9 ธันวาคม 2548 12:31 น.

กว่าจะรู้ ตอน 2

วิญญาณศิลา

กว่าจะรู้...

เอี๊ยดดดดดดดดดดด เสียงเบรค อย่างฉับพลันของเซฟิโรสีเหลืองคันหรู เมื่อมีสิ่งเคลื่อนไหวผ่านหน้ารถคันงามอย่างรวดเร็ว เอี๊ยดดดดด.ดดดด  โครม 

เอ๊ก อี้ เอ๊ก เอ๊ก เสียงไก่ ขันยามเช้า ดวงอาทิตย์พึ่งโผล่พ้นขอบฟ้า 
ริมรั้วบ้านสวนทรงไทย
คุณเนตรนภา พร้อมสาวใช้ออกมาตักบาตรพระ หน้าบ้านเป็นประจำทุกเช้า
จีวรพระเหลืองอร่าม แลดู สงบเหยือกเย็น ทำให้เป็นที่ศรัทธาของผู้พบเห็นยิ่งนัก อากัปกิริยารับบาตร ก็สำรวมเหมาะกับสมณะเพศ เมื่อรับบาตรเสร็จท่านจึงเดินไปข้างหน้าเพื่อโปรดสัตว์ต่อไป โดยคุณเนตรนภา ไหว้ อย่างสำรวมเมื่อใส่บาตรเสร็จ หันหลังกลับเพื่อเข้าบ้าน พร้อมกับ เจอหน้าเปรมกลมลูกชายของตนเอง เดินยิ้ม ลงมาจากบนเรือน 

คุณเนตรนภา ยิ้มกริ่ม ดั่งกับรับผลบุญจากการใส่บาตรพระเมือตะกี้ พร้อมทักทายลูกชายตน  ไงพ่อเปรม เมื่อคืนไปหิ้วลูกสาวใครมา ดูขมุกขมอม ไปทั้งตัว มาถึงหลับเป็นตายเลย
อ้อ ทิชา ลูกศิษย์ ที่ผมที่มหาวิทยาลัยเองครับ ลูกชายคนโปรดของคุณเนตรนภาไม่พูดเปล่า เดินตรงเข้าไปโอบกอดผู้เป็นแม่ของตนทำเป็นเหมือนเด็กตัวเล็ก ๆ ขอความรักจากแม่ ตักบาตรหรือครับแม่
อืมม ตื่นเช้า ๆ ทำบุญบ้าง  แต่ยังไม่บอกเลยเรื่องมันเป็นมายังไง
ผมไม่รู้หรอกว่า เธอไปทำอะไรมาเห็นอยู่ดี ๆ ก็วิ่งตัดหน้ารถผม ดีน่ะที่ผมเบรคทัน แต่เธอก็สลบก่อน ดีนะไม่เป็นอะไรมาก ทำให้ผมต้องแบกขึ้นรถกลับมาที่บ้านเราก่อนนะครับคุณแม่

คุณผู้ชายขา ผู้หญิงที่คุณผู้ชาย พามาเมื่อคืน ตื่นแล้วค่ะ สาวใช้ เดินตรงมาบอกแม่ลูกที่กำลังสนทนากันอยู่
งั้นผมขอตัวไปดูลูกศิษย์ผมก่อนนะครับคุณแม่   เชิญจ๊ะพ่อเจ้าประคุณ
เออ นี่ คุณเนตรนภา พูดบอกลูกชายของเธอก่อนเดินไป ให้เขาอาบน้ำอาบท่าให้ดีก่อนนะ แล้วมากินข้าวเช้ากัน เปรมกมลยิ้มให้กับผู้เป็นแม่ของตนก่อนเดินไป

