถามว่าทำไมฉันถึงไม่ไปขายผลงานของฉันในที่ๆคนอื่นเขาขายกัน คำตอบของฉันคือ...ถ้ามัวแต่เดินตามรอยเท้าคนอื่นแล้วผมจะสร้างรอยเท้าของตัวเองขึ้นมาได้อย่างไรล่ะ...จริงมั๊ย 
....สัตยา.....				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟวาเลนไทน์2007
Lovings  วาเลนไทน์2007 เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟวาเลนไทน์2007
Lovings  วาเลนไทน์2007 เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟวาเลนไทน์2007
Lovings  วาเลนไทน์2007 เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงวาเลนไทน์2007