ทิชา ตื่น มาอย่างกำลังคิดว่า มันเกิดอะไรขึ้นกับตน เมื่อคืนตนกลับมาถึงบ้าน แล้วทะเลาะกับพ่อของตนแล้วตนเอง ก็วิ่งหนีออกมาจากบ้าน อย่างไม่มีจุดหมาย แล้วจู่ ๆ ตนเองก็เห็นแสงไฟวูบหนึ่ง จากนั้น ก็ไม่รู้อะไรเลย จนถึงในขณะนี้ ตนอยู่ไหนกัน โรงพยาบาล ก็ไม่ใช่ สถานีตำรวจก็ไม่ใช่ แล้วมันที่ไหนกัน ก่อนที่ หล่อนจะคิดอะไรมากไปกว่านี้ เปรมกมล ก็เดินเข้ามา
อาจารย์เปรม ทิชาอุทานขึ้นเบา ๆ เมื่อหันไปพบกับเปรมกมลที่เดินมาถึงพร้อมกับสาวใช้เขาที่เดินตามมา
ตื่นแล้วเหรอ ทิชา เปลมกมล ทักทาย เป็นไงบ้านครูหลับสบายป่าว
ยังไม่ทันที่ทิชา จะตอบอะไรออกไป ไปอาบน้ำอาบท่าก่อนดูสิเนื้อตัวมอมแมม ไปหมด เปรมกมลบอก พร้อมกับให้สาวใช้ พาทิชาไปอาบน้ำ ใช้ชุดของคุณอร ก่อนก็ได้นะ
คุณอร ทิชา ทวนคำของอาจารย์หนุ่ม น้องสาวครูเอง ตอนนี้ไปเรียนต่อที่อเมริกา เสื้อผ้าเลยไม่มีใครใช้ เธอใช้ก่อนก็ได้แล้วไปกินข้าวเช้าพร้อมกันนะ พูดจบเปรมกมลก็ เดินนำหน้าออกไป แล้วให้สาวใช้พาทิชาไปอาบน้ำ ให้เรียบร้อย

ที่โต๊ะรับประทานอาหาร คุณเนตรนภา และ เปรมกมล นั่งรอทิชาอยู่ก่อนแล้ว
นี่ แม่อาจารย์เอง เปรมกมล แนะนำ ทิชา ไหว้อย่างประหม่า พร้อมกับแลดูมายังอาจารย์หนุ่ม ที่แนะนำเขากับแม่เขาเช่นกัน นี่ ทิชา ลูกศิษย์ที่มหาวิทยาลัยผมเองแหล่ะครับ
ไหว้พระเถอะลูก
ค่ะ
มา มากินข้าวกันก่อน มีอะไรแล้วค่อยคุยกันทีหลัง คุณเนตรนภา เชื้อเชิญเด็กสาว อย่างเป็นกัน 

หลังจากรับประทานอาหารมื้อเช้าแล้ว 
คุณเนตรนภา เปรมกมล พร้อม ทิชา ก็มานั่งสอบถามเรื่องราวกันที่ห้องรับแขก
เรื่องมันเป็นยังไง หนู ถึงมาสลบอยู่หน้ารถของพ่อเปรม ลูกชายป้าล่ะ คุณเนตรนภา ถามเรื่องราวจากทิชาด้วยน้ำเสียงที่เป็นกันแอง เหมือนแม่ กับลูกสาวคุณหนึ่ง
ทิชา จึงค่อยพอนึกได้ว่า เมื่อคืนหลังจากที่ตน วิ่งออกจากบ้านมาก็ได้ถูกรถเฉี่ยว จน สลบไป ที่แท้เป็นรถของอาจารย์เปรมกมลนี่เอง

ทิชา มีแววตาเหม่อลอย เหมือนกำลังนึกถึงเรื่องราวเมื่อวานนี้พร้อมกับเริ่มเล่า เมื่อวานตอนบ่าย หนูขออนุญาตคุณพ่อคุณแม่ ไปเดินซื้อของที่ห้างสรรพสินค้า พร้อมกับสัญญากับที่บ้านว่าจะไม่กลับให้มืดนัก พอดีไปเจอกับเพื่อนสนิทสมัยมัธยม ที่ได้เจอกันมานาน พอเจอกัน ก็ทักกัน  จึงได้รู้ว่า เธอกำลังจะไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ โดยไปเที่ยวบินตอน 5 ทุ่ม ครึ่ง เพื่อนหนูชวนหนูไปส่งขึ้นเครื่อง เพราะ ไปคราวหนี เพื่อนคนนี้ เขาจะไปนาน อีกหลายปีคงไม่ได้เจอกัน หนูก็เลยคิดว่า ไปส่งเพื่อนขึ้นเครื่องคงไม่เป็นไรมาก จึงไปส่งเพื่อนขึ้นเครื่องบิน แล้วนั่งรถ TAXI กลับบ้าน  พอถึงบ้านทิชา เงียบสักพักพร้อมใบหน้าที่เริ่มเศร้าขึ้นมาทันที พอถึงบ้าน พ่อหนูไม่ยอมฟังเหตุผลหนู มาถึงก็ผลักหนูไปติดข้างฝาบ้าน และตีหนูด้วยก้านมะยม หล่อนก้มหน้า เริ่มมีน้ำตาไหลออกมา  ไม่ฟังเหตุผลหนู หนูเจ็บและโกรธพ่อหนูมาก จึงได้วิ่งออกมาจากบ้านแล้วแล้วแล้วเพียงแค่นี้  
ทิชา ก็ร้องไห้ออกมาอย่างไม่อายใคร จนอาจารย์เปรมกมลที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ต้องหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาส่งให้เธอ

ในห้องรับแขก เงียบอยู่สักพัก จนคุณเนตรนภา ต้อง เอ่ยปากออกมา แล้วหนูคิดว่าไงล่ะ

หนูคิดว่า พ่อไม่รักหนู ถึงทำกับหนูอย่างนี้ ทิชา พูดไปสะอื้นไป
ไม่จริงหรอก คุณเนตรนภา เอ่ยขึ้นมาลอย ๆ เพื่อสะกิดใจ ทิชา
ทำไมคะ คุณพ่อหนู ตีหนู ยังกะไม่ใช่ลูกของท่าน หนูเจ็บนะค่ะ ขนาดคุณแม่มาห้าม คุณพ่อก็ไม่ยอมหยุด
 ที่พ่อหนู ตีหนูให้เจ็บวันนี้ เพื่อไม่ต้องการให้หนูไปเจ็บในวันข้างหน้า คุณเนตรนภา เริ่มให้สติ ทิชา หากวันนี้ พ่อหนูไม่ตีหนู แล้วหนู ไปเกิด อันตรายในวันข้างหน้า คนที่จะเสียใจ ไม่ใช่หนู แต่จะเป็น ตัวคุณพ่อหนูและแม่หนูเอง ทิชา ฟังอย่างเริ่มคิด หนูกลับบ้านมืด ๆ ค่ำ ๆ พ่อแม่ทุกคนย่อมเป็นห่วง กลัวว่า จะเกิดอันตรายกับลูกตนเอง ต้องอดหลับ อดนอน เพื่อรอเวลาที่ให้ลูกตัวเองกลับถึงบ้านอย่างปลอดภัย
อันตรายตอนกลางคืนมีมากมาย เขาย่อมห่วงลูกตนเองเป็นธรรมดา
หนูคงไม่รู้หรอกว่า คนที่เขาตีหนู หนูไม่ได้เจ็บคนเดียว ตัวคนตีก็เจ็บด้วย
ป้า เคยตี เจ้าเปรม ลูกชายตัวดีของป้า คุณเนตรนภา พูดพลางชำเลือง ไปทางอาจารย์เปรมกมล
มือป้าตี แต่ใจป้าเจ็บ เจ็บเหมือนใครเอาอะไรแหลม ๆ มาทิ่มที่ใจป้า แต่ป้าต้องทำ
ใช่ แล้ว ทิชา ถ้า แม่ไม่ตี เมื่อวันนั้น อาจารย์ คงไม่ได้มาเป็นอาจารย์สอนเธอในวันนี้แน่นอน อาจารย์เชื่ออย่างนั้น เปรมกมล สนับสนุนแม่ตนเองพร้อมกับส่งสายตายิ้มให้ลูกศิษย์ของตัว

ทิชา เงียบพักใหญ่ แล้วจะให้หนูทำอย่างไรล่ะค่ะ หล่อนก้มหน้าที่เปื้อนไปด้วยคราบน้ำตา ถามอย่างเบา ๆ
สองแม่ลูกหันสบตาแล้วยิ้มให้กัน กลับไปถึงบ้านกราบเท้าคุณพ่อ แล้วสัญญา กับท่านว่า จะไม่ทำอย่างนี้อีก คุณเนตรนภา พูดสอน อย่างให้ความอบอุ่นแก่ทิชา ทางวาจา
พ่อแม่ ทุกคน ล้วนรักลูกของตัวเอง หากโกรธ ก็โกรธได้ไม่นานหรอก เชื่อป้าเถอะ

เดี๋ยวอาจารย์จะไปส่งที่บ้าน เปรมกมล อาสาเป็นสารถี ไปส่งที่บ้าน ทิชา ไป

ค่ะ  ทิชารับแต่โดยดี พร้อมกับกราบเท้า ขอบคุณ คุณเนตรนภา ที่ช่วยเตือนสติ ตน
จ๊ะ คุณเนตรนภา ลูบหัว ทิชาเบา ๆ มีปัญหาอะไร ก็มาคุยที่บ้านป้าได้เสมอนะ ดีซะอีก ป้าจะได้มีเพื่อนคุย เพราะเจ้าเปรม ลูกป้าไม่ค่อยอยู่บ้านหรอก ออกทุกวัน ไม่วายที่คุณเนตรนภาจะแหนบลูกชายของตน ทำให้ทิชายิ้มออกมาบ้าง 
ขับรถพา หนูทิชา เขากลับบ้านดี ๆ ล่ะพ่อเปรม คุณเนตรนภา เดินออกมาส่งทิชา ที่รถเซฟิโร สีเหลืองคันหรู
ครับคุณแม่ เปรมกมลยิ้มรับคำ พร้อมกับเคลื่อนพาหนะคู่ใจ ออกจากประตูรั้วบ้านไป

.....................

เหตุการณ์ผ่านพ้นไปด้วยดี หรือ ?				
7 ธันวาคม 2548 10:02 น.

กว่าจะรู้...ตอนที่ 1

วิญญาณศิลา

กว่าจะรู้ 

โครม เพล้ง  แจกันดอกไม้ ที่ตั้งอยู่บนโต๊ะโชว์ ข้างฝาบ้าน ตกกระทบสู่พื้น แตกละเอียดไม่มีชิ้นดี ตามแรง กระเด็นของทิชา 

คุณ  เบา ๆ หน่อยสิค่ะ ชลทิพย์ ตะโกน เสียงหลง สุดเสียง เมือเห็น ชานนท์ ผู้เป็นสามีของตนผลัก ทิชา บุตรสาวอย่างแรง ด้วยความโมโห ในขณะที่อีกมือถือก้านมะยม ที่พร้อมจะฟาด บุตรสาวของตนซ้ำ ถ้า ไม่มีคนยั้งมือเอาไว้ มีอะไรก้อ พูดกันดี ๆ ก็ได้นิค่ะ เธอ ยังตะโกนเสียงหลง กลบอารมณ์ฉุนเฉียวของสามีเธอ

นี่กี่โมงกี่ยามกันแล้ว ผู้เป็นสามีหันมาตะหวาด ใส่หน้าภรรยา ที่กำลังหน้าเสียอยู่ ก่อนจะหันไปมองทิชา ลูกสาวของตนที่นั่งทรุดอยู่ข้างแจกันที่แตกละเอียดเหล่านั้น ที่มีใบหน้าเปื้อนไปด้วยน้ำตา และเสียงสะอื้น นี่มันเที่ยงคืน นังลูกไม่รักดี บอกมาไปไหนมา ชานนท์ยังขู่ตะคอก ลูกสาวของตนอย่างฉุนเฉียว

คือ ทิชา จะพยายามพยุงตัวขึ้นมาเพื่อจะอธิบายเหตุผล แต่ ผู้เป็นพ่อ ไม่เปิดโอกาส เดินตรงไปพลักให้ทิชา ทรุดลงไปนั่งกองกับพื้นที่เดิม ทำให้หล่อนต้องก้นจ้ำเบ้า ที่เดิมพร้อมกับมีเสียงสะอื้นมากยิ่งขึ้นจากทั้งแม่ทั้งลูก

คุณ เบา ๆ หน่อยสิ นั่นลูกสาวเราน่ะ ชลทิพย์ ตะโกน ใส่หน้า พร้อมกับน้ำตาที่ไหลอาบแก้มของเธอเช่นกัน

ด้วยความขุ่นใจของทิชาเช่นกันที่ ไม่มีโอกาสที่จะอธิบายเหตุผลให้กับผู้เป็นพ่อ เพิ่มอารมณ์โทสะให้เธอไม่น้อย จึงตะโกน ใส่หน้าชานนท์ผู้เป็นพ่อ ไปแบบ ไม่ทันยั้งคิด  หนูโตแล้วนะค่ะพ่อ เสียงสะอื้นยังคงมีอยู่

กลับเพิ่มความโกรธ ให้เขา อย่างไม่แพ้กัน  อ้อ นี่ ปีกกล้าขาแข็ง ถียงพ่อได้แล้วเหรอ พร้อมกับ หวดก้านมะยม กระหน่ำใส่ ทิชา อย่างไม่ยั้งเพราะความโกรธ ลูกสาว ก้อได้แต่ปัดป้อง พร้อมกับ กะโกนแข็งกับเสียงของพ่อไป พ่อใจร้าย ไม่ฟังหนู 

คุณ จายเย็น ๆ ด้วยลูกก็ตายกันพอดี

ดี ให้มันตาย ๆ ไป นังลูกเลวพรรณนี้

หนูไม่รักพ่อหนูเกลียดพ่อ

เออ ให้มันตาย ๆ ไปเลย พร้อมกับฟาดก้านมะยมไม่ยั้งโดยไม่มีใครทันสังเกตว่า ใบหน้าของชานนท์ผู้เป็นพ่อ ก็มีน้ำตาหลั่งออกมาไม่น้อยเช่นกัน

คุณณณณณณ ชลทิพย์ ตะโกน แข็งกับเสียงพ่อลูก พร้อมกับมือของตนที่พยายามคว้ามือของสามีให้หยุดเฆี่ยนลูกสาว แต่แรงผู้หญิงอย่างเธอไม่สามารถที่จะหยุดอารมณ์ฉุนเฉียวของสามีหล่อนได้

 หนูไม่รักพ่อแล้ว ทิชา ตะโกนสุดเสียง พร้อมกับ กระเด้งตัวขึ้น พร้อมกับวิ่งหนีออกไปทางประตูหน้าบ้าน พร้อมวิ่งออกไปจากบ้านโดยไม่คิดชีวิต  โดยชานนท์พยายามวิ่งไล่ตาม แต่โดนชลทิพย์ รั้งตัวไว้ ก่อนที่เขาจะวิ่งตามทัน

 ไป ๆ เลย แล้วไม่ต้องกลับมาบ้านอีก ไป ให้ไกล ๆ เลยชานนท์ยังตะโกน ไล่หลัง โดยมีภรรยาของเขา รั้งตัวเอาไว้ คุณพอก่อนเถอะ ไง ๆ ก็ลูกสาวเรา

ลูกสาวเรามันทำตัวอย่างนี้นะ เราไม่มีลูกสาวอย่างนี้

  คุณ.ค่ะเสียงตะโกนทะเลาะกันไล่หลังทิชาออกมา จนทิชาวิ่งไกลจนมาถึงหน้าปากซอย พร้อมกับน้ำตาที่ยังไหลอาบแก้มทั้งสองข้างอยู่

-----------------------------------
-----------------------
--------
-
-
-
-

เอี๊ยดดดดดดดดดดด เสียงเบรค อย่างฉับพลันของเซฟิโรสีเหลืองคันหรู เมื่อมีสิ่งเคลื่อนไหวผ่านหน้ารถคันงามอย่างรวดเร็ว เอี๊ยดดดดด.ดดดด  โครม 

บทสรุปแห่งความวุ่นวายจะเป็นอย่างไรหนอ?				
1 กุมภาพันธ์ 2548 20:59 น.

กลโกงมหาโจร ตอน 1

วิญญาณศิลา

กลโกงมหาโจร 

.....มีนักโทษ 4 คน ต้องจำคุกฐานเป็นโจรปล้น คืนหนึ่ง โจร 4 คนนี้ พากันหลบหนีออกมาจากคุกได้ แล้วได้ไปบวชเป็นสงฆ์ กับต้นโพธิ์ ปลายชายแดนแห่งหนึ่ง จากนั้น จึงปลอมเป็นพระธุดงค์ หนีไปอยู่เสียเมืองไกล ทำทีเป็นธุดงค์ เที่ยวสัญจร ไปตามมรรคคา ในตำบลต่าง ๆ ครั้น ไปถึงตำบล ๆ หนึ่งพบวัดร้าง วัดหนึ่ง ยังพอมีโบสถ์ พออาศัยได้ จึงเข้าไปปักกรด และทำทีเข้าจำพรรษา อยู่ด้วยกัน ณ โบสถ์ วัดร้างแห่งนั้น

......ชาวบ้านที่อาศัยไม่ไกลจากโบสถ์ เห็นมีพระธุดงค์ มาจำพรรษา ณ วัดร้างแห่งนั้น ต่างหลงเชื่อว่า เป็นสงฆ์บริสุทธิ์ ก็พากันเลื่อมใส ศรัทธา อาราธนา ให้จำพรรษา เพื่อโปรดตน และจัดหา กัปปิยะ จังหัน มาทำบุญ ตักบาตร อลัชชีเหล่านี้ เสมอ ๆ 
ในหมู่ อลัชชีเหล่านี้ คนหนึ่งมีอายุมากกว่า คนอื่น ๆ ก็ตั้งตัวเป็นอาจารย์ใหญ่ เพื่อล่อลวงให้ชาวบ้าน นับถือนิยมตนยิ่งขึ้น 

.....ไม่นานนักชาวบ้านก็นับถือ พากันมาขอน้ำมนต์รดบ้าง ขอตะกรุด ผ้าประเจียด วัตถุมงคลต่าง ๆ บ้าง เนือง ๆ  ถ้าชาวบ้าน ปล่อยช้าง ม้า โค กระบือ ออกไปหากิน โดยไม่มีคนเลี้ยง หรือคนเลี้ยงเผลอลงในคราวใด พวก อลัชชี 4 คนนี้ ก็ออกลัก ช้าง ม้า โค กระบือ ไปผูกซุ่มซ่อน เสียในป่ารก ถ้าชาวบ้าน มาหาขอให้จับยามดู คนที่เป็นอาจารย์ใหญ่ ก็ทำทีเป็นนั่งหลับตาจับยาม แล้วก็บอกว่า ของยังอยู่ ให้เจ้าของไปติดตามทางทิศ ที่ตนลักเอาไปผูกซ่อนไว้ เจ้าของไปตาม ก็สมคำที่อาจารย์บอก ได้ทำดังนี้เนือง ๆ มาหลายครั้ง ชาวบ้านก็ยิ่งพากัน รักใคร่นับถือ ยึดถือเป็นสรณะ ยิ่งขึ้น 

.....นานวันชาวบ้าน จึงช่วยกันออกทรัพย์ สร้างกุฎีให้อาศัย และสร้างศาลาการเปรียญ ปฏิสังขรณ์ อุโบสถวิหาร แผ้วถาง ปัดกวาด วัดวาอารามก็ครึกครื้นขึ้น แต่พวกอลัชชี 4 คนนี้ ก็ได้ลอบประพฤติตน เป็นลามกต่อเพศสมณะต่าง ๆ คือต้มกลั่นสุรากินกันในเวลากลางคืนทุกวัน 
ชาวบ้านก็ยังไม่รู้ และยังได้ทำบุญถวายเครื่องใช้สอย ทั้งยังรับอุปฐากส่ง จังหัน อย่างอุดมสมบูรณ์อยู่เสมอ 

.....พวกอลัชชี จะต้องการสิ่งใด หรือสั่งชาวบ้านให้ทำอย่างไร ชาวบ้านก็เชื่อถือ จัดหามาถวายและทำตามทุกประการ เพราะชาวบ้านไม่ทราบความชั่วของอลัชชี ทั้ง 4 คนนี้				
25 พฤศจิกายน 2547 15:46 น.

ต้นไม้ประหลาด สงครามแย่งกล้วย

วิญญาณศิลา

.....ฤดูนี้เป็นฤดูฝน ฝูงลิงฝูงหนึ่งมี ๘ ตัว มีลิงหนุงตัวหนึ่ง เป็นผู้มาพบต้นไม้ประหลาดเข้า ลิงหนุ่มผลไม้ จากต้นไม้ประหลาดต้นนั้นมากัดกิน 

กึก...กัดไม่เข้า 

มันสงสัยว่าทำไมกัดไม่เข้า มันจึงขว้างทิ้งแบบลิง ไปไกล ๆ แล้วทันใดนั้นก็เกิดเสียงระเบิดอย่างรุนแรง "บรึ้ม ๆๆๆ" 

มันเป็นต้นไม้ระเบิด...ลิงตัวนั้นคิด เมื่อลิงตัวนั้นรู้ว่า มันเป็นต้นไม้ที่เป็นอาวุธร้ายแรง มันจึงไปบอกให้ลิงทั้ง ๗ ตัว รู้ว่า มันมีต้นไม้อาวุธนั้น มันจึงขอจองแต่ผู้เดียว

ลิงอีก ๗ ตัว ไม่พอใจ จึงหาโอกาสขโมยผลไม้ประหลาดไปเพาะพันในอาณาเขตของมันเอง

ดังนั้น ลิงทุกตัวจึงมีต้นไม้ประหลาดที่เป็นระเบิดอยู่ในอาณาเขตของพวกมันเอง

การสะสมอาวุธจึงเกิดขึ้น 
๘ ลิง กลัวว่า พวกมันตัวใดตัวหนึ่งจะมีต้นไม้อาวุธมากกว่ามันเอง 

พวกลิงจึงไปตัดต้นไม้ที่เป็นประโยชน์ต่อชีวิตทิ้ง แล้วมันก็ไปเพาะพันธ์ต้นไม้ประหลาด ต้นไม้ระเบิดนั้นแทน

ป่าทั้งป่าจึงเด็มไปด้วยต้นไม้ระเบิดเหล่านั้ พวกมันจึงไม่มีอาหารกิน

โชคดีที่เหลือกล้วยต้นสุดท้าย ที่จะกินเป็นอาหารได้

สงครามแย่งชิงกล้วยจึงเกิดขึ้น

การเจรจาโต๊ะกลมจึงเกิดขึ้น พวกมันต้องการที่จะเป็นเจ้าของต้นกล้วยนั้น แต่ไม่มีตัวใดตัวหนึ่งยอม เพราะพวกมันต้องการแย่งกันเป็นเจ้าของเนื่องจากท้องหิว เมื่อตกลงกันไม่ได้ สงครามจึงเกิดขึ้น 

พวกมันต่างปลิดผลไม้อาวุธมาขว้างโจมตีกัน จนเกิดเสียงสนั่น ดังไปทั่วทั้งป่า ที่พวกมันอยู่

"บรึ้ม ๆๆๆ" "บรึ้ม ๆๆๆ" "บรึ้ม ๆๆๆ" "บรึ้ม ๆๆๆ" "บรึ้ม ๆๆๆ" 

การบาดเจ็บ ล้มตาย จึงมีขึ้น 

๘ ลิง ตาย ๕ เหลือ ๓ 

พวกมันจึงได้สำนึกในการทำสงคราม 
๓ ลิง จึงตัดต้นไม้ระเบิดนั้นทิ้งแล้วทำลายเสียโดยไม่เพาะพันธ์ไม้ระเบิดนั้นอีกเลย แล้วนำหน่อกล้วย หนอนั้นมาขยายพันธ์แทน

ในอดีตเคยทำลายล้างกันมาด้วยระยะเวลาอันสั้น

๓ ลิง จำได้ดี และจะไม่หันกลับไปสู่อดีตที่มีความสูญเสียนั้นอีก...แล้วมนุษย์ล่ะ ?				
10 พฤศจิกายน 2547 20:09 น.

นิมิตมายา

วิญญาณศิลา

เบื้องหน้าถนนอันยาวไกล ทอดไปไม่เห็นที่สุดของปลายทาง

ในขณะนี้ฉันยืนอยู่คนเดียวที่ต้นทางถนนเส้นนี้มันตั้งแต่เมื่อไรนะ ที่เรามายืนอยู่ตรงนี้ จำได้ว่าครั้งสุดท้ายที่เราจำได้ เรากำลังยืนอยู่ ยืนอยู่กับ  ณัฐชา สุดที่รักของฉัน ตรงริมฝั่งของแม่น้ำโขง  ศรีสะเกษ เรากำลังทำอะไรนะ ? 

เออใช่ เรากำลังขอเธอแต่งงานอยู่ ตอนที่ชมบั้งไฟพญานาคในวันออกพรรษา หลังจากที่เราคบกันมาได้ 5 ปี   แล้ว แล้วทำไม เราถึงมาอยู่ที่นี่ แล้วที่นี่คือที่ไหน ? แล้วเราจะถามใครได้ เพราะไม่เห็นใครอยู่เลยในบริเวณนี้สักคนเดียว

ขณะที่ความคิดของฉันกำลังสับสนอยู่นั้น สายตาเหลือบไปเห็นคนกลุ่มหนึ่งประมาณ 10 กว่าคนกำลังเดินผ่านฉันไป ตามถนนเบื้องหน้านั้น 

ในใจฉันดีใจมากที่เห็นคนเดินสวนฉันไป ฉันตะโกน ไปยังคนกลุ่มนั้นทันที    คุณ ๆ ที่นี่ที่ไหนกัน ? ผมมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง ? แล้วพวกคุณกำลังจะไปไหนกัน ?
 
ไม่มีเสียงตอบกลับมาจากบุคคลกลุ่มนั้น แม้สักคนเดียว

คนกลุ่มนั้น แต่ล่ะคนแต่งกายชุดขาว เหมือนคนถือศีลในวันพระ แต่วิจิตรกว่าเพราะมีเพชร ประดับตามผ้าเป็นลาย ๆ กันหมดทุกคน แต่ล่ะคนเดินไปอย่างมีระเบียบ เงียบเชียบไม่มีเสียงคุย ไม่มีกระทั่งเสียงฝีเท้า

  แต่มีชายคนอยู่คนหนึ่ง ที่เดินนำบุคคลเหล่านั้น แต่งตัวดูพิเศษกว่าคนอื่น ลักษณะการแต่งกายของบุคคลผู้นั้น ไม่ใส่เสื้อมีเพียงสร้อยสังวาล สีทอง ประดับด้วยพลอยนพรัตน์ พาดไขว้ หน้าอก นุ่งจุงกระเบนเป็นลายดอกพิกุลสีทอง ดูสวยงามเป็นยิ่งนัก รองเท้าที่บุคคลผู้นั้นใส่ ดูคล้ายกับว่าเป็นทองคำแท้ 

เขาเดินนำบุคคลคนกลุ่มนั้นไปโดยเหลียวมามองฉันแป๊บ แล้วพยักหน้าเป็นเชิงว่าให้ฉันตามเขาไป 

ฉันหงุดหงิดมากแต่ไม่รู้จะทำยังไงดี เพราะตะโกนถามไป ก็ไม่มีเสียงตอบกลับมา เหมือนกับเสียงตะโกนไปในที่ว่างเปล่า 

ทางที่ดีที่สุด คือ ต้องเดินตามคนกลุ่มนั้นไป เพราะหากยืนอยู่เฉย ๆ ก็ไม่รู้ว่าจะไปทางไหนต่อ 

ต้องติดตามตอนต่อไป...				
Lovers  0 คน เลิฟวิญญาณศิลา
Lovings  วิญญาณศิลา เลิฟ 1 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟวิญญาณศิลา
Lovings  วิญญาณศิลา เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟวิญญาณศิลา
Lovings  วิญญาณศิลา เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงวิญญาณศิลา